เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ทีวีบูรพา

          "มอเตอร์ ไซค์ไต่ถัง" อาชีพนี้เป็นอาชีพที่ให้ความบันเทิงมาเนิ่นนานตั้งแต่สมัยรุ่นปู่ รุ่นพ่อของเรา ถึงแม้ว่าทุกวันนี้จะมีความบันเทิงใหม่ ๆ เข้ามาหลายรูปแบบ... แต่เพราะเหตุใดกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า "คณะรถไต่ถัง" ถึงยังต้องเอาชีวิตตัวเองแขวนไว้บนเส้นด้าย กับอาชีพที่ใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน ซึ่งพลาดไม่ได้แม้สักวินาทีเดียว

          เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ทางรายการ "คนค้นฅน" ได้พาไปติดตามเรื่องราวชีวิตของ "ตุ๋ย กระดูกเหล็ก" หรือ "วรวุฒิ กัลยาณพันธ์" นักขี่มอเตอร์ไซค์ไต่ถัง เบอร์ 1 ของเมืองไทย เจ้าของกิจการยืนยงพานิช ว่าเพราะอะไรทำไมถึงใช้ชีวิตแบบท้ามฤตยูเช่นนี้...

           โดย ตุ๋ย กระดูกเหล็ก กล่าวว่า อาชีพนี้เหมือนเป็นอาชีพมรดก เป็น อาชีพของคุณพ่อที่ทำมานานแล้ว ซึ่งครั้งแรกที่ตนเริ่มจับงานตรงนี้ก็เป็นเพราะว่า ไม่มีใครทำ ตนเห็นแม่ไปง้อให้คนอื่นมาขี่ให้ ง้อได้บ้างไม่ได้บ้าง ตนเลยไปคว้ามอเตอร์ไซค์แล้วบิดขึ้นถังเลย แต่ทั้งนี้ก็ต้องฝึกเพิ่มเติมอะไรหลาย ๆ อย่าง เพื่อจะขับได้คล่อง สำหรับอาชีพนี้ ส่วนมากนักขับขี่ทั่วไปเขาจะขี่เพราะความอยากลอง อยากสนุก แต่สำหรับตน ตนขี่ก็เพื่อครอบครัว

            ส่วนการทำงานของตุ๋ยนั้น เขาเล่าให้ฟังว่า... ทางคณะของเรามีถังขนาดยักษ์เส้นผ่าศูนย์กลาง 18 เมตร สูง 6 เมตร ประมาณตึก 2 ชั้น โดยใช้เวลาติดตั้งประมาณ 3 วัน ซึ่งเราก็จะตระเวนไปทั่ว ที่ไหนมีงานติดต่อมาก็รับ ไม่ว่างานเล็ก งานใหญ่ ตนรับโชว์หมด สำหรับ การแสดงนั้น ถ้าถามว่ามีเครื่องมือป้องกันไหม ไม่มีเลย ตนใช้ชุดธรรมดา รองเท้าผ้าใบเฉย ๆ ส่วนท่าโชว์นั้นก็จะมีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นท่าปล่อยมือ ยืนขาเดียว เปลี่ยนเสื้อ ปิดตา แล้วก็ขับผาดโผนขึ้น ๆ ลง ๆ

           "การ ขี่มอเตอร์ไซค์แบบนี้ ส่วนตัวผมคิดว่ามันก็เหมือนขี่มอเตอร์ไซค์ธรรมดา ความเร็วที่ขับ ผมก็ขับ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น แรก ๆ มันก็มีปวดหัวบ้าง แต่นาน ๆ ไปก็เริ่มปรับตัวได้ อาศัยความเคยชินเอา ส่วนเรื่องพลาดก็มีกันบ้าง ผมเคยตกมาหลายรอบ ตกระหว่างโชว์อยู่นี่แหละ บางทียางก็แตก โซ่หลุด เครื่องน็อก ที่เหยียบหัก ซึ่งก่อนซ้อมผมก็ดูอย่างดี แต่อะไรที่ไม่คาดฝันมันก็เกิดขึ้นได้เสมอ ส่วนที่พลาดแล้วเจ็บหนักก็คือกระดูกสันหลังเคลื่อน การเล่นแต่ละครั้งเราต้องมีสมาธิ ประมาทไม่ได้เลย" ตุ๋ย กระดูกเหล็ก กล่าว

          ต่อมา ตุ๋ย กระดูกเหล็ก ก็ได้พาพิธีกรไปขับรถปิกอัพไต่ถัง ซึ่งเขาบอกว่าเป็นเจ้าเดียวในประเทศไทยที่ยังขับอยู่ โดยพิธีกรก็กล้า ๆ กลัว ๆ แต่ในที่สุด ก็ตัดสินใจลองขึ้นไปนั่งบนรถกับ ตุ๋ย กระดูกเหล็ก และเมื่อเสร็จสิ้นการแสดงนี้ พิธีกรก็ออกอาการหน้ามืด วูบ ๆ และเหงื่อแตก ส่วนทาง ตุ๋ย กระดูกเหล็ก ก็หัวเราะชอบใจ พร้อมกล่าวว่า กว่าที่ตนจะขับได้เช่นนี้ มันต้องฝึก และปรับตัวอะไรมากมาย ต้องอาศัยจังหวะ และความรู้สึก ซึ่งตนก็ต้องสลัดความกลัวออกไป และทำมันให้ชิน เพราะมันเป็นอาชีพของตน

          ส่วน ชีวิตประจำวันของ ตุ๋ย กระดูกเหล็ก ผู้ยึดอาชีพผาดโผนนั้นเป็นไปอย่างเรียบง่าย กินง่าย อยู่ง่าย เพราะต้องเดินทางอยู่ตลอดเวลา เขามีรถคู่ใจที่พาเขาไปในทุก ๆ ที่ พร้อมตกแต่งอย่างสวยงามเลยทีเดียว ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า... "รถคันนี้เป็นของผมเอง เพิ่งซื้อได้มาปีกว่า ๆ ถือว่าเป็นรางวัลให้กับชีวิตของผม ส่วนข้างในนั้นผมแต่งเองหมดเลย (ยิ้ม) ชีวิต ของผมมันไม่ได้ปกติเหมือนคนอื่นเขา ผมต้องใช้ชีวิตอยู่บนเส้นด้าย ทุก ๆ วัน ผมเลยอยากซื้อความสุขให้กับชีวิต ทำให้ทุก ๆ วันของผมมีความสุข แต่ก็ต้องไม่เดือดร้อนใครนะ เพราะวันพรุ่งนี้ ผมไม่รู้ว่า ต่อไปเราจะมีความสุขได้อย่างนี้หรือเปล่า เพราะอาชีพของเรามันเสี่ยงมาก ที่ว่าเซฟแล้ว บางครั้งมันก็พลาดได้ จะห้อยพระกี่องค์กี่องค์ก็ช่วยไม่ได้"

       นอกจาก ตุ๋ย กระดูกเหล็ก จะทำอาชีพที่เพื่อสืบทอดมรดกชีวิตของครอบครัวแล้ว ยังต้องคงอาชีพนี้ไว้เพื่อเลี้ยงลูกน้อง ซึ่งการอยู่รอดในแต่ละปีนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว โดยเฉพาะฤดูฝนที่งานเทศกาลต่าง ๆ แทบไม่มี ...

       "โครง นี้สร้าง 3 วัน มีงาน 10 วัน รื้อถอน 2 วัน และก็ย้ายไปที่ใหม่ทำแบบนี้เป็นประจำเรื่อย ๆ แต่ตอนนี้มันเป็นช่วงหน้าฝนคนมักไม่ค่อยเดิน เลยต้องหาเช่าที่เพื่อเปิดการแสดงเพื่อเลี้ยงลูกน้อย ถ้าถามว่ารายได้น้อยที่สุดได้เท่าไร ก็คงต้องตอบว่าไม่ได้เลย ส่วนรายได้ที่มากที่สุด ก็ตกคืนละ 7-8 หมื่น ถ้างานไหนงานใหญ่ และเป็นวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ บางวันก็แตะหลักแสน แต่ทั้งนี้ เมื่อหักค่าขนย้าย ค่าเช่าที่ ค่าลูกทีม มันก็เหลือไม่กี่บาท"

      ตุ๋ย กระดูกเหล็ก กล่าวต่อว่า ด้วยความที่ต้องประสบปัญหาหน้าฝนที่เลี่ยงไม่ได้ทุกปี ตนจึงสั่งทำลูกโลกยักษ์ขึ้น เพื่อประหยัดเงิน และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อีกทั้งยังติดตั้งง่าย และใช้พื้นที่น้อย โดยตนเห็นโชว์ครั้งแรกในต่างประเทศ เลยอยากลองทำดูบ้าง แต่โชว์นี้มันจะเพิ่มความเสี่ยงเข้าไปอีก ซึ่งก็ต้องเสี่ยงเพราะเพื่อความอยู่รอดของลูกทีม และโชว์นี้มีของตนเจ้าเดียวในประเทศ ซึ่งก็สามารถเรียกลูกค้าได้เป็นอย่างดี และที่ทำเพื่อไม่ใช่หนีคู่แข่ง แต่เป็นการหนีตัวเองมากกว่า มันต้องลองทำอะไรแปลกใหม่บ้าง

       หนุ่มอายุ 30 คนนี้ ที่สัมผัสประสบการณ์เสี่ยงตายมาตลอด 15 ปี ได้กล่าวถึงวันข้างหน้าว่า ก่อน หน้านี้ตนก็มีคิดบ้างว่าอยากจะเลิกทำอาชีพนี้ แต่มันเป็นมรดกของพ่อที่ให้ตนมา ถ้าตนไม่ทำแล้วใครจะทำ จะให้คนอื่นทำมันก็ดูแลยาก ตนเลยทำเอง สำหรับอาชีพนี้ มันเริ่มต้นขึ้นจากความกลัว ต่อมามันก็ปรับตัวได้ จนกลายเป็นความสนุก แต่พอถึงจุด ๆ หนึ่งตนก็เริ่มรู้สึกอิ่มตัว คราวนี้ก็กลับมากลัวอีกครั้ง กลัวว่าจะขับไม่ไหว อีกทั้งยังต้องรับผิดชอบอีกหลายชีวิต แต่ทั้งนี้ ตนก็ยืนยันว่า จะยึดอาชีพนี้ต่อไปจนกว่าตนจะขับไม่ไหว...

        ถึง แม้ว่า... การแสดง "รถมอเตอร์ไซค์ไต่ถัง" จะไม่ค่อยเป็นที่นิยมสักเท่าไรแล้ว แต่พวกเขาก็ภาคภูมิใจในอาชีพสุดเสี่ยงนี้ ไม่ว่าจะมีผู้ชมมากน้อยเพียงใด เขาก็พร้อมที่จะแสดงอย่างสุดฝีมือ... เพื่อให้คุณผู้ชมประทับใจในการแสดงของเขา.. ตุ๋ย กระดูกเหล็ก

Create Date : 10 กรกฎาคม 2555
Last Update : 10 กรกฎาคม 2555 8:29:35 น.		0 comments
Counter : 2852 Pageviews.
Share Tweet