All Blog
มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 2 (ต่อ)




เต๋ากับเต้ยนั่งหน้าจ๋อย สองแม่ยกเอเอฟไม่รู้จะทำอะไร ได้แต่บิดมือไปมาอยู่ในร้านดอกไม้ รอการพิพากษาจากพิมมาดา

“นี่มันเวลาทำงาน พวกเธอหนีไปเชียร์เด็กเอเอฟได้ยังไง แยกแยะให้ออกหน่อยสิ..ค่าเสียหายทั้งหมด ชั้นจะหักจากเงินเดือนพวกเธอ..แล้ว..ถ้ายังมีครั้งต่อไป...ไล่ออกเข้าใจมั้ย” พิมมาดาอบรมทั้งคู่
“เข้าใจค่ะ ณ จุดนี้” สองสาวเต๋ากับเต้ยรับคำ
“แล้วเรื่องจีจ้า..ปล่อยไว้ยังงั้นแหละ..ไม่ต้องไปโอ๋จีจ้ามากนะ ต้องดัดนิสัยบ้าง”

จังหวะนั้นรถของสุขสันต์ก็แล่นมาจอดเทียบหน้าร้านดอกไม้พิมโรส บอดี้การ์ดเดินมาเปิดประตูรถให้สุขสันต์ก้าวลงมา บอดี้การ์ดอีกคนหนึ่งฉีดน้ำหอมให้อย่างรู้งาน
“พิม...ดูโน่นสิ” เค้กชี้ไปที่หน้าร้าน
“อะไร” พิมมาดาหันแล้วมองตามไป
ฉัตรชัยเดินนำทีมของสุขสันต์เข้ามาในร้าน เค้กกับพิมมาดาทำหน้างงๆ
“พวกคุณ...มาหาใครคะ” พิมมาดาถามขึ้น
ฉัตรชัยแนะนำสุขสันต์ให้พิมมาดารู้จักอย่างเป็นทางการ
“สวัสดีครับคุณพิมมาดา ผมขอแนะนำท่านส.ส.สุขสันต์ ผู้จัดตั้งโครงการเยาวชนสุขสันต์ ห่างไกลยาเสพติด ประธานมูลนิธิ....”
ฉัตรชัยยังพูดไม่จบแต่สุขสันต์ยกมือให้หยุดพูด เต๋ากับเต้ยนั่งมองแล้วยิ้มอย่างเคลิ้มๆ ไปด้วย
“สวัสดีครับคุณ คุณพอจะมีเวลาคุยกับนักการเมืองตัวเล็กๆ อย่างผมสักหน่อยมั้ยครับ” สุขสันต์ทักทายพิมมาดา พร้อมกับพูดร้องขอ
“มีค่ะ” เต๋ากับเต้ยเนื้อเต้นรับคำพร้อมกัน
“ท่านหมายถึงคุณพิมมาดาเท่านั้น” ฉัตรชัยรีบบอก
พิมมาดาได้ยินก็ตะลึง เธอรู้สึกเขินและทำอะไรไม่ถูก

เต๋ากับเต้ยเอาน้ำออกมาต้อนรับสุขสันต์ ทุกคนที่อยู่ในร้านมีทีท่าตื่นเต้นกับการมาเยือนของสส.ชื่อดัง
“ร้านออกจะคับแคบไปหน่อยนะคะ ดิฉันไม่ทราบจริงๆ ว่าท่านจะมาด้วยตัวเอง จะได้เตรียมต้อนรับให้สมเกียรติ” พิมมาดาออกตัว
“ทำตัวตามสบายเถอะครับ กรุณาอย่าเรียกคุณสุขสันต์ว่าท่าน เวลาอยู่ในหน้าที่มีแต่คนยกย่องคุณสุขสันต์เบื่อมากครับ” ฉัตรชัยบอก
“เวลาส่วนตัว ผมขอเป็นคนธรรมดาๆ โดยเฉพาะ..เวลาอยู่กับคุณพิมได้มั้ยครับ” สุขสันต์ขอ
“ได้ค่ะท่าน” เต๋ากับเต้ยรับคำแทน
“ได้ค่ะ..แล้วไม่ทราบท่าน เอ่อ คุณสุขสันต์มีอะไรให้ดิฉัน..เอ่อ ให้พิมรับใช้” พิมมาดารับคำแล้วยิ้มเขินๆ
ระหว่างที่พูดคุยกันสุขสันต์หยิบน้ำขึ้นมาดื่ม บอดี้การ์ดคอยเทคแคร์รับแก้วน้ำจากสุขสันต์ และคอยหยิบกระดาษทิชชู่ส่งให้เขา
“ผมมาที่นี่..ไม่เกี่ยวกับอาชีพทางการเมืองของผมนะครับ” สุขสันต์เดินดูรอบๆ ร้าน “ผมมาเรื่องธุรกิจส่วนตัว..คือ ผมทราบมาว่าคุณพิมเปิดร้านดอกไม้แล้วก็สั่งดอกไม้มาจากต่างประเทศเองด้วย พอดีผมกับลูกพี่ลูกน้องทำธุรกิจขนส่งสินค้าทางเรือ..ผมเลยอยากจะมาแนะนำตัว”
บอดี้การ์ดส่งซองนามบัตรให้สุขสันต์ เขารับมาแล้วส่งนามบัตรต่อให้พิมมาดา
“ถ้าคุณพิมจะกรุณาใช้บริการขนส่งดอกไม้ทางผม”
“กรุณายินดีมากค่ะ” เต๋ากับเต้ยรีบบอก
“พิมเป็นร้านเล็กๆ มีออเดอร์ดอกไม้นอกไม่มากมายอะไร..กลัวว่าจะเป็นปัญหาจุกจิกหยุมหยิมให้คุณสุขสันต์มากกว่า”
“ถ้าเป็นเจ้าอื่น ก็อาจจะเป็นอย่างนั้น..แต่ถ้าเป็นปัญหาหยุมหยิมจากคุณพิม ผมคิดว่าผมเต็มใจที่จะรับนะครับ”
สุขสันต์ยิ้มหวานอย่างหว่านเสน่ห์ให้พิมมาดา พิมมาดาเห็นแล้วก็เขิน เค้กยิ้มชอบใจ เต๋า เต้ย เคลิ้มแทบขาดใจเพราะหลงคิดว่าสุขสันต์ยิ้มให้ตัวเอง

พิมมาดามากับเค้กยืนส่งสุขสันต์ที่หน้าประตูร้าน ทั้งสองรู้สึกปลาบปลื้มและอารมณ์ดีสุดๆ
สุขสันต์แหงนมองฟ้า “อ้าว นี่ผมอยู่จนเย็นขนาดนี้เลยเหรอ..หวังว่าผมคงไม่ได้มารบกวนคุณพิมเกินไปนะครับวันนี้”
“ไม่รบกวนเลยค่ะ พอดีวันนี้ร้านไม่ค่อยมีลูกค้าด้วย” พิมมาดารีบบอก
“งั้นวันนี้ผมขอตัวก่อนนะครับ”
สุขสันต์ล่ำลาแล้วหันมาก็เจอโจ๊กกับแจ๊สยืนขวางอยู่
“เอ่อ คุณสุขสันต์คะ” พิมมาดาพูดกับสุขสันต์ “แจ๊ส โจ๊ก หลานของพิมเองค่ะ..สวัสดีคุณสุขสันต์สิจ๊ะเด็กๆ”
แจ๊สกับโจ๊กยืนจ้องสุขสันต์
“แจ๊ส โจ๊ก” พิมมาดาย้ำ
“สวัสดีค่ะ..คิดยังไงคุณถึงไปเป็นนักการเมืองอ่ะคะ” แจ๊สถามเสียงแข็ง
“แจ๊ส” พิมมาดาปราม
“ไม่เป็นไรครับคุณพิม..ที่น้ามาเป็นนักการเมืองก็เพราะน้าอยากทำประโยชน์ให้กับประเทศ แล้วก็อยากจะช่วยให้เด็กๆมีอนาคตที่ดีน่ะสิ..แล้วพวกเธอล่ะ โตขึ้นอยากเป็นอะไร”
“เป็นอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่นักการเมือง” โจ๊กรีบตอบ
“โจ๊ก แจ๊ส ไป เข้าบ้านไปเดี๋ยวนี้เลย” พิมมาดาสั่ง
“ไป...เข้าบ้านไปกับน้าก่อนนะ” เค้กรีบบอก แจ๊สกับโจ๊กเดินปึงปังเข้าบ้านไป โดยมีเค้กคอยคุมให้เดินเข้าไป
“เอ่อ คุณสุขสันต์คะ พิมขอโทษแทนเด็กด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
“คุณสุขสันต์ท่านรักเด็กอยู่แล้ว ผมรับรองว่า..ท่านจะทำให้หลานๆคุณประทับใจให้ได้เลยครับ” ฉัตรชัยบอก
สุขสันต์เดินไปขึ้นรถด้วยใบหน้าชิงชังแบบคนที่เกลียดเด็กสุดๆ
พิมมาดายืนส่งจนรถของสุขสันต์แล่นออกไป เธอรู้สึกโล่งอก แต่แล้วอยู่ๆ เต๋ากับเต้ยก็วิ่งแหกปากออกมาจากด้านใน
“แย่แล้วค่ะคุณพิม แย่แล้วๆๆๆ น้องจีจ้า หายตัวไปค่ะ ไม่ได้อยู่ในห้อง” เต๋าบอก
“หายไปจริงๆค่ะ ณ จุดนี้ คอนเฟิร์มค่ะ” เต้ยสนับสนุน
พิมมาดาได้ยินก็ถึงกับช็อก

ณ เซฟเฮ้าส์ในสวน กริสน์กับภัทรดนัยเดินเข้ามาในบ้าน ทั้งสองระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก
“ไงล่ะ เจ๋งป่ะ ลึกลับ ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน ไม่มีใครจะหาเจอแน่ เซฟเฮ้าส์ของชั้นหลังนี้ ขอบอก..ว่าเซฟสุดๆ หรือจะพูดว่า..ซูเปอร์เซฟก็ย่อมได้”
“แต่..บ้านของชั้นล่ะ ข้าวของของชั้น” กริสน์รีบบอก
“ตัดใจซะเถิดเพื่อน บ้านแก..ไม่ใช่ที่ๆเหมาะสมแก่การอยู่อาศัยอีกต่อไป”
“ชั้นมีเอกสารหลายอย่าง ที่ต้องกลับไปเอา”
“ของส่วนตัวสำคัญๆของแก..ชั้นดอดไปขนออกมาได้”
ทันใดนั้นเอง มือถือของภัทรดนัยก็ดังขึ้น
“เฮ้ยๆ “ ภัทรดนัยตกใจ เขารีบหยิบมือถือออกมาแบบลนๆ แล้วพยายามกดปิดเสียง “หยุดๆ”
“ไอ้บ้าเอ๊ย ทำไมแกไม่ปิดเสียงวะ”
“ก็ไม่ได้เข้าโรงหนังนี่หว่า ใครไปรู้ว่าต้องปิด...ใครส่งแมสเสจมาตอนนี้ว่ะ” ภัทรดนัยกดมือถือแล้วอ่าน “ผลล็อตเตอร์รี่ประจำงวดนี้ ..ปัทโธ่ ไม่ถูกอีกแล้ว โหย”
กริสน์เขกศรีษะภัทรดนัย “ไอ้บ้า!! ชั้นจะตายก็เพราะแกนี่แหละ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงกุกกักๆ ดังขึ้นจากประตูบ้าน กริสน์กับภัทรดนัยชะงักมองทันที
“ชู่ว์...” กริสน์ทำสัญญาณให้เบาเสียง
กริสน์กับภัทรดนัยหยิบปืนขึ้นมาเตรียมพร้อม ภัทรดนัยจะเดินไปดูที่ประตู แต่กริสน์ห้ามไว้
“ไหนว่าเซฟสุดๆ” กริสน์ถาม
“แต่..”
“เนี่ยเหรอ ซูเปอร์เซฟของแก นี่ฉันต้องเหนื่อยอีกแล้วใช่ไหม”
ลูกบิดประตูขยับแกร็กๆ เหมือนมีคนพยายามจะเปิดประตูจากด้านนอกเข้ามา กริสน์ตรงไปที่ประตู เขาตั้งท่าเตรียมจัดการกับคนที่จะโผล่เข้ามา
ทันใดนั้นเองประตูก็เปิดออก กริสน์จะยิง แต่แล้วก็ต้องชะงักพร้อมกับเก็บปืนแทบไม่ทันเพราะจีจ้ายืนอยู่ที่ประตูนั่นเอง
“หมัดเขวี้ยงควาย นักสู้พันธุ์ข้าวเหนียว!”
กริสน์อ้าปากค้าง จีจ้าหัวเราะอย่างสนุกสนาน

กริสน์กับภัทรดนัยยืนกอดอกจ้องจีจ้าที่กำลังนั่งดื่มน้ำแดงอย่างมีความสุข
“ปีนหน้าต่างหนีออกจากบ้าน!” กริสน์ทวนคำ
“แล้วเรียกมอเตอร์ไซค์รับจ้างตามมา” ภัทรดนัยพูดต่อ
“ใช่ค่ะ จีจ้าเก่งใช่มั้ยล่า..อิอิ”
“ไม่ใช่เรื่องตลก!” กริสน์ดุ
“ฮ่าๆๆ โฮะๆๆ ไอ้กริสน์เอ๊ย ไอ้สุดยอดมือปราบ..โถ เจอเด็กตัวกะเปี๊ยกสะกดรอยตามถึงบ้านแต่ไม่รู้ตัวเลย” ภัทรดนัยกัด
“ฮะๆๆ โฮะๆๆ..แล้วเซฟเฮ้าส์แกล่ะ ซูเปอร์เซฟตายล่ะ เด็กอนุบาลยังตามเจอ นี่ ยัยจีจ้า เธอแก่แดดมากเลยนะเนี่ย..แล้วเจ๊โหด..เอ่อ แม่ของเธอรู้หรือเปล่าว่ามาที่นี่ แม่อะร้าย...ปล่อยให้ลูกเต้าหนีออกมาได้อย่างนี้...สมแล้ว...ลูกดื้อขนาดนี้!”
จีจ้าทำหน้าเครียด “จีจ้าตัดน้าตัดหลานกะน้าพิมแล้ว ต่อไปนี้ จีจ้ามีน้าคนเดียว คือ..น้ากริสน์คนนี้”
“อ้าว...เธอไม่ใช่ลูกยัยเจ๊โหดเหรอ” กริสน์ถาม
“ไม่”
“แล้วพ่อ แม่ เธอล่ะ”
“ตายไปแล้ว” จีจ้าตอบ
กริสน์หน้าเจื่อน “เออ...ชั้นขอโทษ”
“ฮ่าๆๆ ไอ้กริสน์เอ๊ย นอกจากจะเสียฟอร์มสุดๆแล้ว ชั้นว่างานนี้แกเตรียมเจอข้อหาพรากผู้เยาว์ เอ๊ย ลักพาตัวเด็กอีกกระทงได้เลยว่ะ” ภทัรดนัยกัดอีก
“น้ากริสน์ไม่ต้องกลัวนะคะ ถ้าตำรวจถาม จีจ้าจะบอกว่า น้ากริสน์คือน้าตัวจริง ส่วนน้าพิม เป็นโจรห้าร้อย จับตัวจีจ้าไปทรมาน แล้วใช้ให้ไปขอทานที่สะพานลอย”
กริสน์กระชากแขนหลานสาว “พอแล้ว...ชั้นจะพาเธอกลับบ้านไปเดี๋ยวนี้!”
จีจ้าสะบัด “จีจ้าไม่กลับ”
“เบาๆหน่อยเว้ยไอ้กริสน์ เสียงดังขนาดนี้ เดี๋ยวพวกมันก็แห่มาลากคอแกหรอก”
อยู่ๆ ก็มีเสียงดังปุด ด้วยปฏิกิริยาที่ว่องไว กริสน์หันขวับทันที
“ชู่ว์”
กริสน์มีท่าทางระแวดระวังขึ้นมาทันที เขาลากจีจ้าเข้าไปหาที่กำบังแล้วเงี่ยหูฟังที่มาของเสียง สักพักก็มีเสียงดังปุดขึ้นอีก แล้วตามด้วยเสียงเป่าลมยาวและแหลม
“เสียงลม..แกได้ยินใช่มั้ย..เสียงมันอยู่แถวๆนี้ ระวังตัวด้วย พวกมันอาจมาจากบนฝ้าเพดานหรือหน้าต่าง”
“ลูกพี่ๆ” จีจ้าเรียก
“เงียบ” กริสน์สั่งแล้วส่งสัญญาณมือให้ภัทรดนัยแยกไปคนละทาง
“ไม่ใช่เสียงผู้ร้ายหรอกคะลูกพี่ เสียงจีจ้าเอง คือว่า จีจ้า..ตด”
“อะไรนะ” กริสน์กับภัทรดนัยประสานเสียง
“จีจ้า..ปู๊ดๆ แหะๆ” จีจ้ารับอายๆ
“ชั้นอยากตาย” ภัทรดนัยทำท่าเซ็ง

ที่สถานีตำรวจ พิมมาดากำลังคุยกับตำรวจด้วยท่าทางร้อนใจ
“ทำไมแจ้งความไม่ได้” พิมมาดาถาม
ตำรวจเหลือบดูรูปถ่ายของจีจ้า เห็นรูปจีจ้าทำหน้าตาทะเล้น
“ลูกคุณเพิ่งหายตัวไปจากบ้านยังไม่ถึงสองชั่วโมงเลยนะครับ จะแจ้งหาย มันเร็วไปครับ..ตามกฎหมาย..ต้องรอ24ชั่วโมง ให้แน่ใจว่าลูกคุณหายไปจริงๆก่อนดีกว่า” ตำรวจบอก
“เด็กอายุหกขวบหายไปจากบ้าน ตอนกลางคืน คนเดียว ยังจะต้องรออะไรอีกคะ”พิมมาดาถามอย่างร้อนใจ
“อ้าว คุณ..ลูกคุณอาจจะหนีไปเล่นอยู่บ้านเพื่อนก็ได้ หรือไม่ก็หนีไปเล่นเกมร้านเนท..คุณได้ไปตามหาดูหรือยังครับ”
“จีจ้าไม่ใช่ลูก พิมเค้าเป็นน้าค่ะ เรียกให้ถูกด้วย” เค้กรีบบอก
“เอ้า เป็นแค่น้าเหรอ..มิน่า..เด็กอาจจะหนีไปหาแม่ก็ได้”
“แม่เด็กตายแล้วค่ะ” พิมมาดาบอก
“งั้นก็คงไปหาพ่อ” ตำรวจสัณนิษฐานต่อ
“พ่อก็ตายแล้ว”เค้กบอก
“รอ24ชั่วโมงเหรอ ถึงตอนนั้น..ถ้า..ถ้ายัยจีจ้าเป็นอะไรไปล่ะ.. ฮือ...” พิมมาดาไม่รู้จะทำอย่างไรเธอน้ำตาไหลตั้งท่าจะหันเดินออกจากสถานี แต่ก็ต้องผงะเพราะเห็นมาวินยืนยิ้มอย่างอบอุ่นอยู่
“จีจ้าหายไปเหรอพิม”

พิมมาดาเดินปาดน้ำตาออกมาจากสถานีตำรวจ เค้กเดินตามออกมาด้วย
“เค้ก เธอช่วยโทรไปแจ้งจส.100 ร่วมด้วยช่วยกัน แล้วก็พวกศูนย์แท็กซี่ต่างๆนะ เผื่อเค้าจะช่วยอะไรเราได้..ยังไงก็ต้องหาจีจ้าให้เจอให้ได้” พิมมาดาพยายามตั้งสติ
มาวินเดินตามออกมา
“ไม่ต้องกังวลมากนักหรอกฮะพิม..เด็กหายไปเองได้ เดี๋ยวก็กลับมาเองได้”
“มาวิน ถ้าไม่มีอะไรจะพูด คุณก็เก็บปากไว้แตกหน้าหนาวดีกว่านะ” พิมมาดาบอก
“คุณมองเด็กพวกนี้เป็นเทพบุตรเทพธิดาเกินไป พิมควรยอมรับความจริงได้แล้ว ว่าหลานคุณน่ะ มันเซียน...เหลือขอทั้งนั้น” มาวินต่อว่า
“ใจคุณทำด้วยอะไรน่ะ มาวิน ไม่ช่วยก็ถอยไป”
“ผมหวังดีกับพิมนะฮะ..ชีวิตพิม อนาคตของพิมต้องพังเพราะต้องมาดูแลเด็กๆพวกนี้ กี่ปีแล้ว..พิมยังนึกไม่ออกอีกเหรอ ว่าคุณสูญเสียอะไรไป..ใครที่รักคุณ..ใครคือคนที่คุณรัก..มันคุ้มเหรอ ที่คุณยอมแลกเค้า กับเด็กๆ พวกนี้”
พิมมองมาวินอย่างอึ้งๆ ที่มาวินคิดและกล้าพูดแบบนั้น
ทันใดนั้นเอง มือถือของพิมมาดาก็ดังขึ้น พิมมาดาเห็นเป็นเบอร์แปลกๆ แต่ก็กดรับสาย

ที่เซฟเฮ้าส์ กริสน์กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ ส่วนอีกมือนึงก็คว้าตัวจีจ้าเอาไว้อย่างทุลักทุเล เพราะจีจ้าทั้งดิ้นและพยายามอาละวาดชกตีกริสน์อยู่ตลอด
“ฮัลโหล ยัยเจ๊โหด..นี่ผมเอง กริสน์ กริสน์ไง จำได้มั้ย?..โอ๊ย!! นี่ ชั้นเจ็บนะ” กริสน์พยายามดันหัวจีจ้าออกห่าง จีจ้าเหวี่ยงหมัดมั่วซั่วใส่เขา
“เจ็บก็ยอมรับจีจ้าเป็นศิษย์สิ” จีจ้าตะโกนบอก
ที่หน้าสถานีตำรวจ พิมมาดากำลังพูดโทรศัพท์อยู่
“นั่นเสียงจีจ้านี่ จีจ้าอยู่กับนาย..หา นายลักพาตัวจีจ้าไปเหรอ “
กริสน์หันไปดุจีจ้า “ เฮ้ย!! ชั้นเริ่มโมโหแล้วนะ บอกให้อยู่นิ่งๆ”
พิมมาดาตกใจ “นายจะทำอะไรจีจ้า!! อย่านะ!! อย่า!! ไอ้คนเลว คนชั่ว อำมหิต ทำร้ายเด็กไม่มีทางสู้ ชั้นอุตส่าห์ช่วยนายให้หนีรอดไม่โดนยิงตาย แต่นายกลับลักพาตัวหลานชั้นได้ไง อกตัญญู ไอ้งูเห่า ขอให้กรรมตามสนอง”
“ผมไม่ได้ลักพาตัว หลานคุณตามผมมาเอง ผมจะโทรมาบอกให้คุณมาเอาตัวหลานคุณกลับไปด้วย” กริสน์นิ่งฟัง “ไม่ได้เรียกค่าไถ่ เอาอย่างงี้นะ ผมจะแถมเงินให้คุณด้วยก็ได้ แต่คุณช่วยรีบมาเอาเด็กกลับไปก็พอ”
“ชั้นจะเอาเงินไปให้ ตามที่นายต้องการ แต่นายต้องรับปากว่าจะไม่ทำอะไรจีจ้า รับปากมาสิ ว่าจีจ้าจะครบสามสิบสอง..ถ้าจีจ้ามีแผลแม้แต่นิดเดียว ชั้นเอานายตายแน่..บอกมาเลยว่าจะให้เอาเงินไปให้ที่ไหน ยังไง” พิมมาดาพูดเหมือนไมได้ฟังกริสน์
กริสน์พูดเน้น “ผมบอกว่า ผมไม่ได้เรียกค่าไถ่ ฟังผมพูดมั้ยเนี่ย!!..ไม่ได้ลีลาเพื่อจะเรียกเงินเพิ่ม!! บอกว่าไม่เอาเงินๆๆ เข้าใจมั้ย!!....ล้านนึงอะไร บาทเดียวก็ไม่เอา..โว้ย!!! จะให้ผมเรียกค่าไถ่ให้ได้เลยใช่มั้ย..ก็ได้ งั้นพรุ่งนี้เอาเงินมาล้านยูโร ถ้าไม่มี ผมจะส่งหูเด็กไปให้ดู”
กริสน์กระแทกสายวางอย่างอารมณ์เสีย
“เพี้ยนทั้งน้าทั้งหลานเลย”
“แกจะพาเด็กไปส่งเอง หรือให้ชั้นใช้ให้แกพาไป” ภัทรดนัยถาม
“ชั้นจะให้เด็กอยู่ที่นี่..อยากเพ้อเจ้อหาว่าชั้นเป็นโจรเรียกค่าไถ่ดีนัก คืนนี้อย่าไปนอนเป็นสุขเลย” กริสน์พูดแล้วหันมองหาว่าจีจ้า “เด็กหายไปไหนแล้ว”
เสียงหัวเราะและกรี๊ดของจีจ้าดังมาจากอีกห้องภายในบ้าน กริสน์ได้ยินก็ตกใจ

ที่ห้องหนึ่งภายในเซฟเฮ้าส์ จีจ้ากำลังโดดเหยงๆ อย่างดีอกดีใจ
“เล่นอะไร อยู่เงียบๆนิ่งๆเป็นมั้ย” กริสน์ดุ
จีจ้าโชว์บัตรข้าราชการของกริสน์ในชุดตำรวจขึ้นแล้วพูด “ลูกพี่วิ่งสู้ฟัดเป็นตำรวจ”
กริสน์รีบดึงบัตรคืน “ห้ามยุ่งกับของๆชั้นอีก เข้าใจมั้ย”
“รับจีจ้าเป็นศิษย์นักบู๊ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ด้วยนะ” จีจ้ากอดขาแน่น
“ไม่รับ ปล่อย”
กริสน์พยายามสะบัด แต่จีจ้าเกาะหนึบไม่ยอมปล่อย กริสน์ยิ่งสะบัด จีจ้าก็ยิ่งร้องกรี๊ด
“ไอ้กริสน์ๆๆๆ เฮ้ย ร้องยังกะเล่นรถไฟเหาะตีลังกา เบาๆสิเว้ย” ภัทรดนัยตวาด
“ชั้นไม่ได้ร้อง” กริสน์บอก
“แกก็หยุดสิวะ อยู่เฉยๆ..หนูจีจ้า เงียบก่อน เงียบแล้วเดี๋ยวพี่กริสน์จะยอมให้เป็นศิษย์วิชาวิ่งสู้ฟัด”
จีจ้าเงียบทันที “เงียบแล้วค่ะ”
“ใครบอกแกว่าชั้นจะรับ” กริสน์ว่า
“โกหกเหรอ กรี๊ดๆๆ” จีจ้ากรี๊ดต่อ
“โอ๊ย...เงียบก่อน...ปัดโธ่” ภัทรดนัยเซ็ง
“เงียบๆ” กริสน์ดุ
“กรี๊ดๆๆ” จีจ้ายังกรี๊ดต่อ

ที่ริมถนน หน้าโรงพัก พิมมาดาเครียดเดินร้องไห้
“จะตัดหู...ว๊าย...จีจ้า ไอ้เลว...จีจ้าไม่มีหูแล้วจะทำยังไง” เค้กโวยวาย
พิมมาดาได้ยินก็ยิ่งปล่อยโฮ “ขอทีเถอะ... หยุดซะที”
“ล้านยูโร..แปลกมาก..ทำไมมันเรียกค่าไถ่เป็นหน่วยยูโร หรือเป็นโจรข้ามชาติ เราต้องแจ้งตำรวจสากล” มาวินบอก
“ไม่ได้นะ ถ้าตำรวจรู้ ไอ้บ้านั่นมันฆ่ายัยจีจ้าตายแน่” พิมมาดารีบห้าม
“แต่คนจับเด็กไปเรียกค่าไถ่มันติดต่อมาแล้ว ผมต้องไปบอกตำรวจท้องที่เค้า” มาวินหันจะเดินเข้าไปในโรงพัก
“คุณอย่ายุ่ง มาวิน..นี่มันไม่ใช่กงการของคุณ” พิมมาดาปราม
“เวลานี้ ยูโรนึงก็... 40.5478112 บาท..ล้านยูโรก็..สี่สิบล้าน ห้าแสนกว่าบาท” มาวินคำนวณ
เค้กนึกขึ้นได้ “บ้าแล้ว..พิม..ชั้นว่าคุณกริสน์เค้าแกล้งล้อเธอเล่น”
“คุณกริสน์ กริสน์ไหน” มาวินถาม
“ไม่มีอะไรๆๆ” เค้กรับบอก
“แปลว่าอะไร..พวกคุณรู้จักไอ้โจรเรียกค่าไถ่เหรอ นี่คุณกำลังปกปิดข้อมูลเจ้าพนักงานนะ ถ้าเด็กเป็นอะไรไป ก็เพราะคุณไม่ให้ความร่วมมือกับพวกเรา บอกมา มันเป็นใครๆ”
พิมมาดากับเค้กมองหน้ากันเพราะรู้สึกแล้วว่ามาวินคือตัวอันตราย

ที่เซฟเฮ้าส์ จีจ้ายังคงกรี๊ดไม่หยุด กริสน์เอาที่ดูดส้วมมาอุดหูตัวเองไว้ข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งเป็นสำลี ส่วนภัทรดนัยพยายามอุดปากจีจ้า
“นี่แน่ะ...ไม่ยอมหยุด”
จีจ้ากัดมือภัทรดนัย “โอ๊ย...มือนะไม่ใข่ขนมปัง”
“ก็รับเป็นศิษย์ก่อนสิ” จีจ้าบอกแล้วกรี๊ดต่อ
“ไปเอาหมอนมา” กริสน์สั่ง
“ไม่ได้นะไอ้กริสน์” ภัทรดนัยรีบบอก
“ชั้นจะไม่ไหวแล้วนะ”
“เออน่า...รับไปก่อน...นะๆ...รับสิๆๆ เงียบก่อนๆ(จีจ้าเงียบลง)..ไอ้กริสน์” ภัทรดนัยรีบดึงกริสน์แยกออกมาคุย “แกรับปากเด็กไปก่อนเถอะ ไม่มีอะไรเสียหายหรอก..ขืนปล่อยให้ร้องยังงี้ แกกับชั้นมีปัญหาแน่ นะๆ”
กริสน์จำใจต้องรับ
“เออ ก็ได้ ชั้นจะรับเธอไว้..พิจารณา แต่เธอต้องเชื่อฟังชั้นทุกอย่าง”
จีจ้าดีใจ รีบพยักหน้าหงึกๆ “ค่ะๆ”
“คืนนี้ชั้นจะให้เธออยู่ที่นี่ด้วย อยากอยู่มั้ย” กริสน์ถาม จีจ้าพยักหน้า “แต่..แต่เธอต้องอยู่เงียบๆ ไม่ส่งเสียงดัง ทำได้มั้ย”
จีจ้าพยักหน้าหงึกๆ แล้วยื่นมือให้จับ “ถ้าลูกพี่วิ่งสู้ฟัดให้จีจ้าเป็นศิษย์ จีจ้าทำได้ทุกอย่าง”
กริสน์จับมือจีจ้า “ก็ได้ ชั้นให้เธอเป็นศิษย์”
“ไชโยๆๆๆ กรี๊ดๆๆๆ”
จีจ้าดีใจมาก เธอร้องกรี๊ดแล้ววิ่งกระโดดโลดเต้นไปทั่ว
“บอกให้เงียบๆ” กริสน์ดุ ภัทรดนัยกุมหัว
จีจ้ากระโดดๆ อยู่แล้วก็ชะงัก
“อุ๊ยๆ”
“อะไรอีกล่ะ” กริสน์ถาม
จีจ้ากุมท้อง “จีจ้าปวดอึ๊”

กริสน์พาจีจ้าที่เกาะเขาติดหนึบมาเข้าห้องน้ำ เขาให้จีจ้ายืนตรงหน้าโถชักโครก
“เอ้า ถึงแล้ว จะทำอะไรก็รีบทำ ชั้นจะไปรอข้างนอก”
จีจ้าคว้ามือกริสน์ไว้
“ลูกพี่อย่าไป อยู่เป็นเพื่อนจีจ้าด้วย”
“เฮ้ย เธอจะขี.” กริสน์นึกขึ้นได้ก็รีบเปลี่ยนคำพูด “เอ่อ เธอจะ..ตุ๋มๆ เธอก็ตุ๋มๆไป จะให้ชั้นอยู่ด้วยทำไม”
“จีจ้ากลัวผี..นะ..นะ”
“ไม่”
“งั้นจีจ้าไม่ตุ๋มๆแล้ว” จีจ้ากระโดดเกาะกริสน์ตามเดิม
“เฮ้ย เดี๋ยวก็มาราดบนตัวชั้น”
จีจ้ากอดกริสน์แน่นแล้วส่ายหัวไม่ยอมท่าเดียว
“อย่าทำตัวยังงี้ ยังไงชั้นก็ไม่ยอม ไม่ยอม” กริสน์โวยวาย

จีจ้านั่งอยู่บนชักโครก กริสน์ยืนหันหลังให้อยู่ในห้องน้ำที่เปิดประตูไว้ เขาเอามืออุดจมูก มีเสียงตุ๋มๆ ดังเป็นระยะ
“เสร็จยัง...ไส้เน่าเหรอเนี่ย เหม็นขนาดนี้”
“อึลูกพี่หอมเหรอคะ” จีจ้าย้อนถาม
“เวรกรรมอะไรของชั้น ถึงต้องมาเจอเด็กแบบเธอด้วย ชั้นอยากตายๆ” กริสน์เอาหลังหัวโขกผนัง
“ฮ้า...เสร็จแระ ลูกพี่ๆๆ หันมานี่หน่อยสิ” จีจ้าบอก
“อะไรอีก”
“ล้างก้นให้หน่อย”
“หา!”
“ล้างก้นให้หน่อย”
“ล้างก้น..ล้างเองสิ อายุเท่าไหร่แล้ว”
“หกขวบ”
“ตั้งหกขวบแล้ว ต้องล้างก้นเองเป็นแล้ว ล้างเร็วๆ”
“จีจ้าไม่ล้าง มันสกปรก”
“แล้วจะมาให้คนอื่นล้างให้เนี่ยนะ..ราชินีนักบู๊ที่ไหนเค้าล้างก้นเองไม่เป็น ห๊า ล้างเองเดี๋ยวนี้”
“จีจ้าไม่เคยล้าง”
“น้าเธอไม่สอนเธอเลยหรือไง” กริสน์ถาม จีจ้าส่ายหัว
กริสน์จำใจต้องสอน เขาเดินเข้ามา ชี้ไปที่ฝักบัวชำระ แล้วพยายามหาคำพูดที่เหมาะกับเด็ก
“นั่น ฝักบัวชำระ หยิบมา อยากล้างส่วนไหน ก็ฉีดน้ำไปที่ส่วนนั้น แค่นี้เอง แล้วนั่นกระดาษ..เสร็จแล้วก็เอากระดาษมาเช็ดให้แห้ง”
จีจ้าหยิบฝักบัวมาดู หันใส่หน้าตัวเอง แล้วกด น้ำพุ่งใส่หน้าตัวเอง
“ฮะๆๆ สม..อยากล้างหน้าเหรอ” กริสน์หัวเราะเยาะ
จีจ้าหัวเราะสนุก เธอหันฝักบัวชำระมาทางกริสน์ แล้วกด น้ำพุ่งใส่หน้ากริสน์ทันที
“เฮ้ย อย่าให้มาทางชั้นสิ หยุดๆ”
จีจ้ายิ่งสนุกจึงฉีดน้ำไม่ยอมหยุด

รถของพิมมาดาแล่นมาจอดที่หน้าบ้านของเธอ ทุกคนเดินลงมาจากรถ เต๋ากับเต้ยวิ่งออกมาจากร้าน รถของมาวินปาดมาเทียบ
“พิมๆๆๆ คุณทำแบบนี้ไม่ถูก คุณต้องกลับไปแจ้งความใหม่ ว่ามีการติดต่อเรียกค่าไถ่ แล้วคุณก็รู้จักคนร้ายด้วย เราจะได้ช่วยกัน วางแผนจับมัน”
“โดยที่คุณไม่สนเลยใช่ไหมคะ ว่าคนร้ายจะทำอะไรจีจ้ารึเปล่า” พิมมาดาถาม
“สนสิ ทำไมจะไม่สน แต่เราต้องไม่ปล่อยให้คนชั่วลอยนวล ผมเอง ผมจะใช้วิชาการที่ร่ำเรียนมา ช่วยจีจ้าให้ได้ ผม..จะเป็นคนต่อรองกะคนร้ายเอง..ดีล่ะ..งั้นผมจะทวิตบอกนักข่าวทุกสำนัก ให้มารวมกันที่นี่เลย ดีไหม”
“โอ๊ย..คุณมาวินขา..เต๋าเข้าใจแล้ว ว่าทำไม อยู่ๆ คุณถึงร้อนใจนัก” เต๋าบอก
“สิ่งที่คุณสนใจ ไม่ใช่อะไรหรอก..นอกจากผลงานของคุณเอง” เต้ยเสริม
“สรุปว่าอยากมีผลงาน..อยากดัง..ว่างั้น” เค้กสรุป
“มาวิน คุณนี่ช่างเปลี่ยนท่าทีได้อย่างกับหน้ามือเป็นหลังมือในเวลาพริบตาเดียวเท่านั้นเอง ไม่อยากจะเชื่อ” พิมมาดาตัดพ้อ
“นี่..ผมตะหาก ที่ไม่อยากเชื่อ ดูคุณชิลด์ๆเหลือเกินนะ คุณไม่ห่วงหลานเลย ทั้งๆที่แกโดนจับไปเรียกค่าไถ่โดยแก๊งโจรร้ายข้ามชาติ ที่เรียกค่าไถ่เป็นยูโร”
“ก็เพราะชั้นห่วงหลานไง ถึงไม่ต้องการให้คุณมาเกี่ยวข้อง เอาเป็นว่า..ชั้นรู้แล้ว ว่าหลานชั้นอยู่กะใคร และชั้นจัดการเองได้ ไม่ต้องการการแจ้งความอะไรทั้งนั้น ตำรวจอย่างคุณไม่เกี่ยว ไป ไป๊” พิมมาดาไล่แล้วชี้ไปที่ประตู
“โอเคๆๆ แล้วถ้าพรุ่งนี้ คุณได้รับนิ้ว หรือหู หรือศรีษะยัยจีจ้าส่งมา อย่ามาร้องหาผมละกัน ขอเตือนไว้เลย ว่าแก๊งมาเฟียยุโรปน่ะ มันโหดกว่าที่คุณคิด ยัยจีจ้าต้องตาย..ตายเพราะน้าโง่ๆ อย่างคุณ”

มาวินพล่ามจบก็รีบขึ้นรถ แล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว

ภัทรดนัยกำลังนั่งหาข้อมูลในคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ้ค ในห้องที่เซฟเฮ้าส์ อยู่ๆ ก็มีน้ำหยดติ๋งๆ ลงบนพื้นตรงหน้า ภัทรดนัยเงยหน้าขึ้นมองเห็นเท้าใครคนหนึ่ง เขามองไล่ตามเท้าขึ้นไปก็เห็นกริสน์อยู่ในสภาพเปียกปอนทั้งตัว มีน้ำหยดติ๋งๆ

“จะอาบน้ำ ทำไมไม่ถอดชุดวะ” ภัทรดนัยถามประชด
“อาบบ้าอะไร ฝีมือยัยเด็กนั่นน่ะสิ เฮ้ย นั่นคอมพ์ชั้น แกเอามาจากไหน”
“ก็เป็นอย่างนึง ที่ชั้นขนออกมาได้ จากบ้านแก เจ๋งป่ะล่ะ”
“เจ๋ง”
“ไหนวะ ไฟล์หลักฐาน เรื่องธุรกิจยาเสพติดของนายอธิป”
“เป็นไฟล์เสียง...อยู่ในมิวสิคไลบรารี่ ชื่อ MUSIC IS MY LIFE”
ภัทรดนัยคลิกหาสักพักแล้วก็พูดออกมา “ไม่เห็นมี”
“มีสิวะ ลุกๆๆ” กริสน์ไล่ภัทรดนัย
ภัทรดนัยลุก กริสน์นั่งลงแทนแล้วคลิกหา
“เฮ้ย ไม่มีจริงๆด้วย” กริสน์บอก
จีจ้าเดินหาวเข้ามา “ฮ้าว จีจ้าง่วงแล้วค่ะ พาจีจ้าเข้านอนหน่อยสิคะ”
“ภัทรดนัย แกไปจัดการมั่งดิ เฮ้ย ไฟล์ชั้นหายไป” กริสน์ลนลาน
“อย่ามาตลก มันคือหลักฐานมัดตัวอธิปกับจตุพลทั้งหมด ที่แกทุ่มเทเวลาไปฝังตัวในแก๊งมันมาเลยนะเว้ย” ภทัรดนัยบอก
“เฮ้ย! มันหายไปจริงๆ หายไปได้ไง หรือว่า..อยู่ในถังขยะ รีไซเคิ่ลบิน” กริสน์สงสัย
“จีจ้าง่วงแล้วอ่า..ง่วงๆ” จีจ้าย้ำแล้วเดินมาสะกิดพร้อมกับชูแขนให้อุ้มพาไปเข้านอน กริสน์มองอย่างมึนๆ

กริสน์อุ้มจีจ้า เดินเข้ามาในห้องนอน เขาเปิดไฟดูรอบๆ ภัทรดนัยดึงผ้าปูเตียงออก กริสน์วางจีจ้าลงบนเตียง จีจ้าทำเหมือนหลับ พอกริสน์วางเสร็จจะลุกออกไป จีจ้ากลับคว้ามือเขาเอาไว้
“อะไรอีก” กริสน์ถาม
“เล่านิทานให้จีจ้าฟังหน่อย”
“นอนเฉยๆ นิ่งๆ เดี๋ยวก็หลับนะ”
จีจ้าลุกขึ้นมานั่ง “จะฟังนิทาน!”
“โอเคๆ เล่าก็ได้ๆ แต่อย่าตื่นนะ หลับตาไว้ๆ” กริสน์บอก จีจ้าทำท่างัวเงียแล้วนอนลงไป
“นิทาน..เอ่อ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว นาน....จนจำไม่ได้ จบ!”
“อ้า...ไม่เอาอ่ะ” จีจ้าโวยวายและทำท่าจะกรี๊ด
“โอย...ได้ๆ...กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเจ้าชาย”
“เจ้าหญิง” จีจ้าเปลี่ยนเนื้อเรื่อง
“มีเจ้าหญิงองค์หนึ่ง สวยมาก วันหนึ่ง เจ้าหญิงไปเดินตลาด เจอเจ้าชายขี่ม้ามา ทั้งคู่รักกัน แต่งงานกัน และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข”
“ไม่สนุกเลย เอาบู๊ๆ หน่อยสิ”
“หลังแต่งงานได้ไม่นาน เจ้าหญิงก็จับได้ว่าเจ้าชายเป็นสายลับตำรวจที่ปลอมตัวมาสืบเรื่องธุรกิจผิดกฏหมาย”
“เจ้าหญิงเลยสั่งทหารห้าสิบคนให้จับตัวเจ้าชาย” ภัทรดนัยต่อให้ “แต่เจ้าชายเก่งมาก ทั้งเตะต่อยโดดตีลังกาจระเข้ฟาดหางสู้จนทหารห้าสิบคนแพ้ราบคาบไปหมด”
จีจ้าลืมตาขึ้นอย่างตื่นเต้น “โว้ว สนุกๆ เอาอีกๆ”
“แล้วเจ้าชายก็หนีไปได้..จบภาคหนึ่ง พรุ่งนี้มาฟังภาคสองต่อนะ ตอนนี้นอนได้แล้ว นะ” กริสน์ตัดบท
“ไม่ง่วงแล้ว จะฟังต่อ”
“เฮ้ย!! ไม่ง่วงไม่ได้ ต้องนอน..นอนเดี๋ยวนี้” กริสน์เอาผ้าห่มคลุมหัวจีจ้า
“ไม่นอนๆ”
จีจ้าลุกขึ้นมาทั้งผ้าห่มแล้วเล่นสนุกสนาน หัวเราะคิกคัก มือไม้ปัดป่ายจนฟาดหน้ากริสน์กับภัทรดนัยไปหลายที
“ทนไม่ไหวแล้วนะ” กริสน์โพล่งขึ้น
จีจ้าพยายามลุก แต่กริสน์กระโดดไปขวางประตูแล้วใส่กลอน จีจ้าไม่ยอมนอน เธอมุดลงไปใต้เตียง กริสน์คว้าขาจีจ้าลากออกมาแล้วจับบังคับให้นอน พร้อมกับเอาผ้าห่มคลุมตัว จีจ้าดิ้นจนหลุดไปได้อีก
กริสน์กับภัทรดนัยวิ่งไล่จับจีจ้าไปทั่วห้อง

เวลาเดียวกันนั้น พิมมาดาเดินร้องไห้อย่างขมขื่นเข้ามาในห้องรับแขก เธอนั่งลงบนโซฟา พอหันหน้าไปที่ด้านหนึ่งก็ถึงกับชะงัก เมื่อเห็นรูปของพี่สาว และพี่เขย ที่กอดเด็ก 3 คนอยู่ หน้าตาของทุกคนในรูปยิ้มแย้มเบิกบาน พิมมาดาอึ้งไป
พร้อมกับที่ภาพเหตุการณ์ในอดีตเมื่อ 2 ปีก่อน ย้อนกลับมาในความคิดคำนึง
วันนั้น ที่ริมถนนแห่งหนึ่ง พิมมาดาเดินจูงเด็กๆ มาเป็นแถว มีพี่สาวพี่เขยช่วยดูแล
“ดูยายพิมสิ ยังกับลูกคนโตของเราเลย” พี่เขยแซว
พี่สาวหัวเราะ “ตอนพิมเกิด พลอยอายุ17 แล้วนี่คะ ตอนนั้นพลอยก็เลี้ยงพิมมาเหมือนกับเลี้ยงตุ๊กตาเลย”
“ใช่สิ พิมโกร๊ธ โกรธ ตอนพี่พลอยมียายแจ๊ส..พิมอิจฉา กลัวยายแจ๊สจะมาแย่งพี่พลอย..ที่พิมอุบอิ๊บแล้ว..ว่าเป็นแม่ของพิม” พิมมาดาบอก
ทุกคนหัวเราะพร้อมกัน
ทันใดนั้นเอง มีเสียงดังเอะอะอยู่ข้างหน้า มองไปเห็นคนกำลังมุงดูอะไรบางอย่างอยู่
“อะไรกันน่ะ คนตีกันเหรอ” พิมมาดาถาม
ในวงไทยมุง มีชายเมายาบ้ากำลังจับเด็กหญิงที่อยู่ในชุดนร.อนุบาลอยู่
“คนเมายาบ้าๆ” ชาวบ้านตะโกน
“อย่าทำเด็กๆ ปล่อยเด็กๆเดี๋ยวนี้” ชาวบ้านร้องบอกคนเมายาบ้า
ผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนเสียงดัง “ช่วยลูกชั้นด้วย..แกอย่าทำอะไรลูกชั้นนะ แกจะเอาอะไร บอกมาๆ ชั้นจะให้ทุกอย่าง ขอให้แกปล่อยลูกชั้น”
ชายเมายาบ้าชูปืนขึ้นชี้ฟ้า ส่วนมือนึงก็ลากเด็กไปด้วย “ไม่ปล่อยเว้ย ไม่ปล่อย ใครไม่อยากตาย อย่าแส่”
เด็กผู้หญิงร้องไห้จ้า
“ตายล่ะ..เราไปกันเถอะ นุ..น่ากลัวจัง” พี่สาวบอกทุกคน
“คุณพาเด็กๆไปซะ ผมจะไปช่วยเขาเอง” พี่เขยพูดแล้วแหวกคนเข้าไป
“พี่นุคะ..รอให้ตำรวจมาไม่ดีกว่าเหรอคะ” พิมมาดาบอก
พี่เขยหันมาพูด “กว่าตำรวจจะมา เด็กจะแย่เอาล่ะสิ พวกเรานั่นแหละ รีบไปไกลๆเลย” แล้วพี่เขยก็รีบเข้าไปทันที
พี่สาว พิมมาดาและเด็กๆ ยืนจูงมือกันอย่างละล้าละลังและลังเล พี่เขยค่อยๆ เดินเข้าไปหาคนเมายาบ้าอย่างระมัดระวังแล้วพูดกล่อม
“พี่ชายครับ..พี่ชาย..ใจเย็นๆนะครับ พี่ชายต้องการอะไร บอกผมสิ ครับ”
“ใครเป็นพี่มึง หา ไอ้แส่ ใครเป็นพี่มึง” ชายเมายาบ้าตะคอกกลับ
“เด็กร้องไห้ใหญ่แล้ว พี่สงสารเด็กเถอะครับ พี่ทำเด็กไม่มีทางสู้แบบนี้ ไม่ดีเลยนะครับ”
“แล้วมึงดีนักหรือ ถุย อยากเป็นพระเอกหรือมึง ไอ้ฟายเอ๊ย” ชายเมายาบ้ายิงเปรี้ยงมาที่พี่เขย ลูกปืนพุ่งเข้ากลางอกจนพี่เขยทรุดไป
พิมมาดา พี่สาว และเด็กๆ ต่างพากันร้องกรี๊ดด้วยความตกใจ
“นุ! นุ” พี่สาวตะโกนสุดเสียงแล้วก็ปล่อยมือทุกคนด้วยความลืมตัว เธอวิ่งแหวกคนเข้าไปหาแฟนทันที
“นุ..นุโดนยิง ช่วยด้วยๆๆ” พี่สาวเข้าไปประคองพี่เขยทันที
ชายเมายาบ้าตกใจจึงหันปืนมายิงใส่พี่สาวอีกนับไม่ถ้วน เป็นจังหวะเดียวกับที่แจ๊สและโจ๊กมองเห็นเหตุการณ์ก็ช็อคจนถึงกับนิ่งไป
พี่สาวฟุบลงไปนอนทับบนตัวพี่เขย ผู้คนวิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่น พิมมาดาร้องกรี๊ด รีบกอดเด็กๆทั้ง3 ไม่ให้หันไปมอง
ทันใดนั้นตำรวจก็มาถึงพอดี
“หยุดเดี๋ยวนี้..ทิ้งปืน!”
ชายเมายาบ้าหันไปกระชากมือเด็กผู้หญิงมาแล้วทำท่าจะยิงเด็ก ด้วยความแม่นปืนตำรวจยิงไปที่คนเมายาบ้าทันที ชายเมายาบ้าล้มลง
ตำรวจอีกหลายคนพุ่งเข้ามาช่วยเด็กที่คนร้ายจับแขนเอาไว้แน่น พิมมาดากอดเด็กๆ ไม่ให้เข้าไปหาพี่สาวกับพี่เขยที่นอนแน่นิ่งอยู่
“พี่พลอยๆๆ ฮือๆๆ ไม่นะ ไม่เอา ต้องไม่ใช่อย่างนี้สิ ไม่ๆ” พิมมาดาคร่ำครวญ เด็กๆ ก็ร้องไห้กันระงม
พิมมาดาร้องไห้โฮ แจ๊สกับจีจ้าก็ร้องไห้ไม่หยุด โจ๊กแอบมองร่างไร้วิญญาณของพ่อกับแม่ผ่านช่องแขนของพิมมาดา เขาร้องไห้แต่ก็มีแววตาแค้นและมุ่งมั่น
กลับมาที่ปัจจุบัน พิมมาดาที่นั่งร้องไห้เพราะสงสารตัวเองค่อยๆ สงบลง พิมมาดายื่นมือไปหยิบรูปครอบครัวของพี่สาวขึ้นมาแล้วใช้นิ้วลูบกระจกกรอบรูปเบาๆ
“พี่นุ..พี่พลอย..พิมขอโทษค่ะ..พิมต้องทำให้ได้ พิมจะต้องไม่ยอมแพ้ พิมสัญญา ว่าพิมจะทำหน้าที่แทนพี่สองคน เลี้ยงหลานให้ดีที่สุดค่ะ”
สีหน้าพิมมาดามุ่งมั่น

ในห้องนอนที่เซฟเฮ้าส์ จีจ้าเริ่มเคลิ้มและนิ่งไป มีเสียงของกริสน์กับภัทรดนัยกำลังร้องเพลงกล่อม ทั้งสองพยายามร้องเพลงและเต้นเพื่อกล่อมจีจ้า
กริสน์กับภัทรดนัยร้องเพลงสลับกันคนละท่อน ภัทรดนัยโชว์สเต็ปเต้นอย่างเต็มที่ จีจ้าค่อยๆ หลับไป ทั้งสองยังคงร้องไป เต้นไป ส่วนจีจ้าก็ผลอยหลับไปเรียบร้อยแล้ว

เช้าวันใหม่ ที่บ้านพิมมาดา พิมมาดาอยู่ในสภาพอ่อนเพลียเพราะไม่ได้นอนทั้งคืน เธอนั่งพิงขั้นบันไดหน้าบ้านอยู่กับโจ๊กและแจ๊สอย่างหมดอาลัย
เต๋าเดินถือถาดที่มีถ้วยนมร้อน 3 ถ้วยเข้ามาให้
“รับอาหารเช้ากันก่อนนะคะ ทุกคน เพื่อเตรียมเผชิญสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ เราต้องมีพลังกาย พลังใจที่แข็งแกร่งก่อนค่ะ”
“คอยดู ถ้าจีจ้าเป็นอะไร โจ๊กจะตามล่ามันให้สุดขอบโลก โจ๊กจะไม่เป็นคนดีแล้ว เราจะเป็นคนดีไปทำไม เมื่อคนดี ต้องแพ้คนเลว” โจ๊กพูดอย่างมุ่นมั่น
“ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะโจ๊ก” เค้กถาม
“จะไปโทษผู้ร้ายไม่ได้หรอก โจ๊ก ที่จีจ้าหนีไป เพราะใครคือต้นเหตุ” แจ๊สบอก
“แจ๊ส..หมายความว่าไง” พิมมาดาถาม
เต้ยยกจานขนมปังทาเนยเข้ามาพอดี “โธ่ๆๆ ไม่เอานะคะ ไม่เอาๆ เราก็เหลือกันอยู่แค่นี้ อย่าตีกันนะคะ คุณน้า คุณหลาน”
“เต้ยหาว่าชั้นตีกับหลานเหรอ เต้ยหาว่าชั้นเป็นเด็ก.. เต้ยพูดแบบนี้ได้ไง” พิมมาดาเริ่มฉุน
“เห็นไหม ก็แบบนี้ทุกที..ถือว่าตัวเองตัวโตกว่า เสียงดังกว่า อย่างนี้แจ๊สหนีไปให้โจรมันหั่นเป็นชิ้นๆแล้วส่งมาให้คนบ้านนี้เป็นที่ระลึกมั่งดีกว่า”
“มา..งั้นมาเลย น้าจะเป็นคนหั่นแจ๊สเอง” พิมมาดาถือที่ทาแยมขึ้นมา “จะให้หั่นตรงไหนก่อนล่ะ”
“พอแล้ว...พิม!! หยุด...อย่าทะเลาะกันเลย” เค้กปราม
พิมมาดาวิ่งไล่แจ๊ส แจ๊สวิ่งหนีไปรอบๆ ตัวเต๋า เต้ยร้องวี้ดๆ
“แจ๊สสู้ๆๆ แจ๊สสู้ๆๆ” โจ๊กเชียร์
ทันใดนั้นก็มีบุรุษไปรษณีย์ขี่มอเตอร์ไซค์มาหยุดกดออดที่หน้าบ้าน
“คุณพิมมาดา เซ็นรับพัสดุด้วยครับ”
“พัสดุ..” พิมมาดาตกใจ ปล่อยที่ทาแยมหล่นลงพื้น “ไม่นะ..ไม่จริง จีจ้า ฮือๆๆ”
บุรุษไปรษณีย์ทำหน้างงๆ เต๋ารีบเซ็นต์รับพัสดุ
“ทำใจดีๆก่อนค่ะคุณพิม มันอาจจะไม่ใช่อะไรอย่างที่เราคิดก็ได้..เต๋าเปิดดูนะคะ” เต๋าค่อยๆเปิดกล่องออก “หู..”
“หู..หูจีจ้าใช่มั้ย..จีจ้า!” พิมมาดาตกใจ
“ไม่..ไม่จริง” แจ๊สกับโจ๊กประสานเสียง
บุรุษไปรษณีย์ตกใจ รีบขับมอเตอร์ไซด์ออกไปอย่างรวดเร็ว
“หูว์ว์ว์...” เต๋าหยิบของในกล่องออกมา เป็นน้ำหอมในขวดแก้วสวย “น้ำหอม”
“ของเต้ยค่ะ สั่งซื้อทางอินเตอร์เนท..มาถึงเร็วกว่าที่คิดนะเนี่ย” เต้ยรีบบอก
“อีบ้า ทำตกใจหมดเลย..แล้วทำไมไม่ซื้อในชื่อตัวเอง” เต๋าดุ
“ก็ชั้นอายอ่ะ เดี๋ยวเค้ารู้ว่าชั้นใช้น้ำหอมกลิ่นอียิปเชี่ยนไวอะกร้า”
“แกจะอายทำไม เค้ารู้จักแกหรือไง” เต๋าถาม
อยู่ๆ พิมมาดาก็ร้องไห้โฮเหมือนสุดทน เพราะรู้สึกว่าทำอะไรไม่ได้แล้ว ทุกคนมาช่วยปลอบ
“คุณพิม” เต๋าหันมาต่อว่าเต้ย “ดูสิเพราะแกคนเดียวเลย”
“คุณพิมขา..เต้ยไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษนะคะๆ..อย่าเศร้านะคะ เดี๋ยวเต้ยให้ลองอียิปเชี่ยนไวอะกร้านะคะ จะได้สดชื่น”
“อีเต้ย!” เต๋าตวาด
พิมมาดาหันไปเห็นขวดน้ำหอมก็นึกถึงสุขสันต์ เธอลุกพรวดพราดด้วยแววตามีประกายทันที
“นึกออกแล้ว”

ณ คฤหาสน์สุดหรูของสุขสันต์ สุขสันต์ในชุดทักซิโด้กำลังดูความเรียบร้อยของตัวเองหน้ากระจกเขามีท่าทางอารมณ์ดี ยืนเช็กความหล่อในทุกๆมุม โดยมีลูกน้องคอยช่วยจัดเสื้อ จัดเนคไท จัดทรงผมให้
สุขสันต์ยกมือให้สัญญาณ พวกลูกน้องเก็บอุปกรณ์แล้วพากันเดินออกไป
สุขสันต์เลือกนาฬิกาที่มีอยู่เป็นคอลเล็คชั่นมาสวม อยู่ๆ โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้ๆ กันก็ดังขึ้น สุขสันต์มองหาโทรศัพท์แล้วหยิบขึ้นมา
สุขสันต์ดูเบอร์ แล้วยิ้มทันที “สวัสดีครับคุณพิมมาดา..มีอะไรให้ผมรับใช้เหรอครับ..วันนี้เหรอ อืม ยังพอว่างอยู่ครับ..ได้สิครับ..งั้นเดี๋ยวสักพักผมไปหาคุณที่ร้านนะครับ..ไม่ต้องเกรงใจครับ สำหรับคุณพิมแล้ว ผมว่างเสมอ..แล้วเจอกันครับ”
สุขสันต์วางสายพร้อมกับยิ้มหน้าบาน

ที่เซฟเฮ้าส์ กริสน์กับจีจ้านอนก่ายกันอยู่ที่พื้นห้อง เท้าของจีจ้าเกยอยู่บนยอดอกของกริสน์ ทั้งคู่หลับสนิท แต่สักพักก็มีเสียงดังแก๊กขึ้นมา
กริสน์ลืมตาพร้อมกับยันตัวขึ้นมาเพื่อฟังเสียงที่เกิดขึ้น เขามีสัญชาตญาณระวังตัวทันที
“จีจ้า..จีจ้า..ตื่น” กริสน์เรียก
จีจ้าสะดุ้งแล้วลุกมานั่ง “ค่า ตื่นแล้วค๊า”
เสียงคนเดินเข้ามาใกล้ขึ้นๆ มาหยุดที่หน้าห้องนอน กริสน์ลุกไปที่หน้าประตู จีจ้าล้มตัวหลับต่อทันที
มีคนบิดลูกบิดจากภายนอก กริสน์เตรียมพร้อม ทันใดนั้นเองประตูก็เปิดออก
กริสน์คว้าคอคนที่มา เขาชกเข้าที่หน้าแล้วกระชากมาจับทุ่มกดลงไปกับพื้นอย่างรวดเร็วทันที
“ไอ้ภัทรดนัย” กริสน์เซ็ง
“เออ ชั้นเอง.....โอ๊ยยย 3หมัดแล้วนะไอ้บ้า แกอัดเพื่อนแกยังงี้กี่ทีแล้ว ชั้นจะตายก็เพราะแกนี่แหละ โอย”
“ใครให้แกมาเงียบล่ะวะ ชั้นก็คิดว่าใครจะมาทำอันตราย”
“แกจะให้ชั้นร้องตะโกนก่อนเข้ามาหรือไง..เอ้า ตื่นยังวะ จะบุกเข้าไปแล้วนะโว้ยยยยย..ยังงี้เหรอ ไอ้บ้า”
ทันใดนั้นเอง กลุ่มมือสังหารอาชีพก็ปีนแล้วกระโดดเข้ามาทางหน้าต่างห้อง อีกคนเปิดประตูห้องเข้ามา ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มือสังหารต่างถือปืนเล็งไปที่กริสน์และภัทรดนัย กริสน์และภัทรดนัยยืนหลังชนกันแล้วยกมือขึ้นทันที
“ยอมแล้ว อย่ายิง” ภัทรดนัยบอก
ชายมือสังหารคนหนึ่งเล็งปืนไว้ เมื่อเห็นว่าได้ตัวแน่แล้ว ก็หันไปให้สัญญาณผ่านว. “ได้ตัวเป้าหมายแล้ว”
อยู่ๆ จีจ้าก็ลุกขึ้นมานั่ง
“เงียบๆหน่อย คนจะนอน”
มือสังหารทั้งสองตกใจที่มีเด็กอยู่ด้วยเพราะไม่ได้คาดคิดมาก่อน กริสน์กับภัทรดนัยอาศัยจังหวะนั้น ซัดสองมือสังหารจนกระเด็นคว่ำไปทันที
“หนีเร็ว!” กริสน์ตะโกนบอก
กริสน์หันไปมองพบว่าภัทรดนัยกำลังลากผู้ร้ายคนหนึ่งเข้าไปในห้องน้ำ
“อ้าว ทำอะไร ไอ้ภัทรดนัย”
“แกพาเด็กไปเลย เดี๋ยวชั้นจัดการทางนี้ก่อน”
กริสน์หันไปปลุกจีจ้า “จีจ้า...ตื่นเร็ว!”
“ค่า ตื่นแล้วค๊า”
“มาเร็ว” กริสน์จะวิ่งไปแต่ก็ต้องชะงักเพราะจีจ้าล้มลงไปนอนอีก “จีจ้า!! ตื่นๆๆ”
จีจ้าไม่ยอมตื่น กริสน์รีบช้อนตัว อุ้มจีจ้าขึ้นมา “เกาะไว้”
จีจ้านอนเผละ ไม่เกาะ ไม่จับอะไรทั้งนั้น
“จีจ้าเกาะชั้นหน่อย จะเป็นราชินีนักบู๊ก็ตื่นมาบู๊สิ อย่าเอาแต่หลับ เกาะชั้นเร็วๆ” จีจ้าเอาแต่หลับ “ทีอยากให้เกาะไม่เกาะนะ!”

กริสน์อุ้มจีจ้าจะวิ่งออกประตู แต่ก็ต้องรีบเบรคเพราะมีมือสังหารอีกคนวิ่งเข้ามา
“เฮ้ย!”
“ชู่ว์..........เบาๆ เดี๋ยวเด็กตื่น..เก็บปืนด้วย!” กริสน์กระซิบเสียงเบา
กริสน์ทำเป็นกล่อมเด็กหลอกล่อ ผู้ร้ายงงๆ กริสน์ฉวยโอกาสโยนจีจ้าให้ผู้ร้าย ผู้ร้ายปล่อยปืนตกพื้นแล้วรับจีจ้าเอาไว้ กริสน์เตะผู้ร้ายกระเด็นคว่ำไปแล้วแย่งจีจ้าคืนมา จีจ้ารู้สึกตัวขึ้นมาพอดี
“ลูกพี่จะสอนคิวบู๊แล้วเหรอ” จีจ้าสลึมสลือ
“ตายๆๆ” กริสน์เซ็ง
กริสน์ผงะเพราะได้ยินเสียงมือสังหารอีก3-4 คนกำลังวิ่งกรูกันขึ้นมา กริสน์ถอยกลับเข้าห้อง กดล็อกประตู แล้วรีบเลื่อนข้าวของมาบังประตูเอาไว้
ภัทรดนัยออกมาจากห้องน้ำโดยใส่ชุดของผู้ร้ายซึ่งมีผ้าคลุมหน้าด้วย
“ลูกพี่ ผู้ร้ายมาแว้ว” จีจ้าตะโกนบอกแล้ววิ่งไปเตะหน้าแข้งภัทรดนัยเต็มแรง
“อ๊ากก.”
ภัทรดนัยเปิดหมวกคลุมหน้าออกมา
“เตะทำไม...ชั้นเอง...เจ็บนะ”
“อ้าว...น้าเอง นึกว่าผู้ร้ายอ่ะ”
“สมแล้ว” กริสน์บอก
กริสน์มองหาทางหนีใหม่ เขาวิ่งไปที่หน้าต่างเห็นเชือกที่ผู้ร้ายคนแรกใช้เหวี่ยงตัวเองเข้ามาก็พูดกับตัวเอง
“เอาไงดีวะๆ”
กริสน์เห็นตะกร้าผ้าล้มอยู่ เขายกเท้าสะกิดให้ตะกร้ากระเด้งขึ้นมาตั้ง แล้วเอาจีจ้าใส่ลงไปในตะกร้า จากนั้นก็ถอดเข็มขัดมาคล้องเข้ากับหูตะกร้าทั้งสองข้าง
ประตูที่โดนทุบโดยกลุ่มมือสังหารเริ่มพังแล้ว กริสน์หิ้วตะกร้าที่มีจีจ้าไปที่หน้าต่าง เขาใช้มืออีกข้างจับเชือกไว้แล้วปีนลงทันที
“คุ้มกันชั้นด้วยนะ”
“ได้...ไปเลยเร็ว” ภัทรดนัยบอก
กลุ่มมือสังหารพังประตูเข้ามาพอดี ทั้งหมดพุ่งเข้ามาเป็นพรวน ภัทรดนัยรีบปิดที่คลุมหน้า
“ไปไหนแล้ว” กลุ่มมือสังหารถามภัทรดนัยที่คลุมหน้าอยู่
ภัทรดนัยรีบบอก “เฮ้ย...มันออกไปทางเดิมแล้ว” ภัทรดนัยชี้ไปทางที่กลุ่มมือสังหารพังเข้ามาแล้วรีบวิ่งสวนออกไป
“อะไรวะ...ไปยังไงวะ แล้วทำไมไม่เห็น ไป...!” กลุ่มมือสังหารงงแต่ก็รีบวิ่งตามภัทรดนัยไป

ที่หลังบ้านกริสน์ จีจ้าที่อยู่ในตะกร้าถูกหย่อนลงมาด้วยเชือก พอถึงพื้นจีจ้าก็รีบแก้ปมเชือกออก สักพักกริสน์ก็ค่อยๆ รูดตัวลงมาด้วยเชือกเส้นนั้น
จีจ้าล้วงหยิบยาในกระเป๋าของตัวเองออกมาแล้วกำลังจะพ่นให้ตัวเอง แต่อยู่ๆ มือสังหารคนหนึ่งก็โผล่หน้าขึ้นมา
“ว้าย” จีจ้าตกใจจนทำยาพ่นหลุดมือแล้วกลิ้งหล่นลงไปที่พื้นข้างล่าง
“เก็บปืนก่อนดีมั้ย..เด็กอยู่นะ..เดี๋ยวจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อเยาวชน จริงมั้ย” กริสน์บอกมือสังหาร จีจ้าพยักหน้าเห็นด้วย
มือสังหารเก็บปืน กริสน์เข้าไปต่อสู้ทันที เขาเตะกวาดมือสังหารจนหงายหลังก้นจ้ำเบ้า แล้วจะหนี
“ยาพ่น” จีจ้าร้องบอก
“ชู่ว์...รู้แล้วๆ” กริสน์ทำสัญญาณให้เบาเสียง
กริสน์มองไปเห็นยาพ่นอยู่ที่พื้นอีกด้าน เขาจะเข้าไปเก็บขึ้นมา แต่ยังไม่ทันได้เก็บกลุ่มมือสังหารก็วิ่งมาคว้ายาพ่นตัดหน้าไป กริสน์กับมือสังหารที่หยิบยาพ่นต่างก็ชะงักไป
“ยาของเด็ก ขอเถอะ” กริสน์บอก
“แลกกับตัวแก”
“บ้า..อยู่ๆมาขอตัว ผู้ชายเหมือนกันนะ” กริสน์พูดทีเล่นทีจริง
“ไม่ตลก”
กริสน์จ๋อย “ไม่ชอบตลกเหรอ งั้น..บู๊ล่ะชอบมั้ย”
กริสน์ถีบเปรี้ยงเข้าไปที่มือสังหารคนนั้นแล้วแย่งยาพ่นมาได้ เสียงจีจ้าร้องดังมาจากอีกด้าน กริสน์หันไปมองพบว่าจีจ้ากำลังถูกมือสังหารอีกคนดึงตัวออกจากตะกร้า จีจ้ากัดมือชายคนนั้นแล้วรีบวิ่งไปหากริสน์
“ไม่รู้จักจีจ้าราชินีนักบู๊ซะแล้ว ย๊าก”
“จีจ้า มานี่” กริสน์เรียก
จีจ้ารีบวิ่งไปกระโดดเกาะกริสน์แน่น โดยที่เธอมีอาการหอบ
“เป็นคนหรือเป็นปลิงวะเนี่ย”
กริสน์รำพึงแล้วรีบเอาไม้แถวนั้นตีผู้ร้ายจนสลบฟุบคาที่แล้วเขาก็ตั้งท่าจะหนี
“ยา..”จีจ้าถาม
“อยู่นี่ เอ้า”
กริสน์กำลังจะพ่นยาให้จีจ้า แต่มือสังหารอีกคนโผล่มาจากอีกด้าน
“เก็บปืนก่อนเถอะ มีเด็กป่วยเป็นหอบอยู่...ขอพ่นยาก่อนนะ”
กริสน์บอก จีจ้าทำเป็นหอบ แต่มือสังหารไม่บ้าจี้ด้วย เขายกปืนขึ้นมายิงเฉี่ยวกริสน์ไปนิดเดียว
“เฮ้ย...ยิงจริงโว้ย ใจดำจริงๆ บอกมีเด็กยังยิงอีก” กริสน์บ่นแล้วรีบพาจีจ้าหนี เขาหาจังหวะพ่นยาให้จีจ้า ซึ่งพ่นได้หนึ่งครั้ง มือสังหารก็ยิงมาอีกเป็นชุด
กริสน์กับจีจ้าหลบกันเป็นพัลวัน
“ต้องพ่นสองที” จีจ้าบอก
“แล้วไม่บอกก่อนเล่า วุ้ย” กริสน์หนีไป พูดไป เขาวิ่งหนีไปทางหน้าบ้าน “อย่ายิงนะ เดี๋ยวโดนเด็ก”
มือสังหารไม่สนใจยังคงยิงต่อ กริสน์เห็นท่าไม่ดีจึงควักปืนออกมาบ้าง
“พูดไม่ฟัง ตาชั้นยิงมั่งละนะ”
“เอาเลยลูกพี่...เย้ๆ...แฮกๆๆ” จีจ้าเชียร์แต่ก็เริ่มหอบหนัก “ฮา...ฮา...ลูกพี่”
“หอบแล้วยังจะพูดมากอีก” กริสน์พูดแล้วยิงสวนออกไป
กริสน์ได้จังหวะรีบพ่นให้จีจ้าอีกรอบ จังหวะที่เขาวิ่งหนีออกไปหน้าบ้านมีมอเตอร์ไซค์มือสังหารขี่มา กริสน์ทำท่าจะยิง แต่คนขับเปิดหน้ากากหมวกกันน็อกออก กริสน์จึงเห็นว่าเป็นภัทรดนัย
“อย่ายิง ชั้นเอง ขึ้นมาเร็ว!”
กริสน์อุ้มจีจ้ากระโดดขึ้นไปซ้อน มือสังหารวิ่งมาดัก ภัทรดนัยโยนปืนอีกกระบอกให้กริสน์ กริสน์ยิงสวนไปทั้งซ้ายและขวา ภัทรดนัยขี่มอเตอร์ไซต์หนีไปได้ กลุ่มมือสังหารถึงกับเซ็งรีบหยิบมือถือขึ้นมากดเบอร์
“มันหนีไปได้ครับ คุณจตุพล”

ที่ร้านดอกไม้ สุขสันต์สั่งการพวกลูกน้องแล้วจึงแยกออกมาหาพิมมาดาที่กำลังร้อนใจอยู่ ฉัตรชัยเดินตามมาติดๆ
“คุณพิมไม่ต้องกังวลนะครับ ผมกระจายข่าวไปทางทุกสถานีตำรวจ ส่งรูปเด็กไปให้หมดแล้วนะ ผมจะเป็นธุระเรื่องตามหาจีจ้าให้เอง ถ้าลูกน้องผมได้อะไรคืบหน้า ผมจะรีบบอกให้คุณทราบ” สุขสันต์บอก
พิมมาดายกมือไหว้ “พิมขอบคุณคุณสุขสันต์มากนะคะ พิมไม่รู้จะพึ่งใครแล้วจริงๆ”
“ผมสิต้องขอบคุณคุณพิมมาก ที่คุณพิมคิดถึงผมเวลาที่มีปัญหา..ขอบคุณมากนะครับ”
“คุณสุขสันต์พูดจากใจจริงๆนะครับ ไม่ได้พูดเพราะหาเสียง” ฉัตรชัยรีบเสริม
“ดิฉันไม่ได้คิดแบบนั้นซะหน่อย” พิมมาดาบอก
เค้ก เต๋าและเต้ยที่แอบมองอยู่มุมหนึ่งของร้านแอบฮือฮากัน สักพัก โจ๊กกับแจ๊สเดินเข้ามามอง
“จีจ้ายังหายตัวไป น้าพิมยังมีอารมณ์นัดเดทอีกเหรอครับ” โจ๊กถาม
“โจ๊ก! อย่าพูดอะไรเหลวไหล” พิมมาดาดุหลาน
โจ๊กหันไปเห็นแววตาสะใจของสุขสันต์ เขาจึงถลึงตาสู้
“โจ๊ก แจ๊ส ทำไมไม่สวัสดีผู้ใหญ่” พิมมาดาบอกหลานทั้งสอง
โจ๊กสบตาแจ๊ส แล้วต่างพากันไหว้กราดท่วมหัวแบบประชด
“เอ่อ ผมว่า ผมขอตัวกลับก่อนดีกว่านะครับคุณพิม..พอดีผมมีสัมมนาอนาคตเด็กไทยด้วย ต้องรีบไปเตรียมตัวซะหน่อย” สุขสันต์ขอตัว
“ค่ะๆ พิมขอโทษด้วยนะคะ”
ทันใดนั้นเองจีจ้าก็วิ่งกลับเข้ามา “กลับมาแล้วค่า”
“จีจ้าๆ” เค้ก โจ๊กและแจ๊สพูดขึ้นพร้อมๆกัน
“จีจ้า!” พิมมาดา โจ๊ก และแจ๊สประสานเสียงแล้วทั้ง3 ก็โผกอดจีจ้าทันที “จีจ้าไม่เป็นอะไรนะ แขน ขา หูยังอยู่ครบใช่มั้ย จีจ้า แล้วนี่ เธอกลับมาได้ยังไง หนีออกมาเหรอ”
จีจ้ายิ้ม “มีคนมาส่ง”
พิมมาดาเอะใจ

กริสน์ยืนอยู่ที่หน้าร้านดอกไม้ พิมมาดาเดินจ้ำออกมา
“ผมเอาหลานคุณมาส่งแล้วนะ ต่อไปก็ดูแลดีๆ อย่าให้..”
กริสน์ยังไม่ทันพูดจบ พิมมาดาก็เดินพรวดเข้าไปตบหน้าเขาอย่างแรงทันที จากนั้นพิมมาดาก็ไล่ทุบตีกริสน์เป็นชุด “คนเลว นายมันไม่ใช่คน จิตใจนายทำด้วยอะไร ทำได้แม้แต่เด็กตัวเล็กๆ ไอ้ชั่ว ไอ้บ้า โรคจิต สารเลว”
“เฮ้ย อะไรเนี่ยคุณ หยุดๆๆๆ ฟังผมก่อนๆ โว้ย ฟังก่อนได้มั้ย!! ผมไม่ได้ลักพาตัว จีจ้าตามผมไปเอง..ผมจะเอามาคืนให้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่คุณพูดมาก ไม่ฟังอะไรเลย ผมก็เลยแกล้ง..แต่ผมไม่เอาอีกแล้วเด็กคนนี้ เอาคืนไป”
“โกหก ชั้นจะแจ้งตำรวจจับนายเข้าคุก” พิมมาดาไม่เชื่อ
“นี่คุณ!! ก่อนจะมาด่าผม ด่าการเลี้ยงหลานของคุณเองก่อนเถอะ เลี้ยงประสาอะไร สะเพร่าสุดๆ..ถ้าวันนึงจีจ้าหนีออกจากบ้าน แล้วไปเจอคนที่คิดไม่ดีจริงๆเข้า จะเป็นยังไง”
จีจ้าวิ่งตามออกมาแล้วพูด “จีจ้านั่งมอไซค์ตามลูกพี่กริสน์ไปเองจริงๆ น้าพิมอย่าว่าลูกพี่กริสน์เลยนะ แล้วเดี๋ยวพี่เต๋าเอาค่ามอไซค์ไปจ่ายพี่ตุ้ย วินเบอร์8 50บาทด้วยนะคะ”
พิมมาดาอึ้ง
“ซึ้งยังล่ะทีนี้” กริสน์พูดแล้วจะเดินหนีไป แต่บอดี้การ์ดของสุขสันต์ขวางอยู่ พวกบอดี้การ์ดตรงเข้าล็อกตัวแล้วหิ้วปีกกริสน์ทันที
“เฮ้ยๆๆ อะไรเนี่ย”
โจ๊ก แจ๊ส เค้ก เต๋า และเต้ยตามออกมาดู
“คุณพิมจะให้ผมจัดการให้ยังไงดีครับ..จับส่งตำรวจดีมั้ยครับ ผมสามารถเรียกตำรวจมาจับมันได้เดี๋ยวนี้เลย” ฉัตรชัยถาม
“อย่าทำอะไรลูกพี่กริสน์นะ ปล่อยๆ” จีจ้ากำหมัดแล้วตั้งท่า “ปล่อยพี่กริสน์เดี๋ยวนี้ ไม่งั้นอย่าหาว่าไม่เตือน” จีจ้าวิ่งเข้าไปตีฉัตรชัย “คนเลว นิสัยไม่ดี ปล่อยๆๆ”
“ไม่เอาน่าจีจ้า...หยุด...มาอยู่กับอา” เค้กปรามแล้วดึงจีจ้าออกมาจากฉัตรชัย
“ว่ายังไงครับคุณพิม” สุขสันต์ถามซ้ำ
“พิม...ชั้นว่า...อย่าไปเอาเรื่องเขาเลยนะ...นะๆ” เค้กบอก
“ปล่อยเค้าไปเถอะค่ะ” พิมมาดาบอก สุขสันต์ให้สัญญาณ พวกบอดี้การ์ดจึงปล่อยตัวกริสน์ เค้กทำท่าโล่งอก
“เราเข้าร้านกันเถอะค่ะ” พิมมาดาบอก
“ใช่ๆ เด็กๆ เข้าร้านกันดีกว่านะ” เค้ก เต๋าและเต้ยประสานเสียง
“เชิญครับ” สุขสันต์ผายมือบอก
กริสน์นั่งอยู่กับพื้นมองไปที่พิมมาดากับสุขสันต์ แต่แล้วก็ไปสะดุดตากับแหวนเพชรเม็ดเป้งที่สวมอยู่ในนิ้วมือของสุขสันต์
ภาพแหวนของนายทุนคู่ค้าในวันที่เจรจากับอธิป ผุดขึ้นมาในความคิด กริสน์จำได้ นึกออกทันที
“เฮ้ย”
สุขสันต์ และพิมมาดาชะงัก หันกลับมามองเป็นเชิงถามว่ามีอะไร เรียกทำไม
“เอ่อ คือ..เปล่า..ไม่มีอะไร๊”

เวลานั้นภัทรดนัยอยู่ในชุดสูท ดูดีผิดปกติ กำลังกดสเลอปี้อยู่ จู่ๆ กริสน์ซึ่งใส่เสื้อมีฮู้ดปิดบังอำพรางตัวเอง เดินเข้ามาจากด้านหลัง จับตัวภัทรดนัยเขย่าอย่างดีอกดีใจ
“ชั้นเจอแล้วๆๆๆๆๆๆ”
ภัทรดนัยเจอเขย่าๆๆๆๆๆ
“โว้ย สเลอปี้กระฉอกหมดแล้ว อะไรของแก เจออะไร”
“แกจำได้มั้ย ที่ชั้นบอกว่าชั้นไม่เห็นหน้านายทุนใหญ่ที่เจรจาธุรกิจผิดกฎหมายกับเสี่ยอธิป แต่ชั้น
เห็นว่ามัน” กริสน์ชูมือขึ้นมา “สวมแหวนเพชรเม็ดเป้งที่” ค่อยๆ หดนิ้วอื่นๆ ลงจนเหลือแค่นิ้วชี้ “นิ้ว..ชี้มือขวา”
ภัทรดนัยรู้สึกโล่งอกเอ่ยออกมา “ดีนะที่เป็นนิ้วชี้”
“แล้วชั้นก็เจอแล้วเว้ย” กริสน์บอก
“เจอแหวน” ภัทรดนัยเดา
“เจอคนดิวะ”
“จริงเหรอวะ มันคือใคร”
“มัน” กริสน์ชี้ไปที่แผงหนังสือพิมพ์ในร้าน
ภัทรดนัยมองตามไป เห็นเป็นสุขสันต์ก็ตาโต ตกใจ แล้วอยู่ๆ ก็หันมาตบกบาลกริสน์ ดังเพี๊ยะ
“เฮ้ย แกตบชั้นทำไมวะ” กริสน์งงๆ
“ไอ้ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง คุณสุขสันต์เค้าเป็นคนดี เป็นนักการเมืองน้ำดี ทำเพื่อประชาชน เพื่อเด็กๆ และ
เยาวชนของชาติ ไปกล่าวหาเค้าทำไม”
“ชั้นพูดจริงๆ”
“ชั้นไม่เล่นด้วยนะ”

“ชั้นขอบใจแกมากที่ไม่เคยทิ้งกัน เราสองคนจะช่วยกันสืบให้รู้ให้ได้ว่าส.ส.สุขสันต์และพวกอธิปอยู่
เบื้องหลังธุรกิจผิดกฎหมายอะไร..งานนี้ถ้าทำสำเร็จ เราสองคนจะล้างมลทิน ข้อกล่าวหาทั้งหมด ชั้นจะได้กลับมายืนอยู่ในสังคมนี้ได้อย่างเปิดเผยอีกครั้ง” กริสน์พูดชวนซึ้ง
“ชั้นบอกว่าชั้นไม่เล่นด้วย เข้าใจมั้ย ไม่ๆๆๆ”
ภัทรดนัยพูดย้ำ บอกให้รู้ว่ายังไงก็ไม่เล่นด้วย แต่กริสน์ไม่สนเอาแต่กอดภัทรดนัยอยู่อย่างนั้น
“ขอบใจแกมากไอ้เพื่อนรัก”

ภัทรดนัยทำหน้าเอือมระอาอย่างเต็มกลืน










Create Date : 31 มกราคม 2555
Last Update : 31 มกราคม 2555 13:11:54 น.
Counter : 373 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]