มีรถ ผ่านมาเรื่อยๆ และสิ่งที่ผมเห็นคือรถเกือบทุกคันจะ ลดกระจกลงแล้วโผล่หน้าออกมาถามว่าจะ ไปไหน ถ้ารถเขาผ่านรายนั้นๆ ก็จะได้ติดรถไปด้วย
คน ที่อยู่ไม่ไกลไปกันเกือบหมดแล้ว จะ เหลือก็พวกที่อยู่แถวประทาน พร บางขัน นวนคร และก็ตัวผม ประตูน้ำพระอินทร์ รวมแล้วน่าจะประมาณ 17 คน เรารออยู่ประมาณสองชั่วโมงจึงมีรถ โฟร์วีลคันหนึ่งผ่านมา คนขับหน้าตายังวัยรุ่นเปิดกระจกออก มาถามพวกเราว่า "มีไค รไปนวนครไหม๊?" เท่านั้นแหละทุกคนต่าง ยิ้มแก้มแทบปริ พวกเรารีบทยอยขึ้นรถ บ้างก็ช่วยดึงกันขึ้น บ้างก็ช่วยถือของโดยไม่ต้องเอ่ยปาก ขอ แต่สิ่งที่พวกเราลืมคิดกันตอนนั้นคือ จำนวนคนกับรถมันไม่เหมาะสมกัน เนื่อง จากโฟร์วีลกระบะมันเล็ก จุได้แค่ 12 คน ที่ เหลืออีก 5 คนคือ ไอ้หนุ่มนักศึกษากับแฟน ลุงแก่ทั้งสอง และผม พวกเรามองหน้ากัน พี่ ผู้ชายมีหนวดเอ่ยปากขึ้นว่าพวกคุณไป กันก่อน เดี๋ยวผมรอคันหลัง ว่าแล้วก็โดดผลุงลงมาเพื่อให้แฟนสาว ของไอ้หนุ่มนักศึกษาขึ้นไปแทน แฟนไอ้หนุ่มนักศึกษาบอกไม่เป็นไรให้ ลุงไปก่อนดีกว่าเดี๋ยวหนูกับแฟนรอไป คันหลัง และอีกหลายคนก็แสดงเจตจำนงที่จะเสีย สละ
แต่ แล้วสิ่งที่ทำให้ผมแทบกลั้นน้ำตาไว้ ไม่อยู่ก็คือ ป้าที่นั่งอยู่ลุกขึ้นแล้วพูดว่า"ถ้า ไปก็ต้องไปด้วยกันหมด" ให้พวกเราทุกคนยืนขึ้นก็จะมีที่พอ สำหรับทุกคน จริง อย่างที่แกพูด พวก เราที่เหลือขึ้นมาบนรถได้ จากนั้นพวกเราก็ยืนกอดเอวกันไว้เป็น รูปวงกลมแน่นกระชับ จะได้ไม่ล้มเวลารถวิ่ง จากนั้น รถก็เริ่มวิ่งลุยน้ำไปเรื่อยๆ ช้าๆ
ในขณะนั้น สิ่งที่ผมสังเกตเห็นก็คือ รอยยิ้มจากมุมปากของทุกคน บางคนก็มีมุขให้พวกเราได้หัวเราะกัน สนุกสนานดูแล้วแทบไม่น่าเชื่อ ว่ากลุ่มคนเหล่านี้ไม่เคยรู้จักมัก จี่กันมาก่อนเลย และเมื่อถึงจุดที่มีคนลงรถ พวกเราก็จะล่ำลาและอวยพรให้กันและ กันเหมือนประหนึ่งกับญาติตัวเองไม่มีผิด จนในที่สุดรถก็วิ่งมาถึงนวนครซึ่งเป็น จุดสุดท้าย พวกเราที่เหลือลงจากรถแล้วก็เดินไป ไหว้ขอบคุณเจ้าของรถ แล้วผมก็โบกมือลาไอ้หนุ่มนักศึกษากับแฟนเพื่อเดินต่อจากนวนครไปประตูน้ำพระอินทร์ ผมเดินไปยิ้มไป ฮำเพลงบ้าง ผิวปาก บ้างอย่างอารมณ์ดี แบบที่ไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อนเลย เหตุการณ์ในวันนี้ทำให้ผมรู้ว่า "แสง สว่างนั้น ซ่อนอยู่หลังความมืดมิดเสมอ"
นาย หงส์แก่
|