All Blog
มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 9 (ต่อ)





บรรยากาศในร้านดอกไม้พริมโรสวุ่นวายสับสน เต้ยกำลังส่งมอบดอกไม้ให้ลูกค้าคนนึง หลังรับเงินมาก็นำเงินเข้าเครื่องแคชเชียร์แล้วทอนเงินให้ กริสน์กำลังขนแจกันจำนวนมากไปเก็บ

ด้านพิมมาดากำลังยกกำกุหลาบจากหลังร้าน ออกมาใส่ตู้แช่ เต๋ากำลังจัดดอกไม้มือระวิง พลางพูดโทรศัพท์ไปด้วย
จังหวะหนึ่ง กริสน์ถือแจกันไปจากหลังร้านเพื่อจะไปวางที่ชั้น ส่วนพิมมาดาหลังจากที่เอาดอกไม้ใส่ตู้แล้ว กำลังจะเดินไปเอาดอกไม้จากหลังร้านมาเพิ่มอีก ทั้งสองเดินสวนกันและมาจ๊ะเอ๋กันกลางร้าน ต่างคนต่างชะงัก มองหน้ากันแล้วต่างเมิน เชิด เชอะหลบคนละทาง ขยับก้าวคนละก้าว แต่ดันก้าวไปทางเดียวกัน พอมองหน้ากันแล้ว พิมมาดาค้อน กริสน์ก้มหน้า แล้วก้าวหลบไปอีกทาง แต่ก็ดันก้าวไปทางเดียวกันอีก เหมือนเล่นดักกันไปกันมา
“ค่ะๆๆ เสร็จทันค่ะ อีกครึ่งชั่วโมงจะให้เด็กไปส่งนะคะ “ เต๋าพูดผ่านโทรศัพท์
กริสน์ พิมมาดาจำใจจ้องมองหน้าและสบตากัน ขณะนั้นกริสน์เกิดเผลอสะดุดแจกันจนเกือบหลุดมือ แต่กอดไว้ทัน พิมมาดาร้อง “ว้าย!!” ลืมตัว ผวาเข้าไปช่วยจับแจกัน
ทั้งสองอยู่ในท่าที่แนบชิดกันอย่างยิ่ง กริสน์สูดลมหายใจลึก รวบรวมสติ จับแจกันแน่น รีบผละออกห่าง พิมมาดาอึ้ง รีบสะบัด หันไปอีกทาง
“ฝากบอกเขาด้วยนะว่าให้ระวังหน่อย แจกันเซ็ทนี้แพงมาก แตกไปจะมาบอกว่าไม่ได้ตั้งใจอีก” พิมมาดาบอกให้เต๋าช่วยสื่อสาร
เต๋ากำลังจะอ้าปากบอก กริสน์ก็แทรกขึ้นมาซะก่อน
“เต้ย ฝากบอกคุณพิมด้วยนะ ว่าถ้ามันเกิดแตกเพราะมือผมละก็ ผมยินดีจะรับผิดชอบ”
เต้ยกำลังจะอ้าปากบอก พิมมาดาก็ขัดขึ้น
“เต๋า ฝากบอกเขาด้วยว่าไม่จำเป็น เพราะคนเงินเดือนต่ำ และวุฒิภาวะระดับนี้..คงไม่มีปัญญารับผิดชอบอะไรทั้งนั้น”
เต๋า กำลังจะอ้าปาก กริสน์ก็แทรกอีก
“เต้ย ฝากบอกคุณพิมด้วยนะ ว่า..บางที สิ่งที่มองเห็น อาจเป็นเพียงภาพลวงตา สิ่งที่นึกว่าก้อนหิน ที่แท้..อาจเป็นโคตรเพชรบะลึ่มหึ้ม”
เต้าเต้ยทนไม่ไหว โวยวาย
“โอ้ย! สองคนคุยกันเองตรงๆเลยดีมั้ยคะ ฝากกันไปฝากกันมางี้ ตัวกลางงงค่ะ”
“จริงด้วย อยู่ใกล้กันแค่นี้ฝากถามกันอยู่ได้ หรือกลัวว่าจะสปาร์คจึ๊ดๆๆ” เต้ยบอก
พิมมาดาหน้าตึง คว้ากระเป๋า หยิบโทรศัพท์ แล้วจ้ำอ้าวออกจากร้านไป กริสน์เผลอตัวคว้าแขนพิมมาดาเอาไว้
“คุณจะไปไหน”
“ไปชวนคุณแฮบปี้ไปทานข้าวเย็น สองต่อสอง ในสถานที่เงียบๆ คุณสุขสันต์เป็นคนมีสติยับยั้งชั่งใจ จะไม่ทำอะไรชุ่ยๆ ทุกอย่างที่เค้าทำ เกิดจากความตั้งใจจริง และมีมารยาทที่สง่างาม เต็มไปด้วยความจริงใจ ไม่เหมือนพวกผู้ชายมักง่ายอื่นๆ ใครไม่เกี่ยว..ห้ามแส่” พิมมาดาพูดประชด
“น่านไง” เต๋ากับเต้ยว่าขึ้นพร้อมกัน
กริสน์อึ้งสบตาพิมมาดา พิมมาดาสะบัดแขนออก แล้วออกไปทันที กริสน์เจื่อน ก้มหน้าซีด จัดวางแจกันไปให้เป็นระเบียบ
รถสุขสันต์แล่นเข้ามาจอดที่ริมน้ำของถนนสวยแห่งหนึ่ง พิมมาดานั่งอยู่เบาะหน้า สีหน้าเคร่งขรึม
“คุณพิมรับประทานน้อยจัง”
“พิมกลัวอ้วนน่ะค่ะ”
“ถ้าเป็นไปได้ การไปเที่ยวต่างจังหวัดที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกของเรา..ผมไม่ต้องการให้มีคนอื่นไปด้วยเลย..แม้แต่คนเดียว” สุขสันต์ค่อยๆเลื้อยมือมาโอบพาดบ่าพิมกลายๆ
พิมมาดามัวแต่จริงจังกับความคิดของตัวเองจึงไม่ทันรู้ตัว
“แต่มันคือการทำให้..เด็กๆกะคุณเข้ากันได้..เพื่อวันข้างหน้าของเรานะคะ”
สุขสันต์ยิ้มกรุ้มกริ่ม แล้วค่อยเอื้อมมืออีกข้างมาจับมือพิมมาดาที่วางอยู่ข้างตัวของเธอ
“ผมเข้าใจครับ..มันเป็นวิธีที่ไอ้เจ้ากริสน์..คนเลี้ยงเด็กมืออาชีพแนะนำ..เพื่อความราบรื่นของครอบครัว เรา..แต่..ความจริงแล้ว..ผมอยากอยู่กับคุณ..ตามลำพังสองต่อสองใจแทบขาด”
พิมมาดาหันมองสุขสันต์ต่างมองหน้ากัน สุขสันต์บีบมือพิมมาดาอย่างมีความหมาย พิมมาดาอึ้ง สุขสันต์ค่อยๆโน้มตัวมาใกล้ๆ จะจูบพิมมาดา พิมมาดานิ่งไป สุขสันต์หลับตาพริ้มเข้ามาใกล้ จนเกือบจะโดนริมฝีปากของพิมมาดา พิมมาดาสยึมกึ๋ยๆ รู้สึกรับไม่ได้ ขนลุก รีบผลักสุขสันต์ออกไปอย่างแรง สุขสันต์เซหงาย ไป ที่กระจกข้างคนขับ หัวโขกกระจกดัง โป๊ก!
“โอ้ย! คุณพิมนี่คุณเป็นอะไรของคุณน่ะ” สุขสันต์เริ่มยั๊วะ
“เอ้อ..เปล่าๆๆค่ะ ขอโทษคะ พิมไม่ได้ตั้งใจ คือ..คือพิม..พิมบ้าจี้น่ะค่ะ”
“พิมไม่ได้อยากให้ผมทำอย่างนี้หรอกเหรอ” สุขสันต์งงๆ
“ทำไมคุณแฮปปี้พูดอย่างนี้คะ”
“พิม เราสองคนไม่ใช่เด็กๆแล้วนะคะ หญิงสาวสวย..ชายหนุ่มหล่อ..อยู่ใกล้ๆกันแบบนี้ เราควรทำอะไรล่ะคะ”
“เราควร..ควร..ควร” พิมมาดาอึกอัก
สุขสันต์ลุ้นๆ
“เราควรกลับบ้านคะ”
พิมมาดาเปิดประตูรถแล้วลงไปทันที สุขสันต์เปิดประตูตามลงมา พิมมาดากึ่งเดินกึ่งวิ่งไปโบก แท๊กซี่ สุขสันต์ยืนหน้าเหวี่ยงหงุดหงิดอยู่ที่หน้ารถ
“คุณพิมครับ คุณพิม” สุขสันต์ตะโกนเรียกพิมาดาและหันมาพูดกับตัวเอง
“เป็นไรไปวะ เพราะเป็นเจ้าสาวที่กลัวฝนแบบนี้ไง ผู้ชายเจอเข้าไปถึงได้เผ่นหมด รออีกไม่กี่วันเถอะ เดี๋ยวไปเขาใหญ่จะจัดซะให้ติดใจเลย..หึๆ”
กริสน์กำลังกล่อมพวกเด็กๆให้เข้านอน แจ๊สนั่งกอดหมอนนิ่งๆหน้าตาเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ตลอดเวลา จีจ้าชะเง้อมองไปที่หน้าต่าง
“ป่านนี้ทำไมน้าพิมยังไม่กลับอีก เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า” จีจ้าพูดขึ้น
“ปากเสียน่ะจีจ้า” โจ๊กเตือน
“ปล่อยให้น้าพิมไปกะไอ้นั่นตามลำพังได้ไง ใครนะ โง่จัง” แจ๊สบอก
กริสน์หน้าเครียดขึ้นมาทันทีเพราะเป็นห่วงพิมมาดา ป๊อบคอร์นที่นั่งอยู่ขอบหน้าต่างเห่า โฮ่งๆ! พวกเด็กๆรีบกรูไปที่หน้าต่าง พิมมาดาเดินเปิดประตูเข้ามาอย่างอ่อนแรง
“นั่นไงน้าพิมกลับมาแล้ว” โจ๊กบอก
“งั้นก็เข้านอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องออกเดินทางกันแต่เช้า” กริสน์บอก
“ใช่ พวกเราจะมุ่งหน้าไปทวงมรดกให้ทายาทตัวจริงคนนี้ ใช่มั้ยพี่โจ๊กพี่แจ๊ส” จีจ้าบอก
จีจ้าผายมือไปที่กริสน์ กริสน์อมยิ้มขำๆ แจ๊สนิ่งไม่ได้ยินสิ่งที่จีจ้าพูด จีจ้าเขย่าแขนแจ๊ส
“พี่แจ๊สๆๆ”
แจ๊สผุดลุกขึ้นยืนเหมือนคิดอะไรออก
“ใช่แล้ว” แจ๊สพูดกับตัวเองแล้วเดินดุ่ยๆออกไปจากห้องเลย ทุกคนงง
“ยัยแจ๊สเป็นอะไร”
“สงสัยยังกลุ้มใจเรื่องที่เถียงกับน้าพิมไม่หายแน่ๆเลยเพี้ยนแบบนี้” จีจ้าพูด
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเที่ยวก็คงหายเองแหละ เนอะลูกพี่” โจ๊กพูดกับกริสน์
กริสน์พยักหน้ารับ

พิมมาดาคุยโทรศัพท์อยู่กับเค้ก
“แต่ฉันรู้สึกไม่ดีจริงๆ ฉันไม่อยากไปเที่ยวแล้วอ่ะเค้ก” พิมมาดายอมรับกับเค้ก
“ใจเย็นๆก่อนเพื่อน คุณสุขสันต์เขาไม่ได้ตั้งใจหรอก” เค้กปลอบ
พิมมาดาบ่นงึมงำๆ
“ฉันเกลียดคำว่าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”
เค้กได้ยินไม่ชัด
“ฮะ...พูดอะไรอ่ะ”
“ไม่มีอะไรหรอก เอาเป็นว่าฉันจะโทรไปยกเลิกทริปวันพรุ่งนี้กับคุณแฮปปี้เดี๋ยวนี้แหละ”
กริสน์เดินลงมาจากบันไดพอดี ได้ยินชื่อ แฮบปี้ กริสน์หึงขึ้นมาทันที พิมมาดากดวางสาย แล้วพิมมาดาก็กดโทรศัพท์หาสุขสันต์ กริสน์จงใจเข้ามาแทรก
“หายใจเข้าก็แฮปปี้ หายใจออกก็แฮปปี้ ไปด้วยกันมาทั้งวันจนเกือบจะทั้งคืนยังไม่พออีกเหรอ ต้องโทรหากันอีกเหรอพรุ่งนี้ก็จะได้ไปเที่ยวด้วยกันแล้ว อดใจอีกหน่อยไม่ได้เลย”
พิมมาดาฝืนใจ
“ใช่ เพราะฉันกับคุณแฮปปี้เป็นแฟนกัน ก็ต้องคิดถึงกัน อยากอยู่ด้วยกัน อยากได้ยินเสียงกันมากเป็นธรรมดา”
กริสน์อึ้ง พิมมาดาประชดต่อ
“แต่ก็จริงนะ พรุ่งนี้ฉันกับคุณแฮปปี้ก็จะได้ไปเที่ยวด้วยกันแล้ว คืนนี้ไม่คุยโทรศัพท์กันสักคืนดีกว่า จะได้คิดถึงกันมากขึ้น เนอะ”
พิมมาดากดวางโทรศัพท์ทิ้งแล้วสะบัดหน้าเดินขึ้นไปข้างบน กริสน์มองตามอย่างขัดใจ

กริสน์ยืนรออยู่ที่รถในโรงจอดรถบ้านพิมมาดา พิมมาดาลากกระเป๋าเดินทางลงมาจากบ้าน กริสน์สบตากับพิมมาดาจนต้องหลบตา กริสน์เดินมาจะหิ้วกระเป๋าพิมมาดาไปเก็บและเผลอจับโดนมือพิมมาดา พิมมาดารีบชักมือออก กริสน์เดินเอากระเป๋าไปเก็บท้ายรถ พิมมาดาแอบเหลือบมองกริสน์ เป็นจังหวะที่กริสน์แอบมองพิมมาดาพอดี ทั้งสองมองตากันอย่างอึดอัดเหมือนอยากจะพูดอะไร
“จ้องกันไปจ้องกันมาทำไมคะ” จีจ้าเสียงดัง
พิมมาดากับกริสน์สะดุ้ง โจ๊กกับจีจ้าหิ้วกระเป๋าเดินทางมาคนละใบในชุดพร้อมไปภูเขา จีจ้าอุ้มป๊อบคอร์นอยู่ พิมมาดารีบกลบเกลื่อน
“มากันแล้วเหรอ น้ากำลังจะขึ้นไปตามอยู่พอดี”
“พวกเราเป็นเด็กมีวินัยครับ ตรงเวลาอยู่แล้ว” โจ๊กบอก
“เหรอ...แล้วแจ๊สละ” พิมมาดาถาม
โจ๊กมองหาไม่เห็นแจ๊ส
“เอ้า! ยัยแจ๊สอยู่ไหนเนี่ย ทำไมยังไม่ลงมาอีก”
“แจ๊สอยู่นี่คะ”
แจ๊สเดินเข้ามาพร้อมเต๋าเต้ย แจ๊สอยู่ในชุดพร้อมทำงานที่สวมผ้ากันเปื้อนด้วย พิมมาดางงพลลางถาม
“แจ๊ส ทำไมแต่งตัวแบบนี้ แล้วกระเป๋าเสื้อผ้าละ อย่าบอกน้านะว่ายังไม่ได้จัด”
“คะ ไม่ได้จัด”
พิมมาดาเริ่มฉุน
“หมายความว่าไง ไม่ได้จัด”
“ก็หมายความว่า แจ๊สจะไม่ไปเที่ยวกับน้าพิมไงคะ”
พิมมาดามองดุทันที
“ว่าไงนะ”
ทุกคนมองหน้ากัน สถานการณ์ตึงเครียด

แจ๊สถูกพิมมาดาจับนั่งลงบนเก้าอี้ พิมมาดาหน้าเครียด กริสน์ โจ๊ก จีจ้า เต๋า เต้ย ยืนกอดเสาดูอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ
“ขอร้องละแจ๊ส หยุดสร้างเรื่องซะทีได้มั้ย”
“การที่แจ๊สจะไม่ไปเที่ยว แล้วทำงานพิเศษเพื่อให้ได้เงินค่าขนมเพิ่มนี่ถือเป็นการสร้างเรื่องเหรอคะ”
“นั่นซิ พี่พิมก็พูดแรงไปเนอะ” เต๋ากระซิบเต้ย
“แล้วทำไมถึงต้องอยากได้เงินเพิ่มนักหนา จะเอาไปทำอะไรทำไมไม่ยอมบอกน้า”
แจ๊สอึกอัก
“เอ่อ...เอาเป็นว่าแจ๊สไม่ได้เอาไปทำสิ่งเลวร้ายอย่างที่น้าพิมคิดก็แล้วกัน ตกลงน้าพิมจะยอมให้แจ๊สทำงานพิเศษที่ร้านดอกไม้หรือเปล่าคะ ถ้าไม่แจ๊สจะได้ไปหางานพิเศษที่อื่น เพราะยังไงแจ๊สก็จะไม่ไปเที่ยวกับน้าพิมอยู่ดี”
“แจ๊ส” พิมมาดาสียงดัง
กริสน์เห็นท่าไม่ดี รีบเดินเข้ามา
“อนุญาตให้แจ๊สทำงานพิเศษที่ร้านเถอะครับคุณพิม อย่างน้อยก็นับว่าเป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์”
“ถูกคะๆ ให้น้องแจ๊สได้ฝึกทำงาน ได้เรียนรู้ โตขึ้นจะได้รู้ค่าของเงินด้วยจริงมั้ยเต๋า” เต้ยรีบสำทับ
“จริงที่สุด ณ จุดนี้” เต๋าบอกแล้วหันไปพูดกับป๊อบคอร์น
“ป๊อบคอร์น”
ป๊อบคอร์นเห่า โฮ่ง! เต๋าหันกลับมาพูดทันที
“คอนเฟิร์มคะ”
พิมมาดามองหน้าทุกคน แล้วกลับมามองหน้าแจ๊ส แจ๊สมีสีหน้าจริงจังมุ่งมั่น พิมมาดาพูดไม่ออก
“เอาเลย อยากทำอะไรก็ทำเลย น้ามันบังคับอะไรพวกเธอไม่ได้อยู่แล้วนี่ โจ๊ก จีจ้า ป๊อบคอร์นขึ้นรถ”
พิมมาดาสะบัดหน้าเดินไปเปิดประตูขึ้นไปนั่งที่รถแล้วปิดประตูดัง ปั้ง! โจ๊กกับจีจ้าอุ้มป๊อบคอร์นตามไป กริสน์หันไปบอกแจ๊ส
“ตั้งใจทำงานละ ดูแลแจ๊สด้วยนะ” กริสน์พูดกับแจ๊สและเต๋ากับเต้ย
“ไม่ต้องห่วงคะคุณกริสน์” เต๋ากับเต้ยบอก
กริสน์เดินตามไปขึ้นรถแล้วขับออกไป แจ๊สกับเต๋าเต้ยมองตาม

บริเวณบ้านพักตากอากาศของสุขสันต์ ที่กว้างขวาง โอบล้อมด้วยภูเขาและต้นไม้ รถของพิมมาดาแล่นเข้ามาจอด สุขสันต์ทำทียิ้มแย้มออกมาต้อนรับพร้อมกับฉัตรชัยและฮิม
กริสน์ เปิดประตูรถให้พิมมาดาและพวกเด็กๆลงมา โจ๊กกับจีจ้าที่อุ้มป๊อบคอร์นอยู่ในมือมองความกว้างขวางของบ้านสุขสันต์อย่างตกตะลึง
“เดินทางเหนื่อยมั้ยครับคุณพิม” สุขสันต์ถาม
พิมมาดายังรู้สึกไม่สนิทใจกับสุขสันต์
“ไม่เหนื่อยหรอกคะ”
“โอ้โห้! นี่มันบ้านส่วนตัวหรือรีสอร์ทบวกสนามกอล์ฟบวกฟาร์ม บวกศาลากลางจังหวัดกันแน่เนี่ย” โจ๊กพูดขึ้น
สุขสันต์ พูดตอบเหมือนจะไม่อวดแต่อวด
“ที่เท่าแมวดิ้นตายเท่านั้นเอง ไม่เท่าไหร่หรอก”
“แบบนี้ไม่ใช่แมวดิ้นตาย..แต่เป็นไดโนเสาร์ดิ้นตายมากกว่าพี่โจ๊ก..หวังว่าคุณสุขสันต์ได้สมบัติทั้งหมดนี่มา โดยไม่ได้โกงสมบัติของวงศ์ตระกูลมาจากพี่น้องตัวเองนะค่ะ” จีจ้าพูด
สุขสันต์ทำหน้างง
“จีจ้า พูดอะไรน่ะ” พิมมาดาส่งเสียงปราม
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ถือ”
กริสน์รีบเข้ามา เปิดร่มคันใหญ่ กางให้สุขสันต์
“จะคุยกันกลางแดดอีกนานไหมนะครับ มันร้อนเดี๋ยวผิวท่านสุขสันต์จะมีฝ้าขึ้นเปล่าๆ”
ฉัตรฃัยกับฮิมมองหน้ากันด้วยความไม่พอใจ สุขสันต์คล้อยตามทันที
“ใช่ นายกริสน์พูดถูก แกสองคนทำไมไม่เตือนฉันให้โปะซันบลอกชนิดโททั่ลอิคลิป กันแดดร้อยเปอร์เซ็นต์มาตั้งแต่เมื่อเช้าวะ ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ” สุขสันต์หันไปด่าฮิมกับฉัตรชัย
สุขสันต์หันมาหวานใส่พิม
“เชิญข้างในก่อนนะครับคุณพิม”
แล้วเสียงดังใส่ฮิมกับฉัตรชัยอีก
“ยังอีก...ยังไม่รีบช่วยนายกริสน์หิ้วกระเป๋าของคุณพิมกับเด็กๆไปเก็บที่ห้องพักอีก เดี๋ยวเจอ...”
สุขสันต์เชิญพิมมาดากับเด็กๆเข้าไปในบ้าน ฉัตรชัยกับฮิมเข้ามาคว้ากระเป๋าไปจากกริสน์อย่างขัดใจ
“หิ้วเบาๆหน่อย เกิดกระเป๋ามีรอย ฉันต้องลำบากไปฟ้องท่านสุขสันต์ให้มาลงโทษพวกนายอีกนะ” กริสน์พูดกวนๆพร้อมยักคิ้วใส่ แล้วเดินเข้าบ้านไป ฉัตรชัยกับฮิมเลือดขึ้นหน้า ฉัตรชัยเดินตามไป
“อ้าว...ไม่ช่วยยกกระเป๋าเหรอ”
“แกนั้นล่ะยกไป” ฉัตรชัยพูด
ฉัตรชัยพูดเสร็จแล้วเดินไปเลย ฮิมต้องหิ้วกระเป๋าทั้งหมดตามไปอย่างกระฟัดกระเฟียด

ภายในบ้านพักตากอากาศ สุขสันต์เปิดประตูห้องห้องหนึ่งเข้ามา เห็นห้องสวยงาม เตียงนอนมีเสา วิวด้านนอกติดภูเขาสวยงามมาก สุขสันต์หันมาคุยกับพิมมาดา
“ห้องนี้เป็นห้องพักของคุณพิม อยู่ติดกับห้องของผม คุณพิมชอบมั้ยครับ”
โจ๊กกับจีจ้า และป๊อบคอร์นโผล่เข้ามาพอดี กริสน์เดินตามมาข้างหลัง
“ชอบครับ/ชอบค่ะ” เสียงโจ๊กกับจีจ้าขานรับทันที
สุขสันต์แสร้งยิ้ม
“เด็กๆนอนที่ห้องสุดท้าย..ห้องเด็ก ทางสุดมุมนั้นนะจ๊ะ ไม่ใช่ห้องนี้” สุขสันต์บอก
“น้าพิมครับ โจ๊กอยากนอนห้องนี้ เราแลกห้องกันได้มั้ยครับ” โจ๊กบอก
“ไม่ได้” สุขสันต์เผลอหลุดไม่รู้ตัว
ทุกคนอึ้ง มองไปที่สุขสันต์ซึ่งรู้ตัวและรีบตีสีหน้ายิ้มแย้ม
“น้าหมายถึง อยู่ไม่ได้หรอกห้องนี้มันเล็กไป เธอสองคนพักกับป๊อบคอร์นแถมยังมีนาย กริสน์อีกมันจะเบียดเกินไปนะจ๊ะ”
“ไม่เบียดหรอกค่ะ จีจ้าว่าอบอุ่นดีออก”
“นะครับน้าพิม สลับห้องกันนะครับ นะๆ”
“ที่นี่ไม่ใช่บ้านเรานะจ๊ะเด็กๆ ต้องแล้วแต่คุณแฮบปี้นะ”
พิมมาดาสบตาสุขสันต์ สุขสันต์ก้มลงไปสบตาเด็กๆที่จ้องกันตาแป๋ว ทั้งที่ในใจของสุขสันต์กลับแสดงภาพที่สุขสันต์กำลังบีบคอเด็กๆทั้งคู่ เด็กๆร้องโวยวายดิ้นๆหายใจไม่ออก สุขสันต์สะดุ้งออกจากภวังค์ เมื่อเด็กๆจ้องมองตาแป๋วใส่สุขสันต์ เขาหันไปสบตากริสน์ กริสน์ส่งซิกท์ให้สุขสันต์ตามใจเด็กๆ สุขสันต์จำใจยอมทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ตามใจพวกแกละกันครับ พวกแกอยากนอนห้องไหนก็ได้ ตามสบายเลย หึๆๆ” สุขสันต์พูดพลางกัดฟันกรอด
“เย้” โจ๊กและจีจ้าร้องขึ้น
“ลูกพี่บอกพี่สองคนนั้นให้เอากระเป๋าพวกเราเข้ามาเลย” โจ๊กร้องบอก
กริสน์หันไปหาฉัตรชัยกับฮิม ฉัตรชัยยืนคุมอยู่ที่หน้าห้อง ฮิมจำต้องขนกระเป๋าของเด็กๆเข้าไปในห้อง เด็กๆกับ ป๊อบคอร์น กระโดดโลดเต้นไปทั่วห้อง
“ขอบคุณคุณแฮปปี้มากนะคะ คุณใจดีกับเด็กๆเสมอ” พิมมาดาบอก
“มันเป็นนิสัยของผมอยู่แล้วครับ”
สุขสันต์ยิ้มกว้างแล้วหันหลังเดินออกมาจากห้องไป รอยยิ้มค่อยๆหุบแล้วแอบด่าเบาๆ
“ไอ้เด็กเวร”

ขณะที่บรรดาเด็กส่วนใหญ่กำลังมีความสุขและสนุกสนานในบ้านพักตากอากาศ แต่ที่ร้านพริมโรส เต๋ากำลังจัดดอกไม้อยู่ด้วยการปักลงในดอกไม้สีสวยลงบนโอเอซิสสีเขียว แจ๊สยกถังใบไม้ออกมาจากหลังร้าน
“น่าเสียดาย น้องแจ๊สน่าจะไปกับเขานะคะ” เต๋าบอก
“จริงด้วยๆ” เต้ยสนับสนุน
แจ๊สวางถังลงแล้วบอก
“ไม่เห็นน่าเสียดายตรงไหนเลย”
เต๋าเต้ยก้มหน้าก้มตาจัดดอกไม้ต่อ แจ๊สหันรีหันขวางแล้วหันมองเต๋าเต้ยเขม็งจนเต๋าเต้ยรู้ตัวว่าถูกมองก็เงยหน้าขึ้นมามองหน้าแจ๊ส
“น้องแจ๊สมีอะไรหรือเปล่าคะ” เต้ยถาม
“ เอ่อ...คือ” แจ๊สอึกอักแล้วตัดสินใจเอ่ยขึ้น
“ แจ๊สจะขอเบิกค่าแรงล่วงหน้าอ่ะคะ”
“เบิกค่าแรงล่วงหน้า” เต๋ากับเต้ยพูดขึ้นพร้อมกัน
“อะไรกันคะน้องแจ๊ส ทำงานยังไม่ถึงครึ่งวันจะเบิกค่าแรงล่วงหน้าซะแล้ว มีที่ไหนกันคะ” เต๋าถาม
“ก็มีที่นี่เป็นที่แรกก็ได้นี่คะ” แจ๊สพูดหน้าตาเฉย
“ไม่ได้หรอกคะ พี่สองคนให้น้องแจ๊สเบิกไม่ได้จริงๆ มันผิดกฏกติกาและมารยาท อีกอย่างก็ต้องรอพี่พิมกลับมาเป็นคนอนุมัติและจ่ายสตางค์คะตอนนี้ยังไงก็เบิกไม่ได้” เต้ยอธิบาย
แจ๊สเม้มปาก นิ่งงัน เดินหงุดหงิดกลับไปหลังร้าน เต๋าเต้ยมองตามอย่างไม่เข้าใจ

แจ๊สกำลังคุยโทรศัพท์หน้าตาเคร่งเครียดอยู่ที่มุมหนึ่งของบ้าน
“ค่ะ ต้องขอโทษจริงๆค่ะ แต่หนูขอไม่มัดจำได้มั้ยคะ อ้อ พอดีหนู...เอ่อ...หนู...หนูออกจากบ้านไม่ได้น่ะค่ะ.เอาเป็นว่าพรุ่งนี้หนูจะจ่ายทีเดียวตอนของมาส่งเลยได้มั้ยคะ .รับรองค่ะ ได้คะ...ขอบคุณมากนะคะ”
แจ๊สวางสายด้วยสีหน้าเครียด พร้อมกับพึมพำ
“แล้วจะไปเอาเงินที่ไหนมาจ่ายละ”

โจ๊กกับจีจ้าและป๊อบคอร์นวิ่งออกมาสู่ลานกว้างหน้าบ้านตากอากาศของสุขสันต์ พิมมาดาวิ่งตามมา สุขสันต์ กริสน์ ฉัตรชัย ฮิม เดินตามมาสมทบ
“น้าพิมไม่ต้องไปหรอกครับ อยู่กับคุณสุขสันต์ดีกว่า” โจ๊กบอก
“ว่าไงนะ” พิมมาดาไม่เชื่อหูตัวเอง
“ใช่คะ ไหนๆก็มาเที่ยวแล้วน้าพิมควรจะมีเวลาอยู่กับคุณสุขสันต์จริงมั้ยคะ” จีจ้าบอก
สุขสันต์ กรุ่มกริ่ม
“จีจ้ามีเหตุผลดีนะครับคุณพิม”
พิมมาดาตาโตไม่อยากเชื่อ เช่นเดียวกับทุกคนที่ยืนอึ้งไปเช่นกัน
“งั้นนายกริสน์ นายตามไปดูแลเด็กๆนะ” พิมมาดาพูดกับกริสน์
ทันใดนั้น แพรวพิลาศก็ก้าวเข้ามา
“ให้แพรวรับหน้าที่ดูแลเด็กๆเองดีมั้ยคะ” แพรวพิลาศแสดงความใจดีสุดๆ
แพรวพิลาศแต่งตัวในชุดเหมือนสโนว์ไวท์ใจดี ถือตระกร้าสานใบใหญ่ ทุกคนเห็นแล้วอึ้งไป ทว่าสุขสันต์สีหน้าตึงขึ้นมาทันที
“แพรวคุณมาทำอะไรที่นี่ คุณตามผมมาเหรอ” สุขสันต์เสียงแข็งใส่
แพรวพิลาศสบตากับฉัตรชัย แล้วตีหน้าสลด
“อย่าเพิ่งโกรธแพรวนะคะ คือ...เอ่อ...คือแพรว แพรว ฮือ.. “ แพรวพิลาศพูดเหมือนจะร้องไห้
“คือ..คุณแพรวคิดถึงคุณสุขสันต์ เพราะเธอยังตัดใจไม่ได้..ผมเลยเชิญคุณแพรวให้มาที่นี่ เพื่อคอยดูคุณสุขสันต์มีความสุขอยู่เงียบๆอย่างห่างๆ เท่านั้นเองครับผม” ฉัตรชัยอธิบาย
กริสน์มองอย่างไม่อยากจะเชื่อ ขณะที่พิมมาดารู้สึกงง
“ให้นายกริสน์อยู่ดูแลคุณกับคุณพิมเถอะนะคะ ส่วนแพรวจะดูแลเด็กๆเอง จะได้ไม่ขวางหูขวางตาคุณด้วย” แพรวพิลาศบอก
โจ๊กดึงกริสน์มากระซิบที่หู
“ลูกพี่คอยกันท่าน้าพิมกับนายสุขสันต์ ส่วนพวกเราจะไปสืบหาหลักฐานเรื่องมรดกของลูกพี่”
กริสน์ลืมที่โกหกไปแล้ว
“มรดกอะไรนะ”

เค้กส่งกล้องถ่ายวีดีโอให้แจ๊ส แจ๊สยกมือไหว้ขอบคุณ
“ขอบคุณน้าเค้กมากนะคะ”
“พี่น้าเค้กคะ ถ้าแจ๊สเรียกน้าเค้กเฉยๆพี่น้าเค้กจะยึดกล้องคืนนะคะ” เค้กบอก
แจ๊สรีบเอาใจ
“คะ พี่น้าเค้กสุดสวย”
“แบบนี้ให้ยืมยาวถึงปีหน้าเลยจ้ะ” เค้กพูดแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
เต๋าเต้ยที่ขนดอกไม้อยู่มองสงสัย
“แจ๊สยืมกล้องวีดีโอพี่น้าเค้กไปทำอะไรเหรอ” เต้ยถาม
แจ๊สอึกอัก
“เอ่อ...อ้อ! คือแจ๊สจะเอาไปทำรายงานส่งอาจารย์น่ะค่ะ”
“พี่เค้กคะ พี่เค้กจะอยู่อีกนานมั้ยคะ พอดีมีออเดอร์ลูกค้าด่วนซ้อนกันสองเจ้า เต๋ากับเต้ยเลยต้องรีบไปส่ง กลัวว่าจะไม่มีใครอยู่เฝ้าร้านอ่ะ” เต๋าถาม
“แจ๊สอยู่เฝ้าร้านเองค่ะ” แจ๊สรีบอาสาทันที
“จะดีเหรอคะ น้องแจ๊สเป็นเด็กจะเฝ้าร้านอยู่คนเดียวได้ยังไงกัน” เต้ยบอก
“ได้ซิคะ แจ๊สโตแล้ว” แจ๊สพูดแล้วยิ้มรับ

โจ๊กจูงมือจีจ้าวิ่งมาพร้อมๆกับป๊อบคอร์น โดยมีแพรวพิลาศ ฉัตรชัย กับฮิม กึ่งวิ่งกึ่งเดินตามมาทางด้านหลัง
“ไอ้พวกเด็กนรก มันเดินไม่เป็นกันหรือไง” แพรวพิลาศพูดพลางหายใจหอบด้วยความเหนื่อย
จีจ้าหยุดวิ่งเอายาหอบขึ้นมาพ่น 2 ที
“ฝุ่นเยอะจัง เราจะหาพินัยกรรมของเจ้าคุณปู่ของคุณชายน้ากริสน์เจอมั้ยอ่ะ”
“พินัยกรรมตัวจริงมักจะถูกเก็บไว้ในบ้านร้าง ใต้ตู้ หลังกรอบรูป ไม่ก็ถูกฝังไว้ในบ่อน้ำร้าง” โต๊กว่า
“เท่าที่พูดมาเรายังไม่เจอของพวกนี้เลยนะ” จีจ้าบอก
โจ๊กชี้มือไปข้างหน้า หน้าตาดีใจสุดๆ
“นั่นไง”
“บ่อน้ำร้าง” จีจ้าร้องขึ้น
“รถแข่ง” โจ๊กบอก
โจ๊กวิ่งเข้าไปหารถที่จอดอยู่ทันที จีจ้าส่ายหน้าเซ็งๆ
แพรวพิลาศหยุดยืนมองยิ้มเหี้ยมไปเห็นพวกเด็กๆที่กำลังพุ่งตรงไปที่รถแข่งไฟฟ้า แพรวพิลาศ ฉัตรชัยกับฮิมหยุดมองตาม
“ตามแผนเปี๊ยบ” แพรวพิลาศพูดขึ้นด้วยความดีใจ
ฉัตรชัยล้วงมือเข้าไปในตระกร้า แล้วหยิบคีมตัดสายไฟ กับสายไฟสองเส้นที่ถูกตัดขึ้นมา
“ไม่มีเด็กที่ไหนไม่อยากขี่รถพุ่งลงเนินเขาหรอกครับโฮะๆๆ” ฉัตรชัยพูด
“สุดยอดเลยครับคุณแพรว ฉัตรชัย นายมันฮีโร่ตัวจริง” ฮิมบอก
แพรวพิลาศภูมิใจ หัวเราะเสียงประหนึ่งแม่มดใจร้าย
“ฮิๆๆ ในเมื่อทำอะไรน้ามันไม่ได้ ทำหลานมันก็เหมือนกันแหละ ฮิๆๆ”

ทันใดนั้นก็มีเสียงป๊อบคอร์นเห่าดังโฮ่งๆ ขึ้น แพรวพิลาศและลูกสมุนสะดุ้ง เห็นป๊อบคอร์นยืนแยกเขี้ยวขู่อยู่ ต่างก็มองป๊อบคอร์นเป็นตาเดียว
โจ๊กกับจีจ้าสวมชุดและหมวกกันน๊อคพร้อมออกตัว ทั้งสองสตาร์ทเครื่อง แพรวพิลาศ และฮิมยืนยิ้มอยู่ข้างๆ รถ

แพรวพิลาศแอ๊บใจดีสุดๆ
“ขับรถกันให้สนุกนะคะ หมดรอบแล้วจะได้มากินแซนวิชที่น้าแพรวเตรียมไว้ให้”
โจ๊กยิ้มกว้าง อารมณ์ดี
“แซนด์วิชอาบยาพิษหรือเปล่าค้าฟ”
แพรวพิลาศกัดฟันแน่นพยายามระงับอารมณ์สุดๆ จีจ้ามองหาป๊อบคอร์น
“พี่โจ๊กๆ ป๊อบคอร์นมันหายไปไหนอ่ะ” จีจ้าพูดขึ้น
โจ๊กนึกได้
“เออ จริงด้วย เมื่อกี้มันยังวิ่งมาพร้อมเราเลยนี่นา”
“เมื่อกี้พี่เห็นมันวิ่งเล่น วนไปวนมาอยู่แถวโน้น น่ะ” ฮิมชี้มือไปมั่วๆ
แต่ความจริง ป๊อบคอร์นกำลังถูกฉัตรชัยเอาผ้ามัดปาก แล้วเอาเชือกผูกมันไว้หลังต้นไม้ ป๊อบคอร์นดิ้นขลุกขลักๆ
“หมาแสนรู้อย่างป๊อบคอร์นไม่หลงทางหรอกจ๊ะ รีบๆเล่นเข้าเถอะ มีอย่างอื่นอีกตั้งเยอะเดี๋ยวเล่นไม่หมดนะ” แพรวพิลาศพูดขึ้น
โจ๊กกับจีจ้ามองหน้าสบตากัน โจ๊กพยักหน้า
“พร้อมจะซิ่งหรือยังจีจ้า”
“พร้อมแล้วพี่โจ๊ก”
“งั้นไปหาพินัยกรรมกันเล้ย”
โจ๊กกับจีจ้าขับรถออกไป ส่งเสียงดังอย่างสนุกสนาน
แพรวพิลาศมองตามแล้วยกมือขึ้นโบกมือบ๊ายบายส่งจูบ พร้อมกับตะโกนไล่หลัง
“เจอกันชาติหน้านะจ๊ะเด็กๆ”

ในเวลาเดียวกัน แจ๊สตั้งกล้องวีดีโอในห้องตัวเองเสร็จแล้ว เล็งๆจะถ่ายตัวเอง แจ๊สรีบวิ่งไปที่หน้ากล้อง ระยะห่างพอประมาณ มองไปที่กล้องเห็นภาพยืนเต็มตัว มองแล้วยิ้มด้วยใบหน้ามาดมั่น

โจ๊กกับจีจ้าขี่รถ ATV กันอย่างน่าหวาดเสียว แพรวพิลาศ ฉัตรชัย และฮิม ยืนลุ้นรอพวกเด็กๆเบรกแตกอยู่ เด็กๆมีจังหวะหนึ่งที่เหมือนจะพุ่งเข้าหาข้างทาง รับแพรวพิลาศหันหลังอุดหู ยิ้มอย่างดีใจ หวังได้ยินเสียงโครมคราม
แพรวพิลาศทำเสียงแบบมอเตอร์ไซค์เบิ้ลเครื่องเป็นเสียง
“ต๊ายๆๆ”
เสียงโจ๊กกับจีจ้าหัวเราะคิกคักตามด้วยเสียงเครื่องยนต์ดังมาจากทางด้านหลังของแพรวพิลาส โจ๊กกับจีจ้าขี่รถเข้ามาจอดอย่างปลอดภัย แพรวพิลาศอึ้ง
“สนุกมั้ยจีจ้า” โจ๊กถาม
จีจ้าพ่นยา 2 ทีแล้วบอก
“ซิ่งกว่าขี่จักรยานตั้งเยอะเลยพี่โจ๊ก”
“ทำไมพวกแกไม่เป็นอะไรเลยละ” แพรวพิลาศแสดงอาการหลุดอย่างไม่พอใจ
โจ๊กแปลกใจแล้วถาม
“แล้วทำไมเราต้องเป็นอะไรด้วย”
ฉัตรชัยรีบแก้ตัวแทน
“เอ่อ...คุณแพรวเธอชมน่ะจ๊ะ ว่าน้องโจ๊กกับน้องจีจ้าเก่ง ไม่เหมือนเด็กคนอื่นๆ”
“โธ่เอ้ย เรื่องแค่นี้จิ๊บๆ” จีจ้าตอบแพรวพิลาส ก่อนจะ หันไปถามโจ๊ก
“พี่โจ๊กจีจ้าอยากโดดหออ่ะ”
“จัดไป”
โจ๊กบอกจูงมือจีจ้าวิ่งออกไป แพรวพิลาศมองตามจนเด็กสองคนลับตาแล้วหันมาอาละวาดทั้งหยิกทั้งข่วนฉัตรชัย
“นี่แหนะๆๆ ไอ้บ้า ตัดสายเบรกประสาอะไร ทำไมพวกมันไม่เห็นเป็นอะไรเลย! ไม่ได้เรื่อง”
“นั่นซิ แกตัดผิดเส้นหรือเปล่า” ฮิมถาม
“หุบปากไปเลยแกอ่ะ มันเป็นไปได้ยังไงวะ” ฉัตรชัยตวาดฮิมแล้วหันมาบ่นกับตัวเอง
ฉัตรชัยเดินไปขี่รถเอทีวีคันหนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็คิดออก
“ผมรู้แล้วครับคุณแพรว เพราะไอ้เด็กสองคนนั่นมันไม่ได้ขี่เร็วมาก เพราะถ้ามันเร่งเครื่องให้เร็วมากจริงๆ มันไม่มีทางเบรกได้ ยังไงก็เบรกแตกแน่นอน แบบนี้”
ฉัตรชัยสาธิตให้แพรวพิลาศกับฮิมดู ด้วยการออกตัวแล้วเร่งเครื่องให้เร็วสุดๆทันที แพรวพิลาศตาโตด้วยความตกใจ
“ไอ้บ้าเอ้ย! ทำอะไรน่ะลงมา”
ฉัตรชัยขี่รถอย่างรวดเร็วจนรถเสียหลักพุ่งจะชนต้นไม้ เพราะเบรกไม่อยู่
“ตะ...ตะ..ต้น....ต้นไม้ ช่วยด้วย” ฉัตรชัยร้องโวยวาย
โจ๊กกับจีจ้าที่เดินกำลังจะถึงเครื่องเล่นโดดหอ เด็กทั้งสองชะงักเพราะเสียง โครมคราม ตามมาด้วยเสียงระเบิดดัง ตู้ม โจ๊กกับจีจ้าหันไปมองที่มาของเสียงเห็นควันจากแรงระเบิดคละคลุ้งไปทั่ว โจ๊กกับจีจ้ามองหน้ากันงงๆ
ฉัตรชัยหน้าดำปี๋ ไอค่อกแค่กค่อยๆ คลานออกมาจากซากรถที่พังเละเทะ แพรวพิลาศกับฮิมวิ่งตามมาหยุดยืนดูฉัตรชัยมองตาปริบๆ
“คุณแพรวเห็นแล้วใช่มั้ยครับว่ามันเบรกไม่อยู่จริงๆ”

สุขสันต์กำลังนั่งดื่มน้ำชายามบ่ายกับพิมมาดาภายในบ้านพักตากอากาศ กริสน์ยืนอยู่ห่างๆ
“บ้านนี้เป็นบ้านฤดูหนาวครับ เรามักมา เพื่อบรรยากาศแบบยุโรป” สุขสันต์พูดขึ้น
พิมมาดา เหลือบมองกริสน์ตลอดๆ
“เหรอคะ ดีค่ะ”
“สำหรับฤดูร้อน..ผมมีชาโต้แบบโมร็อคคั่นบนภูเขาที่สมุย”
สุขสันต์จับมือพิมมาดาเพื่อสร้างความเชื่อมั่น
“ไว้เราพาเด็กๆไปเล่นน้ำทะเลกันนะครับ”
พิมมาดาหันไปทางกริสน์ขณะที่สุขสันต์ยังกุมมืออยู่ กริสน์มองตาขวาง พิมมาดาตัดสินใจดึงมือออก สุขสันต์ทำหน้าเจื่อน
“ดีค่ะ เอ้อ..คือไม่มีอะไรนะคะ พิมแค่...ไม่สบายใจนิดหน่อย เรื่องยัยแจ๊ส”
“ชีวิตจิตใจของพิมนี่อยู่ที่หลานๆจริงๆนะครับ ดูเหมือนความสุข ความทุกข์ของคุณ..จะขึ้นอยู่ที่เด็กๆพวกนี้อย่างเดียว..อย่างอื่น..หรือคนอื่น..ไม่เคยมีความหมายกับคุณเลย” สุขสันต์พูดอย่างงอนๆ
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ คุณสุขสันต์ก็เป็นความแฮปปี้ของพิมออกจะตายไป เอ่อ แล้วกิจการร้านขนมที่คุณแฮปปี้ร่วมหุ้นกับเพื่อนไปถึงไหนแล้วคะ ดีมั้ย” พิมมาดาบอก
กริสน์ได้ยินเข้าก็หูผึ่ง รีบปรี่เข้ามาทันทีจนสุขสันต์กับพิมมาดางง
“ว้าวๆๆร้านขนม ขนมอะไร ที่ไหน ยังไงครับ”
“นายจะอยากรู้ไปทำไม” พิมมาดาถาม
กริสน์เริ่มแถ
“ก็ผมชอบกินขนมนี่นา พวกเด็กๆก็ชอบกินขนม ทำไมคุณสุขสันต์ไม่เอาขนมมาให้พวกเราชิมกันบ้างเลย ...ท่านเป็นคนเก่งมากความสามารถจริงๆเลยนะครับ ท่านอย่าลืมผมนะครับ ว่าผม..พร้อมจะรับใช้ท่านเสมอ เพราะ..ผมอาจจะตกงานจากหน้าที่เลี้ยงเด็ก..เมื่อไหร่ก็ได้”
กริสน์แอบกัด พิมมาดาแอบค้อน กริสน์ค้อนตอบ

ร้านสวีทโอปอลล์เวลากลางวัน มีลูกค้าหรือนักธุรกิจรายย่อยมานั่งรออยู่ ลูกค้าชายหญิงนั่งยกหนังสือและหนังสือพิมพ์ขึ้นสูงอ่านแบบไม่เห็นหน้าทั้ง 2-3 คน
จตุพลเดินออกมาจากห้องประชุมสีหน้าเคร่งเครียดพร้อมกับลูกค้าคนหนึ่งโดยมีน้อมพงษ์เดินตามมาห่างๆ
“ตกลงจะไม่รออีกหน่อยเหรอครับ” จตุพลถาม
“เห็นจะรอไม่ไหวหรอกครับ กว่าจะได้ใบอนุญาตมาผมคงจนก่อน คือ เงินมันต้องหมุนทุกวัน หวังว่าคุณจตุพลคงเข้าใจนะครับ” ลูกค้าบอก
“ครับผมเข้าใจ”
ลูกค้ายิ้มแล้วยกมือไหว้ลาจตุพล จตุพลตีหน้ายิ้มแย้มตอบ แต่พอลูกค้าลับตาก็หน้าเสียขึ้นมาทันที
“ขืนเป็นแบบนี้มีหวังรายได้ก้อนใหญ่ๆหายหมดแน่”
“เย็นไว้ครับคุณจตุพล ระบบราชการก็ซับซ้อนหลายขั้นหลายตอนอย่างนี้แหละ ต้องอดทนครับ” น้อมพงษ์บ
“อดทน อดทนรอให้เงินมาลอยหนีไปต่อหน้าต่อตาอย่างนี้น่ะเหรอ ทนไหวจังเลยนะ ไป...ไปเตรียมรถ” จตุพลบอก
จตุพล,น้อมพงษ์เดินออกไปอย่างรีบเร่ง

โจ๊กกับจีจ้ากำลังใส่ชุดสลิงก์อยู่บริเวณฐานโดดหอ ฮิมก้าวเข้ามาตีหน้าใจดี
“ยังไม่โดดกันอีกเหรอ นี่น้าต่อคิวอยู่นะเนี่ย” ฮิมบอก
“ถ้าน้าฮิมรีบก็โดดก่อนเลยมั้ยคะ” จีจ้าถาม
จีจ้ากับโจ๊กหลีกทาง ฮิมรีบส่ายหน้าทันที
“โอ๊ะๆๆ ไม่เป็นไรๆ คนไทยต้องรู้จักเข้าคิวครับ น้าฮิมรอได้ เดี๋ยวใส่ชุดรอเลย”
ฮิมรีบใส่เสื้อสลิงก์อีกชุด
โจ๊กบอกกับจีจ้า
“เรียบร้อยมั้ยจีจ้า”
จีจ้าทำมือโอเค โจ๊กกับจีจ้าจับมือกัน เจ้าหน้าที่ให้สัญญาณโดด โจ๊กมองหน้าจีจ้าแล้วร้อง กรี๊ดๆ ก่อนจะกระโดดลงไป ฮิมยิ้มชูกรรไกรตัดหญ้าอันใหญ่ขึ้นมาในมือ
“ลาก่อนนะ เด็กน้อย”
ฮิมตัดสายสลิงก์ขาดดัง ฉับ! แล้วมองมาข้างล่าง แพรวพิลาศยืนอยู่กับฉัตรชัยที่หน้ายังดำอยู่) แพรวพิลาศยกนิ้วโป้งบอกฮิมว่า ดีมาก ฮิมยิ้มภูมิใจสุดๆ
โจ๊กกับจีจ้าที่อยู่กลางสลิงก์รู้สึกแปลกๆ
“พี่โจ๊กทำไมสายสลิงก์มันหย่อนๆอ่ะ” จีจ้าพูดขึ้นอย่างสงสัย
“ไม่เป็นไรหรอกจะถึงพื้นแล้วเนี่ย” โจ๊กบอก
ทันใดนั้นเจ้าหน้าที่ประจำฐานก็เดินมาบอกฮิมเสียงดัง
“พร้อมแล้ว โดด”
ฮิมตกใจทำตามโดยไม่รู้ตัว
“ครับ โดดครับ”
ฮิมโดดลงจากหอทันที ที่กลางอากาศฮิมเห็นสายสลิงก์ที่ตัวเองตัดขาดห้อยต่องแต่งอยู่ แพรวพิลาศกับฉัตรชัยยืนอึ้งเมื่อเห็นฮิมโดดลงมา แพรวพิลาศปิดตาไม่กล้ามอง
“เฮ้ย!สลิงก์มันขาด!! ไม่ทันละ” ฮิมหยุดหนึ่งช่วงหายใจแล้วบอกตัวเอง
ฮิมร่วงลงไปทันที พร้อมๆกับที่โจ๊กกับจีจ้าเท้าแตะพื้นอย่างปลอดภัย

กริสน์จูงม้าตัวหนึ่งเดินตามมาห่างๆ แอบมองเหล่พิมมาดาอยู่ในบริเวณสนามแข่งม้า
สุขสันต์ประคองพิมมาดา ขึ้นม้าพร้อมกระซิบข้างหู
“อย่ากลัวนะ ถ้าม้ามันรู้ว่าเรากลัว มันจะท้าเรา แกล้งเรา เราต้องทำเป็นชิลด์ๆครับ แล้วเจ้าเพิร์ลเนี่ย..มันเชื่องที่สุด ใจดีที่สุดแล้ว”
“ได้ค่ะ”
สุขสันต์ ขึ้นม้าของตนอย่างเท่ ราวพระเอกคาวบอย และ ขยับม้ามาใกล้ม้าพิมมาดา
“ดูผมนะครับ ถ้าคุณพิมจะให้ม้าวิ่ง ก็ใช้ด้านในขาของเรากระแทกลำตัวมันแบบนี้นะครับ”
สุขสันต์สั่งให้ม้าวิ่ง พิมทำตาม ม้าทั้งสองออกวิ่งเหยาะๆช้าๆอย่างอ่อนโยน สวยงาม พิมมาดายิ้มมีความสุข กริสน์มองตามอย่างหมั่นไส้
“แหม...ทำเป็นหัวเราะคิกคัก บ้านไม่มีม้าให้ขี่หรือไง เออ ไม่มีจริงด้วย” กริสน์พึมพำก่อนที่จะนึกได้ว่าที่บ้านไม่มีม้า
ลูกน้องสุขสันต์คนหนึ่งขับรถกอล์ฟเข้ามาจอด โดดลงมาจากรถ ถอดหมวก โบกให้สุขสันต์เป็นสัญญาณ สุขสันต์ เหยาะม้าเข้าไปหาแล้วถาม
“มีอะไร”
ลูกน้องเข้าไปกระซิบข้างหู สุขสันต์คิ้วชนกันทันที กริสน์ชักสงสัย
“พิมครับ ตามสบายนะครับ ผมมีธุระด่วนนิดหน่อย ขอตัวไปจัดการสักครู่เดี๋ยวจะกลับมาครับ” สุขสันต์บ สุขสันต์ลงจากหลังม้า แล้วส่งม้าให้ลูกน้อง
“เอาไอ้เรนไปเก็บ อย่าให้ใครแตะ ของแพง”
ลูกน้องจูงม้าสุขสันต์ไปคอก สุขสันต์กำลังจะออกไป กริสน์มองพิมมาดารู้สึกเสียดาย อยากอยู่ เป็นเพื่อนด้วยแต่ก็ต้องตัดใจรีบตามประกบสุขสันต์
“ให้ผมตามไปรับใช้ท่านนะครับ”
“นายอยู่เป็นเพื่อนคุณพิมดีกว่า”
สุขสันต์นั่งรถกอล์ฟออกไปอย่างรวดเร็ว กริสน์มองตามเสียดายโอกาส พิมมาดามองกริสน์แล้วรู้สึกน้อยใจ
“ถ้าไม่อยากอยู่ก็ไม่ต้องอยู่ ฉันอยู่คนเดียวได้” พิมมาดาพูดขึ้น
“ผมรู้ว่าคุณอยู่คนเดียวได้ แต่เผอิญผมต้องทำตามคำสั่งของแฟนคุณ”
“งั้นฉันก็ขอสั่งนายในฐานนะนายจ้าง ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน”
ว่าแล้วพิมมาดาก็บังคับม้าให้ออกวิ่งไป กริสน์มองตาม
“คิดว่าผมอยากยุ่งนักเหรอไง” กริสน์บ่น
พิมมาดาควบม้า ม้าวิ่งเร็วมาจนพิมมาดาเริ่มใจเสีย พิมมาดาร้องกรี๊ดเสียงดัง
“ช่วยด้วยๆๆ นายกริสน์ช่วยฉันด้วย”
“อะไรของคุณเนี่ย เมื่อกี้บอกไม่ให้ยุ่ง ตอนนี้บอกให้ช่วย” กริสน์ตะโกน

“ก็ม้ามันวิ่งเร็วมากฉันกลัว” พิมมาดาตะโกนบนหลังม้า
“กลัวก็บังคับให้มันหยุดซิ” กริสน์ บอก
“บังคับไม่เป็น คุณแฮปปี้สอนแค่สั่งให้มันวิ่ง ยังไม่ได้สอนบังคับให้มันหยุด”
กริสน์เหงื่อตก เป็นห่วงทันที
“เอ้า! เพลียแล้วไงเรียนไม่ครบหลักสูตร”
กริสน์ตัดสินใจตะโกนบอก
“จับบังเหียนมันให้แน่นๆนะคุณอย่าปล่อยเด็ดขาด”
กริสน์รีบควบม้าที่ตัวเองจูงอยู่ไล่ตามม้าของพิมมาดาไปอย่างเร็ว พิมมาดาเริ่มสติแตก
“ช่วยด้วยๆๆ ว๊าย ช่วยด้วย”

ม้าของพิมมาดาวิ่งเร็วมากไม่มีทีท่าว่าจะหยุด กริสน์ควบม้าตามหลังมา
“ช่วยด้วย!! นายกริสน์....ช่วยทำให้มันหยุดที”
กริสน์ตะโกน
“นี่คุณหยุดกรี๊ดกร๊าดโวยวายได้มั้ย ทำแบบนี้ม้ามันจะยิ่งตกใจนะ”
“นายลองมาเป็นฉันดูซิ นายจะรู้ว่าหยุดร้องไม่ได้หรอก กรี๊ด”
กริสน์ส่ายหน้าเซ็งๆ แล้วเร่งควบม้าขึ้นไป ม้าพิมมาดาวิ่งไปอย่างเร็ว ห่างออกไป 300 เมตร เป็นเนินสูงซึ่งอันตรายมาก แต่พิมมาดายังไม่เห็น กริสน์ขี่ม้าขึ้นมาตีคู่กับม้าพิมมาดา กริสน์เล็งบังเหียนของม้าที่พิมมาดาอยู่ ทันทีที่ได้จังหวะ กริสน์ก็คว้าบังเหียนไว้แน่น แล้วกระโดดข้ามมานั่งคร่อมม้าตัวที่พิมมาดาขี่อยู่ กริสน์บังคับม้าไว้ได้ ม้าพิมมาดาหยุดก่อนจะตกเนินนั้นแค่ไม่กี่เมตร พิมมาดาอยู่ในอ้อมแขนของกริสน์
“รอดแล้วคุณ” กริสน์พูดแล้วถอนใจเฮือกใหญ่
เป็นครั้งแรกที่พิมมาดามองกริสน์อยู่ใกล้กันขนาดนี้ ทำเอาพิมมาดาเขิน กริสน์ทำเฉย แต่แอบสุขใจอยู่ลึกๆ

ทางด้านแพรวพิลาศเดินจ้ำอ้าวนำหน้าฉัตรชัยกับฮิมในสภาพที่แย่สุดๆ แพรวพิลาศหยุดเดินกะทันหันแล้วหันมาด่า
“เด็กมันดวงแข็ง หรือแกมันโง่กันแน่ แกสองคนนี่มันโง่ยังกะร้านสะดวกซื้อ โง่งี่เง่าได้ตลอด 24 ชั่วโมง”
ฉัตรชัยกับฮิมถึงกับหน้าจ๋อย
“สงสัยฉันจะต้องลงมือเองซะแล้ว” แพรวพิลาศ
แพรวพิลาศมองไปข้างหน้า เห็นโจ๊กกับจีจ้ากำลังอยู่ที่ริมน้ำมองหาป๊อบคอร์น
“ป๊อบคอร์นๆๆ อยู่ไหน ออกมาเดี๋ยวนี้นะ” จีจ้าตะโกนเรียก
“ถ้ายังไม่ออกมาอีก กลับถึงบ้านจะโดนทำโทษนะ” โจ๊กบอก
แพรวพิลาศเดินเข้ามาหาเด็กๆ
“ไม่ต้องตะโกนแล้วจ๊ะ ป๊อบคอร์นกินขนมอยู่ตรงศาลาแล้ว”
“จริงเหรอคะ ทำไมพวกเราไม่เห็นได้ยินเสียงมันเลย” จีจ้าถาม
“แหมๆ ก็ป๊อบคอร์นกินขนมอยู่เต็มปาก จะเอาช่องว่างที่ไหนมาเห่าได้ละจ๊ะ เราไปเล่นเรือบั๊มในสระกันดีกว่า ฐานสุดท้ายแล้วจะได้กลับที่พักกันเนอะ” แพรวพิลาศบอก
“จีจ้าเคยเล่นแต่รถบั๊มยังไม่เคยเล่นเรือบั๊มเลยค่ะ” จีจ้าบอก
“สนุกกว่ารถบั๊มร้อยเท่า นี่น้าแพรวกับฉัตรชัยแล้วก็ฮิมจะลงเล่นด้วยนะ” แพรวพิลาศโม้ชักชวน
ฮิมได้ยินก็ส่ายหน้า ทำหน้าแหยทันที
“ไม่ไหวละครับ ผมตกวิชาว่ายน้ำ”
ฉัตรชัยกระซิบฮิม
“สระน้ำนี้มันลึกสำหรับผู้ใหญ่อย่างเราที่ไหนกันเล่า แต่ถ้าเป็นไอ้เปี๊ยกสองคนนั่นน่ะลึกแน่”
“ค่อยสบายใจหน่อย”
ฮิมตัดสินใจตะโกนบอกแพรวพิลาศ
“ผมเล่นด้วยครับ”
“โอเค งานนี้จัดเต็มนะจ๊ะ” แพรวพิลาศพูดอย่างมีเลศนัย
ป๊อบคอร์นที่ยังถูกผูกติดกับต้นไม้กำลังมองเด็กๆกับกลุ่มแพรวพิลาศ ด้วยความกระวนกระวายใจ แล้วพยายามเอาผ้าที่ผูกอยู่ที่ปากไปเกี่ยวกับกิ่งไม้จนผ้าที่ผูกปากป๊อบคอร์นค่อยเลื่อนออกจนหลุด

ในร้านพริมโรส ในช่วงเวลาเดียวกัน แจ๊สหยิบเงินจากเป๋าตังค์ตัวเองออกมานับ
“มีอยู่ห้าร้อย ขาดอีกตั้งสองพัน” แจ๊สพึมพำ
แจ๊สเก็บกระเป๋าสตางค์ใส่เป้ แล้วยกมือไหว้ตู้เก็บตังค์
“น้าพิมพ์คะ ขอแจ๊สยืมก่อน..แล้วแจ๊สสัญญา ว่าจะเอามาใช้คืนให้ครบทุกบาททุกสตางค์ค่ะ” ว่าแล้วก็หยิบกุญแจแคชเชียร์มาไขตู้เครื่องเก็บเงิน เมิ่อตู้เปิดออก ลิ้นชักเงินเด้งออกมา ในนั้น มีตังค์มากมาย แจ๊สมอง หน้าตาไม่สบายใจ ตัดสินใจไม่ได้ เอาไงดีหรือไม่

โจ๊กกับจีจ้านั่งอยู่บนเรือบั๊มลอยอยู่ในสระน้ำ แพรวพิลาศ ฉัตรชัย และฮิมอยู่บนเรือบั๊มคนละลำ ล้อมรอบโจ๊กกับจีจ้าอยู่ ทั้งสามช่วยกันขับเรือบั๊มเข้าชนเรือของโจ๊กกับจีจ้าอย่างแรง
“อย่าชนแรงนักซิ เรือมันจะล่มเอาง่ายๆนะครับ” โจ๊กโวยวาย
“ไม่ชนแรงๆก็ไม่สนุกซิคะ อย่ากลัวนะคะเด็กๆเรือไม่ล่มง่ายๆหรอกคะ” แพรวพิลาศบอก
“ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน น้าพิมสอนว่าคนเราต้องตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท เพราะฉะนั้นต้องปลอดภัยไว้ก่อนคะ” จีจ้าพูดด้วยความไร้เดียงสา
“เหรอจ๊ะ ฉันเกลียดชื่อนังพิมมาดา ตายซะเถอะหลานนังพิม” พิมมาดาพูดกับตัวเอง
แพรวพิลาศพุ่งเรือเข้าชนเรือของเด็กๆอย่างแรง โจ๊กกับจีจ้าเซเหมือนจะตกจากเรือ ฉัตรชัยกับฮิมเร่งเรือเข้ามาชนซ้ำ โจ๊กกับจีจ้าเซร้องโวยวาย แพรวพิลาศดีใจ
“ดีมาก ต้องอย่างนั้น ชนเข้าไปเอาให้เละ”
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงลมฟู่ออกมาจากเรือของแพรวพิลาศ แพรวพิลาศหันลงมองเห็นป๊อบคอร์นกำลังกัดเรือบั๊มของเธออยู่ ลมเรือเริ่มรั่วออก เรือแพรวพิลาศเริ่มเซจะล่ม
“กรี๊ด...รือรั่ว ช่วยด้วย” แพรวพิลาศร้องด้วยความตกใจ
แพรวพิลาศร้องโวยวายแล้วตะเกียตะกายหาที่เกาะด้วยการคว้าเอาฮิมไว้ทำให้ฮิมเซไปด้วยจนต้องคว้าฉัตรชัยเพื่อหาหลังยึด
“เฮ้ย! คว้าฉันทำไมวะ” ฉัตรชัยร้องลั่น
“ฉันถือคติ รวมกันเราอยู่ ตายหมู่เรายอมเว้ย” ฮิมบอก
และแล้วแพรวพิลาศ ฉัตรชัย และฮิมก็เสียหลักตกน้ำไปพร้อมๆกัน โจ๊กกับจีจ้ามองอย่างอ่อนใจ
“บอกแล้วให้ตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท” จีจ้าบอก

กริสน์ประคองพิมลงจากหลังม้าในบริเวณทุ่งหญ้า ทั้งที่อยากอ้อยอิ่งกอดพิมมาดาต่อนานๆ
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
พิมมาดารีบผละตัวออก ถอยจนไกลไปหลายก้าว
“ไม่”
“ถ้ารู้ว่าบังคับม้าไม่เป็น ก็อย่าสั่งให้มันวิ่งอีกละ”
“ขอบใจ...ที่ตามมาช่วยฉัน”
พิมมาดาสะบัดหน้า รีบเดินหนี
“จะรีบไปไหน ระวังนะ..ตรงนั้นมันเป็น”
กริสน์พูดยังไม่ทันขาดคำ พิมมาดาผลุบหายไป
“พิมมาดา” กริสน์ร้องเรียก
พิมมาดาตกลงไปจากขอบเนิน กลิ้งลื่นลงไปจนถึงก้นเนินที่ลึกและลาดชัน กริสน์วิ่งตามลงไป
“โอ๊ย..โอ๊ย”
“เป็นอะไร เจ็บตรงไหน”
“เท้า..ข้อเท้า..โอย”

กริสน์จับเท้ามาดู หน้าเครียดขึ้นทันที








Create Date : 31 มกราคม 2555
Last Update : 31 มกราคม 2555 14:08:36 น.
Counter : 315 Pageviews.

0 comment
มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 9




ภัทรดนัยเดินออกมาจากห้องเอกสาร ในสำนักงานของมาวิน เขาถือซองกระดาษสีน้ำตาลด้วยท่าทางมีพิรุธ ภัทรดนัยกำลังจะเดินออกไป แต่จู่ๆ เสียงมือถือก็ดังขึ้น ภัทรดนัยตกใจลนลานรีบกดรับสาย

“โทร.มาทำบ้าอะไรตอนนี้วะไอ้กรด!! ..เออ..ชั้นได้เอกสารมาแล้ว..แกรอชั้นก่อน..ชั้นจะรีบไปหาแกเดี๋ยวนี้แหละไอ้กรด”
ภัทรดนัยวางสายแล้วรีบเดินออกไป ทันใดนั้น มาวินก็โผล่ออกมาด้วยท่าทางที่ได้ยินหมดทุกอย่าง
“หึๆๆ ไหนบอกว่าไอ้กรดตายแล้วไง...คิดจะตบตาสารวัตรมาวินเหรอ หึๆๆ ไอไม่ได้ซื้อวุฒิ เอฟบีไอมานะเฟร้ย”
มาวินสวมแว่นดำแล้วรีบเดินตามไป

ภัทรดนัยเดินจ้ำมาที่สวนสาธารณะ เขามีท่าทางลับๆล่อๆ แล้วตรงไปนั่งที่ม้านั่งตัวหนึ่ง ซึ่งมีชายคนหนึ่งกำลังกางหนังสือพิมพ์ปิดหน้าอยู่
ชายคนนั้นลดหนังสือพิมพ์ลงมาจึงเห็นว่าเป็นกริสน์ในคราบของกรด มาวินสะกดรอยตามมาห่างๆ
“ไอ้กรด..คนตายเดินได้เหรอ หึๆ”
ภัทรดนัยส่งซองเอกสารยื่นให้แล้วพูดสองสามคำกับกรด จากนั้นกรดและภัทรดนัยต่างก็ลุกเดินแยกกันไปคนละทาง
“แกหนีชั้นไม่พ้นหรอกไอ้กรด”
มาวินพูดแล้วตัดสินใจเดินตามกรดไป

กริสน์ในคราบกรดออกเดินไป มาวินสะกดรอยตามไปห่างๆ โดยแอบหลังเสาบ้าง หลังรถยนต์บ้าง หลังถังขยะบ้าง รวมทั้งยังดึงร่มกันแดดของผู้หญิงที่กางอยู่มาบังหน้าตัวเองก็มี
กริสน์เดินเลี้ยวเข้าไปในซอกตึกแคบๆ
“ไอ้กรด แกนัดใครไว้” มาวินสงสัย

กริสน์เดินอย่างรวดเร็วเข้ามาในซอกตึก มาวินเดินตามมาห่างๆ กริสน์ยกโทรศัพท์ขึ้นพูด
“สวัสดีครับคุณสุขสันต์ พอดีคุณพิมบ่นคิดถึงคุณสุขสันต์น่ะครับ แต่ไม่กล้าโทรหาคุณสุขสันต์ กลัวคุณสุขสันต์จะหาว่าแกจู้จี้ ผมก็เลยอาสาโทร.มาหาน่ะครับ ไม่ทราบว่าคุณสุขสันต์ยังคุยงานอยู่ร้านอาหารร้านเดิมอยู่หรือเปล่าครับ”

อีกด้านหนึ่ง สุขสันต์กำลังนั่งกินข้าวและคุยงานอยู่กับนักธุรกิจในห้องส่วนตัวภายในร้านอาหาร โดยมีลูกน้องยืนรายรอบ
“ฮ่าๆๆ ชั้นอยู่ร้านอาหารคุยกับแขกร้านเดิม แล้วฝากบอกคุณพิมด้วยนะว่า ชั้นก็คิดถึงเธอ” สุขสันต์พูดโทรศัพท์อย่างอารมณ์ดี
สุขสันต์วางสายแล้วหัวเราะอย่างพอใจ ก่อนจะหันมาคุยธุรกิจต่อ

กริสน์ที่เวลานี้ปลอมเป็นกรดวางโทรศัพท์แล้วยิ้ม เขาเดินมาหยุดที่ทางเข้าด้านหลังของร้านอาหารร้านหนึ่ง กริสน์มองป้ายร้าน ชักปืนออกมาจากเอวแล้วขึ้นลำกล้อง
มาวินที่แอบอยู่หลังตึกถึงกับตาโต “น่านไง...เอาแล้ว...มีคนบาดเจ็บแน่งานนี้!”
กริสน์เดินเข้ามาในร้าน มาวินตามเข้ามาห่างๆ พร้อมกับชักปืนออกมาบ้าง
กริสน์เดินผ่านครัวไป มาวินเดินตาม พนักงานมองทั้งสองอย่างงงๆ

กริสน์เดินเร็วขึ้น มาวินเดินตามห่างๆ กริสน์รีบวิ่งขึ้นบันได มาวินวิ่งตามไม่ลดละ กริสน์วิ่งหายไปในมุมหนึ่ง มาวินวิ่งตามมาพอพ้นมุมนั้นเขาก็พบว่ากริสน์ในคราบกรดหายไปแล้ว
“อ้าว...หายไปไหนวะ?”
ทันใดนั้นก็มีบริกรคนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
“ช่วยด้วยๆมีคนจะยิงกัน!” บริการบอกกับเขา
“ไหนๆ อยู่ไหน? ฉันเป็นตำรวจ!” มาวินรีบถาม
“ตำรวจ...นั่นครับ ห้องนั้นครับ” บริกรชี้ไปที่ห้องอาหารส่วนตัว
“เดี๋ยวแกโทร.ไปแจ้ง 191 เลยนะ ฮ่าๆ สารวัตรมาวิน มาแล้ว”
มาวินรีบวิ่งไปทางที่บริกรชี้ทันที บริกรคนนั้นค่อยๆ หันมา เผยให้เห็นว่าเป็นภัทรดนัยที่ปลอมตัวมา ภัทรดนัยถึงกับหัวเราะร่า

มาวินรีบผลักประตูเข้ามาในห้องส่วนตัวแล้วชี้ปืนขู่
“นี่ตำรวจ! ทุกคนหยุดให้หมด อย่าขยับ”
สุขสันต์ ฉัตรชัย ฮิม บอร์ดี้การ์ด และนักธุรกิจที่อยู่ในห้องนั้นหันมองมาวินเป็นตาเดียว
หลังจากทุกคนในห้องนิ่งไปสักพัก สุขสันต์ก็กล่าวขึ้น “สวัสดีครับ สารวัตรมาวิน!”
“โอ๊ะ...โอ!” มาวินตกใจ
“ทุกคน..สารวัตรมาหาถึงที่เลย..ต้อนรับหน่อยซิ” สุขสันต์บอก
ลูกน้องทุกคนยกปืนขึ้นมาเล็งไปที่มาวิน ฉัตรชัยปิดประตูห้องแล้วกดล็อค มาวินกลืนน้ำลาย

ที่ข้างทางใกล้ร้านอาหาร กริสน์หัวเราะสะใจอยู่กับภัทรดนัย
“ฮ่าๆๆ ไอ้สารวัตรมาวิน เล่นกับใครไม่เล่น รับรองงานนี้มันต้องเข็ดไปอีกนาน” ภัทรดนัยสะใจ
“มันคงจะมาป่วนเราไม่ได้อีกสักพัก ระหว่างนี้เราต้องรีบแกะรหัสให้ได้ ว่าพวกสุขสันต์นัดกันที่ไหน เมื่อไหร่”
“ชั้นรู้แล้ว..วันก่อนชั้นดูหนังมา..มันต้องเอาไปแช่น้ำ แล้วตัวอักษรลับจะขึ้นมา” ภทัรดนัยเอาน้ำดื่มเทใส่กระดาษทันที “อื้ม มันไม่ขึ้น หรือว่ามันจะไม่มีโค้ดลับอะไร”
“ชั้นว่าแกเอาเวลาไปเร่งให้ทีมถอดรหัสทำงานเร็วๆจะดีกว่า” กริสน์ประชด

ที่ร้านสวีทโอปอล์ พวกเด็กๆ กำลังรุมเข้าคิวซื้อขนมอยู่ ปาล์มลากแขนเมทินีเข้ามาในร้าน
“เบาๆๆ ต๊ายๆๆ” เมทินีรีบก้มลงเป่าและลูบแขนตัวเอง “ดึงคุณแม่แรงๆแบบนี้ ไม่ได้นะคะ ถ้าหนังแม่ไม่คืนตัว หลายแสนนะคะลูก..คุณแม่บอกแล้วไง ลูกปาล์มอยากจะซื้อมากแค่ไหน ซื้อไปเลยจ๊ะ แม่รอจ่ายตังค์ให้”
“มากแค่ไหนก็ได้ใช่มั้ยครับ หึๆๆ” ปาล์มยิ้ม
ปาล์มวิ่งเข้าไปกวาดขนมที่วางโชว์อยู่ลงในรถเข็น เขากวาดได้จำนวนหนึ่งแล้วก็รู้สึกไม่ได้ดังใจจึงผลักเด็ก2-3คนที่ยืนขวางอยู่ออกไป แล้วปีนขึ้นไปยืนบนเก้าอี้
“ทุกคนโปรดทราบ!! ใครที่กำลังเลือกขนมอยู่ ไม่ต้องเลือกแล้ว เพราะขนมทั้งหมดของร้านนี้..ตั้งแต่ด้านนี้ ไปถึงด้านนั้น ซุ้มนั้นๆๆๆ..ปาล์มเหมาหมด!”
“หา” เด็กๆ ร้องอย่างตกใจ
“ทุกคนออกไปจากร้านให้หมด พนักงานเอาขนมใส่ถุงให้ด้วย” ปาล์มตะโกนสั่ง
เด็กๆ ที่อยู่ในร้านโวยวายขึ้นมาทันที
“เหมาได้ไง พวกเราก็จะซื้อเหมือนกัน” เด็กคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา
ปาล์มกระโจนมากระชากคอเด็กคนนั้นทันที “แกมีปัญหาเหรอ!”
เด็กคนนั้นมีท่าทางหวาดกลัว “ไม่มีๆ”
“ดี..ใครมีปัญหา แสดงตัวออกมา ถ้าใครไม่มีอะไรคาใจแล้ว ก็ออกไป”
พวกเด็กๆ ทยอยออกไปจากร้าน เมทินีพูดกับเด็กๆ เหล่านั้น
“ขอโทษทีนะเด็กๆ น้าต้องซื้อทีละเยอะๆ แบบนี้ เพราะน้ารวยมาก ธุรกิจเยอะ มาบ่อยๆไม่ได้ พวกเธอจนๆ เอาไว้มาใหม่บ่อยๆนะ”
น้อมพงษ์กับจตุพลกำลังยืนมองเหตุการณ์อยู่อีกด้าน
“ยัยคนนั้นใครวะ มาไล่ลูกค้าเราออกหมดเลย” จตุพลสงสัย
“อ๋อ คุณเมทินี นักธุรกิจมีที่ดินเกือบทุกจังหวัดของประเทศ เจ้าของร้านศัลยกรรมเมทินี...รวยระดับต้นๆ ของประเทศ..คนที่ชอบออกข่าวว่าควงกับพระเอกคนนั้นคนนี้ ทั้งๆ ที่พระเอกไม่รู้จักเลยอ่ะครับ” น้อมพงษ์ตอบ
“อ๋อ....ไม่รู้จักว่ะ..แต่ว่า เจ๊คนนี้รวยมากเลยใช่มั้ย..งั้นถ้าเราได้เจ๊คนนี้มาช่วยขยายสาขาล่ะ”
“ร้านเราสบายแน่นอนครับ” น้อมพงษ์สนับสนุน
เมทินีหันมาพอดี เธอสบตาเข้ากับจตุพลโดยบังเอิญ เมทินียิ้มอย่างขวยเขินก่อนจะทำฟอร์มไม่สนใจแล้วเมินหน้าไปอีกทาง แต่ก็ยังแอบปรายตามองจตุพลอยู่
จตุพลกับน้อมพงษ์งงกับท่าทีของเมทินี
“ผมคิดว่า..โปรเจ็คท์สำคัญอย่างนี้ คุณจตุพลจะต้องออกโรงไปต้อนรับด้วยตัวเองแล้วล่ะครับ..เพื่อธุรกิจของเรา สู้ๆ” น้อมพงษ์บอก ส่วนจตุพลหวั่นใจ

เมทินีกำลังหยิบครีมขึ้นมาทามือทาแขนของตัวเองอยู่ จตุพลเดินเข้ามาทักทาย
“สวัสดีครับคุณเมทินี”
“คุณ...” เมทินีถามอายๆ
“ผมจตุพลครับ เป็นผู้ดูแลธุรกิจสวีทโอปอล์ทั้งหมด..เป็นเกียรติมากครับที่คุณเมทินีมาร้านเรา..แหม ผมรู้จักคุณเมทินีจากข่าวสังคมมานานแล้ว เพิ่งจะได้เจอตัวจริงวันนี้..น่าประทับใจจริง”
“น่าประทับใจ ยังไงคะ?” เมทินีถาม
“ก็ตัวจริงคุณเมทินีดูเป็นผู้หญิงเก่ง ฉลาด มองการณ์ไกล มากกว่าที่สื่อถ่ายออกมาน่ะสิครับ..และที่สำคัญ..ตัวจริง..ก็ยังดูดีมาก” จตุลพป้อยอ
เมทินีเขินจนเผลอทำขวดครีมหล่นลงพื้น เมทินีจะก้มลงเก็บจังหวะเดียวกับจตุพลที่จะช่วยเก็บเช่นกัน ทำให้มือทั้งสองคนโดนกันโดยบังเอิญ
“อุ๊ย..” เมทินีเขิน
ทั้งสองสะดุ้งราวกับถูกไฟช็อต
“ผมเก็บให้ครับ” จตุพลอาสา
“ไม่เป็นไรค่ะ” เมทินีบอก
เมทินีจะเก็บเองแต่จตุพลคว้ามือเธอไว้ เมทินีจะเอามืออีกข้างเก็บ จตุพลก็คว้าเอาไว้อีก จตุพลรวบสองมือเมทินีมาประสานเข้าด้วยกันแล้วกุมไว้
“ให้ผมเก็บให้เถอะนะครับ”
เมทินีจำยอม เธอมีท่าทีเขินอาย
อยู่ๆ ปาล์มก็เข้ามาขัด “คุณมายุ่งอะไรกับแม่ผม!”
“เค้ายังไม่ได้ยุ่งเลยค่ะลูกปาล์ม..ไปๆๆ อย่ามาขัดจังหวะแม่” เมทินีหันมาพูดกับจตุพล “ขอโทษทีนะคะ มีแม่สวย ลูกปาล์มแกก็หวงเป็นธรรมดา”
“ปาล์มซื้อขนมเสร็จแล้ว รอแม่จ่ายเงิน เร็วๆๆ” ปาล์มเร่ง
“เอ้อ หลานสาวอา เรียนโรงเรียนเดียวกับปาล์มนะ ชื่อโอปอล์..น้องปาล์มรู้จักมั้ย” จตุลพชวนคุย
ปาล์มกระเด้งขึ้นมาทันที “คุณอาของโอปอล์เหรอครับ” ปาล์มรีบเข้าไปกอด “ฝากเนื้อฝากตัวด้วยค้าบบบ..ปาล์มสัญญาว่า..ถ้าปาล์มอายุครบสิบแปดเมื่อไหร่ ปาล์มจะให้แม่ไปขอโอปอล์ทันที..คุณอาตกลงนะครับ”
“ลูกปาล์มคะ” เมทินีเรียก
“ถ้าน้องปาล์มชอบแบรนด์สวีทโอปอล์มากขนาดนี้..น่าจะมาเป็นเจ้าของร่วมกันนะครับ..คุณเมทินีสนใจจะร่วมลงทุนกับเรามั้ยครับ” จตุลพเข้าเรื่อง
“ลงทุน?” เมทินีงง
“คือ..ผม..กำลังวางแผนขยายธุรกิจออกไปอีก..อันดับแรก ก็คิดว่าจะขยายเฟรนไชส์เข้าไปเปิดในห้างสรรพสินค้าทั่วกรุงเทพฯ คงจะโชคดีมาก..ถ้าผมได้ร่วมงานกับคนเก่งๆ และสวยอย่างคุณเมทินี..สนใจจะลงทุนซื้อขายแเฟรนไชส์สักที่สองที่มั้ยครับ”
“ซื้อ!!! ซื้อหมดเลย เอาทุกที่” ปาล์มบอก
“เอิ่ม..” เมทินีสนใจ แต่ทำเป็นวางฟอร์ม “นีคิดว่า คงต้องขอนัดคุยในรายละเอียดอีกสักหน่อยจะดีกว่านะคะ”
“ได้ครับ นี่นามบัตรผมครับ” จตุพลยื่นนามบัตรให้ “แล้วผมจะโทรไปนัดหมายกับเลขาคุณเมทินีนะครับ”
“ไม่ต้องค่ะ” เมทินียื่นนามบัตรให้ “โทร.มานัด..ส่วนตัวเลยดีกว่า”
เมทินียิ้มหวานแล้วขยิบตาให้ จตุพลยิ้มรับ

ห้องพักคนไข้ในโรงพยาบาล มาวินนอนเข้าเฝือกทั้งแขน ขา และมีผ้าพันแผลทั่วใบหน้า เขาค่อยๆ ได้สติลืมตา และพบว่าตัวเองนอนเจ็บอยู่ พอหันมาด้านข้างก็ต้องตกใจ เพราะเห็นภัทรดนัยและกริสน์ในคราบของกรดยืนจ้องอยู่
“ตะเอ๋!” ภัทรดนัยทัก
“เฮ้ย..แก ไอ้ภัท..อูย” มาวินจะด่าแต่ก็เจ็บ
“นอนสบายๆก็ได้ครับ ผมแค่มาเยี่ยม... สารวัตรไปทำอีท่าไหนมา..ถึงได้ถูกคนรุมตื้บมาขนาดนี้ ไปอวดเบ่งผิดที่ผิดทางมาใช่มั้ยครับเนี่ย..เจ็บตรงไหนบ้างครับ?” ภัทรดนัยยั่ว
“กะ..แก..”
“สารวัตรไม่ต้องบอกว่าเจ็บตรงไหน” ภัทรดนัยจับแขนมาวินบีบ “เจ็บมั้ยครับ”
“โอ๊ย!” มาวินร้องเสียงดัง
“ตรงนี้ล่ะครับ เจ็บมั้ย..ตรงนี้ล่ะ..ตรงนี้ๆๆ”
ภัทรดนัยแตะตรงนั้นบีบตรงนี้ไปทั่ว มาวินร้องเจ็บหมดทุกจุด
ภัทรดนัยทำเหมือนเจอตำแหน่งที่มาวินไม่เจ็บ “อ้ะๆๆ นี่ไง ตรงนี้สารวัตรไม่เจ็บ งั้น... “ ภัทรดนัยหยิกจุดสงวน
“อ๊าก” มาวินร้องลั่น
“จะได้เจ็บเท่าๆกันทุกส่วน” ภัทรดนัยบอก
“แก..แก..”
“ที่สารวัตรมีสภาพยังงี้ ก็เพราะสารวัตรแอบสะกดรอยตามผม เค้าเรียกว่าคนดีผีคุ้ม..ผมจะทำอะไร ก็ปล่อยผมไป เลิกแกะรอยผมเถอะ..เรามาแก้กรรมด้วยการละเว้นซึ่งกันและกันดีมั้ย..ผมไม่อยากให้สารวัตรเจอกรรมตามสนองอีก” กริสน์เสนอทางออก
พยาบาลเดินเข้ามาพร้อมกับถาดอาหาร
“อุ๊ยๆๆ ได้เวลาทานข้าวพอดี มาๆๆ ผมป้อนเอง” ภัทรดนัยอาสา
พยาบาลส่งถาดให้ แล้วเดินออกไป
“ทานเยอะๆนะสารวัตร จะได้หายเร็วๆ อ้ำๆๆ” ภัทรดนัยยัดข้าวร้อนๆ ใส่ปากมาวิน
มาวินร้อนจึงต้องห่อปาก “โอะ อู้ว”
“ข้าวต้มร้อนไปใช่มั้ยครับ โทษทีๆ ลืมเป่า..อ้ะๆ คำนี้แก้ตัว” ภัทรดนัยยัดอีกคำเข้าปาก “อุ๊ย ลืมเป่าให้อีกแล้ว”
มาวินถูกป้อนข้าวใส่ปากไม่ยั้ง เขามองภัทรดนัยด้วยแววตาแค้น
“ชั้น..ไม่ปล่อย..พวกแก แน่” มาวินพยายามพูด
“เอ้า ยังปากดีไม่เลิก งั้นทานอีกนะครับ” ภัทรดนัยยัดข้าวต้มร้อนๆ ใส่ปากมาวินอีก
มาวินร้องลั่นห้อง

จตุพลเดินมาส่งเมทินีที่รถซึ่งจอดอยู่หน้าร้านสวีทโอปอล์ ปาล์มนั่งกินขนมอยู่ในรถ บนหน้าตักของเขามีขนมเต็มไปหมด
“ต้องส่งขนมตามมาทันที อย่าให้เกินหนึ่งชั่วโมงนะ” ปาล์มสั่ง
“ไม่ต้องห่วง..ลูกค้าคนพิเศษของร้านเรา และของหนูโอปอล์ทั้งที..อาบริการเต็มที่อยู่แล้ว” จตุพลรับคำ
“น่ารักอ้ะคนเนี้ย..เนอะๆ คุณแม่..คนนี้น่ารักเนอะ” ปาล์มบอกแม่
เมทินีก็แอบชอบแต่ยังวางฟอร์ม “อื้อ”
“คุณนีครับ..ถ้าไม่รบกวนเวลามากนัก..ฝากคิดเรื่องลงทุนกับสวีทโอปอล์บ้างสักนิดนะครับ”
“คุณจตุพล..ถามตรงๆนะคะ..ทำไมคุณถึงชวนนีลงทุนด้วยคะ”
“เพราะคุณนีเก่ง ฉลาด เป็นผู้นำ มองตลาดออก ผมมั่นใจว่าจะช่วยทำให้ยี่ห้อสวีทโอปอโด่งดังได้แน่ๆครับ”
“นีขอเหตุผลตรงๆ ได้มั้ยคะ” เมทินีพูด
“ถ้าจะเอาเหตุผลตรงๆ..ก็คือ..ผมเบื่อนักธุรกิจผู้ชายแล้ว..ผมอยากมีหุ้นส่วนธุรกิจสวยๆ คนที่ผมอยากจะคุยงานด้วยทุกวัน..ผิดมั้ยครับ”
เมทินีเป็นปลื้มแต่ยังวางฟอร์ม “ค่ะ..ไม่ผิด..เอิ่ม นีขอตัวกลับก่อนนะคะ”
“หวังว่าคุณนีจะคิดถึงผมบ้าง เหมือนที่ผมจะคิดถึงคุณนีนะครับ” จตุพลหยอด
“นีไม่ค่อยมีเวลา..แต่ก็จะพยายามค่ะ”
เมทินีขึ้นรถไป จตุพลช่วยปิดประตูแล้วยืนส่ง เมทินีมองผ่านกระจกออกมาอย่างขวยเขิน เธอทำเป็นสะบัดสะบิ้งจนรถออกไป จตุพลเปลี่ยนสีหน้าทันที
น้อมพงษ์เดินเข้ามาหา “เป็นยังไงบ้างครับ สำเร็จมั้ย”
“สำเร็จกับผีสิ..ชั้นขนลุกไปหมดแล้ว แค่มองตาก็อยากจะเอาใบหนาดมาฟาดยัยเจ๊นีให้ผีออกให้รู้แล้วรู้รอด”
“ดูท่าทางเจ๊แก ชอบคุณจตุพลเอาเรื่องอยู่นะครับ หึๆๆ อย่างนี้ หลอกเงินมาลงทุนง่าย คิดว่าทำเพื่อธุรกิจแล้วกันนะครับ”
ทันใดนั้น มือถือของจตุพลก็ดังขึ้นเป็นเสียงข้อความเข้า จตุพลหยิบมากดอ่าน “คืนนี้โทร.มานะ จะรอ จูบุจูบุ”
จตุพลกุมขมับอย่างเครียดๆ

โจ๊กกับแจ๊สแอบเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนกริสน์ โดยมีจีจ้ากับป๊อปคอร์นเดินตามเข้ามา
“พวกเราแอบเข้าห้องลูกพี่วิ่งสู้ฟัดมาทำอะไรกันอ่ะ” จีจ้าสงสัย
“พี่มั่นใจ ว่าคนไทยเกิน 1 ล้านคน ..ต้องสงสัยว่าน้ากริสน์ต้องเป็นไส้ศึกที่นายไร้สุขทุกข์ระทมส่งเข้ามาอยู่ในบ้านเรา”
“เราต้องหาหลักฐาน และขับไล่ออกไป..แยกย้ายกันหา!” โจ๊กสั่ง
พวกเด็กๆแยกย้ายกันรื้อหาหลักฐาน ทั้งหมดรื้อมุมนั้นมุมนี้ไปทั่ว ป๊อปคอร์นก็ช่วยหาด้วย
“พวกพี่คิดมาก ลูกพี่กริสน์ไม่ใช่คนไม่ดีหรอก.....มั้ง” จีจ้าชักลังเล
“เจอแล้ว!” โจ๊กตะโกนลั่น
“อะไร” จีจ้าถาม
“เงิน!!” โจ๊กพบเงินวางอยู่ในลิ้นชัก “สองร้อยยี่สิบบาท..ต้องเป็นเงินที่ขโมยร้านเรามาแน่ๆ”
“อาจเป็นเงินลูกพี่กริสน์เองก็ได้” จีจ้าบอก
แจ๊สดึงกล่องรองเท้าออกมาจากใต้เตียง โดยมีหนังสือพิมพ์วางอยู่บนกล่อง “ฮ้า!! นี่ๆๆ หนังสือพิมพ์ของร้านดอกไม้..มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง น้ากริสน์ต้องขโมยมาแน่ๆ”
“ขโมยทั้งเงิน ขโมยทั้งของ ชัดเลยว่าเป็นคนไม่ดี” โจ๊กสรุป
“เราจะไปฟ้องน้าพิม” แจ๊สบอก
“เดี๋ยวๆๆ” จีจ้าทักแล้วจะเข้าไปห้าม แต่เผลอเตะกล่องรองเท้าคว่ำจนเผยให้เห็นว่าในกล่องนั้นมีทั้งปืนและรูปภาพมากมาย
“ปืน!” เด็กๆ ตกตะลึงที่เห็นปืน โจ๊กจะเข้าไปหยิบปืนขึ้นมา แต่แจ๊สรีบห้ามเอาไว้ “ห้ามจับปืนนะโจ๊ก!”
โจ๊กหยุดกึก “ทำไมล่ะพี่แจ๊ส?”
แจ๊สหน้าตาจริงจัง “เด็กๆอย่างเราห้ามเล่นปืนเด็ดขาด ถ้าเกิดมีลูกกระสุนอยู่ละก็ถึงตายเลยนะ”
โจ๊กกับจีจ้าอึ้ง ป๊อปคอร์นคลานต่ำเข้าไปที่ปืน มันดมๆ ฟุดฟิดๆ แล้วหันกลับมาที่เด็กๆ ก่อนจะพยักหน้าบอกว่าเป็นของจริง
“ป๊อปคอร์นพยักหน้า แปลว่า..ปืนของจริง!” โจ๊กบอก
“รูปภาพพวกนี้ มีแต่ภาพนายทุกข์ระทมทั้งนั้น” แจ๊สพูด
“จีจ้าบอกแล้วไง..จริงๆแล้วลูกพี่กริสน์เป็นตำรวจ ที่กำลังสืบความชั่วของนายทุกข์ระทมอยู่ ..เป็นตำรวจก็ต้องมีปืน”
“โจรก็มีปืนได้นะ” โจ๊กพูดขึ้น
“พี่ว่าเราไปบอกน้าพิมดีกว่า” แจ๊สเสนอ
เด็กๆ จะรีบออกไปแต่พอไปถึงประตูก็ต้องผงะ เพราะกริสน์ยืนขวางอยู่ที่ประตูซึ่งเปิดออก
“พวกเธอเข้ามาทำไม!” กริสน์เหลือบไปเห็นกล่องใส่ปืนคว่ำอยู่ก็ตกใจ “เฮ้ย!”

พวกเด็กๆ มาออกันอยู่ที่มุมนึงของห้องเพราะกลัวกริสน์
“ชั้นไม่ใช่โจร” กริสน์บอก
จีจ้าดีใจแล้วตั้งท่าจะวิ่งเข้าหา “จีจ้าบอกแล้ว”
แจ๊สคว้าตัวจีจ้าไว้ “จีจ้า!” แจ๊สพูดกับกริสน์ “ถ้าไม่ใช่โจร แล้วทำไมถึงมีปืน”
“รูปนายทุกข์ระทมด้วย” โจ๊กเสริม
“อืม” กริสน์ลังเลแล้วชั่งใจก่อนจะตัดสินใจพูด “มาถึงขั้นนี้แล้วชั้นคงต้องบอกความจริงกับพวกเธอ แต่พวกเธอสัญญาได้มั้ยว่าจะไม่เอาไปบอกต่อ”
เด็กๆ พยักหน้า กริสน์ตีหน้าเศร้าทันที
“ชั้น..กับนายทุกข์ระทม..จริงๆแล้ว เราเป็น..พี่น้องกัน”
“พี่น้อง!” เด็กๆ ตกใจ
กริสน์ออกลีลาเล่าเหมือนจริง โดยแต่งเรื่องเหมือนกำลังแสดงละครเวที
“นายทุกข์ระทมเป็นลูกที่เจ้าคุณพ่อเจ้าคุณแม่ของพี่รับอุปการะมาเลี้ยง ไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่ฉัน...ฉันคือลูกชายที่แท้จริง..คุณชายกริสนพงษ์ไพศาล..ทายาทคนเดียวของตระกูลสว่างวงศ์”
“คุณชาย” เด็กๆ ตกใจ
“นายทุกข์ระทมอยากฮุบสมบัติทั้งหมดของตระกูลฉัน..ก็เลยวางแผนทำให้เจ้าคุณพ่อเจ้าคุณแม่รถคว่ำเสียชีวิต แล้วใส่ร้ายว่าฉันเป็นคนทำ..จ้างคนตามล่าฉัน..จนฉันต้องหนีหัวซุกหัวซุน ไปอยู่เมืองนอก ในขณะที่นายทุกข์ระทมเสวยสุขอยู่บนกองเงินกองทองของฉัน”
“คุณพูดจริงเหรอ แล้วทำไม..นายทุกข์ระทมถึงจำคุณไม่ได้” แจ๊สสงสัย
“ก็..ก็..พี่หนีไปอยู่เกาหลี เลยทำหน้ามาใหม่หมด คาง แก้ม จมูก ฝีมือหมอทั้งนั้น” กริสน์ด้นสด
“มิน่า..นายทุกข์ระทมถึงจำลูกพี่ไม่ได้” จีจ้าเข้าใจ
“ใช่..พี่จะกลับมาทวงสิทธิ์ทายาทตัวจริงคืนมา!! พี่เลยตีสนิทนายทุกข์ระทม เพื่อสืบหาพินัยกรรมฉบับจริงของเจ้าคุณพ่อ และใบเกิด ที่ระบุว่า ทายาทที่แท้จริงของตระกูลสว่างวงศ์ จะต้องมีปานแดงรูปหัวใจที่แก้มก้นขวา ซึ่งมันก็คือฉัน อยากดูมั้ย” กริสน์ท่าจะถอดกางเกง
“ไม่ๆ” เด็กๆ รีบห้าม
กริสน์ทำเป็นทรุดลงแล้วหน้าตาเศร้าลง
“ฉันต้องทำให้สำเร็จ เพื่อวิญญาณเจ้าคุณเจ้าคุณแม่จะได้สงบสุข ฮือๆ”
เด็กๆอึ้งและเห็นใจ ทั้งหมดต่างพากันสงสารกริสน์

กริสน์พาเด็กๆออกมาจากห้อง “ไปๆๆ แล้วอย่าลืมที่รับปาก”
พิมมาดายืนกอดอกรออยู่ข้างนอก
“กี่โมงกี่ยามแล้ว ทำไมยังไม่พาเด็กๆ เข้านอนอีก พรุ่งนี้ต้องไปเรียนนะ”
“เอ่อ..กำลังจะพาไปแล้วนี่ไงครับ เข้านอนช้ากว่าปกติสักสิบนาทีไม่เป็นไรหรอก”
“จะนาทีเดียวหรือร้อยนาที มันก็คือสาย..นายจะปลูกฝังให้หลานชั้นไม่รู้จักรักษาเวลาหรือไง..ใช้ไม่ได้”
“ทำไมน้าพิมชอบว่าลูกพี่กริสน์เรื่อยเลย” จีจ้าถาม
“ทีคนที่ควรจะต่อว่ากลับไม่ว่าสักคำ” โจ๊กเสริม
“สักวัน..พวกเราจะทำให้น้าพิมรู้ว่าใครกันแน่คือทายาทตัวจริงของตระกูลสว่างวงศ์!” แจ๊สต่อ
“ใครกันแน่ที่เป็นเจ้าของทรัพย์สมบัติมหาศาลทั้งหมด” โจ๊กบอก
“ใครกันแน่ที่เป็นพระเอก” จีจ้าพูดต่อ
เด็กๆหัวเราะหึๆ อย่างมีเลศนัย
“พวกเธอพูดเรื่องอะไร...นายสอนอะไรหลานชั้น” พิมมาดางง
กริสน์รีบตัดบท” เด็กๆ..เข้าบ้านไปนะๆ”
เด็กๆ เดินเข้าไป ป๊อปคอร์นมองพิมมาดาแล้วเชิดหน้าเดินตามไป
“อย่าให้รู้นะว่านายสอนอะไรแย่ๆ ให้หลานชั้น นายเจอดีแน่”
พิมมาดาขู่แล้วรีบเดินตามเด็กๆ ไป
กริสน์มีท่าทางเครียด “ตายๆๆๆ เกลียดพวกเด็กๆพวกนี้จริงๆ”

ที่โรงเรียนในเช้าวันต่อมา ชมรมStar dance กำลังซ้อมเต้นกันอยู่ ทุกคนพยายามจะเต้นท่าที่ต้องหมุนตัว แต่ทำกันไม่ได้ ทำทีไรก็เซเพราะจัดระเบียบร่างกายไม่สมดุล แจ๊สเดินผ่านมาแล้วหยุดมอง
“ทำไมท่านี้ทำไม่ได้สักทีอ้ะ..เอ้า ห้ามพัก ลุกขึ้นมาซ้อมต่อจะประกวดอยู่แล้วนะ” ครูฟ้าใสบ่น
ลูกทีมนั่งพักเพราะเมื่อยขา
“ไม่ไหวแล้วค่ะครู ปวดขาไปหมดแล้ว” ลูกทีมคนหนึ่งพูดขึ้น
“ท่านี้ย้ากยาก” ลูกทีมอีกคนบอก
“เวลาจะเทิร์นอ่ะ เค้าต้องมีโฟกัส” ครูฟ้าใสอธิบาย ด้านหลังของครูฟ้าใสแจ๊สกำลังทำท่านั้น ซึ่งทีมเต้นนั่งมองอยู่ “มอง แล้วเวลาจะหมุน กวาดเท้า..รู้สึกว่าเท้ามันกำลังดึงเราๆๆ แล้วก็ปล่อยตัวไปตามแรงเหวี่ยง” แจ๊สหมุนได้อย่างสวยงาม “กลับมาที่โฟกัสเดิม”
แจ๊สทำได้อย่างสวยงาม พวกลูกทีมมองอย่างทึ่งๆ
“ครูไปเคลียงาน กลับมาทำกันให้ได้นะ I’be back !” ครูฟ้าใสเดินออกไป
หัวหน้าทีมเห็นครูฟ้าใสไม่อยู่ก็เดินรี่เข้ามาหาแจ๊สทันที หัวหน้าทีมผลักแจ๊สจนล้มลง “ใครใช้ให้เธอมายุ่งยัยเฉิ่มเบ๊อะ!”
“ก็แค่ทำตามที่ครูบอก” แจ๊สพูด
“ระดับชั้น ฝึกเองก็ทำได้..ไม่ต้องมายุ่ง!! ถ้าเก่งนักก็ไปสมัครเองสิ โด่ ไม่มีปัญญาแล้วจุ้น!”
กลุ่มทีมเต้นเดินไปฝึกต่อ แจ๊สทำหน้าเซ็งและแค้น เธอหันมองไปที่ป้ายรับสมัครประกวดที่ติดอยู่ ด้วยแววตามุ่งมั่น แจ๊สจะเข้าไปดึงป้ายมาแต่อยู่ๆมีคนมากระชากป้ายนั้นออก แจ๊สหันมองไปพบว่าเป็นปาล์มและสมุนที่ตามมาเป็นแผง
“จะทำอะไร อย่าบอกนะว่าอยากจะประกวดเต้น..ก๊ากๆๆๆ มนุษย์ต่างดาวอย่างเธอ เต้นเป็นด้วยเหรอ..ก๊ากๆๆ เพ้อเจ้อ ฮ่าๆๆ”
“เอาใบประกาศมา” แจ๊สบอก
ปาล์มผลักแจ๊สล้มไป “อยากได้เหรอ” ปาล์มฉีกใบประกาศทิ้ง แล้วโปรยลงกับพื้น “เอาไปดิ ก๊ากๆๆๆ คนแปลกประหลาดอย่างเธอ ไปออกงานวัดเต้นเมียงู ดึ่มดึ๋ยๆ จะรุ่งกว่า นะ ก๊ากๆๆๆ บาทเดียวดูเพลินอะไรไม่เกิน เมียงู”
ปาล์มและสมุนร้องและล้อเลียนแจ๊สต่างๆ ทีมเต้นก็หัวเราะเยาะแจ๊สด้วย แจ๊สแค้นเพราะทำอะไรไม่ได้ได้แต่กรี๊ดเสียงดังลั่น
ปาล์มกรี๊ดล้อเลียน “กรี๊ดๆๆๆๆ”
“กรี๊ด!” แจ๊สกรี๊ดไม่หยุด
ครูฟ้าใสกับครูพงษ์พัฒน์วิ่งเข้ามา
“หยุดๆๆ มีเรื่องอะไรกัน ทั้งหมดไปที่ห้องพักครู ไร้ท์นาว!” ครูฟ้าใสสั่ง

ครูฟ้าใสรู้สึกตกใจจนต้องยกมือขึ้นทาบอก เมื่อได้รู้เรื่องจากปากของแจ๊สที่พูดถึงเจตนารมย์ของตัวเองเมื่อมาอยู่ที่ห้องพักครู
“แจ๊สจะประกวดแด๊นซิ่ง คอนเทสต์ 2011 โอ้มายก๊อด”
เด็กๆ จากชมรมเต้นยืนมองกันเรียงราย
“ครูคิดดูสิครับ ว่าถ้าเอเลี่ยนอย่างยัยแจ๊สไปประกวด...โรงเรียนเราก็คงจะ...” ปาล์มหันซ้ายหันขวา
“เป็นอะไร” ครูพงษ์พัฒน์ถาม
“ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน” ปาล์มตอบ
“แจ๊สเต้นได้ แจ๊สซ้อมเองที่บ้าน ถ้าครูไม่เชื่อ แจ๊สจะเต้...” แจ๊สพยายามจะบอกแต่ยังไม่ทันพูดจบครูพงษ์พัฒน์ก็แทรกขึ้นมาก่อน
“แจ๊ส...ครูขอพูดตรงๆนะ...คือ คนที่จะเต้นได้ ต้องรูปร่างดีๆหน้าตาน่ารักๆสวยๆเต้นแล้วมีเสน่ห์น่ามอง..แต่เธอ..นอกจากจะไม่มีอะไรเข้าข่ายนั้นเลย...ตรงกันข้ามด้วยซ้ำ เธอแค่อยู่เฉยๆ มองมาเฉยๆ ก็ทำให้คนมองรู้สึกเหมือน...”
“เหมือน...เหมือนดูหนังผีอยู่” ปาล์มช่วยต่อ
“แจ๊ส..คนเราไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นหรือทำทุกสิ่งทุกอย่าง” ครูฟ้าใสอบรม “เราต้องรู้ตัวเรา ว่าเกิดมาเพื่ออะไร...แล้วก็ทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด...อย่างแจ๊สไม่ได้เกิดมาเพื่อเต้น จ๊สไม่ใช่สตาร์..แต่แจ๊สเกิดมาเพื่อ...เพื่อ..สร้างบาลานซ์...ความสมดุลให้กับโลก...แจ๊สทำให้ทุกๆคนแยกแยะความแตกต่างของคำว่า...นอร์มอล ปกติ กับแอ๊บนอร์มอล ไม่ปกติได้...เพราะฉะนั้น หน้าที่ใครหน้าที่มัน...ปล่อยให้คนนอร์มอลเค้าประกวดเต้นกันไป...คนแอ๊บนอร์มอลอย่างแจ๊ส ก็ไปทำอะไรแอ๊บๆ เถอะ”
แจ๊สนิ่งฟังแต่แววตายังคงดื้อรั้นและไม่ยอมแพ้

เค้กหน้าระรื่นประกาศชัดเจนกลางร้านเบเกอรี่ของตัวเอง
“ชั้นจะขอคุณกริสน์เป็นแฟน!”
พิมมาดาได้ยินก็ถึงกับอึ้ง”อะไรนะ”
“ถูกต้องแล้วคร้าบ!” เต๋ากับเต้ยประสานเสียง
“เต๋าว่าเต๋าแรงแล้ว ชะนีเค้กแรงกว่า ตัวแม่มากๆอ้ะ”
“ไม่เสียแรงที่เต้ยยอมหลีกทางยกคุณกริสน์ให้”
“เดี๋ยวๆๆๆ..เค้ก แกจะไปขอผู้ชายเป็นแฟนได้ไง..แกเป็นผู้หญิงนะ น่าเกลียด” พิมมาดาเบรค
“อยู่เป็นโสดจนแก่ก็น่าเกลียดพอกันนั่นแหละ อุ๊บส์ ชั้นไม่ได้ว่าเธอนะพิม แต่..ชั้นอัดอั้นจนทนไม่ไหวแล้ว ชั้นต้องเปิดเผยความในใจออกไป”
“นายกริสน์น่าพิศวาสตรงไหน” พิมมาดาถาม
“ทุกตรง..อร๊าย” เค้กพูดแล้วก็เขินเอง
“ภาษากระเทยเรียก..ของแซ่บ” เต๋ากับเต้ยพูดพร้อมกัน
พิมมาดาหันไปดุ “เต๋า เต้ย ร้านไม่มีคนอยู่ กลับไปเฝ้าร้านเลย ไป!”
“พูดเรื่องทีไร โมโหทุกที” เต้ยบ่น
“นั่นดิ...ไปก็ได้ค่ะ” เต๋าเซ็ง
เต๋ากับเต้ยยอมเดินออกไป
“พิม ทำไมเธอต้องโมโหด้วย” เค้กข้องใจ
“ชั้นไม่รู้ว่านายกริสน์ไปทำอะไรให้เธอประทับใจ แต่ชั้นว่า..เค้าไม่คู่ควรกะเธอหรอก”
“แต่ชั้นตัดสินใจแล้ว และเธอก็ต้องช่วยชั้นด้วย.. ..คืนนี้ ชั้นจะแอบเข้าไปรอในห้องนอนคุณกริสน์..พอคุณกริสน์กลับมา..ชั้นก็จะโผล่มา..เซอร์ไพร้ส์!! แล้วชั้นก็พูดว่า..” เค้กทำเป็นซ้อมพูดกับพิม “เป็นแฟนกับเค้กนะคะ คุณกริสน์ก็ต้องดีใจ ตอบตกลง..แล้วเราก็กอดกัน..แล้วสุดท้าย”
“พอละ! น่าเกลียดที่สุด”

พิมมาดาตำหนิแล้วลุกออกไป ปล่อยเค้กให้นั่งฝันหวานอยู่อย่างนั้น

สมุนสองคนของจตุพลที่มีหน้าที่คุมอธิป ยืนอยู่หน้าห้องรับแขก ทั้งสองได้ยินเสียงอธิปโวยวาย เลยตัดสินใจเดินเข้าไปดู

“พูดไม่รู้เรื่องเลยไอ้เดช !! โว๊ย” อธิปโวยเสียงดัง
เดชกับอธิปสบตากันแล้วรีบผละออกจากกัน
เดชทำเป็นพูดเสียงดัง “โอ๋ๆๆ เสี่ยอย่างอแงนะ ผมจะเปิดการ์ตูนให้ดูนะ อ่ะๆ” เดชพูดแล้วรีบเปิดการ์ตูนอิ๊กคิวซังให้อธิปดูทันที สมุนทั้งสองเข้ามามองอย่างงงๆ
อธิปทำเสียงพร้อมการ์ตูนในทีวี “จะรีบไปไหน จะรีบไปไหน..ครับผม..พักเดี๋ยวนึงซิครับ”
สมุนทั้งสองสบตากันแล้วทำหน้าสมเพช ทั้งคู่ส่ายหัวอย่างสมเพชแต่ก็วางใจว่าทุกอย่างปกติ อยู่ๆ อธิปก็ชี้หน้าสมุน “ปุจฉา!”
สมุนทั้งสองมองหน้ากันอย่างงงๆ อธิปก็ชี้อีกครั้ง “ปุจฉา”
สมุนทั้งสองอึกอักนิดหน่อย แล้วก็นึกขึ้นได้หันมามองหน้ากันแล้วหันไปรับมุก “วิสัชนา!”
“อะไรเอ่ย..คนเสพตาย..คนขายติดคุก” อธิปถาม
สองสมุนมองหน้ากันไปมาอย่างงงๆ เดชรีบเข้ามาประกบ เขาทำหน้าน่ารักแล้วพูดเหมือนชี้แนะ “ใช้’หมอง..นั่ง’มาธิ”
สมุนงงไม่รู้จะทำอะไร อยู่ๆ อธิปก็ลุกขึ้นตวาด “บอกว่าให้ใช้หมอง นั่งมาธิ ไอ้พวกโง่..ไม่เข้าใจรึไง นี่แน่ะ! นี่แน่ะ!” อธิปหยิบแจกันฟาดหัวสมุนคนนึงดังปังจนสมุนคนนั้นสลบ
สมุนอีกคนเอะอะแล้วทำท่าจะควักปืน เดชคว้าแจกันอีกอันทุบหัวจนสลบไปอีกคน
“เสี่ย เสี่ยทำอะไรลงไป” เดชถาม
“ไม่รู้..มันอดใจไม่ไหว แล้วแกล่ะ ทำอะไร” อธิปถามกลับ
“อ้าว ก็..ผมก็ต้องตกกะไดพลอยโจนตามเสี่ยไง แล้วแบบนี้จะเอาไงดีล่ะครับ”
“ไปเอาตัวโอปอล์มา..แล้วพวกเราไปกัน” อธิปสั่ง

อธิปกับเดชรีบวิ่งขึ้นบันไดมาที่ห้องโอปอล์ ทั้งสองเห็นทางสะดวกเลยรีบเปิดประตูเข้าไปในห้องโอปอล์ทันที เมื่อประตูเปิดทั้งสองเห็นโอปอล์กำลังทำการบ้านอยู่
“โอปอล์ๆ เราหนีกันเถอะลูก” อธิปบอกลูกสาว
โอปอล์ถามเพราะงง “หนีไปไหนคะ?”
“เอาน่า ไม่ต้องถาม ไม่ต้องเก็บของด้วย ไปเลยไปกับป๊า!”
เดชที่ยืนดูต้นทางอยู่ทางหน้าประตูทำมือเรียกให้ไปได้เพราะทางสะดวก

ลูกน้องของจตุพลเดินเข้ามาในห้องรับแขก เขาเห็นเพื่อนนอนกองอยู่กับพื้น ข้างๆมีเศษแจกันแตกกระจายอยู่เต็มพื้น ก็รีบยก ว.ขึ้นมาพูดทันที “คุณน้อมพงษ์ครับ”

อธิปจูงโอปอล์วิ่งมาตามทางในคฤหาสน์ โดยมีเดชวิ่งนำเพื่อดูต้นทาง เดชวิ่งมาหลบอยู่ที่มุมหนึ่ง เขาเห็นลูกน้องของจตุพลยืนอยู่ อธิปกับโอปอล์วิ่งเข้ามาหลบด้วย ทั้งหมดรอจนสมุนจตุพลเดินเลยไป จึงวิ่งออกมาจากที่ซ่อนแล้ววิ่งต่อไป

อธิป เดช และโอปอล์วิ่งมาหลบที่โรงรถเพื่อหลบสมุน 2-3 คนที่เดินอยู่แถวนั้น อธิปให้สัญญาณเพื่อให้เดชวิ่งไปเอากุญแจรถที่แขวนอยู่มา เดชรีบวิ่งไปดูลูกกุญแจ “อันนี้มันกุญแจคันไหนหว่า?”
อธิปส่งเสียงเร่งเบาๆ “เร็วซิไอ้เดช”
“เร็วสุดๆแล้วครับเสี่ย” เดชเหงื่อตก “อ้อ...คันนั้นครับ!”
ทั้งสามวิ่งขึ้นรถได้ก็รีบปิดประตู เดชรีบสตาร์ทรถพอเครื่องติดทั้งสามก็ดีใจมาก เดชเข้าเกียร์เตรียมออกรถ แต่พอมองไปข้างหน้ารถเขาก็ตกใจสุดขีด อธิปกับโอปอล์พอหันไปเห็นก็ตกใจด้วย
ห่างออกไปบริเวณหน้ารถ จตุพลกับน้อมพงษ์และบรรดาลูกสมุนกำลังยืนจังก้าขวางรถอยู่

จตุพลกับน้อมพงษ์ลากทั้งสามเข้ามาในห้องรับแขก เมื่อจตุพลกับน้อมพงษ์เห็นสมุนสองคนสลบอยู่บนพื้นก็ตกใจ จตุพลชี้ไปที่สมุนที่นอนกองอยู่ที่พื้นแล้วถาม “อากู๋บอกผมหน่อย...ทำไมไอ้2คนนั่นเป็นแบบนี้ ใครทำอะไรมัน หา! ไอ้เดช”
เดชอึกอัก “เอ้อ อ้า อ้าเอ้อ ก็..เสี่ย เสี่ยทำครับ”
“อากู๋ อากู๋ทำอะไรเด็กผม?” จตุพลถาม
อธิปทำท่าคิด “ใช้หมองนั่งมาธิๆ”
“เสี่ยทำหรือเปล่า?” น้อมพงษ์ถามย้ำ
“ป๊าไม่ได้ทำ ป๊าไม่มีทางทำ!” โอปอล์บอก
จตุพลชี้หน้าด้วยความโกรธ “แล้วจะเป็นใครไปได้อีกล่ะ! ป๊าเธอ ทำร้ายลูกน้องชั้น”
เดชรีบหาทางออก “น่าเป็นห่วงมากเลยนะครับ ตอนนี้เสี่ยอาการรุนแรง..ถึงขนาดทำร้ายคนอื่นแล้ว..ใครจะรู้ ว่าซักวัน อาจทำร้ายผม หรือแม้กระทั่งคุณหนูโอปอล์ก็ได้”
“โอปอล์จะพาป๊าไปโรงพยาบาล” โอปอล์พูดด้วยความรู้สึกร้อนใจจริงๆ เธอพยายามจะประคองอธิปให้มานั่งรถเข็น “พี่เดช ช่วยทีสิ”
“ถูกครับ ถูกๆๆ เราต้องไปโรงพยาบาลกันเดี๋ยวนี้” เดชรีบสนับสนุน
น้อมพงษ์จับตัวอธิปไว้ “ไม่ต้องพาไปไหนหรอกครับ..เรามีหมอประจำตัวเสี่ยอธิปอยู่แล้ว โทรเรียกมาได้ทุกเมื่อ”
“ไม่เอา!!..หมอของอาจตุพลไม่ได้เรื่อง!! รักษาป๊าไม่หาย!!..โอปอล์จะพาป๊าไปโรงพยาบาล” โอปอล์ยืนกราน
จตุพลพูดเสียงดัง “ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!”
“โอปอจะพาป๊าไปโรงพยาบาล..ไปโรงพยาบาลๆๆ”
“อย่าดื้อกับอานะ!!! ออกไปข้างนอก” จตุพลไล่
“ไม่!!! อาจตุพลนั่นแหละออกไป ไม่ต้องมายุ่ง..ออกไปๆๆ” โอปอล์ดันตัวจตุพลให้ออกไป
จตุพลจับตัวโอปอล์เอาไว้ “กล้าขัดคำสั่งอาเหรอ!!! อยากถูกตีใช่มั้ย!” จตุพลเงื้อมือจะตี
“อย่า!” อธิปร้องห้าม
จตุพลกับน้อมพงษ์มองอธิปที่ร้องขึ้นมาอย่างอึ้งๆ
พออธิปรู้ตัวก็กลัวความแตก “อย่า ยาอย่าย่า ยีหยี่ยี่ ยูหยู่ยู่ คุณแม่ซักผ้า คุณยายสระผม ลูกอมโบตัน ยาสีฟันคอลเกต สบู่วิเศษ ปักกะเป้ายิ้งฉุบ”
จตุพลสั่งสมุนสองคน “พวกแกไปดูไอ้2คนนั่น น้อมพงษ์...สั่งทุกคนในบ้าน ว่าตั้งแต่วันนี้ไป ให้ขังเสี่ยอธิปไว้เฉพาะในห้องนอน ห้ามออกมาให้เห็นเดือนเห็นตะวัน”
“ไม่เอา ห้ามใครขังป๊านะ อาจตุพลใจร้าย ฮือๆ” โอปอล์ร้องไห้
“นังเด็กดื้อ..ออกมานี่!” จตุพลลากโอปอล์ออกไป
อธิปได้แต่มองตามอย่างเป็นห่วง

จตุพลลากตัวโอปอล์ขึ้นมาบนห้องของเธอ โอปอล์พยายามดิ้นมาตลอดทาง “ปล่อยโอปอล์ ปล่อยๆๆ”
“เข้าไปในห้อง” จตุพลสั่ง
“ไม่จริง..ป๊าไม่ทำร้ายพวกเรา ป๊าทำแต่พวกคนชั่ว” โอปอล์โวยวาย
เดชรีบวิ่งเข้ามาดึงตัวโอปอล์ไว้ “คุณหนูโอปอ เงียบนะครับ” เดชหันไปพูดกับจตุพล “คุณจตุพลครับ ..เดี๋ยวผมจะอธิบายให้คุณหนูเข้าใจเองครับ”
“มันหน้าที่แกอยู่แล้ว” จตุพลบอก
“แกดูแลเสี่ยก็ไม่ได้เรื่อง ดูแลคุณหนูก็ไม่ได้เรื่อง” น้อมพงษ์ด่าแล้วเข้ามาตบหน้าซ้ายของเดช “หัดทำตัวให้มีคุ้มค่าข้าวแดงแกงร้อนที่เสี่ยเคยราดหัวกบาลแกมาซะบ้างสิ” แล้วเขาก็ตบหน้าขวาของเดช “เข้าใจมั้ย!”
โอปอล์พยายามตีน้อมพงษ์ “ใจร้ายๆ ห้ามทำร้ายพี่เดชนะ”
น้อมพงษ์หันมาตาเขียวใส่โอปอล์ เดชรีบเข้าไปกันโอปอล์ไว้แล้วยกมือไหว้
“ต่อไปผมจะทำตัวเป็นลูกน้องเสี่ย..ที่กตัญญูกตเวทีครับ เพราะพวกอกตัญญูมีเยอะแล้ว”
“ไปๆๆ ไสหัวไป เหม็นขี้หน้า” น้อมพงษ์ไล่
เดชรีบพาโอปอล์เข้าห้องไป
“แกจะไล่มันไป ถามชั้นสักคำหรือยัง” จตุพลถาม
“ก็..แหม ผมรู้ใจคุณจตุพล..รู้ว่าจะพูดอะไร เลยพูดแทนไงครับ” น้อมพงษ์รีบเปลี่ยนเรื่อง “ผมว่า..คุณจตุพลต้องทำอะไรสักอย่างนะครับ..ยัยเด็กโอปอล์มันฤทธิ์มากขึ้นเรื่อยๆ”
“แกจะให้ชั้นทำอะไร?”
“ทำให้โอปอล์เชื่อฟังอยู่ในอาณัติของเรา..เหมือนเด็กๆที่เป็นทาสเรา..เต็มบ้านเต็มเมืองอยู่ตอนนี้ไงครับ”
จตุพลยิ้มอย่างเห็นด้วย

แจ๊สกำลังดูทีวีช่อง MV สลับกับเข้าอินเตอร์เนทอยู่ที่ร้านดอกไม้ จากนั้นก็เปิดดูรูปภาพแฟชั่นต่างๆเพื่อหาสไตล์การแต่งตัวแต่ก็ยังไม่เจอที่ถูกใจ อีกด้านหนึ่ง เต๋ากับเต้ยกำลังทำงานกันอยู่
เต๋าหันมาเห็นภาพในทีวีเป็นเลดี้ กาก้า “อุ๊ยตาย...คุณแม่ขา”
เต๋ากับเต้ยรีบยกมือไหว้ทีวี “คุณแม่สวัสดีค่ะ”
“คุณแม่....แรงเนอะ...ดูชุดสิ” เต๋าบอก
“อยากใส่ไฮคัทแบบนั้นบ้าง จะโชว์ขาอ่อนให้หนุ่มๆสั่นสะท้านไปทั้งซอยเลย” เต้ยพูด
แจ๊สมองในทีวีแล้วก็เกิดไอเดีย เธอทำตาโตขึ้นมาทันที
“พี่เต๋า พี่เต้ย ถามหน่อยสิ...สมมติถ้าเราจะตัดชุด แบบนักร้อง...ประมาณนี้...แพงมั้ย?”
“ถ้าเอาแบบไม่เนี้ยบมาก พี่เต้ยเคยจ้างช่างก๊อปปี้ชุดของมาดอนน่า ตอนไปประกวดแฟนซีกับแก๊งเพื่อนสาว...ไม่เกินสามพัน...แต่ได้ชุดเหมือนใช้ได้อยู่นะ” เต๋าให้ข้อมูลแล้วเธอก็ถามกลับ
“น้องแจ๊สถามทำไมค่ะ”
“ไม่เกินสามพันเหรอ”
แจ๊สครุ่นคิด ภาพที่อินเตอร์เนทเป็นป้ายการประกวดแด็นซ์ซิ่งคอนเทส

พิมมาดาเดินกลับมาที่บ้าน เธอพบว่าแจ๊สยืนรออยู่
“น้าพิม” แจ๊สเรียก
“แจ๊ส..มีอะไร”
“แจ๊ส..ขอเบิกเงินค่าขนมล่วงหน้า..สองเดือนได้มั้ย”
“เบิกเงินสองเดือน?..เบิกทำไม?” พิมมาดางง
เต๋ากับเต้ยมองหน้ากัน
“ได้หรือไม่ได้ล่ะคะ?” แจ๊สถาม
พิมมาดาคว้าตัวแจ๊สเอาไว้ “แจ๊ส..ตอบน้ามา เธอมีความจำเป็นอะไรถึงต้องใช้เงินมากมาย..ห๊า!! ไปทำอะไรไม่ดีไว้ใช่มั้ย!! ถึงต้องใช้เงิน!!! ทำอะไรไว้..เล่นเกม..เล่นพนัน..หรือติดยา..บอกมาเดี๋ยวนี้!”
เต๋ากับเต้ยเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเข้ามาไกล่เกลี่ย
“คงไม่ขนาดนั้นมั้งคะพี่พิม”เต้ยออกความเห็น
“ใช่ค่ะๆ” เต๋าสนับสนุน
“ว่าไงแจ๊ส?” พิมมาดาถามย้ำ
ทันใดนั้น กริสน์ก็วิ่งออกมาห้าม “เฮ้ย คุณๆๆ เบาๆ นี่เด็กนะครับ มองให้เป็นเด็กหน่อย”
“นายไม่ต้องยุ่ง อยากจะไปมีความสุขที่ไหนกับใครก็ไป” พิมมาดาแขวะ
“พูดอะไร? ..ไป..แจ๊ส..เข้าบ้าน” กริสน์บอกแจ๊ส
“นี่หลานฉันนะ ฉันกำลังดุเขาอยู่ คุณไม่เกี่ยว! ยัยแจ๊สบอกมาก่อนว่าจะเอาเงินไปทำอะไร?”
“เรื่องส่วนตัว..น้าพิมไม่ช่วยก็ไม่เป็นไร แจ๊สหาเงินเองก็ได้”
แจ๊สกระแทกเสียงแล้วเดินเข้าบ้านไป
“แจ๊ส” พิมมาดาเรียก
“ไปหงุดหงิดอะไรที่ไหนมา ก็อย่ามาพาลลงกับเด็กสิคุณ” กริสน์ว่า
“บอกแล้วไง จะไปมีความสุขกับใครก็เชิญ!”
พิมมาดาประชดแล้วก็เข้าบ้านไป กริสน์งง เต๋ากับเต้ยวงแตกรีบเดินแยกไปคนละทาง

โจ๊ก จีจ้า เต๋า และเต้ยกำลังนั่งดูการ์ตูนช่องการ์ตูนเน็ตเวิร์กอยู่ที่ห้องดูทีวีในบ้าน ทุกคนต่างหัวเราะสนุกสนาน พิมมาดาเดินไปเดินมาเพราะคิดหนักอยู่อีกด้านนึงก่อนจะตัดสินใจเดินเข้ามาในกลุ่ม เต๋ากับเต้ยมองพิมมาดาว่าจะมาอารมณ์ไหน
“เต๋า เต้ย..ถ้าแจ๊สมาขอเงิน ห้ามให้เงินแจ๊สเด็ดขาด เข้าใจมั้ย” พิมมาดาสั่ง เต๋ากับเต้ยจะอ้าปากถาแต่ยังไม่ทันได้ถามอะไร พิมมาดาก็พูดดัก “ไม่ต้องถาม ชั้นสั่ง เข้าใจมั้ย” เต๋ากับเต้ยจะอ้าปากอีก พิมมดาก็พูดดักอีก “บอกว่าไม่ต้องถาม!”
“ไม่ได้จะถามค่ะ” เต้ยได้ฤกษ์พูด
“จะบอกว่าโอเค”เต๋าบอก
พิมมาดาหน้าแตก
“เอ้า เด็กๆ ได้เวลาเข้านอนแล้ว ไปๆ” กริสน์บอกเด็กๆ
“ครับ /ค่ะ” โจ๊กกับจีจ้ารับคำ
พิมมาดามองแล้วก็นึกขึ้นได้ เธอทำตาลุกแล้วรีบเข้ามาขวาง “เดี๋ยวสิๆ จะรีบไปไหน ดูการ์ตูนให้จบก่อนก็ได้..กำลังสนุกอยู่ไม่ใช่เหรอ..เด็กๆ นั่งๆๆ นายชอบขัดขวางความสุขของเด็กๆเรื่อยเลย”
“ถึงเวลาเข้านอนแล้ว” กริสน์ย้ำ
พิมมาดาพูดพึมพำกับตัวเอง “หรือว่า..แอบเป็นใจกะยายเค้ก..ต๊ายตาย” พิมมาดาคิดว่ารู้ทัน รีบหันมาทำหน้าเคร่ง “นายหาเรื่องจะไป..ไปหาความสุขส่วนตัว” พิมมาดาเน้นเสียง “มากกว่า ทำงานเกินเวลานิดๆหน่อยๆไม่ได้หรือไง”
“เฮ้ย ปกติคุณเองนั่นแหละที่เข้มงวดเรื่องเวลา..เข้านอนสายสิบนาทีสิบห้านาทีก็บ่นเป็นเรื่องใหญ่”
“ก็วันนี้ชั้นอยากให้เด็กๆดูทีวี” พิมมาดาแถ
“พวกเราจะเข้านอนค่ะ” จีจ้าบอก
เด็กๆเดินขึ้นไปห้องนอนตัวเอง ป๊อปคอร์นเดินตามไปด้วย
“จีจ้า โจ๊ก..มาดูทีวีเป็นเพื่อนน้าก่อน วันนี้น้าอนุญาต” พิมมาดาบอกแต่เด็กๆไม่สนใจฟัง
“เดี๋ยวเต๋า เต้ยอยู่ดูเป็นเพื่อนคุณพิมเองค่ะ ดูหนังผีมั้ยคะ” เต๋าเสนอ
“ดูทำไม ส่องกระจกสิ” เต้ยกัด
“อร๊าย แร๊ง”
พิมมาดามีท่าทางกระสับกระส่าย
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ท่าทางแปลกๆ” กริสน์ถาม
“ชั้นเหรอ!!..นายมากกว่ามั้งที่แปลกๆ อยากจะกลับไปนอนแล้วสิ..เชิญๆ ไปพักให้เต็มที่เถอะ”
พิมมาดาพูดเหวี่ยงๆ แล้วกลับขึ้นไปนอน กริสน์มองตามอย่างงงๆ
“ยังไงกันเนี่ย ทำตัวไม่ถูกแล้ว” เต้ยงงไปด้วย
“พี่พิมปี๊ดกับทุกคนเลยอ่ะ” เต๋าก็งงไม่แพ้ใคร

โอปอล์กำลังนั่งกอดตุ๊กตาร้องไห้อยู่ภายในห้องนอนของเธอ จตุพลเปิดประตูเดินเข้ามา โอปอล์เห็นก็รีบคลุมโปงทันที
“โอปอล์...โกรธอาเหรอ อาขอโทษนะ” จตุพลพูดเหมือนง้อ
“ออกไป” โอปอล์ไล่
“อารู้ว่าโอปออยากให้ป๊าหายป่วย..อาก็เหมือนกัน..เราครอบครัวเดียวกัน มีเหรอที่อาจะปล่อยให้ญาติผู้มีพระคุณเป็นอะไรไป..โอปอ อารับปากนะว่าจะช่วยรักษาป๊าทุกทาง”
โอปอล์โผล่หน้าออกมาจากผ้าห่ม “อาพูดจริงๆนะ”
“อาสัญญา”
“ขอบคุณค่ะ” โอปอล์ดีใจ
จตุพลอมยิ้มเพราะเข้าแผนของเขา “เอ้อ อาเอาขนมสวีทโอปอสูตรใหม่มาให้ชิม..โอปอลองชิมดูสิ อร่อยมากเลยนะสูตรนี้ อ้ะ”
“อืม ค่ะ” โอปอล์รับคแล้วยื่นไปรับขนมมา เธอมีทีท่าลังเลแล้วทำท่าเหมือนจะกิน แต่ก็ชะงักไว้
“อืม โอปอยังไม่อยากกินตอนนี้ เอาไว้ตอนดูการ์ตูนดีกว่า”
“ลองชิมดูก่อนสักชิ้น จะติดใจ..กินกับน้องตุ๊กตาไง” จตุพลแนะ
“อืม ก็ได้ค่ะ” โอปอล์ฉีกซองขนม “เรากินด้วยกันนะน้องตุ๊กตา” โอปอล์พูดแล้วก็คลุมโปงกับตุ๊กตาและห่อขนม
“หึๆๆ กินขนมให้อร่อยนะ” จตุพลพูดยิ้มๆ อย่างสมใจแล้วเดินออกไป
โอปอโผล่หน้าออกมาจากผ้าห่ม “แหวะ ขนมของอาจตุพล..ใครจะอยากไปกินเนอะ” โอปอล์เอาขนมไปทิ้งลงชักโครก “ถึงมันจะน่ากิน แต่เราต้องไม่กินขนมของอาใจร้าย”
โอปอล์พูดแล้วกดชักโครกทันที

เค้กค่อยๆเปิดประตูห้องนอนของกริสน์เข้ามา เธอใช้ไฟฉายส่องหาทางในความมืด
“อิอิ หลบตรงไหนดีๆ”
เค้กเลือกมุมที่ซ่อน ตอนแรกเธอจะไปซ่อนในตู้เสื้อผ้า แล้วก็คิดถึงหลังม่านและที่อื่นๆ อีก เวลาผ่านไปเค้กก็ยังเลือกไม่ได้สักที สักพัก มีเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านนอก
“คุณกริสน์มาแล้ว” เค้กตัดสินใจกะทันหัน “เอาๆๆ เอาบนเตียงนี่แหละ” เค้กกระโดดขึ้นไปบนเตียง แล้วเอาผ้าห่มมาคลุมไว้จากนั้นก็นอนนิ่งเหมือนเป็นหมอนข้าง
ประตูห้องเปิดออก ใครบางคนก้าวเข้ามาในห้อง เค้กนอนยิ้มพยายามระงับอาการอยู่ใต้ผ้าห่ม แล้วเธอก็พูดกับตัวเอง “เด็กๆผู้หญิงอย่าเอาอย่างนะคะ นี่มันคือละครตลกเท่านั้น ไม่ใช่ความจริง..ไม่มีเด็กผู้หญิงสาวๆคนไหนทำตัวแบบนี้ในชีวิตจริงหรอค่า..แต่ช้านมันแก่แร้ว..รถไฟขบวนสุดท้ายจริงๆโฮะๆ”

พิมมาดาอยู่ในห้องนอน เธอเดินไปมาอย่างกระวนกระวายแล้วไปหยุดมองที่ระเบียง สักพักพิมมาดาก็ถอยออกจากระเบียง “ไม่ๆๆ เราต้องไม่สนใจ..เรื่องของเค้า ไม่เกี่ยวกับเรา..แต่ยัยเค้กเป็นเพื่อนเรา..ใช่ๆๆ เราแค่เป็นห่วงยัยเค้ก” พิมมาดาเดินไปมองที่ระเบียงอีก “เรามอง เพราะเราห่วงยัยเค้ก”
อยู่ๆ มือถือของเธอก็ดังขึ้น
“ว้าย!! โธ่ ใครโทรมา” พิมมาดารีบไปรับสาย “ฮัลโหล”
สุขสันต์กำลังพูดโทรศัพท์อยู่ที่บ้านของเขา
“คุณพิมนอนหรือยังครับ..พอดีว่าผมนอนไม่หลับ เพราะอะไรรู้มั้ยครับ..เพราะผมคิดถึงคุณพิม..วันนี้คุณพิมไม่โทรหาผมเลยนะครับ..ยุ่งเหรอครับ”
พิมมาดาฟังเสียงสุขสันต์แต่สายตามองออกไปนอกระเบียง
“คะ..อะไรนะคะ ...อ๋อ ค่ะ”

คนที่เดินเข้ามาในห้องนอนของกริสน์เปิดไฟให้ห้องสว่างขึ้น แล้วเขาก็กระโดดลงมานอนบนเตียง เค้กนอนเอามือปิดปากเพื่อให้เงียบที่สุด เธอพยายามระงับอาการแล้วก็นับหนึ่งถึงสามเพื่อให้สัญญาณตัวเอง
“หนึ่ง สอง ซั่ม!!..เซอร์ไพร้ส์!”
เค้กโผล่ออกมาจากผ้าห่ม แล้วเธอก็เห็นภัทรดนัยนอนอยู่ข้างๆ ในสภาพถอดเสื้อสวมแค่บ็อกเซอร์ตัวเดียว
“กรี๊ด!” เค้กร้องลั่น
“อ๊าก!” ภัทรดนัยร้องตาม

เสียงร้องดังมาจากห้องกริสน์ พิมมาดารีบวิ่งไปดูที่ระเบียง
“ถึงกับร้องลั่นเลยเหรอ!!! ทุเรศที่สุด หน้าไม่อาย ทำลามกในบ้านชั้นได้ยังไง กินบนเรือน ขี้รดหลังคาชัดๆ” พิมมาดาด่าเป็นชุด
สุขสันต์ได้ยินเสียงด่าของพิมมาดาก็งงๆ
“คุณพิมพูดอะไรนะครับ..ผมทำอะไรบนหลังคา”
“พิมไม่ได้พูดกับคุณค่ะ”
“แล้วพูดกับใครครับ แล้วคุณพิมฟังผมอยู่หรือเปล่า..ฮัลโหล คุณพิมครับ ฟังผมอยู่หรือเปล่าครับ คุณพิม”
“คะ..อ๋อ ฟังค่ะ..เอ่อ ถือสายรอสักครู่นะคะ คือ..มีแมว..มันมาขโมยปลาย่างน่ะค่ะ” พิมมาดาบอก
พิมมาดาวางมือถือไว้แล้วเดินออกจากห้องไป
สุขสันต์หงุดหงิด “เป็นบ้าอะไรวะ!”

เค้กเอาหมอนข้างไล่ตีภัทรดนัยอยู่ในห้องของกริสน์
“ไอ้โรคจิต..วิปริต วิตถาร แกคิดจะทำอะไรชั้น ออกไปๆๆ”
ภัทรดนัยพยายามจะใส่กางเกงยีนส์ แต่เขาก็ต้องกระโดดเหยงๆ เพื่อหลบเค้ก
“เฮ้ยๆๆ ขอเวลาผมใส่เสื้อผ้าก่อนได้มั้ย”
“ออกไปเดี๋ยวนี้ ไปๆ” เค้กร้องไล่
“เฮ้ย!! ถ้าไม่หยุดตี ผมจะไม่ใส่แล้วนะ จะถอดออกเดี๋ยวนี้แหละ..อยากดูใช่มั้ย”
“ว้ายๆ” เค้กร้องลั่น
ภัทรดนัยใส่กางเกงจนเสร็จ “คุณนั่นแหละ มาทำอะไรในห้องนอนเพื่อนผม!”
“นายนั่นแหละมาทำอะไร นี่ห้องนอนคุณกริสน์” เค้กถามกลับ
“ก็ไอ้กริสน์มันเพื่อนผม แล้วผมก็มานอนกับมันอยู่บ่อยๆ..คุณนั่นแหละ มาจากไหน มาทำอะไร..แล้วดูชุดสิ โหย นี่ใส่มาล่อวินมอเตอร์ไซค์เหรอไงค้าบบบ..เอ๊ะ เดี๋ยว แล้วตะกี้นอนอยู่บนเตียงเพื่อนผมด้วย..เฮ้ย นี่คุณกะจะรวบหัวรวบหางเพื่อนผมเหรอ!”
“ชั้น..ชั้นแค่จะเซอร์ไพร้ส์” เค้กอ้อมแอ้ม
“เซอร์ไพร้ส์อะไร นี่คุณคิดจะปล้ำเพื่อนผมเหรอ..โหว ผู้หญิงสมัยนี้ แรงกันขนาดนี้เลยเหรอ หู ผู้ปกครองโปรดแนะนำ ว่านี่คือพฤติกรรมสะท้อนสังคมเสื่อมๆ”
“ชั้นไม่ได้คิดจะทำอะไรสักหน่อย อร๊ายๆๆ” เค้กรู้สึกขัดใจ เธอโวยวายแล้วรีบเดินหนี ภัทรดนัยเดินตาม

พิมมาดาเดินออกมาจากในบ้าน จังหวะเดียวกับที่เค้กเดินกึ่งวิ่งหนีออกไปจากห้องนอนของกริสน์ โดยมีภัทรดนัยวิ่งตามไป
“จะหนีไปไหน” ภัทรดนัยเข้ามาคว้าแขนไว้ “คุณเห็นผมเปลือยแล้ว คิดว่าจะหนีได้ง่ายๆเหรอ..คุณต้องชดใช้”
“จะให้ชดใช้อะไร” เค้กถาม
“ก็แบบว่า..ต้องรับผิดชอบในตัวผม”
“ไอ้ทุเรศ!”
เค้กด่าแล้วเตะเข้าที่หว่างขาของภัทรดนัย จนสายลับจอมกวนถึงกับจุก
“สมน้ำหน้า” เค้กสะใจ
“ยัย..ยัยเค้กเน่า...อูย”
พิมมาดาที่แอบมองอยู่รู้สึกแปลกใจ
“ยัยเค้ก..อ้าว..ทำไมถึงเป็นนายภัทรดนัย..แล้วนายกริสน์ล่ะ”
พิมมาดางง พอเธอหันหลังกลับก็พบกริสน์ที่กำลังยืนอยู่ในระยะประชิด
“มองหาผมเหรอ” กริสน์ถาม
“นาย..” พิมมาอึกอัก “ชั้นจะมองหานายทำไมไม่ทราบ..ชั้นก็แค่..ได้ยินเสียงร้องก็เลยมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น”
“จริงเหรอ” กริสน์ทำเสียงกวน
“ชั้นก็แค่เป็นห่วงเพื่อนชั้น ไม่อยากให้ถูกนายทำมิดีมิร้าย”
“อ้อ แสดงว่ารู้แต่แรกแล้วว่าคุณเค้กจะแอบเข้าห้องผม..มิน่า วันนี้คุณถึงทำตัวแปลกๆ..เพราะกลัวเพื่อนคุณจะมากินตับผม ใช่มั้ย”
“พูดบ้าอะไรของนาย..ชั้นทำตัวแปลกๆตรงไหน ชั้นก็ปกติ นายนั่นแหละแปลก”
“กลัวผมถูกกินตับใช่มั้ย หึๆ”
“ทำไมชั้นต้องกลัวด้วย”
กริสน์จ้องด้วยสายตารู้ทันแล้วยิ้มด้วยแววตา พิมมาดาจะเดินไป แต่กริสน์ดึงตัวเธอเอาไว้
“ผมจับโกหกเก่งนะ” กริสน์บอก
“ชั้นไม่ได้โกหก”
“แต่แววตาหลุกหลิก หลบตา ไม่กล้าจ้อง.” กริสน์พูด พิมมาดาพยายามจ้องตา “พอจ้อง ก็พยายามจะอวดดีเกินจริง เพื่อกลบเกลื่อนความกลัวเอาไว้..กลัวว่าจะถูกจับความรู้สึกได้..ว่าเป็นห่วงตับของผม..ผมพูดถูกใช่มั้ย”
พิมมาดาผลักกริสน์ออกแล้วเดินหนีไป กริสน์เดินตาม

พิมมาดาเดินหนีมาที่สนามหน้าบ้าน กริสน์รีบวิ่งมาขวางหน้าพิมมาดาเอาไว้
“คุณห่วงผม..ชิมิๆ”
“ถ้าชั้นจะเป็นห่วง ชั้นก็ห่วงเพื่อนชั้นมากกว่า ที่ดันไป..คิดอะไรกับคนอย่างนาย”
“ใช่สิ ผมมันต่ำต้อย ผมมันจน ผมมันไม่มีดี จะไปสู้พ่อสุดหล่อนักการเมืองใหญ่ได้ไง”
“ไม่ต้องไปพาลแขวะคุณแฮปปี้เค้าหรอก”
“ผู้หญิงก็แบบนี้ ชอบคนรวยๆ มีอำนาจบารมี สามารถดลบันดาลทุกอย่างให้ได้ตามปรารถนา หารู้ไม่ว่า...เบื้องหน้ากับเบื้องหลังต่างกันราวฟ้ากับเหว!
พิมมาดาคาดคั้น “ทำไมนายพูดแบบนั้น”
“เปล่า ผมก็แค่..เพ้อเจ้อเรื่อยเปื่อย คุณไม่ต้องมาสนใจหรอก”
“นายนี่ประหลาด เดี๋ยวก็บอกว่าคุณสุขสันต์ดี เดี๋ยวก็พูดเหมือนเค้าไม่ดี..หลายครั้งแล้ว.. นายไปรู้อะไรมา หรือว่า..นายสับสนชีวิต”
กริสน์มองหน้า “ใช่..ผมสับสนชีวิต ผมรู้สึกขัดแย้ง..ระหว่างหน้าที่..กับ..ความรู้สึกส่วนตัว ผมมีความจำเป็นบางอย่าง..ที่ต้องผลักดันคุณ..ทำให้คุณต้องเล่นกับไฟ ..คุณต้องเสี่ยงอันตราย เหมือนวันแรกที่เราเจอกัน.. แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมจะรับผิดชอบคุณด้วยชีวิตของผม”
พิมมาดาอึ้งและเหวอ
“เชื่อผมนะคุณพิม”
“นายพูดอะไร ฟังไม่รู้เรื่อง”
กริสน์ดึงมือพิมมาดาขึ้นมากุม เขามองหน้าเธออย่างจริงจัง “แต่ผมจริงจัง..อย่างที่พูดจริงๆ”
พิมมาดาพยายามมองตาเพื่อค้นหาความหมายในคำพูดของกริสน์ กริสน์มองตอบเหมือนพยายามสื่อสิ่งที่บอกออกมาไม่ได้ด้วยปาก
ทั้งคู่มองไปมองมา แววตาทั้งสองต่างค่อยๆอ่อนลงเหมือนตกอยู่ในภวังค์ กริสน์เคลิ้มเหมือนถูกดึงดูดให้ค่อยๆเคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้กัน พิมมาดาเหมือนจะถอยหน้าออกแต่ก็ชะงักไว้ อยู่ๆ สายตาของกริสน์ค่อยๆ เลื่อนไปจับที่ปากพิมมาดา
พิมมาดามองตากริสน์ เห็นตากริสน์ต่ำลงที่ปากตน ตาของพิมมาดาจึงลดลงมามองที่ปากกริสน์บ้าง ทั้งสองเหมือนถูกดึงดูดให้ปากเลื่อนเข้าไปสัมผัสเพื่อจูบกัน
ทั้งสองตกในภวังค์ของการจูบชั่วระยะหนึ่ง อยู่ๆกริสน์ก็ได้สติจึงผละออก
กริสน์ตกใจตัวเอง “คุณพิมมาดา..ผม..ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ” พิมมาดายืนมึนงง กระพริบตาถี่ๆ เพื่อรวบรวมสติ
“พิมมาดา..คุณ..เป็นอะไรหรือเปล่า” กริสน์ถาม
“คุณ..ไม่ได้ตั้งใจ?” พิมมาดาถาม
“ใช่..ผม..ผม..ไม่น่าเลย..ผมไม่ควร..ผม..ไม่ดีเอง”
ทันใดนั้นพิมมาดาก็ตบเข้าที่หน้ากริสน์ดังเพี๊ยะ!
“อุ๊ย ขอโทษ..ชั้นก็ไม่ได้ตั้งใจเหมือนกัน สงสัยอะไรเข้าสิง” พิมมาดาประชดแล้วสะบัดหน้า เดินจ้ำพรวดหนีเข้าบ้านไป กริสน์ได้แต่ยืนอึ้ง

พิมมาดาเดินกลับเข้ามาในห้องนอนของตัวเอง ปิดประตูอย่างแรงแล้วยืนอึ้งพิงประตู
ส่วนที่ด้านล่าง กริสน์ยังยืนช็อกอยู่ที่เดิม เขาเงยหน้ามองขึ้นไปมองที่ระเบียงห้องนอนของพิมมาดาก็เห็นแต่ความว่างเปล่า
พิมมาดารีบเช็ดปากตัวเอง เธอเช็ดซ้ำหลายครั้ง
“ไม่ได้ตั้งใจเหรอ ไอ้ทุเรศ! บ้าๆๆ”
กริสน์ค่อยๆ ทรุดลงไปนั่งอยู่ตรงที่เดิมเขาทั้งอึ้งและงงกับตัวเอง
“เอ็งทำบ้าอะไรลงไปวะไอ้กริสน์ ภารกิจต้องมาก่อนสิวะ ไอ้บ้าเอ๊ย”
กริสน์ตบหน้าตัวเองทั้งซ้ายและขวา เพี้ยะๆๆ

กริสน์นั่งอย่างหมดแรงเงยขึ้นมองระเบียงห้องพิมมาดา ในขณะพิมมาดาก็ทรุดลงนั่งอย่างสับสนอยู่ที่หน้าประตูห้องนั้นเอง








Create Date : 31 มกราคม 2555
Last Update : 31 มกราคม 2555 14:07:18 น.
Counter : 649 Pageviews.

0 comment
มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 8 (ต่อ)





ในสถานที่ลับตาคนแห่งนั้น ภัทรดนัยยื่นกระดาษโค้ดลับที่เต็มไปด้วยตัวเลข ตัวอักษร สัญลักษณ์ ไม่มีความหมายใดใดให้กริสน์ กริสน์ทำหน้างง

“นี่เหรอ อีเมล์นัดหมายของนายสุขสันต์ ที่ชั้นส่งให้แก”
“เออ..ชั้นไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่รู้แน่ๆว่าพวกมันส่งรหัสลับเพื่อนัดหมายอะไรสักอย่าง อาจจะเป็นการนัดพบกัน หรือไม่ก็เป็นการนัดส่งของล็อตต่อไป อาจจะเป็นสถานที่นัด วัน เวลาในการนัด”
“แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าที่ไหน เมื่อไหร่” กริสน์ถาม
“ชั้นส่งให้หน่วยถอดรหัสเค้าจัดการแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เรื่อง..แกเอาไปดูเล่นๆ เผื่อจะนึกอะไรออก”
“แกต้องรีบนะเว้ย ถ้าถอดรหัสได้ช้า มันก็จะเปล่าประโยชน์”
“หยุดบ่น..แล้วมานี่..ชั้นมีงานสำคัญให้แกทำ แต่อันดับแรก แกต้องไปเปลี่ยนชุดให้ดูดีก่อน” ภัทรดนัยบอก
“งานอะไร จะพาชั้นไปไหน”
กริสน์งง ภัทรดนัยลากเขาออกไป

ภัทรดนัยพากริสน์มายืนอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่งที่ใหญ่โตและหรูหรา
“โห ใหญ่โต รวยไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย..บ้านใครวะ..แล้วแกให้ชั้นแต่งตัวหล่อขนาดนี้ทำไม..จะให้ชั้นทำอะไร” กริสน์ถามเป็นชุด
“ที่นี่..บ้าน..นายปาล์ม” ภัทรดนัยตอบแล้วกดกริ่งหน้าบ้านทันที
“บ้านนายปาล์ม!!! เฮ้ย แกจะมาทำอะไร..ชั้นจะกลับ” กริสน์ทำท่าจะไป
“หยุด!” ภัทรดนัยรีบดึงคอเสื้อไว้ “วันนั้นแกก็เห็นอาการนายปาล์มแล้ว..อาละวาดคลุ้มคลั่งยังกับคนติดยา..มันไม่ใช่อาการที่เด็กนักเรียนปกติจะเป็นกัน”
“ชั้นเป็นสายสืบ ไม่ได้เป็นมูลนิธิพิทักษ์สิทธิเด็กนะเว้ย มันไม่ใช่หน้าที่ชั้น!” กริสน์ตั้งท่าจะกลับ
“หยุด!” ภัทรดนัยดึงคอเสื้อไว้ “ไอ้กริสน์..อะไรที่แกคิดว่าเล็กๆน้อยๆ แต่มันอาจจะเอามาปะติดปะต่อกัน แล้วก็นำเราไปสู่เรื่องใหญ่ๆก็ได้..แกคิดดู..ถ้านายปาล์มติดยาจริง..เค้าซื้อยามาจากไหน..ใครเป็นเอเย่นต์..เอเย่นต์รับมาจากใคร..ใครคือผู้ผลิต..ใครคือนายทุนใหญ่..แกเห็นมั้ยว่าเราขยายผลไปจนถึงตัวการใหญ่ได้”
“งั้นเชิญแกจัดการคนเดียว..ภารกิจนี้อันตรายเกินไปสำหรับชั้น”
“อะไรของแกวะที่ว่าอันตราย”
“ก็..” กริสน์พูดไม่ทันขาดคำ ประตูบ้านก็เปิดออก เมทินีก้าวออกมาเห็นพอดี
“คุณกริสน์!”
เมทินีดีใจมากๆ ส่งสายตาตาวาวแพรวพราวเข้าใส่ กริสน์หน้าแหยส่งสายตาบอกภัทรดนัยว่านี่แหละคือตัวอันตราย

เมทินีควงแขนกริสน์เข้ามาที่ห้องรับแขกบ้านตัวเอง ภัทรดนัยเดินตามมา
“นีดีใจ๊ดีใจมากๆเลยที่คุณกริสน์มาหานีถึงบ้าน..นีรู้ว่าวันนี้ต้องมาถึง เพราะนีเห็น คุณกริสน์ชอบแอบมองนีเวลาเราเจอกันที่โรงเรียน”
“ผม..คือ..ผมมาเยี่ยมอาการนายปาล์มน่ะครับ..พอดีว่าโจ๊กเค้าเป็นห่วง เลยฝากผมมา..ผมไม่ได้คิดจะมาเองหรอกนะครับ” กริสน์แต่งเรื่อง
“ไม่ต้องเอาเรื่องปาล์มมาอ้างหรอกค่ะ..ยอมรับมาเถอะค่ะ ว่าคุณกริสน์คิดถึงนี ทรมานมากที่ไม่ได้เจอหน้านี”
“น้องปาล์มอยู่ไหนครับ อาการเป็นยังไงบ้างครับ” ภัทรดนัยเข้าเรื่อง
“อุ๊ย นีขอตัวสักครู่นะคะคุณกริสน์”
เมทินีพูดแล้วรีบวิ่งขึ้นชั้นบน
“อืม เจ๊คนนี้ ความปรารถนาแรงกล้ามากๆ..เจ๊แกรู้มั้ยวะ ว่าแกพาชั้นมาด้วย” ภัทรดนัยถาม
“แกเห็นหรือยังว่ามันอันตรายแค่ไหน กลับเถอะ” กริสน์ทำท่าจะไป
ภัทรดนัยผลักกริสน์ให้นั่งลงที่โซฟา “ไม่ได้!! แกอยู่นี่ ชั้นจะไปหานายปาล์มเอง..ถ่วงเวลาเจ๊นีอย่าให้มาขัดขวางชั้น..โอเค๊”
“เฮ้ยๆๆ เดี๋ยวๆๆ อย่าทิ้งชั้นไปๆ”
ภัทรดนัยเดินแยกไป กริสน์ทำท่าสยองราวกับอยู่ในบ้านสองต่อสองกับฆาตรกรโรคจิต

เมทินีวิ่งกลับเข้ามาในห้องนอน เธอรีบปิดประตูแล้วยืนพิงเหมือนคนหัวใจจะวาย เมทินีพยายามควบคุมอาการตื่นเต้นด้วยการสูดลมหายใจยาวๆ
“สติๆๆๆ ต้องมีสติ ต้องไม่ทำอะไรที่น่าเกลียด เราเป็นผู้หญิง..สวยและรวยมาก..เราต้องมีฟอร์ม ต้องไม่ทอดสะพานให้ผู้ชายก่อน” เมทินีเดินไปหน้ากระจกแล้วก็ตกใจกับภาพของตัวเอง “ต๊าย!! นี่ชั้นใส่ชุดอะไร..ปกปิดมิดชิดยังกับพระราชวังต้องห้าม..ความวิจิตรอลังการต้องถูกเปิดเผย”
เมทินีถอดเสื้อนอกออกเพื่อโชว์อึ๋ม “เค้าต้องได้สัมผัส..สิ่งมหัศจรรย์ของโลก หึๆๆ”
เมทินียิ้มแล้วมองตัวเองแบบทะเล้นๆ

ที่สนามหลังบ้านของเมทินี ปาล์มกำลังนอนแผ่อยู่บนโต๊ะสนาม มือหยิบขนมสวีทโอปอล์ขึ้นมากินตลอด รอบๆ ตัวมีซองขนมเปล่าตกเกลื่อนกลาด ปาล์มกินไปหัวเราะไปอย่างมีความสุขสภาพคล้ายคนเมา
“ตัวเอง..เค้าคิดถึงอ้ะ..หัวใจจะขาดรอนๆแล้ว โผล่มาให้เห็นหน้าหน่อยสิ..ว้าว น่ารักอ้ะ แต่งงานกันมั้ย”
ภัทรดนัยเดินเข้ามามองอย่างงงๆ ว่าปาล์มคุยกับใคร
“คุยกับอะไร” ภัทรดนัยถาม
“คุยกับแฟน” ปาล์มตอบ
“ไหน” ภัทรดนัยงง
“นั่นไง” ปาล์มชี้ไปบนต้นไม้ “บนต้นไม้ แฟนผม..เค้าเขิน หลบอยู่แต่ในรัง”
“มีแฟนเป็นนก?” ภัทรดนัยอึ้งๆ แต่ก็พยายามคุยด้วย “เอ่อ น้องปาล์มครับ พี่แวะมาเยี่ยมอาการของน้องปาล์ม..เป็นยังไงบ้าง..กินขนมได้เยอะขนาดนี้ อาการดีขึ้นแล้วใช่มั้ยครับ”
“ขาวว่ะ” อยู่ๆ ปาล์มก็พูดขึ้นมา
“หือ..” ภัทรดนัยงง
ปาล์มหันมามองภัทรดนัยตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะคว้าแขนมา “โคตรขาวเลย ตัวขาวอมชมพูๆ ชอบอ้ะ” ปาล์มระดมจูบไปที่มือของภัทรดนัย
“เฮ้ยๆๆๆ ไอ้บ้า”
ภัทรดนัยถดตัวพยายามถอยหนีและดึงมือออก แต่ปาล์มจับแน่นจนทำให้ปาล์มกลิ้งลงมาจากโต๊ะแล้วทับภัทรดนัยไปทั้งตัว
“ตัวขาวอมชมพู อย่าหนีนะ เดี๋ยวแบ่งขนมให้” ปาล์มจับเท้าได้ก็จูบเท้า จูบหน้าแข้งแล้วไล่ขึ้นมา
“นายต้องเมายาแน่ๆ เฮ้ยๆๆๆ อย่าไล่ขึ้นมา พอแล้วๆ”
ภัทรดนัยโวยวายลั่นที่ถูกปาล์มคุกคาม รุกไล่อย่างหนักหน่วง

กริสน์นั่งรออยู่อย่างกระวนกระวายภายในบ้านของเมทินี นั่งรอสักพักก็ทำท่าจะลุกไป แต่อยู่ๆ มีเสียงเมทินีเรียกขึ้น
“คุณกริสน์”
กริสน์หันไปตามเสียง เขาเห็นเมทินีอยู่ในชุดเซ็กซี่โชว์ร่องอก กริสน์ตกตะลึงและกลืนน้ำลายด้วยความสยอง
“นีไม่คิดว่าจะมีแขกมาบ้าน เมื่อกี้เลยแต่งตัวอยู่บ้านไปหน่อย..นีเลยไปเปลี่ยนเป็นชุดที่สุภาพและทางการขึ้น”

“ทางการ..เหรอครับ” กริสน์ทวนคำ
“ค่ะ ทางการพิเศษยกระดับ..รับรองว่าประทับใจ” เมทินีแสร้งเซจะล้ม “ว้าย ลื่น” เมทินีโถมเข้าใส่กริสน์ แล้วกดร่างกริสน์ลงไปนอนบนโซฟาโดยที่ตัวเธอทับกริสน์ไว้
กริสน์ตะลึงตาโตด้วยความสยอง

ที่สนามหลังบ้านของเมทินี ภัทรดนัยยืนแข็งทื่อ เขาทำหน้าเซ็งสุดชีวิต ถูกปาล์มกอดเขาไว้แน่น
“น้องปาล์มครับ พี่ขออะไรอย่างนึงได้มั้ยครับ”
“ได้ครับ”
“คือ...” ภัทรดนัยหยิบกระปุกตรวจปัสสาวะออกมา “พี่อยากให้น้องปาล์มฉี่ใส่กระปุกนี้ให้พี่ที..ได้มั้ยครับ”
“อยากได้ฉี่ของปาล์มเหรอ” ปาล์มถาม
“พี่จะเอาฉี่น้องปาล์มไปตรวจสอบโรคนิดหน่อย จะได้รู้ว่าปาล์มแข็งแรงดีหรือยัง หรือว่ามีสารอะไรในร่างกายที่ทำให้น้องปาล์มไม่แข็งแรง..นะครับ..ฉี่ให้พี่หน่อย”
“โอเค” ปาล์มตกลงแล้วทำท่าจะปัสสาวะทันที
“เฮ้ยๆๆ ไม่ใช่ตรงนี้ครับ ไปฉี่ตรง..ตรงมุมกำแพงโน้นก็ได้ครับ..พี่รับรองจะไม่แอบมอง โอเค๊?”
“โอเค” ปาล์มเดินไป ภัทรดนัยหันหลัง ไม่มอง
“เสร็จยังครับน้องปาล์ม” ภัทรดนัยตะโกนถาม
อยู่ๆ กระปุกตรวจปัสสาวะก็ถูกโยนมาโดนหัวภัทรดนัย
“โอ๊ย!” ภัทรดนัยเก็บกระปุกขึ้นมา “อ้าว น้องปาล์ม บอกให้ฉี่ใส่กระปุก แล้วเขวี้ยงมาทำไมครับ..แบบนี้จะฉี่ใส่อะไรล่ะ” ภัทรดนัยหันกลับมาพบว่าปาล์มหายไปแล้ว “อ้าว น้องปาล์ม..ไปไหนแล้ว..น้องปาล์ม”
“ผมอยู่นี่” เสียงปาล์มก็ดังขึ้น
ภัทรดนัยมองตามเสียงไปก็พบว่าปาล์มปีนไปอยู่บนต้นไม้
“จะเอาฉี่ปาล์มใช่ม้าย” ปาล์มถามเสียงเคลิ้มๆ แล้วรูดซิปออก
“อย่า!” ภัทรดนัยช็อก ตาเหลือก

ด้านเมทินีสบตากริสน์อย่างหวานเยิ้มและยั่วยวนอยู่ภายในบ้าน
“มหัศจรรย์มั้ยล่ะคะ” เมทินีถาม
“หือ? อะไรครับ?”
เมทินีส่งสายตาปริบๆ ให้กริสน์เข้าใจความหมายของของเธอ
“คุณเมทินีครับ..ลุก..เถอะครับ” กริสน์บอก
“คุณกริสน์ก็ปล่อยนีสิคะ” เมทินีทำเหมือนว่ากริสน์จับตัวเธอไว้ “นีลุกไม่ขึ้น”
กริสน์โชว์มือทั้งสองข้าง “ผมไม่ได้จับไว้เลยครับ”
เมทินีค่อยๆถอยออกมา
“คุณกริสน์จะรับผิดชอบนียังไงคะ”
“รับผิดชอบ..เรื่องอะไรครับ” กริสน์ถาม
“ก็..เรื่องที่คุณกริสน์มาแมลงทับใส่นีไงคะ..คนต้องเข้าใจผิด คิดว่านีกับคุณกริสน์..มีอะไรกันแล้วหรือเปล่า..นีเป็นนักธุรกิจ เป็นเซเล็บที่สังคมรู้จัก..แต่มามีข่าวฉาวกับผู้ชาย นีรับไม่ได้”
“คุณเมทินีครับ ผมว่าไม่มีอะไรหรอกครับ”
“คุณพูดได้ยังไงคะว่าไม่มีอะไร”
“ก็มันไม่มีอะไรจริงๆ”
“โอ๊ะ ลื่น!” เมทินีโถมตัวเข้าใส่กริสน์อีกแล้วล้มทับไปอีกรอบ
“เอาอีกแล้วนะคะพ่อแมลงทับ”
“ผมไม่ได้เป็นแมลงทับ” กริสน์ปฏิเสธอย่างหน่ายใจ
“จุ๊ๆ คุณเป็นพ่อแมลงทับ ส่วนนีเป็นแม่เต่าทอง”
“ผมจะกลับแล้วครับ!” กริสน์อยากร้องไห้
เมทินีกระชากตัวกริสน์ไว้ “เลยตามเลยเถอะค่ะ..คุณเป็นผู้ชาย คุณไม่มีอะไรต้องเสียหาย”
กริสน์สยอง “อย่าดีกว่าครับ ผมไม่อยากให้คุณนีเสียหาย”
“นีไม่ถือ”
กริสน์ผละออก แต่เมทินีก็พยายามดึงเอาไว้
“ผมลาล่ะคร้าบ”
กริสน์พยายามจะไปให้ได้ เมทินีรู้สึกขัดใจ

กริสน์วิ่งแจ้นออกมานอกบ้านแล้วไปหยุดยืนหอบแฮ่กๆ ที่รถ
“แฮ่กๆๆ โหย เกิดมาไม่เคยกลัวตายเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิต”
ภัทรดนัยเดินตัวเปียกกลับมา
“ไอ้ภัทรดนัย!” กริสน์รีบพุ่งไปด่าทันที “แก..ไอ้เพื่อนเลว..แกรู้มั้ยว่าชั้นเจออะไรมาบ้าง ชั้นเกือบจะ..จะถูกย่ำยี ถูกข่มเหงน้ำใจ”
“แล้วแกรู้มั้ยว่าชั้นเจออะไรมา” ภัทรดนัยถามเรียบๆ
“แกจะเจออะไร..ไปเก็บข้อมูลกับนายปาล์ม..เก็บตัวอย่างฉี่..งานง่ายๆ สบายๆ..ต่อไป ชั้นจะไม่มาบ้าน
นี้อีกแล้ว ฆ่าให้ตายก็ไม่มาอีก”
“ชั้นก็ไม่มาอีกแล้ว” ภัทรดนัยบอกนิ่งๆ
“แล้วไหน ได้ตัวอย่างฉี่นายปาล์มมาแล้วใช่มั้ย”
“ได้มาเต็มๆ เลย”
“อยู่ไหน” กริสน์ถาม
ภัทรดนัยบอกด้วยสายตาว่าได้มาเต็มตัวเลย แววตาของเขาเหมือนจะร้องไห้
“อย่าบอกนะว่า..หึ่ย อี๋” กริสน์ทำท่าขยะแขยง
“แกคิดว่าแกลำบากคนเดียวเหรอ ชั้นอยากตาย”

ที่หน้าห้องแลบภายในกองพิสูจน์หลักฐาน เอกสารถูกดึงออกมาจากซองสีน้ำตาลเพียงครึ่งหนึ่ง สักพักก็ถูกสอดกลับเข้าไปในซองตามเดิม ภัทรดนัยมีสีหน้าร้อนใจแต่ก็พูดขอบคุณเจ้าหน้าที่
“ขอบคุณมากนะครับ”
“ยินดีค่ะ”
“เรื่องนี้..ผมต้องรีบคลายปมอย่างด่วน! ไว้วันหลัง ผมจะมาตอบแทนคุณอย่างสาสมนะจ๊ะ คนสวย”
ภัทรดนัยรีบเดินจะออกไป ทันใดนั้นมาวินที่ถือซองเอกสารสีน้ำตาลก็เดินสวนเข้ามา แล้วกระแทกชนไหล่ภัทรดนัยอย่างจัง จนซองเอกสารของภัทรดนัยหล่นลงกับพื้น ภัทรดนัยมองอย่างหงุดหงิด มาวินทำเป็นโวยวาย
“ตายูมันเล็กเกินมองอะไรไม่เห็น ไอแนะนำให้ยูไปทำตาสองชั้นดีกว่านะ”
“ไม่ทำหรอกครับ หน้าตาดี เทรนด์เกาหลีอย่างผมน่ะ ตอนนี้กำลังเป็นที่ต้องการของตลาด”
“ตลาดขายของเก่าละมั้ง” มาวินสวนอย่างดูแคลน
“เอ้า...ดูถูก”
ภัทรดนัยจะก้มลงเก็บซองเอกสาร แต่มาวินรีบชี้มือไปอีกทาง “เฮ้ย! นั่นอะไรน่ะ?”
ภัทรดนัยบ้าจี้ตาม “อะไร อะไร”
ภัทรดนัยหันขวับไปมองตามสัญชาตญาณของตำรวจ มาวินฉวยโอกาสที่ภัทรดนัยเผลอก้มลงสลับซองเอกสารของภัทรดนัยกับซองของตัวเองทันที
ภัทรดนัยหันกลับมา “ไหน? ไม่เห็นมีอะไรเลย” เขาก้มลงหยิบซองเอกสารขึ้นมา
ภัทรดนัยมองหน้ามาวินที่ตีหน้านิ่งอย่างกวนๆ แล้วเดินออกไป
“ไอ้สารวัตรเสิ่นเจิ้นเอ้ย!” ภัทรดนัยบ่นพึมพำ
มาวินมองซองสีน้ำตาลในมือแล้วยิ้มอย่างพอใจ

พิมมาดาเดินเข้ามาที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งในห้องนอนพลางถอดเครื่องประดับและพูดกับตัวเองอย่างเหนื่อยอ่อน
“อย่าหาว่าฉันใจร้ายเลยนะเค้ก แต่ฉันไม่รู้จะช่วยเพื่อนยังไงต่างหากล่ะ ใช่มั้ย? โอ้ยๆ สับสนๆ เธอรู้สึกอะไรกันแน่หา...พิม”
พิมมาดาจ้องหน้าตัวเองในกระจกก่อนตัดสินใจลุกขึ้นคว้าผ้าเช็ดตัวจะเดินเข้าห้องน้ำแต่ก็ชะงักเมื่อได้ยินเสียงเอะอะ เจี๊ยวจ๊าวดังมาจากทางข้างล่าง พิมมาดาวิ่งไปดูที่หน้าต่าง เห็น เต๋า เต้ย เค้ก แจ๊ส โจ๊ก จีจ้า และป๊อบคอร์น ในชุดว่ายน้ำ ทั้งหมดกำลังจะเฮกันออกจากบ้านไปเป็นขบวน
“ไปไหนกันเนี่ย”
พิมมาดารีบวิ่งลงไปดู

เค้ก เต๋า เต้ย แจ๊ส โจ๊ก จีจ้า รวมถึงป๊อบคอร์นกำลังเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน บ้างก็โพสต์ท่าเลียนแบบนางแบบเซ็กซี่ พิมมาดาเดินตามมาดูที่สระว่ายน้ำคลับเฮ้าส์หมู่บ้านงงๆ เหล่าสมาชิกหันมาโบกมือให้พิม ส่วนป๊อบคอร์นยืนสวัสดีสองขา แล้วเห่า โฮ่ง! ต้อนรับ
“น้าพิมลงมาเล่นน้ำด้วยกันซิคะ กำลังสนุกเลย”
“ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ไปเปลี่ยนชุดว่ายน้ำมาเทียบความเซ็กซี่กับพี่เค้กกัน เนอะๆๆ”
เค้กยืดตัวขึ้นมาจากน้ำ สะบัดผมโชว์ความเซ็กซี่อย่างเต็มที่ พิมมาดามองรูปร่างของเค้กแล้วก้มมองตัวเอง
“โห...ไม่เอาดีกว่าอ่ะ” พิมมาดาหน้าเจื่อนแล้วพูดเบาๆ
“เร็วค่ะพี่พิม เต๋าเอาชุดมาเผื่อด้วยนะ จะเอาแบบทูพีช หรือวันพีชดีละเอ่ย” เต๋ากุลีกุจอ
พิมมาดารู้สึกกดดันสุดๆ ทันใดนั้น กริสน์ก็ก้าวเข้ามา
“ฮัลโหลเด็กๆ เต๋า เต้ย พี่ปิดร้านแล้วนะ แมสเสจไปบอกว่ามีรายการพิเศษ ให้พี่ตามมา มันคืออะไรเหรอเค้ก”
“มาสนุกด้วยกันซิคะคุณกริสน์”
เค้กแทรกเสียงหวานทันที กริสน์หันไปมองตามเสียงเห็นเค้กผุดขึ้นมาจากสระน้ำในชุดสุดเซ็กซี่กริสน์รีบหันหลังปิดตาด้วยทำนิ้วแยกๆ ไม่กล้ามอง
“เชิญคุณเค้กตามสบายเถอะค้าบ” กริสน์บอก
กริสน์ทำท่าจะหนี แจ๊ส โจ๊ก จีจ้า วิ่งเข้ามาขวาง
“ลูกผู้ชาย ฆ่าได้หยามไม่ได้นะ” แจ๊สพูด
“น้ากริสน์จะให้โจ๊กเป็นผู้ชายอยู่คนเดียวไม่ได้นะ” โจ๊กบอก
“หรือว่าเป็นโรคกลัวน้ำ” จีจ้าถาม
“นี่พวกเธอหายโกรธฉันแล้วเหรอ” กริสน์ถาม
เด็กทั้งสามไม่พูด แต่พยักหน้าแรงๆพร้อมกันหนึ่งที เต๋าเต้ยรับทราบ รีบเข้ามาคล้องแขนกริสน์คน
ละข้าง กริสน์ทั้งงงๆและตกใจ กริสน์ดิ้น
“เฮ้ย!เต๋าเต้ยทำอะไรหน่ะ ปล่อย”
เต๋าเต้ยจับกริสน์โยนลงไปในสระว่ายน้ำ ทุกคนกรี๊ดกร๊าดเฮฮา เค้กตรงเข้านัวเนียและตะครุบกริสน์ไว้ทันที
“คุณกริสน์ขา”
กริสน์สำลักน้ำอึกอักและตกอยู่ในอ้อมกอดของเค้ก ทุกคนสาดน้ำแหวกว่ายไปมาอย่างสนุกสนาน
พิมมาดามองกริสน์กับเค้กตาเขียว ปั๊ด! เห็นกริสน์กับเค้กชุลมุนกันอยู่ในสระน้ำ เค้กวักน้ำใส่กริสน์ ทีแรกกริสน์หนี เค้กและเด็กๆรุมโจมตี แต่ตอนหลังกริสน์วักน้ำสู้
เต๋า เต้ย ต้อนกริสน์ไปใกล้ชิดเค้ก แกล้งรุมจนทั้งสองต้องอยู่ในท่าโอบกอดกันกลายๆ พิมมาดาทนไม่ไหว
“นี่ทุกคน...ขึ้นได้แล้ว เด็กๆ ต้องไปทำการบ้านนะ เค้กก็เหมือนกัน เดี๋ยวก็ปอดบวมตายหรอก”
จังหวะนั้น ภัทรดนัยเดินถือซองน้ำตาลก้าวเข้ามาพอดี
“คุณพิมครับ ไอ้กริสน์อยู่บ้านใช่มั้ยครับ”
กริสน์รีบยืดตัวขึ้นมาจากน้ำ
“ฉันอยู่นี่” กริสน์ตะโกนและโบกมือให้
ภัทรดนัยหันไปมอง ผงะ ตาลุกทันที
“ฉันมีธุระสำคัญ”
“คุณเค้กครับ ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ” กริสน์รีบถือโอกาสหนีเค้กด้วยการรีบแกะเค้กออกแล้วปีนขึ้นจากสระน้ำทันที
“คุณกริสน์! เดี๋ยวซิคะคุณกริสน์” เค้กลืมตัวยืนขึ้นจากสระน้ำ
ภัทรดนัยเห็นเค้กในชุดว่ายน้ำสุดเซ็กซี่ถึงกับอ้าปากค้าง แต่เมื่อเค้กเห็นภัทรดนัยมองอยู่ก็รีบผลุบลงน้ำทันที
“ไอ้บ้า! มองอะไรยะ”
กริสน์รีบวิ่งมาหาภัทรดนัยที่ยืนอ้าปากค้างอยู่
“ไอ้ภัทรดนัย”
กริสน์รีบลากภัทรดนัยออกไปทันที

กริสน์ตัวเปียกโชกลากภัทรดนัยออกมาที่มุมหนึ่งทางข้างนอกอย่างทุลักทุเลเพราะ ภัทรดนัยยังคงนิ่งราวกับถูก สตาฟฟ์จนกริสน์สะกิดเบาๆ ภัทรดนัยก็ยังนิ่งจนกริสน์ตบไหล่แรงขึ้น ภัทรดนัยยังนิ่งอีก กริสน์ทนไม่ไหวคว้าไหล่ภัทรดนัยให้หันมาเผชิญหน้า กริสน์ห็นภัทรดนัยเลือดกำเดาไหลเป็นทางแล้วนึกขำแล้วล้วงมือ หาทิชชู่ในการะเป๋ากางเกงที่เปียกน้ำ
“เอ้ย ...เอ้านี่ แก้ขัดไปก่อน”
ภัทรดนัยม้วนทิชชู่ยัดเข้าไปในรูจมูก
“ขอบคุณสวรรค์ที่บันดาลให้มีวาสนาได้ดูของดี อิๆ” ภัทรดนัยบอก
“ไอ้ทุเรศ! เอามานี่เลย”
กริสน์คว้าซองเอกสารในมือภัทรดนัยมาเปิดดู ดึงกระดาษข้างในออกมาดูถึงกับตาโตตะลึงในทันที
“เฮ้ย”
“กะแล้วว่าพอเห็นผลตรวจแกจะต้องร้องเฮ้ย!เพราะตกใจในความชั่วของไอ้จตุพล” ภัทรดนัยสำทับ
“ไม่ใช่ชั่วอย่างเดียวนะ ยังมั่วด้วย”
“อะไรมั่ววะ” ภัทรดนัยงง
กริสน์ชูกระดาษให้ภัทรดนัยดู เห็นกระดาษที่กริสน์ถืออยู่เป็นรูปวาดการ์ตูนล้อเลียน แลบลิ้นใส่ภัทรดนัยอย่างกวนโอ้ยที่สุด ภัทรดนัยคว้ามาดูแค้นๆ
“เป็นงี้ได้ไงวะ”
ภัทรดนัยนึกออก
“หนอย...ไอ้สารวัตรมาวิน”

มาวินจามอย่างแรงอยู่ที่โต๊ะทำงานในห้องทำงานที่กรมตำรวจ ที่มีเอกสารผลตรวจวางอยู่ มาวินยื่นหน้าไปอีกฟากของโต๊ะ
“จะตอบไอมาได้หรือยังว่ายาพิษเนี่ยเป็นของใคร ทำไมต้องเอาไปตรวจที่นั่น”
พนักงานประจำแล็บนั่งก้มหน้า หน้าซีดอยู่ พอดีมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามา”
ลูกน้องตำรวจมาวินเข้ามาทำความเคารพ
“ผู้กองภัทรดนัยมาขอพบสารวัตร บอกว่ามีเรื่องด่วนครับผม”

ภัทรดนัยเดิรเข้ามาพร้อมด้วยตำรวจ 2-3 คน
“ถ้าสารวัตรอยากได้ผลงาน ก็ควรจะใช้วิธีตรงๆ แมนๆ ที่คนจริงเขาทำกัน ไม่ใช่ใช้วิธีสกปรกแบบนี้! เอาผลตรวจคืนมา”
มาวินยื่นซองสีน้ำตาลมาไว้ตรงหน้า ภัทรดนัยรีบยื่นมือมาจะดึงซองไป แต่มาวินตะปบซองไว้
“ตอบคำถามไอมาก่อน แล้วยูจะได้เอกสารนี้กลับไป”
“ทำไมต้องตอบ”
“ยาที่ยูเอาไปตรวจที่ห้องแล็บ เป็นยาของใคร”
“ยาของพี่กอบสุขมั้ง...เอ...หรือพี่ไก่ดี”
“ใครวะไม่รู้จัก...ตอบมา”
“ไอ้โง่...เอาคืนมา”
“งั้นเอาคำถามใหม่ก็ได้ ยู..กับคู่หูของยูที่เคยเป็นสายไปฝังตัวอยู่กะแก๊งมาเฟียเสี่ยอธิปกำลังทำอะไรกัน”
ภัทรดนัยเงียบทันที
“อ่ะแหนะ เงียบใส่ไอ แสดงว่าสิ่งที่ไอสงสัย เป็นความจริง”
“เรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับผู้กองเกริกพล เพื่อนรักของผม เพราะมันตายไปแล้ว”
“ว่าไงนะ”
“ฟังนะคุณบื้อ...ไอ้เกริกพลมันโดนพวกเสี่ยอธิปฆ่าตาย ตั้งแต่วันงานเลี้ยงที่สารวัตรไปทำลายแผนการของเรานั่นแหละ! พอพวกนั้นรู้ว่าไอ้เกริกมันปลอมตัวเป็นกรด มันก็ตามล่าไอ้เกริก จนในที่สุดไอ้เกริกก็โดนพวกมันจับได้และถูกพวกมันทรมานจนตาย จนป่านนี้ยังหาศพไม่เจอแม้แต่ปลายนิ้วก้อย ฮือๆๆ” ภัทรดนัยพูดพลางร้องไห้โฮ
“โอเวอร์จริงๆ แค่เพื่อนตาย”
“ถ้าวันนั้นสารวัตรรับมันขึ้นมอเตอร์ไซค์มาด้วยมันคงไม่ตาย...เอาผลตรวจมาได้แล้ว”

ภัทรดนัยแอ๊บร้องไห้ต่อ ดึงซองจากมือมาวินแล้วรีบออกไปทันที มาวินมองตามอย่างขยะแขยง

เต๋ากับเต้ยนั่งอยู่ที่โต๊ะในร้านเบเกอรี กรอกตาตามเค้กที่เดินไปเดินกลับอย่างใช้ความคิด จังหวะหนึ่งเต๋ากับเต้ยมองเค้กแล้วหันมามองหน้ากัน จากนั้นจึงค่อยๆ หยิบช้อนตักขนมเค้กเข้าปาก

“ทำไมถึงไม่ได้ผลละ ปาร์ตี้ริมสระของพวกเธอหน่ะ ทำไมไม่เห็นทำให้คุณกริสน์มีปฏิกริยาอะไรกับชั้นบ้างเลย” เค้กว่า
เต๋ากับเต้ยที่ยังคงคาบช้อนคาปากมองกันตาโต เค้กทิ้งตัวลงนั่งอย่างงอนๆ
“ใครว่าคะ คุณกริสน์กำลังรู้สึกรัก คิดถึง และหลงใหลในตัวพี่เค้กใจจะขาด แต่ไม่กล้าแสดงออก จริงมั้ยเต้ย” เต๋าว่า
“จากประสบการณ์ของเต้ยที่ผ่านมานะคะ คุณกริสน์เนี่ย ลึกๆแล้วเป็นคนขี้อายและอ่อนไหวมาก ตอนนี้คุณกริสน์ต้องกำลังคิดหาทางที่จะบอกรักพี่เค้กอยู่แน่ๆค่ะ” เต้ยรีบสำทับ
เค้กเคลิ้มจินตนาการหวานซึ้ง เต๋าเต้ยรีบจกเค้กกินอย่างเร็ว กลัวเค้กเปลี่ยนใจ

พิมมาดาหอบดอกไม้ออกมาจากหลังร้าน มองไปรอบๆไม่มีใครอยู่ มีเพียงป๊อบคอร์นที่นอนอยู่ตัวเดียว
“หายไปไหนกันหมดเนี่ย”
ป๊อบคอร์นลุกขึ้นไปเห่าที่หน้าประตูดัง โฮ่งๆ พิมมาดาวางดอกไม้บนโต๊ะแล้วเดินไปที่ประตูมองออกไปฝั่งตรงข้าม เห็นเต๋าเต้ยนั่งเมาท์อยู่กับเค้กที่ร้านเบเกอรี่ พิมมาดาถึงกับส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ
“อู้งานอีกแล้ว เดี๋ยวจะหักเงินเดือนซะให้เข็ด กินข้าวป๊อบคอร์น”
พิมมาดากำลังจะอุ้มป๊อบคอร์นไปหลังร้าน เสียงประตูหน้าร้านดังขึ้น พิมมาดารีบออกมาต้อนรับ
“สวัสดีคะ เชิญคะ...”
มาวินก้าวเข้ามา พิมมาดาหุบยิ้มทันที
“ทำไมทำหน้าบึ้งใส่เค้าอย่างนั้นละตัวเอง ไม่คิดถึงเค้าเหรอ”
“คิดซิ”
ได้ยินพิมมาดาว่าอย่างนั้นมาวินก็ยิ้มอย่างดีใจ
“คิดว่าคงไม่เอาป๊อบคอร์นไปกินข้าวหลังร้านแล้วล่ะ คนไม่พึงประสงค์มาขนาดนี้” พิมมาดาพูดต่อ
ป๊อปคอร์นเห่ากรรโชกมาวินทันที
“ตัวเองอ่ะใจร้าย ว่าเค้าแรงๆ ตลอดเลย เอาเป็นว่าวันนี้เค้าจะไม่ได้จะมาชวนตัวเองทะเลาะหรอกนะ เค้ามี
เรื่องมาถามตัวเองนิดนึง”
“เรื่องอะไร”
“ช่วงนี้เค้าเห็นผู้ชายตี๋ๆ กล้ามโตๆ มาที่ร้านตัวเองบ่อยๆ มันเป็นใครเหรอ”
พิมมาดาคิดแล้วตอบ
“คุณภัทรดนัยน่ะเหรอ”
มาวินหันหลังให้พิมมาดา
“เป๊ะเลย”
มาวินหันกลับมาหาพิมมาดา
“โอ้ย! เค้าไม่รู้หรอกว่ามันเป็นใคร แต่เห็นมันมาป้วนเปี้ยนแถวร้านตัวเองบ่อยๆ เค้าไม่ชอบอ่ะ”
ป๊อปคอร์นยังคงครางฮือๆ

“นี่มาวิน กรุณาอย่าคิดอกุศล คุณภัทรดนัยเขาแค่มาหาเพื่อนเขาเฉยๆ” พิมมาดาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“มาหาเพื่อนที่ร้านตัวเองเนี่ยนะ มันเป็นเพื่อนกับใครไม่ทราบ เต๋าเต้ยเหรอ หรือว่าป๊อบคอร์น”
ป๊อปคอร์นเห่าโฮ่ง
“หัดพูดจาให้เกียรติคนอื่นบ้างนะ เพื่อนเขาก็คือนายกริสน์พี่เลี้ยงของหลานๆ ฉันเอง”
มาวินกระหยิ่มขึ้นมาทันที
“อ้อ ไอ้พี่เลี้ยงกริสน์ ภัทรดนัยมาหาพี่เลี้ยงกริสน์ ภัทรดนัยเป็นเพื่อนกับกริสน์ แต่ไอ้เกริกพลตายไปแล้ว...ฮุๆๆ ครุคริๆๆ”
มาวินลำดับเรื่องราวและหัวเราะกิ๊กกั๊กกับตัวเอง พิมมาดามองอย่างงงๆ
“แล้วนี่นายกริสน์ไม่อยู่เหรอ”
“เขาก็ไปส่งเด็กๆ ที่โรงเรียนน่ะสิ”

เดชกำลังกินซาลาเปาอยู่ที่ริมรั้วโรงเรียน ทันใดนั้นเดชก็สำลักซาลาเปาแทบติดคอหลังฟังเรื่องอธิปโดนวางยาพิษจากภัทรดนัยและกริสน์
“ว่าไงนะ” ถึงจะสำลักแต่เดชยังเสียงดัง
ภัทรดนัยรีบเข้าไปปิดปากเดช มองซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวัง เดชดิ้นขลุกๆ เพราะโดนอุดทั้งซาลาเปาทั้งมือภัทรดนัย
“เบาๆ ซิพี่เดช เดี๋ยวเขาก็ได้รู้กันทั้งโรงเรียนหรอก”
“ก่อนที่เขาจะรู้กันทั้งโรงเรียน ฉันว่าฉันจะตายก่อนนะ ปล่อยๆๆ” เดชเสียงอู้อี้
ภัทรดนัยรู้ตัวรีบเอามือออก เดชคายซาลาเปาออกมา แล้วรีบสูดลมหายใจเข้าอย่างแรง
“อุ้ย! ขอโทษคร้าบ” ภัทรดนัยยกมือไหว้
กริสน์ส่ายหน้าเซ็งๆ เดชค่อยยังชั่ว
“ยาบำรุงในถ้วยนั้น มันคือยาพิษ มีฤทธิ์ทำลายประสาทเหรอ ฉันนี่มันโง่จริงๆ ที่ไม่รู้เลยว่าเสี่ยกำลังตกอยู่ในอันตราย คุณจตุพลทำกับเสี่ยได้ไง ทำไมถึงไม่สำนึกในบุญคุณของเสี่ยที่ชุบเลี้ยงตัวเองมาบ้าง ความกตัญญูรู้คุณน่ะมีบ้างมั้ย ชั้นยังเคยป้อนยาเสี่ยเลย..ชั้นมันคนหรือควายกันแน่ โฮๆ” เดชพูดพลางร้องไห้ฟูมฟายออกมาอย่างน่าสงสาร
“เอาน่าพี่เดช โทษตัวเองไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ต้องหาทางช่วยเสี่ยไม่ให้กินยาอีก” กริสน์ว่า
“ถูก!! มีแต่พี่เท่านั้นที่จะปกป้องเสี่ย ให้พ้นจากเหล่าร้ายและภยันตรายทั้งปวง” เดชเสียงมุ่งมั่น
“เกินจริงตลอดเลยตาคนนี้” ภัทรดนัยพูดพลางส่ายหน้า
กริสน์กอดคอ ทุกคนมาสุมหัวช่วยกันคิดหาวิธี
“แต่ต้องจำไว้ว่า เรื่องนี้คือความลับสุดยอด ห้ามให้เรื่องแพร่งพรายเด็ดขาดแม้กระทั่ง...”
กริสน์มองหน้าเดช เดชพยักหน้ารับทราบ

ช่วงเวลาพักตอนกลางวัน โอปอล์นั่งดูโจ๊กซ้อมมวยอยู่ ขณะนั้นเด็กบางส่วนนั่งซึมกระทือไม่
ค่อยมีพลังงาน บางคนล้มลงนอนหงายท้อง เหมือนเต่าทอง เด็กหลายคนนั่งหลับสัปหงก เสียงเพลงแด๊นซ์สนุกสนานดังขึ้น แจ๊สหูผึ่งทันที
“ขอให้นักเรียนทุกคนไปรวมตัวกันที่เวทีเล็กข้างสนาม เพื่อชมโชว์จากชมรม Star Dance ค่ะ...ขอให้นักเรียนทุกคนไปรวมตัวกันที่เวทีเล็กข้างสนาม เพื่อชมโชว์จากชมรม Star Dance คะ ขอบคุณคะ” เสียงของครูฟ้าใสประกาศ
เด็กๆ วิ่งกรูไปที่เวที แจ๊สวิ่งผ่านโอปอล์และโจ๊กไปอย่างรวดเร็ว
“พี่แจ๊ส!” โอปอลล์เรียก

เด็กๆ วิ่งกรูเข้ามาออกันที่หน้าเวทีข้างสนามกีฬาของโรงเรียน แจ๊สตีตั๋วริงไซด์โดยมีจีจ้ายืนอยู่ข้างๆ โชว์ของชมรม Star Dance เริ่มต้น สมาชิกในชมรมวาดลวดลายกันอย่างเต็มที่ แจ๊สมองเพื่อนบนเวทีอย่างตื่นเต้น ชื่นชอบสุดๆที่มุมหนึ่ง ปาล์มใส่แว่นดำ วาดลวดลายตามสาวๆ บนเวทีไปด้วย ลีลาอย่างเด็กเมายาเต้นตามงานสงกรานต์
แจ๊สตกอยู่ในภวังค์นิ่งไม่ขยับ อินไปกับโชว์
“ชั้นต้องทำให้ได้” แจ๊สบอกกับตัวเอง
การแสดงจบลงด้วยท่าที่สมาชิกชมรมโพสต์ท่าอย่างเท่ห์ ทุกคนปรบมือ แจ๊สปรบมือแรงและดังกว่าใครเพื่อน ครูฟ้าใสขึ้นมาบนเวที
“Excellent! very good. I really proud of you , my students. ครูภูมิใจในตัวนักเรียนจริงๆ และนี่คือทีมจากชมรม Star Dance ที่จะเป็นตัวแทนโรงเรียนของเรา ขึ้น Show on a big stage.บนเวทีใหญ่ในงานวันเยาวชนแห่งชาติที่กำลังจะมาถึงนี้ ใครอยากจะไปร่วมเชียร์ ให้กำลังใจ Our friends เพื่อนๆ ของเรา ก็ไปได้นะจ๊ะ” ครูฟ้าใสชื่นชมสุดๆ
แจ๊สยกมือทันที
“หนูไปค่ะ หนูไป”
“Ok จ้ะ Tell น้าพิมเลยนะจ๊ะ อ้อ จะให้ดีชวน your baby sister ด้วยนะ” ครูฟ้าใสบอก
“เอาอีกละ เอ่อ ครูฟ้าใสครับ อย่าส่วนตัวครับ มันดูไม่ดี” ครูพงษ์พัฒน์พูดเสียงดัง
“ยุ่ง! not your business”
ขณะนั้น หนึ่งในสมาชิกชมรมที่อยู่บนเวทีก็หมุนตัวแล้วลงไปนอนหงายเป็นเต่าทอง ทุกคนตกใจ
“What’s happened with her? เพื่อนเป็นอะไรไปเนี่ย” เสียงครูฟ้าใสตกใจมาก
“ไม่ต้องตกใจค่ะครู ไม่ต้องตกใจนะคะทุกคน เดี๋ยวอีกสองสามชั่วโมงหญิงก็หายค่ะ ไม่เป็นไรเลย” นักเรียนคนหนึ่งพูดขึ้น
ครูพงษ์พัฒน์ช่วยประคองหญิงลงจากเวที ครูฟ้าใสมองตามอย่างเป็นกังวล

ครูพงษ์พัฒน์นั่งประชุมร่วมกับครูคนอื่นในโรงเรียนอยู่ในห้องประชุมของโรงเรียน ครูฟ้าใสเดินไปเดินมาตรงหัวโต๊ะหน้าตาเคร่งเครียด
“This is serious! เราจะต้องช่วยกันหาสาเหตุให้เจอ ว่าทำไมพวกเด็กๆถึงได้มีอาการแปลกๆ และน่ากลัวแบบนี้? What’s wrong with them? ” ครูฟ้าใสพูดขึ้น
“แต่ครูบอกว่าไม่ให้ทุกคนพูดถึงเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอครับ” ครูพงษ์พัฒน์พูด
“Yes ใช่ค่ะ Don’t speak but…but แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า..เราจะไม่ดูแลนักเรียนของเรานะคะ” ครูฟ้าใสบอก
“พ่อแม่ของเด็กที่มีอาการ ก็พาลูกเขาไปตรวจแล้วก็ไม่พบอะไรนี่คะ” ครูคนหนึ่งที่ร่วมประชุมด้วยพูดขึ้น
ครูฟ้าใสถอนใจ ครูพงษ์พัฒน์ลุกขึ้นแล้ววิ่งวนไปวนมา จากนั้นก็ลงไปนอนหงายท้อง หัวเราะคิกคักเหมือนเต่าทอง
“ครูพงษ์พัฒน์เป็นอะไรคะ Are you alright?” ครูฟ้าใสตกใจ
ครูพงษ์พัฒน์ลุกขึ้น
“ไม่เป็นไรครับ ผมแค่อยากลองดูว่า อะไรทำให้เด็กๆ มีอาการแบบนี้ เลยลองทำตามดูเผื่อจะคิดออก”
“Thank you. แต่ทีหลังไม่ต้องนะ” ครูฟ้าใสบอก
ครูพงษพัฒน์จ๋อย
“เอาละ ยังไงก็ต้องฝากทุกคนให้เป็นหูเป็นตากันด้วยนะคะ เด็กๆทุกคนเปรียบเหมือนลูกๆของเราเอง ถ้ามีอะไรที่ดูแล้วแปลกๆ ไม่ชอบมาพากล Please, report me immediately. Ok? รายงานให้พี่ทราบด่วนที่สุด” ครูฟ้าใสว่า
คุณครูทุกคนรับทราบ

เดชรีบกลับมาหาอธิปอย่างร้อนใจ เวลานั้นกำลังก้มลงซุบซิบอยู่ข้างหูมาเฟียกลับใจ ที่นั่งฟังตาโตอยู่บนรถเข็น
“ตกลงตามนี้นะครับเสี่ย” เดชทำมือโอเคให้เสี่ย
เสี่ยอธิป ทำมือโอเคตาม
“ตกลงซิ ตกลง ถ้าเป็นภาระกิจช่วยโลกละก็คนอย่างฉันทำอยู่แล้ว”
จตุพลและน้อมพงษ์เข้ามาในห้อง น้อมพงษ์ยกแก้วใส่ยาบำรุงเข้ามา เดชรีบลุกไปยืนอยู่ห่างๆ
“ก่อนที่อากู๋จะไปช่วยโลก อากู๋ต้องดื่มยาบำรุงเพื่อช่วยให้ตัวเองแข็งแรงขึ้นก่อนนะครับ”
“สมกับสำนวนโบราณที่ว่า..ปากปราศรัย น้ำใจเชือดคอ..จริงๆ” เดชพึมพำกับตัวเอง
“บ่นอะไรงึมงำๆ ฮะ ไอ้เดช” น้อมพงษ์ถาม
“ผมร้องเพลงครับ ไม่ได้บ่น” เดชบอก
“อารมณ์ดีจริงนะ อารมณ์ดีจนฉันชักจะหมั่นไส้ละ” จตุพลบอก
จตุพลมองหน้าเดชอย่างเหี้ยมๆ เดชหลบตาหน้าเจื่อน
“ดื่มยาดีกว่าครับเสี่ย เดี๋ยวจะชืดซะหมด” น้อมพงษ์บอก
เสี่ยอธิปพยักหน้าหงึกๆ เอื้อมมือสั่นๆ ไปหยิบแก้วยา แล้วซดทีเดียวหมดแก้ว จตุพลอมยิ้มอย่างพอใจ เสี่ยอธิปวางแก้วเปล่าลงบนถาด แล้วยิ้มให้จตุพลทั้งๆ ที่ยังแอบอมยาอยู่ไม่ยอมกลืน
“อย่าอมยาซิครับอากู๋ กลืนลงไปเลยเดี๋ยวฟันผุ”
เสี่ยอธิปมองเดช เดชพยายามขยิบตาให้เสี่ยอย่ากลืน เสี่ยหันมามองทางจตุพล
“กลืนซิครับ บอกให้กลืน” น้อมพงษ์สั่งเสียงเน้น
“บอกให้กลืนๆไง พูดไม่รู้เรื่องรึไง แล้วแบบนี้เมื่อไหร่จะหาย หา อากู๋” จตุพลบอก
เสี่ยอธิปเริ่มรู้สึกกลัวจตุพล สบตาเดชอีกครั้ง แล้วตัดสินใจจะกลืนยา ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์
ของจตุพลที่น้อมพงษ์ถือก็ดังขึ้น น้อมพงษ์รับโทรศัพท์
“ว่าไง ใครมาที่โรงงานนะ อ๋อ..นายครับ..จากผู้จัดการครับ เรื่องด่วนมาก” น้อมพงษ์คุยทางโทรศัพท์
จตุพลคว้าโทรศัพท์ไป
“ว่าไง...เหรอ...มีคนจะซื้อเฟรนชายส์เพิ่มอีกเกือบสิบเจ้าเลยเหรอ จริงดิ?....ฮ่าๆๆๆ...แล้วนี่มีใครรายงานท่านหรือยัง?...รีบรายงานซิ ความดีความชอบทั้งนั้น”
จตุพล น้อมพงษ์ ลั้นลาดี๊ด๊า เลิกสนใจเสี่ยอธิป
เดชรีบเดินแฉลบเข้ามาหาเสี่ยอธิปแล้วพยายามจะหาทางให้เสี่ยบ้วนยาออกมา
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันรายงานท่านเอง...ดีๆๆ...จัดไปๆ ฮ่าๆๆ”
จตุพลกำลังจะวางสาย เดชยิ่งลนเข้าไปใหญ่ เสี่ยอธิปทำมือให้เดชหันหลัง เดชงงๆ เสี่ยรีบพยักหน้าให้เดชหันหลังให้ด่วน เดชรีบหันหลังให้ เสี่ยอธิปพ่นยาใส่กางเกงบริเวณก้นเดชทันที เดชสะดุ้งพอดีกับจตุพลวางหู แล้วหันมาหาเสี่ยพอดี
เสี่ยอธิปเปิดปากยิ้มให้
“ดีมากครับกู๋ กินยาจะได้แข็งแรงนะครับ”
”ใช่ครับ เออ...” น้อมพงษ์พูดแล้วหันไปพูดกับจตุพลต่อ
“เรารีบไปวางแผนร่างสัญญาขยายแฟรนไชส์กันดีกว่าครับ”
“ถูก”
ทั้งสองเดินออกจากห้องไป
“นี่ฉันทำสำเร็จแล้วใช่มั้ย? ใช่มั้ยๆๆ” เสี่ยอธิปปรบมือดีใจ
“ใช่ ครับเสี่ยเก่งมาก แต่คราวหลังต้องบ้วนยาใส่กระโถนนะครับไม่ใช่ใส่ตูดผม” เดช บอก
“โอเคๆ” เสี่ยอธิปพูดพลางยกมือทำท่าโอเค

เต๋า กับเต้ย จัดดอกไม้ใส่แจกันอยู่ ประตูร้านเปิดพร้อมกับที่ฉัตรชัยก้าวเข้ามา เต๋าเต้ยดี๊ด๊าคิดว่าสุขสันต์มา
หาพิมมาดา เต๋าตะโกนไปหลังร้าน
“อุ้ยๆๆ พี่พิมขา คุณสุขสันต์มาค่ะ”
“จ้ะ” เสียงพิมมาดารับคำจากหลังร้าน
ระหว่างนั้นคนที่ก้าวตามเข้ามาคือแพรวพิลาศ เต๋าเต้ยหน้าตึงทันที
พิมมาดาอุ้มป๊อบคอร์นออกมาจากหลังร้าน
“คุณแฮปปี้มาหาพิมแต่วันเชียว” .พิมมาดายิ้มกว้าง แต่เมื่อเห็นแพรวก็ชะงักทันที
“คุณแพรวพิลาศ”
“เมื่อกี้เธอเรียกใครว่า แฮบปี้? คุณสุขสันต์เหรอ อ๊าย...” แพรวพิลาศเสียงแข็ง
“ฮะแฮ่ม! คุณแพรวครับ...ซึม เศร้า เหงาเพราะรักครับ” ฉัตรชัยกระซิบเตือนแพรว
แพรวพิลาศรู้ตัว รีบตีหน้าสลดทันที
“คุณแพรวเชิญออกจากร้านชั้นได้แล้วค่ะ” พิมมาดาเสียงแข็ง
“บอกไว้ก่อนนะพวกเราไม่ยอมให้ข่มเหงกันอีกแน่...เต๋า! โทรเรียกพี่เค้กมาสมทบด่วน” เต้ยสั่ง
เต๋ายกหูโทรศัพท์ แพรวพิลาศปล่อยโฮร้องไห้ออกมา ทุกคนอึ้ง!
“ร้องไห้ทำไมยะ? พวกเรายังไม่ทันทำอะไรเลย” เต๋าพูด
แพรวพิลาศเดินเข้าไปหาพิมมาดา กระแทกเต้ยที่ขวางอยู่ แพรวพิลาศจับมือพิมมาดาขึ้นมา
แพรวพิลาศถอดแว่นดำออกเห็นขอบตาบวมช้ำ
“ฉันไม่ได้จะมาหาเรื่องเธอนะ ฉันจะมาขอโทษ และจะมาบอกเธอว่า ฉันยอมแล้ว ฉันยอมแพ้ ฉันยอมหลีกทางให้เธอกับคุณสุขสันต์”
“คุณแพรวพิลาศ” พิมมาดาไม่เชื่อหูตัวเอง
“ฉันรู้ ฉันทำผิดกับเธอมามาก ฉันควรจะเข้าใจซะทีว่า ถ้าคุณสุขสันต์เขาไม่รักฉันแล้ว ฉันจะพยายามยังไงมันก็ไม่มีประโยชน์ ฝากดูแลผู้ชายคนนี้เหมือนฉันดูแลอยากให้เธอคอยแคร์รักและจริงใจทุกๆนาที รักเขาให้มากกว่าฉัน”
แพรวพิลาศพูดแล้วเริ่มร้องเป็นเพลง
ป๊อบคอร์นเฮ่าขัดขึ้น โฮ่ง!
“ฉันคงมากวนเธอครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย..เราเป็นเพื่อนกันได้ใช่มั้ย”
“ได้ซิคะ คุณแพรวพิลาศ”
แพรวพิลาศทำท่าจะเข้ามากอดพิมมาดา แต่ป๊อบคอร์นแยกเขี้ยวขู่ แฮ่! แพรวพิลาศชะงัก
“หยุดนะป๊อบคอร์น”
“ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ ฉันไปละนะ”
แพรวพิลาศสวมแว่นดำแล้วปรายตามองไปที่พิมมาดา เต๋า เต้ย ทีละคน ก่อนจะเดินออกไปจากร้านอย่างคอตกสุดๆ ฉัตรชัยตีหน้าเศร้าเดินตามออกไป พิมมาดามองตามอย่างเห็นใจสุดๆ แพรวพิลาศซึ่งหันหลังให้พิมมาดาแสยะยิ้มที่มุมปาก สบตากับฉัตรชัยที่อมยิ้มเหี้ยมๆ

“เรื่องจริงเหรอเนี่ย” เต้ยวิ่งไปถามเต๋าภายในร้าน
เต๋าหยิกแก้มเต้ย จนเต้ยร้อง โอ้ย!
“เออ จริงอ่ะ” เต้ยบอก

ลังบรรจุขนมสวีทโอปอลล์ถูกเปิดออก มีขนมสวีทโอปอลล์ห่อเล็กๆมากมายอยู่ข้างใน ปาล์มกับสมุนก้มมองลังขนมอยู่อย่างกระหายมากอยากกิน ทุกคนดูอิดโรยน่ากลัวขึ้นทุกที
“จะมามุงกันทำไม ไปยืนห่างๆ เดี๋ยวฉันแจกให้เอง” ปาล์มด่าสมุน
สมุนปาล์มรีบมายืนเรียงแถวหน้ากระดาน ปาล์มหอบขนมขึ้นมาแล้วแจกให้คนละห่อ ขนมถูกวางลงบนมือของสมุนทีละคน ท้ายแถวปาล์มเห็นจีจ้ายิ้มแฉ่งยืนเนียนยื่นมือมารับขนมอยู่ ปาล์มชะงักไม่ยอมให้
“เฮ้ย! มายืนเนียนเอาขนมนี่หว่า” ปาล์มโวย
“ก็เห็นพี่กำลังแจกอยู่ เลยคิดว่าพี่น่าจะมีน้ำใจ แบ่งขนมสวีทโอปอให้น้องตัวเล็กกินบ้าง” จีจ้าบอก
“งั้นน้องก็คิดผิดแล้วละ” ปาล์มบอก
“ใช่ คนอย่างพี่น้องปาล์มไม่มีน้ำใจหรอกจะบอกให้” สมุนปาล์มคนหนึ่งบอก
ปาล์มเขกหัวสมุน
“ เรียกว่า เลือกที่จะมีน้ำใจเป็นกรณีๆไปต่างหากเว้ย”
“อยากกินก็ไปซื้อเอง หรือถ้าไม่มีปัญญา ก็นั่งดูยืนดูพี่กินไปพลางแก้อยากไปก่อนก็ได้นะน้อง ฮ่าๆ” ปาล์มหันมาพูดกับจีจ้า
จีจ้ากำหมัดมองพวกปาล์มอย่างแค้นๆ

กริสน์จอดรถรอเด็กๆอยู่ที่หน้าโรงเรียน กำลังเอากระดาษโค้ดลับมาเพ่ง พยายามครุ่นคิด หาทางถอดรหัส กริสน์พยายามเอาส่องกับแดด-กลับหัวกลับหางดู-ลองพับกระดาษเพื่ออ่าน แต่ก็อ่านไม่ได้
“พวกแกนัดกันที่ไหนๆๆ สุขสันต์..ชั้นต้องถอดรหัสให้ได้..มันต้องมีทริคอะไรบางอย่าง เพื่อใช้ถอดรหัสนี้ มันคืออะไรๆ เฮ้อ..อะไรวะๆๆ”
แจ๊สเดินหน้ามุ่ยนำจีจ้าที่เดินตามแทบไม่ทัน โจ๊กสะพายเป้เดินหน้าเซ็งๆตามมาข้างหลัง
“เสียศักดิ์ศรี ขายขี้หน้ามาก ไปขอขนมไอ้อ้วนดำกินได้ยังไง” แจ๊สพูดขึ้น
“ก็จีจ้าอยากลองชิมดูบ้างอ่ะ เข้าแถวรับขอแจกก็ไม่เคยทัน กะจะไปซื้อกินก็” จีจ้าบอก
“ไม่ได้! ขนมสวีทโอปอ แพงจะตาย พวกเราไม่ได้เป็นลูกเศรษฐี แต่เป็นหลานน้าพิมนะ ต้องรู้จักประหยัด” แจ๊สพูดแทรกทันที
“พี่โจ๊กบอกพี่โอปอลล์ ให้บอกคุณพ่อลดราคาขนมหน่อยไม่ได้เหรอ” จีจ้าหน้าจ๋อยๆ หันไปคุยกับโจ๊ก
“บอกแล้วจะรู้เรื่องอะไร อย่าลืมซิคุณพ่อของพี่โอปอลล์เขากำลังไม่สบายอยู่นะ” โจ๊ก บอก
“จริงด้วย....แต่ว่าพี่โจ๊กสนิทกับพี่โอปอลล์นี่นา ทำไมไม่ขอขนมมาแจกพี่น้องบ้างอ่ะ หรือพี่โจ๊กแอบเก็บไว้กินคนเดียว” จีจ้าแนะ
“ขนมแบบนั้น พี่ไม่ได้อยากกินเท่าไหร่หรอกนะ อีกอย่างพี่เป็นผู้ชาย ไปขอขนมผู้หญิงกินอ่ะ ก็เสียศักดิ์ศรี พอๆกับไปขอขนมไอ้ปาล์มนั่นแหละ”
“อย่าตะกละน่ะจีจ้า” แจ๊สบอก
จีจ้าเซ็งสุดๆ ทันทีที่กริสน์เห็นเด็กๆ เดินมา ก็ลงจากรถมาหา
“คุยเรื่องอะไรกันอยู่เหรอเด็กๆ หน้าตาบู้บี้เชียว” กริสน์ถาม
“เรื่องของเด็ก” โจ๊กบอก
“ผู้ใหญ่ไม่เกี่ยว” แจ๊สพูดต่อ
โจ๊กกับแจ๊สขึ้นรถไปด้วยสีหน้าเมิน จีจ้ามองหน้ากริสน์ทำปากขมุบขมิบเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง โจ๊กชะโงกหน้าออกมาจากหน้าต่างรถ
“ จีจ้า! อย่าไปพูดด้วย จบเรื่องน้าเค้ก ก็จบหน้าที่” โจ๊กเสียงแข็ง
จีจ้ารีบเปิดประตูขึ้นนั่งรถทันที กริสน์ส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ

ภัทรดนัยมาที่ร้านเค้กอย่างอารมณ์ดี กำลังจะเปิดประตูร้าน แต่ประตูร้านเปิดออกซะก่อน เค้กยืนขวางประตูอยู่ในมือถือเค้กก้อนโต
“เข้าไม่ได้” เค้กบอก
“ร้านปิดเหรอครับ” ภัทรดนัยถาม
“ไม่ได้ปิด แต่ร้านฉันห้ามสัตว์เลี้ยงเข้า” เค้กบอก
“โอ้ย..แรงอ่า แต่ไม่เป็นไรครับเข้าไม่ได้ ก็ยืนอยู่ตรงนี้แหละยืนระยะประชิดแบบนี้ หัวใจผมก็เต้นแรงเหมือนได้กินกาแฟแล้วครับ” ภัทรดนัยพูดและยืนกรุ้มกริ่มอยู่
“ไอ้ๆๆ...ไอ้บ้า” เค้กหน้าแดงเดินถอยหลัง
เค้กชะงักมองไปฝั่งตรงข้าม ภัทรดนัยมองตามเห็นตำรวจ 2-3 นายเปิดประตูเข้าร้านพริมโรสไป
“นั่นตำรวจเข้าไปในร้านยัยพิมทำไมตั้งเยอะแยะ” เค้กพูดขึ้นลอยๆ แต่ภัทรดนัยสีหน้าครุ่นคิด

ตำรวจ 2-3 นาย เปิดประตูร้านเข้ามา เต๋าเต้ยรีบออกมาต้อนรับ ป๊อบคอร์นเห่าใหญ่ ทันทีเพราะเห็นตำรวจ
“น้องป๊อบเงียบๆก่อนคะ คุณตำรวจจะมาสั่งดอกไม้เหรอคะ เอาแบบไหนดีเอ่ย”
“ผมไม่ได้มาสั่งดอกไม้ครับ แต่ผมจะมาขอตรวจบัตรประชาชน” ตำรวจบอกพลางชูหมายค้น
“ตรวจทำไมคะ” พิมมาดาถามขึ้น
“พนักงานในร้านของคุณมีเท่านี้ใช่มั้ยครับ” ตำรวจถาม
พิมมาดางงๆ
“ก็มีหนู หนูชื่อเต้ย มีเต๋า แล้วก็พี่กริสน์อีกคนค่ะ” เต้ยบอกประสาซื่อ
“กริสน์หรือครับ” ตำรวจสบตากัน

ภัทรดนัยกับเค้กที่ยืนอยู่หน้าร้าน ภัทรดนัยนึกออกทันทีว่างานเข้า ยกนาฬิกาขึ้นมาดูนาฬิกาข้อมือบอกเวลาสี่โมงเย็น
“หรือว่าตำรวจจะมาตามหากริสน์ ไอ้มาวิน ต้องเป็นมันแน่ๆ ไอ้กริสน์..ซวยแล้ว จวนจะกลับมาถึงแล้ว! ต้องบอกให้มันไปที่อื่นก่อนดีกว่า”
ภัทรดนัยรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดอย่างรีบร้อน เค้กมองพฤติกรรมของภัทรดนัยอย่างงงๆ ภัทรดนัยงุ่นง่านกริสน์ไม่ยอมรับโทรศัพท์ ภัทรดนัยกดสายทิ้ง
“ตลอดๆๆ เวลามีเรื่องไม่เคยรับสายตลอด”

ตำรวจยื่นบัตรคืนให้เต้ย
“เรียบร้อยแล้วครับ ส่วนพี่เลี้ยงเด็กของคุณอีกคนหนึ่งจะกลับมาเมื่อไหร่” ตำรวจถาม
“เขาไปรับเด็กๆกลับจากโรงรียนน่ะคะ อีกแป๊บคงถึงแล้ว มีอะไรคะ” พิมมาดาบอก
“ไม่มีอะไรครับ แต่เราได้รับรายงาน ว่าแถวนี้ มีพวกต่างด้าวผิดกฎหมาย ชอบมาสวมบัตรประชาชนคนไทย ทำงานขายแรงงานเถื่อน เราก็แค่..อยากดูบัตรประชาชนของทุกคน ว่าเป็นของจริงหรือปลอม..เท่านั้นแหละครับ” ตำรวจพูดเฉไฉ
ภัทรดนัยอยู่ที่ร้านเบเกอรี่ เห็นรถพิมมาดาแล่นเข้าไปจอด
“เนื้อกำลังจะเข้าปากเสือแล้วทำไงดีวะ” ภัทรดนัยบ่น
“เย้...คุณกริสน์กลับมาแล้ว” เค้กบอก
ภัทรดนัยมองเค้กแล้วตัดสินใจ
“เอาวะ”
ภัทรดนัยคว้าเค้กมากอด แล้วปล้ำจูบเค้กทันที เค้กตกใจร้องกรี๊ดๆๆ เอาเค้กก้อนใหญ่โป๊ะไปที่หัว ภัทรดนัย ทุกคนในร้านพิมมาดาหันมามองฝั่งตรงข้ามเป็นตาเดียว
“เสียงเค้กนี่! เกิดอะไรขึ้นน่ะ” พิมมาดาพูดขึ้น
ภัทรดนัยปล้ำไม่ยอมปล่อย
“กรี๊ดๆ นี่นายทำอะไรฉัน ปล่อยนะ ช่วยด้วยคะ ช่วยด้วย” เค้กร้องส่งเสียงดัง
“เรียกให้ตำรวจช่วยสิ กลัวผม..ก็เรียกตำรวจให้มาจะจับผมเร็ว..ไม่งั้น ผมข่มขืนคุณจริงนะ “ ภัทรดนัยบอก
“กรี๊ดด...ตำรวจๆๆช่วยด้วย ตำรวจเร็วๆๆ ช่วยด้วย มันจะข่มขืนช้าน” เค้กกรีดร้องโวยวาย
กริสน์ที่อยู่ในรถกับเด็กๆ เห็นเหตุการณ์เข้าพอดี มองอย่างงงๆ ทันใดนั้นตำรวจ 2-3 นายที่อยู่ในร้านพริมโรส ก็พุ่งออกมา กริสน์เห็นพอดีรีบก้มหลบในรถทันที ภัทรดนัยกอดเค้กอยู่หมุนมาอีกฝั่งเพื่อให้ตัวเองอยู่ตรงข้ามกับกริสน์
“ปล่อยนะไอ้บ้ากาม! ช่วยด้วย! คุณตำรวจมาจับมันเข้าคุก เข้าขัง 8 ไปเล้ยค่ะ ! กรี๊ดๆๆ”
ภัทรดนัยตะโกนแข่งกับเค้กอย่างท้าทายและยิ่งกอดเค้กแน่น
“ตำรวจ ตำรวจมา ตำรวจจะมาจับช้านเหรอ! จ้างก็ไม่กลัวตำรวจเว้ย แน่จริง มาจับสิวะ อะโด่ ไม่กล้าอ่ะดิ รู้ป่าว ว่าอั๊วลูกใคร ไม่รู้หรอ อั๊วะก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ ว่ะฮ่ะๆๆ ล่อแล่ๆๆ จับได้ให้สิบตังค์ๆ”
ภัทรดนัยพูดพลางแล่บลิ้น แหกตา หลอกล่อ พยายามให้ตร.โกรธมากๆ
“แบร่ๆๆ ตำรวจขี้แย กาละแมติดตูด ข้าวเหนียวบูดๆติดตูดตำรวจ”
ตำรวจพากันโมโห วิ่งไล่จับภัทรดนัยไป
“จับมันให้ได้ค่ะ จับมันเลยๆ” เค้กเร่งเร้า
ภัทรดนัยวิ่งล่อสุดฝีเท้า นำพวกตร.วิ่งไล่ล่ากัน หายไป ทุกคนงงๆ กริสน์โผล่หัวมาจากที่หมอบในรถ อย่างเข้าใจ

กริสน์เดินมาที่หน้าต่างในห้องซึ่งอยู่ในบ้านพิมมาดา กริสน์เห็นภัทรดนัยที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ กริสน์กำลังทำแผลจากการหนีตำรวจจนโดนลวดหนามและต้นไม้ข่วนตามแขน ขา คอให้อยู่
“อูย...เบาๆ”
“ไอ้มาวิน..มันคิดจะเล่นฉันเหรอ ดี”
“เบาๆ...ดีเหรอ...ที่ไอ้มาวินมันดมกลิ่นแกมาใกล้ขนาดนี้แทนที่แกจะระวังตัวกลับบอกว่า ดี”
“ไอ้นี่มันทำเราลำบากหลายหนแล้ว ไม่ใช่เหรอวะ”
“โอ๊ย...ใช่”
“ชั้นสะแกนกรรมมันเรียบร้อยแล้ว ชั้นคิดว่า..ถึงเวลา..ที่มันจะแก้กรรมของมันได้แล้วว่ะ”
“แล้วที่ชั้นโดนลวดหนาม ต้นไม้ตำนี่เพราะแกแก้กรรมให้ชั้นใช่ไหมวะ”

สุขสันต์คุยโทรศัพท์อยู่ในคฤหาสน์
“คุณพิม ถ้าคุณพิมรักหลาน ผมก็ต้องดูแลหลานๆคุณให้ดีที่สุดสิครับ งั้นตกลง..ลองวีคเอ็นด์ วันหยุดยาวนี้..เราไปเขาใหญ่ก็แล้วกันนะครับ ผมมีบ้านพักตากอากาศอยู่ แถมที่นั่นยังมีกิจกรรมผจญภัยเยอะแยะ พวกเด็กๆน่าจะชอบนะครับ” สุขสันต์บอก
“คุณใจดีที่สุดเลยค่ะ คุณแฮปปี้ เด็กๆต้องดีใจ อยากไปกันมากๆแน่ๆเลยค่ะ” พิมมาดาซึ้งใจ
สุขสันต์วางสายไปแล้ว แต่หารู้ไม่ว่า แพรวพิลาศยืนอยู่ทางด้านหลังแอบฟังอยู่ได้แต่กัดกรามแน่น

“แจ๊สไม่อยากไป” แจ๊สพูดขึ้นในห้องนั่งเล่นที่บ้านของพิมมาดา
“โจ๊กก็เหมือนกัน ไปเที่ยวกับนายทุกข์ระทมนั่นไม่เห็นมีอะไรน่าสนุก” โจ๊กบอก
“การไปเที่ยวของเรากับคุณแฮปปี้ก็เพื่อสานความสัมพันธ์สมานฉันท์กันในครอบครัว ฉะนั้นต้องอาศัยความร่วมมือจากพวกเราทุกคน อย่าทำให้น้าผิดหวังนะ แจ๊ส โจ๊ก จีจ้า และก็ป๊อบคอร์น”
พิมมาดาพูดเน้นเสียงแล้วหันหลังจะเดินกลับขึ้นไปข้างบน แต่แล้วก็หยุดหันกลับมาพูดต่อ
“ไม่อย่างนั้น ทุกคนก็เตรียมตีตั๋วเครื่องบินไปโรงเรียนประจำบนเขา ที่ประเทศอินเดียกันได้เลย”
พิมมาดาขู่สำทับ แล้วเดินยิ้มขึ้นไปข้างบน แจ๊สกับโจ๊กมองหน้ากันเจ็บใจ
“ไม่เข้าใจเล้ย นายคนนั้นมีอะไรดี” โจ๊กบ่น
“รวยไง” จีจ้าพูดขึ้น
แจ๊ส กับโจ๊ก หันมามองจีจ้าเป็นตาเดียว
“ถ้าน้าพิมแต่งงานกับเขา น้าพิมก็จะรวยด้วย” จีจ้าแสดงความเห็น
“แล้วมันดียังไง” แจ๊สสงสัย
“เราก็จะได้ใช้เงินฟุ่มเฟือย ทำตัวเป็นเบ่งคับโรงเรียน ได้จอดรถที่ห้ามจอดหน้าโรงเรียนได้ กินขนมราคาแพง แบบนายปาล์มซักกี่ลังๆก็ได้ ดีมั้ยล่ะ” จีจ้าพูด
“เป็นแบบนายปาล์มเนี่ยนะ อี๋..แหวะ” โจ๊กไม่เห็นด้วย

“รวยแบบนั้นนะ ขออยู่แบบนี้ดีกว่า ไร้ค่าสิ้นดี” แจ๊สบอก








Create Date : 31 มกราคม 2555
Last Update : 31 มกราคม 2555 14:05:54 น.
Counter : 278 Pageviews.

0 comment
มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 8




ที่บ้านของพิมมาดาเวลานั้น พวกเด็กๆ ยืนเรียงกันอยู่ต่อหน้าสุขสันต์กับพิมมาดา

“มีธุระอะไรกับพวกเราไม่ทราบ” โจ๊กถาม
พิมมาดาพูดขึ้นเหมือนต้องการสั่งให้มีหางเสียงด้วย “ครับ”
“ไม่ทราบครับ” โจ๊กพูดตาม
“พอดีน้าไปห้างมา เลยซื้อของขวัญมาให้พวกเธอด้วย” สุขสันต์บอก
“ของขวัญ!” จีจ้าเผลอหลุดดีใจออกมา

แจ๊สกับโจ๊กหันขวับไปจ้องจีจ้าทันที “จีจ้า”
จีจ้ารู้ตัวก็รีบกอดอกแล้วสะบัดหน้าทันที “เชอะ”
“นั่งลงก่อนสิ” สุขสันต์บอก แต่พวกเด็กๆ ไม่ยอมนั่ง “เอ้าๆ ไม่นั่งก็ตามใจ..งั้น..อ้ะๆๆ อันนี้ของแจ๊ส อันนี้ของโจ๊ก และของจีจ้า
สุขสันต์แจกถุงของขวัญให้เด็กๆ คนละถุง จีจ้ายื่นมือไปรับทันที “ขอบคุณค่ะ” แต่พอนึกขึ้นได้ จีจ้าก็รีบส่งเสียง “เชอะ” พร้อมกับเชิดใส่
“แจ๊ส..โจ๊ก..รับไว้สิคะ ผู้ใหญ่ให้ของ” พิมมาดาเตือน
แจ๊สกับโจ๊กรับมาอย่างเสียไม่ได้
“ต้องทำไง” พิมมาดาถาม
แจ๊สกับโจ๊กไหว้แล้วพูดห้วนๆ “ขอบคุณ”
“ครับ” พิมมาดาย้ำ
“ขอบคุณครับ / ค่ะ” แจ๊สกับโจ๊กพูดขึ้นพร้อมกัน
“เปิดดูสิๆ ชั้นตั้งใจเลือกให้พวกเธอโดยเฉพาะเลยนะ รับรองว่าจะต้องชอบแน่ๆ” สุขสันต์บอก
จีจ้าเปิดถุงออกดูเป็นคนแรกข้างในกล่องเป็นหนังสือนิทาน ส่วนกล่องของแจ๊สเป็นตุ๊กตาทำมือ รูปผู้หญิงน่าเกลียด กล่องของโจ๊กเป็นเสื้อผ้าลายบาร์นี่
จีจ้าหยิบหนังสือนิทานออกมาดู “กระต่ายกับเต่า..หนูน้อยหมวกแดง..ให้นิทานเนี่ยนะ แหวะ”
แจ๊สหยิบตุ๊กตาออกมาดู “ตุ๊กตาผี อี๋”
โจ๊กหยิบเสื้อผ้าออกมาดู “เสื้อลายการ์ตูน บาร์นี่ เด็กสุดๆ”
พวกเด็กๆ วางของขวัญไว้แล้วเดินหนีไป
สุขสันต์อึ้ง “ทำไม ไม่ชอบเหรอ”
“พิมขอโทษแทนพวกเด็กๆด้วยนะคะ..พวกแกจงใจที่จะประท้วงเราน่ะค่ะ” พิมมาดาบอก
“ไม่เป็นไรครับ ถือว่าแผนผูกมิตรครั้งนี้ของผมแป้กไป..แต่คุณพิมยังอดทนเรื่องแพรวได้ ผมเองก็ต้องเอาชนะใจเด็กๆให้ได้เหมือนกัน..สู้ๆ” สุขสันต์พูด
“สู้ๆค่ะ” พิมมาดากับสุขสันต์ยิ้มให้กัน

ภายในรถของสุขสันต์ที่จอดอยู่ที่บ้านพิมมาดา สุขสันต์เขกหัวฉัตรชัยโป๊กหนึ่ง
“แกเลือกซื้อของขวัญประสาอะไร ไม่ถูกใจเด็กสักคน..แกทำให้ชั้นเสียหน้าต่อหน้าคุณพิม..แกมันโง่ ซื่อบื้อ” สุขสันต์เขกหัวฉัตรชัยต่ออีกหลายครั้ง
“ก็ผมซื้อของที่คิดว่าเด็กทุกคนต้องชอบแน่” ฉัตรชัยบอก
“ถ้าไม่รู้เรื่อง วันหลังไม่ต้องมาทำเป็นเก่ง”
“ครับ” ฉัตรชัยรับคำเสียงอ่อย
ฮิมหัวเราะเยาะ
ฉัตรชัยหันไปเขกหัวฮิม “ขำนักหรือไงวะ!”
สักพัก กริสน์ก็เข้ามาเคาะกระจกรถเพื่อขอให้ลดกระจกลง
สุขสันต์กดกระจกลง “มีอะไร”
“ของขวัญของท่าน จะรับกลับไปด้วยไหมครับ” กริสน์ถาม
“ไม่เอา ทิ้งไว้นี่แหละ” สุขสันต์ทำท่าจะปิดหน้าต่าง
“เดี๋ยวครับท่าน” กริสน์รั้งกระจกไว้จนนิ้วเกือบโดนหนีบ “ผมทราบว่าท่านอยากจะเอาชนะใจพวกเด็กๆ”
“ไอ้เด็กพวกนี้พูดดีๆไม่ได้ ต้องขู่ให้มันกลัวเท่านั้น” สุขสันต์บอก
“ความกลัว..จะทำให้ท่านเป็นผู้ร้ายสำหรับเด็กๆ ทั้งๆที่ความจริง..ท่านคือพระเอก..แล้วเด็กพวกนั้นคือผู้ร้ายทั้งนั้น” กริสน์ทำเป็นพูดประจบ
สุขสันต์มองหน้ากริสน์ “แกพูดออกมาให้มันตรงประเด็น ชั้นไม่มีเวลา”
“ผมเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ผมรู้ว่าเด็กๆพวกนี้ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร อะไรที่จะทำให้พวกเค้ายิ้มและหัวเราะได้..ผมช่วยท่านได้นะครับ” กริสน์เสนอ
สุขสันต์นิ่งไปสักพัก “ชั้นจะลองเอากลับไปคิดดู..ออกรถได้”
กริสน์โบกมือให้แล้วรำพึงกับตัวเองด้วยใบหน้าเหี้ยม “คิดดีๆนะครับท่าน..มีผมเป็นเพื่อนซี้ รับรองว่าท่านจะรักผมไปจนตายเลย หึๆ”

ภัทรดนัยกำลังเดินคุยมือถือมาตามทางเดิน ในสำนักงานตำรวจ
“ดีมาก หน้าด้านเข้าไว้ ตีซี้สุขสันต์ให้ได้ เข้าใจมั้ย..ชั้นรู้ ว่าแกทำได้ การทำตัวกลมกลืนไปกะไอ้พวกผู้ร้ายใจฉกรรจ์อ่ะ แกถนัด”
“ชั้นรู้..แต่..มัน..มันไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ..ชั้นต้องเชียร์ให้พิมมาดารักกับสุขสันต์แล้ว ยังจะต้องทำให้พวกเด็กๆยอมรับมันอีก..ชั้นว่าเรา..ใช้คนบริสุทธิ์เป็นเครื่องมือ..มากเกินไปแล้วป่าววะ” กริสน์คุยมือถือตอบภัทรดนัย
“เรากำลังทำเพื่อภารกิจพิทักษ์สันติราษฎร์และเพื่อตัวแกเองอยู่นะเว้ย แกอยากจะหลบๆซ่อนๆเป็นคนเลี้ยงเด็กไปอย่างนี้เหรอวะ แกจะมามัวรู้สึกอ่อนไหวไม่ได้..คิดถึงเป้าหมายไว้..เข้าใจมั้ย”
กริสน์เครียด “เออ เออ รู้แล้วๆ”
“ดี แค่นี้นะ ชั้นกำลังจะเอาตัวอย่างยาบำรุงของไอ้จตุพลมาเข้าแล็ป ได้ผลอะไรจะรีบบอกให้แกรู้แน่..บาย” ภัทรดนัยพูดแล้วเดินเข้าไปในห้อง
กริสน์เครียดจนถึงกับกำหมัดชกต้นไม้

ที่คฤหาสน์สุขสันต์ สุขสันต์กำลังเดินเร็วอยู่บนลู่วิ่ง ฉัตรชัยยืนซ้อมศิลปะป้องกันตัวอยู่กับลูกน้องอีก 2 คน ส่วนฮิมยืนถือผ้าขนหนูกับน้ำเกลือแร่คอยบริการสุขสันต์ อยู่ๆ บอร์ดี้การ์ดคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามาโค้งอย่างสวยงามให้สุขสันต์
“มีอะไร?” สุขสันต์ถาม
“มีคนมาขอพบท่านสุขสันต์ครับ” บอดี้การ์ดบอก
“ใคร?” สุขสันต์สงสัย

กริสน์นั่งอยู่ที่โซฟาภายในห้องรับแขกบ้านสุขสันต์ เขามองสำรวจรอบบ้านอย่างละเอียด สุขสันต์ใส่เสื้อคลุมชุดกีฬาเดินออกมาเห็นกริสน์ก็มองอย่างแปลกใจ
กริสน์เห็นก็รีบยกมือไหว้ “สวัสดีครับท่าน แฮบปี้”
“ชื่อนั้นท่านสุขสันต์สงวนไว้สำหรับคุณพิมมาดาเท่านั้น” ฉัตรชัยบอก
“ใช่ คนอื่นห้ามเรียก!” ฮิมเสริม
“อ้อ ขอโทษครับ ผมนี่มันบังอาจจริงๆที่เรียกท่าน ว่าท่านแฮบปี้” กริสน์ตบปากตัวเอง “ต่อไปผมจะไม่เรียกว่า ท่านแฮบปี้แล้วครับ แต่จะเรียกท่านแฮบปี้ว่าท่านสุขสันต์ เพื่อท่านสุขสันต์จะได้แฮบปี้”
“พอแล้วๆๆ มีอะไรก็ว่ามา” สุขสันต์ตัดบท
“คือ...ผมมีของมาฝากท่านครับ” กริสน์ยื่นกล่องสีทองให้
“อะไรเนี่ย” สุขสันต์ถาม
“เซรุ่มคอลลาเจน ผสมตับปลาเกาหลีครับ”
“ขอโทษนะ ไม่รู้กาลเทศะหรือแก ท่านสุขสันต์ จะใช้เครื่องสำอางฝรั่งเศสเท่านั้น” ฉัตรชัยบอก
“โฮะๆๆ ขอโทษนะ ไม่รู้จักอัพเดตข้อมูลข่าวสารหรือแก เวลานี้ เรื่องความสวยความหล่อ ไม่มีใครเกินเกาหลี ถ้าท่านสุขสันต์อยากหล่อแบบพระเอกเกาหลี ต้องลองผลิตภัณฑ์ของผม” กริสน์เสนอ
สุขสันต์ตาวาว “เงียบไปก่อนเถอะ ฉัตรชัย..แล้ว..นายกริสน์..นายเอาของแบบนี้มาให้ฉัน นายต้องการอะไร”
“ผมมีแผนการ จะมานำเสนอท่านครับ”
สุขสันต์ทำหน้าแปลกใจ ขณะที่ฉัตรชัยกับฮิมรู้สึกไม่ชอบใจอย่างแรง
“คือ...” กริสน์ทำเสียงซีเรียส “เป็นความลับครับ เราต้องคุยกัน..สองต่อสอง”
สุขสันต์มองกริสน์อย่างไม่ค่อยไว้ใจ “ทำไมต้องสองต่อสอง”
“อ้อ ท่านกลัวผมจะทำอะไรท่านหรือครับ บ้าสิ! คนกระจอกๆอย่างผมเหรอ จะกล้าแตะต้องท่านให้เสียมือ...เอ๊ย..ไม่ใช่..ผมหมายถึง..ผมหรือจะมีฝีมือพอที่จะทำร้ายท่านได้ ท่านป๊อดหรือครับ มิน่า..ถึงต้องมีสมุนเป็นผีสิงอยู่ที่หัวไหล่ หัวละตัวเหมือนรัก-ยม ตลอด”
“นั่นสิ..งั้น” สุขสันต์เริ่มคล้อยตามจึงตวัดมือ ทำท่าไล่ทั้ง 2คนออกไป ฮิมกับฉัตรชัยมองสบตากันแล้วขัดขืนไม่ยอมออกไป
“ฮึ่ย! ไป..เพราะพวกแกเชียว ทำให้ฉันดูไม่เป็นลูกผู้ชายพอ ไป!” สุขสันต์ตวาด
ฉัตรชัยกับฮิมรีบเดินออกไป
“ฮ่าๆๆ นึกว่านายจะติ๋มๆ...ที่แท้ก็เลวใช้ได้ เอ้า...ว่ามา” สุขสันต์บอก
“ท่านทำตามแผนนี้..ความสัมพันธ์ของท่านกะคุณพิมมาดาและเด็กๆจะแนบแน่น ต่อไป..ยัย..เอ๊ย..คุณแพรวพิลาสจะอะไรยังไงกับท่านหรือไม่ คุณพิมก็จะไม่สน..เพราะ..หลานๆคือดวงใจของเธอ..หากหลานๆโอเค..เธอก็จะโอเค” กริสน์พูดเป็นชุด
“แผนอะไร” สุขสันต์อยากรู้
กริสน์ยื่นหน้าไปกระซิบ สุขสันต์เอียงหูเข้ามาใกล้ แล้วตั้งใจฟัง พอฟังได้สักพักก็หัวเราะคิกคัก ตบเข่าฉาดด้วยความชอบใจ

ส่วนที่อีกมุมหนึ่ง ฉัตรชัยกับฮิมแอบดูด้วยความไม่พอใจ ทั้งสองรู้สึกอิจฉา
“มันว่าเราเป็นรักยม” ฉัตรชัยพูด
“ฉันเป็นรัก แกเป็นยมละกัน” ฮิมต่อ
“ไอ้นี่...ยังมาเล่นอีก...โดนมันแอบด่าอยู่นะโว้ย”
“หรือฉันเป็นยมดี” ฮิมถาม

ที่หน้าห้องแลบ ของกองพิสูจน์หลักฐาน ภัทรดนัยคุยกับเจ้าหน้าที่สาวพลางเดินออกมาจากห้องแลบ
“ฝากด้วยนะครับ” ภัทรดนัยทำเสียงอ้อน
“ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ จะรีบส่งผลตรวจให้ผู้กองเร็วที่สุด” เจ้าหน้าที่สาวบอก
“มีเบอร์ตรงผมแล้วใช่มั้ยครับ?”
“ค่ะ”
ภัทรดนัยเดินออกมา โดยไม่รู้ว่าที่มุมหนึ่งของตึกมาวินกำลังแอบมองอยู่ พอภัทรดนัยเดินพ้นไป มาวินก็เดินมาหยุดที่หน้าห้องแลบ
“มันมาตรวจอะไร เพื่ออะไร แล้วยังไง”

แพรวพิลาศอยู่ที่ห้องภายในคอนโด กำลังเปิดทีวีดูรายการซุบซิบคนดัง ซึ่งเวลานั้นรายงานข่าวสุขสันต์กับพิมมาดาอยู่
“และที่กำลังเป็น ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ในขณะนี้ คงหนีไม่พ้น ข่าวของว่าที่ สส.สุขสันต์ ควง พิมมาดา สาวสวยเจ้าของร้านดอกไม้ชื่อดัง พริมโรส ออกงานสังคมอย่างเปิดเผย ทำให้หลายคนแอบลือว่า คู่นี้อาจมีวิวาห์สายฟ้าแลบ แต่เอ๊ะ...คุณแพรวพิลาศ คนเคยรู้ใจหายไปไหนเอ่ย..หรือว่าปรับระดับความสัมพันธ์ลง..เป็นแค่พี่น้องกัน เหมือนพวกดาราไปซะแล้วล่ะคร้า กิ๊วๆ”
จอทีวีดับทันที แพรวพิลาศเขวี้ยงรีโมทลงบนโซฟาแล้วเดินอย่างหงุดหงิดไปดูที่หน้าต่าง เธอเห็นกองทัพนักข่าวอออยู่หน้าตึกคอนโด
“จะอยากรู้เรื่องชาวบ้านกันทำไมนักหนา!” แพรวพิลาศบ่นอย่างอารมณ์เสีย
ทันใดนั้น เสียงกริ่งก็ดังขึ้น แพรวพิลาศมองไปที่ประตูอย่างไม่สบอารมณ์แล้วเดินไปเปิด ฉัตรชัยและ ฮิมยืนหน้าหงอยรออยู่หน้าประตู
“ฉันนึกแล้วว่าต้องเป็นพวกแก”
จู่ๆ ฮิมก็ทนไม่ได้จึงปล่อยโฮออกมา แพรวพิลาศตกใจ “นี่แกเป็นอะไรน่ะ?”

แพรวพิลาศกระแทกแก้วไวน์ลงบนโต๊ะภายในห้องคอนโด อย่างแรง
“ว่าไงนะ! ลูกน้องยัยพิมมาดากลายเป็นคนที่คุณสุขสันต์ไว้ใจมากกว่าพวกนายงั้นเหรอ?”
“ก็ใช่น่ะซิครับ ต่อไปผมก็คงกลายเป็นลูกน้องตกกระป๋อง!” ฮิมรีบอ้อน
ฉัตรชัยทำหน้าเอือมที่เห็นฮิมร้องไห้ประจบแพรวพิลาศ
“นังเฉิ่มเบ๊อะมันไม่ใช่เล่นๆ นะ เห็นหน้าซื่อๆ แต่แผนของมันร้ายลึกนัก คิดจะครอบที่รักของฉันไว้ใต้ชายกระโปรง โดยการส่งคนของมันมาประกบไว้ทุกด้านงั้นเหรอ” แพรวพิลาศฉุน
ฮิมปล่อยโฮอีกรอบ แพรวพิลาศมองอย่างเห็นใจ
“นี่ๆๆ หยุดร้องไห้ได้แล้ว ฉันจะช่วยแกทวงตำแหน่งลูกรักเบอร์หนึ่งของคุณสุขสันต์มาเอง”
ฮิมตาลุกวาวขึ้นมาทันที “จริงๆนะครับคุณแพรว”
“จริงซิ แต่แกต้องช่วยฉันก่อน! ฉันควรทำไง อีนังนั่นมันถึงจะกลายเป็นดอกไม้ที่กลีบกระจายแล้วโดนกระทืบเละตุ้มเป๊ะตลอดไป โดยที่ดาร์หลิงก็จับมือฉันดมไม่ได้”
ฉัตรชัยกระแทกปืนลงกับโต๊ะ แพรวพิลาศกับฮิมตกใจ
“ได้ครับคุณแพรวพิลาศ เรื่องการวางแผนต่ำทราม..ผมก็ไม่เป็นสองรองใครเช่นกัน เพียงแค่คุณแพรวจะทำตามแผนของผม” ฉัตรชัยเสนอ
ฉัตรชัยยกปืนขึ้นมาควง แพรวพิลาศตาโตเงี่ยหูไปฟังฉัตรชัยกระซิบแผนการทันที
“เนี่ยครับ..ไอ้บ้าคนเลี้ยงเด็ก มันก็กระซิบท่านแบบนี้ ผมเลยอยากจะมากระซิบคุณแพรวแบบเดียวกันบ้าง..มันจะได้สมน้ำสมเนื้อกัน โฮะๆๆ”
“ได้เลยๆ” แพรวพิลาศบอก
ฉัตรชัยเริ่มกระซิบ แพรวพิลาศฟังแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างพอใจ

ภายในห้องทำงาน มาวินเพิ่งวางโทรศัพท์ อยู่ๆ เสียงเคาะประตูห้องทำงานก็ดังขึ้น
“เข้ามา” มาวินบอก
ตำรวจนายหนึ่งก้าวเข้ามาทำความเคารพพร้อมทั้งยื่นแฟ้มเอกสารให้มาวิน มาวินรับมาเปิดแฟ้มออกดู “ได้ความว่าไงบ้าง?”
ในแฟ้มมีภาพภัทรดนัยกับกริสน์ที่อยู่ในชุดปลอมตัวเป็นนักข่าวในวันเปิดร้านสวีทโอปอล์
“ไม่ได้ความอะไรเลยครับผม”ตำรวจนายนั้นรายงาน
“นี่ยูหมายความว่ายังไง?” มาวินถาม
“ผมหมายความว่า เราสืบข้อมูลของนักข่าวสองคนที่ไปป่วนงานเปิดร้านของเสี่ยอธิปไม่ได้เลย เพราะมันสองคนไม่มีตัวตนครับ ไม่มีสำนักพิมพ์หรือหนังสือเล่มไหน มีนักข่าวสองคนนี้ในสังกัด แสดงว่า ชื่อที่มันสองคนใช้ลงทะเบียน เป็นชื่อและนามสกุลปลอมครับ”
มาวินนิ่งคิด เขานึกย้อนไปถึงตอนที่ตัวเองพยายามกระชากวิกกับแว่นออกจากกริสน์กับภัทรดนัย
“เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ มันสองคนไม่ใช่นักข่าว แต่ต้องเป็นใครสักสองคนที่ปลอมตัวมา” มาวินนิ่งคิด “ยิ่งคิด ไอก็ยิ่งคุ้น ไอว่าไอ้สองคนนั่นต้องเป็นคนแถวๆนี้แหละ”

เต๋ากับเต้ยกำลังจัดดอกไม้อยู่ในร้านดอกไม้พริมโรส ในขณะที่กริสน์กำลังเรียงดอกไม้เข้าตู้ สุขสันต์นั่งรอพิมมาดาอยู่แต่สายตาจับไปที่กริสน์ กริสน์ทำตัวนอบน้อมเป็นพิเศษ ในขณะที่ป๊อบคอร์นนั่งขู่สุขสันต์ไม่ยอมห่าง กริสน์มาจับป๊อปคอร์นออกไปแล้วนำกาแฟมาเสิร์ฟให้สุขสันต์พร้อมทำท่าประจบสุดๆ
“เออ..ชั้นทดลองเซรั่มของนายแล้วนะ รู้สึกว่าหน้ามันตึง เนียน..อย่างไม่เคยเป็นมาก่อนจริงๆ” สุขสันต์พอใจ
“เห็นไหมล่ะครับ..ผมบอกแล้ว..ท่านครับ..คือ..” กริสน์ยื่นหน้าไปกระซิบ สุขสันต์ฟังอย่างตั้งใจ
เต๋ากับเต้ยสะกิดกันให้หันไปดู ทั้งสองไม่เข้าใจว่ากริสน์ทำอะไรจึงรู้สึกขัดใจมาก พิมมาดาถอดผ้ากันเปื้อนแล้วสะพายกระเป๋าออกมาหาสุขสันต์
“พร้อมแล้วคะ คุณแฮบปี้ ไปกันเลยมั้ยคะ?”
“ครับ แต่ผมมีเรื่องอยากจะขอความกรุณาคุณพิมสักหน่อย” สุขสันต์บอก
“อะไรคะ?”
“พอดีวันนี้ผมให้ฉัตรชัยกับฮิมไปทำธุระแทนผม ผมก็เลยต้องขับรถเอง ถ้าผมจะขอให้นายกริสน์ลูกน้องของคุณพิมขับรถพาเราไป คุณจะคิดว่าผมรบกวน ถือวิสาสะมาใช้งานคนของคุณมั้ยครับ?”
กริสน์รีบปรี่เข้ามา “ไม่รบกวนเลยครับ ผมเต็มใจรับใช้ท่านสุดๆครับ”
พิมมาดามองกริสน์แบบงงๆ “จะดีเหรอคะ?”
กริสน์รีบแทรก “ดีซิครับ มีผมขับรถให้ ท่านสุขสันต์กับคุณพิมจะได้มีเวลา จู๋จี๋ดู๋ดี๋กัน ไม่ต้องมาพะวงกับการขับรถ ให้เสียเวลาหวานเปล่าๆ จริงมั้ยครับท่าน?”
“ถ้าคุณพิมจะกรุณา....” สุขสันต์ขอ
“เรื่องแค่นี้เอง ได้ซิคะ”
“งั้นก็เชิญเลยครับ” กริสน์ผายมือเชิญ
สุขสันต์ลุกจากเก้าอี้ปั๊บ กริสน์ก็ฉีดน้ำหอมให้สุขสันต์ทันที แล้วรีบวิ่งไปเปิดประตูร้านรอ สุขสันต์กับพิมมาดาเดินออกไป ตอนเดินผ่านพิมมาดาสบตากริสน์คล้ายอยากจะถามว่าคิดอะไรอยู่? แต่กริสน์ยักคิ้วตอบแบบกวนๆ แล้วถอดผ้ากันเปื้อนโยนไปให้เต๋ากับเต้ย ก่อนจะรีบวิ่งไปที่รถสุขสันต์
เต๋ากับเต้ยที่อยู่ในร้านมองตามแล้วซุบซิบกัน
“เต๋าแกว่ามั้ย? ว่าคุณกริสน์ดูแปลกๆเนอะ”
“อือ ดูเป็นคนเสแสร้งแกล้งทำ ไม่มีความจริงใจ”
“ตกลงเค้าคิดไงกะเจ้านายเรากันแน่”

ที่โรงเรียน ครูฟ้าใสกำลังเขียนกระดานสอนวิชาภาษาอังกฤษอยู่ ส่วนแจ๊สตั้งใจเรียนเป็นอย่างมาก ครูฟ้าใสหันกลับมาหานักเรียนแล้วก็ต้องชะงัก นักเรียนทั้งห้องหันไปมองตามสายตาครูฟ้าใส ทุกคนเห็นปาล์มที่สวมแว่นดำกำลังอามือเท้าคาง หัวเอียงพิงกำแพงอยู่
“นายน้องปาล์ม!” ครูฟ้าใสเรียก
ปาล์มพยักหน้า แล้วกลับไปพิงหัวเหมือนเดิม
ครูฟ้าใส เรียกดังขึ้น “นายน้องปาล์ม ฮัลโหล!”
ปาล์มพยักหน้าอีกแต่ก็ไม่ตอบอะไร ครูฟ้าใสทนไม่ไหวเดินไปหาแล้วดึงแว่นดำออกจนเห็นว่าปาล์มที่มีขอบตาคล้ำเหมือนหมีแพนด้ากำลังนอนหลับอยู่
“Wake up!” ครูฟ้าใสตะโกนเสียงดังใส่หูปาล์ม
ปาล์มตกใจสะดุ้งเฮือก เอามือปาดน้ำลายแทบไม่ทัน

ที่ห้องเรียนของโจ๊ก ครูพงษ์พัฒน์กำลังสอนวิชาสุขศึกษา โจ๊กกับโอปอล์ตั้งใจฟังครูพงษ์พัฒน์อยู่ ขณะที่เพื่อนๆส่วนใหญ่ในห้องต่างก็ดูง่วงนอน
“เอ้า! มาหาวเป็นดาวเป็นเดือนอะไรกัน! ไป ไปล้างหน้าล้างตาเลย ดูทีวีดึกกันใช่มั้ยเด็กพวกนี้? เดี๋ยวครูเชิญผู้ปกครองเลย!”
ครูพงษ์พัฒน์ขู่แล้วส่ายหน้าอย่างเอือมๆ โจ๊กกับโอปอล์ล์มองเพื่อนๆ ที่ทยอยออกไปล้างหน้า แล้วหันมามองหน้ากันอย่างงงๆ

จีจ้าเดินผ่านห้องซ้อมเต้นชมรม Star Dance เธอเห็นเด็กๆกำลังซ้อมเต้นกันอย่างเมามันส์ จีจ้านึก สนุกจึงเต้นตามบ้าง แต่เด็กๆ ในห้องนั้นเต้นท่าแปลกๆ ทั้งตะกายฝา ตะกายอากาศ จีจ้าพยายามเต้นตามแต่ก็ทำไม่ได้ เธอจึงทำหน้าเซ็งๆ
“เต้นท่าอะไร เหมือนหมาแมวตอนโดนรถชนตาย ไม่เห็นจะสวย!”
จีจ้าเดินไป เด็กๆ ในห้องหยุดเต้นแล้วคว้าขนมสวีทโอปอล์ล์ขึ้นมากิน จากนั้นจึงเต้นต่ออย่างเมามันส์

แจ๊ส โจ๊ก และจีจ้าพากันมานั่งรอกริสน์มารับอยู่หน้าโรงเรียน เด็กทั้งสามมองเคาน์เตอร์ร้านสวีทโอปอล์ที่มาเปิดอยู่ฝั่งตรงข้าม มีเด็กๆ ต่อแถวรอซื้อกันยาวเหยียด หนึ่งในนั้นมีปาล์มกับสมุนด้วย ปาล์มที่สวมแว่นดำอยู่ยกสวีทโอปอล์ออกมาเป็นลัง โดยมีสมุนคอยช่วย โอปอล์กับเดชเดินเข้ามาหาเด็กทั้งสาม
จีจ้าพูดกับโอปอล์ “ร้านขนมของพ่อพี่โอปอล์ขายดีจัง คนต่อคิวยาวเหยียดจนจีจ้าไม่เคยได้กินเลย”
โอปอล์ทำตาขุ่น “พี่ไม่เห็นจะอยากกิน ขนมของป๊าเมื่อไหร่กัน ขนมของเฮียจตุพลตะหาก” โอปอล์หันไปพูดกับโจ๊ก “โจ๊ก ลูกพี่กริสน์ของนายมารับหรือยัง?”
“ถ้ามาแล้ว พวกเราจะนั่งอยู่ตรงนี้เหรอ?” โจ๊กตอบ
“หนูโจ๊กนี่กวนคุณหนูโอปอล์ไม่เลิกนะ คุณหนูโอปอล์ถามดีๆ ก็จะตอบดีๆบ้างไม่ได้หรือไง?” เดชว่า
จีจ้ามองไปข้างหน้าแล้วก็ลุกขึ้นกระโดดดีใจ “โน่น ลูกพี่มาโน่นแล้ว”
ทุกคนเห็นรถพิมมาดาแล่นเข้ามาจอด แต่กลายเป็นเต๋ากับเต้ยลงจากรถมา
“ฮัลโหล เด็กๆ พี่เต้ยมารับแล้วค้า”
“นี่ลูกพี่พวกเธอถูกสองคนนี้ขม้ำเข้าไปแล้วเหรอ!” เดชถาม
“จะบ้าเหรอ คนนะคะไม่ใช่อนาคอนด้า” เต๋าค้อน
“แล้วลูกพี่กริสน์อยู่ไหน? ทำไมถึงไม่มารับพวกเรา?” แจ๊สถาม
“คุณกริสน์ น้าพิม และคุณสุขสันต์ ออกไปลั้นลาฮู้ฮูกันสามคนตั้งแต่เที่ยงๆแล้วคะ แต่คงจะเพลิน..กินกันนานไปนิด เลยกลับมารับเด็กๆไม่ทัน พี่สองคนเลยต้องมารับแทน” เต้ยรายงาน
“พูดอะไรระวังหน่อย เต้ย!” เต๋าดุ
แจ๊ส โจ๊ก และจีจ้ามองหน้ากันเครียดๆ ขณะที่โอปอล์มีสีหน้าผิดหวัง

ยามค่ำ ภายในร้านอาหารในสวน ขนมเค้กชิ้นเล็กๆหน้าผลไม้หลายๆชิ้นวางอยู่ บริกรกำลังรินชาลงในถ้วยบางให้พิมมาดา ส่วนสุขสันต์จิบกาแฟเข้มๆ
พิมมาดาจิ้มอาหารกินแบบไม่จริงจังเพราะอิ่มแล้ว แต่เธอยังคุยเรื่อยเปื่อยอยู่กับสุขสันต์
อีกมุมหนึ่ง กริสน์ยืนแอบมองอยู่ เขาตาวาวว่าทางสะดวกจึงรีบวกเดินกลับออกไป

กริสน์รีบเดินกลับมาที่รถของสุขสันต์ซึ่งจอดอยู่ในลานจอดรถของร้านอาหาร แล้วรื้อหาของตามช่องหน้ารถ ช่องวางแขน เบาะหลัง ท้ายรถ ใต้เบาะที่นั่ง ที่เก็บยางสำรอง ฯลฯ จนทั่ว
“มันต้องมีเบาะแสอะไรทิ้งไว้ในรถบ้างแหละว้า” กริสน์อ่านเอกสารต่างๆที่รื้อเจอ “เอกสารการประชุม”มูลนิธิ..กำหนดการสัมมนาวิชาการเกี่ยวกับการพัฒนาเด็ก..จดหมายเชิญเป็นประธานทอดผ้าป่าสามัคคี..”
อยู่ๆ ก็มีเสียงมือถือดังขึ้น กริสน์มองหาที่มาของเสียงจนพบโทรศัพท์บีบีเครื่องหนึ่งหล่นอยู่ในซอกเบาะที่นั่งด้านหลังซึ่งเป็นตำแหน่งที่สุขสันต์นั่ง
“ยัยเจ๊โหดไม่ได้ใช้บีบี..งั้นก็..” กริสน์พลิกดูด้านหลังพบสติ๊กเกอร์หน้ายิ้มแฉ่งปิดอยู่ “ยิ้มเผล่ขนาดนี้ ของนายแฮปปี้แน่ๆ”
กริสน์ตาวาวเพราะได้ของสำคัญ “ไหนดูสิ ว่าได้เชื่อมต่อกับอีเมล์แอดเดรสส่วนตัวหรือเปล่า”
กริสน์รีบกดดู เขาพบว่าเข้าอีเมล์ของสุขสันต์ได้
“เยี่ยม!! หึๆๆ พวกชอบขี้เกียจใส่พาสเวิร์ดซ้ำๆ มันก็มีข้อเสียยังงี้แหละ”
ที่หน้าจออีเมล์ มีอีเมล์ที่ถูกส่งมาจากคนๆเดียวกันซึ่งเป็นคนที่ใช้ชื่อว่า Sweet Secret เรียงติดกันเป็นพรืด โดยไม่มีเมล์จากคนอื่นเลย
“สวี้ทซีเคร็ต..ใครวะ ตั้งชื่อยังกับชุดชั้นในผู้หญิง..แล้วทำไมมีแต่อีเมล์ของไอ้คนๆนี้” กริสน์อ่านหัวอีเมล์ล่าสุด “นัดหมาย..เฮ้ย อันนี้ล่าสุด เพิ่งส่งมาวันนี้นี่หว่า”
กริสน์รีบเปิดดูข้อความ “ขออนุญาตส่งต่อไปที่เมล์ส่วนตัวของเพื่อนรักผมนะครับท่าน อิอิ”
กริสน์กำลังส่งฟอเวิร์ดอีเมล์ อยู่ๆสุขสันต์ก็เดินกลับมา
“ทำอะไร!”
กริสน์ผงะในขณะที่ยังถือโทรศัพท์บีบีคาอยู่ในมือ
“แกแอบดูมือถือชั้นเหรอ” สุขสันต์ระแวง
“เปล่านะครับๆ..ผมไม่ได้กดดูอะไรเลยนะครับ” ในระหว่างพูด กริสน์ก็แอบกดบีบีให้กลับมาหน้าจอปกติ “ผมเห็นมือถือคุณหล่นอยู่ เลยจะเอาไปคืนให้..แต่..ผมแค่เผลอจ้องมันนานไปหน่อย..ผมไม่เคยจับมือถือแพงๆมาก่อน มันสวยจริงๆนะครับ..คุณอย่าถือสาผมเลยนะครับ” กริสน์รีบส่งบีบีคืน “นี่ครับคุณ”
“ถ้าชั้นไม่นึกขึ้นได้ว่าลืมมือถือ แกก็คงเล่นไม่หยุดใช่มั้ย”
“ไม่ใช่นะครับๆ” กริสน์ปฏิเสธลั่น
สุขสันต์ชี้หน้า “แกจำไว้นะ..ใครที่ชอบละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของชั้น มันไม่เคยอยู่ได้นาน”
กริสน์ตกใจรีบยกมือไหว้ “ครับ ผมจะไม่ทำอีกครับ ไว้ชีวิตผมนะครับ”
“ชั้นกำลังจะไว้ใจแกอยู่แล้ว อย่าทำให้ชั้นไขว้เขว..ชั้นไม่ได้ไว้ใจใครง่ายๆ เหมือนที่แกคิดนะ”
สุขสันต์ขู่แล้วเดินกลับไป กริสน์เครียดในใจคิดว่าเกือบถูกจับได้แล้ว

ทางด้านภัทรดนัยนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ออฟฟิศ หน้าตาของเขามึนงง และดูเคร่งเครียด สักพัก มือถือก็ดังขึ้น ภัทรดนัยเอื้อมมือไปหยิบมากดรับสาย
“ชั้นดูเมล์อยู่”
ที่จอดรถของร้านอาหาร กริสน์ที่อยู่แถวๆ รถของสุขสันต์กำลังโทรไปหาภัทรดนัยอยู่
“แกได้รับเมล์ที่ชั้นส่งต่อไปให้แล้วใช่มั้ย..เป็นไง พวกมันนัดหมายกันเรื่องอะไร นัดที่ไหน เมื่อไหร่”
“ไม่รู้ว่ะ” ภัทรดนัยตอบ
“ไม่รู้ หมายความว่าไง พวกมันนัดกันในสถานที่ลับ..เซฟเฮ้าส์เหรอ”
“ไม่รู้ว่ะ” ภัทรดนัยตอบ
“อะไรของแกวะ ไม่รู้ๆ..แกรู้มั้ยว่าชั้นเกือบถูกนายสุขสันต์จับได้เพราะอีเมล์ฉบับนี้..ตกลงว่ามันไม่มีอะไรในอีเมล์เหรอ หรือว่าอะไร แกช่วยบอกชัดๆได้มั้ย” กริสน์ถาม
“มันมี.. ตัวอักษร..ตัวเลข..สัญลักษณ์..มีทุกอย่างเลย..แต่ชั้นอ่านไม่ออกว่ะ” ภัทรดนัยบอก
“หมายความว่าไง อ่านไม่ออก มันส่งเป็นภาษาต่างชาติแปลกๆเหรอ” กริสน์ถาม
ภัทรดนัยมองหน้าจอที่มีภาพแถวของตัวอักษร ตัวเลข และสัญลักษณ์ที่เรียงรายเป็นพรืดอยู่หลายแถว ซึ่งอ่านไม่เป็นคำ
“ชั้นคิดว่า…เราคงต้องส่งให้หน่วยถอดรหัสลับวะ” ภัทรดนัยบอก
กริสน์อึ้ง “ถอดรหัส”
“คิดว่าต้องใช้เวลาพอสมควร..แกกลับไปตีซี้นายสุขสันต์ อย่าเพิ่งหยุดการตีสนิทมัน จนกว่าเราจะได้ข้อมูลทั้งหมด” ภัทรดนัยบอก
“ทำไมมันยากเย็นแสนเข็ญขนาดนี้นะ”

กริสน์พูดพร้อมกับวางโทรศัพท์อย่างหัวเสีย
บรรยากาศในร้านอาหารเวลานั้นเป็นไปอย่างชื่นมื่น พิมมาดากำลังหัวเราะเรื่องที่สุขสันต์พูดอยู่

“พิมว่า..พิมอิ่มดีกว่า” พิมมาดาบอก
“กลัวอ้วนเหรอครับ ไม่ต้องกลัวหรอกครับ”
“ไม่ต้องกลัว เพราะอ้วนอยู่แล้วใช่มั้ยคะ”
“เพราะอ้วนแค่ไหน ผมก็รักครับ” สุขสันต์หยอด
ที่โต๊ะซึ่งอยู่ห่างออกไปและมีกอไม้คั่น กริสน์กำลังนั่งกินข้าวไข่เจียวอยู่ พิมมาดาที่กำลังหัวเราะเขินๆสุขสันต์ หันมาเจอตากริสน์ที่กำลังจ้องอยู่ก็สะดุ้งแล้วรีบเชิดใส่
กริสน์ยังคงจ้องเป๋งแล้วพยายามเรียกร้องความสนใจด้วยการกวักมือให้พิมมาดาหันไปมอง พิมมาดาปรายตามาเป็นครั้งที่ 2 กริสน์ทำภาษาใบ้ชี้ที่หน้าเพื่อบอกว่าพิมมาดาหน้ามัน โทรม ผมยุ่ง ไม่สวย เขาพยายามบอกให้พิมมาดาไปหวีผม เติมแป้ง เติมลิปสติกหน่อย
ตอนแรกพิมมาดางงแต่แล้วก็เข้าใจ พิมมาดาตกใจที่รู้ว่าตัวเองโทรม สุขสันต์ยังคงจิบกาแฟและชิมขนมอยู่
“เอ่อ..คุณสุขสันต์คะ” พิมมาดาพูดขึ้น
“ครับผม”
“พิมขอตัว..ไปเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะ”
“เชิญครับ”

พิมมาดาขยับจะลุกบริกรรีบมาเลื่อนเก้าอี้ให้ พิมมาดารีบเดินไปทันที

กริสน์แอบย่องมาดักพิมมาดาที่ด้านหนึ่ง “อ๊ะเจ๋!”
“ว้าย..คนผีทะเล ตกใจหมด” พิมมาดาตกใจ
“คุณนี่..เป็นผู้หญิงที่ไม่ระวังตัวซะบ้างเลย ปล่อยให้จมูกมัน แป้งลบ ปากลบ แล้วดูสิ มาสคาร่าเลอะๆด้วยนะน่ะ” กริสน์บ่นเป็นชุด
“จริงเหรอ” พิมมาดาตกใจ
“จริงสิ! อย่าลืมสิครับ เวลานี้ คุณเป็นแฟนกับผู้ชายที่เนี้ยบที่สุด หล่อที่สุด เมโทร่ที่สุด แถมแฟนเก่าของเค้า..ก็สวยซะขนาดนั้น คุณไม่ควรจะปล่อยตัวให้ชิลด์ๆจนเกินไป”
“พูดมากจริง..รู้แล้วน่า”
“ไม่ต้องรีบล่ะ แต่งหน้าให้เนี้ยบๆหน่อย” กริสน์รีบบอก
“บ้า!” พิมมาดาเดินกระฟัดกระเฟียดไป
กริสน์มองตามอย่างอึ้งๆ แล้วเขาก็ฮึด สูดลมหายใจลึกเพื่อทำภารกิจต่อ

ที่โต๊ะอาหาร สุขสันต์มองซ้าย มองขวา พอไม่มีใครสนใจก็แอบหยิบกระจกพกพาออกมาจากกระเป๋าสูทขึ้นมาส่อง เขาเล็งผม เล็งหน้า แล้วยิงฟันเพื่อสำรวจดูว่าสะอาดไหม
ทันใดนั้น เสียงกริสน์กระแอมก็ดังขึ้น สุขสันต์เก็บกระจกแทบไม่ทัน เขารีบวางมาดทันที
กริสน์ยืมกุมมืออยู่ตรงหน้าสุขสันต์แล้วพูด “เอ่อ..ท่านครับ ขอประทานโทษ ที่รบกวน คือ..ผมอยากจะ..ขอความเมตตากรุณาจากท่าน”
“อะไรอีกล่ะ”
“คือ..ผมอยากจะทำงานพิเศษน่ะครับ..นักการเมืองอนาคตสดใส นักธุรกิจผู้มีวิสัยทัศน์ไกลอย่างท่านสุขสันต์ จะต้องมีการงานดีๆมากมาย..ที่จะสามารถสร้างงานไซด์ไลน์ให้กับประชาชนตาดำๆ..ที่มีความสามารถหลายด้านอย่างผม”
“อยากได้เงินเพิ่มว่างั้น” สุขสันต์ถาม
“แค่ทำงานในร้านดอกไม้ กับคอยเป็นพี่เลี้ยงเด็กๆให้คุณพิมมาดาเนี่ย..ผมไม่พอกินครับ เพราะ..คุณพิมเธอเค็ม..จ่ายเงินเดือนให้ผมน้อยมาก ผมมีแม่ เป็นโรคชรา เมียผมก็เป็นโรคประสาท ลูกๆผม6คน..ก็ยั้วเยี้ย..อดๆอยากๆลำบากลำเค็ญยังกะวงเวียนชีวิต แต่คุณพิมให้เงินเดินผมแค่เดือนละ2พันบาท” กริสน์ทำตาแดงๆ
“ฮ่าๆสองพันบาท.. สองพัน..ยังซื้อสบู่ล้างมือบ้านชั้นไม่ได้เลย โธ่ ทำไมแกน่าอนาถแบบนี้”
“อนาถมากๆเลยครับ ดีที่คุณพิมแกเลี้ยงข้าว กับให้อาศัยห้องข้างโรงรถ ไม่คิดค่าน้ำค่าไฟ แต่นั่นก็แปลว่า..ผมต้องดูแลเด็กเหลือขอนั่น3คน..ทั้งวันทั้งคืน” กริสน์ตีหน้าเศร้าต่อ
“แล้วแกจะมีเวลา มาทำงานไซด์ไลน์เหรอ”
“มีสิครับ..กลางวัน เวลาเด็กไปโรงเรียนผมว่างมากเลย เดี๋ยวพอถึงฤดูเลือกตั้ง..ท่านก็ต้องหาเสียงแล้วนี่ครับ ผมทำงานช่วยท่านได้ หรือท่านค้าขายอะไร หรือมีกิจการอะไรหรือเปล่า ถ้าท่านมี..ท่านใช้ผมได้เลยครับ” กริสน์คุกเข่าลงตรงหน้าแล้วทำหน้าตาน่าสงสาร
สุขสันต์โน้มตัวไปหาแล้วจ้องเขม็ง “ชั้นไว้ใจแกได้หรือเปล่า”

รถของสุขสันต์แล่นมาจอดที่หน้าบ้านของพิมมาดา กริสน์ลงจากรถแล้วรีบวิ่งไปเปิดประตูให้สุขสันต์กับพิมมาดาลงจากรถอย่างนอบน้อม
“คุณแฮบปี้จะไม่ให้นายกริสน์ขับรถไปส่งจริงๆเหรอคะ?” พิมมาดาถาม
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมโทรตามฮิมมารับแล้ว อีกสักพักน่าจะมาถึง” สุขสันต์บอก
“มาถึงตั้งนานแล้วคะ!” เต๋ากับเต้ยตะโกนออกมาจากในบ้าน
กริสน์ พิมมาดาและสุขสันต์มองไปเห็นเต๋ากับเต้ยควงฮิมที่มีหน้าเหยเกออกมาจากในบ้าน
“ช่วยผมด้วยครับท่าน สองคนนี้พยายามลวนลามผมครับ” อิมฟ้อง
“พูดแรงไปนะคะ เราแค่ดูแลเทคแคร์อย่างใกล้ชิดเท่านั้นเองคะ” เต้ยแก้ตัว
พิมมาดาพูดเสียงแข็ง “ปล่อย ได้ แล้ว!”
เต๋ากับเต้ยจำใจต้องปล่อยฮิม ฮิมรีบวิ่งมายืนข้างรถสุขสันต์ทันที
“ผมขอตัวก่อนนะครับ” สุขสันต์พูดแล้วหันไปหากริสน์ “แล้ววันหลังฉันจะใช้บริการนายใหม่”
สุขสันต์ยิ้มให้กริสน์อย่างมีเลศนัย ฮิมมองกริสน์อย่างไม่ชอบใจแล้วเปิดประตูให้สุขสันต์ สุขสันต์ก้าวขึ้นรถ ฮิมขับรถออกไป ทุกคนมองตามจนรถลับตา พิมมาดาหันมาพูดเสียงดังใส่กริสน์
“ยืนทำอะไรอยู่ ทำไมยังไม่รีบขึ้นไปกล่อมเด็กๆ ลืมหน้าที่ตัวเองแล้วหรือไง?”
“ไม่ต้องขึ้นไปหรอกคะคุณกริสน์ พวกเด็กๆ เข้านอนกันหมดแล้วคะ” เต๋าบอก
กริสน์กับพิมมาดาหันมามองหน้าเต๋าเต้ยอย่างไม่อยากจะเชื่อ

ภายในห้องนอนของกริสน์ในบ้านพิมมาดาไฟยังปิดมืด กริสน์เปิดประตูเข้ามา เขาเปิดไฟแล้วถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน พอหันมาอีกทางก็ต้องตกใจแทบสิ้นสติ
“อ๊าก!”
กริสน์เห็น แจ๊ส โจ๊ก จีจ้าและป๊อบคอร์นนั่งอยู่บนเตียง เด็กทั้งสามทำหน้าถมึงทึงใส่เขา
“พวกเธอมานั่งทำอะไรในห้องฉันมืดๆเนี่ย ตกใจหมด!”
“พวกเรามาเพื่อบอกว่า ตั้งแต่นี้ไป คุณ!!..เป็นศัตรูของพวกเรา..เพราะมิตรของศัตรู ก็คือศัตรู!” แจ๊สบอก
“ต่อไปนี้เราหาทางกำจัดนายสุขสันต์ด้วยตัวของพวกเราเอง!” โจ๊กพูดต่อ
“และเราจะต่อต้านและทำทุกวิถีทางให้คุณกระเด็นออกไปจากบ้านด้วย” แจ๊สบอก
“พวกเธอเข้าใจชั้นหน่อยสิ ชั้นอยู่ข้างเดียวกับพวกเธอนั่นแหละ” กริสน์อธิบาย
“ลูกพี่อธิบายมาสิ ว่าลูกพี่ยังอยู่ฝ่ายเดียวกับพวกเราใช่มั้ย..ลูกพี่กำลังวางแผนจัดการนายแฮปปี้อยู่ใช่มั้ย” จีจ้าถาม
กริสน์เงียบเพราะเหนื่อยใจเกินกว่าที่จะอธิบาย และรู้สึกเครียดที่ทำให้พวกเด็กๆเข้าใจผิด
“ต่อไปนี้ใครจะเชื่อลูกพี่ก็เชื่อไป แต่ไม่ใช่โจ๊ก!” โจ๊กลั่นวาจา
“ไม่ใช่แจ๊ส!” แจ๊สสมทบ
แจ๊สกับโจ๊กสะบัดก้นจะออกไปจากห้อง จีจ้านั่งตาละห้อยมองกริสน์อยู่ไม่ยอมลุกไป
แจ๊สหันกลับมาเรียกน้องสาว “จีจ้า! ตกลงจะอยู่ข้างใคร?”
จีจ้าจำใจลุกออกไป ป๊อบคอร์นเดินตามจะออกแล้วหันกลับมาส่งเสียงแฮ่ขู่ใส่กริสน์ กริสน์ปิดประตูอย่างหมดแรง ที่หน้าห้องกริสน์ จีจ้าแอบเดินกลับมาแล้วเคาะประตู
“ลูกพี่” จีจ้าเรียกเสียงอ่อย
กริสน์ที่อยู่ในห้องรีบกระโดดขึ้นเตียงแล้วเอาผ้าคลุมโปง
“ลูกพี่หลับแล้ว มีอะไรค่อยคุยกันพรุ่งนี้!” กริสน์ส่งเสียงบอก
จีจ้าคอตกอยู่หน้าห้อง
“ลูกพี่ อยู่ข้างพวกเรานะ” จีจ้าพูดเศร้าๆ แล้วเดินออกไป กริสน์ที่นอนกังวลเพราะไม่สบายใจเหมือนกัน

เช้าวันใหม่ ที่บ้านพิมมาดา กริสน์เดินขึ้นมา เขาเอานกหวีดเข้าปากและสูดลมหายใจเข้าเพื่อจะเป่า แต่ก็ต้องชะงักพราะเด็กๆ เปิดประตูเดินออกมาจนหมดทุกคน กริสน์ยืนอึ้ง
“ตื่นแล้ว..แต่งตัวแล้ว..พวกเธอเป็นอะ...”
เด็กๆ เดินผ่านกริสน์ไปโดยไม่รอฟังที่กริสน์พูด กริสน์ทำหน้าเซ็ง
พิมมาดาเดินเข้ามาพอดี เธอเห็นเด็กๆ อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็ตกใจ “เฮ้ย”
“น้าพิม..พวกเราตื่นเองได้แล้ว ไม่สาย ไม่ดื้อ ไม่งอแงแล้ว..พวกเราไม่ต้องมีพี่เลี้ยงก็ได้แล้วค่ะ” แจ๊สบอก
“หือ” พิมมาดาแปลกใจ
“เราไม่ต้องการพี่เลี้ยงเด็กแล้วครับ” โจ๊กบอก
“เดี๋ยวๆๆ” กริสน์รีบแทรก “ของยังงี้ต้องดูกันไปนานๆ ยาวๆ อาจจะทำได้แค่วันสองวันก็ได้..ยังไงก็ต้องมีพี่เลี้ยงเด็กต่อไป”
พวกเด็กๆ และป็อบคอร์นเชิดใส่กริสน์ ทั้งหมดเดินไป
“เด็กๆเป็นอะไร นายทำอะไรหรือเปล่า” พิมมาดาถาม

ที่ร้านดอกไม้พริมโรส กริสน์เดินแบกเข่งใบไม้สำหรับประดับช่อเข้ามาในร้าน แต่แล้วเขาก็ต้องชะงัก
เมื่อเห็นเมทินีเดินหน้าเครียดอยู่ เต๋ากับเต้ยยืนมองอย่างสยอง
กริสน์วางเข่งลง “คุณเมทินี!”
“เรียกน้อง นี ก็ได้ค่ะ” เมทินีบอก
กริสน์ตัดบท “เอ่อ ครับน้องนีก็น้องนี มาสั่งดอกไม้เหรอครับ?”
“นีต้องการความช่วยเหลือจากคุณ”
“อะไรครับ”
“น้องปาล์มค่ะ..น้องปาล์มเป็นอะไรไม่รู้ เนี่ย ถ้าคุณกริสน์รับเป็นครูฝึกมวยให้ น้องปาล์มคงไม่เป็นแบบนี้ นี่..น้องปาล์มไม่ใช่คนเดิมเลย แต่กลับมีอาการแปลกๆ” เมินีบอก
“แปลกยังไงครับ” กริสน์ถามแล้วนึกขึ้นได้ “หรือว่า..เป็นเหมือนตอนที่ขึ้นชกวันนั้น”
กริสน์นึกย้อนไปถึงตอนที่ปาล์มมีอาการประหลาดตอนจะชกกับโจ๊ก
กริสน์มีแววตาที่ฉุกคิดบางอย่าง
เมทินีร้องไห้ “ไม่ทราบค่ะ ทางโรงเรียนโทรมาตาม ว่าให้นีไปรับแกเดี๋ยวนี้ แต่ แต่นีไม่อยากไปคนเดียว”
เมทินีเข้าไปคลอเคลียกริสน์ ทั้งซบอก จูงแขนแล้วจะพากริสน์ไปให้ได้ เค้กโผล่มาเห็นพอดี เธอผงะแล้วรีบเดินเข้ามาขวาง
“อะไรกันคะ อะไรๆ”
“ผมจะไปดูนายน้องปาล์ม ลูกชายคุณเมทินีที่โรงเรียนหน่อย” กริสน์บอก
“คุณกริสน์ต้องทำงานไม่ใช่เหรอ คงไม่ว่างไปดูลูกชาวบ้านหรอกคะ” เค้กรีบพูด
“ใช่ค่ะ” เต๋ากับเต้ยประสานเสียง
“คุณเค้ก..ปาล์มก็เป็นเพื่อนเด็กๆ ถ้าปาล์มมีปัญหาอะไร..ผมก็ควรจะสนใจนะครับ” กริสน์บอก
“โฮะๆๆๆ..ได้ยินแล้วใช่ไหมจ๊ะ” เมทินีเยาะเย้ย
ทันใดนั้นพิมมาดาก็เดินเข้ามา เค้กรีบฟ้องเพื่อนทันที “พิมๆๆ ดูสิ นี่มันเวลาทำงานไม่ใช่เหรอ ทำไม คุณกริสน์ถึงจะไปข้างนอกกับผู้หญิงพวกสาวแก่แม่หม้ายได้ล่ะ”
“น่านสิคะ” เต๋ากับเต้ยประสานเสียง
“เพราะคุณกริสน์เป็นเจ้าของกิจการร้านนี้ไงจ๊ะ พวกลูกจ้างสาวๆพวกนี้ ก็ควรจะก้มหน้าก้มตาทำดอกไม้ไป อย่ามาจุ้นกะเจ้านาย ไปค่ะ คุณกริสน์” เมินีรีบบอก
“อ้อ..คุณกริสน์คะ..คุณมีอะไร..อยากจะพูดหน่อยไหมคะ” พิมมาดาถาม
“เพื่อนของโจ๊ก..ไม่สบาย..ผมสงสัย..อะไรบางอย่าง ผมต้องไปดูครับ คุณพิม..เพื่อประโยชน์ของเด็กๆที่เหลือ รวมทั้งแจ๊ส โจ๊ก จีจ้าด้วย” กริสน์บอก
“ได้ยินแล้วใช่ไหมยะ ว่ามันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย อีนังพวกลูกจ้าง” เมทินีแขวะแล้วรีบลากกริสน์ไป
พิมมาดามองตามอย่างอึ้งๆ
“คุณกริสน์นี่..ใจง่ายจัง” เต๋าบ่น
“จริง..ดูเค้าเป็นคนซับซ้อน สับสน” เต้ยพูด
“คุณเค้กอย่าไปรักเลยค่ะ ผู้ชายคนนี้” เต๋าหันมาทางเค้ก
“คุณตามเค้าไม่ทันหรอกค่ะ มันต้องพวกเรา” เต้ยบอก
“ไม่ใช่แระๆ” เค้กค้อนควับ

หน้าโรงเรียน ปาล์มที่ตาคล้ำเป็นแพนด้ากำลังยืนตาขวาง เขากำลังพยายามจะปีนรั้วรร.ออกไป ครูฟ้าใสมองอย่างกลัวๆ
“คุณพงษ์พัฒน์ What’s happen? ค่ะ เกิดอะไรขึ้น ทำไมน้องปาล์มถึงมีอาการเหมือนผีหมีแพนด้าเข้าสิงแบบนี้ คุณไปจับแกไว้สิคะ” ครูฟ้าใสหันไปถามครูพงษ์พัฒน์
“ผมว่า..เราตามรถพยาบาล มาเอาแกไปโรงพยาบาลจิตเวชดีกว่านะครับ” พงษ์พัฒน์เสนอ
“โนๆๆๆ ไม่ได้นะคะ You think he is crazy? เด็กรร.เรากลายเป็นบ้าเหรอคะ No No No อิฉันยอมให้เรื่องนี้เป็นข่าวไปในพับลิคไม่ได้ คุณจับแกมาเดี๋ยวนี้ Bring him back now...เดี๋ยวนี้ค่ะ”
“เอาก็เอา” พงษ์พัฒน์กัดฟันแล้วรีบเข้าไปกล่อม “น้องปาล์มๆ คนดี คนหล่อ น้องปาล์มศิษย์รักของครู..มามะมาๆ ลงมา เดี๋ยวครูให้กินหนมนะ”
“ขนม!! หนมๆๆ จะเอาหนมๆๆ หนมอยู่ไหนๆๆ” ปาล์มตาขวาง
ภัทรดนัยเข็นรถซาลาเปามาถึงพอดี ครูพงษ์พัฒน์หันไปเจอเห็น “โอ..นั่นไง..ขนมมาแล้ว ขนมๆ”
ครูพงษ์พัฒน์รีบวิ่งมาเกาะรั้ว “เฮย ลื้อ..ลื้อนั่นแหละ เอาซาละเปามาอันนึง ไส้อะไรก็ได้ เร็วๆ”
ภัทรดนัยหยิบซาลาเปาส่งให้ “สิบบาท”
“เอามาก่อนน่า กำลังหน้าสิ่วหน้าขวาน เอามา” ครูพงษ์พัฒน์กระชากซาลาเปามา แล้ววิ่งมาหาปาล์ม ”น้องปาล์มๆๆ มาเอาขนม มาๆๆ”
“เอาๆๆ เอาหนมๆๆ” ปาล์มปีนรั้วลงมา แล้วรีบมาหาครูพงษ์พัฒน์ “ไหนๆๆ หนมๆๆ”
“นี่ไง..เห็นไหมครับ..ครูฟ้าใส เรื่องง่ายๆ เอ้า ปาล์ม ที่แท้หิวก็ไม่บอก”
ปาล์มรับไปดูพอเห็นว่าไม่ใช่ขนมที่ต้องการ ก็อาละวาดทันมี “ไม่ใช่ขนมแบบนี้ ไอ้บ้า ไอ้ปัญญาอ่อน เห็นชั้นโง่รึไง นี่แน่ะๆๆ” ปาล์มกระโดดเข้าเล่นงานพงษ์พัฒน์ทุกรูปแบบ ทั้งชก เตะ ต่อย ทุบ ปล้ำ กัดสารพัด
“อ๊าก..ช่วยด้วย” ครูพงษืพัฒน์ร้องเสียงดัง
เด็กๆ ที่ผ่านมาแถวนั้นสนใจจึงเข้ามาดู ครูฟ้าใสหันมาพูดกับพวกคนงานภารโรง “Don’t let them watch…อย่าให้นักเรียนมาดู..พวกภารโรง เร็ว Quick Quick รีบไปกันเอาไว้ นี่มันเป็นเวลาเรียน เด็กที่ไหนมาเดินเพ่นพ่าน I’ll punish you all ฉันจะทำโทษทุกคน”
ภารโรงรีบต้อนเด็กๆ ให้ขึ้นตึกไป

บริเวณหน้าโรงเรียน รถของเมทินีแล่นมาถึงพอดี
“กรี๊ด น้องปาล์ม Your mother is here” ครูฟ้าใสตะโกน “ คุณแม่น้องปาล์มมาถึงแล้ว Here she comes มาแล้วๆ” ครูฟ้าใสรีบวิ่งไปเปิดประตูโรงเรียน
เมทีนีกับกริสน์วิ่งลงมา ปาล์มกำลังคร่อมตัวครูพงษ์พัฒน์ที่ล้มลงไปแล้วออกแรงบีบคอ
“อ๊ากๆๆๆ ช่วยด้วยๆๆ” ครูพงษ์พัฒน์ร้อง
กริสน์รีบวิ่งเข้าไป ภัทรดนัยรีบตามไปอีกคน กริสน์เข้าไปล็อกปาล์ม ภัทรดนัยคอยช่วย
“จับมันไปส่งตำรวจเลย ผมจะโทรเรียกตำรวจเดี๋ยวนี้” ครูพงษ์พัฒน์ควักมือถือขึ้นมาจะกด
ครูฟ้าใส เข้ามาแย่ง “โนๆๆ ห้ามโท Don’t do that ห้ามแจ้งความ ห้ามอะไรทั้งนั้น คุณเมทินี Bring him back home now เอาลูกกลับบ้านเดี๋ยวนี้ คุณคงรู้นะ ว่าควรทำไง ถ้าสังคมรู้ว่าลูกคุณบ้า ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลของคุณก็ต้องเสื่อมเสียเหมือนกัน เข้าใจไหม Understand?”
กริสน์กับภัทรดนัยช่วยกันลากปาล์มมาที่รถ
“ปล่อยชั้นๆๆ จะกินหนมๆๆๆ” ปาล์มโวยวายไปตลอดทาง
“ทำไมเป็นอย่างนี้ได้ล่ะ” กริสน์สงสัย
“ดิ้นเป็นปลาช่อนในกาละมังเลย” ภัทรดนัยบ่น
“อ้าว..คุณหนู..อย่างอแงสิครับ..นี่ไง..ขนมครับ ผมซื้อมาให้คุณหนูแล้ว” คนขับรถยื่นถุงขนมสวีทโอปอล์ให้ปาล์ม
“อ๊า..หนมๆๆ” ปาล์มกระโดดเข้าใส่ เขารีบแกะขนมยัดใส่ปากแล้วก้มหน้าก้มตากิน ทุกคนเข้ามามุงดู
สักพัก ปาล์มก็เงยหน้าขึ้น ใบหน้าของเขาหายหมองคล้ำแล้ว ปาล์มฉีกยิ้มสดใส
“น้องปาล์ม ลูกเป็นอะไรไป” เมทินีแปลกใจ
“อะไรครับ..ผมไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย ผมก็แค่หิวขนมเท่านั้นเอง” ปาล์มบอก
“น้องปาล์ม ลูกไม่ได้แค่หิวขนม ลูกป่วย” เมทินีบอก
“ผมไม่ได้ป่วย ผมสบายดี”
“แก..แกไม่ได้สบายดี แกเป็นโรคจิต” ครูฟงษ์พัฒน์รีบบอก
“น้องปาล์ม..น้องไปหาหมอดีกว่า พี่จะพาไปเอง” กริสน์เสนอ
“นายอย่ามายุ่ง ไอ้พี่เลี้ยงพวกเด็กเหลือขอ อย่ามาสะเออะ แม่ครับ แม่อย่าให้คนนี้มายุ่งกะปาล์ม ถ้าแม่รักผู้ชายหล่อๆมากกว่าลูก..ปาล์มจะหนีออกจากบ้าน..แต่ถ้าแม่รักลูก..แม่ก็พาลูกกลับบ้านเดี๋ยวนี้” ปาล์มด่า
“แต่ว่า” เมทินีอึกอัก
“ผมอยากนอนพัก ผมปวดหัว..ผมอยากกลับบ้าน” ปาล์มโวยวาย
“อ่า จ้าๆ” เมทินีรีบพาตัวปาล์มไป
กริสน์เข้ามาขวาง “แต่..คุณนีครับ”
“นีต้องขอโทษนะคะ คุณกริสน์ ไว้เราคุยกันวันหลังค่ะ นะคะๆๆ” เมทินีขอตัว
สองแม่ลูกรีบขึ้นรถ คนขับขับรถออกไปทันที
กริสน์กับภัทรดนัยสบตากันอย่างอึ้งๆ แล้วหันมาหาโดยจะคุยกับครูฟ้าใส
“Stop..พวกคุณต้องอย่าพูดเรื่องนี้กับใคร Nothing happen..ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นที่นี่ นักเรียนของเราเป็นเด็กดี สุขภาพกายและจิตดีทุกคน” ครูฟ้าใสรีบบ่ายเบี่ยง
ภัทรดนัยหันไปทางครูพงษ์พัฒน์ “ครูครับ”
ครูพงษ์พัฒน์มองเหมือนอยากพูด
“คุณพงษ์พัฒน์ มานี่!” ครูฟ้าใสเรียก
ครูพงษ์พัฒน์ลังเล แต่แล้วก็รีบหันกลับแล้วเดินหนีไปกับครูฟ้าใส
“ดูอาการน้องปาล์มมันพิกลยังไงไม่รู้” กริสน์บอก
“เกี่ยวอะไรกับอาการหิวได้ไง” ภัทรดนัยงง
“คล้ายๆ เหมือน” กริสน์พยายามบอกอะไรบางอย่าง แต่ภัทรดนัยชิงตอบ “ติดยา!”

ที่ร้านดอกไม้พริมโรส เค้กนั่งกระฟัดกระเฟียดอยู่ พิมมาดา เต๋า และเต้ยมองอย่างเอือมๆ
เค้กโวยวาย “ทำยังไงดีๆๆ”
“โอ้ยๆ ลมหึงมันออกหูพี่เค้กแล้วคะ” เต้ยบอก
“ไม่หึงได้ไง มีแต่ผู้หญิงมาติดพันคุณกริสน์เต็มไปหมด ไม่ว่าสาวแก่แม่หม้าย ทำยังไงดีละ?” เค้กหันมาพูดกับพิมมาดา “พิม...ช่วยเพื่อนหน่อยซิ”
“จะให้ช่วยยังไง” พิมมาดาถามขรึมๆ
“ก็ใจฉันมันรักเขาไปแล้วนี่ ทำยังไงได้” เค้กทำหน้ามุ่งมั่น “ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม ฉันต้องได้หัวใจคุณกริสน์มาครอง! พิมช่วยหน่อยน้า....นะๆๆ”
“พี่พิมก็ช่วยพี่เค้กหน่อยซิคะ เหมือนกับที่พี่เค้กเคยช่วยสนับสนุนพี่พิมกับคุณสุขสันต์ไงคะ” เต้ยบอก
“เต้ยพูดถูกที่สุด! ไหนๆเธอก็แฮบปี้เอนดิ้งกับคุณสุขสันต์แล้ว ก็ช่วยเพื่อนซี้อย่างฉันให้ลงเอยกับคุณกริสน์บ้างซิ ละครเรื่องนี้จะได้มีพระเอกนางเอกสองคู่”
พิมมาดาเริ่มอึดอัดและสับสน “แล้วฉันจะช่วยอะไรได้ละ”
เค้กทำท่าครุ่นคิด พลันสายตาก็หันไปเจอป๊อบคอร์นที่นั่งเอียงคอมองอยู่ เค้กตาโตวิ่งเข้าไปอุ้มป๊อบคอร์นขึ้นมาอย่างดีใจ ทุกคนมองตามอย่างงงๆ
“นึกออกแล้ว!” เค้กร้องลั่น

ที่ร้านเบเกอรี่ แจ๊สกำลังอุ้มป๊อบคอร์นอยู่ โจ๊กกับจีจ้ากำลังนั่งกินเค้กอย่างเอร็ดอร่อย เค้ก เต๋าและเต้ย ยืนลุ้นอยู่ข้างๆ
“เป็นไงจ๊ะอร่อยมั้ย?” เค้กถาม
เด็กทั้งสามพยักหน้า เค้กยิ้มกว้างให้กับเต๋าและเต้ย เด็กๆ กินเค้กหมดแล้วก็วางช้อน
“งั้นสิ่งที่พี่น้าเค้กขอให้ช่วย ตกลง...เด็กๆ โอเคมั้ยจ๊ะ?” เค้กพูด
เด็กทั้งสามมองหน้ากัน ก่อนจะตอบพร้อมๆ กัน
“ไม่ค่ะ / ครับ”
“เอ้า! ทำไมละ พี่น้าเค้กอุตส่าห์เลี้ยงขนมเค้กไปตั้งหลายชิ้นนะ”
“น้าเค้กไม่เคยได้ยินเหรอคะว่า การลงทุนคือความเสี่ยง” แจ๊สสวน
เค้กทำท่าจะร้องไห้ เต๋ากับเต้ยรีบเข้ามาช่วยพูด
“เด็กๆ เห็นใจน้าเค้กเถอะนะคะ น้าเค้กเขาอยากได้ เอ้ย! เขาชอบคุณกริสน์จริงๆ” เต๋าบอก
“เราก็เห็นใจน้าเค้กนะครับ แต่ตอนนี้เรากำลังแบน คว่ำบาตร ต่อต้าน..ผู้ชายคนนั้นอยู่” โจ๊กพูด
“แล้วเด็กๆจะปล่อยให้น้าเค้กพลาดรถด่วนขบวนสุดท้าย สะพายเป้ขึ้นเชียงคานไปต่อหน้าต่อตาได้เหรอคะ?” เต้ยขอความเห็นใจ
เต๋ากับเต้ยเริ่มร้องเพลงสลับกันคนละท่อน
“เสียง...รถด่วนขบวนสุดท้าย”
“ก้องดังฟังแล้วใจหาย”
“หัวใจน้องนี้แทบขาด...”
เค้กปล่อยโฮเสียงดัง เด็กๆมองหน้ากันอย่างครุ่นคิด
“ก็ได้คะ พวกเราตกลง..แต่น้าเค้กต้องรับปากพวกเราอย่างนึง” แจ๊สยื่นข้อเสนอ
เค้กหยุดร้องไห้และรับปากทันที “รับปากค่ะ!”
“ฟังก่อนสิคะ” จีจ้าบอก
“ถ้าพวกเราช่วยให้น้าเค้กลงเอยกับ..ผู้ชายคนนั้นแล้ว..น้าเค้กต้องรับปากว่า จะเอาผู้ชายคนนั้นออกไปจากบ้านนี้ และไม่ปล่อยให้มาที่นี่อีก”
“แล้วพวกเราถึงจะตกลงช่วยน้าเค้กให้สมหวังกับ..” โจ๊กบอก
“โอเคค่ะๆ ตกลงๆ” เค้กท่าทางดีใจมาก “ไชโย ขอบคุณค่ะๆ”

เค้กดี๊ด๊าแล้วหันมาวางแผนกับเต๋าและเต้ย






Create Date : 31 มกราคม 2555
Last Update : 31 มกราคม 2555 14:04:28 น.
Counter : 252 Pageviews.

0 comment
มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 7 (ต่อ)




ภัทรดนัยกำลังนั่งอ่านข่าวจากเว็บไซต์อยู่ที่ร้านเบเกอรี่ของเค้ก หลังจากอ่านไปได้สักพักเขาก็กระโดดขึ้นอย่างดีใจ

“โหๆๆ สุขสันต์ออกตัวแรงมาก ดีๆๆ พิมมาดาเป็นแฟนกับสุขสันต์แล้ว ต่อไป แกก็จะเข้าถึงตัวสุขสันต์ได้ง่ายขึ้น ภารกิจเราต้องสำเร็จแน่นอน ฮ่าๆๆ” ภัทรดนัยชะงักเมื่อเห็นกริสน์นิ่งไป “เฮ้ย ไอ้กริสน์ แกไม่ดีใจเหรอวะ”
“ดีใจ” กริสน์พูดเรียบๆ
”นี่คืออาการของคนดีใจเหรอวะ”
”เนี่ยดีใจเต็มที่แล้ว” กริสน์นั่งหน้าเบื่อโลก
“ไม่สบายป่าววะ” ภัทรดนัยแตะหน้าผากเพื่อน “ไหนอ้าปากดิ” ภัทรดนัยเชยคางเพื่อนแล้วดูปากเหมือนหมอกำลังตรวจคนไข้ “เหงือกก็ดูปกติดี แล้วแกเป็นอะไร”
”นี่!! จะมาสวีทอะไรกันที่ร้านชั้นบ่อยๆ..ชั้นขอร้องล่ะ ถ้าจะมาหวานแหววกัน ช่วยไปที่อื่นได้มั้ย ชั้นไม่อยากรับรู้ด้วย” เค้กบ่น
“ไม่อยากรับรู้ แต่เห็นเข้ามาเจ๊าะแจ๊ะตลอด” ภัทรดนัยแขวะ
”ก็มันเกะกะลูกตา โดยเฉพาะนาย ชอบมาทำให้คุณกริสน์ไขว้เขว ออกไปเลย ไปๆ” เค้กไล่
”กล้าไล่ลูกค้าเหรอ”
ระหว่างที่เค้กกับภัทรดนัยหันกำลังเถียงกัน กริสน์มองออกไปด้านนอกร้านเห็นชายร่างกายกำยำ ถึงห้าคนเดินมามองที่หน้าร้านดอกไม้ด้วยท่าทางแปลกๆ จากนั้นแพรวพิลาศก็ลงมาจากรถ
“เอ๊ะ นั่น คุณแพรว..มาทำอะไร” กริสน์ทัก

พิมมาดากำลังคุมเต๋ากับเต้ยที่กำลังขนดอกไม้ขึ้นรถไปส่งให้ลูกค้าอยู่ที่ร้านดอกไม้
“อ้ะๆ นี่รายชื่อลูกค้าและแผนที่นะ รีบไปส่งแล้วรีบกลับมา เข้าใจมั้ย อย่าให้รู้นะว่าแอบเถลไถลไปกรี๊ด
มิวสิคเอเอฟสี่อีก” พิมมาดาพูดดักคอ
“ค่า” เต๋ากับเต้ยแม่ยกเอเอฟรับคำพร้อมกัน
แพรวพิลาศเดินเข้ามาในร้าน โดยมีชายทั้งห้าคนเดินตามมาด้านหลัง ”สวัสดีค่ะ” พิมาดายิ้มทักทายลูกค้าตามมารยาท แต่พอหันมาเห็นเป็นแพรวพิลาศก็ชะงัก “คุณแพรว”
“จัดการ” แพรวพิลาศสั่ง
“จัดการ? จัดการอะไรคะ” เต้ยงง
กลุ่มชายฉกรรจ์ผลักหน้าเต้ยออกไปแบบไม่แยแส ”จะทำอะไรกันน่ะ” เต๋าตกใจ
ชายร่างกำยำทั้งหมดเดินตรงเข้าไปในร้าน พวกมันปัดแจกันและชั้นโชว์ดอกไม้จนล้มระเนระนาด เสียง
ดังเพล้งพล้างไปทั่วบริเวณ
“คุณแพรว..คุณทำแบบนี้ทำไม หยุดนะ หยุด” พิมมาดาตะโกน
“ชั้นจะบอกให้รู้นะพิมมาดา ถ้าหล่อนคิดจะแย่งผู้ชายของชั้น หล่อนคิดผิดแล้ว คนอย่างชั้น ไม่เคยแพ้ใคร รู้ไว้ซะ” แพรวพิลาศขู่

พิมมาดา เต๋า และเต้ยรีบวิ่งเข้าไปในร้าน ทั้งสามพยายามจะหยุดผู้ชายเหล่านั้น
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ชั้นบอกให้หยุด” พิมมาดาตะโกนแล้วเข้าไปดึงผู้ชายคนหนึ่งออก แต่ก็โดนเหวี่ยงจนไปกระแทกกับโต๊ะ ”โอ้ย”
เต๋ารีบเข้ามาประคอง “คุณพิม...เป็นอะไรไหมคะ”
”มันจะมากไปแล้วนะ”
เต้ยโมโหวิ่งเข้าจะไปตบแต่โดนผู้ชายอีกคนจับมือแล้วหักแขน
”ว๊าย...ช่วยด้วย แขนจะหักแล้ว” เต้ยร้องลั่น
แพรวพิลาศเดินเข้ามาดูสะใจ “ฮะๆ จะได้รู้สำนึกบ้าง ว่าชั้นน่ะเป็นลูกใคร”
พวกลูกน้องแพรวพิลาศยังคงทำลายข้าวของต่อไป
”เต๋าโทรเรียกตำรวจ” พิมมาดาสั่ง
”ค่ะๆ” เต๋ารับคำแล้วรีบวิ่งไปที่โทรศัพท์ เอื้อมมือไปจะหยิบโทรศัพท์แต่มีมือมาจับโทรศัพท์เอาไว้ เต๋าเงยไปเห็นว่าเป็นผู้ชายตัวใหญ่ที่สุดกำลังยิ้มอย่างสะใจ
เต๋าพยายามหยิกและกัดแขนผู้ชายคนนั้นให้ปล่อยโทรศัพท์ แต่ก็ไม่ระคายผิว ชายคนนั้นยังคงยืนยิ้มอยู่
ทันใดนั้นก็มีมือโผล่มาจากด้านหลังของชายคนนั้นแล้วตบเข้าที่บ้องหูทั้งสองข้างของชายร่างใหญ่จนร่วงลงไป เมื่อร่างใหญ่ทรุดไปกองกับพื้น ก็เห็นว่ากริสน์กำลังยืนยิ้มให้เต๋าแทน
”คุณกริสน์” เต๋าร้องออกมาด้วยความดีใจ
”กริสน์!” พิมมาดาหันมาเห็น
ภัทรดนัยที่ยืนอยู่กับเค้กตะโกนเข้ามา “เฮ้ย...ไอ้พวกเหล่าร้ายออกไปจากร้านคุณพิมเดี๋ยวนี้นะ”
”ว้าว...โบราณดีจัง” เค้กแซว
ทุกคนยืนงงกับไดอะล็อคและท่าทางที่ดูลิเกของภัทรดนัย
”เอ้า ยืนงงกันอยู่ได้” แพรวพิลาศบอก
กลุ่มชายทั้งห้าได้สติรีบพุ่งเข้าไปหากริสน์และภัทรดนัยทันที

ชายร่างใหญ่คนหนึ่งลอยทะลุกระจกร้านออกมาแล้วสลบเหมือดไป กระจกแตกกระจายเต็มหน้าร้าน แพรวพิลาศวิ่งหนีออกมา เหล่าชายฉกรรจ์ที่เหลือกระโดดโหยงเหยงออกมาจากร้าน โดยมีเก้าอี้ลอยตามออกมา
กริสน์กับภัทรดนัยเดินมาหยุดหน้าประตูร้าน กลุ่มพิมมาดายืนอยู่ด้านหลัง กริสน์กับภทัรดนัยกระโจนตามออกมาอัดกลุ่มชายฉกรรจ์จนลงไปกองอีก 2 คน
“คุณหนูไฮโซครับ คุณไม่มีสิทธิ์มาระรานคนอื่นแบบนี้นะ” กริสน์บอก
“ชั้นจะระราน..แกจะทำไม” แพรวพิลาศตอกกลับ
“คุณร้ายแบบนี้ไง คุณสุขสันต์ถึงเลือกคุณพิม”
“ถึงชั้นจะร้าย แต่ชั้นก็ไม่เคยแย่งสามีใคร ชั้นยังมียางอาย..แล้วชั้นก็ไม่เคยแอ๊บ ทำเป็นไร้เดียงสาหลอกผู้ชายเหมือนนังนี่”
“งั้นหล่อนใช้วิธีอะไรล่อให้ผู้ชายมาติดกับล่ะ อ๋อ รู้แล้ว ใช้เงิน กับอำนาจใช่ไหม” เค้กแขวะ
“อยู่แล้ว..เพราะลำพังแค่รูปร่างหน้าตา ก็ไม่ได้แจ่มไปกว่าน้องๆเชียร์เบียร์ที่ผับปากซอยนี่เล้ย จะว่าไปสาวเซเว่นแถวบ้านผมยังน่าสนใจกว่าคุณเยอะ” ภัทรดนัยเสริม
“อ๊าย..นี่พวกแกจะรุมชั้นเหรอ ไอ้พวกไก่กาเศษสวะ” แพรวพิลาศกรี๊ด
“ใช่..ถ้ารักตัว กลัวตาย ก็ไปกันได้แล้ว คุณพิม..โอเคนะครับ” กริสน์หันไปถามพิมมาดา
“อื้อ” พิมมาดาตอบสั้นๆ
แพรวพิลาศหันไปสั่งชายเหล่านั้น “อาวุธ”
กลุ่มลูกน้องที่เหลือ ชักไม้เบสบอลออกมา

ทันใดนั้นเองสุขสันต์ ฉัตรชัย และฮิมก็เข้ามา สุขสันต์แปลกใจที่เจอแพรวพิลาศ “แพรว..คุณพิม!”
ฉัตรชัยเข้าไปล็อคตัวชายคนหนึ่งแล้วทุ่มลงไปกองกับพื้น ก่อนจะกระชากขึ้นมาให้สุขสันต์ชกหนึ่งทีด้วยท่าทางเท่ๆ
สุขสันต์รีบเข้าไปดูพิมมาดาจนกริสน์ต้องผละออก “คุณพิม คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
ฉัตรชัยหยิบปืนออกมาขู่ ทุกคนผงะ “ให้ผมโทรตามรถพยาบาล”
ฮิมเอานิ้วจิ้มผู้ชายที่เหลืออีกคน “หรือให้ตามตำรวจดีฮะ”
“นี่คุณกล้าทำคนของแพรวเหรอ พวกแกด้วย ไอ้ฉัตรชัย ไอ้ฮิม” แพรวพิลาศโวย
สุขสันต์พูดต่อแบบไม่สนใจ “คุณพิม.. ผมขอโทษนะครับที่ปล่อยให้เกิดเหตุอย่างนี้..ผมผิดเอง” สุขสันต์หันมาหาแพรวพิลาศ “แพรว คุณทำแบบนี้ได้ยังไง คุณแค้นผม ก็มาลงที่ผมสิ คุณพิมไม่เกี่ยวอะไรด้วย ฟังนะ.. ถ้าคุณยังไม่เลิกยุ่งกับเราอีก ผมจะไม่เกรงใจคุณ..และพ่อของคุณอีกแล้ว” สุขสันต์ประคองพิมมาดาออกไป
“ไปเถอะครับคุณพิม”
“คุณสุขสันต์!” แพรวพิลาศกรี๊ด
ชายลูกสมุนแพรวพิลาศขยับจะตาม ฉัตรชัยยกปืนขู่
”ถ้าคุณแพรวยังไม่รีบไป เดี๋ยวอยู่รอเจอนักข่าวก่อนก็ได้นะครับ” ฉัตรชัยบอก
”ทุกช่องและทุกฉบับเลย ผมโทรเรียกมาแล้ว” ฮิมเสริม
“กรี๊ดๆๆ ไอ้บ้า ชั้นไม่ยอมแพ้คุณหรอก คุณสุขสันต์!! ทุกคนจำเอาไว้เลย! คนอย่างชั้น ฆ่าได้ หยามไม่ได้ จำไว้!!พวกเรา กลับ..!”
แพรวพิลาศเดินออกไปด้วยความแค้น กลุ่มชายทั้งห้าประคองกันออกไป กริสน์ เต๋า เต้ย เค้กและภัทรดนัยยืนอึ้ง
“ขโมยซีนสุดๆ” ภัทรดนัยกัด
“ชุบมือเปิป” เค้กเสริม
สุขสันต์กำลังนั่งปลอบพิมมาดาอยู่ภายในบ้าน
“ผมรับปากว่าจะไปเคลียร์กับแพรวให้จบ..จะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้กับคุณพิมอีก..เรื่องร้านคุณพิม..ผม
ขอเวลาสองวัน จะให้คนมาเนรมิตให้มันกลับมาสวยและดียิ่งกว่าเดิมแน่นอนครับ”
กริสน์เข้ามายืนมอง
“กริสน์” พิมมาดาหันมาเห็นกริสน์ยืนอยู่
กริสน์ยิ้มรับแล้วรีบพูดขึ้นเพราะคิดว่าพิมมาดาจะขอบคุณ
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ เรื่องที่ผมจัดการกับไอ้พวกอันธพาล..มันคือหน้าที่” ”ทำไมยังไม่ไปรับเด็กๆ อีกล่ะ..โรงเรียนจะเลิกแล้ว” พิมมาดาไม่ขอบคุณ แต่ถามขึ้น กริสน์ทำหน้าเซ็งๆ “ครับผม.. จะไปเดี๋ยวนี้ครับ” กริสน์ก้มหน้าอย่างจ๋อยๆ แล้วเดินไป สุขสันต์มองตามแล้วขำๆ

บริเวณหน้าโรงเรียน กริสน์รีบโกยเด็กๆ ขึ้นรถเหมือนจับปูใส่กระด้ง กริสท์ทำหน้าถมึงทึงแล้วออกคำสั่ง อย่างอารมณ์เสีย เขาพยายามจับเด็กๆ ยัดใส่รถ ปิดประตูปัง แล้วออกรถทันที จนเด็กๆ หน้าหงาย
แถมในขณะขับรถมาตามถนน กริสน์ก็ขับรถอย่างรวดเร็ว ปาดซ้าย แซงขวา เด็กๆ ตาค้างแล้วพยายามยึดเบาะตัวเกร็ง
กริสน์ซึ่งขับรถมาอย่างเร็วก็เบรกเอี๊ยดจนเด็กๆ หัวทิ่มเมื่อมาถึงหน้าบ้านพิมมาดา เด็กๆ ที่อยู่ในรถล้มคว่ำแอ้งแม้ง จีจ้านอนขาชี้ฟ้า เด็กทุกคนอยู่ในสภาพหัวตั้ง ตาเหลือก
“เอ้า ถึงแล้ว!” กริสน์หันมาบอกเด็กๆ อย่างไม่แยแสหรือใส่ใจ ”ไปโกรธใครที่ไหนมา ขับรถยังกะสิบล้อตีนผี” โจ๊กดูอาการออกรีบถาม
“เหมือนแท็กซี่ที่ซื้อใบขับขี่มามากกว่า” แจ๊สว่า
กริสน์มองออกไปหน้าบ้าน เห็นพิมมาดากับสุขสันต์เดินออกมาด้วยกัน กริสน์นึกบางอย่างได้ จึงแอบยุเด็กๆ
“อุ๊ย เด็กๆ นั่น..น้าพิมกับ..สส.คนนั้นนี่..เอ๊ เค้ามาทำอะไรกันน้า” ”นายคนนั้นมาอีกทำไม” โจ๊กไม่พอใจ
เด็กๆ หันมามองกันตาเขม็ง ”ก็น่านนะสิ มาทำไม” กริสน์แอบสะใจ

สุขสันต์ร่ำลาพิมมาดาอยู่ที่หน้าบ้าน
“ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ ผมมีประชุม เลี่ยงไม่ได้จริงๆ”
“ดีแล้วค่ะ พิมไม่อยากทำให้คุณเสียงาน เอาเป็นว่าคุณแฮปปี้ประชุมเสร็จ โทรมาหาหน่อยก็ดีนะคะ”
“ครับผม”
สุขสันต์หันมาเห็นว่าพวกเด็กๆ มายืนเรียงหน้ากันอยู่
“เย้ย..ทำไมมาถึงเร็วจังวะ?” สุขสันต์บ่นกับตัวเอง
พิมมาดามองตาปริบๆ “นี่..นี่นายกริสน์เค้าไปรับหลานๆมาได้ไง ภายในครึ่งชั่วโมง”
สุขสันต์รีบเปลี่ยนสีหน้าแล้วโอบบ่าพิมทันที “รวดเร็วดีจริง..รถคงไม่ติดมังครับ..โรงเรียนเพิ่งเลิก..ไงครับ เด็กๆ.. วันนี้เรียนหนังสือสนุกมั้ย เป็นเด็กดีกันทุกคนแล้วใช่มั้ย”
“แล้วคุณล่ะ เป็นผู้ใหญ่ที่ดีหรือเปล่า” แจ๊สสวนกลับ
”คุณรู้ไหม ว่าผู้ชายกับผู้หญิงที่ดี ไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวกันมากเกินไป คนไทยเค้าถือ!” จีจ้ารีบเสริม
พิมมาดาสะดุ้งแล้วรีบปลดมือสุขสันต์ออก “เด็กๆ..เสียมารยาทอีกแล้วนะ ไป..เข้าไปกินอาหารว่าง”
กริสน์ลงมายืนข้างๆ รถ มองไปเห็นพวกเด็กยืนนิ่งแบบไม่เชื่อฟังคำสั่ง
“ป่วนให้สุดๆไปเลย สมน้ำหน้า” กริสน์สะใจ
สุขสันต์ลงนั่งคุกเข่าแล้วโอบพวกเด็กๆ มารวมกัน พิมมาดามองด้านหลังของสุขสันต์ เธอรู้สึกว่าสุขสันต์รักเด็กๆ มาก
“แจ๊ส โจ๊ก จีจ้า..ถ้าพวกเธอรักน้าพิม พวกเธอก็ต้องดีกับน้านะ..เพราะ ตอนนี้..น้ากับน้าพิม..ตกลงเป็นแฟนกันแล้ว..เข้าใจมั้ย” ที่แท้สุขสันต์ขู่หน้าโหดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นใบหน้ายิ้มหยัน
“หา” พวกเด็กๆ ตกใจ
สุขสันต์กระซิบ “ถ้าใครแข็งข้อ..ก็แปลว่า..ต้องไปเข้าโรงเรียนดัดสันดานที่อินเดียจริงๆ แล้วคราวนี้ ไม่งั้น..ก็ต้องไปอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า”
สุขสันต์แอบยักคิ้วเย้ยพวกเด็กๆ โดยไม่ให้พิมมาดาเห็น กริสน์ที่ทำเป็นดูแลรถแอบมองพฤติกรรมสุขสันต์
“ไม่มีทาง น้าพิมไม่มีวันเห็นคุณดีกว่าพวกเรา!” โจ๊กไม่เชื่อ ผลักสุขสันต์จนหงายหลัง
“โจ๊ก!! มันจะมากไปแล้วนะ” พิมมาดาฉุนรีบเข้าไปดันโจ๊กออกแล้วประคองสุขสันต์ขึ้นมา “ขอโทษนะคะคุณแฮปปี้”
“น้าพิม น้าพิมโดนหลอกแล้วล่ะ คนนี้เค้าจะมาทำลายครอบครัวของเรา” โจ๊กเสียงดัง
”คนนี้เค้าเกลียดเด็ก” แจ๊สเสริม
”ที่นี่ไม่ต้อนรับผู้ใหญ่เกลียดเด็ก ออกไป!” จีจ้าไล่
”ออกไปๆๆๆ” พวกเด็กๆ ช่วยกันไล่
“น้าพิมต้องเลิกกับเค้า ต้องเลิกๆ” โจ๊กบอก
”ต้องเลิกๆๆ” เด็กๆ ประสานเสียง
กริสน์แอบฟังอยู่ได้ยินแบบนั้นก็เคลิ้มไปด้วย
“ต้องเลิกๆๆ” กริสน์นึกขึ้นได้ก็ชะงัก “เอ๊ย แต่ถ้าเค้าเลิกกัน เราจะเข้าถึงเบื้องลึกของนายสุขสันต์ได้ไงล่ะเฟ้ย..โอ๊ย เครียด..ไอ้กริสน์” กริสน์กำมือแน่น “หน้าที่ต้องมาก่อนอะไรทั้งสิ้น”

กริสน์รีบวิ่งพรวดเข้าไปพร้อมกับเป่านกหวีดลั่น
“เด็กๆ หยุดๆๆ พฤติกรรมไม่เหมาะสม มานี่” กริสน์หันไปพูดกับพิมมาดา “คุณพิม เดี๋ยวผมจัดการพวกตัวแสบทั้งหลายนี่ให้คุณเอง..ให้คุณด้วยนะครับ..คุณสุภาพบุรุษ” กริสน์ยิ้ม แล้วก้มหัวให้สุขสันต์ แล้วเขาก็ลากเด็กๆ ออกไป

กริสน์ลากเด็กๆ มาที่สวนหลังบ้าน
”มานี่ๆๆ”
เด็กๆ โวยวาย
”น้ากริสน์เข้าข้างมิสเตอร์สุขสันต์เหรอ” แจ๊สถาม
“น้ากริสน์ยอมให้เค้าซื้อตัวไปแล้วใช่ไหม น้ากริสน์ขายเสียงให้กับไอ้คนจอมปลอม” โจ๊กไม่พอใจ
“นายแฮปปี้จ่ายให้น้ากริสน์เท่าไหร่ บอกมา เราจะจ่ายให้สองเท่า” จีจ้าถาม
”เฮ้ย...ไม่ได้จีจ้า เราไม่ติดสินบนใคร” โจ๊กรีบบอก
”ได้!! บอกมาก็ได้ว่าเท่าไหร่ เราอยากรู้เฉยๆ” จีจ้ารอคำตอบ
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ” กริสน์ชี้แจง “น้าพยายามขัดขวางแล้ว แต่ความรักมันบังคับไม่ได้..น้าเองก็เสียใจ เสียใจมาก ที่ทำให้พวกเธอผิดหวัง..แต่..พวกเธอดูน้าพิมสิ เค้ามีความสุข พวกเธอจะยอมอดทนนิดหน่อย เพื่อความสุขของน้าตัวเอง ไม่ได้เลยเหรอ”
“ไม่ได้” เด็กๆ ประสานเสียง
“บางทีคุณสุขสันต์อาจไม่ได้เลวร้ายนัก ถ้าพวกเธอได้รู้จักเค้าจริงๆ..เอางี้ พวกเรามาลองให้โอกาสคุณสุขสันต์สัก..สองอาทิตย์ ได้มั้ย” กริสน์บอก เด็กๆ เงียบ “สองอาทิตย์” กริสน์ย้ำ ทั้งสามยังคงเงียบอีก “อาทิตย์เดียวก็ยังดี”
โจ๊กส่ายหัวอย่างระอา “ผมอนาถใจตัวน้ากริสน์จริงๆ”
“คนอะไร เปลี่ยนสีได้เหมือนจิ้งจก” แจ๊สเสริม
โจ๊กกับแจ๊สกระทืบเท้ากริสน์อย่างแรง
“นี่แน่ะๆ”
“โอ๊ยๆ” กริสน์ร้อง
โจ๊กกับแจ๊สจะเดินไป แต่จีจ้ายังลังเล
“จีจ้า จะอยู่ข้างใคร” แจ๊สหันมาถามเสียงขุ่น
”เอ่อ คือ” จีจ้าลังเลแต่แล้วก็หันไปค้อนกริสน์ ก่อนจะเดินตามแจ๊สกับโจ๊กไป

ในขณะที่แจ๊ส โจ๊กและจีจ้ากำลังนั่งคุยกันอยู่บนเตียงภายในห้องนอน แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อพบว่าพิมมาดาเปิดประตูเข้ามาในห้องด้วยหน้าตาเคร่งเครียด
แจ๊สกับโจ๊กอึกอักแล้วคิดหาทางเลี่ยงการเผชิญหน้า ทั้งสองแกล้งหาวพร้อมกัน “ฮ้าว...”
”หือ หา” จีจ้างงสักพักแล้วก็เก็ต “อ๋อ ฮ้าว...”
พวกเด็กๆทำเป็นง่วงเพราะจะชิ่งไปนอน
”พรุ่งนี้น้าจะพาทุกคนไปขอโทษคุณสุขสันต์” พิมมาดาบอก เด็กๆชะงัก
”ไม่..เราไม่ไป!” โจ๊กเสียงแข็ง
แต่พิมมาดาพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “พวกเธอต้องไป!”
”พวกเราจะไม่ขอโทษคนไม่ดีเด็ดขาด” แจ๊สยืนยัน
“คุณสุขสันต์เค้าไม่ดียังไง..ทำไมพวกเธอถึงไม่เคยเคารพ ไม่เคยให้เกียรติเค้าเลย..พวกเราไม่สงสารน้าบ้างเหรอ คนที่น้ารักแล้วก็รักน้าด้วยมันไม่ได้หาง่ายๆ นะ แล้วเค้าก็มีฐานะดี มีความมั่นคง เป็นคนที่ผู้คนในสังคมให้ความนับหน้าถือตา เป็นที่พึ่งของน้ากับหลานๆ ได้ พวกเราไม่ต้องรักเค้ามากมายหรอก แค่ดีกับเค้าบ้าง..สักนิด..ได้มั้ย น้าขอร้องล่ะ”
“น้าพิมรักคุณสุขสันต์..มากกว่า..พวกเราใช่มั้ยคะ” จีจ้าถามพาซื่อ
“จีจ้า” พิมมาดาอึ้ง
“หรือจริงๆ แล้วน้าพิมไม่เคยรักพวกเราเลย” สีหน้าของโจ๊กดูผิดหวัง
“น้าพิมไม่ได้อยากดูแลพวกเรา..น้าพิมแค่กลัวจะถูกชาวบ้านมาชี้หน้าว่าเลว ถ้าทอดทิ้งหลานๆ ไปอยู่บ้านเด็กกำพร้า” แจ๊สสรุป
”น้าพิมใจร้าย..จีจ้าจะสวดมนต์ฟ้องคุณแม่ ให้แม่ไปตีน้าพิมในฝัน”
จากนั้นโจ๊กกับจีจ้าคลุมโปงทันทีส่วนแจ็สรีบวิ่งออกไปจากห้อง
พิมมาดาเศร้าและลำบากใจ เธออึดอัดที่จัดการอะไรไม่ได้สักอย่าง
พิมมาดาเปิดประตูห้องนอนโจ๊กกับจีจ้าออกมาแล้วทรุดลงนั่งน้ำตาซึม พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่ากริสน์กำลังยืนอยู่ต่อหน้าเธอ
“มองอะไร” พิมมาดารีบเชิดหน้าและปาดน้ำตา
กริสน์ยังคงมองนิ่งๆ อย่างชั่งใจว่าควรถามหรือไม่
“มองอะไร๊!” พิมมาดาถามย้ำ
”คุณรักคุณสุขสันต์มากกว่าเด็กๆ จริงๆ เหรอ”
พิมมาดาอึ้ง “ถามทำไม”
“ผมอยากรู้..ว่าคุณรักคุณสุขสันต์จริงๆ หรือเหตุเกิดเพราะความเหงา.. คุณเหงา..คุณก็เลยหลงคิดไปเอง..ว่าคุณรักเค้า..แต่ความจริง..เปล่า”
“มันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของนาย!! ไม่ต้องมายุ่ง!”
พิมมาดาลุกขึ้นมาผลักกริสน์แล้วเดินไป

”เฮ้อ” กริสน์ได้แต่มองตามไปด้วยแววตาเศร้าสร้อย


เช้าวันต่อมาที่ร้านขนมหน้าโรงเรียน เด็กๆ มาต่อคิวซื้อขนมสวีทโอปอล์ล์กันจนแน่นขนัด จตุพลเดินตรวจตรา พร้อมคอยต้อนรับลูกค้าอยู่ในร้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม โดยมีน้อมพงษ์เดินตามและคอยรายงานผลสำรวจให้ฟัง

“ผลตอบรับขนมสวีทโอปอล์ในช่วงแรก..ดีมาก..เกินกว่าเป้าที่วางไว้อีกครับ..สินค้าตัวอย่างที่แจกหน้าโรงเรียนประถมและมัธยม มีเท่าไหร่ก็เกลี้ยง”
พริตตี้ยืนแจกขนมตัวอย่างที่หน้าโรงเรียนต่างๆ เด็กๆ ต่อคิวยาวเหยียดเพื่อรับขนมที่แจก คนที่ได้รับแจกเอาขนมมาโบกเย้ยเพื่อนที่ไม่ได้ บางคนกระชากขนมไปจากมือเพื่อนแล้ววิ่งหนีไป บางคนที่ไม่ได้ขนมถึงกับร้องไห้
“เด็กที่ได้รับแจกสินค้าตัวอย่าง..มากกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็น..กลับมาซื้อกินอีกทันทีหลังเลิกเรียน และแน่นอนว่าเด็กพวกนี้ ติดหนึบ เป็นขาประจำ ถอนตัวไม่ขึ้นแน่นอน” น้อมพงษ์รายงานต่อ
โรงเรียนเลิก เด็กๆ รีบแย่งกันออกมาจากโรงเรียนแล้วไปยืนต่อแถวที่ร้านสวีทโอปอล์ เด็กๆ กินขนมสวีทโอปอล์อย่างตะกละตะกราม
“ดี..ดีมาก..แล้วทีมโร้ดโชว์ล่ะ” จตุพลถาม
“ทีมโร้ดโชว์ที่ส่งออกไปสร้างกระแสตามแหล่งช้อปปิ้งของวัยรุ่น..สร้างความฮือฮามาก..ทุกวันนี้ใครๆก็ต้องพูดถึง”
ขบวนโร้ดโชว์อยู่ในย่านวัยรุ่น ตัวมาสคอตกำลังยืนแจกใบปลิว เสียงจากเครื่องเสียงปลุกเร้าความสนใจ พริตตี้ชวนเล่นเกมส์มากมาย เช่น ปริศนาอักษรไขว้
“ใครที่ยังไม่เคยกินสวีทโอปอล์จะถูกหาว่าเชย เอ้าท์ ตกยุค ส่วนใครที่เคยกินแล้ว ก็ถือว่าเจ๋ง คูลล์ สุดยอด เด็กที่มีขนมโอปอล์จะเป็นจุดสนใจของกลุ่มเพื่อน”
น้อมพงษ์รายงานต่อ “ในอินเตอร์เนท มีแฟนคลับคลั่งถึงกับสร้างเฟซบุ๊ค We love sweet OPAL ให้คนมา look like love..ทวีตเตอร์ของเรา ก็มีคนฟอลโล่ว์เป็นแสนแล้ว”
เฟซบุ๊คมีแฟนเพจ We love sweet OPAL
ทวีตเตอร์มีทวิตเตอร์ของ Sweet OPAL Fan
เด็กๆ นั่งเล่นไอโฟน บีบี ไอแพด แกแล็คซี่แทบทุกคนเข้าFB หรือ ทวีตเตอร์ของสวีทโอปอล์ทั้งสิ้น
“นี่แค่เฉพาะในกรุงเทพเท่านั้น..ห้างใหญ่นะครับ..ยังไม่นับรวมอนาคตที่เรากำลังจะขายเฟรนไชส์สวีทโอปอล์”
ร้านสวีทโอปอล์เคลื่อนที่ขายเฟรนไชส์วางเรียงรายอยู่ทั่วไป โดยมีทีมงานของร้านขนมกำลังตรวจตราคุณภาพ
“ร้านเฟรนไชส์ของเรา..พร้อมแล้ว..พอถึงสัปดาห์หน้า รับรองว่าร้านสวีทโอปอล์ต้องมีทุกหัวมุมเมือง ไม่น้อยหน้าเซเว่นแน่นอน”
“เรากำลังจะกลายเป็นศาสดาของเด็กๆทั่วประเทศแล้ว ฮ่าๆ” จตุพลพูด
จตุพลพูดจบก็หันมาหาน้อมพงษ์ แล้วระเบิดเสียงหัวเราะใส่กันอย่างมีความสุข

ประตูลิฟต์ภายในออฟฟิศของสุขสันต์เปิดออก สุขสันต์ ฉัตรชัยและฮิมเดินออกมา
“เอ่อ คุณสุขสันต์ครับ” ฮิมพูด “ท่านอู่ทรัพย์ เลขาธิการพรรคไทยอิ่มเอมเปรมทั้งชาติ เชิญคุณสุขสันต์ไปรับประทานดินเน่อร์คืนนี้นะครับ”
”อ้าว งั้นนายโทร.กลับไปหาท่านทุติยะ หัวหน้าพรรคไทยประดิษฐ์ชาติใหม่ให้ยั่งยืนด้วย ว่าท่านสุขสันต์จะไปพบท่านทุติยะดึกๆ..ซักเที่ยงคืน..จะได้ไหม คืนนี้เหมือนกัน”
พอสุขสันต์พูดจบประโยค ทุกคนก็หยุดกึกเพราะเห็นแพรวพิลาศยืนอยู่ที่โต๊ะทำงานเลขาหน้าห้องสุขสันต์ เลขาทำท่าเหนื่อยใจเพราะไม่รู้จะทำอย่างไร
“พวกแกไปเลิกนัดพวกนั้นให้หมด” แพรวพิลาศสั่ง

ภายในห้องทำงานของสุขสันต์ แพรวพิลาศโวยวายสุขสันต์
“พรรคบ้าๆบอๆ คุณจะไปอยู่ให้เสียเกรดทำไมคะ สุขสันต์ ..แพรวให้คุณพ่อใส่ชื่อคุณเข้าไปในรายชื่อผู้สมัครของพรรคใหม่แล้ว และคุณพ่อรับปากจะผลักดันคุณให้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีให้ได้”
“อืม เหรอ แล้วไง” สุขสันต์ตอบเรียบๆ
“ระหว่างผู้หญิงที่หนุนหลังให้คุณไปสู่จุดสูงสุดได้ กับผู้หญิงธรรมดาๆกระจอกๆ คนมีวิสัยทัศน์อย่างคุณ คงรู้ว่าจะเลือกอะไร”
“ผมเลือก..คนที่ทำให้ผมแฮปปี้.. และตอนนี้ มันไม่ใช่คุณ”
“อะไรนะ ไอ้ชั่ว!” แพรวพิลาศนึกขึ้นได้ รีบเปลี่ยนท่าที “เอ๊ย..ทำไมล่ะคะ ที่รัก แพรวผิดไปแล้ว และสำนึกแล้ว ให้อภัยไม่ได้เหรอคะ”
“แต่ผมตัดสินใจคบกับพิมมาดาแล้ว”
“ไอ้ๆๆ..” แพรวพิลาศชี้หน้าจะด่า แต่แล้วก็หดมือกลับ “อืม..เอ้อ” แพรวพิลาศพยายามควบคุมตัวเอง
“แล้วไงคะ..ทำยังกับว่าคุณไม่เคยคบใครเพื่อสนุกๆ..แพรวรู้จักคุณดี แล้วแพรวก็ไม่ถือสาเรื่องพวกนี้ด้วย..ขอแค่คุณยืนยันว่าแพรวคือตัวจริง คนอื่นแค่ของเล่นเท่านั้น..ผู้หญิงใจกว้างอย่างแพรว หายากนะคะ”
สุขสันต์ได้ฟังก็ยิ้มออกมาอย่างสมใจ
”ว่าไงคะ” แพรวพิลาศถามย้ำแล้วเข้าไปอ้อนคลอเคลียสุขสันต์ ทั้งคู่เคลิ้มไปด้วยกัน แต่แล้วก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงกระแอมบอกทั้งคู่กลายๆ ว่ายังมีคนอื่นอยู่ด้วยว๊อย
“อะแฮ่มๆ..ขอโทษครับ” ฉัตรชัยพูดขึ้น
”เชิญตามสบาย ไม่ต้องเกรงใจพวกผมครับ” ฮิมบอก
“จะไปไหนก็ไปเลย พวกแกน่ะ” แพรวพิลาศไล่
ฉัตรชัยกับฮิมยิ้มทะเล้นแล้วเดินออกไป

โอปอล์กลับมาจากโรงเรียนก็รีบวิ่งเข้ามาในบ้านเพื่อจะเข้าไปหาอธิป แต่พอมาถึงหน้าห้องก็ถูกน้อมพงษ์กันตัวเอาไว้
”จับโอปอล์ทำไม..ปล่อย..โอปอล์จะหาป๊า”
“ยังเข้าไปตอนนี้ไม่ได้ครับ..คุณจตุพลกำลังให้หมอตรวจเสี่ยอธิปอยู่..คุณหนูไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดให้เรียบร้อย แล้วค่อยมาหาป๊านะครับ” น้อมพงษ์บอก
“เสี่ยเป็นอะไร ทำไมต้องให้หมอมาตรวจ..ก่อนผมออกไปรับหนูโอปอล์ เสี่ยยังดีๆอยู่เลย” เดชถาม
“เสี่ยอาจจะไปทำอะไรผิดท่าผิดทาง หรือไม่ก็ผิดที่..เลยเจ็บกะทันหันก็ได้..แกก็รู้ว่าเสี่ยแกชอบซ่าส์อยู่แล้ว” น้อมพงษ์
ทันใดนั้นเอง ทั้งหมดก็ได้ยินเสียงอธิปร้องลั่นดังมาจากด้านใน
”ป๊า!! ป๊าเป็นอะไร ใครทำอะไรป๊า” โอปอล์ตกใจ
”หมออาจจะฉีดยาให้เสี่ยมั้ง..ไม่มีอะไรต้องตกใจ..แค่นี้ไม่ตายหรอก” น้อมพงษ์รีบบอก
“พวกคุณทำอะไรเสี่ย”
เดชพยามยามจะเข้าไปในห้อง น้อมพงษ์ผลักอกเดชจนกระเด็น เสียงอธิปเงียบไป
”เงียบแล้ว..เห็นมั้ย..บอกแล้วว่าไม่มีอะไรๆ” น้อมพงษ์รีบบอก
จตุพลกับหมอเปิดประตูออกมา
”ป๊า!” โอปอล์รีบพุ่งเข้าไปในห้อง เดชรีบตามไปทันที ทั้งสองพบอธิปกำลังนอนหลับอยู่บนที่นอน ในสภาพใบหน้าอมยิ้มแก้มตุ่ยเหมือนมีความสุข
”ป๊า” โอปอล์เรียก
“เสี่ยครับ” เดชเรียกอีกคน
“จุ๊ๆๆ อากู๋เพิ่งจะดื่มยาบำรุง แล้วก็เคลิ้มหลับไป ดูสิ ท่าทางจะฝันหวานอยู่” จตุพลรีบบอก
“ป๊าเป็นอะไร ทำไมต้องพาหมอมารักษา” โอปอล์ถาม
“หมอมาตรวจอาการทั่วไป แล้วก็ให้ยาบำรุงกับวิตามินเพิ่มนิดหน่อย..เสี่ยจะได้แข็งแรงไวๆ เท่านั้นเอง..เอ่อ ขอตัวก่อนนะครับ” หมออธิบายแล้วรีบไป
“แล้วเมื่อกี้ ทำไมเสี่ยร้อง..ร้องเหมือนเจ็บมากๆ..พวกคุณทำอะไร” เดชถาม
“เอ้า จะมาดูแลเสี่ยอธิปไม่ใช่เหรอ เข้าไปสิๆๆ” น้อมพงษ์ตัดบท
“เชิญครับหมอ ผมไปส่ง” จตุพลเดินนำหมอออกไป เดชมองตามอย่างไม่ไว้ใจ น้อมพงษ์เดินตามไปด้วย
“คุณอย่าเรียกผมว่าหมอเลย..ผมก็แค่พนักงานในโรงงานขนม” คนเป็นหมอหันมาบอก
“หุบปาก ชั้นบอกแล้วไงว่าห้ามพูด” น้อมพงษ์ตบหัวหมอ “เดี๋ยวไม่ให้เงินเลย”
น้อมพงษ์ยื่นซองให้ “แล้วอย่าหลุดไปบอกใครล่ะ ไปๆๆ” น้อมพงษ์ไล่แล้วหันมาถามจตุพล “คิดอะไรอยู่ครับคุณจตุพล”
“หึๆๆ อากู๋ถูกฉีดยาบำรุงเข้าเส้นไปขนาดนี้.. ชั้นก็กำลังคิดว่า พออากู๋ตื่นขึ้นมาแล้วจะมีอาการยังไง..หึๆ ดูสิ ว่าจะยังมีแรงลุกมาเพ่นพ่านสืบเรื่องอะไรของเราอีกมั้ย ฮ่าๆ”
จตุพลกับน้อมพงษ์หัวเราะอย่างสะใจ

เช้าวันต่อมากริสน์ขับรถมาส่งพวกเด็กๆ ที่หน้าโรงเรียน พอรถจอดสนิท พวกเด็กๆก็เปิดประตูเดินลงมาทันที ทั้งสามไม่ยอมคุย ไม่ยอมมองหน้ากริสน์เลย กริสน์หันไปพูดด้วย
“นี่ เดี๋ยวก่อนสิ..เด็กๆ..จะไม่คุยกันแล้วจริงๆเหรอ ฮัลโหลๆๆ”
เด็กๆ ยังคงไม่คุยด้วย กริสน์ทำท่าเซ็งแล้วเดินตามไป อยู่ๆ โจ๊กก็ชะงักเพราะเห็นโอปอล์นั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ที่มุมหนึ่ง
”โอปอล์” โจ๊กรีบเข้าไปหา “โอปอล์ เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม”
”ถูกพวกนายปาล์มแกล้งมาอีกแล้วสิ” แจ๊สถาม
”ไม่ใช่ ป๊าโอปอล์..เป็นบ้าไปแล้ว ฮือๆๆ” โอปอล์ร้องไห้โฮ
“ห๊า เสี่ยอธิปเป็นอะไร..ใครทำอะไรเสี่ย” กริสน์ที่ตามเข้ามาด้วยตกใจจนเด็กๆ หันมามอง “เอ่อ ..น้าหมายถึง พ่อหนูโอปอล์ป่วยหนักกว่าเดิมอีกเหรอ..ตั้งแต่วันที่เปิดร้านขนม ยังไม่ดีขึ้นเลยเหรอ”
“พวกนั้นเอาหมอมารักษา เอายามาให้กินแล้ว แต่ป๊าแปลกไปมาก แปลกอย่างบอกไม่ถูก เหมือนป๊ากลายเป็นคนติงต๊องไปแล้ว..โอปอล์ก็อธิบายไม่ถูกหรอกค่ะ” โอปอล์เล่า
“เสี่ยอธิปเป็นอะไรกันแน่เนี่ย” กริสน์สงสัยครามครัน
“นี่ๆ วันนี้เลิกเรียนแล้ว เราไปเยี่ยมคุณพ่อพี่โอปอล์กันดีมั้ยคะ” จีจ้าเสนอ
”ดี!” เด็กๆ ทั้งสามประสานเสียง กริสน์ประสานเสียงกับเขาด้วย
แจ๊สกับโจ๊กหันมามองกริสน์ “เกี่ยวอะไรด้วยไม่ทราบ”
“เราจะไปเฉพาะพวกเราสามคนแค่นั้น” แจ๊สบอก
”ไม่ได้ๆๆ ต้องให้ชั้นไปด้วย ถ้าชั้นไม่ได้ไป ชั้นจะรายงานน้าพิม ว่าพวกเธอออกนอกลู่นอกทาง และต้องถูกลงโทษกักบริเวณแน่ๆ.. เพราะฉะนั้น เลิกเรียนวันนี้ชั้นจะมารับ และเราไปพร้อมกัน เข้าใจมั้ย”
”พวกเราเข้าโรงเรียนเถอะ” แจ๊สพูดอย่างไม่สนใจ
เด็กๆ พากันเดินเข้าโรงเรียน จีจ้าจูงมือโอปอล์เดินเข้าไป กริสน์หน้าเฝื่อนแต่ก็ตะโกนไล่หลัง
“ชั้นพูดจริงๆ นะ ถ้าไม่ให้ชั้นไป พวกเธอถูกลงโทษแน่ๆ”

ภัทรดนัยที่ปลอมตัวเป็นคนขายซาลาเปาปักธงอยู่บริเวณหน้าโรงเรียน ได้รู้เรื่องจากกริสน์ก็ตกใจ
“แกจะเข้าไปในบ้านเสี่ยอธิป!!
“ถ้าอยากได้ลูกเสือ ก็ต้องเข้าถ้ำเสือ ถ้าอยากรู้ว่าเสี่ยป่วยเป็นอะไร ก็ต้องไปดูถึงบนเตียง ก้นครัว และ
โถส้วม!”
“ไอ้กริสน์..แกชะล่าใจมากไปแล้ว..เฮียเดชแกไม่ได้เพี้ยนนะเว้ย..ถึงตอนนี้เฮียเดชจะไว้ใจแก ในฐานะไอ้กริสน์ ผู้ปกครองเด็กชายโจ๊ก..แต่อย่าชะล่าใจ..เฮียเดชแค่ยังเชื่อมโยงไม่ได้ ว่านายคือคนๆเดียวกับไอ้กรด สายตำรวจที่แฝงตัวเข้าไปอยู่ในแก็งพวกมันอยู่หลายปี..อีกอย่าง..สมุนทุกคนในบ้านนั้นรู้จักหน้าแกหมด ถ้าพวกมันเจอแก คิดว่าพวกมันจะโผกอดแกด้วยความคิดถึงเหรอไง ไอ้บ้า”
เด็กๆ ที่ต่อแถวรอซื้อซาลาเปาอยู่ทำหน้าตาเซ็งๆ เพราะพ่อค้าไม่ยอมขายสักที
“อาการของเสี่ยอธิป..น่าวิตกขนาดนั้น” กริสน์บอก “ทำไมนายจตุพลหลานมัน แทนที่จะรีบพาไปหาหมอ หรือช่วยสร้างภาพให้ดูดี มันกลับพาไปเปิดร้านขนม ประจานออกทีวี..ให้คนรับรู้มากๆ”
“แกรีบเอาเวลาไปตามไอ้คุณสุขสันต์ มันจะเข้าท่ามากกว่ามั้ย” ภัทรดนัยหันมาเห็นพวกเด็กๆกำลังรุมหยิบและกินซาลาเปาของเขาอยู่ “อ้าว เฮ้ย หยิบกินแล้ว จ่ายเงินด้วยๆ จ่ายยังๆ ไม่จ่ายเอาคืนมา”
“สัญชาตญาณชั้นบอกว่า..ชั้นควรรีบเข้าไปบ้านเสี่ยอธิป แกต้องไปด้วย”
”หา...!” กริสน์หันไปมองเด็กที่หยิบซาลาเปาไป “เฮ้ย...เอาคืนมา! นี่ออกเงินเองนะ รัฐไม่ได้จ่าย”

ช่วงเย็นที่โรงเรียน เดชยืนรออยู่ที่รถ สักพัก โอปอล์ แจ๊ส โจ๊ก และจีจ้าก็เดินออกมาด้วยกัน
“คุณหนูโอปอล์ ทางนี้ครับๆๆ ส่งกระเป๋ามาครับผม” เดชเรียก โอปอล์กับกลุ่มของโจ๊กส่งกระเป๋าให้เดชทั้งหมด ”เอ๊ะ อะไร ยังไง” เดชงง ”วันนี้เพื่อนๆโอปอล์จะแวะไปเยี่ยมป๊าที่บ้านค่ะ” โอปอล์บอก ”อ้อ เหรอครับ จะดีเหรอครับ” เดชงงๆ ”พี่เดช!” โอปอล์เสียงแข็ง ”ดีสิครับ...ฮ่าๆ” เดชตอบเองแล้วทยอยยกกระเป๋าใส่ท้ายรถ
“เราจะไม่รอลูกพี่กริสน์ก่อนเหรอ เดี๋ยวเค้าไปฟ้องน้าพิมจริงๆ พวกเราจะโดนน้าพิมทำโทษนะ” จีจ้า
ถามพี่ๆ
“เราไม่ได้เถลไถลซะหน่อย กลัวอะไร” โจ๊กบอก
ทันใดนั้นเอง เสียงของกริสน์ก็ดังเข้ามา
”นักเรียน รอคุณครูด้วยสิ”
ทุกคนหันไปมองเห็นกริสน์มาในมาดคุณครูแต่งตัวเนี้ยบ ผมเรียบแปล้ สวมแว่นหนา กริสน์ยิ้มแหยๆ
”ครู..ครูอะไร ทำไมแต่งตัวแบบนี้” แจ๊สตกใจ
กริสน์รีบพูดเนียนๆ “อ้าว เด็กหญิงแจ๊ส เป็นครูสอนวัฒนธรรมไทยไม่ให้แต่งตัวแบบนี้ จะให้นุ่งผ้าขาวม้าสอนหรือไง แหะๆ” กริสน์หันไปพูดกับเดช “สวัสดีครับ ผมครูไกรครับ พอดีเพิ่งย้ายมาประจำน่ะรับ แหะๆๆ พอดีท่านผอ.ทราบเรื่องคุณพ่อของหนูโอปอล์ป่วย ท่านเลยมอบหมายให้ผมนำช่อดอกไม้ไปเยี่ยมอาการน่ะครับ แหะๆ”
ภัทรดนัยที่แต่งตัวเป็นคนจากร้านดอกไม้ กำลังถือช่อดอกไม้อยู่ “จะไปได้หรือยังครับ ผมมีงานต้องทำอีก”
กริสน์หันมาบอกทุกคน “เด็กส่งช่อดอกไม้น่ะครับ แหะๆ”
“มั่วแล้ว ครูอะไร..ไปไม่ได้!” โจ๊กเสียงแข็ง
“เงียบเถอะ โจ๊ก โอปอล์ชวนคุณครูมาเองแหละ” โอปอล์แอบหลิ่วตาให้กริสน์ “รีบกลับบ้านกันเถอะค่ะ คุณครูจะไปด้วยกันก็ได้ค่ะ เชิญเลยๆ”
“เดี๋ยวครับ” เดชรีบเข้ามาขวางกริสน์ไว้ “อืม ผมคุ้นๆหน้าคุณครู..ยังไงบอกไม่ถูก..เหมือนเคยเจอกันมาก่อน”
“หน้าผมโหลน่ะครับ มีคนทักผิดประจำ แหะๆ” กริสน์แถ
“ใช่ครับ...เจอเขาครั้งแรกผมยังนึกว่าเป็นเพื่อนผมที่ชัยภูมิเลย” ภัทรดนัยช่วยเสริม
“ไม่ใช่นะ มันคุ้นๆ แบบว่าคุ้นมาก คุ้นสุดๆ” เดชยังสงสัย
“อาเดช” โอปอล์บีบแขนเดชแรงๆ แล้วขยิบตาให้เดช “โอปอล์อยากกลับไปหาป๊าแล้ว”
“ใช่ครับ จะไปได้ยังครับ ผมมีงานต้องทำอีก” ภัทรดนัยเร่ง
“อ้า อ้อ เอ้อ.ครับๆ”
เดชเพิ่งเข้าใจจึงรีบไปเปิดประตูให้ทุกคนเข้าไปในรถแล้วลากคนขับออกมา “ลงมา ชั้นขับเอง คนเยอะ แกนั่งรถเมล์กลับไปแล้วกัน..เชิญครับคุณหนูๆ”
โอปอล์นั่งหน้า กริสน์กับภัทรดนัยนั่งหลังประกบเด็กทั้งสามเอาไว้

รถแล่นมาจอดที่คฤหาสน์ของอธิป เดชเปิดประตูรถลงมาก่อนแล้วอ้อมมาเปิดประตูให้โอปอล์ โจ๊ก แจ๊สและจีจ้าลงตามๆ กันมา
“เชิญครับคุณหนู และเพื่อนๆผู้น่ารัก..กับคุณครู ไกร!! และคนส่งดอกไม้” เดชกล่าว
โอปอล์เดินนำพวกโจ๊กเข้าบ้านไป กริสน์กับภัทรดนัยกำลังจะตามเข้าตามไป แต่เดชมายืนขวางแล้วจ้องหน้า
“ผมเนียนดีแล้ว แต่การใส่แว่น มันซ้ำกับตอนเป็นนักข่าว ระวังพวกมันจะจับได้” เดชพูด
”พวกมันเยอะไหมคุณเดช” กริสน์ถาม
”เต็มไปหมด จตุพลกับน้อมพงษ์ไม่เคยปล่อยพวกเราไว้ตามลำพัง” เดชตอบ
”คุณเดชอย่าทำอะไรให้เป็นพิรุธละกัน” ภัทรดนัยแนะ
”ผมทำได้ทุกอย่าง เพื่อให้เสี่ยปลอดภัย”
ทุกคนมองหน้ากันด้วยสีหน้าจริงจัง

โอปอล์เดินนำทุกคนมาตามทางเดินด้านใน กริสน์กับภัทรดนัยเดินตามมาโดยมีเดชรั้งท้าย คอยระวังความปลอดภัยให้
กริสน์กับภัทรดนัยคอยสอดส่ายมองสำรวจไปรอบๆ ทั้งสองเห็นพวกบอดี้การ์ดที่ยืนรักษาตามจุดต่างๆ ของบ้าน และมีบอดี้การ์ดที่เดินสวนไปมาด้วย ทุกคนล้วนหน้าตาแปลกๆ ซึ่งกริสน์ไม่เคยเห็นมาก่อน แม้แต่แม่บ้านก็กลายเป็นพวกของจตุพลไปแล้ว
”มีอะไรวะครับคุณครู” ภัทรดนัยถาม
”บอดี้การ์ด..พวกนี้มาใหม่หมดเลย ไม่มีคนเก่าของเสี่ยอธิปเลยครับคุณคนส่งดอกไม้” กริสน์ตอบ
”จริงเหรอครับคุณครู”
“นี่ ไอ้จตุพลมันเปลี่ยนผู้คนแวดล้อมเสี่ยยกเซ็ทเลยเหรอเนี่ย” กริสน์แปลกใจ
“ถ้าไอ้กรด..ไม่ใช่ตำรวจ” เดชพูดขึ้น
กริสน์กับภัทรดนัยสะดุ้งพร้อมกัน
“แต่ก่อนผมมีคู่หูคนนึง..ที่ผมคิดว่า..จะเป็นเพื่อนตายกันตลอดไป..มันชื่อไอ้กรด เป็นตำรวจแฝงตัวมาสืบพฤติกรรมเสี่ย..เสียดาย..มันไปซะก่อนที่จะได้รู้..ว่า เสี่ยเลิกกิจการผิดกฎหมายหมดแล้วจริงๆ...เพราะคุณหนูโอปอล์...และเพราะเหตุนี้ คุณจตุพลถึงไม่พอใจ..เฮ้อ คิดแล้วเศร้าจริงๆนะครับ..ถ้าไอ้กรดมันไม่ใช่ตำรวจ..แล้วมันยังอยู่..ผมคงไม่ว้าเหว่เหมือนตอนนี้ เวลานี้ มีแต่ผมคนเดียว ที่เป็นคนเก่าคนแก่ของเสี่ย ไม่เหลือใคร..ที่เราจะไว้ใจได้อีกแล้ว”

ประตูห้องพักของอธิปถูกเปิดออก โอปอล์เดินนำทุกคนเข้ามา อธิปยังนั่งหลับตาอยู่บนรถเข็น
“ชู่ว์..ป๊าหลับอยู่” โอปอล์ส่งสัญาณให้ทุกคนเบาเสียง
ทุกคนค่อยๆ เข้าไปโดยไม่รบกวนอธิปที่หลับอยู่ ทั้งหมดเข้าไปยืนรอบๆ
“ผมว่าคุณหนูอย่าเพิ่งรบกวนตอนนี้เลยครับ ให้ป๊ะป๋าพักผ่อน” เดชบอก
อยู่ๆ อธิปก็จับมือเดช เดชตกใจร้องกรี๊ด
“อ๊าย...โธ่ เสี่ยอ้ะ เดชสาวแตกหมด แกล้งให้อะดรีนาลินสูบฉีดกะทันหันแบบนี้ มีโอกาสหัวใจวายตาได้
ถึง80% เลยนะครับ”
“ป๊าขา เพื่อนๆ โอปอล์มาเยี่ยมป๊าค่ะ” โอปอล์บอก
“สวัสดีครับ/ค่ะ”เด็กๆ สวัสดีอธิป
“พวกลุงๆ ป้าๆ พวกนี้เป็นใคร?..ทำไม..มีแต่คนแก่..เหม็น สกปรก..ชั้นไปสูดอากาศข้างนอกดีกว่า”อธิปพูดแล้วเข็นวีลแชร์แต่ดันเข็นไปชนเข้ากับกำแพง “ประตู..ประตูหายไปไหน..หายไปได้ยังไง ไม่จริง..ใครเอาประตูของชั้นไป!”
“ประตูอยู่ทางนี้ครับเสี่ย” เดชบอก
“แก..แกย้ายประตูของชั้นเหรอ ชั้นจะเตะแก” อธิปเข็นรถเข็นถอยหลัง
ภัทรดนัยหันมาหารือกับกริสน์ “สมองเสี่ยอธิปกลับตาลปัตรหมดเลยว่ะ”
อธิปหันมามองเด็กๆ “เฮ้ย พวกคนแคระมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เข้ามาได้ยังไง..แล้วชั้น มาอยู่ตรงนี้ได้ไง..ใครพามา..อย่าทำอะไรชั้นนะ ชั้นจะหนี” อธิปหันไปเจอโอปอล์ “สโนไวท์..สโนไวท์ช่วยข้าด้วย ข้ากลัวเหลือเกิน”
“ป๊า” โอปอล์ร้องไห้โฮ
“เสี่ยครับ เสี่ย..ตั้งสติหน่อยสิครับ” กริสน์ไปจับรถเข็นให้หยุดแล้วจ้องตาอย่างจริงจังก่อนจะพูดด้วย “แล้วบอกผมมา นี่มันเกิดอะไรขึ้น ใครทำอะไรกับเสี่ย..เสี่ยรู้ใช่มั้ย”
“รู้..รู้..พวกมัน พวกมัน” อธิปพยายามพูด
“มันไหนครับเสี่ย” กริสน์ถามต่อ
จตุพลกับน้อมพงษ์เดินเข้ามาพอดี
“โอปอล์ เข้ามากวนอะไรป๊าอีก หือ..แล้ว ไอ้นั่นใคร แกทำอะไรกับอากู๋” จตุพลถาม
กริสน์ผละออกมา “แหะๆๆ ผมเป็นครูของคุณหนูโอปอล์ครับ เอาดอกไม้จากทางผอ.โรงเรียนมาเยี่ยม”
“คุณครูกับเพื่อนๆมาเยี่ยมอาการป๊าน่ะคะ ไม่ได้มากวน”โอปอล์ช่วยบอก
“ครูเหรอ..” จตุพลจ้องหน้ากริสน์อย่างพิจารณา
ภัทรดนัยช่วยดึงความสนใจของจตุพล “เอ้าๆๆ ทุกคน ร้องเพลงให้กับผู้ป่วย..ที่เป็นเพลงสำหรับปลอบขวัญและให้กำลังใจที่ชาวโรงเรียนของเรา จะร้องอวยพรให้ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน”
กริสน์งงๆ “เพลงปลอบขวัญ”
“มีด้วยเหรอ” จีจ้างง
“มีสิๆๆใช่ไหมคะ คุณครูไกร” โอปอล์รีบส่งสัญญาณให้
“ใช่แล้ว” กริสน์กระแอมพลางคิดหนัก “ฮะแอ้มๆๆ ครูจะเป็นต้นเสียงเองนะ..อ้ะ!” กริสน์มองทุกคน
ทุกคนมองตอบอย่างลุ้นๆ
กริสน์สูดลมหายใจลึกๆ เหมือนจะร้องเพลงอะไรที่ยิ่งใหญ่มากๆ แล้วก็ร้องเพลงออกมา “รำระบำชาวเกาะ ไพเราะเสนาะจับใจ”
เด็กๆและภัทรดนัยประสานเสียงต่อ “เสียงน้ำ หลั่งไหล เสียงน้ำ หลั่งไหล กระทบหาดทรายดังครืนๆ”
”เอ้า ก้าบๆ” กริสน์ร้องต่อ
เด็กๆ กับภัทรดนัยประสานเสียงกัน “เป็ดอาบน้ำในคลอง ตาก็จ้องแลมอง เพราะในคลองมีหอยปูปลา” ”อ่ะ ลิงก็จับมือเสือ”
เด็กๆ ภัทรดนัย เดชและอธิปช่วยกันร้องและปรบมือตามไปด้วย “เอ้า เสือก็จับมือลิง จับกันไม่เบื่อ..ลิง
จับมือเสือ เสือจับมือลิง”
น้อมพงษ์ปรบมือรัวๆ เพื่อทำลายจังหวะแล้วก้าวมาขวาง “เอ้า ขอบคุณครับคุณครู..และเพื่อนๆ โอปอล์ทุกคน ..เชิญทุกคนออกไปข้างนอกก่อนดีกว่าครับ ได้เวลาคุณอธิปทานยาบำรุงแล้ว”
“เออ...ดีเหมือนกันครับ” ภัทรดนัยทำท่าอยากไป “ผมมีงานต้องทำอีก”
“โอปอล์ขอป้อนยาป๊าเองได้มั้ยคะ” โอปอล์ขอ
”โอปอล์...” จตุพลเสียงเข้ม
“ค่ะ” โอปอล์หน้าเจื่อนแล้วจะเดินออกไป
”ยาบำรุงอะไรเหรอครับ” กริสน์ถามขึ้นมา
”จะถามทำไม” น้อมพงษ์เสียงแข็ง
”นั่นสิครับคุณครู จะถามทำไม” ภัทรดนัยถาม
กริสน์ยิ้มแหยๆ “แหะๆ พอดีผอ.ท่านเป็นห่วงมาก ผมเลยอยากทราบอาการของเสี่ยอธิปให้ละเอียด จะได้กลับไปรายงานให้ผอ.ทราบได้..แล้วสรุป ยาบำรุงอะไรเหรอครับ”
“คุณครูมาเยี่ยมแล้ว ส่งดอกไม้แล้ว..ร้องเพลงก็แล้ว..กลับไปได้แล้วมั้งครับ เชิญ” จตุพลไล่
กริสน์กับภัทรดนัยจำต้องถอยออกไป

พวกเด็กๆนั่งๆนอนๆ อยู่อย่างเซ็งๆ ที่ห้องรับแขกของบ้านอธิป
”เดี๋ยวให้ป๊า ทานยาเสร็จ แล้วพวกเราค่อยเข้าไปลากลับบ้านแล้วกันเนอะ” เดชบอก
“โอปอล์..ครูถามหน่อยสิ..ยาบำรุง..ไอ้..เอ๊ย..คุณผู้ชายคนนั้น..เป็นคนเอามาให้ป๊าของโอปอล์เหรอ” กริสน์ถาม
“ค่ะ หมอเป็นคนจัดให้เฮียจตุพลเอามาให้ป๊าค่ะ บอกว่าเป็นยาบำรุงเลือด ทำให้มีกำลังวังชาดีขึ้นค่ะ” โอปอล์ตอบ
“แต่ก็ไม่เห็นดีขึ้นสักที” เดชพูดประชด
“อืม ขอบใจมาก..ชั้นว่าจะไปห้องน้ำหน่อย แกจะไปด้วยกันมั้ย” กริสน์ชวน
”จะถามทำไม ชั้นไม่ไปแกก็ลากชั้นไปอยู่ดี” ภัทรดนัยประชด
กริสน์กับภัทรดนัยแยกออกไปด้วยกัน

ภายในห้องอธิปเวลานั้น เสียงแก้วตกลงกระแทกพื้นจนแตกดังเพล้ง! อธิปที่นั่งอยู่บนรถเข็นเอามือปิดปากไม่ยอมกินยา
“ชั้นไม่อยากกิน เอาไป!! ชั้นไม่เอา”
จตุพลยักคิ้วให้น้อมพงษ์ น้อมพงษ์รินยาแก้วใหม่แล้วเดินไปหาอธิปที่นั่งอยู่บนรถเข็น
“ดื่มยาหน่อยนะครับเสี่ย ร่างกายจะได้แข็งแรง เสี่ยจะได้...หาย...ไวๆนะครับ” น้องพงษ์กล่อม
อธิปเอามือปิดปาก “ไม่ๆ มันขมฉันไม่อยากกิน”
จตุพลเดินเข้ามาประกบอีกข้าง “ดื่มเถอะครับอากู๋” จตุพลบิ๊ว “ยอดมนุษย์ต้องดื่มยาบำรุงจะได้มีแรงไปกู้โลก”
อธิปหัวเราะ “แกนี่บ้าแล้ว ยอดมนุษย์มีจริงที่ไหนในโลกนี้” อธิปด่าใส่หน้าจตุพล “ประสาท!”
จตุพลเอามือเช็ดน้ำลายที่หน้า “ไอ้คำด่าน่ะพอทนไหว แต่น้ำลายนี่รับไม่ได้” จตุพลพูดเสียงดัง “จัดการ!”
น้อมพงษ์ใช้กำลังง้างปากอธิปเพื่อจะจับกรอกยา อธิปขัดขืนสุดกำลังจนยาหกเลอะเทอะ จตุพลมองอย่างสะใจ

จตุพลกับน้อมพงษ์เดินออกมาจากห้องอธิปออกมาตรงทางเดินหน้าห้อง แต่ก็ต้องผงะ เพราะกริสน์กับภัทรดนัยกำลังคลานเหมือนหาอะไรบางอย่างอยู่ที่พื้นหน้าห้อง
“เอ๊ะ คุณครู...มาทำอะไรแถวนี้”
ภัทรดนัยเสียงดัง “ระวังๆๆ อย่าเหยียบ ถอยไปๆๆ”
”โทษทีนะครับ คือ..ไอ้น้องคนนี้มันทำคอนเทคเลนส์หล่นหาย..ขอเวลาหาแป๊บนึงนะครับ” กริสน์พูด
”หายก็ซื้อใหม่สิ..คุณครูออกไปจากบ้านนี้ได้แล้ว เชิญ!” จตุพลไล่
“สงสารผมเถอะครับพี่ ไม่มีคอนแท็คส์ ผมมองไม่เห็นอะไรเลย ถ้าออกไป แล้วเจอรถชนตาย ใครจะรับผิดชอบผมครับ” ภัทรดนัยต่อรอง
“เฮ้ย เจอแล้ว!”
กริสน์แกล้งทำเป็นหาเจอ เขาโผลุกขึ้นยืนกะทันหันจนไปชนเข้ากับน้อมพงษ์ที่ถือถ้วยยาบำรุงอยู่ ถ้วยยาหล่นกระจายเสียงดังเพล้ง
”โธ่! ทำไมซุ่มซ่ามอย่างนี้วะ” น้องพงษ์ด่า
“ผมขอโทษครับๆ ไม่ได้ตั้งใจ เดี๋ยวผมเช็ดให้นะครับ” กริสน์หยิบเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับๆยาบำรุงที่หกกับพื้น
“ไปๆ ไม่ต้องเช็ด ออกไปได้แล้ว” น้องพงษ์ไล่
“เรียบร้อยแล้ว..งั้นเราขอตัวนะครับ” กริสน์ขอตัว
กริสน์เผลอลุกขึ้นอย่างเร็วจนทำแว่นตาที่สวมอยู่หลุด จตุพลจึงได้เห็นหน้ากริสน์จังๆ กริสน์รู้ว่าถูกมองก็อึ้งเพราะกลัวถูกจับได้ เขารีบหันหน้าหนีแล้วทำท่าจะไป
”เดี๋ยว!” จตุพลเรียกไว้
กริสน์กับภัทรดนัยชะงักแล้วนิ่งเพราะลุ้น
”จะรีบไปไหน” จตุพลถาม
”ก็..กลับ..ไงครับ” กริสน์ตอบ
”เอาแว่นตาไปด้วย” จตุพลบอก
”อ้อ ครับๆ” กริสน์พูดแล้วรีบก้มหยิบแว่นตาขึ้นมาสวม
ภัทรดนัยรีบดึงกริสน์ออกไป “ไปครับครู ผมยังมีงานต้องทำอีก”
กริสน์ก้มหยิบแว่นตาขึ้นมาสวมแล้วรีบเดินออกไปกับภัทรดนัย

กริสน์นั่งแท็กซี่พาเด็กๆ กลับมาที่บ้าน พอรถจอดสนิทที่หน้าร้านดอกไม้ พวกเด็กๆ ก็เปิดประตูลงมาโดยที่ยังไม่ยอมคุยกับกริสน์อยู่ดี
กริสน์จ่ายค่ารถแล้วหันไปบอกเด็กๆ “เด็กๆ รอก่อน” แต่เด็กๆ ไม่มีใครยอมรอ
“เป็นเด็กเป็นเล็กทำไมขี้งอนนักวะ” กริสน์บ่น
“เราอุตส่าห์ทำให้สุขสันต์กับพิมมาดาคบกันได้สำเร็จแล้ว..อย่าให้พวกเด็กมาเป็นตัวปัญหาจนแผนเสีย” ภัทรดนัยบอก
“เออ แกก็รีบๆ เอาตัวอย่างยาบำรุงนี่ไปเข้าแล็บตรวจสอบเถอะ ไป” กริสน์ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ ”รู้แล้ว ไม่ต้องมาสั่ง” ภัทรดนัยบอก
”ก็ไม่ต้องมาสั่งชั้นเหมือนกัน” กริสน์ฉุน เขารีบตามเด็กๆเข้าไป
กริสน์รีบเข้ามาในร้านดอกไม้ เขาเจอเด็กๆ ยืนทำหน้าโกรธอยู่
”ดีมากที่รอ...หายโกรธแล้วใช่มั้ย”
แจ๊สชี้มือไปที่มุมหนึ่งของร้าน เขามองตามไปเห็นฉัตรชัยกับฮิมยืนรออยู่
“อ้าว..นี่ คุณสุขสันต์มาเหรอ” กริสน์ถาม
“แล้วคิดว่าชั้นจะมาซื้อดอกไม้หรือไง” ฉัตรชัยถามกวนๆ
ฮิมพูดกับเด็กๆ “คุณแจ๊ส คุณโจ๊ก คุณจีจ้าครับ เชิญเข้าไปด้านในเถอะครับ..มีเซอร์ไพร้ส์ รออยู่ครับ”
“พอพวกเราเผลอก็แอบมาเจอกันตลอดเลย” โจ๊กแขวะ
“แบบนี้มันต้องถอน” แจ๊สบอก
“ลุย!” จีจ้าส่งเสียงดัง
พวกเด็กๆ เดินแบบไม่พอใจเข้าไป กริสน์จะเดินตามเข้าไป แต่ฉัตรชัยเข้ามาขวางไว้ “นายเข้าไม่ได้”
”ทำไม” กริสน์ถาม
“คุณสุขสันต์มีเรื่องส่วนตัวกับเด็กๆ เท่านั้น..ตามประสาเจ้านายคุยกับเจ้านาย” ฉัตรชัยบอก
“คนเลี้ยงเด็กรอข้างนอก..ไปอยู่โน่น ไป” ฮิมไล่
ฉัตรชัยชี้ไปยังอีกมุมหนึ่ง ที่เต๋ากับเต้ยและป๊อปคอร์นนั่งตบยุงกันอยู่แล้ว
”ไฮ้ ดาร์ลิ้ง คัมม่อน” เต๋ากับเต้ยทัก

กริสน์มองอย่างสงสัย






Create Date : 31 มกราคม 2555
Last Update : 31 มกราคม 2555 14:02:59 น.
Counter : 266 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]