All Blog
มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 4 (ต่อ)




เปลวเทียนวูบไหววิบวับตามแรงลม ยิ่งทำให้บรรยากาศโรแมนติกมากขึ้น พิมมาดานั่งอยู่ตรงข้ามกับสุขสันต์ ในร้านอาหารสุดหรู บนยอดตึกใบหยก พนักงานเสิร์ฟรินไวน์ขาวใส่แก้วสองใบ

“เป็นยังไงบ้างครับคุณพิม...” สุขสันต์ถามอย่างมีเลศนัย “ชอบมั้ย?”
“คุณสุขสันต์ ให้เกียรติพิมเกินไปหรือเปล่าคะ..คือเราแค่..คุยธุรกิจกัน..แต่…”
สุขสันต์จุ๊ปาก รีบพูดแทรก
“จุ๊ๆๆ ผมขอซื้อ..คำว่าธุรกิจ นั่นมันเป็นเพียงข้ออ้าง ที่จะทำให้คุณพิม เปิดทางให้ผมได้ก้าวเข้ามาใกล้ๆคุณ..อย่างที่คุณจะไม่รังเกียจผมตะหาก”
สุขสันต์ดีดนิ้ว นักดนตรีคนหนึ่งเดินมาสีไวโอลินที่ข้างโต๊ะ พิมมาดายิ้มกว้างด้วยความประทับใจ สุขสันต์หยิบแก้วไวน์ขึ้นมา พิมมาดาหยิบตาม
“พิม.. ..ผู้หญิงพากันกลัวผม คิดว่าคนรวยๆ หล่อๆ เก่งๆ อย่างผม ไม่มีความจริงใจให้ใคร คิดว่า
ผมมีแต่เรื่องผลประโยชน์ การเมือง ธุรกิจ แล้วทุกคนก็หนีผมไป ไม่มีใครรู้หรอก ว่าผมเหงาแค่ไหน” สุขสันต์แสร้งทำราวกับปวดร้าวเต็มประดา
พิมมาดายิ้มเขิน หยิบแก้วไวน์ของตัวเองที่ชนกับแก้วของสุขสันต์ เสียงดังกิ๊ง!
ไม้บรรทัดถูกใช้เคาะกับกล่องดินสอให้กังหวะ กริสน์ร้องเพลงกล่อมเด็กๆ เป็นเพลงดาวลูกไก่ของพร ภิรมย์
กริสน์ร้องด้วยอินเนอร์จากด้านในใส่อารมณ์มากๆ
“น่าสงสารแม่ไก่...น้ำตาไหลสอนลูก เช้าก็ถูกตาเชือด...ต้องหลั่งเลือดนองเล้า ส่วนลูกไก่ทั้งเจ็ด...
เหมือนถูกเด็ดดวงใจ จึงพากันโดดเข้ากองไฟ...ตายตามแม่ไก่ดังกล่าว ด้วยอานิสสงค์ใจประเสริฐ...ลูกไก่ไปเกิดเป็นดาว”
ทุกคนยังทำตาแป๋ว โจ๊กอยู่ในอาการเศร้าๆ แจ๊สตาลอย ป๊อปคอร์นเศร้า
กริสน์หันมาเห็น ถึงกับผงะ “เย้ย.. ทำไมยังไม่นอนกันอี๊ก?”
จีจ้าพ่นยาโรคหอบ สะอื้น ฮักๆ “จะนอนได้ไง จีจ้าสงสารไก่ เล่นเอาซะหอบกำเริบเลย
“โลกนี้ไม่ยุติธรรม” โจ๊กว่า
“ใครว่าความดีชนะทุกอย่าง..คนใจร้ายตะหาก ชนะทุกอย่าง” แจ๊สบอก
กริสน์ สะอึก “งั้นจัดเพลงนี้ให้ดีกว่า”
“เพลงอะไรเหรอน้า?” โจ๊กอยากรู้ว่ากริสน์จะงัดอะไรออกมาจากกรุเพลงเก่าอีก
กริสน์เดินไปดับไฟ แล้วเอาไฟฉายมาส่องหน้าตัวเอง
“เพลงนี้ไง” ว่าแล้วกริสน์ก็ร้องเพลงแม่นาค ด้วยเสียงโหยหวน “โอ...ละ เห่...โอ้ โอ ละ หึ ดวงใจคนดี ลูกจ๋า...”
ป๊อปคอร์นหอนรับ
เด็กๆ ทั้งสามร้อง กรี๊ดๆๆ! แล้ววิ่งเข้ามากระโดดทับกริสน์ซ้อนเป็นกองๆ โดยป๊อปคอร์นอยู่บนสุด

รถของแพรวเข้ามาจอดดัง เอี๊ยด! ที่หน้าคฤหาสน์ของสุขสันต์ แพรวลงมาจากรถ แล้วเดินเข้าบ้านอย่างอารมณ์เสีย ฉัตรชัยรีบมารับหน้า
“หลีกไป ฉันมาหาคุณสุขสันต์”
“ท่านสุขสันต์ยังติดประชุมอยู่เลยครับ?”
“ประชุมประแชมอะไรกัน เมื่อกี้ฉันไปที่พรรคมาไม่เห็นมีใครอยู่สักคน”
“อ้อ! วันนี้ท่านมีประชุมนอกสถานที่น่ะครับ ที่มูลนิธิ..รักเด็กมากมาย” ฉัตรชัยพูดอย่างสุภาพด้วย
ท่าทีสำรวม “ท่านบอกให้ผมดูแลคุณแพรวพิลาศให้ดีเหมือนที่ท่านดูแล”
แพรวเชิดใส่
“ไม่มีใครดูแลชั้นแทนสุขสันต์ได้ทั้งนั้น สุขสันต์เป็นคนพิเศษ แต่อย่าให้ฉันรู้ก็แล้วกัน ว่าไม่ได้
ประชุม แต่แอบไปรัก-จัด-หนักกะใครที่ไหน ไม่งั้น..ฉันจะทำให้เขากระเด็นจากพรรคคุณพ่อแน่ๆ”
แพรวสะบัดบ๊อบเดินออกไป ฉัตรชัยสลด

เวลาเดียวกันอธิปนอนอยู่บนเตียงให้น้ำเกลือ ให้ออกซิเจนอยู่ แต่กำลังเพ้อ มีพยาบาลให้ยานอนหลับอยู่
“หลบๆ เร็ว เบ็นเท็น” อธิปพูดกับเดช
“ครับๆ ปู่เดี๋ยวเบ็นเท็นจะแปลงกายแล้วนะ ขยับนาฬิกาเบ็น10” เดชเล่นด้วย
โอปอยืนสลดอยู่ข้างๆ
“แปลงเป็น ไดมอนด์เฮด”
“ดีๆ ไปจัดการมนุษย์ต่างดาวเลย” เดชหันมาเจอโอปอ “อ้าว! เกวน รีบไปช่วยเบ็นสิ”
โอปอเลยตามเลย “ค่ะปู่ จะรีบไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
พยาบาลฉีดยานอนหลับเสร็จพอดี
“อีกแป๊บก็หลับแล้วนะคะ”
“ครับ/ค่ะ” เดชตอบพร้อมกับโอปอ
“เร็ว” อธิปละเมอสั่ง
ทั้งคู่ทำเป็นรีบวิ่งต่อสู้กัน

แจ๊ส โจ๊ก จีจ้า รวมถึงกริสน์ นอนก่ายกันอย่างหมดสภาพอยู่บนเตียง จีจ้านอนหลับอยู่บนตัวของกริสน์ จังหวะหนึ่งจีจ้าละเมอเอามือต่อยโดนหน้ากริสน์เต็มๆ กริสน์ร้อง “โอ้ย!” แล้วตกใจตื่น
กริสน์งัวเงียมองนาฬิกา เห็นนาฬิกาชี้บอกเวลาเกือบจะห้าทุ่มแล้ว
“จะห้าทุ่มแล้ว ยัยพิมพ์เขียวยังไม่กลับมาอีกเหรอวะ? ใจแตกใหญ่แล้ว”
ป๊อปคอร์นเข้ามาเลียกริสน์แบบปลอบโยน
กริสน์ลุกขึ้นมาเอาผ้าห่มให้เด็กๆ ป๊อปคอร์นหันไปเห่าๆๆ ที่หน้าต่าง
จังหวะเดียวกับที่มีเสียงรถแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน กริสน์รีบวิ่งออกไปดูที่ระเบียง
กริสน์แอบดูพิมมาดากับสุขสันต์ ซึ่งเวลานั้นสุขสันต์โชว์แมนวิ่งลงมาเปิดประตูรถให้พิมมาดา
“ขอบคุณมากนะคะ สำหรับคืนพิเศษคืนนี้”
“ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณพิม ที่ยอมเป็นคนพิเศษของผม”
สุขสันต์ จับมือพิมมาดามากอบกุม แล้วยกขึ้นมาจูบ พิมมาดาตกใจ หน้าแดงก่ำ รีบดึงมือกลับมา อยู่ในอาการเขินสุดๆ กริสน์แอบมองอยู่ด้วยความรู้สึกหงุดหงิดใจอย่างบอกไม่ถูก
ป๊อปคอร์นเข้าเลียปลอบใจกริสน์

เช้าวันต่อมา สายมากขึ้นเรื่อยๆ พู่เชือกอันหนึ่งถูกเขย่าๆ ก่อนจะเห็นว่าเป็นเต๋า เต้ย และเค้ก ที่กำลังเขย่าพู่เชียร์เหมือนเชียร์กีฬาอยู่คนละอัน โดยมีจีจ้า กับ โจ๊ก ร้องเพลงเชียร์อย่างออกรส แจ๊สร้องเพลงเชียร์เหมือนกัน แต่หน้านิ่งๆ เนิร์ดๆ ตามสไตล์
ปอบคอร์นเห่าคลอเป็นจังหวะ ทั้งกลุ่มยืนเชียร์อยู่หลังกริสน์ ในขณะที่พิมมาดายืนอยู่คนเดียว
ทุกคนและหมายกเว้นกริสน์กับพิมมาดาพากันร้องเพลงตะเบ็งเสียงเชียร์ออกมา
“คุณกริสน์สู้ๆ ลูกพี่สู้ตาย คุณกริสน์ไว้ลาย สู้ตายลูกพี่!”
พิมมาดาแหวขึ้นเสียงดังแหวกบรรยากาศแสนรื่นเริงขึ้นมา
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! จะออกนอกหน้ากันเกินไปแล้ว” หันมาทางเต๋ากับเต้ย “สรุปใครเป็นเจ้านาย” แล้ว
หันมาทางกับเด็กๆ “ใครเป็นน้าของพวกเธอกันแน่เนี่ย? ต่อไปใครเชียร์เขาอีก...” พิมมาดาหันขวับกลับไปที่กับเต๋าเต้ย
เต๋า กับเต้ยรู้ตัว รีบวิ่งมาข้างหลังพิมมาดาทันที
“จะตัดเงินเดือน” แล้วพิมมาดาก็หันมาทางเด็กๆ “น้าจะตัดค่าขนม!”
เต๋ากับเต้ยแม่ยกเอเอฟที่ยามนี้ปันใจมาเชียร์กริสน์จนออกนอกหน้าประสานเสียง
“นี่มันประเทศประชาธิปไตยป่าวเนี่ย...”
“ใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ!” สาวน้อยสุดเนิร์ดว่า
เค้กพูดสำทับ ออกตัวสวยหรู
“เออ แต่ว่าฉันไม่ใช่ทั้งพนักงาน แล้วก็หลานของแก เพราะฉะนั้น” หันมาทำตาหวานใส่กริสน์ แถม
ด้วยออฟชั่นถึงเนื้อถึงตัว...โผเข้าไปซบ “ฉันก็เชียร์คุณกริสน์ต่อได้” เค้กจ้องหน้ากริสน์ “สู้ๆ นะคะคุณกริสน์ เค้กไม่อยากเห็นคุณกริสน์ต้องขัดห้องน้ำ”
กริสน์ยิ้มรับก่อนจะหันมองพิมมาดาพูดอย่างแค้นเคือง
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับคุณเค้ก รับรองผมไม่ได้ขัดห้องน้ำแน่ๆ”
พิมมาดาพูดแขวะแบบรู้สึกหมั่นไส้เต็มทน
“อย่าเก่งแต่ปากก็ละกัน” หันไปจะหยิบดอกไม้ “เริ่มเลย...”
“เดี๋ยวก่อน! คุณบอกว่าถ้าผมตอบผิด 1 ชื่อ ต้องขัดห้องน้ำ 1 ครั้งใช่มั้ย?” กริสน์ทวนข้อตกลง พิม
มาดาพยักหน้า “แล้วถ้าผมตอบถูกหมดละ ผมจะได้อะไร?”
คำถามของกริสน์ ทำเอาพิมมาดาอึ้งไปเพราะไม่ได้ทันคิด ทุกคนพึมพำเห็นด้วยรอฟังพิมมาดา
“แล้วนายจะเอายังไง?”
“ผมก็แค่อยากให้คุณพิมมาดา ขัดห้องน้ำโชว์สัก 1 ครั้ง ถ้าผมตอบถูกหมด” กริสน์ยื่นข้อเสนอ
พิมมาดายิ้มเยาะ “ตกลง เพราะความเป็นไปได้มันเท่ากับ ศูนย์”
กริสน์เดินเข้าไปจ้องหน้าพิมมาดา แล้วแค่นเสียงหัวเราะออกมา “วะ ฮ่ะๆๆๆ”
พิมมาดาหยิบดอกกุหลาบก้านยาวแข็งชนิดหนึ่งที่มีชื่อเฉพาะออกมา ผิดคาดกริสน์ตอบพิมมาดาถูกต้อง ทุกคนเฮลั่น! พิมมาดาหยิบดอกลิลลี่อีกชนิดหนึ่งออกมาอีก กริสน์ตอบพิมมาดาถูกอีกเช่นเคย ทุกคน เฮ!ลั่นอีก พิมมาดาเริ่มหงุดหงิด
คราวนี้พิมมาดาหยิบดอกลิเซียนทัส ออกมา สีหน้าหมายมั่นสุดๆ ว่ากริสน์ไม่รู้แน่นอน

เวลาเดียวกันนั้นภาพหน้าจอคอมเห็นเป็นภาพดอกลิเซียนทัส และเห็นภัทรดนัยนั่งอยู่ที่ร้านเบเกอรี่ของเค้ก บนโต๊ะมีหนังสือที่มีรูปภาพและชื่อดอกไม้อย่างละเอียด รวมถึงแล็ปทอปตัวหนึ่งที่เชื่อมกับกล้องไร้สายที่ติดอยู่บนตัวของกริสน์ ภัทรดนัยใส่หูฟัง นั่งอย่างเตรียมพร้อม
“ดอกสิเซียนทัสว๊อยไอ้กริสน์” ภัทรดนัยบอก
“ห๊า...” กริสน์ฟังไม่ถนัดพูดกับภัทรดนัย
“ชื่อดอกอะไร?” พิมมาดานึกว่ากริสน์ถามตัวเอง
“ห๊า...” กริสน์ได่ยินที่ภัทรดนัยพูดไม่ถนัด พิมมาดานึกว่ากริสน์พูดกับตัวเองอีก
“ชั้นถามว่าดอกนี้ชื่ออะไร”
“ห๊า” กริสน์ถามอีก
“นี่นาย” พิมมาดาเริ่มเซ็ง
ภัทรดนัยบอกกริสน์อีกครั้ง
“ดอกลิเซียนทัสครับ” คราวนี้กริสน์ตอบอย่างมั่นใจ แล้วก็ถูกอีก ทุกคน เฮ! พิมมาดายิ่ง ยัวะหนัก
พิมมาดาหยิบดอกไม้มากองเต็มโต๊ะ กริสน์ตอบถูกหมดเป๊ะ พิมมาดากำลังหยิบดอกไม้ ดอกสุดท้ายออกมา
กริสน์กอดอกยืดเต็มที่อย่างภาคภูมิใจ โดยไม่รู้ว่าแขนตัวเองไปบังกล้องไร้สาย กลายเป็นจอดำที่ แล็ปทอปของภัทรดนัย
“เอาออกดิวะ” ภัทรดนัยบอก
“อะไรออกวะ” กริสน์พึมพำกับตัวเอง
“มองไม่เห็น อะไรบังวะ”
“บัง...อะไรบังวะ”
”เอาว่าไง...นี่ดอกอะไร ว่ามานายกริสน์” พิมมาดาเร่งเร้า
“เออ...” กริสน์พูดกับภัทรดนัย
“บังอยู่โว้ย อะไรบัง เอาออกดิวะ มองไม่เห็น” ภัทรดนัยโวย
“เออ...ลืมอ่ะ”
กริสน์พูดกับภัทรดนัย ทุกคนเหวอนึกว่ากริสน์ตอบไม่ได้
“ห๊า...ลืมเหรอ”
“เดี๋ยว...เค้กช่วยเอง” เค้กอาสา
พิมมาดาเอามือปิดปากเค้กทันที
“หยุดเลยเค้ก...ห้ามช่วย...เอา!นายกริสน์ นี่ดอก...”
“ดอกเบญจมาศ มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Chrysanthemum ชื่อวิทยาศาสตร์ ว่าDendranthemum
grandifflora ถูกมั้ยครับ?”
พิมมาดาโมโหสุดขีด ทุกคน เฮลั่น เต้ยออกปากชม
“คุณกริสน์นี่เก่งจริงๆเลยนะคะ
“ทั้งหล่อ ทั้งฉลาด” เค้กระรื่น
“เพอร์เฟ็คท์มาก เพอร์เฟ็คท์ ที่สุด” เต๋าชมออกนอกหน้า
“ลูกพี่นี่ของพวกเรานี่สุดยอดไปเลย!” โจ๊กอวยกริสน์
พิมมาดาอึ้งพึมพำอย่างไม่เชื่อตัวเอง “...มันเป็นไปได้ยังไงเนี่ย?!”
กริสน์ทำหน้ายียวนใส่พิมมาดาอย่างเป็นต่อ
“เอ้า! ดอกไม้หมดตู้ซะแล้ว ผมยังตอบไม่ผิดสักชื่อนั่นก็หมายความว่า...”
แจ๊ส โจ๊ก และจีจ้าประสานเสียงยิ้มกริ่ม
“น้าพิมต้องขัดห้องน้ำนะซิครับ”

พิมมาดาใส่ถุงมือยาง สวมผ้ากันเปื้อน เตรียมตัวขัดห้องน้ำ จังหวะนั้นพิมมาดาเงยหน้าขึ้นมอง กริสน์ เค้ก เต๋า เต้ย และเด็กๆ กับเจ้าป๊อปคอร์นที่มองอยู่ตรงหน้าประตูกันสลอน
พิมมาดามองหน้ากริสน์อย่างฉุนๆ
“มองอะไรครับคุณพิม ตั้งใจขัดหน่อย นั่นๆ ขัดแรงๆ จะได้สะอาดๆ” กริสน์ได้ทีขี่แพะไล่ทันควัน
พิมมาดาขัดไปกระแทกแปรงไปทั้งแค้น ทั้งอาย
จังหวะหนึ่งพิมมาดาพูดใส่กริสน์ “ฝากไว้ก่อนเถอะ ทีใครทีมัน”
“ฝากประจำ หรือออมทรัพย์จ๊ะ” กริสน์เยาะเย้ยในอาการดี๊ด๊าสุดฤทธิ์
พิมมาดาทำอะไรไม่ได้หันไปขัดห้องน้ำต่อ จู่ๆโทรศัพท์พิมมาดาที่ฝากอยู่กับเต๋าดังขึ้น
“พี่พิมขา คุณสุขสันต์โทรมาค่ะ” เต๋าร้องบอก
พิมมาดายิ้มออก “เหรอ” รับโทรศัพท์แล้วหลบมาอีกมุมในห้องน้ำ “ฮัลโหลคุณสุขสันต์เหรอคะ...
อ้อ กำลังทำงานอยู่น่ะคะ ยุ่งนิดหน่อย...” ทุกคนพยายามแอบฟัง พิมมาดารู้ทันหันมามอง แต่ทุกคนทำเป็นไก๋ “ตอนบ่ายเหรอคะ? ว่างคะ เดี๋ยวให้เต๋ากับเต้ยดูร้านแทนให้...ค่ะ....ค่ะ แล้วเจอกันค่ะ”
พิมมาดาพูดเสียงอ่อนสัยงหวานก่อนจะวางสายแล้วยิ้มกับตัวเอง เด็กๆ ยืนมองอย่างไม่พอใจ ในขณะที่กริสน์หมั่นไส้สุดๆ
“คุยเสร็จแล้วก็ขัดต่อซิคุณ ยืนยิ้มคนเดียวอยู่ได้ บ้าหรือเปล่า?”
พิมมาดาถอดถุงมือเอ่ยขึ้น “ฉันขัดเสร็จตามสัญญาแล้ว ฝากล้างน้ำต่อหน่อยละกัน”
พิมมาดายัดถุงมือใส่มือกริสน์ แล้วเดินออกไปอย่างลั้นลา กริสน์เซ็งโครตๆ

ขบวนรถตำรวจวิ่งนำ ตามด้วยรถสปอร์ตเปิดประทุนของสุขสันต์ บนรถเวลานี้สุขสันต์ยิ้มแย้มอย่างชิลล์ๆ ชณะที่พิมมาดาตื่นเต้น เพราะไม่เคยพบเคยเห็น
ขบวนรถเปิดประทุนของสุขสันต์มาหยุดอยู่ที่ร้านอาหารสุดหรูริมทะเลแห่งหนึ่ง ในบรรยากาศตอนค่ำที่สุดแสนจะโรแมนติก พนักงานทยอยยกเอาอาหารมาเสิร์ฟ
สุขสันต์ตักอาหารป้อนพิมมาดา แต่พิมมาดาชะงัก ไม่ยอม แย่งส้อมมากินเอง
ทั้งค่ำม่รู้ว่ามีชายคนหนึ่ง ซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะหลังสุขสันต์ ทำทีเป็นกำลังเล่นโทรศัพท์มือถือ แต่ความจริงกำลังถ่ายรูปของสุขสันต์กับพิมมาดาอยู่ ถ่ายตอนที่สุขสันต์แย่งส้อมกับพิมมาดา ดูกุ๊กกิ๊ก พอดี ชายลึกลับคนนั้นกดส่งรูปทางบีบี
แพรวพิลาศกำลังขับรถ มีเสียง BB ดังขึ้น แพรวพิลาศกดดู BB ของตัวเอง พอกด Accept แล้วก็ขึ้นเป็นรูป สุขสันต์ กับพิมมาดา ที่แท้ชายคนดังกล่าวเป็นนักสืบที่แพรวพิลาศส่งไปสืบเรื่องของสุขสันต์
แพรวพิลาศเลือดขึ้นหน้าพูดแทบเป็นคำราม “สุขสันต์!! แพรวไม่ยอม...”
แพรวพิลาศมองรูปอย่างโกรธเกรี้ยว กำ BB ในมือไว้แน่น

กริสน์ช่วยทำความสะอาดร้าน โดยใช้ม็อบถูพื้น ส่วนเต๋ากับเต้ยกำลังปิดร้าน
“ดูชิพี่พิมเที่ยวเพลินซะลืมร้าน ลืมหลานเลย” เต๋าว่า
“ปล่อยชีเถอะน่า นานๆ ที...นี่เด็กก็กำลังดูทีวีกัน ไม่ได้ซนอะไรซักหน่อย” เต้ยบอก
กริสน์เข้ามาสมทบ สอบถามข้อมูลอย่างจริงจัง “นานๆที ที่คุณพิมจะได้ไปเที่ยวเหรอครับ?”
“นานๆ ที ที่พี่พิมจะมีผู้ชายมาจีบต่างหากละคะ อิๆ แต่จะว่าไปก็ดีใจแทนนะคะ เพราะตั้งแต่ถูก
แฟนเก่าทิ้งไปเมื่อหลายปีก่อน พี่พิมก็ไม่เคยสดชื่นเลย เอาแต่ทำงานกับเลี้ยงหลาน” เต้ยเล่ายาว
“น่าอิจฉาพี่พิมเนอะ คุณสุขสันต์ทั้งหล่อ ทั้งใจดี แถมเข้ามาช่วยแบ่งเบาพี่พิมไปได้ตั้งหลายอย่าง
แค่ค่านำเข้าดอกไม้นี่ก็ช่วยร้านไว้ได้ตั้งเยอะเนอะ” เต๋าเสริม
“อ่ะถูกต้อง” เต้ยระริกระรี้
“ค่านำเข้าดอกไม้” กริสน์งงๆ
“คืองี้คะ คุณสุขสันต์เขาจะนำเข้าวัตถุดิบทำขนมมาจากประเทศนั้นประเทศนี้ พอดีมีที่ในคอนเทน
เนอร์เหลือเขาก็เลยอาสาให้พี่พิมเอาดอกไม้ที่สั่งจากเมืองนอกเข้ามาพร้อมกันซะเลย” เต๋าบอก
“แล้วค่าขนส่งเขาก็รับผิดชอบให้ทั้งหมดด้วย ล๊อตแรกจะเข้ามาวันพรุ่งนี้แล้วนะคะ” เต้ยเล่าพาซื่อ
กริสน์สะดุดกับสิ่งที่เต๋าพูดแล้วนิ่งคิด ถึงเรื่องที่ตัวเองพูดกับภัทรดนัยเรื่องยาเสพติดชนิดใหม่ที่จะเข้ามาในอีกสามวัน กริสน์นึกถึงแหวนของนายทุน นึกไล่ไปถึงตอนที่สุขสันต์จูบมือพิมมาด กริสน์จำแหวนบนนิ้วนางสุขสันต์ได้ เต๋ากับเต้ยเห็นอาการครุ่นคิดต่างงุนงงอยู่ๆกริสน์ก็เงียบไป
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะคุณกริสน์?” เต้ยสะกิดกริสน์
กริสน์เริ่มรู้สึกตัว “เอ้อ! ไม่มีอะไรครับ” รีบหันไปบิดล้างม๊อบด้วยที่บิดในถังกลบเกลื่อน
เต๋าแอบกระซิบกับเต้ย “หวาย..สงสัย..แอบคิดไรกะคุณพิมปะเนี่ย...”

กริสน์รีบกดโทรศัพท์หาภัทรดนัยทันที ภัทรดนัยลุกพรวดขึ้นจากเตียง
“ป๊อก 9 สามเด้ง”ภัทรดนัยโพล่งออกมา
“ไอ้คุณสุขสันต์นี่มันไม่ธรรมดาจริงๆ ได้ทั้งหญิง ได้ทั้งงาน แล้วอำพรางสินค้าอีกต่างหาก”
มีเสียงรถแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน กริสน์ขอตัววางสาย
“แค่นี้ก่อนเพื่อน ต้องเริ่มดำเนินการตามแผนแล้ว”
“เฮ้ย! เดี๋ยวก่อนไอ้กริสน์ๆๆ แผนต่อไปเป็นไง ปรึกษากันก่อนสิเว้ย”
ภัทรดนัยมีสีหน้ากังวล

พิมมาดาเข้าบ้านมาอย่างอารมณ์ดี แต่ต้องชะงัก เพราะเจอกริสน์นอนอยู่ที่โซฟา
“มานอนทำไมตรงนี้?”
“เอ้า! คุณ...ลืมไปแล้วเหรอว่าผมไม่มีห้องนอน”
“ฉันให้เต๋ากับเต้ยเคลียร์ห้องเก็บของไว้ละ พรุ่งนี้นายเข้าไปนอนได้”
“แหม ความรักนี่นอกจากจะทำให้โลกเป็นสีชมพู แล้วยังทำให้คนใจดีขึ้นอีกด้วย” ลุกขึ้นนั่ง “คุณนี่
สุดยอดจริงๆ เลยนะ เป็นคนพิเศษของว่าที่นักการเมืองใหญ่อย่างคุณสุขสันต์ แถมได้ไปดินเนอร์ใต้แสงเทียนกันอย่างโรแมนติกในคฤหาสน์หรูของเขา”
“น้อยๆ หน่อย ฉันยังไม่เคยไปบ้านเขาย่ะ”
กริสน์เสียงดังใส่ “อะไรกัน นี่ที่ออกไปเดทกันตั้งหลายครั้ง เขายังไม่พาคุณเข้าบ้านอีกเหรอ? มันชัก
จะยังไงๆ นะ”
“อะไร ยังไง?” พิมมาดาเม้งนิดๆ
“ก็ปกติผู้ชายถ้าคิดจะจริงจังกับผู้หญิงสักคน เขาก็จะพาเข้าบ้าน ไปทำความรู้จักกับครอบครัว แต่
นี่คุณสุขสันต์เขายังไม่พาคุณเข้าบ้านเลย ผมก็เลยรู้สึกว่า คุณอาจจะไม่พิเศษสำหรับเขาจริงๆ หรือไม่เขาก็อาจจะมีใครที่ไม่อยากให้คุณเจออยู่ที่บ้านก็ได้” ดูทีท่าพิมมาดาที่อึ้งไป “...แต่ช่างเถอะ คุณสุขสันต์เขาเป็นคนดีจะตาย เขาคงไม่หลอกคุณหรอกเนอะคุณพิม นอนดีกว่า ปิดไฟด้วยนะคุณ”
กริสน์ล้มตัวลงนอนเอาผ้าห่มคลุมโปง พิมมาดายังคงยืนนิ่งคิดถึงสิ่งที่กรินส์พูด กริสน์แอบเปิดผ้าห่ม หรี่ตาดูปฏิกิริยาของพิมมาดา แล้วผุดยิ้มออกมา

วันต่อมาเรือขนส่งตู้คอนเทนเน่อร์เข้ามาเทียบท่า ไม่นานหลังจากนั้นตู้ก็ถูกคนงานลำเลียงมาที่โกดัง
น้อมพงษ์ กับฉัตรชัยเปิดตู้ตรวจเช็คสินค้า ตู้หนึ่งเปิดออกเห็นดอกไม้หลายชนิดอยู่ด้านหน้า ด้านในลึกเข้าไปเป็นขนมคล้ายๆ ขนมโมจิลูกกลมๆ น้อมพงษ์กับฉัตรชัยหยิบขนมขึ้นมาคนละชิ้น แล้วใช้มีดพกผ่าออกดู น้อมพงษ์หยิบซองเล็กๆ ที่มีผงสีขาวอยู่ข้างในขึ้นมาดู แล้วน้อมพงษ์กับฉัตรชัยยิ้มให้กัน
ครู่ต่อมาที่นอกโกดัง เห็นมีรถบรรทุกสองคัน สีแดง และสีเขียว แล่นออกไป แต่แล่นเลี้ยวไปคนละทาง

รถบรรทุกสีเขียวแล่นเข้ามาจอดที่ร้านดอกไม้พิมโรส พิมมาดา เต๋า และเต้ย ออกมารับดอกไม้ พิมมาดายิ้มอย่างมีความสุข
อีกมุมของร้านกริส์นยืนแอบมองอยู่..

ส่วนรถบรรทุกสีแดงแล่นเข้ามาจอดที่โรงงานทำขนม จตุพลเดินออกมารับของ ยิ้มอย่างมีชัย
ขนมของจตุพลถูกส่งเข้ากระบวนการผลิต จนออกมาเป็นขนมชนิดใหม่ในที่สุด
สุขสันต์ได้รับขนมนั้น และกำลังหยิบขนมที่ทำเสร็จขึ้นมาดู แล้วหัวเราะร่าในความสำเร็จกับจตุพล น้อมพงษ์ และ ฉัตรชัย

เค้กกำลังอุ่นขนมปังให้ลูกค้าที่ร้านเบเกอรี่ของเธอ พิมมาดาเปิดประตูเข้ามา
“สวัสดีค่ะ เชิญ...” เค้กเห็นเป็นพิมมาดา “อ้าว พิมนึกว่าลูกค้าซะอีก ลมอะไรหอบมาที่ร้านฉันยะ?”
“พูดอย่างกับร้านอยู่ไกล แค่ฝั่งตรงข้ามเนี่ย ไม่ต้องพึ่งลมหรอก มีขาก็เดินมาเองได้”
“ไปกินรังแตนมาจากไหนคะเพื่อน? แซวเล่นนิดเดียว อารมณ์ขึ้นซะงั้น”
“...ขอโทษที พิมมีเรื่องอึดอัดใจนิดหน่อย อยากขอคำปรึกษาจากเค้ก” พิมมาดาพูดเสียงอ่อยๆ
“เรื่องคุณสุขสันต์เหรอ?” เค้กดักคอ
“รู้ได้ไงอ่ะ?” พิมมาดาสงสัย
“เดายากตรงไหน คราวที่แล้วตอนพิมมาปรึกษาเค้กเรื่องไอ้มาวิน ก็ทำหน้าแบบนี้เป๊ะ”
“แต่คราวนี้เรื่องมัน..เป็นอีกแบบนะ” พิมมาดาแย้ง
“ยังไงๆๆ ว้ายๆๆ ตื่นเต้นๆๆ โดนรึยังๆๆๆ”
“บ้า” พิมมาดาเขิน
สองสาวทุบตีหยอกเย้ากันเบาๆ

สักพักเค้กก็เดินมาส่งพิมมาดาที่ร้าน ทั้งสองเดินไปคุยไป
“ก็อย่างทีเค้กบอกพิมแหละ ว่าถ้าเป็นเค้ก เค้กไม่แคร์หรอกว่าผู้ชายจะพาเค้กเข้าบ้านเขามั้ย? หรือ
จะพาเข้าเมื่อไหร่ เพราะบางครั้งความจริงใจมันก็วัดด้วยเรื่องแค่นี้ไม่ได้” เค้กปรารภ
“พิมก็คิดอย่างนั้น แต่...”
เค้กแทรกขึ้น “แต่สิ่งที่คุณกริสน์พูดมาก็ถูก เพราะผู้ชายส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นอย่างนั้น”
“แล้วพิมควรทำไง?”
“ทำตามที่ใจอยากทำซิคะเพื่อน ถ้าพิมได้ไปบ้านเขาแล้วสบายใจ พิมก็ไป ดีเหมือนกัน อย่างน้อยก็
จะได้พิสูจน์ความจริงใจของคุณสุขสันต์ที่มีต่อพิม”
พิมมาดาฟังแล้วครุ่นคิด
“มันไม่เร็วเกินไปใช่ไหม มันดูเหมือนพิมอยากจะจับเขาเต็มประดารึเปล่า”
กริสน์แอบฟังอยู่ตั้งแต่ทั้งสองมาถึงหน้าร้าน เห็นเป็นจังหวะเหมาะจึงออกมาสมทบ
“ไม่เร็วไปหรอก..ดีกว่าคุณเสียเวลาให้เค้าควงไปมาจนคนเห็นทั่วเมือง แล้วเค้ามาบอกว่า..ไม่ต้องรู้
ว่าเราคบกันแบบไหน..ไม่ต้องหาคำใดมาอธิบาย…”
“โอโห...คมจริงๆ” เค้กชมด้วยความปลาบปลื้ม)
“เว่อร์...คมตรงไหน”
พิมมาดาเหวอ แกมฉุน กริสน์ยักคิ้วให้พิมมาดาอย่างเป็นต่อ

เสียงโทรศัพท์ของพิมมาดาดังขึ้น ในขณะที่ทุกคนกำลังทำงาน พิมมาดารีบวิ่งมารับ เห็นหน้าจอโชว์ชื่อสุขสันต์ พิมมาดาตะโกนเรียกกริสน์กับเค้ก
“เขาโทรมาแล้ว!”
กริสน์กับเค้กรีบเข้ามายื่นหูฟังข้างพิมมาดา เค้กทำท่าบอกให้พิมมาดากดรับได้ พิมมาดาพยักหน้า แล้วรับโทรศัพท์
“คะ คุณสุขสันต์...”
สุขสันต์อยู่ที่ห้องทำงาน
“ยุ่งอยู่เหรอครับคุณพิม ผมแค่จะโทรมาเตือนเรื่องนัดคืนนี้น่ะครับ”
กริสน์บ่นเบาๆ “ไรวะ ใจคอจะเจอกันทุกวันเลยเหรอ ทุเรศ หมั่นไส้”
“จะหมั่นไส้เขาทำไมคะ เขาซิควรจะหมั่นไส้เรา” ว่าพลางเค้กเอาแขนควงกริส์นหมับทันที
“เออ..ใช่..นั่นดิ...”
พิมมาดามองหน้ากริสน์กับเค้ก กริสน์รีบปิดปาก แล้วเอาใหม่..พูดเสียงเบาๆ แต่อ้าปากกว้างๆ ทำมือโบกไปมา พิมมาดาพยายามอ่านปากพูดตามอย่างทุลักทุเล
“คือว่า...คืนนี้พิม...พิม คงไม่ ไม่ ไม่ไป น่ะคะ”
“คุณพิมมีนัดกะคนอื่นหรือครับ”
กริสน์ทำนิ้วชี้ไปรอบๆ เหมือนพวกลิเก เอามือป้องหูจากนั้นเอามือกุมอก ทำท่าไม่สบาย
“คือ...เอ่อ...อะไร อ้อ! คือช่วงนี้เราไปไหนกันสองคนบ่อยมาก จนคนเขาเอาไปพูดกันทั่ว พิมได้ยิน
แล้วก็รู้สึก ไม่...ไม่สบายใจ...”
กริสน์ทำมือกวักออก แล้วเอามือมาปิดตา ทำมือเป็นตัวเอ๊กซ์ แล้วยกนิ้วโป้ง จากนั้นไปผลุบๆ โผล่อยู่หลังเค้ก
เค้กเห็นกริส์นทำงั้นก็ขอแจมเล่นด้วย ออกแนวหนังอินเดีย หลบกันไปมา
“ไปเที่ยวในที่ลับตาคนบ่อยๆ มันดูไม่ดี เหมือนกิ๊กที่ต้องคอยหลบๆซ่อนๆ”
“นี่คุณพิมจะหนีผมไปอีกคนเหรอครับเนี่ย?” สุขสันต์ว่า
“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ แต่..เราอาจจะเจอกัน..ถี่ไป พิมอยากจะ...”
กริสน์ทำมือประกบกันเป็นสามเหลี่ยมรูปบ้าน เค้กก็ทำตามเต้นไปด้วย
“อยู่บ้านบ้าง…” พิมมาดาเสียงอ่อยๆ
สุขสันต์พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ว่าไงนะครับ”
“พิมไม่อยากตระเวน..ไปนั่นไปนี่ให้คนนินทา..” กริส์นกับเค้กวิ่งหลบเสากันไปมา “พิมชอบ
บรรยากาศบ้านๆ พิมอยากทำกับข้าวให้คุณชิมบ้าง..” เค้กทำเป็นป้อนข้าวกริสน์ “แต่..ที่
บ้านพิมเอง..พิมก็ไม่สะดวก..แล้วถ้าจะไปบ้านคุณ..ก็คง..ไม่ค่อยเหมาะ”
สุขสันต์นิ่งไป ทำท่าครุ่นคิด พิมมาดา กริสน์ และเค้ก ฟังอย่างลุ้นๆ
“ได้ ผมจะเป็นคนทำกับข้าวให้คุณชิมเอง อาหารอิตาเลี่ยนนะครับ..งั้น..ค่ำนี้ผมไปรับคุณมาบ้าน
ผมนะครับ”
กริสน์รีบทำมือเป็นตัวเอ๊กซ์ แล้วเอามือชี้ตัวเอง
“คะ...เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะ พิมไปเองดีกว่าค่ะ ขับไปขับกลับเอง” กริส์นกับเค้กทำท่าขับรถ “อยาก
กลับเมื่อไหร่ก็กลับ พิมไม่อยากกวนคุณ”
สุขสันต์หัวเราะร่วน “โอว..กลัวผมขี้โกง..ไม่ยอมไปส่งคุณ แกล้งรั้งตัวคุณไว้ทั้งคืนหรือครับ”
“พิมเป็นผู้หญิงนี่คะ...”
พิมมาดายิ้มกว้าง เบิกบานใจ
กริส์นเซ็งๆ เค้กมีความสุขมาก ขอเล่นใบ้คำอีกรอบ
“คุณกริส์นขา ขอใหม่ตั้งแต่เริ่มได้ไหมคะ”

ทางด้านสุขสันต์วางสายจากพิมมาดา คิ้วขมวดเพราะรู้สึกแปลกๆ
“มีเรื่องอะไรเหรอครับท่าน?” ฉัตรชัยสงสัย
“ก็ยัยเกสรดอกไม้นี่ซิ จู่ๆ เกิดจะอยากมาบ้าน... คืนนี้ยัยแพรวจะมาค้างด้วยซิ เอาไงดีวะ?”
“ลูกแกะจะเข้าถ้ำเสือนะครับท่าน”
“ได้?...งั้นคืนนี้แกต้องจัดการไม่ให้มีแม้แต่เงายัยแพรวโผล่มาที่บ้านชั้นเข้าใจมั้ย”
“เรื่องสับรางรถไฟนี่ของถนัดครับท่าน”
พูดจบฉัตรชัยก็ยิ้มกรุ้มกริ่ม ขณะที่สุขสันต์คิดเรื่องพิมมาดาว่าจะมาไม้ไหน

พิมมาดารีบเดินกลับบ้าน
“แย่จัง แล้วชั้นจะทาเล็บใหม่ทันไหมเนี่ย” พิมมาดาบ่นอุบ
กริสน์เดินตามเข้ามา “ผมทาให้มั้ย”
“บ้า สิ” พิมมาดาพูดกับกริสน์ “แล้วนี่ทำไมนายต้องให้ฉันขับรถไปเองยะ?”
“ใครว่า ผมจะให้คุณขับไปเองล่ะ”
“อะไรนะ” พิมมาดารู้สึกขัดเคืองใจ
“นี่คุณ ไปกินข้าวบ้านผู้ชายสองต่อสองตอนกลางคืนน่ะ อันตรายจะตายไป เกิดเขาอยากเคลมคุณ
ขึ้นมา ให้คุณกินยาปลุกเซ็กซ์ แล้วจะทำยังไง ใครจะช่วยคุณได้ อ้อ! หรือว่าคุณอยากโดน...งั้นผมไม่ไปก็ได้”
“คนลามก...!” พิมมาดาด่า
เค้กรีบห้ามทัพ “ที่คุณกริสน์ว่าก็ถูกนะพิม ระวังตัวไว้ก็ยังดีกว่า พิมน่ะไม่เหมือนเค้กนะที่ชอบเวลา
โดนผู้ชายลวนลาม อิๆ ได้ยินมั้ยคะ กริสน์ขา..” เค้กคว้าแขนกริสน์มาคล้องควงหมับ
“ก็ได้ๆ คืนนี้นายไปส่งฉันก็ได้ ดีเหมือนกันอย่างน้อยก็มีไม้กัน...” พิมมาดาพูดใส่หน้ากริสน์ “หมา!”

พิมมาดาเดินขึ้นบ้านไป กริสน์ควงเค้ก แต่ตามองตามพิมมาดา อมยิ้มนิดๆ เพราะแผนการลุล่วงไปอีกขั้น
ภัทรดนัยกำลังกำชับกริสน์เรื่องใช้บลูทูธ อยู่ที่หน้าร้านดอกไม้

“เอ้า นี่ หูฟังบลูทูธอันนี้ทำขึ้นพิเศษ ใช้คุยโทรศัพท์ก็ได้ ถ่ายรูปก็ได้ พอแกกดถ่ายปุ๊บ ภาพมันก็จะออนไลน์มาปรากฎที่คอมพิวเตอร์ชั้น..เอ้าๆ ใส่ไว้..ไหนเทสต์สิ” ภัทรดนัยทำท่าวาดแขนเป็นเสี้ยวหัวใจเหนือหัวให้ถ่ายรูป
“อะไร” กริสน์งง
“ทดลองถ่ายดู เร็วๆ” ภัทรดนัยบอกแล้วเหลือบไปเห็นว่าพวกเด็กๆ กำลังเดินตรงมา
“อุ๊บ มีคนมา ชั้นไปก่อนล่ะ แล้วจะโทรหา”
พวกเด็กๆ เข้ามายืนจ้อง
“คนเมื่อกี้ใคร แอบคุยลับๆล่อๆ” แจ๊สถาม
“คน มาขายของ” กริสน์ตอบส่งๆ
“ของอะไร” แจ๊สถามต่อ
“สติ๊กเกอร์การกุศลช่วยเด็กปัญญาอ่อน..ไม่เห็นหน้าเค้าเหรอ ว่าหน้าตาเค้าปัญญาอ่อนสุดๆ”
โจ๊กชี้หน้า “น้าหักหลังพวกเรา เชียร์ให้น้าพิมไปบ้านศัตรูทำไม ไหนรับปากว่าจะช่วยปกป้องน้าพิม”
“ลูกพี่มีแผนซ้อนแผนใช่มั้ย บอกพี่โจ๊กกับพี่แจ๊สไปสิ” จีจ้าบอก
“โอ้ จีจ้า..หนูนี่อัจฉริยะแท้ๆ” กริสน์หาทางออกได้ “ถูกต้อง!!ชั้นมีแผน แต่พวกเธอ ไม่ต้องรู้หรอก พวกเธอมีหน้าที่ทำตัวเองให้เป็นเด็กดีขึ้น ก็ไปทำซะ ชิ้วๆ อย่ามาก้าวก่ายหน้าที่ชั้น แล้วทุกอย่างจะดีเอง”
แจ๊สกระโดดแล้วตะโกนซ้ำๆ “อยากรู้แผนด้วยๆๆ”
“นี่ๆๆ พอๆๆ” กริสน์ปราม “ชั้นไม่ได้อารมณ์ดีเหมือนหน้าตานะ ..น้าพิมแต่งตัวเสร็จยัง หลบๆๆ” กริสน์สั่งแล้วเดินออกไป
“โจ๊กชักจะไม่ไว้ใจน้ากริสน์แล้ว” โจ๊กบอก
“ด้วย” แจ๊สสนับสนุน
ทั้ง 3 คนกอดคอแล้วซุบซิบกันด้วยท่าทางซีเรียส

ที่ล้อบบี้ของโรงแรม แพรวพิลาศนั่งจิบเครื่องดื่มอยู่ อยู่ๆ ก็มีช่อดอกไม้ยื่นมา แพรวพิลาศนึกว่าเป็นสุขสันต์ แต่พอหันมามองก็ต้องหุบยิ้ม เพราะเห็นว่าเป็นฉัตรชัย
“นายฉัตรชัย..แล้ว..แล้วเจ้านายแกล่ะ” แพรวพิลาศถามเสียงแข็ง
“ท่านติดประชุมด่วนเกี่ยวกับโครงการพัฒนาเยาวชนลุ่มน้ำปิงวังยมน่านครับ ท่านฝากขอโทษที่ไปปาร์ตี้กับคุณแพรวไม่ได้ครับ..เลยให้ผมเอาช่อดอกไม้นี้มาให้คุณแพรวครับ” ฉัตรชัยคุกเข่าแล้วยื่นให้
“ประชุมเหรอ..พักนี้ประชุมบ่อยเกินไปแล้วนะ” แพรวพิลาศหยิบกระเป๋ามาถือแล้วทำท่าจะลุกไป “ชั้นจะไปหาคุณสุขสันต์ที่ออฟฟิศ..พาชั้นไปที”
“ไม่ได้นะครับ..ที่ประชุมมีผู้ใหญ่อยู่เยอะแยะ ถ้าคุณแพรวโผล่ไป มันจะไม่ดีนะครับ..เอ่อ..ผมหมายถึง.. ผมไม่อยากให้พวกเด็กๆในออฟฟิศมันเม้าท์คุณแพรวว่าเป็น..เอ่อ หญิงสาวที่ไร้ความมั่นใจในตัวเอง และไร้ความไว้วางใจในคู่รัก.. ชอบตามจิก ตามเช็ค จับผิดผู้ชาย ทั้งๆที่จริง” ฉัตรชัยบอก
“ชั้นไม่เคยออกงานแบบไร้คู่ควงมาก่อน ถ้าไม่มีคู่ชั้นก็ไม่ไปปาร์ตี้ให้เสียหน้าหรอก”
“แต่ผมมีข้อเสนอดีๆครับ..คุณแพรวรับช่อดอกไม้ก่อนสิครับ” แพรวพิลาศรับดอกไม้ไป ฉัตรชัยจัดเสื้อผ้าแล้ววางมาด “อะแฮ่ม ไม่ทราบว่าผม..พอจะควงออกงานได้มั้ยครับ อิอิ”
แพรวพิลาศไม่ได้สนใจฟังฉัตรชัยเลย เธอมองที่ช่อดอกไม้แล้วเห็นนามบัตรร้านดอกไม้ติดอยู่
“ร้านพิมโรส...” แพรวพิลาศพึมพำ

ที่ร้านดอกไม้ กริสน์ในชุดสุภาพเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาว ติดกระดุมถึงคอ กางเกงสแล็ค ยืนรออยู่ที่รถ พร้อมกับใส่บลูทูธไว้
สักพักก็มีเสียงภัทรดนัยดังมาจากบลูทูธ
“โหลเทสต์ๆ กริสน์ๆ ได้ยินมั้ยๆ”
“ว่าไง แกมีอะไร ...โอ๊ย” กริสน์จับบลูทูธ “พูดซะดัง หูจะแตก”
อีกด้านหนึ่ง ภัทรดนัยนั่งบัญชาการอยู่ในรถ
“ชั้นแค่เทสต์อุปกรณ์” ภัทรดนัยร้องเพลงและเต้น “บอกมาคืนนี้ อยากได้กี่ครั้ง เอ้วๆๆ..ที่ชั้นจะบอกรักเธอ..พูดไปเคลื่อนไหวไป ก็ไม่มีสัญญาณรบกวนใช่มั้ย”
“เออ หยุดร้องเพลงได้แล้ว” กริสน์ห้าม “ชั้นเครียด..เครียดเสียงแกสิเว้ย”
กริสน์ถอดบลูทูธออกมาเก็บไว้ เขายังบ่นต่อเนื่อง แต่แล้วก็ต้องผงะเพราะพิมมาดาเดินมาพอดี
“นายพูดกับใคร?” พิมมาดาถาม
“เอ่อ..ผม..ผมๆๆ” กริสน์มองพิมมาดาอย่างตะลึง
พิมมาดาอยู่ในชุดกระโปรงสั้น เสื้อไม่มีแขนสีนู้ด และมีเลื่อมวิบวับ
“เฮ้ย ไรเนี่ย..ไปกินข้าวกันที่บ้าน ทำไมต้องแต่งตัวขนาดนี้” กริสน์พูดดัก
“ทำไม ดู..เยอะเว่อไปเหรอ” พิมมาดาถาม
“เยอะกะผีอะไร มันน้อยไปไหม เปิดบนเปิดล่าง..เราน่ะ เป็นสาวเป็นนางนะ ไปบ้านผู้ชายพายเรือ แล้วแต่งตัวไปยั่วให้เค้าเกิดกิเลศ ตายๆๆ”
“หุบปากไปเลย นี่มันชุดธรรมดาๆ ใครๆเค้าก็ใส่เดินถนนกัน”
“ไปเปลี่ยนเลย ไปกินแค่ที่บ้าน ควรใส่ชุดลำลอง น่าจะ..เป็นกางเกงยินส์ขายาว ยูงจะได้ไม่กัด เสื้อ..ก็ควรเป็นเสื้อยืดดำคอเต่า..จะได้คล่องตัว” กริสน์บอก
“ชุดลำลองบ้านนายสิ ใส่ยีนส์ขายาวกะเสื้อคอเต่า”
“ผู้ชายเค้าจะได้เห็น ว่าเรารักนวลสงวนตัว” กริสน์บอก
“หุบปากไปเลย นายคนขับรถ!”
ทันใดนั้นเอง เต๋ากับเต้ยก็เดินออกมาจากหลังร้าน เต้ยรีบปรามทันที
“ไม่เอาๆ แต่งตัวสวยๆหล่อๆกันทั้งคู่ อย่าอารมณ์เสียนะ”
“นี่ สายแล้วนะคะคุณพิม..ส่วนคุณกริสน์” เต๋าบอกแล้วเข้ามาจับชุดกริสน์ขยับให้เข้าที่ “คุณแต่งตัวแบบนี้แล้วดูดีมากเลยค่ะ”
กริสน์หันมายิ้มหวาน “ขอบคุณ”
พิมมาดามองค้อน แล้วก็นึกขึ้นได้จึงพูดขึ้น
“เต๋า เต้ย” พิมมาดามองไปที่ชั้นบนของบ้าน เห็นไฟเปิดอยู่และมีเสียงเพลงดังมา “เด็กๆอยู่ในห้องใช่มั้ย..ดูแลเด็กๆด้วยนะ ห้ามดูทีวีดึก ให้เข้านอนตรงเวลา เข้าใจมั้ย”
“คุณพิมออกเดทให้สนุกเถอะค่ะ ไม่ต้องกังวล เต๋ากับเต้ยจะชวนเด็กๆฝึกโชว์ลิปซิ้งค์กันให้สนุกเลย” เต้ยบอก
“เพลงไอวิลเซอร์ไวว์..คิๆๆ อ่าล้อเล่งค่า” เต๋ายิ้ม

กริสน์เดินจะไปขึ้นที่นั่งคนขับ แต่เห็นพิมมาดายืนชะงักอยู่ที่หน้าประตู
“เอ้า ขึ้นรถสิ..ครับ”
“มาเปิดให้ชั้นสิ..นายคนขับรถ” พิมมาดาสั่ง
กริสน์จำต้องมาเปิดประตูให้พิมมาดาขึ้นมานั่งด้านหลัง
“เชิญครับ..คุณนาย” กริสน์ทำเสียงประชดแล้วเดินอ้อมไปขึ้นที่นั่งคนขับ แล้วขับรถออกไป ทุกคนยืนมองส่งจนรถแล่นลับตา อยู่ๆ เต๋าก็ชะงักเพราะเห็นมือน้อยๆ เกาะท้ายกระบะแว่บๆ
“เอ๊ะ นั่น” เต๋าทักขึ้น
“เอ๊ะอ้ะอะไรยะหล่อน” เต้ยถาม
เต๋าขยี้ตามองอีกที แต่มือนั้นก็หายไปแล้ว “เหมือนเห็นมือคนท้ายรถ แต่สงสัยจะตาฝาด”
รถกระบะแล่นออกไป ที่ท้ายกระบะมีผ้าคลุมอะไรสักอย่างอยู่ สิ่งที่อยู่ใต้ผ้าดิ้นดุกดิกๆไปมา

ในร้านดอกไม้ เต๋ากับเต้ยเดินอย่างร่าเริงเข้ามา แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยง เพราะเห็นมาวินยืนอยู่ในร้าน มาวินมองสองชายใจหญิงด้วยตาขวางๆ
“ตกใจอะไร ทำยังกะคนมีพิรุธ ไปทำอะไรผิดกฎหมายกันมารึไง” มาวินพูดดัก
“ไม่มีไรครับ แค่เปิดร้านดอกไม้เกินตีหนึ่ง” เต๋าตอบ
“ส่วนหนู..ก็แค่ขายดอกไม้ให้เด็กต่ำกว่าอายุ 18” เต้ยพูดต่อ
“ชั้นเป็นเพื่อนเล่นพวกเธอเหรอ บอกมาตรงๆ พิมมาดาไปไหน..กับใคร”
“อ้าว..แบบนี้..ก็แปลว่าเห็นแล้วสิ แล้วจะถามให้เสียเวลานายตำรวจใหญ่ทำไม” เต๋าประชด
“จะกวนกันใช่ไหม ..พิมมาดามีเดทรึไง ถึงออกจากบ้านไปมืดค่ำๆ”
“แน่นอนล่ะ เดต..กับคนที่ใหญ่กว่าคุณ” เต้ยหยัน
“นายสุขสันต์นั่นน่ะเหรอ ..บ้ากันไปหมดแล้ว คนระดับนั้น มันจะมาจีบเจ้านายแกทำไม พวกแกรู้ไหม ว่าเค้าควงอยู่กะใคร อย่างพิมมาดาน่ะ..เทียบกะผู้หญิงคนนั้นไม่ได้หรอก”
“ท่านมาวินคะ ท่านพูดแบบนี้ เท่ากับดูถูกคุณพิมนะคะ” เต๋าบอก
“ชั้นกำลังเตือนสติให้พวกแกคิดตังหาก..ว่าผู้ชายคนนั้น..มันต้องการอะไรกันแน่”
“ทำไมคะ คุณพิม..อาจเป็นแค่ผู้หญิงบ้านๆ ที่ไม่ดีพอ..สำหรับคนอย่างคุณ..แต่เธออาจจะเปรียบประดุจเทพธิดา..สำหรับชายอื่นก็ได้ ถ้าคนๆนั้นรักเธอจริง” เต้ยสวน
“รักจริงเหรอ..ไม่มีคำว่ารักจริงหรอก สำหรับนายสุขสันต์ มันไม่เคยคบใคร ถ้าคนนั้นไม่ให้ผลประโยชน์บางอย่างกะมัน” มาวินเดินไปเดินมาพร้อมกับมองไปรอบๆ
“ไอ้คนนั้นล่ะ” มาวินถาม
“คนนั้นไหน” เต้ยงง
“ไอ้ลูกจ้างใหม่ไง ไปไหนซะแล้วล่ะ โดนไล่ออกไปแล้วเหรอ”
“อ๋อ กริสน์..อุปส์” เต๋ารีบปิดปาก
“นายกริสน์เค้าดี..ทำงานเก่ง ใช้ได้ทุกอย่าง หล่อก็หล่อ รักเด็กยิ่งกว่านางสาวไทยอีก” เต้ยบอก
“ไม่รังเกียจกะเทยซะด้วย..ใครจะไปไล่คนดีๆแบบนี้ออกได้ลงคอ” เต๋าเสริม
มาวินพูดกับตัวเอง “กริสน์..ชี่อคุ้นๆแหะ”
“ทำไม..คุณจะใส่ร้ายป้ายสีอะไรเค้าอีกคนล่ะสิ” เต้ยแดกดัน
“ฝากบอกมันด้วยนะ..ว่า..มีคนเค้ารู้ทัน..ว่ามันไม่ใช่คนดีๆหรอก..มันคือ18มงกุฎ และชั้น..ซึ่งเป็นนายตำรวจอนาคตไกล จะไม่ยอมให้มันมาตีท้ายครัวผู้หญิงของชั้นเด็ดขาด”
“ว้าย..ใครคือผู้หญิงของคุณ พูดออกมาได้ ไม่อายฟ้าดิน” เต๋ากรี๊ด
“บอกพิมมาดาด้วย ว่าเค้ากำลังโดนล้อมกรอบ ด้วยไอ้หมาป่าไฮยีน่า กะไอ้หมาจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ แต่มีชายที่ซื่อสัตย์จริงใจคนนึง..จะปกป้องเค้าเอง” มาวินพูดยกตัวเอง
“พูดมากไปแล้ว” เต้ยหันไปพูดกับเต๋า
“ช่าย..ป๊อปคอร์น มานี่เร็ว มีคุณตำรวจใหญ่มาเยี่ยมแน่ะ มาเร็ว” เต๋าเรียก
“ไหนๆ ป๊อปคอร์นอยู่ไหน” มาวินมองอย่างกลัวๆ แล้วรีบหนีไป สองกระเทยหัวเราะตามหลัง
“ว้ายๆ..กลัวหมาว่ะ” เต้ยหัวเราะขึ้น
“เออ..แล้วป๊อปคอร์นไปไหน..ปกติเรียกทีไร มันต้องรีบมานะ” เต๋าแปลกใจ
ทั้งสองมองหน้ากัน
“อ๋อ..คงกินอะไรอยู่กะจีจ้าน่าแหละ” เต้ยสรุป

ภายในรถของพิมมาดา พิมมาดานั่งกุมมือระงับความตื่นเต้นอยู่
“ระงับอาการหน่อยสิคุณ” กริสน์สังเกตเห็นก็เตือนสติ
“อะไร” พิมมาดาถาม
“นั่งจิกมือตัวเองไปมาอยู่นั่นแหละ..ยังไม่ทันถึงบ้านคุณสุขสันต์ ก็เสียจริตขนาดนี้แล้ว อะไรจะอยากมากขนาดนั้น”
“อยากอะไร พูดให้ดีนะ”
“อยาก..ออกเดทไง แหม ทำเป็นไม่เคยไปได้ แฟนก็เคยมีแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ทะลึ่ง!! ขับรถไป!”
“ในฐานะผู้ชาย ผมจะบอกให้ว่า ผู้ชายชอบมากเวลาๆผู้หญิงมีอาการตื่นเต้น เคอะเขิน มันน่ารักดี..แต่ต้องเป็นเด็กๆสาวๆเท่านั้นนะ” กริสน์ว่า
“นายกริสน์!” พิมมาดาฉุน
“เออ..แล้วคุณอายุปาเข้าไปเท่าไหร่แล้วล่ะ 30ยัง?”
“เงียบ!” พิมมาดาสั่ง
“รักสนุก รู้จักป้องกันด้วยนะครับ ฮะๆๆ” กริสน์พูดยั่ว
“อีตาบ้า!”
พิมมาดาฉุนกระโจนไปทึ้งหัวกริสน์ทันที
“เฮ้ยๆๆๆ ผมขับรถอยู่..ยัยเจ๊โหด..ปล่อย!! เดี๋ยวผมเสียทรง”
รถของพิมมาดาส่ายไปส่ายมา

ที่ริมสระน้ำในโรงแรม ช่อดอกไม้จากร้านพิมมาดาถูกวางทิ้งไว้ที่เก้าอี้ตัวนึง ส่วนที่เก้าอี้อีกตัว แพรวพิลาศกำลังนั่งดื่มค็อกเทล แกล้มสตรอเบอรี่อยู่คนเดียว
ฉัตรชัยยกจานซูชิเล็กๆมาให้หนึ่งจานกับสลัดในถ้วย ฉัตรชัยโค้งก่อนวางให้
“คุณพ่อคุณถามหา..ท่านกำลังจะขึ้นกล่าวในงาน” ฉัตรชัยบอก
“ก็ให้ท่านกล่าวไป..แล้วให้ท่านเข้าใจ..ว่าชั้น..ไปกะสุขสันต์”
“แต่คนในงานเห็นคุณกับผมแล้วนะ” ฉัตรชัยบอก
“คนเห็นเธอ..เค้าก็ต้องนึกว่าสุขสันต์ก็คงอยู่แถวๆนี้อยู่แล้วล่ะ”
“คุณฉลาดจัง..สวย..แล้วยังฉลาดอีก หายาก” ฉัตรชัยชม
“หยุดพูดอะไรเฉิ่มๆซะทีเถอะ”
มาวินเดินเข้ามาอย่างหาเรื่อง ส่วนลูกน้องตร.หัวเกรียนของเขาเดินมาแอบดูอยู่ที่พุ่มไม้
มาวินพุ่งเข้าไปหาแพรวพิลาศ “คุณแพรว..คุณสุขสันต์อยู่ไหน”
ฉัตรชัยปรี่เข้ามาขวาง “เอ๊ะ คุณ..ถอยไป”
มาวินผลักอก “แกแหละถอย..รู้ไหม ว่าชั้นเป็นใคร”
“ใคร” ฉัตรชัยถาม
“สารวัตรมาวิน”
“ไม่รู้จัก” ฉัตรชัยบอก
“ไอ้สมุนปลายแถว อย่ามาสะเออะ” มาวินด่า
“ทำไม เป็นตำรวจแล้วเจ๋งเหรอ” ฉัตรชัยผลักตอบ
ทั้งสองกระโดดเข้าใส่แล้วชกต่อยกันทันที
“กรี๊ด..หยุดๆๆ หยุดเดี๋ยวนี้” แพรวพิลาศกระโดดเข้าไปขวางกลางวง แล้วตบฉัตรชัยหนึ่งที ตบมาวินหนึ่งที “พวกบ้า ป่าเถื่อน ฉันเกลียดจริงๆ ชอบใช้แต่กำลัง ยังกะวัวกะควาย..ไม่มีใครศิวิไลซ์ เท่าสุขสันต์ซักคน..อี๋....ทำไมคะ คุณตำรวจ คุณถามหาสุขสันต์ทำไม มีอะไร คุณมีปัญหาอะไรกะแฟนชั้น”
“มีสิ..เพราะแฟนคุณ..มากิ๊กกะแฟนผมไง!” มาวินตะโกนใส่
ฉัตรชัยถึงกับผงะและตกตะลึง แพรวพิลาศได้ยินก็แทบหยุดหายใจ เธอยกมือขึ้นทาบอกแล้วสูดลมหายใจลึก ก่อนจะตากลอกขึ้นข้างบนแล้วทรุดฮวบลงไป ฉัตรชัยรีบรับร่างเธอไว้ได้

รถกระบะของพิมมาดาแล่นเข้ามาในรั้วบ้านของสุขสันต์แล้วไปจอดที่โรงรถของบ้าน สุขสันต์เดินออกมารอต้อนรับโดยมีบอดี้การ์ดชื่อฮิมตามประกบ
“เชิญครับคุณพิมมาดา” ฮิมเปิดประตูรถให้
พิมมาดาก้าวลงรถด้วยท่าทีสง่างาม ส่วนกริสน์เปิดประตูลงรถมาเองในสภาพหัวยุ่ง
“วันนี้คุณพิมสวยมากครับ” สุขสันต์เอ่ยชม
“ขอบคุณค่ะ”
“อันที่จริง คุณพิมไม่น่าต้องลำบากมาเองเลย ผมส่งคนรถไปรับก็ได้ จะได้นั่งมาสบายๆกว่านี้” สุขสันต์บอก
“พิมไม่ได้ลำบากอะไรหรอกค่ะ ให้ลูกน้องที่ร้านขับรถมาส่ง”
“เชิญด้านในดีกว่าครับ เชิญครับ”
สุขสันต์เชิญพิมมาดาเดินเข้าบ้าน กริสน์จะเดินตามไป แต่ฮิมเข้ามาขวางแล้วพูด “คนรถไปรอตรงนู้น” ฮิมชี้ไปที่ป้อมยามหน้าบ้าน
“เอ่อ..ผมเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวคุณพิม..ก็ต้องตามไปดูแลเจ้านาย” กริสน์บอก
“ไม่ต้อง มีคนดูแลแล้ว” ฮิมตัดบทแล้วขยับไปขวางพร้อมกับตีหน้าจริงจัง
กริสน์เซ็งจำต้องถอยไปที่ลานจอดรถ เขามองไปรอบๆบริเวณแล้วจะเดินแยกไปอีกด้านหนึ่ง อยู่ๆ ก็มีลุงยามเดินมาขวางแล้วถามขึ้น
“จะไปไหน”
“ทำไมคนบ้านนี้ต้องยุ่งเรื่องของแขกทุกเรื่องด้วย” กริสน์เซ็ง “จะไปห้องน้ำ ลุงจะไปด้วยกันมั้ยล่ะ ไปมะๆ”
“ไปคนเดียวไป อยู่ตรงโน้น ไปๆ” ลุงยามไล่
กริสน์เดินแยกออกไป ที่ท้ายรถกระบะใต้ผ้าใบที่คลุมกระดุกกระดิกไปมา

ที่บ้านของพิมมาดา เต๋ากับเต้ยเดินมาหยุดที่หน้าห้องเด็กๆ
“เด็กๆทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้ เงียบไปเลย” เต้ยสงสัย
ทั้งคู่เดินมาที่หน้าห้องของแจ๊สซึ่งมีป้ายกระดาษเขียนติดแปะไว้ที่หน้าห้องว่า “ใครรบกวนขอให้เป็นหมัน”
“ใครรบกวนขอให้เป็นหมัน..เป็นหมัน!” เต๋าอ่าน “ ยังงี้ชั้นก็มีลูกไม่ได้น่ะสิ แย่จัง”
เต้ยเขกหัว “ใช่เวลาเซ็นซ์ซิทีฟมั้ยนังเต๋า..สงสัยน้องแจ๊สจะอ่านหนังสืออยู่”
ทั้งสองเดินผ่านห้องโจ๊ก “น้องโจ๊กคะ น้องจีจ้า” เต้ยจับลูกบิดแล้วบิด “ประตูล็อก” เต้ยเห็นว่ามือตัวเองเลอะ “หว๋าย..อะไรเหนียวๆอ่ะ อี๋..ซอสมะเขือเทศ..น้องโจ๊กอ่ะ ไม่อยากให้กวนก็บอกดีๆสิคะ ทำไมต้องมาวางกับดักด้วย”
“จีจ้าขา..สองทุ่มตรง ต้องเตรียมเข้านอนนะคะ เข้าใจมั้ยคะ..เข้าใจมั้ยคะน้องจีจ้า..อืม ถ้าไม่ตอบพี่เต๋าถือว่าเข้าใจนะคะ” เต๋าพูดเสียงดัง

เต๋ากับเต้ยรีบออกไป โดยไม่รู้ว่าภายในห้องของจีจ้าไม่มีใครอยู่แล้ว









Create Date : 31 มกราคม 2555
Last Update : 31 มกราคม 2555 13:17:59 น.
Counter : 477 Pageviews.

0 comment
มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 4




ที่หน้าประตูทางเข้าโรงเรียน ครูฟ้าใสยืนรับเด็กๆ อยู่หน้าโรงเรียน แจ๊ส โจ๊ก จีจ้า เดินเข้ามา
วางกระเป๋า แล้วยกมือไหว้ทำความเคารพครูฟ้าใสอย่างนอบน้อม ครูฟ้าใสหันมาเห็น เหลือบตาดูนาฬิกา แล้วมองเด็กทั้งสามอย่างประหลาดใจเป็นที่สุด

“โอ้วมายกอด! เซอร์ไพร้ส์มากๆ นี่พวกเธอสามคนมาโรงเรียนก่อนเวลาเคารพธงชาติเหรอเนี่ย?” ครูฟ้าใสแหงนหน้ามองฟ้า “นี่สโนว์จะตกในเมืองไทยหรือเปล่า?”
กริสน์ก้าวตามเข้ามาแล้วได้ยินที่ครูฟ้าใสพูดพอดีจึงถามขึ้น
“ปกติเด็กสามคนนี้มาโรงเรียนสายเป็นประจำเหรอครับ?”
ครูฟ้าใสหันมาตามเสียงของกริสน์ พอเห็นหน้ากริสน์ก็ปิ๊งขึ้นมาทันที
“โอ้วว..สมาร์ท แมน แฮนด์ซัม ล่ำ หล่อ” ครูฟ้าใสพูดเป็นชุด กริสน์ทำหน้างงๆ “ฮู อาร์ ยู คะ?”
กริสน์อึกอักงุนงงกับอาการของครูฟ้าใส
“ฮีทส์ เนม อีส กริสน์ เป็นลูกพี่ของพวกเราครับ เอ้ย! คะครู” จีจ้าตอบแทน
“คริสส” ครูฟ้าใสทวนชื่อ
“กริส์นค่ะ” แจ๊สบอก
“กริส์น” ครูฟ้าใสทวนชื่ออย่างงงๆ “ลูกพี่”
“อ้อ..จีจ้าหมายถึง พี่เลี้ยงน่ะครับ คุณพิมให้ผมมาดูแลพวกเด็กๆแทนเธอ” กริสน์บอก
“โอ ไอซี เบบี้ซิตเต้อร์”
โจ๊กแนะนำตัวแทนครู “ส่วนนี่คือ ครูฟ้าใส ครับ เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ และเป็นครูประจำชั้นของพี่แจ๊ส”
แจ๊สพูดแทรกขึ้นมานิ่งๆ “ที่ชอบพูดไทยคำ อังกฤษคำ แต่สอนไม่รู้เรื่องเอาซะเลย”
แจ๊สพูดจบแล้วก็เดินจากไป ทิ้งให้ทุกคนยืนอึ้ง ส่วนครูฟ้าใสหน้าเจื่อน กริสน์ต้องรีบออกตัวแทน
“เพราะอย่างนี้ไงครับ คุณพิมถึงให้ผมมาดูแลเด็กๆ”
ครูฟ้าใสกัดฟันยิ้ม “เข้าใจคะ เข้าใจ”
เสียงแตรรถจักรยานขายซาลาเปาดังขึ้นเหมือนรหัส ปิ๊บๆ ปิ๊บๆๆ ปิ๊บๆ ปิ๊บๆ ปิ๊บ กริสน์ได้ยินก็เข้าใจจึงหันไปมอง เห็นภัทรดนัยที่ปลอมตัวเป็นพ่อค้าขายซาลาเปาขี่รถผ่านมา ภัทรดนัยยักคิ้วส่งซิกส์ให้กริสน์
“เดี๋ยวผมขอตัวไปซื้อขนมจีบซาลาเปามาให้เด็กๆก่อนนะครับ พวกแกยังไม่ได้ทานข้าวเช้าเลย”
“ใครว่า พวกเราเพิ่งกินแซนวิชไปเมื่อกี้เองนะค๊ะ” จีจ้าบอก
“ใช่ ยังอิ่มอยู่เลย” โจ๊กสนับสนุน
กริสน์พูดเสียงดัง “เป็นเด็กต้องกินเยอะๆ จะได้มีอาหารไปเลี้ยงสมอง จะได้ไม่โง่เข้าใจมั้ย?”
ครูฟ้าใสมองกริสน์อย่างอึ้งๆ กริสน์เริ่มรู้ตัวจึงเปลี่ยนเสียงเป็นนุ่มนวล
“กินเยอะๆ โตขึ้นจะได้หน้าตาดี เหมือนครูฟ้าใส” กริสน์หันไปพูดกับครูฟ้าใส “จริงมั้ยครับคุณครู?”
ครูฟ้าใสได้ยินเช่นนั้นก็อายม้วน กริสน์รีบเดินออกไปทันที โจ๊กกับจีจ้ามองครูฟ้าใสที่อายจนหน้าแดงอย่างขำๆ

กริสน์เดินออกมาหน้าโรงเรียน บริเวณที่ รปภ. ไล่รถทุกคันไม่ให้จอด รถเบนซ์คันใหญ่ของเมทินีแล่นเข้ามา รปภ. รีบยกรั้วกั้นออกให้จอดทันที รปภ. วิ่งไปรับทิปจากคนขับรถ กริสน์เห็นเช่นนั้นก็หงุดหงิด
“นี่ไงตัวการ..ทำคนนิสัยเสียหมด” กริสน์พูดกับตัวเองแล้วเดินอย่างหัวเสียออกไป
รถสปอร์ตราคาแพงอีกคันแล่นเข้ามาต่อท้ายรถของเมทินี รปภ.วิ่งมาเปิดประตูรถเบนซ์ให้แล้วโค้ง รปภ. ยื่นมือไปให้เมทินีจับ เมทินีจับเพื่อประคองตัวแล้วก้าวออกมาอย่างเชิดๆ
อธิปกับโอปอที่นั่งอยู่เบาะหลังและเดชที่เป็นคนขับรถสปอร์ตมองรถเมทินีที่อยู่ข้างหน้า
“อีคุณหญิงรถคันหน้านี่มันจะนวยนาดไปไหนวะ? ลงจากรถไม่เสร็จซะที” อธิปบ่น
“ลักษณะไขข้อกระดูกแกคงจะเสื่อม หรือไม่ก็เป็นเก๊า เลยต้องมีคนคอยประคอง หรือไม่ ก็อาจจะออกลำบาก เพราะผมแกใหญ่มากคับประตูรถครับเสี่ย” เดชว่า
“เดช แกบีบแตรเรียก ยาม มาเคลียร์ซิ” อธิปสั่ง
โอปอรีบแทรก “ไม่ต้องหรอกป๊า ขับไปจอดข้างหน้าก่อนดีกว่า โอปออยากซื้อขนมกินด้วย”
เดชหักหัวรถแล้วขับออกไป เมทินีก็ยังคงนวยนาดไม่เสร็จ มีสายตาของใครบางคนกำลังจ้องเมทินีอยู่จากกำแพงข้างโรงเรียน โดยที่มีมือถือยื่นไปถ่ายคลิปเมทินีไว้ด้วย

ริมฟุตบาทข้างรั้วโรงเรียน ภัทรดนัยที่ปลอมตัวเป็นพ่อค้าขายขนมจีบซาลาเปากำลังส่งถุงขนมจีบให้ลูกค้าอยู่ กริสน์เข้ามาทำทีซื้อของ โดยมีเด็กนักเรียน 2-3 คนรอซื้ออยู่
กริสน์ถามเป็นรหัส “พี่ซาลาเปาว่าไง?”
ภัทรดนัยตอบเป็นรหัสเช่นกัน “ได้แล้ว แต่คราวนี้ไม่สุก ไม่หอม ไม่เห็น”
เด็กนักเรียนที่ยืนรอซื้อมองกริสน์กับภัทรดนัยคุยกันอย่างงงๆ
“เฮ้ย! แล้วแบบนี้จะได้กินมั้ย?” กริสน์ถามต่อ
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่อีกสามวันจะมาเสิร์ฟ?”
เด็กๆ ยิ่งฟังก็ยิ่งงง
“แล้วยกมายังไง? ใครยกมา?” กริสน์ถาม
“มีแต่ไส้หนูตาบอด กับไส้แมงสาปหูหนวก” ภัทรดนัยบอก
เด็กๆ เริ่มทนไม่ไหว “โอ้ย! ซาลาเปาไส้หนูตาบอด ไส้แมงสาปหูหนวก..แหวะ”
เด็กนักเรียนร้องอี๋แล้ววิ่งออกไป กริสน์กับภัทรดนัยมองตามอย่างงงๆ
“ไปซะได้ก็ดีแล้ว ฉันจะได้พูดกับแกแบบเคลียร์ๆซะที” ภัทรดนัยพูด
“โอเค สรุปว่าจะมีการเอายาเข้ามาในอีกสามวันนี้ใช่มั้ย?”
“ใช่” ภัทรดนัยตอบ
“ แล้วไอ้ยานี่ก็เป็นยาชนิดใหม่ที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ต้องพิสูจน์ในห้องแลบท์เท่านั้นใช่มั้ย?”
“ใช่” ภัทรดนัยตอบ
“ ที่สำคัญคือตอนนี้ยังหาตัวคนอยู่เบื้องหลังไม่ได้”
“ใช่” ภัทรดนัยตอบ
“ และยิ่งไปกว่านั้นคือ ยังไม่รู้อีกต่างหากว่าพวกมันจะนำเข้ามาทางไหน?”
“ใช่” ภัทรดนัยตอบ
“ เฮ้ย! นี่แกมีข้อมูลอะไรบ้างวะเนี่ยไอ้ดนัย?”
“ถ้ารู้ข้อมูลได้ง่ายๆ แกจะต้องเสี่ยงชีวิตมาสืบแบบนี้เหรอ?” ภัทรดนัยบอกแล้วทำเสียงจริงจัง “แกต้องรีบแล้วนะไอ้ กริสน์ เพราะถ้ายาล๊อตแรกมันเล็ดลอดเข้ามาได้ ประเทศไทยแย่แน่”
ภัทรดนัยส่งถุงซาลาเปากับขนมจีบให้กริสน์ กริสน์รับแล้วรีบเดินจากไป
รถสปอร์ตของเสี่ยอธิปแล่นเข้ามาจอดเทียบข้างรถซาลาเปา เดชกดกระจกลงแล้วยื่นหน้าออกมา
สั่ง
“น้องๆ เหมาซาลาเปาหน่อย เหลือกี่ลูกเอามาให้หมดเลย”
“ครับพี่” ภัทรดนัยตอบแล้วก็รู้สึกคุ้นหน้าเดชจึงพึมพำกับตัวเอง “ทำไมไอ้นี่มันหน้าคุ้นๆวะ”
อธิปกดกระจกลงมาจากเบาะหลัง
“ไอ้น้องเอาขนมจีบมาด้วย มี่เท่าไหร่ฉันเหมาหมด”
ภัทรดนัยตกใจจนตาค้าง เดชเห็นภัทรดนัยชะงักไปก็ส่งเสียงดัง
“ไม่ได้ยินที่เสี่ยสั่งหรือไงไอ้น้อง รีบๆจัดมาเร็วๆเข้า เสี่ยจะเอาไปเลี้ยงเพื่อนใหม่คุณหนู ช้าเดี๋ยวปาระเบิดใส่ร้านเลย”
“ครับพี่ครับ” ภัทรดนัยพูดกับตัวเอง “นายอธิป..มาทำอะไรที่นี่..ไอ้กริสน์ ซวยแล้วเพื่อน”
ภัทรดนัยรีบเอาซาลาเปาใส่กล่องส่วนในใจก็คิดเป็นห่วงกริสน์

ที่ถนนหน้าโรงเรียน เมทินีกำลังจัดปกเสื้อปาล์ม ลูกชายของเธอที่ยืนหันหลังอยู่ เมทินีพยายามยิ้มแต่ก็ยิ้มได้ไม่มากเพราะเพิ่งไปฉีดโบท๊อกซ์มา
“หล่อที่สุดเลยลูกแม่” เมทินีพูดแบบไม่ขยับปาก
ปาล์มในสภาพผมใส่เจลเรียบแปล้ติดกระดุมเสื้อถึงคอหันหน้ามา หน้าตาของเขามั่นใจในความหล่อของตัวเองเป็นอย่างมาก ปาล์มหันมายักคิ้วให้เมทินี
“บ๊ายบาย หม่ามี้”
เมทินีโบกมือบ๊ายบายลูกแล้วทำท่าภูมิใจ
“ลูกปาล์มของแม่นี่เท่ห์จริงๆ”
“ทรมานมั๊ยครับหม่ามี้เวลาพูดน่ะ” ปาล์มถามประชด
เมทินีมองค้อน “ก็แม่ไปฉีดโบท๊อกซ์มา หน้ามันตึงเข้าใจมั้ย? อย่าให้แม่ต้องพูดมาก เมื่อยกล้ามเนื้อหน้า”
“อย่างอื่นตึงด้วมั๊ยครับหม่ามี้” ปาล์มถาม
“อะไร้.” เมทินีลืมตัวขยับปากเยอะ “โอย..เจ็บ..เจ็บ” เมทินีจับปากตัวเอง
“ฮ่าๆ..ไปน๊ะครับหม่ามี๊” ปาล์มลาแล้วรีบไป
ปาล์มเดินเข้าโรงเรียนไปอย่างเท่ มีลูกสมุนเดินเข้ามาประกบซ้ายขวาข้างละคน เมทินีมองปาล์มที่เดินเข้าโรงเรียนไป ปาล์มเดินผ่านกลุ่มเด็กนักเรียนหญิงที่ยืนอยู่แถวนั้น เด็กนักเรียนหญิงเห็นปาล์มก็กรี๊ดลั่น!
เมทินีสะกิดรปภ. “นี่ๆ ดูซิว่าลูกปาล์มเท่ห์ขนาดไหน แค่เดินผ่าน สาวๆก็กรี๊ดแล้ว”
รปภ.สะกิดเมทินี “ที่สาวกรี๊ดน่ะ คงเป็นเพราะคุณปาล์มแกเหยียบอึหมามากกว่า”
“อึหมา?”
เมทินีงงแล้วมองตามไปเห็นเท้าของปาล์มเหยียบกองขี้หมาเข้าเต็มเปาจนเหลืองอ๋อย แต่ปาล์มยังไม่รู้ตัวจึงเดินเท่ห์ต่อไป
“ตายแล้วลูกปาล์ม!”
เมทินีจะวิ่งตามลูกชายไป แต่กระเป๋าสตางค์หลุดมือเลยก้มลงเก็บ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่ามีอะไรอยู่ใต้กระโปรงที่แสนสั้นและรัดรึงของตัวเอง เมทินีหันไปมองเห็นเป็นกล้องโทรศัพท์มือถือกำลังถ่ายใต้กระโปรงของเธออยู่ เมทินีมองตามมือขึ้นไปเรื่อยๆ จนเห็นว่าเป็นผู้ชายหน้าตาโรคจิตที่กำลังยิ้มให้ เมทินีร้องกรี๊ด!
“ช่วยด้วย! พวกโรคจิตแอบถ่ายกางเกงในฉัน” เมทินีตะโกนบอกอย่างยากลำบาก
“ผมไม่ใช่โรคจิตครับ ผมเป็นแค่ผู้ชายที่รักคุณครับ คุณป้า ผมถ่ายคุณป้าไว้ทุกอิริยาบทเลยครับ” ชายโรคจิตบอก
“ป้าบ้านแกซิ ใครเป็นป้าแกยะ?” เมทินีโกรธจัดคว้าโทรศัพท์ของเขา “เอามานี่นะ!”
ชายโรคจิตยื้อไว้ “ไม่ครับ ถ้าคุณป้าไม่รับรักผม ก็อย่าเอาความทรงจำของคุณป้าไปจากผมเลยครับ”
ชายโรคจิตวิ่งหนีไป เมทินีร้องโวยวายให้คนช่วยจับตัว จังหวะนั้นกริสน์เดินหิ้วถุงซาลาเปากลับมาถึงพอดีและได้เห็นเหตุการณ์จึงรีบวิ่งไล่กวดผู้ชายคนนั้นทันที

ชายโรคจิตวิ่งหนีหน้าตาตื่น กริสน์วิ่งไล่ตามมาติดๆ ทิ้งระยะพอสมควรเมทินีก็วิ่งตามมา
“ไอ้โรคจิตหยุดนะ” กริสน์ตะโกนบอก
“ใช่ หยุดเดี๋ยวนี้นะ” เมทินีพูดเหนื่อยๆ “ถ้าแกไม่หยุดฉันจะหยุดแล้วนะ...เหนื่อย”
เมทินีพูดยังไม่ทันขาดคำ ส้นรองเท้าของเธอก็ไปติดในท่อระบายน้ำ เธอเสียศูนย์จะล้มหน้าทิ่มพื้นจึงร้องกรี๊ดออกมา กริสน์รีบวิ่งเข้ามาช้อนตัวเมทินีไว้ เมทินีล้มลงในอ้อมกอดของกริสน์ เธอสบตากริสน์แล้วก็ปิ๊งทันที
กริสน์เห็นว่าเมทินีปลอดภัยแล้วจึงจะปล่อยเมทินี แต่เมทินีรั้งคอเขาไว้ไม่ยอมให้ลุก ทั้งสองยื้อกันไปมาอยู่สองสามครั้ง จนกริสน์ทนไม่ไหว
“คุณป้าปล่อยผมซะทีซิครับ ไม่งั้นผมตามไอ้บ้านั่นไม่ทัน แล้วรูปเปลือยคุณป้าจะออกสู่ Social Network นะครับ!”
“บ้า!!..หยาบคายนะคะ แต่ไม่เป็นไร ยอม” เมทินีตัดพ้อ
กริสน์มองตามชายโรคจิต “ไม่ทันแล้วป้า!” เขาตัดสินใจตะโกน “เฮ้ย! ไอ้โรคจิตดูนี่!”
ชายโรคจิตชะงักแล้วหันกลับมามอง กริสน์กลั้นใจทำเป็นซุกไซ้นัวเนียเมทินี เมทินีหน้าตกใจแต่ก็เคลิ้ม ชายโรคจิตเห็นก็รู้สึกเจ็บแปล๊บที่หัวใจ
“ไม่! คุณป้าที่รักของผมไปนัวร์กับคนอื่นนน!! ทนไม่ได้” ชายโรคจิตร้องตะโกน
ชายโรคจิตวิ่งพุ่งเข้ามาหากริสน์กับเมทินีทันที กริสน์ลุกขึ้น เมทินียังกอดแน่นไม่ยอมปล่อย ชายโรคจิตต่อยกริสน์ทางซ้าย แต่กริสน์หลบไปอีกทาง ชายโรคจิตต่อยกริสน์ทางขวา กริสน์เอาเมทินีเป็นกำบัง ชายโรคจิตจึงชะงักหมัดทันที
กริสน์อุ้มเมทินีจนเท้าลอยจากพื้นแล้วเหวี่ยงเป็นวงกลม ให้ขาของเมทินีเป็นอาวุธ เมทินีเตะรัวในอากาศ โดนเข้าที่เป้าของชายโรคจิตเต็มๆ ชายโรคจิตเอามือกุมเป้าเพราะจุกจนหน้าเขียว กริสน์เหวี่ยงเมทินีไปข้างหลัง เมทินีเอื้อมมือมาจิกหัวชายโรคจิตแล้วทั้งดึงทั้งทึ้ง จนชายโรคจิตต้องเอามืออีกข้างหนึ่งมากุมหัว กริสน์ได้ทีกำหมัดต่อยท้องจนโทรศัพท์หลุดจากมือชายโรคจิต กริสน์กระโจนเข้าไปรับไว้ แล้วพลิกตัวลงนั่งกับพื้นโดยยังคงมีเมทินีอยู่ในอ้อมแขน
ชายโรคจิตยืนหน้าเขียว หัวกระเซิง แล้วค่อยๆเซล้มลงไปกับพื้น โดยที่กริสน์นั่งอย่างเท่ห์อยู่ด้านหลัง
“พระเอกมากๆ” เมทินีปลื้มสุดๆ

ที่มุมรับแขกของร้านพริมโรส เต๋าเอาน้ำมาเสิร์ฟให้สุขสันต์แล้วหลบไปยืนแอบมองรวมกับเค้กและเต้ย พิมมาดานั่งคุยอยู่กับสุขสันต์ที่โต๊ะ ฉัตรชัยยืนสวมแว่นดำคุ้มกันอยู่ไม่ห่าง
“คุณสุขสันต์คิดว่ายังงัยบ้างค๊ะคะ ที่พิมหาพี่เลี้ยงมาดูแลเด็กๆ?” พิมมาดาถาม
“ดีสิครับเด็กๆจะได้มีคนดูแล ช่วยแบ่งเบาภาระคุณพิม เพียงแต่คุณพิมต้องมั่นใจนะครับว่าพี่เลี้ยงคนนี้ไว้ใจได้? คนเราเดี๋ยวนี้รู้หน้าไม่รู้ใจนะครับ”
พิมมาดานิ่งไป
สุขสันต์จับมือพิมมาดาแล้วพูด “อย่าคิดมากนะครับคุณพิม ผมก็พูดไปอย่างนั้นเอง พี่เลี้ยงดีๆก็มีเยอะแยะ แต่ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ผมจะอยู่ข้างคุณพิมเสมอ”
พิมมาดาเขินจึงรีบดึงมือออก เค้ก เต๋าและเต้ยมองอย่างลุ้นๆ
“ขอบคุณมากคะ” พิมมาดาตอบ
“คุณพิมครับ ผมมี..อะไรดีๆ จะมานำเสนอ”
“เสนอ..เสนออะไรคะ” พิมมาดาเขิน
“คือผมกำลังจะทำธุรกิจร้านขนมกับเพื่อนนะครับ ต้องนำเข้าวัตถุดิบจากหลายๆประเทศแล้วพอดีคอนเทเนอร์ที่ผมขนของเข้ามายังมีที่ว่างเหลือ ผมก็เลยคิดว่า ไหนๆคุณพิมก็ต้องนำเข้าดอกไม้มาอยู่แล้ว ต่อไปนี้ก็นำเข้ามาพร้อมกับวัตถุดิบของผมซะเลย คุณพิมก็จะ ไม่ต้องเสียค่าขนส่งแพงๆเหมือนเคย ลดต้นทุนไปได้เยอะเลยนะครับ”
พิมมาดาอึกอัก “แต่ว่า..”
“อย่าเกรงใจผมนะครับ ถ้าคุณพิมเห็นผมเป็นเพื่อน อ่ะ..เรามาเปิดใจ..พูดกันตรงๆก็ได้..เอ่อ คือว่า คือ ผมอยากจะหาทางใกล้ชิดกับคุณมากขึ้นเร็วๆ..คุณพิมจะ..รังเกียจไหมเอ่ย”
พิมมาดาหันไปสบตากับ เค้ก เต๋า และเต้ยเหมือนขอความเห็น ทั้งสามพยักหน้าหงึกๆ สุขสันต์มองพิมมาดาตาหวานเยิ้มจนพิมมาดาต้องหลบตา เค้ก เต๋าและเต้ยเห็นแล้วก็เขินแทน
“เอาละเว้ยเพื่อนฉัน จะได้พาตัวลงจากคานก็คราวนี้ละ” เค้กพูด

กริสน์เดินคุยกับเมทินีมาตามทางเดินในโรงเรียน โดยมีครูฟ้าใสเดินชื่นชมกริสน์อยู่ด้วย
“ต้องขอบคุณคุณกริสน์มากๆเลยนะคะ” เมทินีบอก “ถ้าไม่ได้คุณกริสน์ป่านนี้ทั้งคลิปทั้งรูปดิฉันคงว่อนเนท โดนแท๊คไปทุกหน้าเฟสบุ๊คแน่ๆ”
“นิดหน่อยนะครับ คนเราเห็นใครเดือดร้อนก็ต้องช่วยเหลือกัน”
ครูฟ้าใส รีบแทรกกลางเข้ามา “หล่อ แล้วยังใจดี นี่ซิตัวจริง”
เมทินีไม่ชอบใจจึงแทรกกลับ “ไรโน่..แปลว่าแรด”
กริสน์เห็นท่าไม่ดี “ไม่มีอะไรแล้วผมกลับก่อนนะครับ”
กริสน์เดินเลี้ยวมุมตึกมาก็เจอกลุ่มคุณครูผู้หญิงทั้งสาวทั้งแก่ยืนออกันอยู่ ทั้งหมดกรูเข้ามาขอถ่ายรูปกับกริสน์ อีกมุมหนึ่งภัทรดนัยพยายามส่งซิกส์ให้กริส์นว่าอธิปมา
กริส์นพยายามมองภัทรดนัยแต่ก็ไม่เข้าใจ เขาจะเดินไปหาก็ไปไม่ได้เพราะโดนถ่ายรูปอยู่
“เสี่ยอธิปมาโว๊ย...ได้ยินมั๊ยเนี่ย” ภัทรดนัยพยายามบอก
ครูพงษ์พัฒน์ ครูสอนวิชาพละศึกษากำลังจะเดินขึ้นตึกเรียนพอดี พอเห็นภัทรดนัยในชุดคนขายซาลาเปายืนทำท่ายงโย่ยงหยกเลยเดินเข้าไปไล่
“นี่คุณ..ในโรงเรียนห้ามไม่ไห้เข้ามา..ออกไปขายข้างนอกโรงเรียนสิ” ครูพงษ์พัฒน์พลักภัทรดนัย
“เบาๆดิ..เข้าใจแล้ว..ไปก็ได้” ภัทรดนัยพูดแล้วหันไปมองกริส์นอย่างเป็นห่วง
ครูพงษ์พัฒน์หันไปเห็นครูสาวๆกำลังกรี๊ดกร๊าดกริสน์ โดยเฉพาะครูฟ้าใสที่ตามมาขอถ่ายรูปแบบประชิดตัว ก็เกิดอาการหมั่นไส้ขึ้นมา
“ไอ้หมอนั่นมันเป็นใครวะ ทำไมพวกครูสาวๆต้องกรี๊ดมันขนาดนั้นด้วย หน้าตาก็งั้นๆ ไม่เห็นจะหล่อเท่าไหร่”

ที่หน้าร้านดอกไม้พริมโรส พิมมาดาเดินออกมาส่งสุขสันต์ขึ้นรถที่หน้าร้าน โดยมีฉัตรชัยคอยกางร่มให้สุขสันต์ตลอด
“กางให้คุณพิมสิ ชั้นไม่กลัวแดดหรอก..”
สุขสันต์รีบบอก ฉัตรชัยรีบไปกางร่มให้พิมมาดา
“คุณดีกับพิมมากจริงๆ” พิมมาดาประทับใจ
“สำหรับคุณพิม ไม่มีอะไรมากเกินไปครับ แล้วเจอกันนะฮะ”
สุขสันต์ส่งตาหวานให้พิมมาดาก่อนจะขึ้นรถ ฉัตรชัยขับออกไป เค้ก เต๋าและเต้ยวิ่งดี๊ด๊าเข้ามาหาพิมมาดา
“บทจะไม่มีก็ไม่มี แต่พอมีทีก็เล่นตัวท๊อปเลยนะคะเพื่อน” เค้กแซว
“นี่ดีแล้วนะคะที่พี่พิมน่ะ เลิกกับไอ้มาวินไปซะได้” เต๋าบอก
“ถ้ายังคบกันอยู่ละก็เสียดายคุณสุขสันต์แย่”เต้ยสนับสนุน
พิมมาดาเขิน “บ้า! ไปกันใหญ่แล้ว คุณสุขสันต์เขาคงไม่คิดอะไรกับฉันหรอก”
“แต่แกคิดอะไรกับเขาแล้วละซิ?” เค้กถาม
พิมมาดาไม่ตอบแต่หน้าแดงจึงรีบเดินหนีเข้าร้านไป เค้ก เต๋าและเต้ย มองตามไปแล้วก็ขำกัน

ภายในรถของสุขสันต์ สุขสันต์กำลังคุยโทรศัพท์อยู่
“คุณจตุพลเหรอ?...ทุกอย่างเรียบร้อย ทางโปร่ง โล่ง เตียน อีกสามวันคุณไปรอรับของที่ท่าเรือได้เลย... มือระดับผมแล้ว ไม่มีทางพลาดแน่ ถึงพวกตำรวจจะแห่กันมา พวกมันก็จะเจอแต่...ดอกไม้ ฮ่าๆ” สุขสันต์วางสายแล้วหันไปคุยกับฉัตรชัย “ฉัตรชัย ขอเจลล้างมามือหน่อยซิ ร้านดอกไม้ของยัยนั่น ท่าทางจะเต็มไปด้วยเชื้อโรค..อี๋ ขยะแขยง”
“ระวัง..อย่าเอามือไปแตะหน้านะครับ เดี๋ยวสิวขึ้น” ฉัตรชัยเตือน

ครูฟ้าใสเดินส่งกริสน์มาตามทางเดินในโรงเรียน
“ขอบคุณมากนะครับครูที่มาส่ง” กริสน์บอก
ครูฟ้าใส อาย “You’re welcome. คะ แล้วคุณกริสน์จะมาส่งเด็กๆอีกมั้ยคะ?”
“ก็คงต้องทั้งรับทั้งส่งทุกวันละครับ เพราะมันเป็นหน้าที่ของผม”
“Very good.ฉันจะได้เปลี่ยนเวรมายืนรับเด็กๆหน้าประตูบ่อยๆ”
กริสน์ยิ้มแห้งๆ ครูผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งเข้ามากระซิบข้างหูครูฟ้าใส
ครูฟ้าใส มีท่าทางรีบร้อน “ต้องขอตัวก่อนนะคะคุณกริสน์ พอดีมีนักเรียนใหม่เพิ่งย้ายเข้ามาเรียนห้องเดียวกับนายโจ๊กนะคะ คุณครูทุกคนต้องไป Welcome , so sorry , see you นะคะคุณกริสน์ Bye”
ครูฟ้าใสรีบวิ่งตามครูผู้หญิงคนนั้นออกไป กริสน์แปลกใจ เขาพึมพำกับตัวเอง “กะอีแค่นักเรียนย้ายมาใหม่ ทำไมครูทุกคนในโรงเรียนถึงต้องแห่ไปต้อนรับด้วย ...สงสัยจะไม่ธรรมดา” กริสน์หันซ้ายหันขวา “ห้องน้ำอยู่ไหนหว่า”

ที่ริมรั้วโรงเรียน ภัทรดนัยพยายามโทรหากริสน์ แต่กริสน์ไม่รับสาย
ภัทรดนัยหงุดหงิด “ไอ้กริสน์เอ้ย! ไอ้มือปราบซังกะบ๊วย มีมือถือเหมือนมีสากกะเบือ ถึงเวลาคับขันทีไร ฉันไม่เคยติดต่อแกได้เลย! ความซวยกำลังจะมาเยือน จะเตือนก็ไม่ได้ ยังไงดีวะเนี่ย?”
ภัทรดนัยยังคงพยายามกดโทรศัพท์ต่อสายหากริสน์ต่อไปอย่างร้อนใจ

ในห้องเรียนของโจ๊ก ครูพงษ์พัฒน์ยืนพูดอยู่หน้าชั้นเรียน
“เอาละนักเรียนทุกคน ครูมีความยินดีที่จะแนะนำเพื่อนใหม่ของเราให้รู้จัก”
ครูพงษ์พัฒน์ผายมือไป โอปอเดินก้าวเข้ามา
“หนูโอปอย้ายมาจากโรงเรียนนานาชาติ จะเรียนกับพวกเราตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”
ทุกคนปรบมือต้อนรับ มีแค่โจ๊กที่นั่งเซ็งและนิ่งเฉย
“ขอฝากตัวนะคะ มีอะไรก็แนะนำเราด้วยนะ” โอปอพูด

บริเวณมุมตึกภายในโรงเรียน กริสน์พึมพำกับตัวเอง
“ห้องน้ำไปทางไหนน๊ะ..?”
กริสน์ยืนหันหลังให้กับทางเดิน ด้านหลังเห็นอธิปเดินคุยกับ ผอ.และครูฟ้าใสอยู่ โดยมีเดชและบอดี้การ์ดเดินตามมาคุ้มกัน
“ยังไงผมก็ต้องฝากหนูโอปอ ดวงใจของผมไว้ในการดูแลของท่านผอ.ด้วยนะครับ” อธิปพูด
กริสน์ได้ยินเสียงอธิปแล้วก็เสียวสันหลังวาบ แต่ก็กลั้นใจหันไปมอง เขาเห็นเสี่ยอธิปเดินคุยกับผอ.และครูฟ้าใสอยู่
“ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะเสี่ย ทางโรงเรียนจะดูแลหนูโอปออย่างเต็มที่ค่ะ” ครูฟ้าใสพูด
กริสน์เหงื่อเริ่มแตกผลั่กๆ เขาบ่นกับตัวเอง
“เป๊ะเลย! เสี่ยอธิป ..วายป่วงแล้ว!”

กริสน์รีบผลุบเข้าซ่อนตัวที่มุมตึก แต่ขาดันไปเตะถังขยะที่ตั้งอยู่ข้างๆ ล้มลงเสียงดังตึง!
อธิปได้ยินก็ตกใจ บอดี้การ์ดทุกคนชักปืนจ่อไปที่มุมตึกทันที บรรดาคณะคุณครูพากันแตกตื่น
เดชตะโกน “ใครอยู่ตรงนั้น!” เดชตะโกนด้วยลีลาโอ่เวอร์แอคติ้งสุดๆ

กริสน์พยายามกลั้นหายใจ เหงื่อแตกพลั่ก สีหน้าลุ้นระทึกทุกขณะจิต

สถานการณ์ตกอยู่ในความเครียด บอดี้การ์ดของเสี่ยอธิปเล็งปืนไปที่มุมตึกอย่างเอาเป็นเอาตาย ทุกคนต่างลุ้นระทึก อธิปถามซ้ำขึ้นมาอีก น้ำเสียงดังกว่าเดิม

“ฉันถามว่าใครอยู่ตรงนั้น!”
กริสน์ยืนกลั้นหายใจ เหงื่อแตก เกร็งไปทั้งตัวอยู่ที่มุมตึกแห่งนั้น
“ได้! ไม่ตอบฉันใช่มั้ย?” อธิปหันไปออกคำสั่งขึงขังท่าทีจริงจัง “พวกเรา” บอดี้การ์ดทุกคนขานรับ
“ครับเสี่ย!” อย่างพร้อมเพรียง อธิปสั่งต่อ “เอาปืนลง”
บอดี้การ์ดทุกคนทำหน้าเหรอหราร้องออกพร้อมกัน “เอ้า!”
“จะ เอ้า! ทำไม?” เดชหันไปเอ็ดเอากับบอดี้การ์ด “ไม่ได้ยินหรือไงเสี่ยบอกให้เอาปืนลง? เพราะ
นอกจากจะทำให้พวกเด็กๆ ตื่นตกใจแล้ว ยังจะมีความผิดอีกด้วย เพราะกฏหมายบัญญัติไว้ว่า ห้ามผู้ใดพกพาอาวุธในสถานศึกษา เข้าใจมั้ย?” เดชผู้รอบรู้สรุป
บรรดาบอดี้การ์ดทุกคน “ครับ!”
“That’s right” ฟ้าใสบอกอย่างพอใจ
บรรดาบอดี้การ์ดทุกคนพากันเก็บปืน แต่พร้อมใจกันชักมีดออกมาแทน เดชหันไปเห็นก็สะดุ้งโหยง
“เฮ้ย! มีดก็ไม่ได้ ถือเป็นอาวุธเหมือนกัน”
บอดี้การ์ดเก็บมีด
จากนั้นเดชก็ย่างสามขุมไปที่มุมตึกอย่างองอาจมาดแมนโครต ครูทุกคนลุ้นระทึกกันตัวโก่ง
“Oh my god!! Oh my god!” ฟ้าใสลุ้นจัดมากกว่าหน้าไหนๆ
ทันทีที่เดชจู่โจมเข้าไปก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นว่ามีแค่ถังขยะกับไม้กวาดที่ล้มอยู่ แต่ไม่มีคนอยู่ตรงนั้น
“กรี๊ด...”
ทุกคนหันมามองฟ้าใสกันเป็นตาเดียว
“Who is it? มันเป็นใครคะ มันเป็นใคร?”
“เสี่ยครับ ไม่มีใครอยู่เลยครับเสี่ย” เดชรีบรายงาน
เสี่ยอธิปเดินเข้ามาดู พวกครูตามเข้ามาสมทบ เห็นว่าไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลยจริงๆ
เหนือบริเวณตรงนั้นมีช่องแอร์ที่เผยอนิดๆ แต่ไม่มีคนสังเกตเห็น

เวลาผ่านไป พิมมาดากำลังกุลีกุจอจัดดอกไม้ให้กับเค้กอยู่ที่ร้านพิมโรส เต๋า กับเต้ยก็กำลังง่วนอยู่กับดอกไม้ จังหวะหนึ่งเต๋ากับเต้ยหันมามองหน้ากันแล้วถอนหายใจ ป๊อปคอร์นที่นอนอยู่ชะเง้อมองอย่างเหงาๆ
เต้ยเดินหอบดอกไม้ช่อใหญ่มาชะเง้อมองหน้าร้าน
“ทำไมยังไม่กลับมาอีกนะ” เต้ยบ่นพึมพำออกมา
เต้ยเดินกลับมา โดยมีเต๋าเดินสวนมาชะเง้อมองบ้าง
“นั่นสิ...คุณกริสน์นะคุณกริสน์ เค้าเป็นห่วงจะแย่อยู่แล้ว รู้บ้างมั้ยเนี่ย?”
พิมมาดามองตามเต๋า กับเต้ย แล้วส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ
“เกินไปแล้ว เต๋า เต้ย ว่างมากใช่มั้ย?”
“ใช่ค่ะ...” แม่ยกเอเฟเผลอตอบ แต่พอรู้สึกตัวก็รีบปฏิเสธ “...เปล่าค่ะ”
เต๋ากับเต้ยวงแตกรีบเดินพากันไปทำงานต่อ พิมมาดาจัดดอกไม้เสร็จพอดี ยื่นส่งให้เต๋า
“เต๋า เดี๋ยวเอาดอกไม้นี่ไปส่งให้คุณเค้กที่ร้านด้วยนะ”
เต้ยหันไปมองหน้าร้านเห็นเค้กเดินมาพอดี
“ไม่ต้องแล้วมั้งคะ มาโน่นพอดี”
เค้กเดินเข้ามาในร้านพร้อมแก้วกาแฟในมือ ชะเง้อมองหากริสน์
เต้ยทำท่าจะเข้ามาคว้ากาแฟในมือ “เอามาฝากเต้ยเหรอคะคุณเค้ก”
“ของคุณกริสน์” เค้กรีบเบี่ยงแก้วหนี
“เค้ก ดอกไม้เสร็จแล้วนะ กำลังจะให้เต๋าเอาไปส่งพอดี สวยมั้ย?”
เค้กไม่สนใจฟังมัวแต่ชะโงกหากริสน์ และไม่ได้มองดอกไม้ พอรู้ตัวก็ตอบส่งๆ “สวยจ้ะ...สวย”
“เค้ก นี่แกก็เป็นไปกับเค้าอีกคนเหรอ” พิมมาดาออกอาการงอน “อีตาบ้านั่นมันมีอะไรดีนักหนา?” ท้ายสุดพิมมาดาเกิดอาการเซ็ง
“หล่อ เท่ห์ สมาร์ท” เต้ยเริ่มเพ้อ
“แถมขี้เล่น และเป็นกันเองอีกนะคะ” เต๋าอวยส่ง
ป๊อปคอร์นเงยหน้าขึ้นเห่า “โฮ่ง” เหมือนจะบอกว่าเห็นด้วย
พิมมาดาหันไปมองทำตาดุใส่ป๊อปคอร์น ก่อนจะหันมาด่าเต๋า เต้ย “ไม่ได้ถาม”
“อุ้ย” เต๋าเต้ยอุทานเสียงจ๋อย
เค้กหัวเราะคิกชอบอกชอบใจ “แหม พิม...เธอไม่สนก็ไม่เป็นไรนี่ แต่ฉันสน” ว่าพลางก็เพ้อต่อ “คุณกริสน์นี่สเป็กเลยล่ะ”
เต๋า เต้ย ฟังแล้วพร้อมใจกันค้อนเค้กขวับ ในขณะที่พิมมาดาเบ้ปากทำหน้ายี้ใส่
“ว่าแต่คุณกริสน์ยังไม่มาอีกเหรอ?”
เต๋า เต้ยประสานเสียงตอบอย่างหมั่นไส้สุดๆ “ถ้ากลับมาก็เห็นแล้วซิคะคุณเค้ก”
“จะไปรู้เหรอ? ที่เค้กไม่เห็นคุณกริสน์ อาจเป็นเพราะความรักมันบังตาเค้กอยู่ก็ได้...” เค้กบอก
เต๋ากับเต้ยหัวเราแหะๆ ส่วนพิมมาดาเบ้ปาก ในขณะที่ป๊อปคอร์นปิดตารับไม่ได้ ทุกคนเลี่ยนตามๆกัน
“อุ้ย...ขอโทษนะคะที่ทำให้ทุกคนเลี่ยน เดี๋ยวฉันไปก่อนแล้วกัน” เค้กรู้ตัวรีบส่งแก้วกาแฟให้เต๋า แล้วรับดอกไม้ไป “ขอบใจนะพิม”
เค้กเพิ่งจะเห็นดอกไม้ชัดๆ รู้สึกว่าสวยมาก
“อุ๊ย!แม่เจ้า นี่ดอกอะไรเนี่ยน่ารักมาก” เค้กชมดอกไม้เพ้อๆ “สวยจริงๆ เลยนะเนี่ย ที่สุด”
เค้กเดินออกไปจากร้าน ทุกคนมองตาม
“อาการหนักนะคะเนี่ยคุณพิม” เต้ยว่า
พิมมาดาแค่นหัวเราะ แล้วเหลือบตามองนาฬิกาด้วยความกังวลใจ

เวลาเดียวกันในห้องเรียนของโจ๊ก บรรยากาศวุ่นวายเสียงเซ็งแซ่เหมือนนกกระจอกแตกรัง ครูพงษ์พัฒน์ยืนอยู่หน้าห้องกับโอปอ ครูฟ้าใสเดินเข้ามา
“Quite!!” ฟ้าใสเอ็ด บอกให้นักเรียนเงียบ
“เอาละนักเรียน เมื่อเหตุการณ์ตื่นเต้นผ่านไป ก็ถึงเวลาตื่นตัวกับการเรียนละนะ” พงษ์พัฒน์หันมา
ยิ้มพูดกับโอปออย่างเอาใจ “หนูโอปอหาที่นั่งเลยนะ มีที่ว่างอยู่ 2-3 ที่ นั่งตรงไหนก็ได้จ้า”
“Please take a seat แปลว่าหาที่นั่งได้เลยจ้า...Take a seat” ฟ้าใสไม่ทิ้งคอนเส็ปท์
โอปอมองหาที่นั่ง โจ๊กหันมาเห็นทำหน้าเซ็งสุดๆ โอปอตัดสินใจเดินไปนั่งข้างโจ๊ก พงษ์พัฒน์หุบยิ้มทันที
“ขอเรานั่งด้วยคนนะ” โอปอบอก
“จะนั่งก็รีบๆ ทำคนอื่นเสียเวลาจริงๆ กว่าจะเริ่มเรียนได้เสียเวลาไปตั้งครึ่งวัน” โจ๊กบ่นอุบ
โอปอฉุนกึก ถามทันที “นายว่าใคร?”
“ก็ใครที่มาใหม่ แล้วทำให้คนอื่นเสียเวลาก็คนนั้นแหละ”
“นี่นาย”
“No no no no… Don’t Fight…อย่าทะเลาะกัน วันนี้ครูปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว...Headache…ปวด
หัวเข้าใจไหมคะ?” ฟ้าใสบอก
พงษ์พัฒน์รีบท้วงขึ้น “หนูโอปอ ถ้าไม่ชอบใจนั่งที่อื่นก็ได้นะ ยังมีที่ว่างอีก”
“ไม่ค่ะ” โอปอพูดอย่างกวนๆ ใส่โจ๊ก “หนูอยากนั่งตรงนี้”
โจ๊กมองหน้าโอปออย่างไม่สบอารมณ์ โอปอยักคิ้วให้โจ๊กอย่างกวนๆ

ขณะเดียวกันนั้น ที่บริเวณช่องแอร์ภายในห้องเก็บ องโดนกระทุ้งอย่างแรง แล้วไม่นานหลังจากนั้นก็เปิดโครมออกมา เพราะถูกเท้าของกริสน์ ถีบเข้าเต็มแรง
กริสน์โผล่หัวออกมา กวาดตามอง เห็นว่าไม่มีใครแล้ว จึงทิ้งตัวลงมา แล้วปิดช่องแอร์คืนตามเดิม ก่อนจะเปิดประตูก้าวออกไป
กริสน์เดินไปอย่างระแวดระวังตัว แล้วพอเลี้ยวพ้นมุมหนึ่งมา ก็สะดุ้งหยุดดู
ตรงบริเวณนั้นมีนักเรียนต่อแถวกันยาวเหยียด ริสน์มองเห็นป้ายที่เขียนว่า “รับสมัครสมาชิกชมรม Star Dance รุ่นใหม่”
รุ่นพี่คนหนึ่งตะโกนบอก “เดี๋ยวน้องๆ กรอกใบสมัคร แล้วมารอถ่ายรูปตรงนี้เลยนะคะ”
กริสน์เห็นว่าปลอดภัยแล้วจะเดินไปต่อ แต่แล้วก็ต้องชะงัก ถอยหลังกลับมาดูอีกครั้ง
“แจ๊ส”
กริสน์ เห็นแจ๊สอยู่ในแถวที่รอรับใบสมัครด้วย แจ๊สดูเป็นเด็กสาวที่มีทีท่าเฉยสุดๆ แตกต่างจากคนอื่นๆ ที่มาสมัคร ซึ่งพอกรอกใบสมัครเสร็จแล้ว ก็ยืนโพสท่าเว่อร์ๆ ให้รุ่นพี่ถ่ายรูปอยู่ ถึงคิวของแจ๊สพอดี แจ๊สยื่นมือไปรับใบสมัคร แต่รุ่นพี่ชักกลับ แจ๊สชะงัก รุ่นพี่ถามอย่างไม่มั่นใจ
“น้อง มาทำอะไรคะ”
แจ๊สเจออย่างนี้ก็เลยเกร็งๆ “มาสมัครสมาชิกชมรมค่ะ”
รุ่นพี่คนนั้นมองแวบเดียว แล้วไม่สนแจ๊สอีกเลย “อ๋อ ชมรมวิทยาศาสตร์อยู่ทางนั้นจ้ะ”
“ไม่ใช่ค่ะพี่ หนูมาสมัครเต้น”
“เต้น” รุ่นพี่พูดพร้อมกัน
จากนั้นทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็มองหน้ากัน แล้วต่างหัวเราะกันคิกคัก แจ๊สทั้งโกรธทั้งอายจนหน้าแดง
รุ่นพี่อีกคนพูดตัดบท “นี่ น้อง น้องไม่เหมาะกะชมรมเราเราหรอกนะจ๊ะ โน่นจ้ะ ปีกโน้น เรามี
ชมรมฟิสิกซ์ เคมี และคณิตศาสตร์โอลิมปิก”
“หรือชมรมพุทธศาสนา ชมรมปรัชญา อยู่ถัดออกไปนิด” รุ่นพี่คนแรกว่า
จากนั้นรุ่นพี่ และบรรดานักเรียนทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะแจ๊ส
แจ๊สอึ้งแล้วหันกลับ วิ่งออกไป กริสน์ยืนอึ้งนิดๆ สักพัก เดินไปที่โต๊ะรับสมัคร 2 รุ่นพี่เห็นกริสน์งงๆ
กริสน์วางมาดขรึมแล้วถามขึ้น “น้องๆ” ตั้งใจพูดกับรุ่นพี่ทั้งสองคน “...มันมีข้อห้าม ไม่ให้เด็กใส่แว่นเชยๆ เต้นรำหรือไง?”
“ลุงเป็นพ่อของน้องคนเมื่อกี้เหรอคะ?” รุ่นพี่คนแรกถามกริสน์
กริสน์ทำทีเป็นดุใส่ พูดด้วยหน้าตาขึงขัง ใส่แบบจัดเต็มสูบ
“ไม่ใช่ลุงแล้วก็ไม่ใช่พ่อด้วย นี่ฟังพี่นะ พวกน้องๆ จะเป็นนักกิจกรรมที่ดีได้ ไม่ควรตัดสินคนแค่การ
มองเพียงแว่บแรก จะรับคนมาเต้น ก็ต้องให้เขาเต้นให้ดู จะรับคนร้องเพลง ก็ต้องให้เขาร้องเพลงให้ฟัง จะรับคนเล่นละคร ก็ต้องให้เขาแสดงให้ดู ไม่ใช่แค่มองแว่น ทรงผม หรือรองเท้าเค้า แล้วก็ฟันธงว่าเค้าทำไม่ได้ ใครจะรู้ว่ายัยแว่นเชยนั้นอาจเต้นเก่งกว่าพวกน้องทุกคนรวมกันอีก มันต้องให้โอกาสเขาสิ รู้จักไหม..คำว่าออดิชั่นอ่ะ ออดิชั่น เค้าเรียกว่าการทดสอบฝีมือ ไม่เคยดูรายการเรียลลิตี้ประกวดนู่นนี่นั่นกันบ้างเลย เอ๊าท์มากๆ ไหน..ชมรมชื่อไรอ่ะ สตาร์ด๊านซ์.. เฉิ่มมาก เบ๊อะบ๊ะ ด๋าวได๋ไซโคสุดๆ เดี๋ยวจะไปบอกอาจารย์ใหญ่ ว่ารุ่นพี่ชมรมนี้ มีพฤติกรรมทำให้ชมรมเสื่อมสมรรถภาพ จะไปฟ้องคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ว่าชมรมนี้ ทำงานไม่มีมาตรฐาน แล้วจะไปฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าเด็กสถาบันนี้ ดูถูกหมิ่นประมาทคนอื่น ไหน..ชื่ออะไรกันมั่ง จดชื่อมาเลย” กริสน์ไล่จะดูชื่อ
เด็กๆ รีบปิดชื่อตัวเอง หน้าเสีย กลายเป็นซีด บางคนถึงกับร้องไห้ออกมา

พิมมาดาชะเง้อดูที่หน้าร้านดอกไม้อย่างร้อนรน เต๋ากับเต้ยจับตาอยู่ หันมองหน้ากัน
สักพักเค้กเดินถือขนมเค้กเปิดประตูร้านเข้ามาอีกรอบ ขณะที่เค้กกำลังจะอ้าปากพูด ทุกคนก็สวนขึ้นมาซะก่อน
“ยังไม่มา” เต๋ากับเต้ยประสานเสียงพร้อมกัน
เค้กเลยเขินไป “รู้ได้ยังไงอ่ะ พี่ยังไม่ทันถามเลย”
“พี่เค้กข้ามมาหาคุณกริสน์เป็นรอบที่ 9 ละ ไม่รู้ก็บ้าแล้วค่ะ” เต้ยบอก
เต้ยบอกพลางหันไปมองที่โต๊ะซึ่งมีแก้วกาแฟกับขนมเค้ก 8 ชุด
“ว้า...กะจะทำยอดให้ถึงโหลซะหน่อย” เค้กว่ายิ้มๆ
“หมั่นไส้” พิมมาดาเบ้ปาก
กริสน์เดินเข้ามาทันได้ยินประโยคสุดท้าย
“หมั่นไส้ใครหรือครับ?”
“หมั่นไส้นายนั่นแหละ” พิมมาดาตอกกลับ
เต๋ากับเต้ยยิ้มหน้าเจื่อนกลัวแทนกริสน์ ในขณะที่เค้กตื่นเต้นดีใจ
ส่วนพิมมาดามองกริสน์อย่างเอาเรื่อง

เค้กหยิบดอกไม้มาเทียบภาพในโน้ตบุ๊คอยู่ที่เค้าน์เตอร์ร้านเค้กของตัวเอง
เค้กพึมพำออกมา “ยัยพิมนะยัยพิม เล่นอะไรก็ไม่รู้”
ภัทรดนัยก้าวเข้ามาในร้าน คราวนี้มาแบบตัวเป็นๆ ไม่ได้ปลอมตัว เดินมาที่เค้าน์เตอร์โบกมือใส่หน้าเค้ก ที่ไม่ได้สนใจสักนิด
“ขอโทษนะครับ” ภัทรดนัยถาม
เค้กไม่ได้ยิน หยิบดอกหน้าวัวออกมา “ไอ้นี่มันดอกหน้าวัวชัดๆ”
“ว่าใครครับ ดอกหน้าวัว” ภัทรดนัยถามย้ำ
“โอ...ขอโทษค่ะ” เค้กเงยหน้ามามองแล้วก้มลงดูโน้ตบุ๊คต่อ
“โอโห...ต้อนรับได้เยี่ยมมาก หน้าก็สวยดีหรอกนะ แต่...”
เค้กได้ยินเงยขึ้นมาถามเสียงเขียว “ตกลงจะรับอะไรคะ”
“อ้าว...นี่ไง...มาดุอีก”
“อ้าวอะไรอ่ะ...ก็มายืนจะสั่งอะไรก็ไม่สั่ง...”
“แต่...”
เสียงโทรศัพท์ภัทรดนัยดังขึ้นมาพอดี ภัทรดนัยหันไปกดรับแล้วพูดสาย
“เป็นไงบ้างไอ้พ่อค้าขายดอกไม้ ไหวมั้ย? น้ำทัชบ่านาน่ามั้ยยยยย....ฮ่าๆๆๆ ทัชบานาน่า..ก็
แปะก้วยไง..อ้าว ไม่ตลกหรอ ก็อยากให้ตลกอ่า” ภัทรดนัยพูดเองเออเองขำเอง
“เออดี...ไม่ต้องส่งไม่ต้องสั่งแล้ว...อย่ากินเลย” เค้กเซ็งหันไปดูโน้ตบุ๊คต่ออย่างไม่ใส่ใจ
“แกต้องช่วยชั้นนะโว้ย ดอกไม้ในโลกนี้มีไม่รู้จักกี่ชนิด ไม่รู้ยัยจอมโหดนั่นจะเอาดอกอะไรมาแกล้ง
ชั้น”
“ใจเย็นๆ เพื่อน ไหนเล่ามาซิว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ก็ยัยเจ๊โหดนั่นน่ะสิ...”
กริสน์เริ่มต้นเล่าเรื่อง

หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านั้น กริสน์นั่งเหมือนผู้ต้องหา กำลังถูกพิมมาดาสอบสวนอยู่ที่ร้านดอกไม้พิมโรส
“ที่ผมกลับมาช้า เพราะผมมัวแต่ไปเดินสำรวจโรงเรียนของพวกเด็กๆ ถ้าจะปรับปรุงนิสัยคนก็ต้อง
ศึกษาข้อมูลของเขาในทุกๆ ด้าน การไปส่งจึงไม่ใช่แค่หย่อนเด็กๆ ลงหน้าโรงเรียนเหมือนอย่างที่คุณเคยทำ...งานพี่เลี้ยงน่ะ เป็นงานละเอียดนะคร้าบ...” กริสน์สาธยาย
พิมมาดาอึ้งไป เต๋าเต้ยกับเค้กวงแตก อุ้มป๊อปคอร์นไปด้วยท่ามกลางสถานการณ์มาคุ
เต๋ากระซิบ “คุณกริสน์พูดแรงนะป๊อป...”
เต้ยกระซิบ “แต่แอบเป๊ะ...”
พิมมาดาพยายามระงับอารมณ์
“ดี! ฉันก็มีงานละเอียด รอคนละเอียดอย่างนายมาทำอยู่เหมือนกันค่า...” พิมมาดาประชด
“งานอะไร?” กริสน์ถามกลับกวนๆ
“ในเมื่อนายมาเป็นพี่เลี้ยงหลานชั้นแล้ว จะมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กอย่างเดียวไม่พอ นายต้องช่วยชั้นขาย
ดอกไม้ด้วย และก็ควรจะเริ่มต้นด้วยการจำชื่อดอกไม้ทุกชนิดให้ได้ซะก่อน พรุ่งนี้ฉันจะทดสอบ ถ้านายตอบชื่อดอกไม้ผิด 1 ชนิด นายจะต้องล้างส้วม 1 ครั้ง”
“โห...ยากไปป่าว” ขนาดเต๋ายังร้องครางออกมา
“เต้ยยังจำได้ไม่หมดเลย” เต้ยว่า
“ไม่เป็นไร...เดี๋ยวเค้กช่วยเอง”
-กริสน์ยิ้มกวนๆ แต่แอบกังวลอย่างหนัก
พิมมาดาจ้องหน้ากริสน์อย่างท้าทาย กริสน์กำหมัดแน่นพยายามระะงับอารมณ์สุดขีด

ภัทรดนัยรับรู้เรื่องราวแล้ว จึงยิ้มออกมาเอ่ยขึ้น“อ๋อ...เข้าใจและ” หันไปสังเกตเห็นเค้ก
เปรียบเทียบดอกไม้กับรูปในโน้ตบุ๊คอยู่ “ชั้นหาทางช่วยแกได้แล้ว”

เวลาเดียวกันนั้น กริสน์ทิ้งตัวลงบนม้านั่งหลังร้านดอกไม้อย่างหมดแรง ตามแขนและมือของกริสน์มีรอยปากกาจดชื่อดอกไม้ไว้ทั่ว
“ได้!! ช่วยได้จริงเหรวะ” ฟังภัทรดนัยอธิบายแล้วตาลุก “เยสๆ”
จังหวะนั้นพิมมาดาก้าวเข้ามาพอดี กริสน์เห็นรีบวางหู
“แค่นี้ก่อนนะ” รีบปั้นยิ้มแถไปหา “มีอะไรให้ผมรับใช้อีกเหรอขอรับคุณพิมมาดา หรือว่าจะมา
จับผิดอะไรผมอีก”
“นี่มันจะสามโมงละนะ!” ยื่นนาฬิกามาตรงหน้า
กริสน์กระเด้งตัวลุกขึ้นทันที มองดูนาฬิกา เห็นว่าเหลืออีก 15 นาทีก็จะบ่ายสามโมงพอดี
“อ๊าก” กริสน์ว๊ากใส่พิมมาดา

โจ๊กเดินมาหน้าตานิ่งๆ แต่พอเหลือบไปเจออะไรบางอย่าง ก็ชะงักกึก หยุดดู เป็นโปสเตอร์ประกาศรับสมัครนักกีฬามวยไทยเยาวชน เพื่อคัดเลือกเป็นตัวแทนไปแข่งขันชกมวยไทยระดับจังหวัด โจ๊กยืนมองอยู่อย่างนั้น

ปาล์มและสมุนเดินมาตามทาง นักเรียนคนอื่นๆ แหวกทางไม่ค่อยมีใครอยากยุ่งด้วย
หลบไปจนสุดทางเดิน ปาล์มมองไปเห็นโอปอเดินอยู่ เลิฟแอทเฟิร์สไซท์ เกิดกับปาล์มเข้าอย่างจัง ปาล์มตะลึงในความน่ารักของโอปอ
ปาล์มรีบเดินตามโอปอไปในมือมีถุงขนม
“ชื่ออะไรฮะน้องสาว”
โอปอหันมามองตอบออกมา “โอปอค่ะ”
ปาล์มยื่นขนมให้โอปอ
“น้องโอปอครับ นี่คือขนมจากหัวใจพี่น้องปาล์มเลยฮะ ถึงจะด้อยคุณค่าทางอาหาร แต่เต็มเปี่ยม
ไปด้วยคุณค่าทางใจนะฮะ”
โอปอหยุดกึก “งั้นเก็บไว้กินเองเถอะ”
โอปอจะเดินหนีไป แต่ก็ชะงัก เพราะหันไปมองเห็นโจ๊กยืนมองโปสเตอร์อยู่ โอปอนึกหมั่นไส้เลยเดินตรงรี่เข้าไปหาโจ๊ก ปาล์มรีบวิ่งตามไป
โจ๊กมองโปสเตอร์แล็วถอนใจ
“มายืนอ่านบังคนอื่นอยู่ตั้งนาน ถ้าไม่สมัครก็หลบไปดีกว่า เกะกะ” โอปอว่า
โจ๊กหันมองหน้าโอปอ หายใจเข้าแล้วตัดสินใจจะเดินไป แจ๊สเดินจูงจีจ้าผ่านมาพอดี หยุดดูเหตุการณ์
“พี่น้องปาล์มว่า เขาคงจะกลัวว่า ถ้าโดนต่อยแล้วจะเละเป็นโจ๊กสมชื่อ น่ะฮะน้องโอปอ”
โจ๊กปรี๊ด ของขึ้นถามอย่างเอาเรื่อง “แกว่าใคร?”
“พี่น้องปาล์มพูดลอยๆ ใครอยากรับก็รับไปซิ๊”
โจ๊กสะกดและกลั้นความรู้สึกอย่างเต็มที่ แล้วเดินไป
“นั่นไงฮะน้องโอปอ คนมันไม่แน่จริงก็งี้ เป็นได้แค่ไอ้ขี้แพ้เท่านั้นแหละ ฮ่าๆๆ”
โจ๊กหันขวับกลับมา “ว่าใครไอ้ขี้แพ้”
“แกไง...ไอ้ขี้แพ้ ฮ่าๆๆ”
ปาล์มกับสมุนหัวเราะ โอปอเป็นห่วงโจ๊ก
ครูพงษ์พัฒน์ที่กำลังซ้อมวอลเล่ย์บอลให้เด็กๆ ได้ยินเสียงโวยวายก็หยุดซ้อมทันที รีบวิ่งไปดู ขณะนั้น กริสน์กำลังจอดรถ เห็นโจ๊กทะเลาะกับพวกปาล์มเหมือนกัน กริสน์รีบลงจากรถ
จังหวะที่ทุกคนโผล่มา เป็นจังหวะที่ปาล์มกระเด็นลงมากองอยู่กับพื้น ปาล์มเงยหน้าขึ้นมอง เอามือปาดจมูกเห็นว่าเลือดกำเดาไหล ก็ช็อกร้องไห้ตัวสั่น
“แก...ไอ้โจ๊ก แกต่อยฉัน เลือดกำเดาไหลเลย”
“เออ ฉันต่อยแกเอง จะเอาอีกสักหมัดมั้ยละ” โจ๊กว่า
“Oh no! Stop stop! Don’t do that! Oh my god! Oh my god.!” ฟ้าใสมาในคอนเส็ปท์เดิมเป๊ะ
โจ๊กจะเข้าไปซ้ำ โอปอ แจ๊ส จีจ้า รีบเข้าไปแยก แต่กริสน์และพงษ์พัฒน์วิ่งมาถึงพอดีเลยจับตัวโจ๊กและปาล์มไว้
“หยุด โจ๊ก พอได้แล้ว” กริสน์เข้ามาห้าม
“หยุด บอกให้หยุดไง” พงษ์พัฒน์ขวางไว้
โจ๊กไม่ฟังยังคงจะลุยปาล์มต่อไป พงษ์พัฒน์เป่านกหวีดดัง ปี๊ด! ทุกคนจึงอยู่ในความสงบ
“Aggressive จริงๆ เด็กสมัยนี้ ช่างรุนแรงนัก Oh very sad คุณกริสน์คะ เรื่องนี้...คุณต้อง
รับผิดชอบ...แต่ฟ้าใส...จะร่วมมือกับคุณค่ะ”
คำพูดฟ้าใสทำเอาพงษ์พัฒน์ไม่พอใจ เป่านกหวีดอีก ปี๊ด!

กริสน์ แจ๊ส โจ๊ก และจีจ้า พากันนั่งหน้าเครียดอยู่ โจ๊กนั้นตาเขียวปัด ที่นั่งตรงข้ามกันเป็นปาล์มนั่งเอาทิชชู่ อุดจมูกโดยมีโอปอนั่งอยู่ข้างๆ พงษ์พัฒน์เดินบรรยายประวัติของโจ๊ก
ครูฟ้าใสนั่งโต๊ะ ทำตัวเป็นประธานในที่ประชุม
“ตั้งแต่เข้าเรียนมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนมาแล้ว 9 ครั้ง ร้ายแรงถึงขึ้นเลือดตกยางออก 3 ครั้ง” พงษ์
พัฒน์เหล่มองหน้าโจ๊ก “ครูคงต้องบอกว่า ถ้าเกิดเรื่องทำนองนี้อีกครั้งเดียว นายโจ๊ก นายจะต้องถูกพักการเรียน”
“พักการเรียนหรือภาษาอังกฤษที่เรียกว่า Suspension” ฟ้าใสบรรยายซ้ำ
จีจ้าเห็นว่าไม่ยุติธรรมจึงเถียงแทน
“แต่คราวนี้พี่โจ๊กไม่ได้เป็นคนเริ่มนะคะ พี่ปาล์มต่างหากที่หาเรื่องก่อน”
“อะไร...ใครหาเรื่อง มีพยานหรือเปล่า?”
“พยานก็คือจีจ้า เพราะจีจ้าเห็น” จีจ้ายืนกราน
“อืม...แต่จีจ้า...เป็นน้องของโจ๊ก...in this case…ในกรณีนี้...อาจจะใช้ไม่ได้ เอิ่ม...anybody
else… มีบุคคลอื่นอยู่ที่นั่นด้วยไหมจ๊ะ จีจ้า” ฟ้าใสยื่นหน้าถามหาพยาน
“มีพี่โอปอ...พี่โอปอบอกความจริงเลยค่ะ...เล่าเลย” จีจ้าเร่งเร้า
โอปอหันมาเจอกริสน์ คุ้นๆหน้า จึงถามขึ้น “เอ่อ...คือ” มองหน้ากริสน์ “เอ...คุณน้าขา...เราเคยรู้จัก
กันมาก่อน...หรือเปล่าคะ”
“ไม่...ไม่เค้ย...น้าเพิ่งมาจาก...จาก...” กริสน์แถต่อแต่ไปไม่ถูก
“ต่างประเทศ...หรือคะ ลอนดอน,ปารีส หรือว่าบอสตัน...” ฟ้าใสต่อให้
“ผม...ผมมาจากต่างจังหวัด เอาเถอะๆ” รีบตัดบท “พอเถอะจีจ้า ถึงยังไงนายโจ๊กก็ผิด เพราะไปชก
นายปาล์มเขาก่อน” กริสน์หันไปพูดกับครูพงษ์พัฒน์ “ต่อไปผมจะดูแลโจ๊กให้ดี จะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกครับ”
พงษ์พัฒน์เป็นต่อรีบทำเก็กใส่ แต่มีแอบเหน็บเพราะหมั่นไส้ที่ฟ้าใสไปปลื้ม
“ถ้าคุณรับรองหนักแน่นแบบนี้ก็ดี ทำตัวเป็นพี่เลี้ยงที่มีประโยชน์ซะบ้าง ไม่ใช่มายืนทำหน้าหล่ออยู่
อย่างเดียว”
กริสน์ถอนใจอย่างเอือมๆ ครูพงษ์พัฒน์ โอปอมองหน้าโจ๊กอย่างรู้สึกผิด แล้วหันมามองหน้ากริสน์อีก แต่กริสน์หลบตา แล้วเอามือลูบหน้า เสยผม บังหน้าตัวเองไปมา
“ตายล่ะ คุณกริสน์ พอโดนเรามอง...เขินจนทำอะไรไม่ถูกเลย คิๆๆ” ฟ้าใสคิดเข้าพกเข้าห่อตัวเอง
พงษ์พัฒน์ไม่ไหวจะเคลียร์ จึงกระแอมดังๆ ให้ประธานรีบสรุป
“เออ...เป็นอันว่าถ้า Next time ถ้ามีเรื่องอีกครั้ง ครูต้องพักการเรียนหรือ Suspension เธอนะโจ๊ก
...เข้าใจมั้ย”

กริสน์ขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้าน เด็กๆ ทยอยลงจากรถ จังหวะหนึ่งกริสน์หันมาพูดกับโจ๊กสีหน้าจริงจัง

“นายอยากสมัครเป็นนักกีฬาชกมวยเหรอโจ๊ก?”
“ก็ใช่น่ะซิลูกพี่” จีจ้าตอบแทนพลางปิดประตูรถ
กริสน์เซ้าซี้ให้ไปสมัคร “อยากเป็น ก็ไปสมัครซิ”
โจ๊กหยุดกึก มองหน้ากริสน์แล้วเดินคอตกพร้อมกับถอนหายใจ แล้วเข้าบ้านโดยไม่ได้สนใจที่กริสน์พูด
“น้าพิมไม่ชอบให้พี่โจ๊กชกมวย น้าพิมบอกว่า พวกชอบใช้กำลังคือพวกอันธพาล โตขึ้นไปก็จะเป็น
นักเลงหัวไม้ ไม่มีอนาคต” จีจ้าสาธยาย
โจ๊กทนไม่ไหวหันกลับมา “เงียบได้แล้วนะจีจ้า” ก่อนจะเดินหนีเข้าบ้านไป
จีจ้าโต้เสียงอ่อย ก่อนจะนึกบางอย่างออก “ทำไมต้องเสียงดังใส่จีจ้าด้วย...หวังว่าน้าพิมจะไม่เห็นพี่โจ๊กตาเขียวนะ”
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ กริสน์เริ่มรู้สึกเป็นห่วงโจ๊กขึ้นมาครามครัน

ค่ำวันเดียวกัน เสี่ยอธิปกำลังจิบน้ำชาและดูหนังไอ้มดแดงอยู่ โอปอเข้ามาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างไม่สบอารมณ์
“คนกวนประสาท! เราอุตส่าห์อยากเป็นเพื่อนด้วย แต่กลับมากวนใส่”
อธิปลุกขึ้นทันที “ใคร ใคร มันกล้าทำแบบนี้?”
“ป๊าใจเย็นๆ แค่เพื่อนที่โรงเรียนเอง”
แต่อธิปยังคงโวยวายต่อ “ไหน ไหน อยู่ไหน”
“เขาอยู่ที่โรงเรียน ไม่ได้ตามมาที่บ้านเราหรอกคะ”
“ทำไม...ทำไมมันไม่ตามมาบ้านเรา ทำแบบนี้เท่ากับไม่ให้เกียรติเราเลย เราต้องตามไปบ้านมัน ไปเดช! เอารถออ...ก...ก”
จู่ๆ เสี่ยอธิปก็หน้าเขียว ล้มลงกับพื้น โอปอร้องเสียงหลง
“ป๊า! ป๊า เป็นอะไร?” รีบเข้ามาประคองอธิป
จตุพลกับน้อมพงษ์วิ่งเข้ามาเพราะได้ยินเสียงร้องโวยวาย พอเห็นเสี่ยอธิปกองอยู่ที่พื้นก็แอบยิ้มกับน้อมพงษ์
จตุพลทำเป็นแกล้งตกใจ “เกิดอะไรขึ้นน่ะ ทำไมอากู๋เป็นแบบนี้?”
“เสี่ยแกโมโหที่เพื่อนคุณหนูไม่มาบ้านเราครับ เลยสับสนจนหายใจไม่ทันครับ ทำยังไงดีครับเนี่ย?”
เดชกังวลหนัก
“จะทำยังไงละพี่เดช ก็รีบพาป๊าส่งโรงพยาบาลซิ เร็ว” โอปอบอก
น้อมพงษ์ตะโกนบอกบอดี้การ์ด “เร็วๆ เข้า พาเสี่ยไปโรงบาลเร็ว”
เดชและบอดี้การ์ดรีบอุ้มอธิปพาไปขึ้นรถ โอปอวิ่งตามไปอย่างร้อนรน จตุพลกับน้อมพงษ์ที่สีหน้าเปลี่ยนจากร้อนใจ เป็นยิ้มแย้มอย่างสมใจ
น้องพงษ์กระซิบเบาๆ กับจตุพล “ยาของผมแจ๋วจริงๆ รับรองหมอจะไม่มีวันตรวจมันพบแน่ๆ นะ”
จตุพลกับน้อมพงษ์หัวเราะร่วน
จู่ๆ น้อมพงษ์รีบปิดปาก “เราต้องไม่หัวเราะครับ เพราะคนหัวเราะ มักจะเป็นผู้ร้าย”
“ได้..เราสองคนต้องขรึมๆ เพราะเราเป็นคนดี”
แล้วสองคนก็รีบทำหน้าขรึม ๆ หล่อๆมากๆๆ
น้อมพงษ์ปั้นหน้าทำทีเป็นห่วงอธิปม๊ากมาก
“หายเร็วๆ นะ เสี่ยอธิป”
ก่อนที่สองคนจะหัวเราะออกมา ดังกว่าเดิม

ช่วงเวลาตอนหัวค่ำ กริสน์คุยโทรศัพท์กับภัทรดนัยอยู่ในห้องโฮมเธียเตอร์ของบ้าน ป๊อปคอร์นเข้ามาคลอเคลียกริสน์ เด็กๆ ดูทีวีกันไป โจ๊กนั่งตาเขียวอยู่ไม่ไกลนัก
“เสี่ยอธิปล้มป่วยเหรอ? แกแน่ใจหรือเปล่า? อาจเป็นแผนเบี่ยงเบนความสนใจของพวกมันก็ได้
ตัวเองทำเป็นป่วยแล้วให้คนอื่นจัดการแทน โอเค แกจับตาดูเสี่ยอธิปไว้ให้ดีละกัน ส่วนฉันจะรีบสืบหาไอ้ตัวชักใยเบื้องหลังให้เร็วที่สุด
กริสน์วางหูใบหน้าเคร่งเครียด พอดีพิมมาดาเดินลงมาจากชั้นบน พิมมาดาแต่งตัวสวยเช้งเป็นพิเศษกว่าทุกวัน จนกริสน์ต้องชะงัก ตะลึง ตาค้าง
จีจ้าหันไปเห็นพิมมาดาพอดี รีบบอกทุกคน “น้าพิมมา...เอาไงพี่โจ๊ก...เดี๋ยวน้าพิมเห็นตา”
ไม่ทันขาดคำดี “โจ๊ก จีจ้า” พิมมาดาก็เรียกหลาน
กริสน์นึกขึ้นได้ว่าห้ามพิมมาดาเห็นหน้าโจ๊ก โจ๊กไวกว่ามุดหน้าลงไปกับโซฟาคว้าหมอนมาปิดหน้า
พิมมาดาเห็นท่าทีมีพิรุธ เดินเข้าไปหาพยายามจะดึงหมอนออกมา โจ๊กยื้อหมอนบังหน้าเอาไว้
“คุณพิม!!” กริสน์เรียกเสียงดัง
พิมมาดาหันมา
“โอ้โห” กริสน์ทำเสียงตื่นเต้น
พิมมาดาเขิน แต่ทำเชิดเริ่ดๆ ใส่ แล้วแกล้งถาม “ทำไม”
“สวยอ้ะ” กริสน์ชม
พิมมาดาทำเป็นเมินๆ ไม่ใส่ใจ
“ก็..นี่..แค่แต่งตัวพื้นๆ เบสิคๆ ธรรมดาๆ เองนะ ไม่ได้ตั้งใจจะให้พิเศษอะไรนักหนาหรอก”
พิมมาดาทำท่าจะไปหาโจ๊กอีก กริสน์รีบหันไปส่งซิกนัลกับป๊อปคอร์น ซึ่งรับมุกทันที ป๊อปคอร์นเต้นเข้าไปหา ตะกาย พิมมาดาต้องจุ๊ๆๆ ให้หยุด
ป๊อปคอร์นเห่า จากนั้นเสียงแตรรถก็ดังขึ้นที่หน้าบ้าน พิมมาดาชะเง้อมอง แล้วยิ้ม

“มาแล้ว” พิมมาดาหันไปพูดกับกริสน์ “ฝากดูเด็กๆ เข้านอนด้วยนะ อ้อ! โดยเฉพาะจีจ้าจะไม่หลับ
ง่ายๆ ถ้าไม่มีใครกล่อม”
พิมมาดารีบวิ่งออกไป กริสน์มองตาม

กริสน์เดินตามพิมมาดาลงมาชั้นล่าง เห็นสุขสันต์ลงมาจากรถด้วยแพทเทิร์นเสริมเนี้ยบเดิมๆ บอดี้การ์ดรุมล้อมกันฉีดน้ำหอม เสริมหล่อเนี้ยบให้ แล้วมายืนรอพิมมาดาอยู่
สุขสันต์เปิดประตูรถให้พิมมาดาเข้าไปนั่ง พิมมาดาเคอะเขิน แต่ดูมีความสุข
“ผู้หญิงก็แบบนี้ทุกคน...ใจเร็วด่วนได้ ชิงสุกก่อนห่าม คนโลเล..หลายใจ รับไม่ได้”
กริสน์บ่นงึมงำ มีป๊อปคอร์นหอนตาม
กริสน์หันหน้ากลับมา เจอ แจ๊ส โจ๊ก จีจ้า ยืนหน้านิ่วอย่างไม่พอใจ ทั้งหมดอยู่ในชุดนอน
“หมดกัน..ลูกพี่เรา” จีจ้าตีหน้าเซ็งใส่
“นี่พวกเรารับน้ามาเพื่อกันท่านายสุขสันต์นะ” โจ๊กหน่าย
“ไหวปะเนี่ย..นี่พวกเราไว้ใจคนผิดใช่ไหม!” แจ๊สจัดเป็นคนสุดท้าย
“เอ่อ...เดี๋ยวนะ..ทุกคน..อย่าเพิ่งด่วนสรุป เราต้องใช้สมอง อย่าใช้อารมณ์ อย่าใจร้อน สงครามยัง
ไม่สงบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร” กริสน์อึ้งไปก่อนจะยกคำคมมาพูด
“แปลว่าไร” จีจ้างง
“ทุกคน..คิดดู น้ามาเป็นพี่เลี้ยงพวกเราแค่วันแรก แถมน้าพิมของพวกเราก็เกลียดขี้หน้าน้า จับผิด
น้า แล้วก็มองน้าในแง่ร้ายตลอดๆๆ แล้วคนอย่างน้า จะมีอะไรไปสู้กะนายสุขสันต์ได้ เปรียบกะเค้กแล้ว น้ามันก็เหมือน..” กริสน์ทำหน้าสลดเรียกคะแนนสงสาร
“หมาหัวเน่า” แจ๊สออกตัวแรงตาหลอดๆ
“เจ๊ย..แรงไปปะ” กริสน์ตกใจ
“ผู้หญิงก็แบบเนี้ย ชอบแต่คนรวยๆ” โจ๊กพูดเยาะ
“ใช่! เรามีแต่ความดีอย่างเดียว นอกนั้น เราไม่มีอะไรเลย” กริสน์ว่า
“แต่ความดี..ต้องชนะทุกสิ่งสิคะ” จีจ้าบอก
“ใช่แล้วจีจ้า หนูนี่อัจฉริยะชัดๆ ความดีต้องชนะทุกสิ่ง! เราต้องเอาความดีมาเป็นเครื่องมือ เพราะ
ฉะนั้น..พวกเราต้องช่วยกัน ต้องร่วมมือกัน ทำให้น้าดูดีมีราคา เพื่อที่จะทำให้น้าพิมเชื่อถือน้าขึ้นมาบ้างสิ”

ว่าแล้วเด็กๆ กับกริสน์ หันมาทำท่าสุมหัวรวมตัวกัน










Create Date : 31 มกราคม 2555
Last Update : 31 มกราคม 2555 13:16:10 น.
Counter : 383 Pageviews.

0 comment
มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 3 (ต่อ)




กริสน์เข้าไปประคองแล้วพ่นยาให้จีจ้า ก่อนจะพ่น จีจ้ากับกริสน์ยิ้มให้กันแบบรู้กัน เพราะทั้งหมดนี้เป็นแผนการของทั้งคู่

กริสน์ทำปากชมจีจ้าว่า “เก่งมาก”
“น้าจะยอมรับนายนี่ก็ต่อเมื่อ..น้ามั่นใจว่าตาคนนี้มีประวัติที่ดี ไม่มีเอี่ยวในคดีอาชญากรรมใดๆ หรือแม้แต่คดีเล็กคดีน้อย..ก็ไม่ได้!! ถ้ามีมลทินแม้แต่นิดเดียว..น้าถือว่าหมอนี่ไม่มีคุณสมบัติ”
พิมมาดามีข้อแลกเปลี่ยน
“ลูกพี่กริสน์ต้องประวัติดีอยู่แล้ว ก็ลูกพี่เป็นตำรวจนี่” จีจ้าบอกหน้าระรื่น มัดใจในตัวกริสน์
“เฮ้ย” กริสน์ตกใจที่สถานภาพถูกเปิดเผย
“เป็นตำรวจเหรอ...ฮ่าๆ” พิมมาดาไม่เชื่อ หลุดขำก๊ากออกมา “กร๊าก ถ้าหน้าอย่างนี้เป็นตำรวจ น้าก็เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วล่ะค้าบ”
“เต้ยก็คงเป็นเมียบารัคโอบามา” เต้ยเสริม
ทุกคนหัวเราะ ไม่มีใครเชื่อจีจ้า
กริสน์นิ่งคิด “ยังไงดีวะ”

ระหว่างนั้น ภัทรดนัยเดินเข้ามาในสำนักงานตำรวจฯ พร้อมกับพูดมือถือไปด้วย มีตำรวจนอกและในเครื่องแบบทำงานและเดินกันไปมาอย่างขวักไขว่
“ถึงที่ทำงานแล้ว...จะรอแกทำไมล่ะ...เออ...อยากได้ประวัติใหม่เอาไปให้ยัยเจ๊โหดดูประกอบการตัดสินใจรับแกเข้าทำงานใช่มั้ย?? ได้...จัดเต็ม”
ภัทรดนัยวางสายแล้วเดินไป

ภัทรดนัยทำเอกสารประวัติปลอมให้กริสน์ เขาติดรูปกริสน์ใส่บัตรประชาชนปลอม ก่อนจะพิมพ์กรอกข้อมูลลงในคอมพิวเตอร์ ภัทรดนัยสั่งพิมพ์งานออกจากปริ้นเตอร์
ภทัรดนัยเปิดหน้า Google เห็นรูป บารัค โอบามา กำลังจับมือกับใครบางคน เขาดีดนิ้วดังเป๊าะเพราะเกิดไอเดียกระฉูดบางอย่างขึ้นมา

สุขสันต์เดินชมรอบบริเวณร้านขนมอยู่ สักพักเดชก็เปิดประตูให้เสี่ยอธิปเดินเข้ามา สุขสันต์หันไปยกมือให้พวกลูกสมุนกระจ๊อกออกไปก่อน เหลือเพียงฉัตรชัยคนเดียว
ฉัตรชัยกับเดช ต่างคนต่างยืดและชูคออย่างไม่ยอมกัน
จังหวะหนึ่งสุขสันต์เดินหยิบขนมขึ้นมาดู “ขนมสวีทโอปอ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ้าของ รักลูกสาวมากแค่ไหน จะเริ่มเปิดตลาดเมื่อไหร่ล่ะ”
“สิ้นเดือนนี้” อธิปตอบ “คุณมาทำอะไรอีก..คุณสุขสันต์ คุณนี่ย้ำคิดย้ำทำนะเนี่ย สงสัยจะพูดภาษาคนไม่รู้เรื่อง”
สุขสันต์เดินไปหยุดที่รูปโอปอขนาดใหญ่หลายรูปที่ติดอยู่เต็มผนัง
สุขสันต์ยื่นมือไปลูบแก้มสาวน้อยโอปอในภาพ
“ฮึ ผมพอจะนึกออกนะว่าพ่อที่รักลูกสาวมากๆ มันมากแค่ไหน แต่ไม่นึกเลยว่ามันจะมากกว่าไมตรีจิตร มิตรภาพ ความสัมพันธ์อันมีค่าของเรา..ไม่เป็นไร..ในเมื่อเสี่ยตัดสินใจแล้ว ผมก็เข้าใจ..ขอให้เสี่ยกับลูกสาวรักกันมากๆ แล้วกัน”
“สุขสันต์..ผมสัญญา..ว่าจะไม่แฉเรื่องธุรกิจส่วนตัวใดๆ ของคุณให้สังคมโลกรู้ แต่คุณ..ก็ต้องไม่มายุ่งกับผมและลูกสาวผมอีก..เราต่างคนต่างอยู่”
“นี่คุณคิดจะขู่ผมเหรอ กล้าแลกกับผมหรือ อธิป โฮะๆ วะฮ่ะๆ”สุขสันต์หัวเราะแล้วคว้าท๊อฟฟี่มากำนึง ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับออกไป ฉัตรชัยเดินตามไปเปิดประตู อธิปมีสีหน้าเครียด

ที่สนามฟุตบอล ไทยพรีเมียร์ลีก สุขสันต์กะฉัตรชัยนั่งเชียร์บอลอยู่ในที่นั่งวีไอพี จตุพลกับน้อมพงษ์เดินเข้ามาหา จตุพลลงมานั่งข้างๆ สุขสันต์
“ไงล่ะ คุณตัดสินใจได้รึยัง”
“ผมทำครบ 3 หนแล้ว ให้โอกาสเขา 3 หน ตามที่ผมตั้งปณิธานไว้ ว่าก่อนจะลงมือทำอะไรใคร ผมต้องตักเตือนเขา..ให้ครบ 3 หนก่อน” สุขสันต์บอก
“หมายความว่า..” จตุพลถาม
“คุณเริ่ม..ลงมือ..พิสูจน์ตัวเองกะผมได้เลย ว่าคุณ..พร้อมจะเป็นคนของผมจริงๆ..คุณใจถึงจริง”
“ผมใจถึงแน่ แล้วคุณจะต้องซี้ด” จตุพลยืนยัน
“หมายความว่าไง” สุขสันต์ถาม
“คุณจะสะใจ..กับสิ่งที่ผมจะทำกับกู๋ผมเอง”
ทีมบอลที่สุขสันต์เชียร์ยิงเข้าประตู ผู้คนเฮลั่นทั้งสนาม สุขสันต์หัวเราะลั่นแล้วหันไปยิ้มให้จตุพล จตุพลกับน้อมพงษ์เดินออกจากที่นั่งวีไอพีไป
ฉัตรชัยหันไปพูดแสดงความเห็นกับสุขสันต์ “ไอ้จตุพลนี่....ผมว่า..มันคิดไกลไปกว่าที่บอกท่านซะอีก ต้องขอชม..ว่ามันเลวดีจริงๆ เลยนะขอรับ”
ระหว่างนั้นจตุพลกับน้อมพงษ์เดินคุยกันมาตามทางเดิน สรรเสริญสุขสันต์เช่นกัน
“ไอ้สุขสันต์นี่มันโรคจิตจริงๆนะคุณจตุพล ผมว่ามันต้องไม่ใช่คนธรรมดา แต่มันคือคนวิตถารเลยแหละ น่าคบหาไว้เป็นสหายจริงๆ” จตุพลว่า

บ่ายของวันใหม่ กริสน์ถือแฟ้มเอกสารกองโตมาวางตรงหน้าพิมมาดา ที่ภายในบ้านของพิมมาดานั่นเอง
“นี่ครับ เอกสารทั้งหมดนี้คือประวัติของผม...นายกริสน์หนึ่งเดียวคนนี้ครับ เชิญคุณพิจารณาได้เลย..เริ่มจาก อ่ะ นี่สำเนาบัตรประชาชน”
พิมมาดารับมาอ่านอย่างพินิจพิเคราะห์
“นายกริสน์ จิตแจ่มใส ฮึ เกิดก่อนชั้นแค่ไม่กี่ปี..ดูหน้าตา ฮะๆ ยังกะปลาไหลตากแห้ง”
“นี่คุณ ให้ดูเป็นข้อมูล ไม่ใช่มาวิพากษ์วิจารณ์ นี่สำเนาทะเบียนบ้าน..หลักฐานเกณฑ์ทหาร..แล้วนี่ เอกสารการศึกษา”
“จบปริญญาเอกเหรอ” พิมมาดาถาม
ทุกคนตะลึงเข้ามารุมดูวุฒิการศึกษาแล้วส่งเสียงฮือฮา กริสน์ชะโงกไปดูอย่างงงๆ “ปริญญาเอก?”
“เป็นด๊อกเตอร์ทางด้านจิตวิทยาเด็กเลยเหรอคะเนี่ย..ดูไม่ออกเลย” เค้กประหลาดใจ
“แหะๆ ผมเป็นคนติดดินน่ะครับ” กริสน์รับลูก “ไม่อยากทำตัวเป็นด๊อกเตอร์เคร่งขรึมๆ ด๊อกเตอร์ก็เซอร์ได้ จริงมั้ยครับ”
“เคยได้รับรางวัลลูกกตัญญูจากกระทรวงวัฒนธรรมด้วย” เต๋าเสริม
เค้กโชว์รูปต่างๆ ที่อยู่ในแฟ้มเอกสาร “เคยพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสต์..มองบลังก์..ฟูจิ..หลังคาโลกธิเบต โห”
“เป็นนักกีฬาเทควันโด้ทีมชาติไทย..ได้เหรียญทองซีเกมส์ด้วย” เต้ยอ่านประวัติต่อ
“ปีไหน...หน้าไม่เห็นคุ้นเลย” เต๋าสงสัย
“นั่นดิ” เต้ยหนุน
“นี่...เป็นผู้นำทางด้านการนั่งวิปัสสนากรรมฐาน โห” เต๋าอ่านต่อ
“เกียรติบัตรผู้ทำคุณงามความดีแก่เยาวชนประจำปี” พิมมาดาหยิบเกียรติประวัติหลายใบขึ้นมา “นี่นายได้ทุกปีเลยเหรอ”
“ห๊า!! รูปนี้..รูป..ไม่อยากจะเชื่อ”
เค้กหันรูปใบหนึ่งมาให้ทุกคนดู เป็นรูปกริสน์กำลังจับมือกับบารัค โอบามา
“เคยจับมือกับบารัค โอบามา..ด้วย”
“ฮะๆๆ” กริสน์เริ่มสติแตก เขากัดฟันกรอดแล้วพึมพำกับตัวเอง “ไอ้ภัทรดนัย แกมันทำเกินไปแล้ว”กริสน์หันมาหัวเราะฮ่าๆ “นี่ผมไม่รู้มาก่อนเลยนะว่าผมเป็นคนดีเว่อร์ขนาดนี้!! คุณพิมมาดาคงจะสบายใจแล้วใช่มั้ยครับ”
“เดี๋ยว อย่าเพิ่งเชื่ออะไรง่ายๆ..ถ้าเป็นคนดีขนาดนี้จริงๆ ในอินเตอร์เนทต้องมีข้อมูลของนายเพียบเลยสินะ” พิมมาดาเอะใจแล้วลุกออกไป กริสน์อึ้ง
“อินเตอร์เนท” กริสน์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “ขอตัวก่อนนะทุกคน โหลๆๆ ไอ้ภัทรดนัย..แก..แก..ไอ้ตัวดี..แฟ้มประวัติที่แกทำให้ฉันอ่ะสิ เป็นเรื่องแล้ว”

พิมมาดาเดินมาที่คอมพิวเตอร์แล้วเปิดเครื่อง
“เอ่อ คุณพิมๆ”
กริสน์เรียกแล้วเดินตามมาปิดเครื่อง
“นายมายุ่งอะไรกับคอมพ์ฯของชั้น” พิมมาดาถาม
“เอ่อ คือ ผม..ผมจะมาเตือนว่า..นี่ใกล้จะได้เวลาเลิกเรียนของพวกเด็กๆแล้ว คุณไม่รีบออกไปรับ..เดี๋ยวรถติดนะ”
“ชั้นยังไม่คุยกับนายตอนนี้ จนกว่าชั้นจะแน่ใจประวัติของนาย..ออกไป”
“แต่..”
“หรือว่านายกลัวชั้นสืบประวัตินาย”
“ปล๊าววว ไม่ได้กลัว”
“งั้นก็หลบไป อย่ามาขัดขวางชั้น”
“เชิญ..” กริสน์พูดแล้วพยายามคิดหาทาง ก่อนจะแกล้งทำเป็นเดินสะดุดสายไฟคอมพิวเตอร์
“อุ๊ย สะดุด” คอมพิวเตอร์ดับไปทันที
“นี่..บอกว่าอย่ามาเกะกะ..เต๋า เต้ย กันตานี่ไว้ ท่าทางมีพิรุธแบบนี้ ต้องปลอมประวัติมาแน่ๆ ชั้นจะจับให้ได้คาหนังคาเขา”
พิมมาดากลับไปที่คอมพิวเตอร์อีกครั้ง เต๋ากับเต้ยจับตัวกริสน์เอาไว้
“อย่าดิ้นนะ ถ้าดิ้นมาก พวกเราจูบจริงนะ” เต้ยขู่
“บ้า..เราเป็นผู้หญิงยิงเรือ จูบผู้ชายได้ยังไง” เต๋าพูดแล้วก็ยื่นปากไปจูบดื้อๆ “ถือเป็นค่ามัดจำ คริคริ”
กริสน์ทำท่าเหมือนอยากตาย

ภัทรดนัยวิ่งอย่างรวดเร็วมาที่ร้านเบเกอรี่ของเค้กที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
“อินเตอร์เนทๆๆๆ ร้านอินเตอร์เนทอยู่ไหนวะ”
ภัทรดนัยเห็นป้ายที่ร้านเบเกอร์รี่ของเค้กเขียนว่าสัญญาณ free wi-fi เขาจึงรีบพุ่งเข้าไปในร้านทันที ภัทรดนัยเจอลูกค้าชายคนนึงกำลังใช้โน้ตบุ๊คอยู่
“ขออนุญาตนะครับ” ภทัรดนัยโชว์บัตรตำรวจ “เราสงสัยว่าคอมพิวเตอร์ของคุณจะเป็นแหล่งเผยแพร่เชื้อไวรัสรายใหญ่ของโลก..ขออนุญาตตรวจค้นด้วยครับ”
ภัทรดนัยลงนั่งแทนที่ผู้ชายคนนั้น แล้วยังหยิบน้ำกับเค้กของเขามากินด้วย

ที่บ้านพิมมาดา พิมมาดาเข้ากูเกิ้ลแล้วเซิร์จชื่อกริสน์ เธอใส่ชื่อรางวัลลูกกตัญญู ชื่อนักกีฬาเทควันโด้ รางวัลผู้ทำความดีแก่เยาวชน ฯลฯ แต่ผลที่ออกมาคือไม่พบอะไรเลย
พิมมาดาตาวาว เธอมั่นใจว่ากริสน์ปลอมประวัติแน่ๆ
“ถ้านายเป็นคนเก่งวิเศษขนาดนั้นจริง ทำไมในอินเตอร์เนทถึงไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับตัวนายอยู่เลย นายปลอมประวัติมาใช่มั้ย”
“ปลอมประวัติเหรอ จริงเหรอ” เต๋าตกใจ
“ปลอมอะไรคุณ ของจริงทั้งนั้น..ข้อมูลในอินเตอร์เนทมันไม่อัพเดทหรือเปล่า หรือไม่ระบบมันก็ช้าๆรวนๆแบบนี้แหละ” กริสน์พยายามบ่ายเบี่ยง
“มันจะรวนพร้อมกันหมดทุกเวปไซต์เลยเหรอ..กูเกิ้ลก็ไม่มี เวปหน่วยงานราชการที่แจกรางวัลให้นายก็ไม่มี เหรียญทองซีเกมส์อะไรก็ไม่มี”
“คุณลองรีเฟรชดูหรือยัง ไปลองดูก่อนสิ” กริสน์เสนอ
“นายจะหน้าด้านไม่ยอมรับไปถึงเมื่อไหร่”
“คุณก็รีเฟรชก่อนสิ”
“ได้ ชั้นจะรีเฟรช แต่ถ้าไม่มีอะไรอีก..ชั้นเรียกตำรวจจับนายแน่”
พิมมาดาไปกดรีเฟรช กริสน์แอบภาวนาในใจ หน้าจอยังคงขึ้นว่าไม่พบอะไรเช่นเดิม
“ไม่มีเหมือนเดิม” พิมมาดาบอก
“คุณหลอกดาว” เต๋ากับเต้ยประสานเสียง
“จับตัวไว้นะเต๋าเต้ย ชั้นจะโทรแจ้งตำรวจ”
“เดี๋ยวๆๆ คุณลองรีเฟรชอีกทีก่อน มันเป็นปัญหาทางเทคนิค” กริสน์พยายามยื้อ
“จะกี่ทีมันก็เหมือนเดิมแหละ”
“มานี่ๆๆ เค้กกดให้” เค้กกดรีเฟรช “ไม่พบข้อมูลที่ท่านค้นหา” เค้กกดรีเฟรชอีกครั้ง
“ชั้นมองคนไม่เคยผิด” พิมมาดาบอก
“มันต้องมีสิคุณ เดี๋ยวมันก็มา” กริสน์บอก
อยู่ๆ เค้กก็ร้องขึ้นมา “เฮ้ยๆๆ มาแล้วๆ”
พิมมาดากับกริสน์หันไปมองเห็นภาพในจอคอมพิวเตอร์มีข้อมูลของกริสน์ขึ้นมาเยอะแยะ เค้กกดดูรูป ก็เห็นเป็นรูปและประวัติแบบเดียวกับที่อยู่ในเอกสารทุกอย่าง
“โหๆๆๆ มีครบทุกอย่างเลย มีตามเอกสารที่เค้าเอาให้เราดูเป๊ะๆเลยพิม สงสัยระบบมันจะรวนจริงๆแหละพิม..คุณกริสน์เค้าเป็นคนดีจริงๆนะพิม..พ่อคนดีฝังใน” เค้กบอก
กริสน์โล่งอก ส่วนพิมมาดารู้สึกขัดใจ

ที่คฤหาสน์ของอธิป อธิปออกเสียง “ตี่” เขากำลังเล่นตี่จับกับโอปอ โอปอวิ่งหนีอย่างสนุกสนาน จตุพลเดินมามองอย่างสมเพช
อธิปหมดแรงอและยอมแพ้โอปอ เขาถูกจับตัวไว้ได้จึงนอนแผ่ไปกับสนามหญ้า
“ป๊า..ไม่ได้เรื่องเลย เอาใหม่ๆ” โอปอคะยั้นคะยอ
“ป๊าไม่ไหวแล้ว เหนื่อย” อธิปบอกลูกสาว
จตุพลเดินเข้ามาหาอธิป
“อากู๋ครับ..ได้เวลาทานยาบำรุงแล้วครับ จะให้ผมยกมาให้ที่นี่ หรือจะไปทานในบ้านดีครับ”
“ที่นี่แหละ..โอปอขา ไปเอา..ยาบำรุงมาให้ป๊า..ดื่มทีนะ”
“ค่า” โอปอวิ่งออกไป
“เอ้า มีอะไรจะพูดอีกก็ว่ามา..ไม่ได้มีแค่เรื่องยาใช่มั้ย”อธิปถาม
“ครับ..คือ..ผม..กลับไปคิดๆดูแล้ว ตอนนี้ไอ้กริสน์ทรยศไปแล้ว ร้านขนมที่อากู๋จะเปิดก็ยังไม่มีคนดูแล..ผมเลยคิดว่า จะขอกลับมาดูแลร้านขนมเองครับ”
“ไหนทีแรกแกไม่อยากทำไง อยากจะดูแลผับไม่ใช่เหรอ”
“ผมก็ยังอยากทำผับครับ แต่..ผมก็ทิ้งให้อากู๋ทำงานคนเดียวไม่ได้หรอกครับ ยิ่งเห็นสิ่งที่ไอ้กริสน์มันทำกับอากู๋ด้วย ผมทิ้งอากู๋ไม่ได้หรอกครับ ยังไงอากู๋ก็เป็นญาติคนเดียวของผม อากู๋ไว้ใจผมได้เลยครับ”
โอปอถือถาดยาเดินกลับมา “ยาบำรุงมาแล้วค่า”
จตุพลหยิบกาน้ำขึ้นมาเทยาใส่ถ้วย จตุพลมองยา เขาดมแล้วส่งให้
“นี่ครับอากู๋”
อธิปลุกขึ้นนั่งแล้วรับมาดื่ม “ขอบใจ”
อธิปดื่มหมดแล้วส่งถ้วยคืน อธิปลุกขึ้นยืน แล้วกระโดดไปมาอย่างกระฉับกระเฉง
“แหม..ไอ้ยาบำรุงนี่มันดีจิงๆ กินปุ๊บ มีแรงปั๊บ”
“อากู๋ไม่ต้องเครียดเรื่องไอ้กริสน์นะครับ ผมอาสาจะจัดการให้เอง แล้วยาบำรุงนี่..หมดเมื่อไหร่..ผมจะเอามาให้ใหม่” จตุพลมองดูยา
“ขอบใจๆจตุพล..สุดท้าย เลือดก็ย่อมข้นกว่าน้ำจริงๆ”
จตุพลแอบยิ้มอย่างร้ายกาจ

ที่โรงงานขนม น้อมพงษ์กำลังแนะนำเหล่าสมุนหน้าใหม่ให้จตุพลรู้จัก
“ไอ้พวกนี้ ผมคัดมาเองกะมือ รับรองว่าไว้ใจได้ทุกคน ใช้ให้ทำอะไรทำหมด บุกน้ำลุยไฟ มันทำให้ได้ทุกอย่าง ขอแค่จ่ายเงินมันดีๆ”
“ดี..เรื่องเงินไม่มีปัญหา ขอแค่ให้ซื่อสัตย์ก็พอ” จตุพลบอก
น้อมพงษ์เดินไปที่โต๊ะแล้วกดเปิดคอมพิวเตอร์ รูปโปรไฟล์คนงานและแฟ้มประวัติปรากฏขึ้นมา
น้อมพงษ์คลิกให้ดูทีละคน “แล้วนี่..คือคนงานทั้งหมดที่อยู่ในโรงงานตอนนี้ ข้าเก่าเต่าเลี้ยงเสี่ยออธิปทั้งนั้น..คุณจตุพลเลือกดูเอาเลยครับ ว่าอยากจะเอาใครไว้หรือเอาใครออก..แล้วผมจะจัดการให้”
“ไอ้พวกที่มีแนวโน้มจะเป็นคนดี ปากมาก ไล่ออกไปให้หมด” จตุพลคลิกดูแล้วเอาเม้าส์ชี้ “ไอ้นี่ เอาออก..ไอ้นี่ เอาออก”

ที่ร้านดอกไม้ กริสน์ลากพวกเด็กๆ แยกออกมาแอบทำข้อตกลงกัน
“ไหนๆเราจะต้องอยู่ด้วยกันแล้ว ชั้นขอทำความตกลงด้วยหน่อย..คือ..”
“เดี๋ยว..พี่เป็นคนนอก พี่ต้องรับปากพวกเราก่อน” แจ๊สชิงบอก
“ก็ได้ อะไรล่ะ”
“พี่ต้องช่วยปกป้องน้าพิมจากคุณสุขสันต์ และต้องทำให้น้าพิมตาสว่างด้วย” โจ๊กยื่นข้อเสนอ
“ได้ ชั้นรับปาก..แต่ พวกเธอก็ต้องร่วมมือกับชั้นด้วย..พวกเธอต้องช่วยให้ชั้นได้ใกล้ชิดกับนายสุขสันต์เยอะๆ แล้วถ้ามีอะไรเกี่ยวกับนายสุขสันต์ที่แปลกๆ น่าสงสัย หรืออะไรก็แล้วแต่ ต้องเอามาบอกให้ชั้นรู้ ตกลงมั้ย”
“ตกลง” พวกเด็กๆ รับปาก
กริสน์ยื่นมือออกมาตรงกลาง “เอ้า”
จีจ้าวางมือร่วมด้วยทันที โจ๊กวางตามลงมา ส่วนแจ๊สวางคนสุดท้าย ทั้งหมดประสานมือกัน แต่อยู่ๆ ป๊อปคอร์นก็เห่าขึ้น ป๊อปคอร์นพยายามกระโดดมาร่วมด้วยแต่กระโดดไม่ถึง
ทุกคนประสานมือกัน แล้วย่อตัวลงมาให้ป๊อปคอร์นแตะมือด้วย
“เราตกลงร่วมมือกันแล้วนะ” กริสน์ย้ำ
“ค่ะลูกพี่” จีจ้ารับคำ
กริสน์มองด้วยสีหน้าลำบากใจที่ต้องทำงานกับเด็กและหมา

ที่บ้านพิมมาดา กริสน์และพวกเด็กๆนั่งเรียงราย พิมมาดายื่นกระดาษวางตรงหน้า
“อะไร” กริสน์ถาม
“หนังสือสัญญาว่านายจะเปลี่ยนพฤติกรรมเด็กๆพวกนี้” พิมมาดาบอก
“ถึงขนาดต้องเซ็นต์สัญญาเลยเหรอ”
“พฤติกรรมของเด็กๆที่นายต้องเปลี่ยนก็คือ..” พิมมาดาพูดมาเป็นชุด “เด็กๆต้องมีระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบ ไม่สร้างปัญหา สอบติดหนึ่งในสิบของห้อง ไม่ทะเลาะกับเพื่อน ไม่มีปัญหากับโรงเรียน ไม่ถูกฑัณฑ์บน ไม่ถูกเชิญผู้ปกครอง ไม่พูดหยาบ ไม่ก้าวร้าว มีน้ำใจ มีมารยาท เคารพผู้ใหญ่ ช่วยงานบ้าน มีนิสัยประหยัด ซื่อสัตย์ อดทน”
“ต้องมีรอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธารณะด้วยสิครับ” กริสน์หันมาพูดประชด “ว้าว..นี่ท่าทางพวกนายจะเป็นเด็กนิสัยดีเทพๆๆมากๆๆๆๆอยู่แล้วสิเนี่ย”
“ซ้อฟท์ๆ เบาๆ” โจ๊กบอก
“ช่ายยย” จีจ้ารับ
แจ๊สท้าทายกริสน์ “กลัวก็บอกมาดิ”
“เอ๊า..ทำไมพูดงี้ล่ะน้องแจ๊ส..มาเลย จะให้ผมเซ็นต์ตรงไหน”
“ปั๊มนิ้ว” พิมมาดาบอก
กริสน์ปั๊มนิ้วทันที
“ยังไม่เสร็จ พวกเธอก็ต้องปั๊มนิ้วด้วย..เป็นอันรับรู้ร่วมกัน”
พวกเด็กๆ ปั๊มนิ้วด้วยในฐานะพยาน
“ดีมาก ถ้านายทำทุกอย่างได้สำเร็จ นายก็จะได้รับเงินเดือนตามที่นายขอ พวกเด็กๆ ก็ไม่ต้องถูกส่งไปอินเดีย..แต่ถ้าทำไม่สำเร็จ นายจะยินยอมให้ชั้นแจ้งตำรวจจับ ส่วนเด็กๆ ก็ยินยอมจะไปอินเดีย..ตกลงรับทราบนะ”
ทุกคนพูดพร้อมกัน “รับทราบ!”
“อ้อ แล้วทั้งหมดนี้ นายมีเวลารวมทั้งสิ้นหนึ่งเดือนนะ”
พิมมาดาบอกระยะเวลาในการปฏิบัติภารกิจ
“หนึ่งเดือน จะบ้าเหรอ” กริสน์ตกใจ
“ไม่บ้าหรอก นายปั๊มนิ้วตกลงแล้ว..ไม่ต้องมาต่อรอง..เอาล่ะ..งั้นเราก็เริ่มสัญญาข้อเก้าได้เลย” พิมมาดาหันไปเรียก “เต๋า เต้ย”
เต๋ากับเต้ยเดินมาล็อกแขนกริสน์คนละด้าน
“เดี๋ยวๆๆ อะไร สัญญาข้อเก้า..อะไร”
จีจ้าอ่านเสียงแจ๋ว “พี่เลี้ยงเด็กจะต้องสะอาดสะอ้าน ไม่มีหนวดเครา ไม่มีผมเผ้ารกรุงรัง ต้องตัดผมทุกสัปดาห์”
“ตัดผม!!! ไม่ๆๆ” กริสน์ร้องลั่น ต่อต้านขัดขืนสุดแรง
“ถ้าไม่ตัด ชั้นก็ไม่รับ เชิญออกไปจากบ้านชั้นได้..จะตัดไม่ตัด” พิมมาดายืนกราน
“ไม่ ยังไงก็ไม่ตัด ไม่ตัด!”

ไม่นานต่อมากริสน์นั่งร้องไห้กระซิกๆ อยู่ที่หน้ากระจก มีผ้ารองตัดผมคลุมอยู่กันเลอะตัว เต๋ากับเต้ยถือกรรไกรเตรียมพร้อมอย่างช่างผมมืออาชีพ
พิมมาดาพูดเย้ยๆ “เต๋า เต้ย เต็มที่เลยนะ ชั้นจะไปรอดูตอนเสร็จแล้ว”
แล้วเดินตัวปลิวออกไป ด้วยความสะใจ
กริสน์บ่นไล่หลัง “ยัยโหด ยัยอำมหิตผิดมนุษย์ ชอบทำร้ายทรมานจิตใจคน”
“ทำใจดีๆ ค่ะ สบายๆ เชื่อมือเต๋าเต้ยเถอะค่ะ รับรองออกมาเริ่ดแน่”
“พร้อมหรือยังคะ” เต๋าส่งสัญญาณ
“อื้อ”
กริสน์พยายามกลั้นน้ำตา แต่พอคมกรรไกรแรกตัดลงฉับ กริสน์ก็ครางฮือๆ ครวญคร่ำ เสียดายเส้นผมสุดๆ
“อุตส่าห์ไว้ผมมาตั้งนาน ผมช้านนนน”

พิมมาดา เค้ก และเด็กๆนั่งรออยู่ เต้ยวิ่งระรื่นออกมา
“เสร็จแล้วค่ะๆๆๆๆ”
“ขอเชิญทุกคนพบกับพี่เลี้ยงเด็กคนใหม่..คุณกริสน์”
กริสน์เดินออกมา ในมาดใหม่ นิวลุคสะอาดสะอ้าน ผมสั้น เนี้ยบ อยู่ในชุดทันสมัยสีขาวสะอาดตา เหมือนนักร้องเกาหลีสุดๆ ออร่าเปล่งประกาย
พิมมาดาตะลึง
พวกเด็กๆทึ่ง จีจ้ายกนิ้วให้ โจ๊กหัวเราะก๊าก แจ๊สมองแล้วเมินๆ ทำทีเป็นไม่สนใจซะงั้น
ส่วนเค้กถึงขั้นทำแก้วน้ำในมือหลุด เพ้อเป็นเพลงออกมา
“เมื่อคิดให้ดีโลกนี้ประหลาด บุพเพสันนิวาส ที่ประสาทความรักภิรมย์”
กริสน์เต๊ะท่าตรงหน้าพิมมาดา
“ผมหล่อสะใจคุณแล้วใช่มั้ยครับ”
“อื้อ เอ๊ย งั้นๆ แหละ เชอะ”
พิมมาดาแก้เก้อ กลบเกลื่อนด้วยวิธีเดินหนีออกไป
“เชอะ”

กริสน์ยืนเท้าสะเอวทำสะบัดสะบิ้งแล้วเชิดใส่
ค่ำคืนนั้นพิมมาดาเดินนำหน้ากริสน์ที่สะพายเป้ใบหนึ่งเข้ามาภายในบ้าน กริสน์มองบ้านอย่าง
สำรวจตรวจตราเพื่อเก็บรายละเอียด ในขณะที่พิมมาดาอธิบายโดยชี้ไปทางโน้นทีทางนี้ที

“นี่ห้องรับแขก นั่นห้องน้ำ โน่นห้องครัว ส่วนชั้นบนเป็นห้องนอนฉัน กับพวกเด็กๆ”
“แล้วห้องนอนผมละ?”
“ไม่มี”
“เอ้า! แล้วผมจะนอนที่ไหนละครับคู๊ณ...”
“จะนอนที่ไหนก็ตามใจคุณซิ”
กริสน์พูดอย่างกวนประสาท “งั้นนอนห้องคุณ” แล้วทำท่าจะขึ้นไปข้างบน
พิมมาดารีบวิ่งมาขวางไว้ “เฮ้ย! ไม่ได้”
“คุณนี่ยังไงนะ เมื่อกี้บอกเองว่าจะนอนไหนก็ตามใจผม พอผมจะนอนห้องคุณก็บอกว่าไม่ได้”
กริสน์เอามือชี้หน้าพิมมาดาทำเสียงกวนประสาท “เป็นคนสับสนในตัวเองนะเราเนี่ย”
พิมมาดาปัดมือกริสน์ออก ทำตาดุใส่ ทันใดนั้นก็มีเสียงปัง! ดังติดๆ กันถึงสามครั้ง พิมมาดาตกใจ
โผเข้ากอดกริสน์ กริสน์ก็รีบจับตัวพิมมาดาให้หมอบลงตามสัญชาตญาณของตำรวจ
แต่แล้วก็ได้ยินเสียงหัวเราะของพวกเด็กๆ ดังขึ้น กริสน์กับพิมมาดาเงยหน้าขึ้นมองเห็น แจ๊ส โจ๊ก และจีจ้า ที่อยู่ในชุดนอนเรียบร้อย ทุกคนมีพลุแบที่ใช้เชือกดึงชักในงานปาร์ตี้ไว้ในมือ ป๊อบคอร์นยืนกระดิกหางอยู่ข้างๆ
“ยินดีต้อนรับลูกพี่วิ่งสู้ฟัดเข้าสู่บ้านของพวกเราคร้าบ” จีจ้ากล่าวต้อนรับยิ้มหน้าบาน
พวกเด็กๆ พากันปรบมือ พิมมาดารู้ตัวรีบผละออกจากอ้อมอกของกริสน์ กริสน์ลุกขึ้นโค้งขอบคุณ
เด็กๆ แต่พิมมาดาไม่สนุกด้วย หันมาเอ็ดหลานๆ
“เล่นอะไรกัน ทำไมยังไม่เข้านอน?”
“พวกเราแค่รอต้อนรับลูกพี่ของเราเท่านั้นเองน้าพิม” โจ๊กบอก
“ต้อนรับเสร็จแล้วก็ไปนอนซิ น้าเคยบอกแล้วใช่มั้ยว่า เป็นเด็กต้องนอนให้ครบ 8 ชั่วโมง ตื่นมา
สมองจะได้ปลอดโปร่ง ร่างกายก็แข็งแรง ต่อไปถ้าใครนอนไม่ครบ 8 ชั่วโมง น้าพิมจะหักค่าขนม” เน้นเสียงเข้ม “ไปนอนได้แล้ว”
เด็กทั้งสามคอตก แล้วแยกย้ายเดินเข้าห้องไป ป๊อบคอร์นยังยืนแกร่วอยู่
“แกด้วยป๊อบคอร์น” พิมมาดาแหวใส่
ป๊อบคอร์นหงอย แล้ววิ่งไปนอนหน้าห้องจีจ้า
“เกินไปหรือเปล่าคุณ เข้านอนช้าแค่ห้านาทีสิบนาทีคงไม่ทำให้สมองฝ่อหรอกมั้ง”
“ใครขอความเห็นคุณเหรอ?” กริสน์อึ้งไปทันที พิมมาดาว่าต่อ “ไม่ต้องมายุ่งหรอก ฉันมีกฏของฉัน
ตั้งใจทำงานของคุณให้สำเร็จจะดีกว่า อย่าลืมว่าคุณมีเวลาแค่ 1 เดือน”
พิมมาดาเดินหน้าเชิดขึ้นห้องไป กริสน์มองตามทำเสียงเลียนแบบพิมมาดาอย่างหมั่นไส้
“ตั้งใจทำงานของคุณให้สำเร็จจะดีกว่า อย่าลืมว่าคุณมีเวลาแค่ 1 เดือน” กริสน์วางท่ากลับมา
เป็นตัวเอง “ขู่เก่งจังนะแม่คุณ เป็นคนหรืองูเห่าเนี่ย ขู่ฟ่อๆ อยู่ได้” กริสน์มองไปรอบๆ “คืนนี้นอนโซฟาก็ได้วะ”
กริสน์ทิ้งตัวลงนอน สายตาครุ่นคิด

ไฟในบ้านแต่ละห้องดับลงๆๆ จนบ้านทั้งหลังมืดสนิท
แจ๊สนอนมองรูปพ่อแม่อยู่ ผ่านไปเห็นพิมมาดาแง้มประตูมาดูแล้วปิดประตูอย่างเบา
จีจ้ากอดปอปคอร์น พอจีจ้าหลับ ป๊อบคอร์นคลานไปนอนที่นอนตน
พิมมาดาเดินเข้ามาห่มผ้าให้โจ๊กและจีจ้าบ่นงึมงำ
“เราบ้ารึป่าว ถึงให้อีตานั่นมาอยู่ร่วมชายคาเนี่ย”
พิมมาดา ห่มผ้าให้หลานทุกคนก็เดินกลับเข้าห้องตัวเอง เช็คล็อกประตู กดอย่างแน่นหนา แล้วไป
เปิดตู้ หยิบเอาไม้เบสบอลมาวางข้างตัว ก่อนนอน
ด้านกริสน์ยังไม่หลับ กำลังนั่งพิมข้อความส่งถึงภัทรดนัย
“แผน A ลุล่วง ต่อไปแผน B รอให้นายสุขสันต์เข้ามาในระยะประชิดยัยเจ๊โหดกว่านี้ก่อนนะเพื่อน”
กริสน์นอนลง เอามือก่ายหนาผาก ยังวิตกกับภารกิจนี้ไม่หาย
ในขณะที่พิมมาดาขยับถือไม้เบสบอลากำแน่น เหมือนเตรียมพร้อม แล้วผล็อยหลับไป

ฟ้าสางแล้ว....นาฬิกาดิจิตอลในห้องพิมมาดาบอกเวลาตี 5:58 เหมือนเช่นทุกๆ วัน พิมมาดา สวมเสื้อคลุมลายวาฟเฟิลสีนวลตา กำลังแต่งหน้าอยู่หน้ากระจกเหมือนวันอื่นๆ ในชีวิต เพียงแต่เช้าตรู่
ของวันนี้พิมมาดา แต่งหน้าอย่างอารมณ์ดี ชิลล์ๆ ไม่รีบเร่งร้อนรนเหมือนวันก่อนๆ
เสียงคนเป่านกหวีด ดัง วี๊ด แหลมแสบประสาทหู พิมมาดา สะดุ้งเขียนคิ้วผิดเฉไปที่หน้าผาก พิม
มาดาโกรธ ร้องกรี๊ดๆ
“เบี้ยวอีกแล้ว”
พิมมาดาเขวี้ยงดินสอเขียนคิ้ว ดึงสำลีมาเช็ดๆ แล้วออกจากห้องมาด้วยความหงุดหงิด

เสียงเป่านกหวีดยังคงดังต่อไป จนแทบจะประสาทเสีย แจ๊ส โผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม พยายาม
เอามือปิดหูแล้วมุดกลับเข้าคลุมโปงต่อ โจ๊กอยู่ในตู้เสื้อผ้า นอนขดตัวงอ ลืมตัวเอากางเกงชั้นใน
ตัวเองมาปิดหู
ด้านจีจ้าร้องเสียงดังแข่งสู้กับเสียงนกหวีด ป๊อบคอร์นลืมตาขึ้นมา พยายามมุดตัวลงใต้พรมเพื่อ
ปิดการรับรู้
กริสน์ที่เป่านกหวีดอยู่ยื่นมาเข้าเคียงหน้าแจ๊สที่อยู่ในโปงผ้าห่ม กริสน์เอานกหวีดออกจากปาก
พูดเสียงเหี้ยม “ลืมไปแล้วใช่ไหม ว่าตกลงกันไว้ไง ถ้าไม่เชื่อฟัง ก็ต้องไปอินเดียกันให้หมด” เป่านกหวีดอีกที ใส่หูแจ๊ส
แจ๊สตลบโปงออก เด้งตัวลุกยืนขึ้น
ต่อมากริสน์ ยื่นหน้าเข้ามาในตู้เสื้อผ้าโจ๊ก
กริสน์ตะโกนเสียงดัง “ถ้าโดนส่งไปโรงเรียนดัดสันดาน ก็จะอดแฉความชั่ว ของไอ้คนนั้นกันหมด
แล้วคุณน้าคนดีของพวกนายก็จะเสร็จมัน!!” กริสน์เป่านกหวีดอัดในตู้สำทับ
โจ๊กตาเบิกโพลง กลิ้งตัวลงมาจากตู้
ครู่ต่อมากริสน์ไปยืนอยู่ข้างหน้าจีจ้า
“จะไปอยู่โรงเรียนประจำ หรือช่วยกันกระชากหน้ากากคนนิสัยไม่ดี หา?” กริสน์เป่านกหวีดซ้ำ
จีจ้าเอามือปิดหู “ตื่นแล้วค้า”
ป๊อบคอร์นที่ลุกขึ้นยืนเช่นกัน

ไม่นานหลังจากนั้นกริสน์ก็มายืนเป่านกหวีดอยู่ที่บริเวณโถงหน้าบันไดชั้นสองต่อ แจ๊ส โจ๊ก จีจ้า
ยังอยู่ในอาการงัวเงีย เอามือปิดหูออกมายืนหน้าห้อง ป๊อบคอร์นเห่าผสมโรง ยิ่งทำให้เสียงดังหนวกหูขึ้นไปอีก
พิมมาดาเปิดประตูห้องออกมาโวยวายใส่กริสน์ที่เป่านกหวีดปลุกเด็กๆ อยู่
พิมมาดาตะเบ็งสู้เสียงนกหวีด “นี่! ทำอะไรน่ะ หยุดเป่าเดี๋ยวนี้นะ!” กริสน์ยังเป่าต่อ พิมมาดา
ตะโกนแข่งอีก “เอ๊ะ! พูดไม่รู้เรื่องหรือไง บอกให้หยุด หูจะแตกอยู่แล้ว”
กริสน์หันมาเป่านกหวีด แบบเสียงสั้นใส่หน้าพิมมาดาดัง ปิ๊ด! พิมมาดาผงะ เงียบทันที
กริสน์ตั้งใจพูดกับพิมมาดา “รู้ว่าหนวกหู คุณยังจะมาตะโกนแข่งกับผมทำไมครับ?” หันมาหา
เด็กๆ ตีหน้าเข่งขรึม “เอาละเมื่อออกมากันครบแล้ว ทั้งหมด” เสียงเข้มสั่งแบบทหาร “จั๊ดแถว!”
แจ๊ส โจ๊ก และจีจ้า มองหน้ากันงงๆ กริสน์กระแอมอย่างวางมาด แล้วออกคำสั่งอีก
กริสน์วางมาดเข้ม สั่งด้วยน้ำเสียงแบบทหารอีกที
“จั๊ดแถว!” เด็กๆ ก็ยังคงงง กริสน์เซ็งพูดเสียงธรรมดา “จัดแถวไง
“อ้อ” เด็กๆประสานเสียงแล้วยืนเรียงหน้ากระดาน เล็ก เรียงไปโต โดยมีป๊อบคอร์นเป็นหัวแถว
กริสน์พูดไปเดินไปเหมือนตรวจแถวทหาร
“ฟังให้ดี เช้านี้ถือเป็นวันแรกสำหรับทุกคนที่เข้ารับการฝึกเข้มตลอด 1 เดือน จึงต้องขอบอกกติกา
ให้ทุกคนทราบว่า การฝึกของเรานั้นจะฝึกกันอย่างจริงจัง หนักหน่วง และเคร่งครัด ใครก็ตามที่ทำไม่เคารพกฏ หย่อนยาน ไม่ตั้งใจ ต้องถูกลงโทษ ทุกคนรับทราบ!” เด็กทั้งสามพยักหน้าหงึกๆ กริสน์เสียงดังอีก “รับทราบ ก็ต้องตอบรับว่า ทราบ! เข้าใจมั้ย?” เด็กๆพยักหน้าอีก “บอกให้ตอบว่า ทราบ ไง”
“ทราบ” เด็กทั้งสามบอกเสียงอ่อย
“เข้มแข็งกว่านี้!”
“ทราบ” เด็กทั้งสามตอบเสียงดัง
ป๊อบคอร์นเห่าเหมือนจะพูดว่า ทราบ! ตามเด็กๆ แต่เสียงดันดีเลย์ ทุกคนหันมามองป๊อบคอร์น อ
ย่างเซ็งๆ
“ระเบียบหย่อนยาน ตั้งแต่หมา” กริสน์มองกราดไปตั้งแต่ป๊อบคอร์น จีจ้า โจ๊ก แจ๊ส ไปจบที่พิม
มาดา “ยันคน...”
พิมมาดาหน้าชา กริสน์แอบยิ้มสะใจ

แจ๊ส โจ๊ก แปรงฟัน อาบน้ำอย่างรีบเร่งทั้งสระผม ถูสบู่
จีจ้าแปรงฟันอาบน้ำ อย่างยากลำบาก บีบยาสีฟันมากไปบ้าง-น้อยไปบ้าง / สระผมแล้ว แชมพูเข้าตา แสบตาร้องไห้ / ถูสบู่แล้วสบู่ลื่นหลุดมือ พยายามตามหยิบ แล้วก็หลุดหมือ หยิบแล้วก็หลุด ที่สุดแล้วเลยไม่ถูซะ
กริสน์นั่งดูนาฬิกาจับเวลาอยู่ที่โซฟาชั้นล่าง
แจ๊สใส่กระโปรงนักเรียน โจ๊กสวมเสื้อนักเรียน จีจ้าพยายามสวมถุงเท้าเองอย่างทุลักทุเล
หน้าปัดนาฬิกา เลขวินาทีลดลงจาก 10…9…8…7…6… แจ๊ส กับ โจ๊ก เปิดประตูห้องวิ่งลงมา
ข้างล่าง
5…4…3…2…1 จีจ้าสวมถุงเท้าไปด้วยวิ่งลงมาด้วย ป๊อบคอร์นคาบถุงเท้าวิ่งตามลงมา พิมมาดา
วิ่งตามลงมาด้วย กลัวจีจ้าจะลื่นล้ม
กริสน์คว้านกหวีดมาเป่าดัง ปี๊ด!! เป็นสัญญาณว่าหมดเวลา

เด็กทั้งสามยืนตัวตรงในสภาพการแต่งตัวที่เยินสุดขีด โดยเฉพาะ จีจ้านั้นเยินกว่าใคร ริมฝีปากยัง
มียาสีฟันติดเป็นคราบอยู่ ใส่เสื้อกลับด้าน ติดตะขอกระโปรงเบี้ยว ใส่ถุงเท้าได้ครึ่งข้าง เพราะอีกข้างหนึ่ง ป๊อบคอร์นคาบเอาไว้
กริสน์เดินเช็คความเรียบร้อยของการแต่งตัวแต่ละคน เริ่มจาก แจ๊ส
กริสน์จับชายเสื้อที่หลุดออกมานอกกระโปรง “ชายเสื้อหลุดออกนอกกระโปรง แทงปลาไหล สิบ
ครั้ง!”
“นี่คุณให้แจ๊สทำอะไร?” พิมมาดาไม่พอใจแย้งขึ้น
“แทงปลาไหล คงทำประมงมั้ง ถามได้ ก็ทำโทษนะซิ”
“ไม่ได้นะ จะมาทำโทษหลานฉันให้ทำอะไรน่าเกลียดแบบนี้ได้ยังไงกัน” พิมมาดาจะไม่ยอม
แจ๊สพูดหน้านิ่ง “ไม่น่าเกลียดหรอกค่ะน้าพิม สะใจดี!” แจ๊สแทงปลาไหลอย่างจริงจังมากๆ “หนึ่ง!
สอง! สาม!....”
จีจ้ากับโจ๊กอึ้งปนงง “พี่แจ๊สทำอะไรอ่ะ ไม่เห็นมีปลาไหลให้แทงเลย”
กริสน์หันไปยักคิ้วให้พิมมาดา พิมมาดากัดฟันกรอดๆ
กริสน์เดินตรวจโจ๊กต่อ โจ๊กแต่งตัวเรียบร้อยมากๆ ตั้งแต่หัวจรดเท้า
“...แต่งตัวเรียบร้อยดี” โจ๊กยิ้มแฉ่ง กริสน์เปลี่ยนเสียงเข้ม “แต่ซิปไม่ได้รูด!” โจ๊กหุบยิ้มทันที “วิดพื้น
ยี่สิบครั้ง”
“โหดเกินไปแล้วนะ ที่นี่ไม่ใช่ค่ายทหารนะ” พิมมาดาแย้งอีก
“ไม่เป็นไรหรอกครับน้าพิม ผมบ้าพลัง!” โจ๊กวิดพื้นอย่างมุ่งมั่น “หนึ่ง! สอง! สาม!...
กริสน์หันไปยักคิ้วให้พิมมาดาอีก พิมมาดายิ่งแค้น
คราวนี้กริสน์เดินตรวจมาที่จีจ้าเป็นคนสุดท้าย เห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ จีจ้าคอตกรู้ตัว
“แต่งตัวได้เยินมาก เยินกว่านี้มีอีกมั้ย?” กริสน์ปรายตามองพิมมาดา “นี่แสดงว่าไม่เคยมีใครสั่ง
สอนให้แต่งตัวเองเลยซินะ”
พิมมาดาร้อนตัวเอ่ยขึ้น “ก็จีจ้ายังเด็ก ก็ต้องมีคนคอยช่วยแต่งให้สิ”
แจ๊สพูดหน้านิ่ง “น้าพิมร้อนตัว”
“ยัยแจ๊ส!..” หันมาพูดกับกริสน์พร้อมเช็ดคราบยาสีฟันที่ปากของจีจ้า “แล้วนี่ เด็กอายุขนาดนี้เขา
ให้ผู้ใหญ่แปรงฟันให้ เด็กๆ แปรงเองจะไม่สะอาด แล้วฟันจะผุถ้าจีจ้าฟันผุแล้ว...”
กริสน์เป่านกหวีดดัง ปิ๊ด! พิมมาดาจึงเงียบแต่โกรธจนหน้าแดง กริสน์พยายามกลั้นหัวเราะสุด
ชีวิต แล้วกลับมาเก๊กต่อ
“กฏก็ต้องเป็นกฏ แต่งตัวไม่เรียบร้อยภายในเวลาที่กำหนดยังไงก็ต้องถูกทำโทษ แต่เห็นแก่ว่ายัง
เป็นเด็กอยู่จะลดโทษให้กึ่งหนึ่ง” จีจ้ายิ้มแต้ “กระโดดกัดหูตัวเอง ห้าครั้ง”
“หา! จะบ้าเหรอ จะให้จีจ้ากระโดดกัดหูตัวเองได้ยังไง?!
“หรือจะให้จีจ้ากระโดดกัดหูคุณ” กริสน์ว่า
“คุณมันโรคจิตแล้ว” พิมมาดาตวาด
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะน้าพิม กระโดดกัดหูตัวเอง ดีกว่ากระโดดกัดหูเพื่อน อีกอย่างจีจ้าว่า มันดู
เหมาะกับราชินีนักบู้อย่างจีจ้าสุดๆ”
กริสน์เดินเข้าไป ทำหน้าเหี้ยมใส่พิมมาดา “ถ้าคุณอยากจะให้ผมแก้ไขพฤติกรรมหลานๆ คุณให้
มันได้ผล...คุณก็เลิกทำตัวเป็นอุปสรรคของผมซะที”
พิมทำท่าจะเถียง แล้วสะบัดหน้า เชิดเมิน
“หึๆๆ” เดินมองพิมมาดารอบๆตัว อย่างยั่วๆ
พิมกัดฟันอย่างอดทน หันไปทางอื่น แล้วอมยิ้มเยาะ
“เอา..ลองดูว่านายจะทนได้กี่วัน..หึๆ”
“ดีมาก..” กริสน์เดินกลับมาหาจีจ้า “จีจ้า กระโดดกัดหูตัวเอง 5ครั้ง! ปฏิบัติ”
จีจ้ากระโดดกัดหูตัวเอง กริสน์หันไปยักคิ้วให้พิมมาดาแบบยียวนสุดๆ พิมมาดามองตาดุฝากไว้
ก่อน

ที่บนโต๊ะอาหารเวลานี้ ทุกอย่างว่างเปล่าหมดแล้ว แจ๊ส โจ๊ก จีจ้า และป๊อบครอ์นนั่งอยู่บนเก้าอี้
รอบโต๊ะ โดยตั้งแขนขวาทับแขนซ้ายวางอยู่ระดับอก ตัวตรง ตาจ้องมองไปข้างหน้าแบบทหารที่ต้องทำก่อนกินข้าว ทุกคนแต่งตัวเรียบร้อยหมดแล้ว กริสน์เดินไปมาพร้อมกับวางมาดเข้ม
จีจ้าเมื่อย แขนค่อยๆ ลดต่ำลง ทันใดนั้น ก็มีฟุตเหล็กฟาดลงมากับดัง เพี๊ยะ! จีจ้าสะดุ้งรีบเอา
แขนกลับขึ้นไปที่เดิม
“มาแล้วค่ะ” เสียงเต๋าดังขึ้นก่อนตัว
เต๋ายกจานใส่แซนด์วิชประมาณ 4-5 ชิ้นเข้ามา เต้ยเดินนวยนาดเข้ามาด้วย เต๋าวางลงบน
โต๊ะบรรยายาสรรพคุณ
“แซนด์วิชร้อนๆ สดจากเตาคะ อาหารเช้าสำหรับเด็กๆ” เต๋าชายตามองกริสน์ “และคนที่คุณรัก
“ปกติเห็นทำข้าวต้ม ทำไมวันนี้เปลี่ยนเมนูละ” พิมมาดาสงสัย
“แหม พี่พิม...เต๋าก็กลัวเด็กๆจะเบื่อบ้างนี่คะ และอีกอย่าง...”
เต้ยรีบแทรก “พี่เต๋าก็อยากให้ใครบางคนรู้ว่า เขาชอบ” ทำหน้าอย่างมีเลศนัย “แซนด์วิช อิๆๆ”
เต๋าและเต้ยคิกคักกัน แล้วเข้าไปประกบหน้าหลังกริสน์
“คุณกริสน์ล่ะครับ..ชอบรับประทานแซนวิชไหมเอ่ย...”
กริสน์มองหน้า ไม่ตอบ เอานกหวีดใส่ปาก แล้วเป่านกหวีดเสียงดัง ปิ๊ด! กะเทยกระเด็นไป กริสน์
หันมาที่เด็กๆ เป่าอีกที ทุกคนเงียบทันที แล้วยืนตัวตรง
“ทุกคน..ลงมือได้ ปฏิบัติ”
“ทราบ” เด็กทั้งสามร้องพร้อมๆ กัน
แจ๊ส โจ๊ก เอื้อมมือไปหยิบแซนด์วิช ลุกจากโต๊ะ เก็บเก้าอี้ แล้ววิ่งออกไปเพื่อขึ้นรถ อารามรีบ โจ๊ก
ชนโต๊ะน้ำหกใส่ขากางเกงกริส์นข้างหนึ่ง
“โอ๊ะ”
พิมมาดาหัวเราะเยาะ
“โทษครับลูกพี่”
พูดเสร็จโจ๊กรีบวี่งไปทันที
“ท่าจะไม่ถึงเดือนซะละมั้ง ฮ่าๆ” พิมมาดาเยาะแกมเย้ย
กริส์นโมโห แต่ทำอะไรไม่ได้ หันมาเจอจีจ้าที่ยังนั่งอยู่ในท่าเดิม
กริสน์สั่งเสียงเข้ม “ทำไมไม่หยิบ จะขัดขำสั่งลูกพี่หรือไง? เดี๋ยวสั่งปั่นจิ้งหรีดซะเลย
“ก็อยากหยิบอยู่ค่ะ” จีจ้าจะร้องไห้ “แต่จีจ้าตะคริวกินแขน ขยับไม่ได้ครับ”
ทุกคนมองหน้ากันอึ้งๆ
พิมมาดารีบวิ่งเข้ามาดูจีจ้า มองหน้ากริสน์แบบยัวะสุดๆ

เช้าวันเวลาเดียวกัน เสี่ยอธิปวางแก้วน้ำชาร้อนลงบนจานรอง แล้วแม่บ้านรินเพิ่มให้ เน้นที่น้ำชาสี
เข้ม อธิปนั่งกินข้าวอยู่กับโอปอ และจตุพล โดยมีเดช กับ น้อมพงษ์ยืนอยู่ข้างหลัง โอปออยู่ในชุดนักเรียน
น้ำเสียงอธิปฟังดูตื่นเต้น “ไปกันหรือยังจ๊ะ?”
“สรุปหนูหรือป๊าที่ย้ายโรงเรียนกันแน่เนี่ย?” โอปอแซว
“แหมๆๆ ก็โอปอสุดดวงใจของป๊าจะไปเรียนโรงเรียนใหม่เป็นวันแรกป๊าก็ต้องตามไปดูซิ”
“ใช่แล้วครับ เพราะโรงเรียนเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของเด็กๆ เป็นสถานที่ให้การศึกษา และ
พัฒนาความสามารถของเยาวชน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เสี่ยจะต้องไปตรวจสอบให้แน่ใจว่า โรงเรียนที่คุณหนูโอปอมีคุณภาพ และมาตรฐานคู่ควรกับที่จะเป็นบ้านหลังที่สองของคุณหนูครับ”
เดชบรรยายจบ จตุพลเบี่ยงหน้าหลบ แอบเบะปากหมั่นไส้
“จตุพล” อธิปเรียก
จตุพลรีบเปลี่ยนสีหน้าทันที “ครับอากู๋”
“เดี๋ยวฉันจะเข้าไปที่โรงงานสายหน่อยนะ ฝากดูแทนด้วย หมู่นี้คนงานมีทั้งหน้าแปลก และก็แปลก
หน้า ฉันไม่อยากให้มีพวกเหล่าร้ายมาแฝงอยู่ในโรงงาน”
จตุพลอึ้งไปนิดนึงหลุดปากต่อหน้าโอปอ
“ในโรงงานเรา จะมีใครร้ายไปกว่าหัวหน้าแก๊งอย่างกู๋อีกเหรอครับ”
ทุกคนเงียบกริบ
“ป๊าร้ายยังงัยคะ คุณอา?”
“วะ ฮ่ะๆๆๆ อาแกล้งพูดเล่น พูดให้ตลก ป๊าจะได้หายเครียด ฮ่ะๆๆๆๆ”
“ไปกันเถอะป๊า” โอปอเร่งอธิป แต่ถูกน้อมพงษ์เรียกเอาไว้
“นายอธิป..อย่าลืมดื่มยาบำรุงครับ” น้อมพงษ์รีบยกแก้วยาสีดำยื่นให้
“เออ..จริง” อธิปเดินกลับมา ยกแก้วยา ซดจนเกลี้ยง
เสี่ยอธิปโอบไหล่โอปอออกไปโดยมีเดชช่วยหิ้วกระเป๋าตามไป จตุพลมองตาม สายตาเปลี่ยนจาก
ยิ้มแย้มเป็นโหดเหี้ยม

เสียงโทรศัพท์ของน้อมพงษ์ดังขึ้น น้อมพงษ์กดรับสาย หันมองซ้ายขวาเห็นว่าไม่มีใคร แล้วจึงยื่น
โทรศัพท์ให้จตุพล

สุขสันต์กำลังนอนอยู่บนเก้าอี้สระผม มีคนคอยสระผมให้ มีคนในบ้านอีกคน กำลังทาเล็บมือแบบ
ใสๆ สุขภาพดีให้อย่างประณีต ขณะที่ฉัตรชัยยืนอยู่ข้างๆ คอยสั่งคนในบ้านให้ปรนนิบัติสุขสันต์ตามสเต็ป สุขสันต์คุยโทรศัพท์กับจตุพลอยู่
“ว่าไง..เริ่มภารกิจ พิสูจน์ตัวเองให้ชั้นเห็น ว่านายคือคนที่เหมาะสมหรือยัง...”
“ผมเริ่มให้ยาบำรุงสูตรพิเศษ กับอากู๋แล้วครับ”
“โอ้ว..ดี..แบบนี้แปลว่า..ไม่เกิน 3 เดือน..เราก็จะเห็นผล”
“ยามันจะค่อยๆ ออกฤทธิ์ไปเรื่อยๆ ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตแน่ ส่วนทางมิสเตอร์แฮมฟาย เขาอีเมล์มา
ว่าของพร้อมแล้วนะครับ เหลือแต่รอคำสั่งจากท่านเท่านั้น” จตุพลรายงาน
“บอกแฮมฟายว่าอีกสามวันเอาของเข้ามาได้เลย เพราะฉันจะเตรียมทาง สวยๆ ซอท์ฟๆ ไว้ให้..”
สุขสันต์กรีดนิ้วนิดๆ ดูเล็บที่ทาเสร็จไปแล้วข้างหนึ่ง พร้อมๆ กับที่สระผมเสร็จพอดี จึงลุกขึ้นนั่ง
“ครับผม” จตุพลยิ้มรับคำ
จังหวะนั้นแพรวพิลาศเดินเข้ามาจากนอกบ้าน ถือถุงช็อปปิ้งล้วนเป็นของแบรนด์เนมเข้ามา และ
ทันได้ยินประโยคสุดท้ายพอดี จึงรีบถาม
“อะไรสวย อะไรซอท์ฟ เหรอคะ?”
สุขสันต์หันไปตามเสียงพร้อมกับส่งจูบให้
“โอ..คุณซื้อมอยซ์เจอไรเซอร์มาให้ผมหรือเปล่าครับ แพรวพิลาศ”
แพรวพิลาศเปิดถุงออกมาอวด เป็นเครื่องสำอางล้วนๆ “สำหรับคุณ..ชั้นเลือกเป็นผลิตภัณท์ไวเท
นนิ่งล้วนๆ ตัวใหม่ ชั้นว่า..หมู่นี้คุณชักจะคล้ำๆ ไปหน่อย ไม่ค่อยทากันแดดหรือคะ”
สุขสันต์ร้อนตัว รีบหยิบกระจกมาส่องหน้า “โอ๊ว..จริงเหรอ ผมหน้าคล้ำไปหรือ แย่จริง” หันมาทาง
ฉัตรชัย “ฉัตรชัย..แกนั่นแหละ ทีหลังเวลาออกไปหาเสียงกลางแดด..แกควรจะหาร่มกันแดดให้ฉัน เข้าใจไหม”
แพรวพิลาศเดินเข้ามา หยุดมองฉัตรชัยด้วยสีหน้าตำหนิ
“หลีก..ไปคั้นน้ำทับทิมสดมาให้ชั้นกะคุณสุขสันต์คนละแก้วซิ ไม่ต้องเติมน้ำตาลนะ”
ฉัตรชัยก้มหน้า แล้วบอกยอกย้อนกลับนิดๆ “ผมทราบ..ว่าท่านไม่รับน้ำตาลอยู่แล้วครับ”
แพรวพิลาศแหวใส่ “หมายความว่าไง..แกหมายความว่า..แกรู้แล้ว..ฉันไม่ต้องบอก..งั้นหรือ”
แพรวพิลาศโมโหแย่งที่ทาเล็บใสจากแม่บ้าน มาทำหน้าที่ทำเล็บให้สุขสันต์แทน ฉัตรชัยก้มหน้างุด
แล้วรีบออกไป
“คุณยังไม่ตอบแพรวเลย ว่าอะไรสวย อะไรซอฟท์” แพรวพิลาศถามขณะทาเล็บให้สุขสันต์
“คุณชอบดอกไม้ไหม แพรวพิลาศ”
“ผู้หญิงที่ไหนจะไม่ชอบดอกไม้ล่ะคะ”
“ผมจะทำธุรกิจนำเข้าดอกไม้ คุณจะมีดอกไม้นอก..ให้เลือกไปแต่งบ้านท่านหัวหน้าพรรคทุกวัน..
หรือแพรวอยากมีทางเดินที่ปูด้วยกลีบกุหลาบ..ผมก็จะจัดให้”
แพรวพิลาศเลื่อนตัวขึ้นมานั่งบนตักสุขสันต์
“โอ๊ว..ดีจัง สุขสันต์..ฉันนึกวิธีดึงสตางค์ของพรรคพ่อ มาเข้ากระเป๋าเราได้อีกทางแล้ว”
“ยังไง”
แพรวพิลาศกอดคอสุขสันต์อย่างรักใคร่
“ถ้าคุณทำธุรกิจดอกไม้ ฉันก็จะบอกให้พ่อไปบังคับว่า..หากนักการเมืองในพรรคเรา จะส่งดอกไม้
ไม่ว่าแจกัน กระเช้า หรือช่อดอกไม้อะไรให้ใคร..ต้องมาสั่งจากร้านของคุณ คิดดูสิคะ สุขสันต์..วันๆ นึง พวกนักการเมืองเค้าส่งดอกไม้กัน วันละมากมายแค่ไหน แล้วเค้าก็ส่งกันทั้งปี..แบบนี้ เราจะรวยกันใหญ่นะคะ” แพรวพิลาศเล่าถึงแผนการตลาด
“โอ๊ว..ดีจัง ผมชอบ..เราจะรวยกันใหญ่ด้วยวิธีสุจริตแบบทุจริต..มันยอดมากเลย สุดที่รัก”
สุขสันต์ดึงตัวแพรวพิลาศโน้มลงมาจูบ ส่วนอีกด้านหนึ่งฉัตรชัยแอบดูอยู่ ทำหน้าอย่างมีเลศนัย
บางอย่าง

เวลานั้นแจ๊ส โจ๊ก จีจ้า กำลังกินแซนด์วิชในรถ โดยมีกริสน์ขับรถไป
จีจ้า เห็นผักกาดหอมในแซนด์วิชแล้วไม่ชอบ ก็หยิบออกแล้วเขวี้ยงทิ้งไปข้างหลัง ปรากฎว่าผักกาดหอม มาแปะแหมะอยู่บนผมแจ๊สซะงั้น แจ๊สค่อยๆ หยิบขึ้นมาดู สีหน้าแววตาโกรธมากแต่
ไม่พูดอะไรออกมา จัดการปาผักกาดหอม กลับไปใส่จีจ้า จีจ้าโวยวาย
“พี่แจ๊สปาผักใส่จีจ้าทำไม?”
“อยากปา” แจ๊สบอกหน้าตาเฉย
จีจ้าโมโห ปาผักคืนไป แจ๊สก็ปาคืนมาอีก จีจ้าคว้าขนมปังขึ้นมาจะปาใส่แจ๊ส แต่แจ๊สหลบทัน เลย
ไปโดนหน้าโจ๊กเลอะซอสมะเขือไปหมด โจ๊กใช้มือปาดออกช้าๆ แล้วหยิบขนมปังขึ้นมาปาบ้าง
“หยุดกันได้แล้ว” กริสน์ร้องบอก
“แกล้งกันสองคน แล้วมาเกี่ยวอะไรกับเราเล่า” โจ๊กโวยที่โดนลูกหลง เลยร่วมด้วยช่วยแกล้ง
สถานการณ์เริ่มวุ่นวาย ทั้งสามปาแซนด์วิชใส่กันไปมา กริสน์พยายามห้าม แต่เด็กๆ ไม่มีใครยอม
ฟัง แล้วจังหวะหนึ่งแซนด์วิชพลาดเป้าปามาโดนกริสน์จนเละเทะเต็มๆ กริสน์ที่กำลังขับรถอยู่ทนไม่ไหว ตะโกนร้องลั่นออกมา
“อ้าก”
เด็กๆ ตกใจหยุดชะงัก หันมองกริสน์ กริสน์จอดรถลงจอดข้างทาง เบรกเอี๊ยดกระชั้นชิด

ครู่ต่อกริสน์ขับรถต่อด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างมีความสุข ในขณะที่ 3 แสบ แจ๊ส โจ๊ก จีจ้าถูกถุงเท้า
มัดข้อมือทั้งสองข้างเอาไว้ทั้งสามคน จนต้องเงียบไม่มีทางทำอะไร
กริสน์ยิ้มเหี้ยมบ่นงึมงำ “ชอบให้ลูกพี่โหดตลอดๆๆๆๆ”

บรรยากาศการจราจรหน้าโรงเรียนคับคั่ง วุ่นวาย และติดขัด ที่หน้าโรงเรียน มี รปภ. คนหนึ่งคอย
ยืนปล่อยคิวรถผู้ปกครองที่จะมาจอดส่งนักเรียนให้ไปจอดข้างหน้า เลยไปอีก เพราะรถติด มีรั้วกั้นห้ามจอดวางไว้ด้วย
รถกระบะที่กริสน์ขับกำลังจะเข้าจอด ถูกรปภ. เป่านกหวีดไล่เต็มแรง กริสน์บ่นไปขับไป
“เป่าจริง! รู้แล้วว่าจอดไม่ได้ ไม่ต้องเป่าไล่ขนาดนี้หรอกเว้ย”
“อย่าพูดเว้ยซิคะ ลูกพี่...”
“เค..เค..ขอโทษครับผม..”
กริสน์ขับรถออกไป

กริสน์ขับรถวนมาแต่ไม่มีที่จอดเลย
“อะไรกันเนี่ย..เต็มขนาดนี้”
กริส์นสังเกตเห็นมีที่ว่างอยู่ที่หนึ่งแต่ขนาดพอดีคันมากๆ คับแคบสุดๆ กริสน์ขับเลยไป แต่แล้วจู่ๆ กริส์นตัดสินใจเบรกหยุดรถ แล้วหันมาแกะถุงเท้าที่มัดมือทุกคนออกอย่างเร็วก่อนที่จะมีรถตามมา
“ทำอะไรลูกพี่ จอดกลางถนนแบบนี้เลยเหรอ” โจ๊กงง
“เอา..ทีนี้จับซีทเบลท์ให้แน่นนะ” กริสน์สั่ง
เด็กๆทำหน้างงๆ จังหวะนั้นกริส์นถอยรถอย่างเร็ว แล้วดึงเบรกมือให้รถหมุนคว้างสไลด์ตัวเข้าไปจอดที่จอดแคบคับได้พอดีเป๊ะ เด็กๆ วี๊ดว๊ายกันสนั่นลั่นรถ
“ถึงแล้ว ลงไปกันได้...”
แต่เด็กทั้งสามยังนั่งนิ่งๆ กริสน์นึกว่าเป็นเพราะยังไม่หายตกใจ
“อุ้ย...ขอโทษที หวาดเสียวไปนิด...”
“ใครบอกละครับ โจ๊กว่า สนุกดีออก เคยเห็นแต่ในหนัง” โจ๊กบอก
“ใช่แล้วครับลูกพี่ เป็นการมาโรงเรียนตอนเช้าที่สนุกที่สุด” จีจ้าร่าเริงสุดๆ
“อย่าให้น้าพิมรู้แล้วกัน”

แจ๊สยิ้มออกมา แล้วเด็กๆ ก็พากันเปิดประตูลงจากรถ กริสน์ส่ายหน้าเซ็งๆ แล้วลงรถตามไป










Create Date : 31 มกราคม 2555
Last Update : 31 มกราคม 2555 13:14:37 น.
Counter : 302 Pageviews.

0 comment
มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 3




บ่ายคล้อยวันนั้นพอเลิกเรียนกลับมาถึงบ้าน โอปอรีบก้าวลงจากรถวิ่งไปหาอธิปที่มายืนรอรับอยู่ที่หน้าคฤหาสน์ โดยมีเดชขับรถและเปิดประตูให้

“สวัสดีค่ะ ป่าป๊า” สาวน้อยพนมมือไหว้อย่างสวยงาม
อธิปกอดโอปอแนบแน่น
“โอปอ...อีก2วัน ป่าป๊าจะให้ย้ายโรงเรียนแล้วนะครับ จะได้ใกล้บ้านรถไม่ติด แล้วเย็นนี้ป่าป๊าสั่งไก่
ทอดกับพิซซ่าไว้ด้วยนะ”
“โอ้โห ป่าป๊าสุดยอดเลยค่ะ” โอปอดี๊ด๊าสุดๆ
“กระเป๋าเรียนครับคุณหนู วันนี้มีการบ้านด้วยนะครับ หนังสือภาษาไทยเรื่องคำเป็นคำตาย เดชคั่น
ให้แล้วด้วยมาร์คสีเขียว..วิชาสปช. เรื่องชนิดและโทษของยาเสพติด คั่นด้วยมาร์คสีส้ม” เดชผู้รอบรู้สั่ง
“เยอะไปไอ้เดช” อธิปหันไปบอก
“แต่เดชยัง..” เดชเห็นอธิปจ้องดุๆก็เลยต้องหยุด “ครับๆ”
ระหว่างนั้น จู่ๆ มีขบวนรถแล่นสวนเข้ามา
“รถใคร” อธิปอุ้มโอปอขึ้นมา
ขบวนรถแล่นมาจอดเทียบหน้าคฤหาสถ์ บอดี้การ์ดกรูลงมายืนเรียงแถวสลอน
ฉัตรชัยกุลีกุจอเปิดประตูให้ สุขสันต์ก้าวลงมา
“ผมขอคุยธุรกิจของเราหน่อยได้มั้ยครับเสี่ยอธิป”
อธิปหน้างงๆ ในขณะที่อุ้มโอปออยู่

เครื่องจักในโรงงานผลิตลูกอมแห่งนั้น เดินเครื่องทำงานเต็มกำลัง มองเห็นภาพสายพานการผลิตเคลื่อนตัว เผยให้ทุกขั้นตอนการผลิตลูกอม ตั้งแต่ยังเป็นลูกอมสีขาวๆธรรมดา ไหลเลื่อนไปตามสายพานการผลิต ผ่านการชุบสี เคลือบเงา จนกลายเป็นลูกอมสีสันสดใส จบด้วยการบรรจุใส่ห่อ ติดโลโก้ขนมว่า “สวีทโอปอ”
จตุพลและน้อมพงษ์มาด้อมๆ มองๆ จังหวะหนึ่งน้อมพงษ์แอบจิ๊กลูกอมมาด้วยเม็ดหนึ่ง
“ให้เก็บอากู๋ก็พลาด ให้เก็บไอ้กรดก็พลาดอีก...น้อมพงษ์! มีอะไรแก้ตัวก็ว่ามา”
จตุพลแกะลูกอมใส่ปาก แล้วถุยออกมา แหวะ! ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“เอางี้...ครั้งต่อไปผมจะลงไปคุมด้วยตัวเองเลยดีมั้ยครับ จะได้รับประกันความผิดพลาด”
ระหว่างนั้นลูกน้องจตุพลคนหนึ่งวิ่งเข้ามารายงาน
“คุณจตุพลครับ เสี่ยอธิปมากับสส.สุขสันต์ครับ”
“จริงเหรอวะ ไหนว่า..จะเลิกๆๆ ธุรกิจเดิมๆ ไงล่ะ หรือมันโกหกเรา”
จตุพลกับน้อมพงษ์รีบเดินไป หยุดแอบมองและฟังอยู่อีกด้านหนึ่งไม่ไกลกันนัก

เวลานั้นอธิปกับสุขสันต์เดินคุยกันอยู่
“ผมเคยบอกแต่แรกแล้วว่าถ้าลูกผมโตเมื่อไหร่ ผมจะเลิกทุกอย่าง” อธิปเอ่ยขึ้น
“เลิกทุกอย่างเหรอ ทำไม ผมไม่เข้าใจ”
“แปลได้ว่า..คุณหนูโอปอเป็นดั่งแก้วตาดวงใจ อะไรในโลกนี้ก็เปรียบไม่ได้ ยอมเสียทุกอย่างในชีวิต
ดีกว่าเสียลูกคนนี้ครับ” เดชพูดแทรก อธิบายแทน
“แค่ลูกสาวของเสี่ยโตขึ้น มันไม่น่าถึงกับต้องเลิกทำธุรกิจของเราเลยนะเสี่ย..เราเริ่มโปรเจ็คท์นี้มา
ด้วยกัน ตั้งแต่เริ่มแรก เสี่ยไม่เสียดายบ้างเหรอ โอกาส เงินทอง แล้วก็มิตรภาพของเรา..ผมเสียดายนะเสี่ย”
“คุณอย่าบังคับใจผมเลย” อธิปบอก
“แปลว่า คุณอย่าพล่ามให้เปลืองน้ำลายเลยครับ เสี่ยล้างมือแล้วจริงๆ” เดชแปลไทยเป็นไทยอีก
“ถ้าเสี่ยไม่ทำ แล้วท่านจะทำยังไงล่ะ..เสี่ยก็รู้ว่าท่านไม่ใช่คนที่จะไว้ใจใครได้ง่ายๆ ซะด้วย” คราวนี้
ฉัตรชัยพูดแทรกขึ้นบ้าง
“คุณสุขสันต์มีพร้อมทุกอย่างอยู่แล้ว ทั้งเงินทอง บริวาร บารมี ถ้าไม่ไว้ใจใคร คุณก็ทำเองได้” อธิปบอก
“ผมไม่อยากทำคนเดียว ผมต้องการทำธุรกิจกับเสี่ย”
“คุณต้องการให้ผมเป็นเนื้อล่อหมาให้มากกว่า” อธิปพูดดักคอ
สุขสันต์อึ้ง ชะงัก ตัดบท
“แปลว่า คุณส.ส.อยากใช้เสี่ยคอยรับผิดแทน ถ้าโดนจับได้ไงครับ” เดชแปลไทยให้อีก
“เอาเป็นว่า..ผมจะแบ่งผลประโยชน์ส่วนของผมให้เสี่ยอีกสิบเปอร์เซ็นต์ ดีมั้ย ยังไม่ต้องตอบ ผมให้
เวลาเสี่ยคิดอีกที หึหึหึ เสี่ยรู้ใช่มั้ย ว่าคนที่รู้เบื้องหลังเบื้องลึกของผมมากๆ แล้วไม่ทำงานให้ผม มันก็จะไม่มีวันไปทำงานให้ใครอื่นได้อีก..แล้วเสี่ยคิดว่าจะมีชีวิตปกติเหรอ ฮ่าๆ เป็นไปไม่ได้หรอกเสี่ย” สุขสันต์บอกเป็นเชิงขู่
“ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้” อธิปตอกกลับ
“โอ้โห...คมมาก แปลว่า ห้ามพูดว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะอะไรๆ ก็เป็นไปได้ทั้งนั้นในโลกนี้” เดชว่า
จตุพลกับน้อมพงษ์แอบมองอยู่ จตุพลตาวาว คิดออกว่าจะทำอะไร

สุขสันต์เดินหงุดหงิดออกมาที่รถ ฉัตรชัยตามมาติด จู่ๆ จตุพลกับน้อมพงษ์ก็วิ่งตามหลังมา
“คุณสุขสันต์ครับ..นี่คือคุณจตุพล หลานชายเสี่ยอธิปครับ ส่วนผม..น้อมพงษ์ เป็นผู้จัดการโรงงาน
นี้”
“คุณจตุพล คุณน้อมพงษ์ มีอะไร” ฉัตรชัยขวางไว้ ถามแทนสุขสันต์
“คือ ท่านครับ..ถ้าอากู๋ไม่อยากทำธุรกิจกับท่าน ผมขอทำเองครับ” จตุพลอาสา
“ท่านสุขสันต์จะทำธุรกิจกับคนที่สนิทสนมและไว้ใจได้เท่านั้นครับ” ฉัตรชัยรีบบอก
“ผมนี่แหละครับไว้ใจได้..ท่านรู้สึกยังไงกับอากู๋ ขอให้รู้ว่าผมรู้สึกมากกว่าท่านร้อยเท่า และใน
อนาคตอันใกล้นี้ ทรัพย์สมบัติทุกอย่างของอากู๋ จะต้องเป็นของผม ไม่ว่าอากู๋จะยกให้หรือไม่ยกให้ก็ตาม..ถึงตอนนั้นแล้วท่านก็ต้องคุยกับผมอยู่ดี” จตุพลคุยโอ่
“ผมเสียดายคุณอธิปมาก..ไม่อยากให้เค้าด่วนจากเราไปเร็วกว่าวัยอันควร แต่..เค้าเป็นคนเลือกเอง
..ผมไม่อาจยับยั้งได้เลย คุณจตุพล..เข้าใจความหมายของผมไหม ถ้าเข้าใจ เราก็อาจจะมีอนาคตร่วมกัน”
สุขสันต์ส่งซิกบางอย่างผ่านคำพูดเมื่อครู่นี้
“ผมเข้าใจ..ท่านอยากให้ผมพิสูจน์อะไรมั้ยล่ะครับ บอกมาได้เลย”
จตุพลพูดด้วยแววตาแข็งกร้าว จริงจัง สุขสันต์มองอย่างพึงพอใจ

เช้าวันต่อมา พิมมาดากำลังจัดช่อดอกไม้แบบช่อกลม เป็นกุหลาบสดใสหลายสี เหลือง ชมพู ส้ม ฟุกเซีย
ส่วนเต๋า และเต้ย กำลังรวบรวมดอกไม้สีเดียวกันหมด มาวางเรียงหลายๆ มัด มาเตรียมรอลูกค้าแบบขายส่ง
ครู่ต่อมาบรรดา ลูกค้าที่มาเลือกซื้อดอกไม้ ทยอยเดินเข้ามา เต๋า กับเต้ยเข้าไปต้อนรับ ลูกค้าเลือกดูดอกไม้พวกนั้น ก่อนจะช่วยกันขนออกไปใส่รถ
เสียงโทรศัพท์ในร้านดังขึ้น พิมมาดามองไป เห็นทุกคนยุ่งๆ เลยวางมือ มารับเอง
“ร้านดอกไม้พิมโรสค่ะ”
สักพัก สีหน้าพิมมาดาเปลี่ยนไป แก้มแดง ดวงตาวิบวับแวววาว
“คุณสุขสันต์ สวัสดีค่ะ อะไรนะคะ” พิมมาดาทำตาโต “เย็นๆ คุณสุขสันต์อยากจะขออนุญาตมา
ดื่มน้ำชาที่บ้านพิม...”
เต้ย กับเต๋าได้ยินหันมามองพิมมาดา แล้วหันกลับมามองหน้ากันขวับ ร้องขึ้นมาพร้อมกัน
“โดน..โดนแล้วแหละ”

พิมมาดาเดินนำเด็ก 3 คน เข้ามาในครัว รินนมให้คนละแก้ว แล้วรินให้ป๊อปคอร์นในชามของมันอยู่ข้างๆ
“ทุกคน ต้องดื่มนมให้หมด ห้ามใครเหลือ จะได้ตัวสูงๆ กระดูกและฟันแข็งแรง เอ้า ดื่มได้”
เด็กๆ ยืนเรียงดื่มนมกัน ป๊อปคอร์นก็กินนมในชามไปด้วย
พิมมาดาเดินไปมาควบคุมอยู่สักพัก แล้วกระแอมขึ้น “ต่อไปนี้..น้าขอตั้งกฎเหล็ก ว่า ตั้งแต่บัดนี้
เป็นต้นไป ไม่ว่าใครจะทำอะไรก็ตาม ต้องขออนุญาตน้าก่อนเสมอ”
โจ๊ก แจ็ส และจีจ้ามองหน้ากัน แล้วพูดตามแบบประชดๆ
“ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าใครจะทำอะไรก็ตาม ต้องขออนุญาตน้าก่อนเสมอ”
พิมมาดาฉุนนิดๆ แต่พยายามทำใจเย็น
“ถูก! อะไรที่น้าห้าม ก็คือห้าม อะไรไม่อนุญาต ก็คือไม่อนุญาต”
“อะไรที่น้าห้าม ก็คือห้าม อะไรไม่อนุญาต ก็คือไม่อนุญาต” 3 คนประสานเสียง
“หยุดล้อเลียนน้าได้แล้ว แล้วตกลงที่พูดมานี่..เข้าใจไหม”
ทุกคนเงียบ
พิมมาดาโมโห พยายามอดทนมากถึงมากที่สุด “น้าถามว่า..เข้าใจไหม”
“เข้าใจค้าบบ / ค่า” 3 คนประสานเสียงออกมาอีก ในขณะที่ป๊อปคอร์นผงกหัวเข้าใจด้วย
“เดี๋ยวคุณสุขสันต์จะมาบ้านเรา เด็กๆ ต้องทำตัวดีๆ โดยเฉพาะจีจ้า ควรจะหาโอกาสขอบคุณคุณ
สุขสันต์ เพราะเมื่อวาน ท่านอุตส่าห์มีน้ำใจห่วงใย จะช่วยเหลือเป็นธุระเรื่องตามตัวจีจ้าอย่างน่าประทับใจที่สุด”
“ประทับใจใครเหรอคะ?” จีจ้างงๆ
“คุณ...สุขสันต์” โจ๊กพูดประชดเบาๆ
“อะไรนะ” พิมมาดาถาม
“เปล่าค่ะ..”
“ถ้าอย่างนั้น ดื่มนมเสร็จ ก็ขึ้นไปเตรียมตัวอาบน้ำ แต่งชุดที่สะอาดเรียบร้อย ก่อนที่ท่านจะมา ได้
ยินที่น้าสั่งมั้ย”
“ด้าย...ยิน...ค่า.../คร๊าบบบ” เด็ก 3 คนพูดเสียงยานคางรับคำ
ป๊อปคอร์นเห่าตามแบบจำใจๆ

สุขสันต์มาตามนัดในตอนเย็นวันนั้น และกำลังยืนดูรูปหมู่เด็กๆ ที่มุมหนึ่งของห้องรับแขก
“น่ารักมากครับ..ที่จริงหลานๆ คุณพิมมาดาเป็นเด็กที่น่ารักมาก..เสียดายที่..” สุขสันต์หยุดไป
“ที่..อะไรคะ” พิมมาดาถามอย่างลุ้นรอฟังต่อ
สุขสันต์หันมายิ้มหล่อโปรยเสน่ห์ “ไม่มีอะไรครับ”
เต๋ากับเต้ยพาเด็ก 3 คน ที่แต่งตัวเรียบร้อยเว่อร์ประชดพิมมาดาเข้ามา
โจ๊กติดกระดุมถึงคอ ผูกหูกระต่าย ดึงกางเกงเอวสูงแบบตลกสายัณห์ ดอกสะเดาผู้ลาลับ แถมหวีผมเรียบแปร้แสกกลาง แจ๊ส กับจีจ้า ใส่เสื้อแขนพองยาว คอปิดมิด กระโปรงยาวคลุมเข่า ทำผมรวบตึง
ป๊อปคอร์นมายืนเรียงแถว ที่คอก็ผูกเนคไทกะเค้าด้วย
“มาแล้วค่า..เด็กๆ ที่แสนน่ารักของเรา” เต๋าร้องขึ้น
เด็กๆ รีบมายืนตรงเรียงรายอยู่ต่อหน้าสุขสันต์
สุขสันต์งง
“พวกเด็กๆ ยากจะขอบคุณคุณสุขสันต์น่ะคะ” พิมมาดายิ้มระรื่น
แจ๊สหันไปมองทุกคน แล้วให้สัญญาณยกแขนขึ้นยื่นไปข้างหน้า ทุกคนยกแขนตาม ชูมือขึ้นมาพร้อมกับออกแนวอัสนี-วสันต์ พิมมาดาผงะ
“อะไรน่ะ...”
“เอ้า..สาม..สี่” แจ๊สนับ
เด็กๆ พร้อมใจกันเต้นทำท่า และร้องแบบหน้าตายๆ ไร้ความรู้สึก พิมมาดาสุดจะทนรีบบอกให้
หยุด
“พอแล้วจ้า พอๆๆๆ” รีบเข้ามาจับตัวเด็กๆ ให้หยุด แล้วหันมาหัวเราะกลบเกลื่อนกับสุขสันต์ “พวกเด็กๆ ตลกกันน่ะค่ะ..อยากให้คุณหัวเราะไงคะ ขำมั้ยคะ ตลกเนอะ” หันไปพยักเพยิด
กับเต้ย
“ว้าว..เริดที่สุด...เกร๋มากมาย...” ตบมือเกรียว “คราวหน้าพี่จะพาน้องๆ ไปเชียร์มิวสิคเอเอฟ4
ด้วยกันนะค้า” แม่ยกเอเอฟออกนอกหน้าจนได้
สุขสันต์หัวเราะตาม “อ้อ หรือครับ” ตบมือแปะๆๆ “ดีมาก สร้างสรรค์มากนะ ทุกคน ครีเอทิฟจริงๆ
ฉลาด น่ารักเหลือเกิน หลานๆ ของคุณพิมก็เหมือนหลานๆ ผม..ผมรักเด็กครับ”
พิมมาดายิ้มรับคำชม แต่แอบหันมาถลึงตากัดฟันใส่เด็กๆ พูดลอดไรฟัน “ดีมาก ทุกคน ไปได้แล้ว”
พวกเด็กๆ เดินออกแล้วแอบหันมาขยิบตาให้กัน
พิมมาดาหันมายิ้มแห้งๆ ให้สุขสันต์แบบพยายามกลบเกลื่อน
“แหะๆๆ”

ในที่ลับตาคนเวลานั้น กริสน์แต่งตัวแบบพรางตัวเต็มยศ ทั้งใส่หมวก สวมแว่น และกำลังพยายามคิดหาทางแก้ปัญหาชีวิต ในขณะที่ภัทรดนัยกำลังนั่งแช็ทผ่านกล้องกับสาวๆ ในรถที่จอดอยู่มุมเปลี่ยวๆ แห่งหนึ่ง
“เออ” ภัทรดนัยเก็กหน้าหล่อให้กล้องคอมพ์ฯพูดกับสาวๆ “น่ารักจัง เย็นนี้ว่างไปดินเนอร์กับพี่มั้ย
จ๊ะ” ภัทรดนัยหยอดหวานทันควัน
“แกเลิกแชทกับสาวๆ แล้วช่วยจริงจังกับชั้นหน่อยสิวะ..ไอ้ภัทรดนัย แกต้องช่วยชั้นคิดหาทางเข้าไป
ให้ถึงตัวนายสุขสันต์”
“ชั้นก็ช่วยอยู่”
“ช่วยอะไรของแกวะ เลิกแชทได้แล้ว” เห็นภัทรดนัยไม่ยอมเลิก กริสน์โน้มหน้ามาจุ๊บภัทรดนัยต่อ
หน้าสาวๆ เหล่านั้น “เรารักกัน เก้งต้องคู่เก้ง ชะนีเข้าป่าไป บาย”
บรรดาสาวๆ คู่แช็ทในคอมพ์ หน้าตางงๆ กริสน์ปิดหน้าจอของภัทรดนัยทันที
“เฮ้ย แกทำงี้ ชั้นเสียอิมเมจหมด..ชั้นบอกว่าช่วยอยู่ก็ช่วยอยู่ดิวะ” ภัทรดนัยโวยใส่
“บ้าเอ้ย...ที่จะนอนยังไม่มีเลย แต่งตัวก็ต้องปิดๆ บังๆ จะคุยกันยังต้องมาคุยที่ห่างไกลประชาชี แก
คิดว่าชั้นจะอยู่งี้ได้อีกนานเหรอ?” กริสน์โวยเสียงดังกว่า
ทันใดนั้น ก็มีเสียงปิ๊งป่องจากจอคอมพ์ฯดัง ว่ามีจดหมายใหม่เข้า ภัทรดนัยรีบกดเปิดอีเมล์ทันที แล้วก็เห็นเป็นภาพคลิปวิดีโอ
“นี่ไงๆๆ เห็นยังล่ะ นี่ๆๆ แกสงสัยท่านสุขสันต์ว่าเป็นบุรุษลึกลับ ที่ไปเจรจาธุรกิจกับเสี่ยอธิปที่
โรงแรมในวันเกิดลูกสาวเสี่ยแล้วหนีไป แสดงว่าวันนั้นท่านสุขสันต์ต้องไปที่โรงแรมถูกมั้ย ชั้นก็ให้ลูกน้อง ไปติดต่อขอภาพกล้องวงจรปิดจากโรงแรมนั้นมาดูแล้วไง”
“เออ!! ถ้านายสุขสันต์ไปที่นั่น จะต้องมีภาพในกล้อง...แกฉลาดว่ะ เปิดดูเร็วๆ” กริสน์เร่งเร้า
ภัทรดนัยกดเปิดดูภาพในคลิป ซึ่งเป็นภาพที่หน้าห้องสูท เห็นกริสน์ถือช่อดอกไม้เข้าไป แล้วเดินออกมา กริสน์กระวนกระวาย แล้วกริสน์โดนผลักล้มไป พวกบอดี้การ์ดกันชายคนนึงรีบเดินออกมา โดยมีอธิปเดินมาด้วย
ภัทรดนัยฟรีซภาพในจอค้างเอาไว้ แล้วซูมเข้าไปที่หน้าชายที่ถูกบอดี้การ์ดห้อมล้อม พบว่าเป็นสุขสันต์
“ท่านสุขสันต์จริงๆ ด้วยว่ะ”
“ทีนี้แกเชื่อชั้นแล้วใช่มั้ย...เราต้องเข้าถึงตัวนายสุขสันต์ แล้วหาหลักฐานมามัดตัวให้ดิ้นไม่หลุด” กริ
สน์มีน้ำเสียงมุ่งมั่นมากๆ
“เข้าถึงตัวสุขสันต์ๆๆ อืม...หรือแกจะปลอมไปฝังตัวเป็นสมุนมันซักปีสองปี” ภัทรดนัยแนะนำ
กริสน์พนมมือไหว้ “พี่ครับ ช่วยนึกแผนอื่นเหอะ แผนเก่าๆ ผมเบื่อแระ”
“ไม่เป็นไร ไอ้น้อง..แล้วแกล่ะ ไม่มีแผนอื่นดีๆมั่งรึ
กริสน์พยายามนึก แต่นึกไม่ออก

เต๋ากับเต้ยช่วยกันยกชาและของว่างมาเสิร์ฟ
“ชากับบราวนี่แสนอร่อยมาแล้วค่ะ เชิญนั่งค่ะท่านสุขสันต์ เดี๋ยวเต้ยป้อน” ลงนั่งร่วมโต๊ะหน้าเฉย
“นังเต้ย..ออกนอกหน้าไปแระ จะทำอะไรช่วยรักษาเกียรติพวกเราบ้าง..หลบไป” เต๋าเข้ามานั่งแทน
เต๋านวดให้นะคะท่าน”
“เต๋า...เต้ย...”
พิมมาดาเรียก เต๋ากับเต้ยรีบลุกถอยออกไป
“ไม่ทราบว่า...คุณสุขสันต์...อยากจะมารับชาที่นี่ เพราะ...อยากจะคุยธุระอะไรกับพิมหรือเปล่าคะ”
พิมมาดารวบรวมความกล้าถามขึ้น
“แหม คุณพิมพูดยังกับว่าผมเป็นนักธุรกิจ วันๆ มีแต่เรื่องธุระ เรื่องการงาน ผมก็แค่คนธรรมดา
แหละครับ ที่ไหนที่ผมไปแล้วมีความสุข ผมก็ไป ขอบคุณนะครับ...คุณพิมมาดา...ที่ทำให้ผมมีความสุข”
เต๋า กับเต้ย ตีมือกันดังเพี๊ยะ ดีใจที่เจ้านายจะได้ลงจากคานทอง พิมมาดาเขิน
“เอ่อ ดื่มชาเถอะค่ะ”
สุขสันต์สบตาหวานเยิ้ม พิมมาดายังออกอาการเขินอยู่ แต่แล้วจู่ๆ จีจ้าก็วิ่งเข้ามาขัดจังหวะ
“น้าพิมๆๆ จีจ้าขออนุญาตเปิดแอร์นะคะ”
“จ้ะ”
โจ๊กวิ่งมาด้วย “น้าพิมจ๋า โจ๊กขออนุญาตเปิดทีวีดูนะ”
แจ๊สวิ่งมาสมทบ “น้าพิม แจ๊สขออนุญาตเล่นอินเตอร์เนทนะ”
“จ้ะๆๆ” พิมมาดาบอกหลานๆ
จีจ้าวิ่งกลับมาอีก “น้าพิม จีจ้าขออนุญาตปรับแอร์ให้เย็นๆ สุดๆๆ เลยนะคะ”
โจ๊กวิ่งเข้ามาด้วย “โจ๊กขออนุญาตเปลี่ยนช่องทีวีด้วยนะ..อนุญาตมั้ยครับๆ”
และแจ๊สวิ่งเข้ามาอีกรอบ “แจ๊สขออนุญาตเข้าเว็บไซต์ยูทูปเซิร์ชหาคลิปมนุษย์ต่างดาวนะคะ”
พวกเด็กๆ รุมเร้าพิมมาดา ป๊อปคอร์นเข้ามาโดดเห่าด้วย
“แจ๊ส โจ๊ก จีจ้า เบาๆ หน่อย เกรงใจคุณสุขสันต์บ้าง” พิมมาดาเอ็ดหลานจอมแสบ
“ก็น้าพิมบอกว่าจะทำอะไร ให้ขออนุญาตก่อนทุกครั้งไม่ใช่เหรอครับ..โจ๊กก็มาขออนุญาตไงครับ..
อนุญาตมั้ยครับๆ” โจ๊กประชด
“แจ๊สขออนุญาตหายใจเข้านะคะ..ขออนุญาตหายใจออกนะคะ...” แจ๊สบอก
“จีจ้าขออนุญาตเดินนะคะ ขอเดินนะคะๆๆๆๆ” จีจ้าว่า
จีจ้ากระโดดโลดเต้นอยู่ข้างๆ สุขสันต์ ส่งเสียงร้องแสบแก้วหู สุขสันต์รำคาญ จึงวาดเท้าออกไปขวางจีจ้า จนจีจ้าสะดุด ถลาล้มไปกับพื้น แต่จีจ้าม้วนหน้ารอบหนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นมายืนได้ แล้วหันมาชี้หน้าสุขสันต์
“ขัดขาจีจ้าทำไม” จีจ้าถามอย่างเอาเรื่อง
“หือ” สุขสันต์ทำหน้างง
“จีจ้า..เธอกระโดดโลดเต้นจนสะดุดขาตัวเองไม่ใช่เหรอจ๊ะ จะไปโทษคุณสุขสันต์ได้ยังไง” พิมมาดาหันมาดุจีจ้า
“จีจ้าไม่ได้โกหก” ป๊อปคอร์เห่าสนับสนุนจีจ้าสุดๆ “ป๊อปคอร์นเป็นพยานได้..เป็นผู้ใหญ่อะไรแกล้ง
เด็ก” จีจ้าร้องลั่น
“จีจ้าไม่เคยโกหก..คุณคนนี้ต้องแกล้งจีจ้าจริงๆ” โจ๊กยืนยัน
“คนไม่ดี” แจ๊สว่า
“คนหน้าไหว้หลังหลอก” โจ๊กย้ำอีก
“นี่ พวกเธออยู่ๆ มาว่าผู้ใหญ่ได้ยังไง เป็นเด็กไม่ดีรู้มั้ย! ป๊อปคอร์นหยุดเห่า! ไป กลับขึ้นไปบนห้อง
ให้หมดเดี๋ยวนี้..เต๋า เต้ย มาพาเด็กๆ ไปที”
เต๋า กับเต้ยเข้ามาหาเด็กๆ ดึงตัวจะให้ออกไปให้ได้ พวกเด็กๆ ดิ้น ไม่ยอมไปง่ายๆ จู่ๆป๊อปคอร์นก็วิ่งเข้าไปงับปลายกางเกงของสุขสันต์ จนเสียหลัก
“โอ๊ย”
สุขสันต์ตกใจ ลุกพรวดออกมา พยายามสะบัดเท้า แต่ป๊อปคอร์นงับแน่นมาก ยังไงก็ไม่หลุด จนกระทั่งสุขสันต์สะดุดขาตัวเอง ล้มลงไปกับพื้น ป๊อปคอร์นก็ยังงับอยู่อย่างนั้น
“ป๊อปคอร์น! ปล่อยนะ ป๊อปคอร์น บอกให้ปล่อย” พิมมาดาพูดแทบเป็นตวาด
พวกเด็กๆ เฮลั่นด้วยความสะใจ
“ป๊อปคอร์นสู้ๆๆ” จีจ้าร้องขึ้น
สุขสันต์พยายามจะลุกขึ้น แต่ป๊อปคอร์นกระโดดหลบไปชนโต๊ะ จนถ้วยกาแฟหกราดใส่สุขสันต์
“โอ้ว ร้อนๆๆๆๆ” สุขสันต์ร้องลั่น
“คุณสุขสันต์” พิมมาดาตกใจ
ป๊อปคอร์นถอยกรูดไปรวมก๊วนกับพวกเด็กๆ ที่พากันหัวเราะขำ อย่างสนุกสนาน เต๋า กับเต้ย เห็นท่าไม่ดีรีบพาเด็กๆ ออกไป

สุขสันต์เดินเข้ามาในห้องน้ำ รีบเช็ดเนื้อเช็ดตัว บ่นงึมงออกมาอย่างอารมณ์เสียสุดๆ
“ไอ้เด็กเวร ไอ้หมาบ้า สูทนี่ไม่ใช่ถูกๆ นะเว้ย ซัลวาทอรี่เฟอรากาโมนะเว้ย ถ้าล้างไม่ออก น่าดู”
แต่แล้วสุขสันต์ก็ต้องผงะ เพราะมองไปในกระจกแล้วเห็นแจ๊สยืนจ้องอยู่ด้านหลัง
“ผู้ใหญ่ของบ้านเมืองพูดจาหยาบคายแบบนี้ แล้วเยาวชนจะเป็นเด็กดีได้ยังไงคะ” แจ๊สเหยียดปากพูดประชด
“แล้วจะทำไม” สุขสันต์เสียงแข็ง
“จีจ้าไม่ได้โกหกจริงๆ คุณแกล้งจีจ้าจริงๆด้วย คนไม่ดี” แจ๊สจ้องหน้ากับสุขสันต์
ระหว่างนั้นเต๋ากับเต้ยเดินเข้ามาพอดี
“ท่านสุขสันต์ขา..ให้เต้ยช่วยล้างมั้ยคะ จะได้สะอาดๆ” เต้ยอาสา
“อุ๊ย น้องแจ๊ส คุยอะไรกันอยู่จ้ะ” เต๋าถาม
“น้องแจ๊สเค้ามาขอโทษที่ทำให้ผมเลอะน่ะครับ...” สุขสันต์ทำทีเป็นลูบหัวเอ็นดู “ไม่เป็นไรนะ ชั้นไม่
โกรธหรอก”
แจ๊สปัดมือสุขสันต์ออกทันที ไม่ยอมเป็นมิตรด้วย แล้วเดินออกไป
“อ้าว น้องแจ๊ส…” เต๋าอึ้ง

จังหวะที่สุขสันต์เดินออกจากห้องน้ำมา พิมมาดามายืนรออยู่แล้ว
“ล้างออกมั้ยคะ”
“ก็...” สุขสันต์โชว์ให้ดูว่ายังเหลือคราบ “ช่างมันเถอะครับ..ผมว่าผมขอตัวกลับก่อนดีกว่า”
สุขสันต์ทำเป็นอารมณ์เสียนิดๆ จะรีบออกไป
“คุณสุขสันต์คะ พิมขอโทษ อย่าถือสาพวกแกเลยนะคะ พิมผิดเองที่ควบคุมเด็กๆ ไม่อยู่ เอ่อ...
ตั้งแต่พี่พลอยกับพี่อ้น...คุณพ่อคุณแม่ของเด็กๆ เอ้อ...พี่สาวพี่เขยของพิมน่ะค่ะ..เสียไป เด็กๆ ก็ไม่มีใครอีกแล้ว นอกจากพิม...พิม...พิมขอโทษนะคะ”
“ขอโทษ?..เรื่องอะไรกันครับ”
“ก็..เรื่อง..เรื่องที่..พิมไม่มีความสามารถพอ..ที่จะอบรมพวกแกให้อยู่ในระเบียบ...” พิมมาดา อึกๆ
อักๆ
“ครับผมทราบ..แต่ตอนนี้..ผมว่าผมกลับก่อนจะดีกว่านะครับ”
สุขสันต์เดินออกไปดื้อๆ พิมมาดาถึงกับอึ้ง

ทางด้านกริสน์กำลังใช้สมองทุกซีกครุ่นคิดอย่างหนัก คิดวนไปเวียนมาอยู่อย่างนั้น
“หรือว่า เราจะไปสมัครผู้แทนอยู่พรรคเดียวกะนายสุขสันต์ ไม่ดี เพราะเราคงไม่มีเงินไปซื้อเสียง”
กริสน์ว่าเองเออเอง
“เอ...หรือนายจะไปเกาหลี ทำหน้าซะใหม่ แล้วขอให้หน่วยเหนือส่งไปเป็นตำรวจติดตาม
ผู้แทนราษฎร แต่ก็ไม่ได้อีก เพราะตอนนี้ทางหน่วยเหนือก็นึกว่านายอ่ะ เป็นตำรวจที่ขายตัวให้ไอ้พวกแก๊งอธิปไปแล้ว”
“ตอนนี้ชั้นน่ะ เน่าสนิทแล้ว ตำรวจก็จะจับ ผู้ร้ายก็จะฆ่า ภัทรดนัย แกมันเพื่อนยากของชั้นจริงๆ
ตั้งแต่คบกะแกมา ชั้นเจอแต่เรื่องยุ่งยาก ไม่มีอะไรง่ายๆ สบายอีกต่อไปแล้ว ฮือๆๆๆ” กริสน์ทึ้งหัวตัวเองไปมา จังหวะที่หันไปทางจอคอมพ์ฯ แล้วตาเหลือก “เฮ้ย..ยัยนั่น..ยัยเจ๊โหด” ชี้ที่จอ มือสั่น “ในคลิปวงจรปิดจากโรงแรม..วันนั้น...”
ภัทรดนัยมองตาม
ภาพในจอ เป็นคลิปจากมุมของทีวีวงจรปิด เห็นสุขสันต์ ตอนที่เจอกะพิมมาดาครั้งแรก ที่หยิบโทรศัพท์ให้พูด จนถึงตอนที่พิมมาดายืนเคลิ้มฝันหวาน
“ยัยเจ๊โหด กับนายสุขสันต์ เป็นไปได้ไง”
“จริงด้วย นายสุขสันต์ต้องกำลังจีบยัยนี่ ขนาดมาหาถึงบ้าน มันไม่ธรรมดา”
“แต่นายสุขสันต์ ไม่ได้เป็นแฟนอยู่กับยัยลูกสาวหัวหน้าพรรคของเค้าเองหรอกเหรอ ไฮโซระดับนี้ มี
เหรอ จะมาสนยัยเจ๊โหดของแก” ภัทรดนัยว่า
“ไม่ใช่ยัยเจ๊โหดของชั้นเว้ย..ผู้หญิงบ้า ใครอย่าแตะชัดๆ”
ภัทรดนัยกดรีเพลย์ภาพคลิปนั้นอีกที ทันใดกริสน์สตาร์ทรถขึ้นมาทันที
“จะไปไหน?”
“เออน่า...”
“คิดแผนออกแล้วเหรอ” ภัทรดนัยถาม
“ยัง...เอาน่าไปตายเอาดาบหน้า”
กริสน์รีบบึ่งรถออกไปทันที

สุขสันต์กำลังพูดมือถืออยู่ที่หน้าบ้านพิมมาดา คุยอยู่กับฉัตรชัย
“ฉัตรชัย..ฉันมีนัดกี่โมง..อือ..อีกครึ่งชั่วโมงเหรอ แล้วตอนนี้แกอยู่ที่ไหน ใช่ มาที่รถได้แล้ว เดี๋ยวฉัน
ไปรอแกที่รถ”
พอสุขสันต์กดวางสาย เงยหน้าขึ้นมาแล้วต้องชะงัก เมื่อเห็นโจ๊กยืนก๋าจ้องหน้าเขม็ง
“กลับไปแล้วก็ไม่ต้องมาอีก บ้านนี้ไม่ต้อนรับผู้ใหญ่ใจร้ายที่ชอบเสแสร้งทำเป็นคนดี” โจ๊กว่าแบบไม่เกรงกลัว
“ถ้าชั้นจะมาอีก เธอจะทำไมไอ้ลูกชิวาว่า” สุขสันต์พูดอย่างไม่เหลือเค้าคนแสนดี
“เฮ้ย..ขัดขาจีจ้าแล้วยังมาว่าโจ๊กเป็นหมาอีกเหรอ หนอย โจ๊กจะไปฟ้องน้าพิม จะบอกให้หมดเลย
ว่าคุณเป็นคนชอบรังแกเด็ก” โจ๊กปรี๊ด
“ฮะๆๆ ไปฟ้องเลย คิดว่าน้าเธอจะเชื่อเหรอ...” ว่าพลางสุขสันต์คว้าหมับเข้าที่ต้นแขนของโจ๊กแล้ว
บีบอย่างแรง “ไอ้เด็กเหลือขอ ชั้นไม่ใช่เพื่อนเล่นของแก ถ้าไม่อยากมีปัญหา อย่าซ่าส์กับชั้นดีกว่า ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าชั้นไม่เตือน เข้าใจมั้ย”
“โจ๊กเจ็บ..ปล่อยโว้ย” โจ๊กร้องเสียงดัง
“พูดโว้ยกับผู้ใหญ่แบบนี้ใช้ได้เหรอวะ” สุขสันต์เขกหัวดังโป๊ก “พูดใหม่..ชั้นถามว่าเข้าใจมั้ย”
“เออ” โจ๊กรับคำส่งๆ และพยายามจะแกว่งขาเตะสุขสันต์แต่ไม่โดน
“เออเหรอ” สุขสันต์เขกหัวโจ๊กอีกที “ถามว่าเข้าใจมั้ย ก็ตอบมาว่าเข้าใจหรือไม่เข้าใจ..ว่าไง”
“เข้าใจ” โจ๊กกระชากเสียง
สุขสันต์เขกหัวอีกโป๊ก “พูดเพราะๆ เป็นมั้ย..ครับด้วย”
“ปล่อยได้แล้ว เจ็บ…” โจ๊กโวยวาย
พอดีกับที่เต๋าออกมาตามหาโจ๊ก โดยมีป๊อปคอร์นวิ่งตามมาข้างๆ
“คุณโจ๊กขา อยู่ไหน..เอ๊ะ นั่น…”
สุขสันต์ผละมือออกจากหัวโจ๊กทันที แล้วทำเป็นลูบหัวโจ๊กอย่างเอ็นดู
“ถือว่าชั้นขอโทษแล้วกันนะโจ๊ก ดีกันนะ”
โจ๊กปัดมือสุขสันต์ออก เตะหน้าแข้งสุขสันต์กลับเต็มแรง แล้ววิ่งออกไปทันที สุขสันต์แกล้งหัวเราะขำ ส่ายหัวอย่างเอ็นดู แล้วทำท่ายกมือยกไม้บอกเต๋าเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร

เต๋าตกใจ รีบกลับเข้าไปในบ้าน ส่วนป๊อปคอร์นยืนจ้องสุขสันต์อยู่อย่างไม่วางตา
ไม่นานหลังจากนั้น พิมมาดาก็ตั้งหน้าตั้งตาซดน้ำแดงโฮกๆๆ ตบด้วยขนมเพื่อแก้เครียด โดยมีเค้กคอยปลอบ

“อีกแล้วเหรอ..พวกเธอแกล้งทำตัวเกเร เพื่อไล่ผู้ชายที่จะมาจีบน้าพิมอีกแล้ว มันแปลว่าอะไร พวก
เธอจะไม่ยอมให้น้าเธอได้มีความรัก มีความสุขบ้างเลยเหรอเด็กๆ” เค้กอบรม 3แสบ
“แต่..น้าเค้กคะ.. นายคนนี้เค้าเป็นคนไม่ดีจริงๆนะคะ” จีจ้าบอกอย่างมั่นใจ
“ยังจะมาเรียกเราว่าน้าอีก..พี่ค่ะ พี่...พี่เค้กเห็นว่าคนดีกี่คนเข้ามา พวกเธอก็ป่วนซะเค้าเตลิดหนีไป
หมด...ผู้ชายดีๆ หล่อๆ รวยๆ ไม่ได้หาได้ง่ายๆ นะคะ” เค้กสาธยายต่อ
“พอเถอะ เค้ก ไม่ต้องไปว่าเด็กๆ หรอก ตามสบายเลย พวกเธอ น้าจะยอมขึ้นคาน เพื่อพวกเธอ”
พิมมาดาตบโต๊ะเปรี้ยง “เต๋า! เต้ย! เอาน้ำแดงมาอีก..น้ำแดงเพียวๆ ไม่เอานมข้น เอาน้ำแข็งเยอะๆ ซาลาเปาไส้หมูด้วย เอามา 3 ลูก ชั้นต้องการกิน..กินเพื่อลืมเธอ”
“พิม เธอนี่ก็เว่อร์เกิ๊น..เธออย่าเพิ่งคิดไปเองเลยนะ คุณสุขสันต์ เค้าอาจจะอารมณ์เสียนิดหน่อย แต่
เดี๋ยวพรุ่งนี้เค้าก็โทร.มาหาเธอ” เค้กปลอบใจ
“เฮ้อ..พวกผู้ใหญ่นี่..ดูคนแต่เปลือกนอกจริงๆ นะโจ๊ก ผู้ชายคนนี้มันของปลอมชัดๆ” แจ๊สบอกอีก
“ว้ายๆๆๆ น้องแจ๊สขา เราเป็นเด็กผู้หญิง พูดก้าวร้าวผู้ใหญ่แบบนี้ ไม่ได้นะ” เต้ยสอนแจ๊ส
เต๋ารีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
“โอ๊ยๆๆๆ จะบอกยังไงดี จะพูดยังไงดี”
“มีอะไร เต๋า” พิมมาดาถาม
“คือๆๆๆๆน้องโจ๊กๆกับคุณสุขสันต์..มีเรื่องกันใหญ่แล้วค่ะ”
จังหวะนั้นอยู่ๆ เสียงสัญญาณกันขโมยรถยนต์ก็ดังขึ้นมา พิมมาดามองตามเสียงไปอย่างตกใจ

พิมมาดาและคนอื่นๆ วิ่งตามเสียงออกมาดู จนกระทั่งมาถึงบริเวณที่จอดรถของบ้าน พบว่าสุขสันต์และฉัตรชัยยืนอยู่ข้างๆ รถยนต์ที่ข้างกระจกรถแตกกระจาย
“คุณสุขสันต์..นี่มัน..เกิดอะไรขึ้นคะ…”
ฉัตรชัยทำหน้าสุภาพรายงาน
“ผมเห็นน้องผู้ชายเค้าเดินมาด้อมๆ มองๆ รถอยู่นะครับ พอผมเผลอแป๊บเดียว ก็เป็นยังงี้”
“น้องผู้ชายที่ไหนคะ คุณหมายถึง..น้องโจ๊กเหรอ เป็นไปไม่ได้” เต๋าว่า
“อะไรนะ” พิมมาดาตกใจ
“คือ..น้องโจ๊กแกมาต่อว่าผมนิดหน่อยน่ะครับ ผมพยายามจะพูดดีด้วย แต่แกก็ไม่ฟัง..แต่ก็คงไม่ถึง
ขั้นทุบรถผมหรอกครับ” สุขสันต์ทำทีเป็นไม่ถือโทษโกรธเคือง
“ถึงขั้นทุบรถมันมากเกินไป พิมต้องลงโทษ” พิมมาดาปรี๊ด
จังหวะนั้นเอง ป๊อปคอร์นก็วิ่งมายืนจ้องหน้าสุขสันต์ แล้วแยกเขี้ยวยิงฟัน แฮ่ๆๆๆ
“ป๊อปคอร์น แกเป็นอะไรของแก ป๊อปคอร์น”
เต้ยถามจ้องหน้าป๊อปคอร์นที่มีสีหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่

ในความคิดเจ้าป๊อปคอร์นเวลานั้น เห็นภาพเป็นฉากๆ ผุดขึ้นมาซะงั้น ตั้งแต่ตอนที่สุขสันต์ถูกโจ๊ก
เตะหน้าแข้งจนล้มลงไป โจ๊กวิ่งหนีพร้อมกับที่เต๋าหันมาเห็นรีบเดินกลับเข้าไปในบ้าน ส่วนป๊อปคอร์นยืนมองอยู่ เห็นสุขสันต์ลุกขึ้นยืน ปัดเนื้อปัดตัว แล้วหยิบก้อนหินแถวๆ นั้นขึ้นมาถือ หน้าตาร้ายกาจ แล้วป๊อปคอร์นก็ทำตาโต รีบหมอบลง เอาเท้าก่ายหน้าเหมือนไม่อยากมอง จากนั้นก็มีเสียงเพล้งดังขึ้น ตามด้วยเสียงสัญญาณกันขโมยดังตามมา

ป๊อปคอร์นยังคงเห่าอยู่
“หมามีเซ้นซ์ แยกแยะออกว่าใครดีใครชั่ว” แจ๊สโพล่งขึ้นมา
“แสดงว่า ป๊อปคอร์นจะบอกว่าคุณเป็นคนผิด ไม่ใช่พี่โจ๊ก ใช่มั้ย” จีจ้าบอก
“อ้าว ไอ้เด็กนี่ ว่าท่านสุขสันต์เหรอ” ฉัตรชัยสวนขึ้น
สุขสันต์รีบปราม “ฉัตรชัย...”
“หยุดเหลวไหลได้แล้วแจ๊ส จีจ้า..ป๊อปคอร์น..คุณสุขสันต์เค้าเป็นผู้เสียหาย แกยังจะไปเห่าเค้าอีก
ทำไม..เงียบ..บอกให้เงียบ..ป๊อปคอร์น!!”
“คุณพิมขา..เต๋าจัดการเองค่ะ”
ว่าแล้วเต๋าก็เอาถังน้ำสังกะสีมาครอบป๊อปคอร์นลงไปทั้งตัว แล้วนั่งทับไว้
“สงบสติอารมณ์ก่อนนะป๊อปคอร์น เงียบเมื่อไหร่ พี่เต๋าคนดีจะปล่อยให้ออกมานะ”
“คุณพิมครับ จากการที่ผมทำงานด้านเด็กและเยาวชนมามาก ผมขออนุญาต แนะนำอะไรบางอย่าง จะได้ไหมครับ” สุขสันต์เอ่ยขึ้นอย่างเป็นงานเป็นการ
พิมมาดาฟังแล้วใจแป้วหน้าซีดเผือด

ครู่ต่อมาพิมมาดากับสุขสันต์แยกออกมาคุยกัน
“อย่าตกใจนะครับคุณพิม แต่ผมเห็นว่าพฤติกรรมหลานๆ ของคุณพิมอยู่ในช่วงวิกฤตนะครับ”
“วิกฤต?” พิมมาดาเหวอ ตกใจ
“ผมสงสารพวกแกเหลือเกิน ถ้าให้ผมเดา ความตายของพ่อแม่แก ส่งผลกับสภาพจิตใจของเด็กๆ
อย่างมาก...พวกแกมีพฤติกรรมที่แปลกแยกแบบนี้”
พิมมาดาน้ำตาคลอ “แล้ว..แล้ว..ไม่มีทางแก้เลยหรือคะ” ระล่ำระลักถาม
“เรามี” สุขสันต์พูดเข้าทาง “...ก็มีครับ แต่ก็ไม่ง่ายนะครับ งานนี้เราคงต้องใช้บุคลากรระดับมือ
อาชีพ…”
“มืออาชีพ...” พิมมาดาอุทาน
“ผมรู้จักโรงเรียนที่เชี่ยวชาญเรื่องการปรับพฤติกรรมเด็กที่มีปัญหาทางจิตหนักๆ ให้กลับมาอยู่
ในทางที่ถูกที่ควรได้...เพื่อนผมก็เคยส่งลูกไปเรียนที่นี่..แค่ปีเดียวเองครับ...จากที่เคยเป็นเด็กชอบใช้ความรุนแรง..ก็กลายเป็นสุภาพ อ่อนโยน..ฉลาด รู้จักรับผิดชอบ ถ้าคุณพิมสนใจ ผมช่วยเป็นธุระประสานให้ได้นะครับ”
“โรงเรียนอะไร ทำไมวิเศษขนาดนั้นคะ แค่ปีเดียว ก็แก้ไขพฤติกรรมเด็กได้”
“เป็นโรงเรียนประจำที่อินเดียครับ”
“อินเดีย... หมายความว่าพิมต้องส่งหลานๆ ไปอินเดียเหรอคะ”
“ผมรู้ว่ามันยาก แต่คุณพิมก็ต้องยอม...เพื่ออนาคตของหลานๆ คุณนะครับ...แล้วผมจะส่งโปรไฟล์
โรงเรียนมาให้..คุณจะได้ลองไปพิจารณาดู”
พิมมาดาอึ้งยิ่งกว่าเก่า

คล้อยหลังที่ขบวนรถสุขสันต์แล่นออกจากบ้านพิมมาดาไปไม่นาน รถของกริสน์ก็มาจอดแอบๆ อยู่หน้าบ้านพิมมาดา
“น่านไง...ว่าแล้วต้องมาบ้านยัยเจ๊โหด...” ภัทรดนัยว่า
“แล้วแกมีทางอื่นมั้ย...” กริสน์ถาม หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ออกไอเดียแสดงความคิดเห็นอย่างชุลมุน
“อืม...ถ้างั้นเอางี้ 1. นั่งรออยู่อย่างนี้ คอยดูลาดเลา” ภัทรดนัยแนะ
“โอย...เบื่อ”
“2.บุกเข้าไปจับตัว ขู่เอาความจริงมาให้ได้
“โหดไปไหมวะ เราตำรวจนะ”
“3.ให้ทำตามข้อ 4”
“แล้วข้อ 4 ล่ะ”
“ยังคิดไม่ออก”
“เออ ดี... เจริญแน่ๆ ชีวิตชั้น”
กริสน์บ่นอย่างสุดเซ็ง

โจ๊กยืนยันเสียงแข็งว่าไม่ได้เขวี้ยงหินใส่กระจกรถสุขสันต์
“โจ๊กไม่ได้ทำ”
พิมมาดาคาดคั้น อย่างโมโห
“เป็นลูกผู้ชายกล้าทำก็ต้องกล้ารับ โกหกแบบนี้ มันไม่แน่จริง รู้ไว้ด้วย..ถ้าไม่ยอมรับดีๆ น้าจะ
ลงโทษเธอ” หยิบหนังสือพิมพ์มาม้วนๆ “มานี่”
“ถึงขั้นต้องตีเลยเหรอพิม มันโหดร้ายไปนะ ค่อยๆ คุยกันดีกว่า” เค้กตกใจ
“เธออย่ามาทำให้เสียการปกครองเค้ก ชั้นจะสอนหลานชั้น” พิมมาดาพาลเอากับเค้ก
“อย่าตีพี่โจ๊กนะ พี่โจ๊กพูดความจริง จีจ้ายืนยันได้” จ้าจ้าโวย
“น้าพิมจะเชื่อคนอื่นมากกว่าหลานตัวเองเหรอ” แจ๊ส
“จีจ้า แจ๊ส พวกเธอก็มีคดีของตัวเองอยู่นะ..ไม่ว่าเขาจะเป็นคุณสุขสันต์หรือว่าเป็นใครพวกเธอก็ไม่
สามารถรวมหัวกันแกล้งได้..ดี น้าจะลงโทษทั้งสามคนเลย”
พิมมาดาไล่ตีเด็กๆ พวกเด็กๆ วิ่งวุ่นหลบ แต่ก็โดนตีไปตามๆ กัน
“ว้ายๆๆ ชั้นทนดูไม่ได้” เต๋าร้องวี้ดว้าย
“ทำไมล่ะ เธอ สงสารเด็กเหรอ” เต้ยสงสัย
“เปล่า ฉันอยากไปช่วยตี เด็กพวกนี้ จะทำให้คุณพิมขึ้นคานตลอดไป ต้องทำโทษให้หนักๆ”เต้ยว่า
“พิม...พอแล้วๆ...”
“น้าพิมใจร้าย น้าพิมแยกแยะคนดีคนชั่วไม่ออก แล้วจะมาสอนพวกเราได้ยังไง..โจ๊กเกลียดน้าพิม”
“ความรัก ทำให้น้าพิมตาบอด” แจ๊สเอา
“น้าพิมออกไปๆๆๆ” จีจ้ากลายเป็นผู้นำม็อบซะงั้น
พวกเด็กๆ ขับไล่พิมมาดา
“หยุดนะ!!! คิดว่าน้าอยากสอนพวกเธอนักเหรอ!!..น้าเหนื่อย เหนื่อยนะรู้มั้ย”
“ถ้าเหนื่อย ก็เอาพวกเราไปปล่อยวัดเลย” จีจ้าบอก
“ใช่ เราจะไปเป็นเด็กวัด” โจ๊กผสมโรง
“แจ๊สร้อยมาลัยเป็น พวกเราไปขายมาลัยตามสี่แยกกันดีกว่า”
“เอางี้ดีกว่า...น้าจะดัดนิสัยพวกเธอไปโรงเรียนดัดนิสัยที่อินเดีย” พิมมาดาตัดสินใจบอกออกไป
“อินเดีย”
“ห๊า” เต๋าเต้ยและเค้กตกใจร้องขึ้นพร้อมกัน
“คุณสุขสันต์แนะนำน้า มันคงจะเป็นทางที่ดีที่สุด ถ้าพ่อแม่พวกเธอรู้ ก็คงจะเข้าใจในความหวังดี
ของน้า น้าจะส่งพวกเธอไปให้เร็วที่สุด พวกเธอจะได้ไม่ต้องทนอยู่กับน้าคนนี้..คนที่คอยแต่บังคับโน่นบังคับนี่ คอยดุอย่างนั้นคอยดุอย่างนี้ คนที่พวกเธอเกลียดไง พอใจหรือยัง” พิมมาดาใส่อย่างหมดความอดทน
ทุกคนอึ้งที่เห็นพิมมาดาโมโหจนหลุดมากขนาดนี้
“เราไม่ไป” โจ๊กเสียงอ่อยๆ ผิดหวังในตัวน้าสาว
“พวกเธอต้องไป!”
จีจ้า “พวกเราไม่ไป...ไม่ไปๆๆๆๆ”
จีจ้าพูดจบ พวกเด็กๆ วิ่งออกไป โดยป๊อปคอร์นวิ่งตามไป
“เดี๋ยว..” เต๋าเรียกไว้
“ไม่ต้องตาม ชั้นบอกว่าไม่ต้องตาม”
พิมมาดาร้องห้ามไม่ให้ตาม ด้วยความโมโหสุดๆ
ทุกคนยิ้มเฝื่อนๆ เป็นเชิงหารือว่า เอาไงดี

กริสน์กับภัทรดนัยกำลังวางแผนหาทางเข้าไปในบ้านพิมมาดากันอยู่ ภัทรดนัยเสยผมหล่อเฟี้ยว
“ชั้นจะจีบยัยเจ๊โหดเอง..เสน่ห์ของชั้นจะแก้ปัญหาทุกอย่างได้”
กริสน์เขกหัวหนึ่งโป๊ก “จริงจังหน่อยสิ”
“เฮ้ย แกกล้าเขกหัวนายตำรวจระดับผู้บังคับบัญชาเหรอวะ”
“ที่ชั้นต้องถูกตามล่าทั้งจากผู้ร้ายและตำรวจนี่เพราะใคร เพราะแกคนเดียว เป็นหัวหน้าควบคุม
หน่วยลับบ้าบออะไร ปกป้องคุ้มกะลาหัวอะไรสายสืบอย่างชั้นไม่ได้เลย..แล้วยังมีหน้ามาโวยอีกเหรอ”
“ป่าวค้าบพี่ ผมไม่ได้โวยค้าบพี่”
“คิดแผนที่มันจริงจังหน่อยสิเว้ย”
ระหว่างที่กริสน์ไล่เตะ และภัทรดนัยวิ่งหนีกันอยู่นั้น สองคู่หูต้องผงะ เพราะหันเห็นพวกเด็กๆ วิ่งร้องไห้ออกมาจากในบ้านพอดี
“เฮ้ย นั่น ยัยเด็กแสบ..ร้องไห้ทำไมวะ” กริสน์สงสัยแกมงง
จีจ้าหันมาเห็นกริสน์พอดี
“ลูกพี่วิ่งสู้ฟัด”
จีจ้าวิ่งมาถึงก็กระโดดกอดกริสน์ร้องไห้ทันที กริสน์อึ้งๆ งงๆ ทำตัวไม่ถูก เอามือจะลูบหัว แล้วเปลี่ยนมาตบหลังแบบแมนๆ แทน แจ๊สกับโจ๊กยืนมอง หน้าตาครุ่นคิด

กริสน์รู้เรื่องทุกอย่างจากปากของ 3 แสบ อุทานอย่างไม่เชื่อสลับกับภัทรดนัยไปมา
“อินเดีย” กริสน์อุทาน
“อินเดีย” ภัทรดนัยอุทาน
“อินเดีย” กริสน์อุทานอีก
“อินเดีย” ภัทรดนัยก็อุทานอีก
“อือ จะพูดซ้ำๆกันอีกนานไหม” กริสน์ว่า
“ใช่ครับ / ใช่ค่ะ อินเดีย” 3 แสบบอกพร้อมๆ กัน
“โฮ่งๆ” ป๊อปคอร์นเห่ารับรู้ว่าอินเดียกับเขาด้วย
“แกก็ต้องไปอินเดียด้วยเหรอ ป๊อปคอร์น” กริสน์จ้องหน้าป๊อปคอร์น
“น้าพิมใจร้าย เชื่อคุณสุขสันต์มากกว่าหลานตัวเอง..คุณสุขสันต์เค้าเกลียดจีจ้า เกลียดพี่แจ๊สพี่โจ๊ก
ด้วย เค้าเลยจะกำจัดพวกเรา ให้พวกเราไปไกลๆ จากน้าพิม” จีจ้าระบายอย่างผิดหวัง
“น้าพิมอยากแต่งงานที่สุดในโลก” แจ๊สว่า
“แต่ถ้าเป็นสุขสันต์โจ๊กจะไม่ขอกลับบ้านไปหาน้าพิมอีกแล้ว” โจ๊กตั้งปณิธาน
จีจ้าดูจะอินจัดผละออกจากตัวกริสน์ แล้วเดินไปนอนขดตัวกับพื้น ราวกับจะนอนข้างถนน
“ทำอะไรน่ะ” ภัทรดนัยงง
“จีจ้าเป็นเด็กบ้านแตกสาแหรกขาด” จีจ้านอนขดตัว ออกอาการหนาวเหน็บ
“โหว... เด็กสมัยนี้จินตนาการล้ำเลิศจริงๆ!” ภัทรดนัยทึ่ง
“แม่จ๋า..พ่อจ๋า มารับพวกเราไปด้วย..พวกเราเป็นเด็กกำพร้า ไร้ญาติขาดมิตร” จีจ้าพร่ำเพ้อ
“ยัยโหดนั่นต้องเลี้ยงหลานไม่เป็น เป็นผู้หญิงใจร้ายที่ห่วยแตกแบบสุดๆ เลยนะเนี่ย หลานถึงเป็น
แบบนี้ พอตัวเองแก้ปัญหาไม่ได้ ..ก็คิดจะส่งเด็กไปดัดนิสัย..” ภัทรดนัยครุ่นคิด แล้วปิ๊งขึ้นมา “ฮ้า ชั้นรู้แล้วไอ้กริสน์..นี่แหละ ช่องทางที่เราจะใช้เข้าถึงตัวนายสุขสันต์ นี่แหละเว้ย”
“เด็กเนี่ยนะช่องทาง ช่องอะไรวะ” กริสน์ไม่เก็ต
ภัทรดนัยลากกริสน์มากระซิบบอกแผนการ
“ยัยเจ๊โหดเลี้ยงเด็กไม่เป็น และอยากดัดนิสัยเด็ก เราก็จัดให้สิวะ..แกต้องไปเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ดัด
นิสัยให้เด็กๆ จะได้ไม่ต้องไปอินเดีย ระหว่างนั้น แกก็คอยตามสืบเรื่องนายสุขสันต์ไปด้วย”
“หาๆๆ แกพูดเล่นใช่มั้ย”
“ชั้นพูดจริง!!!”

กริสน์ผงะ เดินหนีไปทันที
“ไม่เอา!!! ให้น้ำท่วมหลังเป็ดก่อนแล้วชั้นถึงจะเลี้ยงเด็ก
“แกต้องเลี้ยง
“ไม่!ชั้นเกลียดเด็ก! คนเดียวชั้นก็แย่แล้ว แต่นี่สามคน กะหนึ่งตัว ชั้นไม่เลี้ยง..แล้วทำไมแกไม่เข้า
ไปเลี้ยงเองวะ” กริสน์ยืนกรานเสียงแข็ง
“แกเป็นตำรวจสายลับมือหนึ่งของไทยนะเว้ย..เป็นไอด้อลของตำรวจรุ่นน้องกี่รุ่นต่อกี่รุ่น..ผู้ร้ายเป็นสิบๆแกยังไม่เคยกลัว แล้วจะมากลัวอะไรกับเด็กสามคนวะ..แกต้องสู้..สู้เพื่อศักดิ์ศรี..สู้ๆ” ภัทรดนัยบิ้วท์อย่างหนัก
“สู้..ไม่ไหวว่ะ ชั้นขอบายแผนการนี้”
“บายไม่ได้”
“บาย”
“เด็กๆ ช่วยด้วย” ภัทรดนัยร้องหาตัวช่วย
พวกเด็กๆ สามคนออกมายืนขวางหน้ากริสน์ไว้ หน้าตาเหมือนจะร้องไห้อีกรอบ
“ไอ้ภัทรดนัย แก..อย่าเล่นไม้นี้นะเว้ย..ชั้นจะทำงานนี้ แต่แกต้องหาวิธีเข้าถึงตัวนายสุขสันต์ใหม่
เท่านั้น” กริสน์โวยวาย
“แกไม่อยากลบล้างมลทินให้ตัวเองเหรอ..อย่าลืมนะเว้ย เวลานี้ แกถูกหมายหัวทั้งจากพวกเสี่ย
อธิป แล้วพวกตำรวจก็ตามล่าแกอยู่ เพราะคิดว่าแกมีเอี่ยวในธุรกิจผิดกฎหมายด้วย..ถ้าแกไม่ทำ แกก็ต้องหลบหนีไปตลอดชาติ ใครก็ช่วยไม่ได้นะเว้ย..แล้วแกดูดิ..เด็กๆ พวกนี้ ดูไปดูมาก็น่ารักดีนะเว้ย” ภัทรดนัยบิ้วท์อีก
จังหวะนั้นจีจ้าก็อวดความน่ารักด้วยการแคะขี้มูกออกมา
“ขี้มูก แหวะๆๆๆๆ”
จีจ้าชูนิ้วที่มีขี้มูกติดไปให้กริสน์ดู
“เช็ดให้หน่อยค่ะ”
“น่ารักมาก”
“เชื่อชั้น แกไม่มีทางเลือกแล้ว”
“ชั้นอยากตาย”

พิมมาดานั่งเครียด ถามด้วยสีหน้ามึนตึงอยู่ที่ในบ้าน
“พวกเด็กๆ ยังไม่กลับมาอีกเหรอ”
“ยังเลยค่ะ ออกไปไหนก็ไม่ทราบ พวกเด็กคงจะเสียใจที่คุณพิมคิดจะส่งไปอินเดีย เป็นเต้ย เต้ยก็
เสียใจค่ะ คุณพิมจะส่งไปจริงๆ เหรอคะ มันใจร้ายมากเลยนะคะ” เต้ยบอก
“คิดว่าชั้นอยากทำแบบนี้เหรอ พวกเธอมีวิธีที่จะทำให้หลานชั้นเป็นเด็กดีเหมือนลูกๆ ชาวบ้านมั้ย
ล่ะ..ตอนนี้ชั้นจนปัญญาแล้ว” พิมมาดาพูดอย่างเหลืออด
“ยัยพิม อย่าเครียดๆ ชั้นเข้าใจแก ถ้าแกคิดว่าการส่งเด็กๆไปอินเดียมันจะดีกับพวกเด็กๆมากกว่า
อยู่กับแก..ชั้นก็เห็นด้วยว่าควรส่งไป” เค้กว่า
“ชั้นยังไม่ได้ตัดสินใจนะเค้ก มันเป็นแค่อีกทางเลือกนึง ที่ฉันกำลังคิดอยู่”
“ทางเลือกที่มาพร้อมผู้ชายที่หล่อขั้นเทพ...ยัยพิมเอ๊ย แกเสียสละความสุขที่แกควรจะได้รับมามาก
พอแล้ว แกควรจะทำอะไรเพื่อตัวเองได้แล้ว” เค้กปรารภ
“แต่ชั้นไม่อยากทำอย่างนี้จริงๆนะเค้ก
อยู่ๆ เต๋าก็วิ่งพรวดเข้ามาในบ้านหน้าตาตื่น
“คุณพิม! เด็กๆ กลับมาแล้ว มารอคุณพิมอยู่ที่ร้าน บอกมีเรื่องจะคุยด้วย" เต๋าบอก
ทุกคนอึ้ง แปลกใจ พิมมาดาดีใจแต่เก็บอาการพยายามไม่แสดงออก

พิมมาดากึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้ามาในร้านดอกไม้เพราะในใจเป็นห่วงหลาน แต่พอใกล้จะถึงตัวหลานๆ ก็ชะลอความเร็วลง แล้วทำเป็นไม่ใส่ใจ ทุกคนตามเข้ามา
“เฮ้ย..กลับมาง่ายๆ ยังงี้น่ะเหรอ” เต้ยงง
“รู้ตัวว่าผิด จะมาขอโทษน้าใช่มั้ย...” พิมมาดาถาม
“พวกเรามีข้อเสนอมาให้น้าพิม” โจ๊กพูดเป็นทางการ ท่าทางจริงจัง
“ข้อเสนออะไร” พิมมาดาแปลกใจ
“เรื่องที่น้าพิมจะส่งพวกเราไปอินเดีย..พวกเราไม่อยากไป” โจ๊กบอก
“ถ้าไม่อยากไป ก็ต้องเชื่อฟังน้า” พิมมาดายื่นข้อเสนอ
“แต่น้าพิมถูกประเมินเป็นผู้หญิงที่ล่มสลายทางการเลี้ยงดูเด็กแล้ว..น้าพิมอบรมสั่งสอนพวกเรา
ไม่ได้แล้ว” แจ๊สออกตัวแรง
“ถ้างั้นก็ไปอินเดีย!!”
“เราไม่ไปอินเดีย และเราก็ไม่เชื่อฟังน้าพิม แต่เราพาคนที่จะอบรมสั่งสอนพวกเรามาเอง”
โจ๊กบอก
“โคร” เต๋า เต้ยแม่ยกเอเอฟประสานเสียง
กริสน์เดินเข้ามา ทุกคนอึ้ง
“อ๊าย..นึกว่าชาตินี้จะไม่ได้เจออีกแล้วสิ” เค้กระรื่น
“นายอีกแล้วเหรอ”

สิ้นเสียงของพิมมาดา กริสน์ก็วิ่งกระเจิงออกมานอกร้าน มีข้าวของปาไล่หลังตามมาชุดใหญ่ ด้วยฝีมือพิมมาดา
พิมมาดาถือไม้ถูพื้นในมือออกมาขับไล่กริสน์เต็มที่ เต๋ากับเต้ยตามลุ้นใจหายใจคว่ำไม่แพ้ตอนลุ้นผลเอเอฟ
“ออกไปจากร้านชั้น ไป”
พวกเด็กๆ วิ่งออกไปเอาตัวปกป้องกริสน์
“อย่าทำอะไรน้ากริสน์นะ” โจ๊กเรียกอย่างหนิดหนม
“เดี๋ยวๆๆ วางอาวุธลงก่อน เราอย่าใช้ความรุนแรงคุยกันเลยนะ นายกริสน์เนี่ยก็หน้าตา..โอเค
น่าจะคุยกันรู้เรื่อง” เค้กรีบห้ามทัพ เพราะแก่หน้าตาของกริสน์
“เค้ก หลบไป..แจ๊ส โจ๊ก จีจ้า กลับมานี่..ไม่รู้หรือไงว่าหมอนี่มันเป็นคนไม่ดี”
“น้ากริสน์วิ่งสู้ฟัดเป็นคนดี น้าพิมทำไมดูไม่ออก” จีจ้าเอ่ยขึ้น
“นั่นดิ แจ๊สงงนะเนี่ย” แจ๊สผสมโรง
“คนดียังไง ถูกคนบุกไล่ยิงตลอดเวลา แถมลักพาตัวจีจ้าไปขังไว้ตั้งคืนนึง” พิมมาดาไม่เชื่อ
“น้าเค้าไม่ได้ขัง..น้าพิม น้ากริสน์เค้าไม่ใช่ผู้ร้ายนะ ตรงข้าม เค้าเป็นตำ...”
กริสน์รีบทำทีเป็นเอะอะกลบเกลื่อนทันที
“ผมเป็นตำส้มตำได้ ตำมั่ว ตำซั่วตำได้หมด..ที่ผมโดนไล่ยิงบ่อยๆ เพราะผมอาจจะเผลอไปขับรถ
ปาดหน้าใคร..มันเลยแค้นขับรถไล่ยิงผม..คุณเชื่อผมมั้ย..คุณไม่เชื่อหรอก ผมรู้ เพราะคุณมันไม่เคยเชื่อ ไม่เคยฟังใครเลย เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ เผด็จการ พวกเด็กๆ ถึงหนีออกจากบ้าน” กริสน์อธิบายยาวเหยียด
“ชั้นจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ยังไงชั้นก็ไม่ให้นายมายุ่งกับหลานชั้นอยู่ดี” พิมมาดายืนกราน
“น้าพิมต่างหาก ที่พวกเราไม่อนุญาตให้มายุ่งด้วย” แจ๊สท่าทางขึงขัง น้ำเสียงจริงจัง
“จริงค่ะ อุ๊บส์” เต๋า กับเต้ยประสานเสียง
“ถ้าน้าพิมไม่ยอมให้พี่กริสน์เป็นพี่เลี้ยง พวกเราก็จะไม่อยู่บ้านนี้..ไปเถอะพวกเรา” จีจ้าว่า
“คิดว่าจะไปได้ง่ายๆ เหรอ พวกผู้ใหญ่..จัดการ”
เต๋า เต้ย และเค้กเข้าไปรุมจับเด็กทั้งสามคนเอาไว้ ล็อกตัวทันควัน
“เฮ้ย” กริสน์ร้องลั่น
พิมมาดาเดินมาขวางหน้ากริสน์เอ่ยขึ้น “นายอย่ายุ่ง”
“ทำไมคุณเป็นคนแบบนี้” กริสน์ถามกวนๆ
“เรื่องของชั้น นี่หลานชั้น นายไม่ต้องมายุ่ง ออกไปจากร้านชั้นเดี๋ยวนี้ ไป” พิมมาดาไล่ส่ง
ทันใดนั้น จีจ้าก็อาการหอบกำเริบ หายใจฟืดฟาดๆ แล้วทรุดไป เค้กที่จับตัวจีจ้าอยู่ ตกใจมาก รีบปล่อยมือออกทันที
“ว้าย”
จีจ้าลงไปดิ้นพร่าดๆ กับพื้น
“หะ หายใจ..ไม่..ออก…”
“จีจ้า” พิมมาดาถลาเข้าไปหา “จีจ้า..ยาพ่น..ยาพ่นอยู่ไหน” ควานหาในกระเป๋าจีจ้า เจอยาพ่น รีบ
หยิบออกมา “จีจ้า มาน้าพ่นให้”
พิมมาดาประคองจะพ่นยาให้จีจ้า แต่จีจ้าผละตัวเองออก
“ไม่..จีจ้าไม่พ่น”
“จีจ้า”
“ถ้าน้าพิมไม่ให้พี่กริสน์เป็นพี่เลี้ยง จีจ้าไม่พ่น” จีจ้ายื่นข้อเสนอในนาทีเป็นนาทีตายนั้น
“จีจ้า อย่าทำอย่างนี้”
“ไม่” จีจ้าเอาแต่ดิ้นๆ ไม่ยอมพ่นยา จนอาการหอบหืดรุนแรงขึ้นอีก
“นายทำอะไรหลานชั้น!!” พิมมาดาเริ่มพาลอีก หันมาโวยใส่กริสน์
“ผมไม่ได้ทำอะไรนะ ผมไม่รู้เรื่อง” กริสน์ปฏิเสธ
“จีจ้า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ พ่นยาเดี๋ยวนี้” จีจ้าดิ้นรนขัดขืน ไม่ยอมพ่น “ก็ได้ๆๆๆ น้ายอมรับหมอ
นี่ก็ได้..พ่นยาก่อนได้มั้ย”
จีจ้าพยักหน้าพลางเอ่ยขึ้น “ได้...” พิมมาดาทำท่าจะพ่นต้องชะงัก “แต่ให้พี่กริสน์พ่น” จีจ้าบอก
“จีจ้า” พิมมาดาเหวอ
“น้าพิมถูกประเมินแล้วว่าล่มสลายทางการเลี้ยงดูเด็ก จำไม่ได้เหรอคะ” แจ๊สสำทับ
“เอายามา ผมพ่นให้เอง”

พิมมาดาจำใจยอมส่งยาพ่นให้กริสน์










Create Date : 31 มกราคม 2555
Last Update : 31 มกราคม 2555 13:13:23 น.
Counter : 285 Pageviews.

0 comment
มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 2 (ต่อ)




เต๋ากับเต้ยนั่งหน้าจ๋อย สองแม่ยกเอเอฟไม่รู้จะทำอะไร ได้แต่บิดมือไปมาอยู่ในร้านดอกไม้ รอการพิพากษาจากพิมมาดา

“นี่มันเวลาทำงาน พวกเธอหนีไปเชียร์เด็กเอเอฟได้ยังไง แยกแยะให้ออกหน่อยสิ..ค่าเสียหายทั้งหมด ชั้นจะหักจากเงินเดือนพวกเธอ..แล้ว..ถ้ายังมีครั้งต่อไป...ไล่ออกเข้าใจมั้ย” พิมมาดาอบรมทั้งคู่
“เข้าใจค่ะ ณ จุดนี้” สองสาวเต๋ากับเต้ยรับคำ
“แล้วเรื่องจีจ้า..ปล่อยไว้ยังงั้นแหละ..ไม่ต้องไปโอ๋จีจ้ามากนะ ต้องดัดนิสัยบ้าง”

จังหวะนั้นรถของสุขสันต์ก็แล่นมาจอดเทียบหน้าร้านดอกไม้พิมโรส บอดี้การ์ดเดินมาเปิดประตูรถให้สุขสันต์ก้าวลงมา บอดี้การ์ดอีกคนหนึ่งฉีดน้ำหอมให้อย่างรู้งาน
“พิม...ดูโน่นสิ” เค้กชี้ไปที่หน้าร้าน
“อะไร” พิมมาดาหันแล้วมองตามไป
ฉัตรชัยเดินนำทีมของสุขสันต์เข้ามาในร้าน เค้กกับพิมมาดาทำหน้างงๆ
“พวกคุณ...มาหาใครคะ” พิมมาดาถามขึ้น
ฉัตรชัยแนะนำสุขสันต์ให้พิมมาดารู้จักอย่างเป็นทางการ
“สวัสดีครับคุณพิมมาดา ผมขอแนะนำท่านส.ส.สุขสันต์ ผู้จัดตั้งโครงการเยาวชนสุขสันต์ ห่างไกลยาเสพติด ประธานมูลนิธิ....”
ฉัตรชัยยังพูดไม่จบแต่สุขสันต์ยกมือให้หยุดพูด เต๋ากับเต้ยนั่งมองแล้วยิ้มอย่างเคลิ้มๆ ไปด้วย
“สวัสดีครับคุณ คุณพอจะมีเวลาคุยกับนักการเมืองตัวเล็กๆ อย่างผมสักหน่อยมั้ยครับ” สุขสันต์ทักทายพิมมาดา พร้อมกับพูดร้องขอ
“มีค่ะ” เต๋ากับเต้ยเนื้อเต้นรับคำพร้อมกัน
“ท่านหมายถึงคุณพิมมาดาเท่านั้น” ฉัตรชัยรีบบอก
พิมมาดาได้ยินก็ตะลึง เธอรู้สึกเขินและทำอะไรไม่ถูก

เต๋ากับเต้ยเอาน้ำออกมาต้อนรับสุขสันต์ ทุกคนที่อยู่ในร้านมีทีท่าตื่นเต้นกับการมาเยือนของสส.ชื่อดัง
“ร้านออกจะคับแคบไปหน่อยนะคะ ดิฉันไม่ทราบจริงๆ ว่าท่านจะมาด้วยตัวเอง จะได้เตรียมต้อนรับให้สมเกียรติ” พิมมาดาออกตัว
“ทำตัวตามสบายเถอะครับ กรุณาอย่าเรียกคุณสุขสันต์ว่าท่าน เวลาอยู่ในหน้าที่มีแต่คนยกย่องคุณสุขสันต์เบื่อมากครับ” ฉัตรชัยบอก
“เวลาส่วนตัว ผมขอเป็นคนธรรมดาๆ โดยเฉพาะ..เวลาอยู่กับคุณพิมได้มั้ยครับ” สุขสันต์ขอ
“ได้ค่ะท่าน” เต๋ากับเต้ยรับคำแทน
“ได้ค่ะ..แล้วไม่ทราบท่าน เอ่อ คุณสุขสันต์มีอะไรให้ดิฉัน..เอ่อ ให้พิมรับใช้” พิมมาดารับคำแล้วยิ้มเขินๆ
ระหว่างที่พูดคุยกันสุขสันต์หยิบน้ำขึ้นมาดื่ม บอดี้การ์ดคอยเทคแคร์รับแก้วน้ำจากสุขสันต์ และคอยหยิบกระดาษทิชชู่ส่งให้เขา
“ผมมาที่นี่..ไม่เกี่ยวกับอาชีพทางการเมืองของผมนะครับ” สุขสันต์เดินดูรอบๆ ร้าน “ผมมาเรื่องธุรกิจส่วนตัว..คือ ผมทราบมาว่าคุณพิมเปิดร้านดอกไม้แล้วก็สั่งดอกไม้มาจากต่างประเทศเองด้วย พอดีผมกับลูกพี่ลูกน้องทำธุรกิจขนส่งสินค้าทางเรือ..ผมเลยอยากจะมาแนะนำตัว”
บอดี้การ์ดส่งซองนามบัตรให้สุขสันต์ เขารับมาแล้วส่งนามบัตรต่อให้พิมมาดา
“ถ้าคุณพิมจะกรุณาใช้บริการขนส่งดอกไม้ทางผม”
“กรุณายินดีมากค่ะ” เต๋ากับเต้ยรีบบอก
“พิมเป็นร้านเล็กๆ มีออเดอร์ดอกไม้นอกไม่มากมายอะไร..กลัวว่าจะเป็นปัญหาจุกจิกหยุมหยิมให้คุณสุขสันต์มากกว่า”
“ถ้าเป็นเจ้าอื่น ก็อาจจะเป็นอย่างนั้น..แต่ถ้าเป็นปัญหาหยุมหยิมจากคุณพิม ผมคิดว่าผมเต็มใจที่จะรับนะครับ”
สุขสันต์ยิ้มหวานอย่างหว่านเสน่ห์ให้พิมมาดา พิมมาดาเห็นแล้วก็เขิน เค้กยิ้มชอบใจ เต๋า เต้ย เคลิ้มแทบขาดใจเพราะหลงคิดว่าสุขสันต์ยิ้มให้ตัวเอง

พิมมาดามากับเค้กยืนส่งสุขสันต์ที่หน้าประตูร้าน ทั้งสองรู้สึกปลาบปลื้มและอารมณ์ดีสุดๆ
สุขสันต์แหงนมองฟ้า “อ้าว นี่ผมอยู่จนเย็นขนาดนี้เลยเหรอ..หวังว่าผมคงไม่ได้มารบกวนคุณพิมเกินไปนะครับวันนี้”
“ไม่รบกวนเลยค่ะ พอดีวันนี้ร้านไม่ค่อยมีลูกค้าด้วย” พิมมาดารีบบอก
“งั้นวันนี้ผมขอตัวก่อนนะครับ”
สุขสันต์ล่ำลาแล้วหันมาก็เจอโจ๊กกับแจ๊สยืนขวางอยู่
“เอ่อ คุณสุขสันต์คะ” พิมมาดาพูดกับสุขสันต์ “แจ๊ส โจ๊ก หลานของพิมเองค่ะ..สวัสดีคุณสุขสันต์สิจ๊ะเด็กๆ”
แจ๊สกับโจ๊กยืนจ้องสุขสันต์
“แจ๊ส โจ๊ก” พิมมาดาย้ำ
“สวัสดีค่ะ..คิดยังไงคุณถึงไปเป็นนักการเมืองอ่ะคะ” แจ๊สถามเสียงแข็ง
“แจ๊ส” พิมมาดาปราม
“ไม่เป็นไรครับคุณพิม..ที่น้ามาเป็นนักการเมืองก็เพราะน้าอยากทำประโยชน์ให้กับประเทศ แล้วก็อยากจะช่วยให้เด็กๆมีอนาคตที่ดีน่ะสิ..แล้วพวกเธอล่ะ โตขึ้นอยากเป็นอะไร”
“เป็นอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่นักการเมือง” โจ๊กรีบตอบ
“โจ๊ก แจ๊ส ไป เข้าบ้านไปเดี๋ยวนี้เลย” พิมมาดาสั่ง
“ไป...เข้าบ้านไปกับน้าก่อนนะ” เค้กรีบบอก แจ๊สกับโจ๊กเดินปึงปังเข้าบ้านไป โดยมีเค้กคอยคุมให้เดินเข้าไป
“เอ่อ คุณสุขสันต์คะ พิมขอโทษแทนเด็กด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
“คุณสุขสันต์ท่านรักเด็กอยู่แล้ว ผมรับรองว่า..ท่านจะทำให้หลานๆคุณประทับใจให้ได้เลยครับ” ฉัตรชัยบอก
สุขสันต์เดินไปขึ้นรถด้วยใบหน้าชิงชังแบบคนที่เกลียดเด็กสุดๆ
พิมมาดายืนส่งจนรถของสุขสันต์แล่นออกไป เธอรู้สึกโล่งอก แต่แล้วอยู่ๆ เต๋ากับเต้ยก็วิ่งแหกปากออกมาจากด้านใน
“แย่แล้วค่ะคุณพิม แย่แล้วๆๆๆ น้องจีจ้า หายตัวไปค่ะ ไม่ได้อยู่ในห้อง” เต๋าบอก
“หายไปจริงๆค่ะ ณ จุดนี้ คอนเฟิร์มค่ะ” เต้ยสนับสนุน
พิมมาดาได้ยินก็ถึงกับช็อก

ณ เซฟเฮ้าส์ในสวน กริสน์กับภัทรดนัยเดินเข้ามาในบ้าน ทั้งสองระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก
“ไงล่ะ เจ๋งป่ะ ลึกลับ ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน ไม่มีใครจะหาเจอแน่ เซฟเฮ้าส์ของชั้นหลังนี้ ขอบอก..ว่าเซฟสุดๆ หรือจะพูดว่า..ซูเปอร์เซฟก็ย่อมได้”
“แต่..บ้านของชั้นล่ะ ข้าวของของชั้น” กริสน์รีบบอก
“ตัดใจซะเถิดเพื่อน บ้านแก..ไม่ใช่ที่ๆเหมาะสมแก่การอยู่อาศัยอีกต่อไป”
“ชั้นมีเอกสารหลายอย่าง ที่ต้องกลับไปเอา”
“ของส่วนตัวสำคัญๆของแก..ชั้นดอดไปขนออกมาได้”
ทันใดนั้นเอง มือถือของภัทรดนัยก็ดังขึ้น
“เฮ้ยๆ “ ภัทรดนัยตกใจ เขารีบหยิบมือถือออกมาแบบลนๆ แล้วพยายามกดปิดเสียง “หยุดๆ”
“ไอ้บ้าเอ๊ย ทำไมแกไม่ปิดเสียงวะ”
“ก็ไม่ได้เข้าโรงหนังนี่หว่า ใครไปรู้ว่าต้องปิด...ใครส่งแมสเสจมาตอนนี้ว่ะ” ภัทรดนัยกดมือถือแล้วอ่าน “ผลล็อตเตอร์รี่ประจำงวดนี้ ..ปัทโธ่ ไม่ถูกอีกแล้ว โหย”
กริสน์เขกศรีษะภัทรดนัย “ไอ้บ้า!! ชั้นจะตายก็เพราะแกนี่แหละ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงกุกกักๆ ดังขึ้นจากประตูบ้าน กริสน์กับภัทรดนัยชะงักมองทันที
“ชู่ว์...” กริสน์ทำสัญญาณให้เบาเสียง
กริสน์กับภัทรดนัยหยิบปืนขึ้นมาเตรียมพร้อม ภัทรดนัยจะเดินไปดูที่ประตู แต่กริสน์ห้ามไว้
“ไหนว่าเซฟสุดๆ” กริสน์ถาม
“แต่..”
“เนี่ยเหรอ ซูเปอร์เซฟของแก นี่ฉันต้องเหนื่อยอีกแล้วใช่ไหม”
ลูกบิดประตูขยับแกร็กๆ เหมือนมีคนพยายามจะเปิดประตูจากด้านนอกเข้ามา กริสน์ตรงไปที่ประตู เขาตั้งท่าเตรียมจัดการกับคนที่จะโผล่เข้ามา
ทันใดนั้นเองประตูก็เปิดออก กริสน์จะยิง แต่แล้วก็ต้องชะงักพร้อมกับเก็บปืนแทบไม่ทันเพราะจีจ้ายืนอยู่ที่ประตูนั่นเอง
“หมัดเขวี้ยงควาย นักสู้พันธุ์ข้าวเหนียว!”
กริสน์อ้าปากค้าง จีจ้าหัวเราะอย่างสนุกสนาน

กริสน์กับภัทรดนัยยืนกอดอกจ้องจีจ้าที่กำลังนั่งดื่มน้ำแดงอย่างมีความสุข
“ปีนหน้าต่างหนีออกจากบ้าน!” กริสน์ทวนคำ
“แล้วเรียกมอเตอร์ไซค์รับจ้างตามมา” ภัทรดนัยพูดต่อ
“ใช่ค่ะ จีจ้าเก่งใช่มั้ยล่า..อิอิ”
“ไม่ใช่เรื่องตลก!” กริสน์ดุ
“ฮ่าๆๆ โฮะๆๆ ไอ้กริสน์เอ๊ย ไอ้สุดยอดมือปราบ..โถ เจอเด็กตัวกะเปี๊ยกสะกดรอยตามถึงบ้านแต่ไม่รู้ตัวเลย” ภัทรดนัยกัด
“ฮะๆๆ โฮะๆๆ..แล้วเซฟเฮ้าส์แกล่ะ ซูเปอร์เซฟตายล่ะ เด็กอนุบาลยังตามเจอ นี่ ยัยจีจ้า เธอแก่แดดมากเลยนะเนี่ย..แล้วเจ๊โหด..เอ่อ แม่ของเธอรู้หรือเปล่าว่ามาที่นี่ แม่อะร้าย...ปล่อยให้ลูกเต้าหนีออกมาได้อย่างนี้...สมแล้ว...ลูกดื้อขนาดนี้!”
จีจ้าทำหน้าเครียด “จีจ้าตัดน้าตัดหลานกะน้าพิมแล้ว ต่อไปนี้ จีจ้ามีน้าคนเดียว คือ..น้ากริสน์คนนี้”
“อ้าว...เธอไม่ใช่ลูกยัยเจ๊โหดเหรอ” กริสน์ถาม
“ไม่”
“แล้วพ่อ แม่ เธอล่ะ”
“ตายไปแล้ว” จีจ้าตอบ
กริสน์หน้าเจื่อน “เออ...ชั้นขอโทษ”
“ฮ่าๆๆ ไอ้กริสน์เอ๊ย นอกจากจะเสียฟอร์มสุดๆแล้ว ชั้นว่างานนี้แกเตรียมเจอข้อหาพรากผู้เยาว์ เอ๊ย ลักพาตัวเด็กอีกกระทงได้เลยว่ะ” ภทัรดนัยกัดอีก
“น้ากริสน์ไม่ต้องกลัวนะคะ ถ้าตำรวจถาม จีจ้าจะบอกว่า น้ากริสน์คือน้าตัวจริง ส่วนน้าพิม เป็นโจรห้าร้อย จับตัวจีจ้าไปทรมาน แล้วใช้ให้ไปขอทานที่สะพานลอย”
กริสน์กระชากแขนหลานสาว “พอแล้ว...ชั้นจะพาเธอกลับบ้านไปเดี๋ยวนี้!”
จีจ้าสะบัด “จีจ้าไม่กลับ”
“เบาๆหน่อยเว้ยไอ้กริสน์ เสียงดังขนาดนี้ เดี๋ยวพวกมันก็แห่มาลากคอแกหรอก”
อยู่ๆ ก็มีเสียงดังปุด ด้วยปฏิกิริยาที่ว่องไว กริสน์หันขวับทันที
“ชู่ว์”
กริสน์มีท่าทางระแวดระวังขึ้นมาทันที เขาลากจีจ้าเข้าไปหาที่กำบังแล้วเงี่ยหูฟังที่มาของเสียง สักพักก็มีเสียงดังปุดขึ้นอีก แล้วตามด้วยเสียงเป่าลมยาวและแหลม
“เสียงลม..แกได้ยินใช่มั้ย..เสียงมันอยู่แถวๆนี้ ระวังตัวด้วย พวกมันอาจมาจากบนฝ้าเพดานหรือหน้าต่าง”
“ลูกพี่ๆ” จีจ้าเรียก
“เงียบ” กริสน์สั่งแล้วส่งสัญญาณมือให้ภัทรดนัยแยกไปคนละทาง
“ไม่ใช่เสียงผู้ร้ายหรอกคะลูกพี่ เสียงจีจ้าเอง คือว่า จีจ้า..ตด”
“อะไรนะ” กริสน์กับภัทรดนัยประสานเสียง
“จีจ้า..ปู๊ดๆ แหะๆ” จีจ้ารับอายๆ
“ชั้นอยากตาย” ภัทรดนัยทำท่าเซ็ง

ที่สถานีตำรวจ พิมมาดากำลังคุยกับตำรวจด้วยท่าทางร้อนใจ
“ทำไมแจ้งความไม่ได้” พิมมาดาถาม
ตำรวจเหลือบดูรูปถ่ายของจีจ้า เห็นรูปจีจ้าทำหน้าตาทะเล้น
“ลูกคุณเพิ่งหายตัวไปจากบ้านยังไม่ถึงสองชั่วโมงเลยนะครับ จะแจ้งหาย มันเร็วไปครับ..ตามกฎหมาย..ต้องรอ24ชั่วโมง ให้แน่ใจว่าลูกคุณหายไปจริงๆก่อนดีกว่า” ตำรวจบอก
“เด็กอายุหกขวบหายไปจากบ้าน ตอนกลางคืน คนเดียว ยังจะต้องรออะไรอีกคะ”พิมมาดาถามอย่างร้อนใจ
“อ้าว คุณ..ลูกคุณอาจจะหนีไปเล่นอยู่บ้านเพื่อนก็ได้ หรือไม่ก็หนีไปเล่นเกมร้านเนท..คุณได้ไปตามหาดูหรือยังครับ”
“จีจ้าไม่ใช่ลูก พิมเค้าเป็นน้าค่ะ เรียกให้ถูกด้วย” เค้กรีบบอก
“เอ้า เป็นแค่น้าเหรอ..มิน่า..เด็กอาจจะหนีไปหาแม่ก็ได้”
“แม่เด็กตายแล้วค่ะ” พิมมาดาบอก
“งั้นก็คงไปหาพ่อ” ตำรวจสัณนิษฐานต่อ
“พ่อก็ตายแล้ว”เค้กบอก
“รอ24ชั่วโมงเหรอ ถึงตอนนั้น..ถ้า..ถ้ายัยจีจ้าเป็นอะไรไปล่ะ.. ฮือ...” พิมมาดาไม่รู้จะทำอย่างไรเธอน้ำตาไหลตั้งท่าจะหันเดินออกจากสถานี แต่ก็ต้องผงะเพราะเห็นมาวินยืนยิ้มอย่างอบอุ่นอยู่
“จีจ้าหายไปเหรอพิม”

พิมมาดาเดินปาดน้ำตาออกมาจากสถานีตำรวจ เค้กเดินตามออกมาด้วย
“เค้ก เธอช่วยโทรไปแจ้งจส.100 ร่วมด้วยช่วยกัน แล้วก็พวกศูนย์แท็กซี่ต่างๆนะ เผื่อเค้าจะช่วยอะไรเราได้..ยังไงก็ต้องหาจีจ้าให้เจอให้ได้” พิมมาดาพยายามตั้งสติ
มาวินเดินตามออกมา
“ไม่ต้องกังวลมากนักหรอกฮะพิม..เด็กหายไปเองได้ เดี๋ยวก็กลับมาเองได้”
“มาวิน ถ้าไม่มีอะไรจะพูด คุณก็เก็บปากไว้แตกหน้าหนาวดีกว่านะ” พิมมาดาบอก
“คุณมองเด็กพวกนี้เป็นเทพบุตรเทพธิดาเกินไป พิมควรยอมรับความจริงได้แล้ว ว่าหลานคุณน่ะ มันเซียน...เหลือขอทั้งนั้น” มาวินต่อว่า
“ใจคุณทำด้วยอะไรน่ะ มาวิน ไม่ช่วยก็ถอยไป”
“ผมหวังดีกับพิมนะฮะ..ชีวิตพิม อนาคตของพิมต้องพังเพราะต้องมาดูแลเด็กๆพวกนี้ กี่ปีแล้ว..พิมยังนึกไม่ออกอีกเหรอ ว่าคุณสูญเสียอะไรไป..ใครที่รักคุณ..ใครคือคนที่คุณรัก..มันคุ้มเหรอ ที่คุณยอมแลกเค้า กับเด็กๆ พวกนี้”
พิมมองมาวินอย่างอึ้งๆ ที่มาวินคิดและกล้าพูดแบบนั้น
ทันใดนั้นเอง มือถือของพิมมาดาก็ดังขึ้น พิมมาดาเห็นเป็นเบอร์แปลกๆ แต่ก็กดรับสาย

ที่เซฟเฮ้าส์ กริสน์กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ ส่วนอีกมือนึงก็คว้าตัวจีจ้าเอาไว้อย่างทุลักทุเล เพราะจีจ้าทั้งดิ้นและพยายามอาละวาดชกตีกริสน์อยู่ตลอด
“ฮัลโหล ยัยเจ๊โหด..นี่ผมเอง กริสน์ กริสน์ไง จำได้มั้ย?..โอ๊ย!! นี่ ชั้นเจ็บนะ” กริสน์พยายามดันหัวจีจ้าออกห่าง จีจ้าเหวี่ยงหมัดมั่วซั่วใส่เขา
“เจ็บก็ยอมรับจีจ้าเป็นศิษย์สิ” จีจ้าตะโกนบอก
ที่หน้าสถานีตำรวจ พิมมาดากำลังพูดโทรศัพท์อยู่
“นั่นเสียงจีจ้านี่ จีจ้าอยู่กับนาย..หา นายลักพาตัวจีจ้าไปเหรอ “
กริสน์หันไปดุจีจ้า “ เฮ้ย!! ชั้นเริ่มโมโหแล้วนะ บอกให้อยู่นิ่งๆ”
พิมมาดาตกใจ “นายจะทำอะไรจีจ้า!! อย่านะ!! อย่า!! ไอ้คนเลว คนชั่ว อำมหิต ทำร้ายเด็กไม่มีทางสู้ ชั้นอุตส่าห์ช่วยนายให้หนีรอดไม่โดนยิงตาย แต่นายกลับลักพาตัวหลานชั้นได้ไง อกตัญญู ไอ้งูเห่า ขอให้กรรมตามสนอง”
“ผมไม่ได้ลักพาตัว หลานคุณตามผมมาเอง ผมจะโทรมาบอกให้คุณมาเอาตัวหลานคุณกลับไปด้วย” กริสน์นิ่งฟัง “ไม่ได้เรียกค่าไถ่ เอาอย่างงี้นะ ผมจะแถมเงินให้คุณด้วยก็ได้ แต่คุณช่วยรีบมาเอาเด็กกลับไปก็พอ”
“ชั้นจะเอาเงินไปให้ ตามที่นายต้องการ แต่นายต้องรับปากว่าจะไม่ทำอะไรจีจ้า รับปากมาสิ ว่าจีจ้าจะครบสามสิบสอง..ถ้าจีจ้ามีแผลแม้แต่นิดเดียว ชั้นเอานายตายแน่..บอกมาเลยว่าจะให้เอาเงินไปให้ที่ไหน ยังไง” พิมมาดาพูดเหมือนไมได้ฟังกริสน์
กริสน์พูดเน้น “ผมบอกว่า ผมไม่ได้เรียกค่าไถ่ ฟังผมพูดมั้ยเนี่ย!!..ไม่ได้ลีลาเพื่อจะเรียกเงินเพิ่ม!! บอกว่าไม่เอาเงินๆๆ เข้าใจมั้ย!!....ล้านนึงอะไร บาทเดียวก็ไม่เอา..โว้ย!!! จะให้ผมเรียกค่าไถ่ให้ได้เลยใช่มั้ย..ก็ได้ งั้นพรุ่งนี้เอาเงินมาล้านยูโร ถ้าไม่มี ผมจะส่งหูเด็กไปให้ดู”
กริสน์กระแทกสายวางอย่างอารมณ์เสีย
“เพี้ยนทั้งน้าทั้งหลานเลย”
“แกจะพาเด็กไปส่งเอง หรือให้ชั้นใช้ให้แกพาไป” ภัทรดนัยถาม
“ชั้นจะให้เด็กอยู่ที่นี่..อยากเพ้อเจ้อหาว่าชั้นเป็นโจรเรียกค่าไถ่ดีนัก คืนนี้อย่าไปนอนเป็นสุขเลย” กริสน์พูดแล้วหันมองหาว่าจีจ้า “เด็กหายไปไหนแล้ว”
เสียงหัวเราะและกรี๊ดของจีจ้าดังมาจากอีกห้องภายในบ้าน กริสน์ได้ยินก็ตกใจ

ที่ห้องหนึ่งภายในเซฟเฮ้าส์ จีจ้ากำลังโดดเหยงๆ อย่างดีอกดีใจ
“เล่นอะไร อยู่เงียบๆนิ่งๆเป็นมั้ย” กริสน์ดุ
จีจ้าโชว์บัตรข้าราชการของกริสน์ในชุดตำรวจขึ้นแล้วพูด “ลูกพี่วิ่งสู้ฟัดเป็นตำรวจ”
กริสน์รีบดึงบัตรคืน “ห้ามยุ่งกับของๆชั้นอีก เข้าใจมั้ย”
“รับจีจ้าเป็นศิษย์นักบู๊ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ด้วยนะ” จีจ้ากอดขาแน่น
“ไม่รับ ปล่อย”
กริสน์พยายามสะบัด แต่จีจ้าเกาะหนึบไม่ยอมปล่อย กริสน์ยิ่งสะบัด จีจ้าก็ยิ่งร้องกรี๊ด
“ไอ้กริสน์ๆๆๆ เฮ้ย ร้องยังกะเล่นรถไฟเหาะตีลังกา เบาๆสิเว้ย” ภัทรดนัยตวาด
“ชั้นไม่ได้ร้อง” กริสน์บอก
“แกก็หยุดสิวะ อยู่เฉยๆ..หนูจีจ้า เงียบก่อน เงียบแล้วเดี๋ยวพี่กริสน์จะยอมให้เป็นศิษย์วิชาวิ่งสู้ฟัด”
จีจ้าเงียบทันที “เงียบแล้วค่ะ”
“ใครบอกแกว่าชั้นจะรับ” กริสน์ว่า
“โกหกเหรอ กรี๊ดๆๆ” จีจ้ากรี๊ดต่อ
“โอ๊ย...เงียบก่อน...ปัดโธ่” ภัทรดนัยเซ็ง
“เงียบๆ” กริสน์ดุ
“กรี๊ดๆๆ” จีจ้ายังกรี๊ดต่อ

ที่ริมถนน หน้าโรงพัก พิมมาดาเครียดเดินร้องไห้
“จะตัดหู...ว๊าย...จีจ้า ไอ้เลว...จีจ้าไม่มีหูแล้วจะทำยังไง” เค้กโวยวาย
พิมมาดาได้ยินก็ยิ่งปล่อยโฮ “ขอทีเถอะ... หยุดซะที”
“ล้านยูโร..แปลกมาก..ทำไมมันเรียกค่าไถ่เป็นหน่วยยูโร หรือเป็นโจรข้ามชาติ เราต้องแจ้งตำรวจสากล” มาวินบอก
“ไม่ได้นะ ถ้าตำรวจรู้ ไอ้บ้านั่นมันฆ่ายัยจีจ้าตายแน่” พิมมาดารีบห้าม
“แต่คนจับเด็กไปเรียกค่าไถ่มันติดต่อมาแล้ว ผมต้องไปบอกตำรวจท้องที่เค้า” มาวินหันจะเดินเข้าไปในโรงพัก
“คุณอย่ายุ่ง มาวิน..นี่มันไม่ใช่กงการของคุณ” พิมมาดาปราม
“เวลานี้ ยูโรนึงก็... 40.5478112 บาท..ล้านยูโรก็..สี่สิบล้าน ห้าแสนกว่าบาท” มาวินคำนวณ
เค้กนึกขึ้นได้ “บ้าแล้ว..พิม..ชั้นว่าคุณกริสน์เค้าแกล้งล้อเธอเล่น”
“คุณกริสน์ กริสน์ไหน” มาวินถาม
“ไม่มีอะไรๆๆ” เค้กรับบอก
“แปลว่าอะไร..พวกคุณรู้จักไอ้โจรเรียกค่าไถ่เหรอ นี่คุณกำลังปกปิดข้อมูลเจ้าพนักงานนะ ถ้าเด็กเป็นอะไรไป ก็เพราะคุณไม่ให้ความร่วมมือกับพวกเรา บอกมา มันเป็นใครๆ”
พิมมาดากับเค้กมองหน้ากันเพราะรู้สึกแล้วว่ามาวินคือตัวอันตราย

ที่เซฟเฮ้าส์ จีจ้ายังคงกรี๊ดไม่หยุด กริสน์เอาที่ดูดส้วมมาอุดหูตัวเองไว้ข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งเป็นสำลี ส่วนภัทรดนัยพยายามอุดปากจีจ้า
“นี่แน่ะ...ไม่ยอมหยุด”
จีจ้ากัดมือภัทรดนัย “โอ๊ย...มือนะไม่ใข่ขนมปัง”
“ก็รับเป็นศิษย์ก่อนสิ” จีจ้าบอกแล้วกรี๊ดต่อ
“ไปเอาหมอนมา” กริสน์สั่ง
“ไม่ได้นะไอ้กริสน์” ภัทรดนัยรีบบอก
“ชั้นจะไม่ไหวแล้วนะ”
“เออน่า...รับไปก่อน...นะๆ...รับสิๆๆ เงียบก่อนๆ(จีจ้าเงียบลง)..ไอ้กริสน์” ภัทรดนัยรีบดึงกริสน์แยกออกมาคุย “แกรับปากเด็กไปก่อนเถอะ ไม่มีอะไรเสียหายหรอก..ขืนปล่อยให้ร้องยังงี้ แกกับชั้นมีปัญหาแน่ นะๆ”
กริสน์จำใจต้องรับ
“เออ ก็ได้ ชั้นจะรับเธอไว้..พิจารณา แต่เธอต้องเชื่อฟังชั้นทุกอย่าง”
จีจ้าดีใจ รีบพยักหน้าหงึกๆ “ค่ะๆ”
“คืนนี้ชั้นจะให้เธออยู่ที่นี่ด้วย อยากอยู่มั้ย” กริสน์ถาม จีจ้าพยักหน้า “แต่..แต่เธอต้องอยู่เงียบๆ ไม่ส่งเสียงดัง ทำได้มั้ย”
จีจ้าพยักหน้าหงึกๆ แล้วยื่นมือให้จับ “ถ้าลูกพี่วิ่งสู้ฟัดให้จีจ้าเป็นศิษย์ จีจ้าทำได้ทุกอย่าง”
กริสน์จับมือจีจ้า “ก็ได้ ชั้นให้เธอเป็นศิษย์”
“ไชโยๆๆๆ กรี๊ดๆๆๆ”
จีจ้าดีใจมาก เธอร้องกรี๊ดแล้ววิ่งกระโดดโลดเต้นไปทั่ว
“บอกให้เงียบๆ” กริสน์ดุ ภัทรดนัยกุมหัว
จีจ้ากระโดดๆ อยู่แล้วก็ชะงัก
“อุ๊ยๆ”
“อะไรอีกล่ะ” กริสน์ถาม
จีจ้ากุมท้อง “จีจ้าปวดอึ๊”

กริสน์พาจีจ้าที่เกาะเขาติดหนึบมาเข้าห้องน้ำ เขาให้จีจ้ายืนตรงหน้าโถชักโครก
“เอ้า ถึงแล้ว จะทำอะไรก็รีบทำ ชั้นจะไปรอข้างนอก”
จีจ้าคว้ามือกริสน์ไว้
“ลูกพี่อย่าไป อยู่เป็นเพื่อนจีจ้าด้วย”
“เฮ้ย เธอจะขี.” กริสน์นึกขึ้นได้ก็รีบเปลี่ยนคำพูด “เอ่อ เธอจะ..ตุ๋มๆ เธอก็ตุ๋มๆไป จะให้ชั้นอยู่ด้วยทำไม”
“จีจ้ากลัวผี..นะ..นะ”
“ไม่”
“งั้นจีจ้าไม่ตุ๋มๆแล้ว” จีจ้ากระโดดเกาะกริสน์ตามเดิม
“เฮ้ย เดี๋ยวก็มาราดบนตัวชั้น”
จีจ้ากอดกริสน์แน่นแล้วส่ายหัวไม่ยอมท่าเดียว
“อย่าทำตัวยังงี้ ยังไงชั้นก็ไม่ยอม ไม่ยอม” กริสน์โวยวาย

จีจ้านั่งอยู่บนชักโครก กริสน์ยืนหันหลังให้อยู่ในห้องน้ำที่เปิดประตูไว้ เขาเอามืออุดจมูก มีเสียงตุ๋มๆ ดังเป็นระยะ
“เสร็จยัง...ไส้เน่าเหรอเนี่ย เหม็นขนาดนี้”
“อึลูกพี่หอมเหรอคะ” จีจ้าย้อนถาม
“เวรกรรมอะไรของชั้น ถึงต้องมาเจอเด็กแบบเธอด้วย ชั้นอยากตายๆ” กริสน์เอาหลังหัวโขกผนัง
“ฮ้า...เสร็จแระ ลูกพี่ๆๆ หันมานี่หน่อยสิ” จีจ้าบอก
“อะไรอีก”
“ล้างก้นให้หน่อย”
“หา!”
“ล้างก้นให้หน่อย”
“ล้างก้น..ล้างเองสิ อายุเท่าไหร่แล้ว”
“หกขวบ”
“ตั้งหกขวบแล้ว ต้องล้างก้นเองเป็นแล้ว ล้างเร็วๆ”
“จีจ้าไม่ล้าง มันสกปรก”
“แล้วจะมาให้คนอื่นล้างให้เนี่ยนะ..ราชินีนักบู๊ที่ไหนเค้าล้างก้นเองไม่เป็น ห๊า ล้างเองเดี๋ยวนี้”
“จีจ้าไม่เคยล้าง”
“น้าเธอไม่สอนเธอเลยหรือไง” กริสน์ถาม จีจ้าส่ายหัว
กริสน์จำใจต้องสอน เขาเดินเข้ามา ชี้ไปที่ฝักบัวชำระ แล้วพยายามหาคำพูดที่เหมาะกับเด็ก
“นั่น ฝักบัวชำระ หยิบมา อยากล้างส่วนไหน ก็ฉีดน้ำไปที่ส่วนนั้น แค่นี้เอง แล้วนั่นกระดาษ..เสร็จแล้วก็เอากระดาษมาเช็ดให้แห้ง”
จีจ้าหยิบฝักบัวมาดู หันใส่หน้าตัวเอง แล้วกด น้ำพุ่งใส่หน้าตัวเอง
“ฮะๆๆ สม..อยากล้างหน้าเหรอ” กริสน์หัวเราะเยาะ
จีจ้าหัวเราะสนุก เธอหันฝักบัวชำระมาทางกริสน์ แล้วกด น้ำพุ่งใส่หน้ากริสน์ทันที
“เฮ้ย อย่าให้มาทางชั้นสิ หยุดๆ”
จีจ้ายิ่งสนุกจึงฉีดน้ำไม่ยอมหยุด

รถของพิมมาดาแล่นมาจอดที่หน้าบ้านของเธอ ทุกคนเดินลงมาจากรถ เต๋ากับเต้ยวิ่งออกมาจากร้าน รถของมาวินปาดมาเทียบ
“พิมๆๆๆ คุณทำแบบนี้ไม่ถูก คุณต้องกลับไปแจ้งความใหม่ ว่ามีการติดต่อเรียกค่าไถ่ แล้วคุณก็รู้จักคนร้ายด้วย เราจะได้ช่วยกัน วางแผนจับมัน”
“โดยที่คุณไม่สนเลยใช่ไหมคะ ว่าคนร้ายจะทำอะไรจีจ้ารึเปล่า” พิมมาดาถาม
“สนสิ ทำไมจะไม่สน แต่เราต้องไม่ปล่อยให้คนชั่วลอยนวล ผมเอง ผมจะใช้วิชาการที่ร่ำเรียนมา ช่วยจีจ้าให้ได้ ผม..จะเป็นคนต่อรองกะคนร้ายเอง..ดีล่ะ..งั้นผมจะทวิตบอกนักข่าวทุกสำนัก ให้มารวมกันที่นี่เลย ดีไหม”
“โอ๊ย..คุณมาวินขา..เต๋าเข้าใจแล้ว ว่าทำไม อยู่ๆ คุณถึงร้อนใจนัก” เต๋าบอก
“สิ่งที่คุณสนใจ ไม่ใช่อะไรหรอก..นอกจากผลงานของคุณเอง” เต้ยเสริม
“สรุปว่าอยากมีผลงาน..อยากดัง..ว่างั้น” เค้กสรุป
“มาวิน คุณนี่ช่างเปลี่ยนท่าทีได้อย่างกับหน้ามือเป็นหลังมือในเวลาพริบตาเดียวเท่านั้นเอง ไม่อยากจะเชื่อ” พิมมาดาตัดพ้อ
“นี่..ผมตะหาก ที่ไม่อยากเชื่อ ดูคุณชิลด์ๆเหลือเกินนะ คุณไม่ห่วงหลานเลย ทั้งๆที่แกโดนจับไปเรียกค่าไถ่โดยแก๊งโจรร้ายข้ามชาติ ที่เรียกค่าไถ่เป็นยูโร”
“ก็เพราะชั้นห่วงหลานไง ถึงไม่ต้องการให้คุณมาเกี่ยวข้อง เอาเป็นว่า..ชั้นรู้แล้ว ว่าหลานชั้นอยู่กะใคร และชั้นจัดการเองได้ ไม่ต้องการการแจ้งความอะไรทั้งนั้น ตำรวจอย่างคุณไม่เกี่ยว ไป ไป๊” พิมมาดาไล่แล้วชี้ไปที่ประตู
“โอเคๆๆ แล้วถ้าพรุ่งนี้ คุณได้รับนิ้ว หรือหู หรือศรีษะยัยจีจ้าส่งมา อย่ามาร้องหาผมละกัน ขอเตือนไว้เลย ว่าแก๊งมาเฟียยุโรปน่ะ มันโหดกว่าที่คุณคิด ยัยจีจ้าต้องตาย..ตายเพราะน้าโง่ๆ อย่างคุณ”

มาวินพล่ามจบก็รีบขึ้นรถ แล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว

ภัทรดนัยกำลังนั่งหาข้อมูลในคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ้ค ในห้องที่เซฟเฮ้าส์ อยู่ๆ ก็มีน้ำหยดติ๋งๆ ลงบนพื้นตรงหน้า ภัทรดนัยเงยหน้าขึ้นมองเห็นเท้าใครคนหนึ่ง เขามองไล่ตามเท้าขึ้นไปก็เห็นกริสน์อยู่ในสภาพเปียกปอนทั้งตัว มีน้ำหยดติ๋งๆ

“จะอาบน้ำ ทำไมไม่ถอดชุดวะ” ภัทรดนัยถามประชด
“อาบบ้าอะไร ฝีมือยัยเด็กนั่นน่ะสิ เฮ้ย นั่นคอมพ์ชั้น แกเอามาจากไหน”
“ก็เป็นอย่างนึง ที่ชั้นขนออกมาได้ จากบ้านแก เจ๋งป่ะล่ะ”
“เจ๋ง”
“ไหนวะ ไฟล์หลักฐาน เรื่องธุรกิจยาเสพติดของนายอธิป”
“เป็นไฟล์เสียง...อยู่ในมิวสิคไลบรารี่ ชื่อ MUSIC IS MY LIFE”
ภัทรดนัยคลิกหาสักพักแล้วก็พูดออกมา “ไม่เห็นมี”
“มีสิวะ ลุกๆๆ” กริสน์ไล่ภัทรดนัย
ภัทรดนัยลุก กริสน์นั่งลงแทนแล้วคลิกหา
“เฮ้ย ไม่มีจริงๆด้วย” กริสน์บอก
จีจ้าเดินหาวเข้ามา “ฮ้าว จีจ้าง่วงแล้วค่ะ พาจีจ้าเข้านอนหน่อยสิคะ”
“ภัทรดนัย แกไปจัดการมั่งดิ เฮ้ย ไฟล์ชั้นหายไป” กริสน์ลนลาน
“อย่ามาตลก มันคือหลักฐานมัดตัวอธิปกับจตุพลทั้งหมด ที่แกทุ่มเทเวลาไปฝังตัวในแก๊งมันมาเลยนะเว้ย” ภทัรดนัยบอก
“เฮ้ย! มันหายไปจริงๆ หายไปได้ไง หรือว่า..อยู่ในถังขยะ รีไซเคิ่ลบิน” กริสน์สงสัย
“จีจ้าง่วงแล้วอ่า..ง่วงๆ” จีจ้าย้ำแล้วเดินมาสะกิดพร้อมกับชูแขนให้อุ้มพาไปเข้านอน กริสน์มองอย่างมึนๆ

กริสน์อุ้มจีจ้า เดินเข้ามาในห้องนอน เขาเปิดไฟดูรอบๆ ภัทรดนัยดึงผ้าปูเตียงออก กริสน์วางจีจ้าลงบนเตียง จีจ้าทำเหมือนหลับ พอกริสน์วางเสร็จจะลุกออกไป จีจ้ากลับคว้ามือเขาเอาไว้
“อะไรอีก” กริสน์ถาม
“เล่านิทานให้จีจ้าฟังหน่อย”
“นอนเฉยๆ นิ่งๆ เดี๋ยวก็หลับนะ”
จีจ้าลุกขึ้นมานั่ง “จะฟังนิทาน!”
“โอเคๆ เล่าก็ได้ๆ แต่อย่าตื่นนะ หลับตาไว้ๆ” กริสน์บอก จีจ้าทำท่างัวเงียแล้วนอนลงไป
“นิทาน..เอ่อ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว นาน....จนจำไม่ได้ จบ!”
“อ้า...ไม่เอาอ่ะ” จีจ้าโวยวายและทำท่าจะกรี๊ด
“โอย...ได้ๆ...กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเจ้าชาย”
“เจ้าหญิง” จีจ้าเปลี่ยนเนื้อเรื่อง
“มีเจ้าหญิงองค์หนึ่ง สวยมาก วันหนึ่ง เจ้าหญิงไปเดินตลาด เจอเจ้าชายขี่ม้ามา ทั้งคู่รักกัน แต่งงานกัน และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข”
“ไม่สนุกเลย เอาบู๊ๆ หน่อยสิ”
“หลังแต่งงานได้ไม่นาน เจ้าหญิงก็จับได้ว่าเจ้าชายเป็นสายลับตำรวจที่ปลอมตัวมาสืบเรื่องธุรกิจผิดกฏหมาย”
“เจ้าหญิงเลยสั่งทหารห้าสิบคนให้จับตัวเจ้าชาย” ภัทรดนัยต่อให้ “แต่เจ้าชายเก่งมาก ทั้งเตะต่อยโดดตีลังกาจระเข้ฟาดหางสู้จนทหารห้าสิบคนแพ้ราบคาบไปหมด”
จีจ้าลืมตาขึ้นอย่างตื่นเต้น “โว้ว สนุกๆ เอาอีกๆ”
“แล้วเจ้าชายก็หนีไปได้..จบภาคหนึ่ง พรุ่งนี้มาฟังภาคสองต่อนะ ตอนนี้นอนได้แล้ว นะ” กริสน์ตัดบท
“ไม่ง่วงแล้ว จะฟังต่อ”
“เฮ้ย!! ไม่ง่วงไม่ได้ ต้องนอน..นอนเดี๋ยวนี้” กริสน์เอาผ้าห่มคลุมหัวจีจ้า
“ไม่นอนๆ”
จีจ้าลุกขึ้นมาทั้งผ้าห่มแล้วเล่นสนุกสนาน หัวเราะคิกคัก มือไม้ปัดป่ายจนฟาดหน้ากริสน์กับภัทรดนัยไปหลายที
“ทนไม่ไหวแล้วนะ” กริสน์โพล่งขึ้น
จีจ้าพยายามลุก แต่กริสน์กระโดดไปขวางประตูแล้วใส่กลอน จีจ้าไม่ยอมนอน เธอมุดลงไปใต้เตียง กริสน์คว้าขาจีจ้าลากออกมาแล้วจับบังคับให้นอน พร้อมกับเอาผ้าห่มคลุมตัว จีจ้าดิ้นจนหลุดไปได้อีก
กริสน์กับภัทรดนัยวิ่งไล่จับจีจ้าไปทั่วห้อง

เวลาเดียวกันนั้น พิมมาดาเดินร้องไห้อย่างขมขื่นเข้ามาในห้องรับแขก เธอนั่งลงบนโซฟา พอหันหน้าไปที่ด้านหนึ่งก็ถึงกับชะงัก เมื่อเห็นรูปของพี่สาว และพี่เขย ที่กอดเด็ก 3 คนอยู่ หน้าตาของทุกคนในรูปยิ้มแย้มเบิกบาน พิมมาดาอึ้งไป
พร้อมกับที่ภาพเหตุการณ์ในอดีตเมื่อ 2 ปีก่อน ย้อนกลับมาในความคิดคำนึง
วันนั้น ที่ริมถนนแห่งหนึ่ง พิมมาดาเดินจูงเด็กๆ มาเป็นแถว มีพี่สาวพี่เขยช่วยดูแล
“ดูยายพิมสิ ยังกับลูกคนโตของเราเลย” พี่เขยแซว
พี่สาวหัวเราะ “ตอนพิมเกิด พลอยอายุ17 แล้วนี่คะ ตอนนั้นพลอยก็เลี้ยงพิมมาเหมือนกับเลี้ยงตุ๊กตาเลย”
“ใช่สิ พิมโกร๊ธ โกรธ ตอนพี่พลอยมียายแจ๊ส..พิมอิจฉา กลัวยายแจ๊สจะมาแย่งพี่พลอย..ที่พิมอุบอิ๊บแล้ว..ว่าเป็นแม่ของพิม” พิมมาดาบอก
ทุกคนหัวเราะพร้อมกัน
ทันใดนั้นเอง มีเสียงดังเอะอะอยู่ข้างหน้า มองไปเห็นคนกำลังมุงดูอะไรบางอย่างอยู่
“อะไรกันน่ะ คนตีกันเหรอ” พิมมาดาถาม
ในวงไทยมุง มีชายเมายาบ้ากำลังจับเด็กหญิงที่อยู่ในชุดนร.อนุบาลอยู่
“คนเมายาบ้าๆ” ชาวบ้านตะโกน
“อย่าทำเด็กๆ ปล่อยเด็กๆเดี๋ยวนี้” ชาวบ้านร้องบอกคนเมายาบ้า
ผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนเสียงดัง “ช่วยลูกชั้นด้วย..แกอย่าทำอะไรลูกชั้นนะ แกจะเอาอะไร บอกมาๆ ชั้นจะให้ทุกอย่าง ขอให้แกปล่อยลูกชั้น”
ชายเมายาบ้าชูปืนขึ้นชี้ฟ้า ส่วนมือนึงก็ลากเด็กไปด้วย “ไม่ปล่อยเว้ย ไม่ปล่อย ใครไม่อยากตาย อย่าแส่”
เด็กผู้หญิงร้องไห้จ้า
“ตายล่ะ..เราไปกันเถอะ นุ..น่ากลัวจัง” พี่สาวบอกทุกคน
“คุณพาเด็กๆไปซะ ผมจะไปช่วยเขาเอง” พี่เขยพูดแล้วแหวกคนเข้าไป
“พี่นุคะ..รอให้ตำรวจมาไม่ดีกว่าเหรอคะ” พิมมาดาบอก
พี่เขยหันมาพูด “กว่าตำรวจจะมา เด็กจะแย่เอาล่ะสิ พวกเรานั่นแหละ รีบไปไกลๆเลย” แล้วพี่เขยก็รีบเข้าไปทันที
พี่สาว พิมมาดาและเด็กๆ ยืนจูงมือกันอย่างละล้าละลังและลังเล พี่เขยค่อยๆ เดินเข้าไปหาคนเมายาบ้าอย่างระมัดระวังแล้วพูดกล่อม
“พี่ชายครับ..พี่ชาย..ใจเย็นๆนะครับ พี่ชายต้องการอะไร บอกผมสิ ครับ”
“ใครเป็นพี่มึง หา ไอ้แส่ ใครเป็นพี่มึง” ชายเมายาบ้าตะคอกกลับ
“เด็กร้องไห้ใหญ่แล้ว พี่สงสารเด็กเถอะครับ พี่ทำเด็กไม่มีทางสู้แบบนี้ ไม่ดีเลยนะครับ”
“แล้วมึงดีนักหรือ ถุย อยากเป็นพระเอกหรือมึง ไอ้ฟายเอ๊ย” ชายเมายาบ้ายิงเปรี้ยงมาที่พี่เขย ลูกปืนพุ่งเข้ากลางอกจนพี่เขยทรุดไป
พิมมาดา พี่สาว และเด็กๆ ต่างพากันร้องกรี๊ดด้วยความตกใจ
“นุ! นุ” พี่สาวตะโกนสุดเสียงแล้วก็ปล่อยมือทุกคนด้วยความลืมตัว เธอวิ่งแหวกคนเข้าไปหาแฟนทันที
“นุ..นุโดนยิง ช่วยด้วยๆๆ” พี่สาวเข้าไปประคองพี่เขยทันที
ชายเมายาบ้าตกใจจึงหันปืนมายิงใส่พี่สาวอีกนับไม่ถ้วน เป็นจังหวะเดียวกับที่แจ๊สและโจ๊กมองเห็นเหตุการณ์ก็ช็อคจนถึงกับนิ่งไป
พี่สาวฟุบลงไปนอนทับบนตัวพี่เขย ผู้คนวิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่น พิมมาดาร้องกรี๊ด รีบกอดเด็กๆทั้ง3 ไม่ให้หันไปมอง
ทันใดนั้นตำรวจก็มาถึงพอดี
“หยุดเดี๋ยวนี้..ทิ้งปืน!”
ชายเมายาบ้าหันไปกระชากมือเด็กผู้หญิงมาแล้วทำท่าจะยิงเด็ก ด้วยความแม่นปืนตำรวจยิงไปที่คนเมายาบ้าทันที ชายเมายาบ้าล้มลง
ตำรวจอีกหลายคนพุ่งเข้ามาช่วยเด็กที่คนร้ายจับแขนเอาไว้แน่น พิมมาดากอดเด็กๆ ไม่ให้เข้าไปหาพี่สาวกับพี่เขยที่นอนแน่นิ่งอยู่
“พี่พลอยๆๆ ฮือๆๆ ไม่นะ ไม่เอา ต้องไม่ใช่อย่างนี้สิ ไม่ๆ” พิมมาดาคร่ำครวญ เด็กๆ ก็ร้องไห้กันระงม
พิมมาดาร้องไห้โฮ แจ๊สกับจีจ้าก็ร้องไห้ไม่หยุด โจ๊กแอบมองร่างไร้วิญญาณของพ่อกับแม่ผ่านช่องแขนของพิมมาดา เขาร้องไห้แต่ก็มีแววตาแค้นและมุ่งมั่น
กลับมาที่ปัจจุบัน พิมมาดาที่นั่งร้องไห้เพราะสงสารตัวเองค่อยๆ สงบลง พิมมาดายื่นมือไปหยิบรูปครอบครัวของพี่สาวขึ้นมาแล้วใช้นิ้วลูบกระจกกรอบรูปเบาๆ
“พี่นุ..พี่พลอย..พิมขอโทษค่ะ..พิมต้องทำให้ได้ พิมจะต้องไม่ยอมแพ้ พิมสัญญา ว่าพิมจะทำหน้าที่แทนพี่สองคน เลี้ยงหลานให้ดีที่สุดค่ะ”
สีหน้าพิมมาดามุ่งมั่น

ในห้องนอนที่เซฟเฮ้าส์ จีจ้าเริ่มเคลิ้มและนิ่งไป มีเสียงของกริสน์กับภัทรดนัยกำลังร้องเพลงกล่อม ทั้งสองพยายามร้องเพลงและเต้นเพื่อกล่อมจีจ้า
กริสน์กับภัทรดนัยร้องเพลงสลับกันคนละท่อน ภัทรดนัยโชว์สเต็ปเต้นอย่างเต็มที่ จีจ้าค่อยๆ หลับไป ทั้งสองยังคงร้องไป เต้นไป ส่วนจีจ้าก็ผลอยหลับไปเรียบร้อยแล้ว

เช้าวันใหม่ ที่บ้านพิมมาดา พิมมาดาอยู่ในสภาพอ่อนเพลียเพราะไม่ได้นอนทั้งคืน เธอนั่งพิงขั้นบันไดหน้าบ้านอยู่กับโจ๊กและแจ๊สอย่างหมดอาลัย
เต๋าเดินถือถาดที่มีถ้วยนมร้อน 3 ถ้วยเข้ามาให้
“รับอาหารเช้ากันก่อนนะคะ ทุกคน เพื่อเตรียมเผชิญสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ เราต้องมีพลังกาย พลังใจที่แข็งแกร่งก่อนค่ะ”
“คอยดู ถ้าจีจ้าเป็นอะไร โจ๊กจะตามล่ามันให้สุดขอบโลก โจ๊กจะไม่เป็นคนดีแล้ว เราจะเป็นคนดีไปทำไม เมื่อคนดี ต้องแพ้คนเลว” โจ๊กพูดอย่างมุ่นมั่น
“ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะโจ๊ก” เค้กถาม
“จะไปโทษผู้ร้ายไม่ได้หรอก โจ๊ก ที่จีจ้าหนีไป เพราะใครคือต้นเหตุ” แจ๊สบอก
“แจ๊ส..หมายความว่าไง” พิมมาดาถาม
เต้ยยกจานขนมปังทาเนยเข้ามาพอดี “โธ่ๆๆ ไม่เอานะคะ ไม่เอาๆ เราก็เหลือกันอยู่แค่นี้ อย่าตีกันนะคะ คุณน้า คุณหลาน”
“เต้ยหาว่าชั้นตีกับหลานเหรอ เต้ยหาว่าชั้นเป็นเด็ก.. เต้ยพูดแบบนี้ได้ไง” พิมมาดาเริ่มฉุน
“เห็นไหม ก็แบบนี้ทุกที..ถือว่าตัวเองตัวโตกว่า เสียงดังกว่า อย่างนี้แจ๊สหนีไปให้โจรมันหั่นเป็นชิ้นๆแล้วส่งมาให้คนบ้านนี้เป็นที่ระลึกมั่งดีกว่า”
“มา..งั้นมาเลย น้าจะเป็นคนหั่นแจ๊สเอง” พิมมาดาถือที่ทาแยมขึ้นมา “จะให้หั่นตรงไหนก่อนล่ะ”
“พอแล้ว...พิม!! หยุด...อย่าทะเลาะกันเลย” เค้กปราม
พิมมาดาวิ่งไล่แจ๊ส แจ๊สวิ่งหนีไปรอบๆ ตัวเต๋า เต้ยร้องวี้ดๆ
“แจ๊สสู้ๆๆ แจ๊สสู้ๆๆ” โจ๊กเชียร์
ทันใดนั้นก็มีบุรุษไปรษณีย์ขี่มอเตอร์ไซค์มาหยุดกดออดที่หน้าบ้าน
“คุณพิมมาดา เซ็นรับพัสดุด้วยครับ”
“พัสดุ..” พิมมาดาตกใจ ปล่อยที่ทาแยมหล่นลงพื้น “ไม่นะ..ไม่จริง จีจ้า ฮือๆๆ”
บุรุษไปรษณีย์ทำหน้างงๆ เต๋ารีบเซ็นต์รับพัสดุ
“ทำใจดีๆก่อนค่ะคุณพิม มันอาจจะไม่ใช่อะไรอย่างที่เราคิดก็ได้..เต๋าเปิดดูนะคะ” เต๋าค่อยๆเปิดกล่องออก “หู..”
“หู..หูจีจ้าใช่มั้ย..จีจ้า!” พิมมาดาตกใจ
“ไม่..ไม่จริง” แจ๊สกับโจ๊กประสานเสียง
บุรุษไปรษณีย์ตกใจ รีบขับมอเตอร์ไซด์ออกไปอย่างรวดเร็ว
“หูว์ว์ว์...” เต๋าหยิบของในกล่องออกมา เป็นน้ำหอมในขวดแก้วสวย “น้ำหอม”
“ของเต้ยค่ะ สั่งซื้อทางอินเตอร์เนท..มาถึงเร็วกว่าที่คิดนะเนี่ย” เต้ยรีบบอก
“อีบ้า ทำตกใจหมดเลย..แล้วทำไมไม่ซื้อในชื่อตัวเอง” เต๋าดุ
“ก็ชั้นอายอ่ะ เดี๋ยวเค้ารู้ว่าชั้นใช้น้ำหอมกลิ่นอียิปเชี่ยนไวอะกร้า”
“แกจะอายทำไม เค้ารู้จักแกหรือไง” เต๋าถาม
อยู่ๆ พิมมาดาก็ร้องไห้โฮเหมือนสุดทน เพราะรู้สึกว่าทำอะไรไม่ได้แล้ว ทุกคนมาช่วยปลอบ
“คุณพิม” เต๋าหันมาต่อว่าเต้ย “ดูสิเพราะแกคนเดียวเลย”
“คุณพิมขา..เต้ยไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษนะคะๆ..อย่าเศร้านะคะ เดี๋ยวเต้ยให้ลองอียิปเชี่ยนไวอะกร้านะคะ จะได้สดชื่น”
“อีเต้ย!” เต๋าตวาด
พิมมาดาหันไปเห็นขวดน้ำหอมก็นึกถึงสุขสันต์ เธอลุกพรวดพราดด้วยแววตามีประกายทันที
“นึกออกแล้ว”

ณ คฤหาสน์สุดหรูของสุขสันต์ สุขสันต์ในชุดทักซิโด้กำลังดูความเรียบร้อยของตัวเองหน้ากระจกเขามีท่าทางอารมณ์ดี ยืนเช็กความหล่อในทุกๆมุม โดยมีลูกน้องคอยช่วยจัดเสื้อ จัดเนคไท จัดทรงผมให้
สุขสันต์ยกมือให้สัญญาณ พวกลูกน้องเก็บอุปกรณ์แล้วพากันเดินออกไป
สุขสันต์เลือกนาฬิกาที่มีอยู่เป็นคอลเล็คชั่นมาสวม อยู่ๆ โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้ๆ กันก็ดังขึ้น สุขสันต์มองหาโทรศัพท์แล้วหยิบขึ้นมา
สุขสันต์ดูเบอร์ แล้วยิ้มทันที “สวัสดีครับคุณพิมมาดา..มีอะไรให้ผมรับใช้เหรอครับ..วันนี้เหรอ อืม ยังพอว่างอยู่ครับ..ได้สิครับ..งั้นเดี๋ยวสักพักผมไปหาคุณที่ร้านนะครับ..ไม่ต้องเกรงใจครับ สำหรับคุณพิมแล้ว ผมว่างเสมอ..แล้วเจอกันครับ”
สุขสันต์วางสายพร้อมกับยิ้มหน้าบาน

ที่เซฟเฮ้าส์ กริสน์กับจีจ้านอนก่ายกันอยู่ที่พื้นห้อง เท้าของจีจ้าเกยอยู่บนยอดอกของกริสน์ ทั้งคู่หลับสนิท แต่สักพักก็มีเสียงดังแก๊กขึ้นมา
กริสน์ลืมตาพร้อมกับยันตัวขึ้นมาเพื่อฟังเสียงที่เกิดขึ้น เขามีสัญชาตญาณระวังตัวทันที
“จีจ้า..จีจ้า..ตื่น” กริสน์เรียก
จีจ้าสะดุ้งแล้วลุกมานั่ง “ค่า ตื่นแล้วค๊า”
เสียงคนเดินเข้ามาใกล้ขึ้นๆ มาหยุดที่หน้าห้องนอน กริสน์ลุกไปที่หน้าประตู จีจ้าล้มตัวหลับต่อทันที
มีคนบิดลูกบิดจากภายนอก กริสน์เตรียมพร้อม ทันใดนั้นเองประตูก็เปิดออก
กริสน์คว้าคอคนที่มา เขาชกเข้าที่หน้าแล้วกระชากมาจับทุ่มกดลงไปกับพื้นอย่างรวดเร็วทันที
“ไอ้ภัทรดนัย” กริสน์เซ็ง
“เออ ชั้นเอง.....โอ๊ยยย 3หมัดแล้วนะไอ้บ้า แกอัดเพื่อนแกยังงี้กี่ทีแล้ว ชั้นจะตายก็เพราะแกนี่แหละ โอย”
“ใครให้แกมาเงียบล่ะวะ ชั้นก็คิดว่าใครจะมาทำอันตราย”
“แกจะให้ชั้นร้องตะโกนก่อนเข้ามาหรือไง..เอ้า ตื่นยังวะ จะบุกเข้าไปแล้วนะโว้ยยยยย..ยังงี้เหรอ ไอ้บ้า”
ทันใดนั้นเอง กลุ่มมือสังหารอาชีพก็ปีนแล้วกระโดดเข้ามาทางหน้าต่างห้อง อีกคนเปิดประตูห้องเข้ามา ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มือสังหารต่างถือปืนเล็งไปที่กริสน์และภัทรดนัย กริสน์และภัทรดนัยยืนหลังชนกันแล้วยกมือขึ้นทันที
“ยอมแล้ว อย่ายิง” ภัทรดนัยบอก
ชายมือสังหารคนหนึ่งเล็งปืนไว้ เมื่อเห็นว่าได้ตัวแน่แล้ว ก็หันไปให้สัญญาณผ่านว. “ได้ตัวเป้าหมายแล้ว”
อยู่ๆ จีจ้าก็ลุกขึ้นมานั่ง
“เงียบๆหน่อย คนจะนอน”
มือสังหารทั้งสองตกใจที่มีเด็กอยู่ด้วยเพราะไม่ได้คาดคิดมาก่อน กริสน์กับภัทรดนัยอาศัยจังหวะนั้น ซัดสองมือสังหารจนกระเด็นคว่ำไปทันที
“หนีเร็ว!” กริสน์ตะโกนบอก
กริสน์หันไปมองพบว่าภัทรดนัยกำลังลากผู้ร้ายคนหนึ่งเข้าไปในห้องน้ำ
“อ้าว ทำอะไร ไอ้ภัทรดนัย”
“แกพาเด็กไปเลย เดี๋ยวชั้นจัดการทางนี้ก่อน”
กริสน์หันไปปลุกจีจ้า “จีจ้า...ตื่นเร็ว!”
“ค่า ตื่นแล้วค๊า”
“มาเร็ว” กริสน์จะวิ่งไปแต่ก็ต้องชะงักเพราะจีจ้าล้มลงไปนอนอีก “จีจ้า!! ตื่นๆๆ”
จีจ้าไม่ยอมตื่น กริสน์รีบช้อนตัว อุ้มจีจ้าขึ้นมา “เกาะไว้”
จีจ้านอนเผละ ไม่เกาะ ไม่จับอะไรทั้งนั้น
“จีจ้าเกาะชั้นหน่อย จะเป็นราชินีนักบู๊ก็ตื่นมาบู๊สิ อย่าเอาแต่หลับ เกาะชั้นเร็วๆ” จีจ้าเอาแต่หลับ “ทีอยากให้เกาะไม่เกาะนะ!”

กริสน์อุ้มจีจ้าจะวิ่งออกประตู แต่ก็ต้องรีบเบรคเพราะมีมือสังหารอีกคนวิ่งเข้ามา
“เฮ้ย!”
“ชู่ว์..........เบาๆ เดี๋ยวเด็กตื่น..เก็บปืนด้วย!” กริสน์กระซิบเสียงเบา
กริสน์ทำเป็นกล่อมเด็กหลอกล่อ ผู้ร้ายงงๆ กริสน์ฉวยโอกาสโยนจีจ้าให้ผู้ร้าย ผู้ร้ายปล่อยปืนตกพื้นแล้วรับจีจ้าเอาไว้ กริสน์เตะผู้ร้ายกระเด็นคว่ำไปแล้วแย่งจีจ้าคืนมา จีจ้ารู้สึกตัวขึ้นมาพอดี
“ลูกพี่จะสอนคิวบู๊แล้วเหรอ” จีจ้าสลึมสลือ
“ตายๆๆ” กริสน์เซ็ง
กริสน์ผงะเพราะได้ยินเสียงมือสังหารอีก3-4 คนกำลังวิ่งกรูกันขึ้นมา กริสน์ถอยกลับเข้าห้อง กดล็อกประตู แล้วรีบเลื่อนข้าวของมาบังประตูเอาไว้
ภัทรดนัยออกมาจากห้องน้ำโดยใส่ชุดของผู้ร้ายซึ่งมีผ้าคลุมหน้าด้วย
“ลูกพี่ ผู้ร้ายมาแว้ว” จีจ้าตะโกนบอกแล้ววิ่งไปเตะหน้าแข้งภัทรดนัยเต็มแรง
“อ๊ากก.”
ภัทรดนัยเปิดหมวกคลุมหน้าออกมา
“เตะทำไม...ชั้นเอง...เจ็บนะ”
“อ้าว...น้าเอง นึกว่าผู้ร้ายอ่ะ”
“สมแล้ว” กริสน์บอก
กริสน์มองหาทางหนีใหม่ เขาวิ่งไปที่หน้าต่างเห็นเชือกที่ผู้ร้ายคนแรกใช้เหวี่ยงตัวเองเข้ามาก็พูดกับตัวเอง
“เอาไงดีวะๆ”
กริสน์เห็นตะกร้าผ้าล้มอยู่ เขายกเท้าสะกิดให้ตะกร้ากระเด้งขึ้นมาตั้ง แล้วเอาจีจ้าใส่ลงไปในตะกร้า จากนั้นก็ถอดเข็มขัดมาคล้องเข้ากับหูตะกร้าทั้งสองข้าง
ประตูที่โดนทุบโดยกลุ่มมือสังหารเริ่มพังแล้ว กริสน์หิ้วตะกร้าที่มีจีจ้าไปที่หน้าต่าง เขาใช้มืออีกข้างจับเชือกไว้แล้วปีนลงทันที
“คุ้มกันชั้นด้วยนะ”
“ได้...ไปเลยเร็ว” ภัทรดนัยบอก
กลุ่มมือสังหารพังประตูเข้ามาพอดี ทั้งหมดพุ่งเข้ามาเป็นพรวน ภัทรดนัยรีบปิดที่คลุมหน้า
“ไปไหนแล้ว” กลุ่มมือสังหารถามภัทรดนัยที่คลุมหน้าอยู่
ภัทรดนัยรีบบอก “เฮ้ย...มันออกไปทางเดิมแล้ว” ภัทรดนัยชี้ไปทางที่กลุ่มมือสังหารพังเข้ามาแล้วรีบวิ่งสวนออกไป
“อะไรวะ...ไปยังไงวะ แล้วทำไมไม่เห็น ไป...!” กลุ่มมือสังหารงงแต่ก็รีบวิ่งตามภัทรดนัยไป

ที่หลังบ้านกริสน์ จีจ้าที่อยู่ในตะกร้าถูกหย่อนลงมาด้วยเชือก พอถึงพื้นจีจ้าก็รีบแก้ปมเชือกออก สักพักกริสน์ก็ค่อยๆ รูดตัวลงมาด้วยเชือกเส้นนั้น
จีจ้าล้วงหยิบยาในกระเป๋าของตัวเองออกมาแล้วกำลังจะพ่นให้ตัวเอง แต่อยู่ๆ มือสังหารคนหนึ่งก็โผล่หน้าขึ้นมา
“ว้าย” จีจ้าตกใจจนทำยาพ่นหลุดมือแล้วกลิ้งหล่นลงไปที่พื้นข้างล่าง
“เก็บปืนก่อนดีมั้ย..เด็กอยู่นะ..เดี๋ยวจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อเยาวชน จริงมั้ย” กริสน์บอกมือสังหาร จีจ้าพยักหน้าเห็นด้วย
มือสังหารเก็บปืน กริสน์เข้าไปต่อสู้ทันที เขาเตะกวาดมือสังหารจนหงายหลังก้นจ้ำเบ้า แล้วจะหนี
“ยาพ่น” จีจ้าร้องบอก
“ชู่ว์...รู้แล้วๆ” กริสน์ทำสัญญาณให้เบาเสียง
กริสน์มองไปเห็นยาพ่นอยู่ที่พื้นอีกด้าน เขาจะเข้าไปเก็บขึ้นมา แต่ยังไม่ทันได้เก็บกลุ่มมือสังหารก็วิ่งมาคว้ายาพ่นตัดหน้าไป กริสน์กับมือสังหารที่หยิบยาพ่นต่างก็ชะงักไป
“ยาของเด็ก ขอเถอะ” กริสน์บอก
“แลกกับตัวแก”
“บ้า..อยู่ๆมาขอตัว ผู้ชายเหมือนกันนะ” กริสน์พูดทีเล่นทีจริง
“ไม่ตลก”
กริสน์จ๋อย “ไม่ชอบตลกเหรอ งั้น..บู๊ล่ะชอบมั้ย”
กริสน์ถีบเปรี้ยงเข้าไปที่มือสังหารคนนั้นแล้วแย่งยาพ่นมาได้ เสียงจีจ้าร้องดังมาจากอีกด้าน กริสน์หันไปมองพบว่าจีจ้ากำลังถูกมือสังหารอีกคนดึงตัวออกจากตะกร้า จีจ้ากัดมือชายคนนั้นแล้วรีบวิ่งไปหากริสน์
“ไม่รู้จักจีจ้าราชินีนักบู๊ซะแล้ว ย๊าก”
“จีจ้า มานี่” กริสน์เรียก
จีจ้ารีบวิ่งไปกระโดดเกาะกริสน์แน่น โดยที่เธอมีอาการหอบ
“เป็นคนหรือเป็นปลิงวะเนี่ย”
กริสน์รำพึงแล้วรีบเอาไม้แถวนั้นตีผู้ร้ายจนสลบฟุบคาที่แล้วเขาก็ตั้งท่าจะหนี
“ยา..”จีจ้าถาม
“อยู่นี่ เอ้า”
กริสน์กำลังจะพ่นยาให้จีจ้า แต่มือสังหารอีกคนโผล่มาจากอีกด้าน
“เก็บปืนก่อนเถอะ มีเด็กป่วยเป็นหอบอยู่...ขอพ่นยาก่อนนะ”
กริสน์บอก จีจ้าทำเป็นหอบ แต่มือสังหารไม่บ้าจี้ด้วย เขายกปืนขึ้นมายิงเฉี่ยวกริสน์ไปนิดเดียว
“เฮ้ย...ยิงจริงโว้ย ใจดำจริงๆ บอกมีเด็กยังยิงอีก” กริสน์บ่นแล้วรีบพาจีจ้าหนี เขาหาจังหวะพ่นยาให้จีจ้า ซึ่งพ่นได้หนึ่งครั้ง มือสังหารก็ยิงมาอีกเป็นชุด
กริสน์กับจีจ้าหลบกันเป็นพัลวัน
“ต้องพ่นสองที” จีจ้าบอก
“แล้วไม่บอกก่อนเล่า วุ้ย” กริสน์หนีไป พูดไป เขาวิ่งหนีไปทางหน้าบ้าน “อย่ายิงนะ เดี๋ยวโดนเด็ก”
มือสังหารไม่สนใจยังคงยิงต่อ กริสน์เห็นท่าไม่ดีจึงควักปืนออกมาบ้าง
“พูดไม่ฟัง ตาชั้นยิงมั่งละนะ”
“เอาเลยลูกพี่...เย้ๆ...แฮกๆๆ” จีจ้าเชียร์แต่ก็เริ่มหอบหนัก “ฮา...ฮา...ลูกพี่”
“หอบแล้วยังจะพูดมากอีก” กริสน์พูดแล้วยิงสวนออกไป
กริสน์ได้จังหวะรีบพ่นให้จีจ้าอีกรอบ จังหวะที่เขาวิ่งหนีออกไปหน้าบ้านมีมอเตอร์ไซค์มือสังหารขี่มา กริสน์ทำท่าจะยิง แต่คนขับเปิดหน้ากากหมวกกันน็อกออก กริสน์จึงเห็นว่าเป็นภัทรดนัย
“อย่ายิง ชั้นเอง ขึ้นมาเร็ว!”
กริสน์อุ้มจีจ้ากระโดดขึ้นไปซ้อน มือสังหารวิ่งมาดัก ภัทรดนัยโยนปืนอีกกระบอกให้กริสน์ กริสน์ยิงสวนไปทั้งซ้ายและขวา ภัทรดนัยขี่มอเตอร์ไซต์หนีไปได้ กลุ่มมือสังหารถึงกับเซ็งรีบหยิบมือถือขึ้นมากดเบอร์
“มันหนีไปได้ครับ คุณจตุพล”

ที่ร้านดอกไม้ สุขสันต์สั่งการพวกลูกน้องแล้วจึงแยกออกมาหาพิมมาดาที่กำลังร้อนใจอยู่ ฉัตรชัยเดินตามมาติดๆ
“คุณพิมไม่ต้องกังวลนะครับ ผมกระจายข่าวไปทางทุกสถานีตำรวจ ส่งรูปเด็กไปให้หมดแล้วนะ ผมจะเป็นธุระเรื่องตามหาจีจ้าให้เอง ถ้าลูกน้องผมได้อะไรคืบหน้า ผมจะรีบบอกให้คุณทราบ” สุขสันต์บอก
พิมมาดายกมือไหว้ “พิมขอบคุณคุณสุขสันต์มากนะคะ พิมไม่รู้จะพึ่งใครแล้วจริงๆ”
“ผมสิต้องขอบคุณคุณพิมมาก ที่คุณพิมคิดถึงผมเวลาที่มีปัญหา..ขอบคุณมากนะครับ”
“คุณสุขสันต์พูดจากใจจริงๆนะครับ ไม่ได้พูดเพราะหาเสียง” ฉัตรชัยรีบเสริม
“ดิฉันไม่ได้คิดแบบนั้นซะหน่อย” พิมมาดาบอก
เค้ก เต๋าและเต้ยที่แอบมองอยู่มุมหนึ่งของร้านแอบฮือฮากัน สักพัก โจ๊กกับแจ๊สเดินเข้ามามอง
“จีจ้ายังหายตัวไป น้าพิมยังมีอารมณ์นัดเดทอีกเหรอครับ” โจ๊กถาม
“โจ๊ก! อย่าพูดอะไรเหลวไหล” พิมมาดาดุหลาน
โจ๊กหันไปเห็นแววตาสะใจของสุขสันต์ เขาจึงถลึงตาสู้
“โจ๊ก แจ๊ส ทำไมไม่สวัสดีผู้ใหญ่” พิมมาดาบอกหลานทั้งสอง
โจ๊กสบตาแจ๊ส แล้วต่างพากันไหว้กราดท่วมหัวแบบประชด
“เอ่อ ผมว่า ผมขอตัวกลับก่อนดีกว่านะครับคุณพิม..พอดีผมมีสัมมนาอนาคตเด็กไทยด้วย ต้องรีบไปเตรียมตัวซะหน่อย” สุขสันต์ขอตัว
“ค่ะๆ พิมขอโทษด้วยนะคะ”
ทันใดนั้นเองจีจ้าก็วิ่งกลับเข้ามา “กลับมาแล้วค่า”
“จีจ้าๆ” เค้ก โจ๊กและแจ๊สพูดขึ้นพร้อมๆกัน
“จีจ้า!” พิมมาดา โจ๊ก และแจ๊สประสานเสียงแล้วทั้ง3 ก็โผกอดจีจ้าทันที “จีจ้าไม่เป็นอะไรนะ แขน ขา หูยังอยู่ครบใช่มั้ย จีจ้า แล้วนี่ เธอกลับมาได้ยังไง หนีออกมาเหรอ”
จีจ้ายิ้ม “มีคนมาส่ง”
พิมมาดาเอะใจ

กริสน์ยืนอยู่ที่หน้าร้านดอกไม้ พิมมาดาเดินจ้ำออกมา
“ผมเอาหลานคุณมาส่งแล้วนะ ต่อไปก็ดูแลดีๆ อย่าให้..”
กริสน์ยังไม่ทันพูดจบ พิมมาดาก็เดินพรวดเข้าไปตบหน้าเขาอย่างแรงทันที จากนั้นพิมมาดาก็ไล่ทุบตีกริสน์เป็นชุด “คนเลว นายมันไม่ใช่คน จิตใจนายทำด้วยอะไร ทำได้แม้แต่เด็กตัวเล็กๆ ไอ้ชั่ว ไอ้บ้า โรคจิต สารเลว”
“เฮ้ย อะไรเนี่ยคุณ หยุดๆๆๆ ฟังผมก่อนๆ โว้ย ฟังก่อนได้มั้ย!! ผมไม่ได้ลักพาตัว จีจ้าตามผมไปเอง..ผมจะเอามาคืนให้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่คุณพูดมาก ไม่ฟังอะไรเลย ผมก็เลยแกล้ง..แต่ผมไม่เอาอีกแล้วเด็กคนนี้ เอาคืนไป”
“โกหก ชั้นจะแจ้งตำรวจจับนายเข้าคุก” พิมมาดาไม่เชื่อ
“นี่คุณ!! ก่อนจะมาด่าผม ด่าการเลี้ยงหลานของคุณเองก่อนเถอะ เลี้ยงประสาอะไร สะเพร่าสุดๆ..ถ้าวันนึงจีจ้าหนีออกจากบ้าน แล้วไปเจอคนที่คิดไม่ดีจริงๆเข้า จะเป็นยังไง”
จีจ้าวิ่งตามออกมาแล้วพูด “จีจ้านั่งมอไซค์ตามลูกพี่กริสน์ไปเองจริงๆ น้าพิมอย่าว่าลูกพี่กริสน์เลยนะ แล้วเดี๋ยวพี่เต๋าเอาค่ามอไซค์ไปจ่ายพี่ตุ้ย วินเบอร์8 50บาทด้วยนะคะ”
พิมมาดาอึ้ง
“ซึ้งยังล่ะทีนี้” กริสน์พูดแล้วจะเดินหนีไป แต่บอดี้การ์ดของสุขสันต์ขวางอยู่ พวกบอดี้การ์ดตรงเข้าล็อกตัวแล้วหิ้วปีกกริสน์ทันที
“เฮ้ยๆๆ อะไรเนี่ย”
โจ๊ก แจ๊ส เค้ก เต๋า และเต้ยตามออกมาดู
“คุณพิมจะให้ผมจัดการให้ยังไงดีครับ..จับส่งตำรวจดีมั้ยครับ ผมสามารถเรียกตำรวจมาจับมันได้เดี๋ยวนี้เลย” ฉัตรชัยถาม
“อย่าทำอะไรลูกพี่กริสน์นะ ปล่อยๆ” จีจ้ากำหมัดแล้วตั้งท่า “ปล่อยพี่กริสน์เดี๋ยวนี้ ไม่งั้นอย่าหาว่าไม่เตือน” จีจ้าวิ่งเข้าไปตีฉัตรชัย “คนเลว นิสัยไม่ดี ปล่อยๆๆ”
“ไม่เอาน่าจีจ้า...หยุด...มาอยู่กับอา” เค้กปรามแล้วดึงจีจ้าออกมาจากฉัตรชัย
“ว่ายังไงครับคุณพิม” สุขสันต์ถามซ้ำ
“พิม...ชั้นว่า...อย่าไปเอาเรื่องเขาเลยนะ...นะๆ” เค้กบอก
“ปล่อยเค้าไปเถอะค่ะ” พิมมาดาบอก สุขสันต์ให้สัญญาณ พวกบอดี้การ์ดจึงปล่อยตัวกริสน์ เค้กทำท่าโล่งอก
“เราเข้าร้านกันเถอะค่ะ” พิมมาดาบอก
“ใช่ๆ เด็กๆ เข้าร้านกันดีกว่านะ” เค้ก เต๋าและเต้ยประสานเสียง
“เชิญครับ” สุขสันต์ผายมือบอก
กริสน์นั่งอยู่กับพื้นมองไปที่พิมมาดากับสุขสันต์ แต่แล้วก็ไปสะดุดตากับแหวนเพชรเม็ดเป้งที่สวมอยู่ในนิ้วมือของสุขสันต์
ภาพแหวนของนายทุนคู่ค้าในวันที่เจรจากับอธิป ผุดขึ้นมาในความคิด กริสน์จำได้ นึกออกทันที
“เฮ้ย”
สุขสันต์ และพิมมาดาชะงัก หันกลับมามองเป็นเชิงถามว่ามีอะไร เรียกทำไม
“เอ่อ คือ..เปล่า..ไม่มีอะไร๊”

เวลานั้นภัทรดนัยอยู่ในชุดสูท ดูดีผิดปกติ กำลังกดสเลอปี้อยู่ จู่ๆ กริสน์ซึ่งใส่เสื้อมีฮู้ดปิดบังอำพรางตัวเอง เดินเข้ามาจากด้านหลัง จับตัวภัทรดนัยเขย่าอย่างดีอกดีใจ
“ชั้นเจอแล้วๆๆๆๆๆๆ”
ภัทรดนัยเจอเขย่าๆๆๆๆๆ
“โว้ย สเลอปี้กระฉอกหมดแล้ว อะไรของแก เจออะไร”
“แกจำได้มั้ย ที่ชั้นบอกว่าชั้นไม่เห็นหน้านายทุนใหญ่ที่เจรจาธุรกิจผิดกฎหมายกับเสี่ยอธิป แต่ชั้น
เห็นว่ามัน” กริสน์ชูมือขึ้นมา “สวมแหวนเพชรเม็ดเป้งที่” ค่อยๆ หดนิ้วอื่นๆ ลงจนเหลือแค่นิ้วชี้ “นิ้ว..ชี้มือขวา”
ภัทรดนัยรู้สึกโล่งอกเอ่ยออกมา “ดีนะที่เป็นนิ้วชี้”
“แล้วชั้นก็เจอแล้วเว้ย” กริสน์บอก
“เจอแหวน” ภัทรดนัยเดา
“เจอคนดิวะ”
“จริงเหรอวะ มันคือใคร”
“มัน” กริสน์ชี้ไปที่แผงหนังสือพิมพ์ในร้าน
ภัทรดนัยมองตามไป เห็นเป็นสุขสันต์ก็ตาโต ตกใจ แล้วอยู่ๆ ก็หันมาตบกบาลกริสน์ ดังเพี๊ยะ
“เฮ้ย แกตบชั้นทำไมวะ” กริสน์งงๆ
“ไอ้ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง คุณสุขสันต์เค้าเป็นคนดี เป็นนักการเมืองน้ำดี ทำเพื่อประชาชน เพื่อเด็กๆ และ
เยาวชนของชาติ ไปกล่าวหาเค้าทำไม”
“ชั้นพูดจริงๆ”
“ชั้นไม่เล่นด้วยนะ”

“ชั้นขอบใจแกมากที่ไม่เคยทิ้งกัน เราสองคนจะช่วยกันสืบให้รู้ให้ได้ว่าส.ส.สุขสันต์และพวกอธิปอยู่
เบื้องหลังธุรกิจผิดกฎหมายอะไร..งานนี้ถ้าทำสำเร็จ เราสองคนจะล้างมลทิน ข้อกล่าวหาทั้งหมด ชั้นจะได้กลับมายืนอยู่ในสังคมนี้ได้อย่างเปิดเผยอีกครั้ง” กริสน์พูดชวนซึ้ง
“ชั้นบอกว่าชั้นไม่เล่นด้วย เข้าใจมั้ย ไม่ๆๆๆ”
ภัทรดนัยพูดย้ำ บอกให้รู้ว่ายังไงก็ไม่เล่นด้วย แต่กริสน์ไม่สนเอาแต่กอดภัทรดนัยอยู่อย่างนั้น
“ขอบใจแกมากไอ้เพื่อนรัก”

ภัทรดนัยทำหน้าเอือมระอาอย่างเต็มกลืน










Create Date : 31 มกราคม 2555
Last Update : 31 มกราคม 2555 13:11:54 น.
Counter : 371 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]