All Blog
มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 12




พิมมาดามาตามนัด และยืนอยู่ใต้สะพานริมน้ำที่แสนเปลี่ยวแห่งหนึ่ง พิมมาดากวาดสายตาไปรอบๆ อย่างหวาดหวั่น แต่ก็ไม่เห็นใคร ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังจนเธอสะดุ้ง

“ฮัลโหล...คุณแฮบปี้เหรอคะ? ค่ะ...พิมถึงแล้ว” พิมมาดามองหา “คุณอยู่ที่ไหนคะ?”
ทันใดนั้นสุขสันต์ที่สวมเสื้อโค้ท แว่นดำ และหมวกเพื่อพรางตัวก็โผล่ขึ้นที่ด้านหลังพิมมาดา พิมมาดาตกใจจนร้องกรี๊ด แต่ฉัตรชัยกับฮิมเข้ามาปิดปากพิมมาดาไว้
“อย่าร้องครับคุณพิม เจ้านายของพวกเราเองไงครับ” ฉัตรชัยบอก
พิมมาดาหยุดดิ้น ฉัตรชัยจึงปล่อยตัวเธอ สุขสันต์ถอดแว่นดำออกแล้วอ้าแขนออกเหมือนจะรับการสวมกอดของพิมมาดา แต่พิมมาดาชะงักมองสุขสันต์
“ท่านสุขสันต์จำเป็นต้องอำพรางตัวเพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจหน่ะครับไ ฉัตรชัยบอก
สุขสันต์เข้ามาสวมกอดพิมมาดา “ในที่สุดผมก็ได้พบคุณ...คุณพิม คุณรู้มั้ยว่าผมเป็นห่วงคุณมากแค่ไหน?”
พิมมาดาผละออกจากอกสุขสันต์แล้วมองตาเขา
“อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนี้ซิครับคุณพิม”
“พิมแค่สงสัยว่า ทำไมคุณถึงให้ข่าวกับสื่อไปแบบนั้นคะ?” พิมมาดาถาม
สุขสันต์เล่นบทโศกทำเป็นทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง ฉัตรชัยกับฮิมรีบเข้าไปดู
“ทำไมท่านไม่เล่าความจริงให้คุณพิมฟังละครับ?” ฉัตรชัยรับมุก
“จริงด้วยครับ จะมัวเก็บงำอยู่ทำไมครับท่าน?” ฮิมร่วมด้วย
สุขสันต์ทำท่ากลั้นน้ำตา “ไอ้ฉัตร...ให้ฮิม แกคิดว่าถ้าเล่าไปคุณพิมเค้าจะเชื่อฉันเหรอ? เค้าจะเชื่อเหรอถ้าฉันบอกว่า แพรวพิลาศ คือคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด!”
พิมมาดาได้ยินก็ถึงกับอึ้ง “คุณแพรว”
สุขสันต์ได้ทีรีบพูดต่อ “แล้วคุณพิมจะเชื่อมั้ยว่า แพรวพิลาศเป็นคนจัดฉากใส่ร้ายให้คุณพิมกลายเป็นเอเย่นผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ และแกสองคนคิดเหรอว่า คุณพิมเค้าจะยอมเชื่อว่า ที่ฉันต้องกลับไปคบหากับแพรวพิลาศ ประกาศตัดสัมพันธ์ รวมถึงให้ข่าวกับสื่อแบบนั้น ก็เพื่อให้เธอกับหลานๆปลอดภัย เพราะแพรวพิลาศขู่จะทำร้ายคุณพิมกับพวกเด็กๆถ้าหากฉันไม่ยอมกลับไปคืนดีด้วย” สุขสันต์ปล่อยโฮ
พิมมาดาเริ่มสับสน “จริงเหรอคะคุณแฮบปี้?”
“ท่านสุขสันต์ยอมเสี่ยงชีวิตมาหาคุณพิมที่นี่ ก็เพราะว่าท่านเป็นห่วงคุณพิมมากนะครับ” ฉัตรชัยบอก
“คุณพิมคือ ผู้หญิงที่ท่านรักที่สุดในชีวิต” ฮิมเสริม
“ช่างเถอะ” สุขสันต์มองตาพิมมาดา “ขอโทษนะครับที่เป็นต้นเหตุให้คุณพิมต้องเดือดร้อน ถึงแม้คุณพิมจะเกลียดผม แต่ผมจะช่วยคุณทุกวิถีทางเพื่อให้คุณปลอดภัย”
สุขสันต์ผละออกจากพิมมาดาแล้วทำท่าจะเดินจากไป พิมมาดามองตามอย่างรู้สึกผิด
“คุณแฮบปี้คะ พิมขอโทษนะคะที่ไม่เชื่อใจคุณ พิมควรจะรู้ว่าใครรักพิมมากที่สุด”
สุขสันต์ยิ้มกว้างแล้วเดินกลับมากอดพิมมาดา “ขอบคุณมากครับคุณพิม เราจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกันนะครับ”
พิมมาดามองตาสุขสันต์อย่างซาบซึ้ง

อธิปกับเดชหมดสติอยู่ในห้องลับของจตุพล ทั้งสองถูกจับมัดอยู่กับเก้าอี้ แขนทั้งสองข้างถูกมัดไว้กับที่เท้าแขน ใครบางคนวางแผงหลอดแก้วเล็กๆ บรรจุยาสีขุ่นๆ ลงบนโต๊ะตรงหน้าอธิป
อธิปรู้สึกตัวลืมตาขึ้นแล้วก็ตกใจ เพราะเขาเห็นน้อมพงษ์กำลังใช้เข็มฉีดยาดูดยาออกจากหลอดแก้ว
“นั่นแกจะทำอะไร?” อธิปถามอย่างตกใจ
“น้อมพงษ์เค้าคงไม่เอาเข็มมาเขี่ยเสี้ยนตำหรอกครับอากู๋” จตุพลยียวน
เดชได้ยินเสียงก็งัวเงียตื่นขึ้นมาด้วย เขาเห็นเหตุการณ์จึงรีบร้องห้าม
“ไอ้น้อมพงษ์ คุณจตุพล อย่าทำอะไรเสี่ยนะ!”
“เป็นห่วงกันซะเหลือเกิน นี่ถ้าแกเป็นผู้หญิง ฉันคงคิดว่าแกต้องเป็นเมียเก็บอากู๋แหงๆ”
“อย่าพูดครับคุณจตุพล เดี๋ยวฟ้าผ่า ฮ่าๆ”น้องพงษ์รับมุก
“ไอ้...ไอ้...ไอ้อุบาทว์!” เดชด่า
“เอาเป็นว่าแกไม่ต้องกังวลหรอกนะ เพราะฉันแค่เห็นอากู๋เค้าไม่ชอบกินยา ก็เลยไม่อยากให้อากู๋ต้องลำบากบ้วนยาทิ้ง ฉีดมันเข้าเส้นซะเลยดีกว่า”
“ไม่ได้นะ!” เดชห้าม
จตุพลรีบสวนทันที “ทำไมจะไม่ได้! น้อมพงษ์ จัดไป!”
น้อมพงษ์เอาเข็มเข้าใกล้หน้าอธิป “อย่ากลัวไปเลยนะครับเสี่ยอธิป ยาหลอดนี้ไม่ทำให้ถึงตายหรอกครับ แค่มันจะออกฤทธิ์มากกว่ายาที่เสี่ยเคยกินสิบเท่า”
อธิปมองหน้าน้อมพงษ์และจตุพลด้วยความความแค้น เดชได้ยินน้อมพงษ์พูดก็โวยวายเสียงดัง
“ไม่จริง!ยาที่เสี่ยเคยกินก็ทำเอาเสี่ยเสียสติ กล้ามเนื้อเปลี้ยเกือบจะเป็นง่อยแล้ว ถ้าไอ้ยานี่มันออกฤทธิ์มากกว่าสิบเท่า ฉีดปุ๊บเสี่ยต้องตายปั๊บดิว่ะ นอกจากอุบาทว์แล้วยังขี้โกหกอีก ตายไปแกจะต้องตกนรก กลายเป็นเปรต ปากจู๋เท่ารูเข็ม”
จตุพลปราดเข้ามาตบปากเดช “ด่าพอหรือยัง! ชั้นบอกว่าไม่ตายก็ไม่ตายซิวะ”
เดชโดนตบจนปากแตกแต่ก็ยังเถียงต่อ “ก็ฉันไม่เชื่ออ่ะ”
“ได้! ไม่เชื่อใช่มั้ย?” น้อมพงษ์ง้างเข็มฉีดยาแล้วฉีดใส่เดชทันที “นี่แหนะ!”
เดชตาถลนแล้วร้องลั่น “ จ๊าก!”
“เดช! เดช! ไอ้พวกเลว ไอ้พวกชั่ว” อธิปด่าลั่น

กล้องส่องทางไกลส่องดูไปทั่วทุกมุมของคฤหาสน์อธิป ซึ่งไม่ว่าจะส่องไปมุมไหนก็จะเห็นสมุนของจตุพลในชุดสูทสีดำสวมแว่นตาดำยืนอยู่แทบทุกจุด
กริสน์กับภัทรดนัยที่กำลังใช้กล้องส่องทางไกลดูคฤหาสน์อธิปอยู่ถึงกับถอดใจ
“จบ! จบข่าว กลับบ้านนอนดูละครดีกว่า สมุนแน่นขนาดนี้ จะเอาปัญญาที่ไหนบุกเข้าไปชิงตัวเสี่ยอธิปออกมาได้วะ?” ภัทรดนัยว่า
“ไม่มีปัญญา ก็ใช้กำลังซิวะ” กริสน์เสนอ
“จ้า...พ่อแรมโบ้ แกคิดว่า สองแรงจะสู้ ร้อยเท้ากระทืบได้เหรอออออ?” ภัทรดนัยส่องดูอีกที “นี่ไอ้ จตุพลมันเหมา รปภ.มาหมดประเทศเลยรึเปล่าเนี่ย? ดูดิ๊ มองไปทางไหนก็เห็นแต่ตัวดำๆยั้วเยี้ยไปหมด นี่มันบ้านคนหรือรังมดวะ?...อึ้ยยย ขนลุก”
กริสน์เหมือนจะนึกอะไรออกจึงรีบลุกไปทันที ภัทรดนัยคว้าตัวเขาไว้
“เฮ้ย! นี่แกจะไปไหน?”
“ไปล่อมดออกจากถ้ำเว้ย!” กริสน์บอกอล้วเดินออกไป ภัทรดนัยมองตามอย่างงงๆ
“เค้ามีแต่ล่อเสือออกจากถ้ำ บ่ะไอ้นี่...ทำสำนวนไทยวิบัติหมด”

ภายในห้องพักของโรงแรมเงียบสงบเพราะเด็กๆ ต่างหามุมส่วนตัว แจ๊สสวมหูฟังฮัมเพลงแก้เครียด โอปอล์อุ้มป๊อบคอร์นนั่งอยู่บนเตียงเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง โจ๊กวิดพื้นไปเรื่อยๆ ส่วนจีจ้ายืนถือนมกล่องให้พนักงานโรงแรมที่ถูกมัดดื่มแล้วพูดกับพนักงานโรงแรม “ดูดให้หมดไวไวนะพี่ จีจ้าเมื่อย”
โจ๊กที่หยุดวิดพื้นอยู่หันไปมองโอปอล์ที่นั่งสีหน้ากังวล เขารู้สึกเป็นห่วงจึงลุกขึ้นมาปลอบโอปอล์
“ป่านนี้น้ากริสน์คงช่วยคุณพ่อโอปอล์กับพี่เดชออกมาได้แล้วละ”
โอปอล์เสียงเศร้า “ก็ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะโจ๊ก”
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เด็กๆ หันไปมอง
“เด็กๆเปิดประตูเร็ว!” เสียงพิมมาดาตะโกนจากนอกห้อง
“น้าพิม” แจ๊สดีใจรีบไปเปิดประตูให้ พิมมาดาพรวดพราดเข้ามาด้วยอาการรีบร้อน
“เร็วเด็กๆรีบเก็บของ เราต้องไปกันแล้ว!”
“ต้องไปไหนเหรอคะน้าพิม? ก็ลูกพี่บอกให้รออยู่ที่นี่ห้ามไปไหนไม่ใช่เหรอคะ?” จีจ้างง
“หรือว่า...น้ากริสน์ช่วยคุณพ่อโอปอล์กับน้าเดชออกมาได้แล้ว” โจ๊กเดา
โอปอล์มีท่าทางดีใจมาก “จริงเหรอคะน้าพิม! น้ากริสน์กลับมาแล้ว กลับมาพร้อมป๊ากับพี่เดชแล้วใช่มั้ยคะ?”
“ไม่มีใครกลับมาทั้งนั้นนะโอปอล์ แต่เรากำลังจะหนีไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัย” พิมมาดาบอก
“หมายความว่าไงคะ?” โอปอล์งง
“ที่นี่ไม่ปลอดภัยยังไง?” จีจ้าถาม
“แล้วเราจะหนีไปไหน?” โจ๊กอยากรู้
“แล้วน้าพิมรู้ได้ยังไงว่าจะปลอดภัยกว่าที่นี่?” แจ๊สถามบ้าง
สุขสันต์ก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับฉัตรชัยและฮิม
“รู้ซิ เพราะที่ไหนมีสุขสันต์ ที่นั่นปลอดภัยเสมอ”
เด็กๆ ได้แต่อึ้ง พิมมาดายิ้มเพราะไม่รู้ว่าสุขสันต์กำลังส่งสายตาเหี้ยมให้กับเด็กๆ

เดชทรุดตัวลงไปกองอยู่ที่พื้น ขาเปลี้ย ตาเบลอ เดี๋ยวขำเดี๋ยวเหม่อลอย เดี๋ยวสงบ เดี๋ยวโวยวาย อธิปมองสภาพของเดชอย่างเห็นใจ น้อมพงษ์วางเข็มแล้วกลืนน้ำลายอย่างสยดสยอง
เดชร้องเพลงด้วยท่าทางง่อยๆ “ไม่เอานะเกรงจายส์ ไม่ดีหรอกเกรงจายส์ ไม่เอานะเกรงจายส์ ไม่ดีหรอกเกรงจายส์”
“ เป็นไง...บอกแล้วว่าไม่ถึงตาย ยังร้องเพลงได้เห็นมั้ย?” จตุพลบอก
อธิปสะอื้น “แต่ก็ดูจะเลี้ยงไม่โตแล้ว”
น้อมพงษ์สูดลมหายใจลึกเพื่อรวบรวมความกล้า แล้วเปลี่ยนเข็มฉีดยาก่อนจะดูดยาหลอดใหม่ใส่ในเข็ม
จตุพลหันไปพูดกับอธิป “เห็นมั้ยว่า ทีมงานของผมให้ความสำคัญกับอนามัยที่ดีแค่ไหน? หึๆๆอย่าเครียดนะครับอากู๋ ผมยังไม่ยอมให้อากู๋ตายง่ายๆตอนนี้แน่...อากู๋จะต้องอยู่! อยู่เพื่อดูความสำเร็จ ความยิ่งใหญ่ ความเกรียงไกรของหลานคนนี้ที่จะขึ้นครอบครองอาณาจักรทั้งหมดแทนอากู๋” จตุพลหัวเราะเหี้ยมๆ “ถือว่านี่เป็นการตอบแทนพระคุณที่อากู๋ดูแลหลานชายคนเดียวคนนี้อย่างทิ้งๆขว้างๆ ทำให้ผมรู้ซึ้งถึงความหมายในเพลงคนไม่สำคัญของพลพลอย่างถ่องแท้”
แล้วจตุพลก็ร้องเพลง “ไม่ว่าเป็นที่เท่าไหร่ของเธอ เธอก็คือที่สุดเสมอไป
ถ้าเผื่อเธอพอมีเหลือแม้เพียงเสี้ยวใจ จะแบ่งปันให้ฉันบ้างหรือเปล่า และคนๆหนึ่งซึ่งไม่สำคัญ ก็ยังเฝ้ารอสักวันของเรา แค่อยากได้ยินว่ารักซักคำเบาๆ ให้ฉันได้หรือเปล่าคนดี รักฉันบ้างหรือเปล่าคนดี”
อธิปด่ากลับ “เพราะฉันรู้ไงว่าธาตุแท้ของพวกแกมันคืองูเห่า ต่อให้ฉันเลี้ยงแกดีขนาดไหน แกก็ไม่มีวันเลิกคิดที่แว้งกัดฉัน!”
น้อมพงษ์รีบร้องเพลงแทรกขึ้นมา “คอยดูแลด้วยความจริงใจห่วงใยและคอยให้ความรัก เป็นกังวลว่ามันจะตายเฝ้าคอยเอาใจทุกอย่าง แต่สุดท้ายชาวนาผู้ชายใจดีด้วยความที่เค้าไว้ใจ น่าเสียดาย กลับต้องตาย ด้วยพิษงู”
น้อมพงษ์หันมาจะฉีดยาเข้าที่แขนของอธิป แต่อธิปร้องลั่น
“อย่านะ!!! อย่าฉีดยาช้าน ปล่อย....อย่า.....!!”
เข็มฉีดยาจวนจะแทงลงบนแขนอธิปอยู่รอมร่อ ทันใดนั้นเสียงสัญญาณเตือนภัยรถก็ดังสนั่น ไล่มาทีละคันๆๆ เสียงสัญญาณรูปแบบต่างๆ ดังระงมจนน้อมพงษ์ชะงัก
“เสียงอะไรวะ?” จตุพลถาม
“อะลามรถท่านครับท่าน!” สมุนคนนึงเข้ามาบอก
“รู้แล้ว แต่ทำไม มันร้องกันทุกคันแบบนี้วะ”
สมุนทุกคนในห้องรีบวิ่งออกไปดู น้อมพงษ์ก็วิ่งออกไปด้วย
“ เดี๋ยวฉันกลับมา อย่าคิดว่าจะรอด!” จตุพลขู่แล้ววิ่งออกไป อธิปหันไปมองเดชที่นั่งเอ๋อและบ่นพึมพำอย่างทรมานใจ

สมุนของจตุพล รวมถึงน้อมพงษ์กรูกันออกมาจากคฤหาสน์ ตามมาด้วยจตุพลที่วิ่งออกมาเช่นกัน จตุพลเห็นควันสีต่างๆ ลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ขณะที่สัญญาณเตือนภัยของรถทุกคันก็ยังดังแข่งกัน
“เกิดอะไรขึ้น?” จตุพลแปลกใจ
“มีคนยิงพลุควันมาใส่รถทุกคันที่จอดอยู่ ทั้งรถในโรงรถของท่าน ของเสี่ย และของพวกเราที่จอดอยู่ครับท่าน” สมุนคนหนึ่งรายงาน

กริสน์กับภัทรดนัยโผล่หน้าขึ้นมาเหนือกำแพงดาดฟ้าหลังบ้านอธิป ทั้งสองเห็นจตุพลกำลังสั่งการให้สมุนช่วยกันแก้สถานการณ์อย่างอลหม่าน
“เอาอีกดอก..” ภัทรดนัยบอก
กริสพูดอย่างหงุดหงิด “ฮึ่ย พอแล้ว แค่นี้ก็เหลือแหล่”
“เหลือพลุอีกดอก ก็ใช้ให้หมด ไหนๆก็เบิกมาแล้ว นั่น..รถใคร” ภัทรดนัยถาม
“ไม่รู้มัน” กริสน์ตอบแล้วเล็งปืนยิงพลุไป ที่ยางรถที่ยังเหลืออีกคัน
พลุควันพุ่งใส่ยางของรถฟอจูนเน่อร์ที่จอดอยู่ ควันสีชมพูพุ่งขึ้นทั่วบริเวณ สัญญาณกันขโมยดังขึ้นทันที
“อ๊าก..รถช้านๆ” น้อมพงษ์ตกใจรีบวิ่งมาหารถตัวเอง
ภัทรดนัยมองตามแล้วยกมือรอให้กริสน์เอามือมาแปะกัน แต่กริสน์ไม่สนรีบปีนข้ามไป ภัทรดนัยรอเก้อก็ทำหน้าเซ็ง

กริสน์กับภัทรดนัยโหนตัวเข้ามาที่ระเบียง ทั้งสองเข้าไปแอบอยู่หลังเสา ภัทรดนัยมองไปรอบๆ สักพักสมุนของจตุพล 2 คนเดินผ่านมา กริสน์กับภัทรดนัยจึงโหนตัวขึ้นแล้วเอามือยันระหว่างคานเพดาน2ด้าน เพื่อเบียดตัวแอบอยู่กับฝ้าเพดาน
สมุนทั้งสองเดินลอดใต้กริสน์กับภัทรดนัยไป โดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง ภัทรดนัยกระซิบกับกริสน์ “ห้องเสี่ยอธิปอยู่โน่น”
“รู้แล้ว!” กริสน์หงุดหงิดใส่
“เฮ้ย...นี่แกมีประจำเดือนอยู่หรือเปล่าวะ? นิดหน่อยก็หงุดหงิด นิดหน่อยก็ขึ้น!”
“ก็ฉันกำลังใช้สมาธิ” กริสน์บอก
“แต่ฉันว่าจิตแกกำลังจดจ่ออยู่กับยัยเจ๊โหดตบระเบิด กับเด็กแสบพวกนั้นมากกว่า”
กริสน์เงียบเพราะเพื่อนซี้พูดแทงใจดำ
“ขอย้ำอีกครั้งว่า แกต้องเลิกเอาใจไปผูกกับยัยพิมมาดาซะที อย่าลืมซิว่าเรื่องทั้งหมดเป็นแค่หนึ่งในงานของเรา อย่ามางานจบคนไม่จบนะ!”
กริสน์มองหน้าภัทรดนัยแล้วก็เงียบ เขาตั้งท่าจะขึ้นไปที่ห้องของอธิป แต่ก็ต้องชะงักเพราะได้ยินเสียงร้องโวยวายของอธิปดังมาจากอีกด้าน กริสน์กับภัทรดนัยมองหน้ากัน

เด็กๆ ยังคงยืนประจันหน้ากับพิมมาดาอยู่ในห้องพักของโรงแรม
“พวกเราไม่ไป!” แจ๊สยืนกราน
“พวกเธอต้องไป” พิมมาดาสั่ง
“ไม่! จีจ้าจะอยู่รอลูกพี่ที่นี่ จนกว่าลูกพี่จะกลับมา” จีจ้าบอก
“พวกเราด้วย!” เด็กที่เหลือประสานเสียง
“พวกเธอมีสิทธิ์อะไรมาขัดคำสั่งน้า?” พิมมาดาถาม
“แล้วน้าพิมมีสิทธิ์อะไรมาบังคับให้พวกเราหนีไปกับคนที่เราเกลียด!ไ โจ๊กถามกลับ
สุขสันต์ได้ยินก็ถึงกับสะดุ้ง ฉัตรชัยกับฮิมจะเข้าไปเอาเรื่องกับเด็ก แต่สุขสันต์รีบยกมือห้าม
“พวกเธอพูดจากับคุณแฮปปี้แบบนี้ได้ไง หา” พิมมาดาดุ
“แล้วน้าพิมละ ไปเอาที่ไหนมาพิสูจน์ว่าลูกพี่เป็นโจร?” จีจ้าถาม
สุขสันต์ทำทีเป็นเข้ามาห้ามทัพ “ใจเย็นๆก่อนเถอะครับคุณพิม ค่อยๆพูดกับพวกแกเถอะครับ”
“ไม่เย็นแล้วค่ะ พิมอดทนอดกลั้นตามใจพวกแกมามากแล้ว” พิมมาดาพูดกับเด็กๆ “มาดูกัน ว่าน้าจะใช้ความเป็นน้าบังคับให้พวกเธอทำตามไม่ได้!”
เด็กๆ ดิ้นแล้วทิ้งตัวลงพื้น ทันใดนั้น โอปอล์ก็ร้องไห้
“น้าพิมจะบังคับให้หนี ก็ไปบังคับเฉพาะหลานตัวเองซิคะ แต่อย่ามาเหมารวมหนูเข้าไปด้วย หนูจะอยู่ที่นี่ จะอยู่รอน้ากริสน์ช่วยป๊ากับพี่เดชกลับมา จะไม่ไปไหนทั้งนั้น!”

น้อมพงษ์ยกเข็มฉีดยาขึ้นมาขู่อธิปที่ยังอยู่ในห้องเดิม น้อมพงษ์ทำท่าเหมือนจะฉีดยาเข้าแขนของอธิป
“รถชั้น รถใหม่ของชั้น โดนยิงบุบ แกจะบอกหรือไม่บอก ว่าใครมาช่วยแก” น้อมพงษ์ขู่
เดชเต้นไปรอบๆ และร้องเพลง “อย่างเธอกับฉัน อันที่จริง เราก็มีหัวใจให้กัน แต่ทำไม เธอกับฉัน จึงขัดกันทุกทีเรื่อยไป เธอก็เสือ ฉันก็สิงห์ อันที่จริงไม่มีอะไร รักกัน แต่ทำไม เป็นอย่างนี้!”
“ไอ้เดช ช่วยชั้นด้วย ช่วยช้าน...ไอ้บ้า ไม่มีสติเอาซะเลยเหรอเนี่ย!” อธิปตะโกนลั่น
กริสน์กับภัทรดนัยโผล่หน้าขึ้นมาที่หน้าต่างของห้องลับ ทั้งสองเห็นอธิปถูกมัดอยู่ และเห็นเดชที่ทำตัวเป็นพี่เบิร์ด
“พี่เดชไปซะแล้ว” กริสน์ท่าทางเครียดแล้วเอาหมวกโม่งลงมาปิดหน้า พร้อมกับผลักภัทรดนัยออกไป “ไป! ไปเล่นล่อมันไว้หน่อยเพื่อน”
กริสน์ถีบหน้าต่างจนเปิดออกอย่างรวดเร็ว แล้วเขาก็ดึงภัทรดนัยและเหวี่ยงเข้าหน้าต่างมา ภัทรดนัยเซตามแรงเหวี่ยงออกไปเผชิญหน้ากับน้อมพงษ์ น้อมพงษ์หันมองภัทรดนัยตาขวาง ภัทรดนัยรีบคว้าหมวกโม่งลงมาปิดหน้า ส่วนอธิปก็ดีใจที่ได้เห็นคนมาช่วย
“แกเป็นใคร?” น้อมพงษ์เสียงแข็ง
“แล้วแกเป็นใคร?” ภัทรดนัยถามกลับ
เดชวิ่งเข้ามาขวาง “ฉันคือไอ้หนุ่มหมัดเมา” เดชทำท่าเฉินหลง
“พี่เดช หลีก” ภัทรดนัยบอก
“แกรู้จักไอ้เดช!!แกมีกันกี่คน..ใช่2คนหรือเปล่า” น้อมพงษ์เริ่มเดาได้ จึงรีบวิ่งไป กดปุ่มส่งสัญญาณอันตราย
ภัทรดนัยกระโดดเข้าใส่น้อมพงษ์แล้วสู้กัน
“ไม่ต้องแย่งกันนะจ๊ะ พี่เบิร์ดรักทุกโคน” เดชทำนิ้วเป็นสัญลักษณ์ไอเลิฟยู

ที่ด้านนอกคฤหาสน์ จตุพลกำลังเครียดกับสมุนที่เอาซากกองพลุที่ยิงเข้ามามากองรวม
“ใครวะ มันฝีมือใคร คนดีมีเมตตาอย่างชั้นมีศัตรูด้วยเหรอ”
เสียงสัญญาณอันตรายดังมาจากบนตึก ทุกคนสะดุ้งแล้วหันไป
“สัญญาณกันขโมยอะไรบนบ้านอีกวะ” จตุพลหงุดหงิด
“ไปดูไหมครับ” สมุนคนนึงถาม
“ไอ้น้อมพงษ์มันก็มีมือดีอยู่ด้วยหลายคนแล้วนี่หว่า”

สมุนมือดีของน้อมพงษ์ 2คนยืนอยู่หน้าห้องลับ กริสน์ในหมวกโม่งเข้ามาบู๊กับทั้งสอง เขาเตะปืนในมือสมุนคนนึงจนกระเด็น แล้วจู่โจมเข้าแย่งปืนในมือของอีกคน เขาสู้โดยพยายามไม่ให้เกิดเสียงดัง ขณะที่เสียงสัญญาณยังดังกลบเสียงทุกอย่าง

ส่วนภัทรดนัยยังสู้กับน้อมพงษ์ภายในห้องอย่างดุเดือด อธิปที่โดนมัดอยู่ออกแรงดิ้น เดชรำมวยไปรอบๆ ตัวอธิปพร้อมกับทำตัวเป็นเฉินหลง
“เพลงมวยงูจงอาง...ว้าว...แล้วมาเจอเพลงมวยอีเห็น...ฮ่าๆ” เดชชกลมด้วยท่าแปลกๆ
“ไอ้เดช หยุดรำแล้วไปช่วยพ่อโม่งเค้าเร้ว” อธิปสั่ง
ภัทรดนัยเพลี่ยงพล้ำจนโดนน้อมพงษ์ขึ้นคร่อม และกำลังจะเอาเข็มฉีดยาฉีดใส่เขา
จังหวะนั้นกริสน์ก็ฝ่า2 คนนั้นเข้ามาได้ แต่ 2 สมุนยังตามมาเข้ามาสู้ต่อในห้อง
“ว้าว” เดชมีท่าทางตื่นเต้น อยู่ๆ ก็ร้องเพลงเร้าใจขึ้น “มาทำไม ไม่รักก็ไม่ต้องมาอะอาๆ”
กริสน์ร้องตอบ “เป็นอะไร ไม่รักก็คงไม่มา อาๆๆ”
กริสน์เข้ามากระชากน้อมพงษ์ออกจากภัทรดนัย แล้วหันไปสู้กับ 2สมุนต่อ ส่วนอธิปพยายามแก้เชือก
“ไอ้เฉินหลง แก้เชือกให้กูหน่อย!” อธิปสั่ง
“อะไรนะ พูดจาไม่เพราะกะพี่เบิร์ดหรอ” เดชตบหัวอธิป
“เย้ย! เป็นพี่เบิร์ดไปแล้วเหรอว่ะ” อธิปตามไม่ทัน
ภัทรดนัยยังบู๊กับน้อมพงษ์จนเข็มฉีดยากระเด็นมาทางเดชพอดี เดชคว้าเข็มเอาไว้แล้วปักเข็มลงที่ก้นของน้อมพงษ์ทันที “นี่แหนะ!”
น้อมพงษ์หน้าเขียวแล้วร้องออกมา “จ๊าก!”
เพียงครู่เดียว น้อมพงษ์ก็สลบเหมือดไปทันที
กริสน์กับภัทรดนัยรีบช่วยกันอัดสมุนทีเหลือทั้งสองคนจนสลบไป แล้วกริสน์ก็รีบไปแก้มัดให้อธิป
“แก..โม่ง..แกใช่..ใช่ไอ้กรดรึป่าว” อธิปละลักละล่ำถาม
“ไว้คุยกันครับ” กริสน์พูดแล้วคว้าตัวเดช “ไปเร็วพี่เดช!”
ภัทรดนัยวิ่งนำออกไปจากห้อง สมุนกลุ่มที่อยู่กับจตุพลวิ่งขึ้นบันไดมาเป็นขบวน กริสน์มองลงไปเห็นก็รีบหันกลับพร้อมกับลากเดชไปอีกทาง “พาเสี่ยมาทางนี้ ไอ้ภัทรดนัย”
อธิปเห็นเข็มฉีดยาที่ปักก้นน้อมพงษ์ก็ตัดสินใจดึงติดมือมาด้วย ส่วนเดชยังพล่ามและทำท่าดิ้นรน “มาเลย...ไอ้พวกนินจา เดี๋ยวเจอหนุ่มหมัดเมาหน่อย...ว้าว” เดชรำท่ามวยจีน
อธิปรีบวิ่งมาช่วยกริสน์ด้วยการพูดกับเดช
“เฉินหลง ดูนั่น นกเค้าแมว” อธิปชี้นิ้วไปด้านบน
เดชเงยมองตาม อธิปจึงต่อยเสยปลายคางอย่างแรงจนเดชร่วง จากนั้นอธิปกับกริสน์ก็ช่วยกันลากเดชไป ภัทรดนัยเอาปืนออกมาแล้วยกปืนขู่สมุนที่วิ่งมาเป็นพรวนเหล่านั้น
สมุนทั้งกลุ่มเบรกเอี๊ยด แล้วต่างก็ควักปืนออกมาคนละกระบอก พวกกริสน์เห็นดังนั้นก็ถึงกับผงะ

โอปอล์ แจ๊ส โจ๊ก และจีจ้าสุมหัวประชุมกันอยู่ในห้องพักของโรงแรม โดยมีพิมมาดากับสุขสันต์ยืนอยู่ด้านหลังห่างออกไป
“น้ากริสน์เค้าเชื่อใจเราใช่ไหม ว่าเราจะรอที่นี่ ไม่ไปไหน” โอปอล์ถาม
“น้ากริสน์เชื่อใจน้าพิมด้วย” แจ๊สบอก
“แล้วน้าพิมล่ะ” หลานแท้ๆ ของพิมมาดาพูดขึ้นพร้อมๆ กันแล้วก็มองหน้ากัน จากนั้นก็อึ้งไป
“ระหว่างน้าพิม กะน้ากริสน์ เราจะเลือกน้ากริสน์” จีจ้าสรุป
“พวกเราก็เชื่อว่าน้ากริสน์จะต้องพาคุณพ่อโอปอล์กลับมาอย่างปลอดภัย เพราะฉะนั้น เราจะรอพ่อเธอ” โจ๊กบอก
“หรือว่า..เรากับน้าพิม อาจต้องแยกทางกัน”

แจ๊สพูดออกมาอย่างหวาดหวั่นในใจ

ปืนของบรรดาสมุนจตุพลเรียงรายและชี้มายังทิศทางเดียวกัน กริสน์ ภัทรดนัย และอธิปที่ต่างกำลังช่วยกันประคองเดชยืนอยู่ต่อหน้าปากกระบอกปืนเหล่านั้น จตุพลเดินอาดๆ เข้ามาพร้อมกับพูด

“กู๋นี่แน่นอนจริงจริ๊ง..มีมือดีคอยช่วยเหลือดูแลตลอดๆ มาทีละ2คนตลอดๆ สงสัยนัก ว่าพวกมันเป็นใคร..ไหน ใครว่างๆ ช่วยเข้าไปถอดโม่งไอ้สองตัวนั่นดูหน้าตาทีซิ ว่ามันเป็นสมุนข้าเก่าเต่าเลี้ยงของกู๋มาแต่ยุคสมัยไหน”
พวกสมุนมองหน้ากันสักพัก จากนั้นสมุนคนหนึ่งก็ทำหน้าฮึกเหิม แล้วตัดสินใจเดินถือปืนตรงเข้าไปที่กริสน์ ก่อนจะลังเลแล้วหันไปที่ภัทรดนัยแทน
“เอาคนไหนก่อนครับ” สมุนคนนั้นถามจตุพล
“เอาทั้ง2คนนั่นแหละ” จตุพลบอก
“พร้อมกันเลยหรอครับ”
“เออ..รีบๆถอดๆมาเหอะน่า”
“ครับผม” สมุนรับคำแล้วหันไปจับผ้าคลุมโม่งของภัทรดนัยเพื่อจะดึงออก
ทันใดนั้น อธิปตัดสินใจสบตากับกริสน์แล้วปรายตาไปที่เดช กริสน์รับสัญญาณของอธิป ทั้งสองหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกัน แล้วเหวี่ยงร่างเดชเข้าใส่สมุนคนนั้นจนล้มลง ปืนในมือกระเด็นหุดจากมือแล้วลอยขึ้น ภัทรดนัยเห็นก็รีบกระโดดคว้าปืนกลางอากาศทันที
สมุนทุกคนหันปืนไปทางภัทรดนัยเป็นทางเดียวกัน อธิปกับกริสน์อาศัยจังหวะกระโดดเข้าโจมตีจตุพลพร้อมกัน จตุพลรู้ตัวก็รีบหันปืนเข้าใส่ อธิปใช้ลีลาที่เหนือกว่าปลดปืนมาจากจตุพลได้ แล้วใช้ฝ่ามือฟาดไปตามจุดสำคัญจนจตุพลลงไปกอง
พวกสมุนตกตะลึงเพราะมองแทบไม่ทัน จตุพลโดนอธิปจิกหัวขึ้นมา กริสน์ลงมือจั๊กกะจี๋เอวจตุพลทันที
“อ๊าๆๆๆ โอ๊ยๆๆ” จตุพลหัวเราะลั่น
“สั่งให้ลูกน้องแกเอาปืนลงเดี๋ยวนี้” กริสน์ขู่
“อ๊าๆๆๆ ไม่ อ๊าๆๆ” จตุลปฏิเสธแต่ก็ยังคงหัวเราะอยู่
อธิปยกเข็มฉีดยาขึ้นมาจ่อหน้าจตุพล
“เฮ้ย” จตุพลตกใจที่เห็นเข็มฉีดยา “ทุกคน วางปืนๆๆ”
สมุนทุกคนวางปืนลง ภัทรดนัยเดินเข้ามาดึงเข็มขัดออกจากเอวจตุพลแล้วทำท่าฟาดในอากาศ สมุนทุกคนลุ้นว่าภัทรดนัยจะทำอะไร ภัทรดนัยรีบเก็บปืนของเหล่าสมุน โดยเอามาร้อยเป็นพวงด้วยเข็มขัดเส้นนั้น
กริสน์และอธิปจับตัวจตุพลแล้วจ่อเอาไว้ด้วยเข็มฉีดยา ทั้งหมดพาจตุพลเดินนำไปเป็นตัวประกัน
ภัทรดนัยแบกเดชขึ้นบ่าแล้วรีบวิ่งตามไป พวกสมุนจะวิ่งตามแต่อธิปเอาเข็มเสียบเข้าที่ขาจตุพล ทำให้จตุพลร้องจ๊ากและมีท่าทางลนลานเหมือนเสียสติ
พวกสมุนจะวิ่งเข้ามาอีก ภัทรดนัยจึงหันมายิงปืนใส่หลอดไฟเหนือหัวของพวกสมุนที่แขวนเรียงรายตามขอบระเบียงจนแตกกระจาย พวกสมุนต่างก็ก้มตัวแล้วเอามือปิดหัวปิดหน้าไม่ให้เศษแก้วโดนตัว
พอเสียงปืนสงบลง พวกสมุนก็หันมาหาพวกกริสน์แต่พวกกริสน์หายไปหมดแล้ว เหลือแต่จตุพลที่นอนร้องโวยวายอยู่

พิมมาดากับสุขสันต์ยืนรออยู่ที่หน้าห้องพักของโรงแรม เด็กๆเปิดประตูห้องออกมาเจรจา
“พวกเราประชุมกันแล้ว เราจะรอน้ากริสน์ที่นี่ ไม่ไปไหน” โจ๊กสรุป
“ถ้าน้าพิมอยากไปก็..ไปคนเดียว” แจ๊สบอก
พิมมาดาตกตะลึงและเสียใจที่ได้ยินเช่นนั้น “ทำไมแจ๊สพูดแบบนี้..น้าจะไปคนเดียวได้ยังไง เราไปไหนก็ต้องไปด้วยกันสิ เราจะไม่มีวันทิ้งกัน หรือแจ๊สจะทิ้งน้า”
“น้าพิมต่างหากทิ้งพวกเรา เพราะน้าพิมเป็นคนที่อยากไปอยู่คนเดียว” จีจ้าบอก
“ทำไม..ทำไมพวกเธอถึงเชื่อฟังคนอื่นมากกว่าน้าแท้ๆ นายนั่นไม่ได้เลี้ยงพวกเธอมา ไม่ได้เป็นญาติอะไรกับพวกเธอเลยนะ” พิมมาดาเสียใจ
“เพราะน้ากริสน์รักเราจริงไงครับ” โจ๊กบอก
“โจ๊ก..พูดจาเพ้อเจ้อเหลวไหลเกินไปแล้วนะ” พิมมาดาว่า
“ผมว่าจับขึ้นรถเลยดีกว่า..ฉัตรชัย ฮิม”
สุขสันต์แนะนำแล้วหันไปสั่งลูกน้องทั้งสอง ฉัตรชัยกับฮิมทำท่าขยับ แต่พวกเด็กๆรีบถอยกลับเข้าไปหลบในห้องแล้วล็อกประตู ทั้งหมดแยกย้ายกันไปล็อกทุกทางเข้าออกอย่างแน่นหนา จนฉัตรชัยกับฮิมเข้ามาไม่ได้
“เราจะไม่ไปไหนกับนายทุกข์ระทมทั้งนั้น” โจ๊กตะดกนผ่านประตูออกมา
“เด็กๆ” พิมมาดาเคาะประตูห้อง “น้าขอออกคำสั่ง เปิดประตู ออกมา แล้วก็ไปกับน้า..ได้ยินที่น้าพูดมั้ย!”
“คุณพิม..เราต้องรีบไปแล้ว” สุขสันต์เร่ง “นี่มันเรื่องคอขาดบาดตาย คุณต้องบังคับพวกมันให้ได้สิ ไม่ใช่เอาแต่ใจอ่อน อ่อนข้อให้เด็กพวกนี้ตลอด เพราะคุณดีเกินไป พวกเด็กๆถึงได้นิสัยเสีย เหลือขอแบบนี้ไง เอางี้..ถ้าเด็กๆไม่ยอมไปดีๆ ผมว่าเราต้องพังเข้าไป เฮ้ย ฮิม ฉัตรชัย พวกเรา..จัดการ!”
ลูกน้องทั้งสองของสุขสันต์ทำท่าคันไม้คันมือขึ้นมา
“อย่านะ!” พิมมาดาร้องห้าม “ชั้นขอจัดการหลานชั้นเอง..คุณไปรอที่รถก่อนเถอะค่ะ..นะคะ ขอร้องล่ะ!”
สุขสันต์มองหน้าพิมมาดา เธอก็มองตอบด้วยแววตาจริงจัง สุขสันต์ถอนใจและส่ายหัว ก่อนจะเดินเซ็งๆออกไปจากหน้าห้อง โดยมีฉัตรชัยกับฮิมเดินตามไป
พิมมาดาเริ่มอ้อนวอน “แจ๊ส โจ๊ก จีจ้า โอปอ..ป๊อปคอร์น..ออกมาเถอะ..เชื่อน้าสิว่าคุณแฮปปี้เค้าจะพาพวกเราไปอยู่ในที่ๆปลอดภัย แล้วก็ช่วยเราให้พ้นข้อกล่าวหาได้”
“น้าพิมฝันไปเถอะ!” เด็กทุกคนประสานเสียงกัน
พวกเด็กๆ ในห้องพักยังคงทำท่าทางเด็ดขาด และพูดผ่านประตู
“พวกเราเกลียดนายทุกข์ระทม!” แจ๊สพูดเสียงดัง
“น้าพิมจะเลือกเค้าหรือเลือกหลานๆล่ะครับ” โจ๊กตั้งคำถาม
“แล้วระหว่างน้ากะนายกริสน์ หลานๆจะเลือกใครล่ะ” พิมมาดาถามกลับ
“เลือกน้าพิม..ให้อยู่คู่กะน้ากริสน์ แล้วก็อยู่ให้ห่างๆนายทุกข์ระทมที่สุด เท่าที่จะทำได้” จีจ้าบอก
“ถ้าน้ากริสน์ของพวกเธอเค้าดีจริง เราจะมีสภาพอย่างนี้เหรอ” พิมมาดาถามแล้วก็พูดวิงวอนหลานๆ “น้าทำอะไรผิดพวกเธอถึงเกลียดน้า ช่วยบอกน้าที..บอกน้าทีว่าต้องทำยังไง พวกเธอถึงจะรักและเชื่อฟังน้าบ้าง บอกมาสิ บอกมา”
พิมมาดาเริ่มร้องไห้ เด็กๆ ได้ยินเสียงน้าสาวร่ำไห้ก็ถึงกับอึ้งและมองหน้ากันไปมาเหมือนจะถามกันว่าจะเอาอย่างไรดี
“น้าเป็นน้าที่ล้มเหลวใช่ไหม” พิมมาดาคร่ำครวญ “น้าไม่ดีพอที่จะเลี้ยงพวกเธอ พี่พลอย..พิมมันไม่ได้เรื่อง พิมทำตามสัญญาที่ให้ไว้กะพี่พลอยไม่ได้ พี่พลอย พิมแพ้แล้ว พิมยอมแพ้..พี่พลอยช่วยพิมด้วย พิมจะทำยังไงดี ฮือๆ”
ทันใดนั้น ประตูห้องก็เปิดออก เด็กๆ วิ่งออกมากอดพิมมาดาด้วยความรัก

รถที่กริสน์จับมาจอดบริเวณสะพาน ภัทรดนัยเปิดประตูลงจากรถแล้วพูด
“ชั้นขอแยกตรงนี้แหละ จะได้รีบไปที่สำนักงานตำรวจ ไปจัดการทำให้ความจริงปรากฏ ว่าคนนำเข้ายาเสพติดที่แท้จริง คือ นายสุขสันต์กับพรรคพวก..ชั้นไม่อยากถูกเข้าใจผิดว่าเป็นพ่อค้ายานานไปกว่านี้แล้ว”
“แล้วใครวะที่เค้าจะช่วยเราได้ และไม่หักหลังเรา” กริสน์ถาม
“มันต้องมีดิวะ ต้องมีสักคน” ภัทรดนัยบอก
“เออๆๆ งั้นก็รีบๆไป ไปๆๆ ชั้นคิดถึงลูกสาวจะแย่แล้ว..!” อธิปเร่ง
“ถ้ามีปัญหาอะไร แกรู้นะว่าจะไปเจอพวกเราได้ที่ไหน” กริสน์ถาม
“เออ..รู้แล้ว” ภัทรดนัยตอบ
แล้วทั้งหมด็แยกย้ายกันไป

สุขสันต์ ฉัตรชัยและอิมยืนรออยู่ที่รถตู้ที่จอดอยู่ที่หน้าโรงแรม
“จะไปมั้ยเนี่ย..พวกแกเข้าไปลากตัวออกมาเลยดีกว่า ไปๆ” สุขสันต์สั่งลูกน้อง
ยังไม่ทันไร พิมมาดาก็เดินนำเด็กๆออกมา
สุขสันต์มองอย่างแปลกใจ แต่ก็ทำเป็นยิ้มแย้มกับเด็กๆ “อ้าว เด็กๆ ยอมไปได้แล้วเหรอ ดีๆ”
“พวกเรายอมไปเพราะน้าพิม ไม่ใช่เพราะคุณ” แจ๊สบอก
“จ้ะๆ ขอบใจทุกคนนะ ขึ้นรถเถอะ” พิมมาดารีบบอกเด็กๆ
แจ๊สเชิดใส่สุขสันต์แล้วก็ขึ้นรถไป โอปอล์และจีจ้าต่างก็เชิดใส่สุขสันต์เช่นกันแล้วก็ขึ้นรถไป มีเพียงโจ๊กที่ไม่อยากขึ้นรถมากที่สุด เขาพยายามมองออกไปเหมือนรอให้กริสน์กลับมาให้ทัน แต่พิมมาดาก็เร่งเร้า
“โจ๊ก..”
“ครับ..” โจ๊กขานตอบ แล้วก็ขึ้นรถไปอย่างผิดหวัง พิมมาดาและสุขสันต์ขึ้นรถปิดท้าย

กริสน์กำลังขับรถตรงไปที่โรงแรม อธิปมีท่าทางลุกลี้ลุกลน เขาขยับขยุกขยิกตลอดเวลาไม่ยอมนั่งนิ่งๆ
“เสี่ยเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” กริสน์ถาม
“เอ่อ คือ ไม่มีอะไรๆๆ รีบๆขับไปเถอะน่า” อธิปบอก
“เสี่ยเขาแค่ตื่นเต้นน่ะ” เดชฟื้นขึ้นมาพูด “ไม่เจอหน้าลูกสาวหลายวัน จาคิดถึงจนจาทนไม่ไหว แล้วก็มีอาการคล้ายๆลงแดงยังงี้แหละ”
อธิปพยายามแก้เก้อด้วยการมองออกไปนอกรถ จังหวะนั้นมีรถตู้แล่นสวนมา อธิปเหลือบไปเห็นว่าในรถตู้คันนั้นมีโอปอล์นั่งอยู่
“เฮ้ย!!! นั่น โอปอ..อยู่ในรถตู้คันนั้น” โอปอล์
“อะไรนะ!” กริสน์ถามย้ำ
“โอปออยู่ในนั้น ชั้นตาไม่ฝาดแน่..กลับรถเร็ว” อธิปรีบบอก
กริสน์รีบดึงเบรคมือแล้วหักรถกลับทันที
“รถใคร..แสดงว่าต้องมีใครบางคนคิดจะพาคุณพิมมาดากับพวกเด็กไปไหนแน่ๆ..ไม่ต้องเดาก็รู้เลยว่าใคร ฮึ่ม!”

รถตู้แล่นไปตามทาง อยู่ๆ รถของกริสน์ก็แล่นแซงขึ้นมาแล้วจอดปาดขวางหน้ารถตู้เอาไว้ รถตู้เบรคดังเอี๊ยด!!
สุขสันต์หัวคะมำ แล้วโงหัวขึ้นมาถาม “เบรคทำไม!”
กริสน์กับอธิปก้าวลงจากรถมา เดชลงมาเป็นคนสุดท้าย ทุกคนอยู่ในชุดคลุมโม่งและถือปืนเหมือนจะมาปล้น
“โจร..เราถูกโจรดักปล้น” ฉัตรชัยตกใจ
“หว๋าย น่ากลัวๆ” อิมร้องออกมา
กริสน์ถือปืนขู่ “ถ้าไม่อยากตาย ยกมือขึ้น..บอกให้ยกมือ!”
เดชเข้ามาจ่อปืนที่กริสน์แล้วสั่งคนในรถ “ลงมาๆ”
กริสน์ชี้ไปทางคนขับรถตู้ “ทางนู้น”
“เออ…ใช่ๆ” เดชนึกได้ก็จ่อปืนไปที่คนขับ “ไปรวมกันไว้ ไปๆ แล้วยกมือขึ้น เฉยๆ ห้ามขยับ เข้าใจมั้ย!” ฉัตรชัยพยักหน้า เดชตบหัวทันที “บอกว่าอย่าขยับ..เข้าใจมั้ย” ฉัตรชัยพยักหน้าอีก เดชก็ตบอีก “ พูดไม่รู้เรื่อง อยากตายหรือไง” ฉัตรชัยส่ายหน้า เดชจึงตบอีกครั้ง “บอกว่าอย่าขยับๆ”
อธิปกับกริสน์รีบเปิดประตูรถตู้ทันที
“ว้าวววว มีผู้หญิงกับเด็กด้วยเว้ย ซี้ดๆๆ ลงมาๆ ผู้หญิงคนนี้ แหล่มน่าเซี๊ยะมาก ไปๆๆ ไปขึ้นรถคันนั้น” กริสน์พูด
“มองอะไร!! แกจะทำอะไรชั้น!” พิมมาดาโวยวาย
“ทำอะไร..หึๆๆ ก็จะพาไปกินตับไง ตับๆๆๆ” กริสน์พูดแล้วต้อนไปที่รถ
พิมมาดาถอยหนี “ว้ายๆๆ อย่านะ อย่า”
“เอ้า ผู้ชาย ยกมือขึ้น แล้วไปยืนตรงนั้น ไปๆๆ ส่วนเด็กๆลงมาให้หมด ลงๆๆๆๆๆ ไปขึ้นรถ ไป!” อธิปสั่ง โอปอล์เดินลงมาจากรถ “โอ...ไปขึ้นรถนะคะ”
“ป๊า!!! ป๊าใช่มั้ย ป๊า!” โอปอล์กระโดดกอดอธิป
“ป๊า เป๊ออะไร” อธิปรีบปฏิเสธ
“ป๊าแน่ๆ แล้วคนนี้ก็พี่เดช” โอปอล์พูด
“งั้น นี่ก็ต้องเป็นน้ากริสน์สิ ใช่มั้ย” จีจ้าชี้ไปที่กริสน์
“อะไรนะ” พิมมาดาตกใจแล้วรีบดึงผ้าคลุมโม่งของกริสน์ออก “นายกริสน์!”
“แหะๆๆ ผมเอง” กริสน์ยิ้มแหยๆ
“พวกแก..หน็อย ปล่อยตัวคุณพิมเดี๋ยวนี้” สุขสันต์โมโห
“ปล่อยก็กลัวดิ คิดเหรอว่าชั้นจะให้แกเอาตัวคุณพิมไปได้ ฝันไปเถอะ..เด็กๆขึ้นรถ” กริสน์ลากพิมมาดาขึ้นรถ “ไปขึ้นรถ!”
สุขสันต์ขยับจะไปหาพิมมาดา เดชรีบขวางไว้ “อ้ะๆๆ ถ้าคิดทำอะไร รับรองไส้แตกแน่ๆ” เดชพูดแล้วเอาปืนจ่อไปที่อธิป
ไทางโน้นไ อธิปชี้ไปที่สุขสันต์
“เออ…ใช่ๆ” เดชจ่อปืนไปที่สุขสันต์
พิมมาดาเห็นเด็กๆขึ้นไปนั่งที่รถเรียบร้อยหมดแล้ว “เด็กๆ ลงมา..น้าบอกให้ลงมา..นายกริสน์เป็นโจร เค้าจะมาฉุดตัวเราไป ยังจะไปเชื่อฟังเค้าอีก”
กริสน์พยายามจับพิมมาดาให้ขึ้นรถ ฉัตรชัยกับฮิมแอบชักปืนออกมาเล็งที่พวกกริสน์โดยไม่มีใครสังเกตเห็น อยู่ๆรถตำรวจของพวกมาวินก็แล่นมาที่ด้านหลังของรถตู้ มาวินถือโทรโข่งประกาศเสียงดัง
อธิปหันไปเห็นก็ตกใจ “ตำรวจ มาได้ไง”
“หึๆๆ ฮ่าๆๆ ในที่สุด ชั้นก็ตามตัวพวกแก็งค้ายาเจอ” มาวินประกาศใส่โทรโข่ง “ถ้ายังมีสมองอยู่บ้าง ก็ทิ้งอาวุธ แล้วยอมให้เราจับซะดีๆ..แล้วพวกแกจะได้ออกทีวี เพราะชั้นจะเปิดแถลงข่าวแสดงความสามารถของชั้น..งานนี้ดังระเบิดแน่ ทั้งพวกแกและชั้น ฮ่าๆๆ”
“ตำรวจ” ฉัตรชัยกับฮิมรีบทิ้งปืน “ช่วยด้วย พวกมันมีปืน..แล้วยังขู่ว่าจะฆ่าคนบริสุทธิ์อย่างผมอีก ผมยอมมันทุกอย่างแล้ว มันก็ไม่ไว้ชีวิต ช่วยด้วย”
“โหวว ขนาดนี้เลยเหรอ มิน่าชาติบ้านเมืองถึงไม่เจริญสักที” อธิปกับเดชพูดประชด
“กริสน์..ไม่ต้องห่วงทางนี้ พาเด็กๆหนีไป” อธิปบอก
“เสี่ยจะทำอะไร”กริสน์ถาม
“ชั้นจะโชว์ลายเสือเก่า” อธิปพูดแล้วเปิดฉากยิงใส่ตำรวจทันที แล้วห็หันมาบอกให้กริสน์รีบไป
“พาทุกคนหนีไป!”
“ไม่ โอปอล์จะอยู่กับป๊า” โอปอล์งอแง
“โอปอ หนีก่อน ไป” โจ๊กดึงตัวโอปอล์ไว้
กริสน์คว้ามือพิมมาดาแล้วลากออกมาให้ห่างจากจุดที่ยิงกัน แต่พิมมาดาดิ้นและไม่ยอมไปง่ายๆ
“คุณพิม..คุณต้องไปกับผม” กริสน์พูดจริงจัง
“ให้ชั้นตายดีกว่า ถ้าต้องไปกับนาย ปล่อย!” พิมมาดาผลักกริสน์ออกไป แล้วพยายามไปดึงตัวเด็กๆออกมา “เด็กๆ มานี่”
“โอปอล์จะไปหาป๊า” โอปอล์โวยวาย
“โอปอล์” โจ๊กดึงโอปอล์ไว้
“โจ๊ก!” พิมมาดาดึงโจ๊กไว้
“คุณพิม” กริสน์ดึงพิมไว้ “เด็กๆกลับไปขึ้นรถมาเดี๋ยวนี้..ยังไงคุณก็ต้องไปกับผม” กริสน์คว้าข้อมือพิมมาดาทันที
ทันใดนั้น สุขสันต์ก็เข้ามาทางด้านหลังของกริสน์ แล้วใช้ก้อนหินฟาดเข้าที่หัวของกริสน์เต็มแรงจนกริสน์ล้มคว่ำไป
“น้ากริสน์!” เด็กๆ ตกใจรีบวิ่งเข้าไปดูกริสน์ทันที
“คุณ..คุณไปตีเค้าทำไม” พิมมาดาก็ตกใจด้วย
“ผม..ผมไม่ได้ตั้งใจ..ผมเห็นเค้าฉุดคุณพิม เค้าจะทำร้ายคุณพิม เค้าควักปืนออกมา ผมเป็นห่วงคุณ กลัวคุณมีอันตราย ผมเลยขาดสติ ลืมตัว เพราะผมอยากปกป้องคุณ” สุขสันต์แก้ตัว
พิมมาดาเข้าไปดูกริสน์ “นายกริสน์..เป็นอะไรมากหรือเปล่า”
สุขสันต์รีบดึงแขนพิมมาดาให้กลับมา “คุณพิม ไปกับผมเดี๋ยวนี้”
แต่กริสน์ที่นอนกองอยู่ที่พื้นเอื้อมมือมาคว้ามือพิมมาดาอีกข้างไว้ “อย่า..คุณพิม..ไปกับผม”
“คุณพิม..” สุขสันต์ออกแรงดึง
พิมมาดาเริ่มลังเลว่าจะไปกับใครดี
“น้ากริสน์เจ็บขนาดนี้ น้าพิมยังจะทิ้งไปอีกเหรอ” แจ๊สถาม
กริสน์ฮึดสู้แล้วพยายามยันตัวลุกขึ้นมา “คุณพิม” กริสน์คว้ามือพิมมาดา “คุณต้องไปกับผมเดี๋ยวนี้”
กริสน์ดึงพิมมาดาไปขึ้นรถ พิมมาดายอมเดินตามไปแต่โดยดี
“คุณพิม..” สุขสันต์พยายามเรียก
โจ๊กส่งเสียงหลอกสุขสันต์ “ระวังปืน!”
อารามตกใจ สุขสันต์หมอบหลบกระสุนทันที พวกเด็กๆ รีบวิ่งไปขึ้นรถ พอสุขสันต์เงยหน้ามาอีกทีทุกคนก็ขึ้นรถไปหมดแล้ว
รถกำลังแล่นออก พวกเด็กแลบลิ้นเย้ยสุขสันต์ โอปอล์มองอธิปผ่านกระจกรถ “ป๊า”
อธิปหันมามองโอปอล์แล้วยิ้มให้พร้อมยกหัวแม่โป้ง
“ป๋าป๊า” โอปอล์ตะโกน
สุขสันต์มองตามอย่างเจ็บใจแล้วเขาก็ต้องหามุมหลบกระสุน โดยที่อธิปกับเดชยังยิงกันตำรวจเอาไว้

กริสน์ขับรถหนีอย่างรวดเร็ว พวกเด็กๆ หมอบนิ่งอยู่ภายในรถ
โอปอล์หันไปมองด้านหลัง “ป๊า..โอปอล์จะไปหาป๊า จอดๆๆ”
“ป๊าโอปอล์ต้องปลอดภัย เชื่อโจ๊กสิ”
“นายขับรถไหวหรือเปล่า ถ้าไม่ไหวก็จอด อย่าฝืน เดี๋ยวจะเป็นอันตรายกันไปหมดทุกคน ได้ยินที่ชั้นพูดมั้ย..บอกให้หยุด หยุดๆๆๆ” พิมมาดาตะโกนลั่น
“อยู่เฉยๆกันได้มั้ย!” กริสน์สั่ง
“อย่ามาตะคอก..ชั้นไม่อยากเอาชีวิตตัวเองกับหลานๆมาฝากไว้กับนาย หยุดรถ!! ไม่งั้นชั้นจะโทรแจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้”
“ผมนี่แหละตำรวจ” กริสน์พูดเรียบๆ
“ชั้นหมายถึงตำรวจดีๆ..บอกให้หยุดรถ หยุดรถๆ” พิมมาดาตะโกนอีก
“โอปอล์จะไปหาป๊าๆๆ”
โอปอล์กับพิมมาดาเข้ามาเขย่าตัวกริสน์
“น้าพิม..ลูกพี่กริสน์..เลือดไหล” จีจ้าบอก
เลือดไหลออกจากหัวของกริสน์ แต่เขายังฝืนทนขับรถต่อไปด้วยแขนข้างเดียว เพราะอีกข้างเจ็บ
“ขอร้องล่ะ อยู่เฉยๆ” กริสน์พูดด้วยเสียงอ้อแอ้เหมือนจะขับต่อไปไม่ไหว
“ชั้นขอร้อง จอดรถเถอะ..ให้ชั้นขับเอง ชั้นรับปากว่าจะไม่หนี และจะขับรถพานายไปที่ๆนายจะพาชั้นไปด้วย..นะ” พิมมาดาอ้อนวอน

อธิปกับเดชเดินหน้ายิงใส่ตำรวจแบบไม่กลัวเกรง ทั้งสองมายืนประกบหลังเหมือนร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน ทั้งอธิปและเดชพูดคุยกันไป
“เดชไม่นึกมาก่อนเลย ว่าจะมีวันนี้ วันที่เดชได้ร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเสี่ยแบบนี้อีก” เดชซึ้ง
“บรรยากาศเก่าๆ แบบนี้แหละที่ชั้นคิดถึง ไอ้เดช ขอบใจที่แกไม่เคยทิ้งชั้น”
“ชีวิตนี้เพื่อเสี่ยคนเดียว!” เดชประกาศ
เดชหันกลับมาช่วยอธิปยิง ทั้งคู่ยิ้มให้กันแบบรู้ใจกัน ทันใดนั้นเอง มาวินก็ยกปืนกลขึ้นมา
“ซึ้งมากใช่มั้ย เจอนี่!”
อธิปกับเดชแตกกระเจิง ทั้งคู่วิ่งหลบกระสุนที่มาวินยิงมาเป็นทางชุด
“อย่าเอาแต่หนีสิ ฮะๆๆ กระจอกทั้งนายทั้งบ่าวเลย ฮ่าๆ” มาวินเยาะเย้ย
เดชวิ่งนำ พอถึงจุดหนึ่งเขาก็กระโดดแล้วยิงปืนเข้าใส่ อธิปวิ่งตามไปพอถึงจุดหนึ่งก็กระโดด แล้วยิงปืน เช่นกัน
“โอ๊ย!” เดชร้องลั่นเพราะอธิปกระโดดลงมาทับเขาพอดี
“จุกเลย..โดดมาทับผมทำไม”
“แล้วทำไมแกไม่หลบ” อธิปว่า
“เสี่ย..กระสุนผมหมดแล้ว” เดชบอก
“ชั้นเหลือนัดสุดท้าย”
“เราไม่มีทางหนีรอดไปได้แน่ๆ” เดชคว้ามือเสี่ย “เสี่ยครับ..เดชรักเสี่ยนะครับ เสี่ยเหมือนพ่อ เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต เกิดชาติหน้าฉันใด ขอให้เราได้เกิดมาคู่กันอีก”
“แกพูดบ้าอะไรของแก!” อธิปงง
“เสี่ยมีความในใจอยากจะสารภาพกับเดชมั้ยครับ” เดชถาม
“ชั้นไม่มีทางยอมแพ้.. เห็นนั่นมั้ย” อธิปบอกแล้วบุ้ยหน้าไปทางที่มีรถตู้ของสุขสันต์จอดอยู่ “คนอย่างเสี่ยอธิป ต้องไว้ลาย ถ้าจะตายก็ต้องสมศักดิ์ศรี”
“เสี่ยจะทำอะไรครับ” เดชถาม
“แกรู้ว่าจะต้องทำอะไร” อธิปพูดแล้วส่งปืนให้ “อย่าทำให้ชั้นผิดหวัง”
อธิปวิ่งหลบกระสุนออกไปที่รถตู้ของสุขสันต์ทันที ขณะนั้นสุขสันต์กำลังยืนหลบอยู่ที่รถตู้กับฉัตรชัยและฮิม อธิปเข้าไปเปิดฝาเติมน้ำมัน
“เดี๋ยวๆๆ ไม่นะครับเสี่ย ไม่ๆๆ เดชไม่ทำเด็ดขาด” เดชร้องอย่างตกใจ

อธิปก้าวขึ้นไปบนรถ
“เห้ย……รถชั้นนะโว๊ย” สุขสันต์โวยวาย
“ก็รู้ไงถึงเอา” อธิปหันมาพูด เขาเหยียบคันเร่งจนรถตู้พุ่งเข้าไปหาพวกตำรวจ
“หึๆ คนอย่างเสี่ยอธิป ไม่ใช่แค่หล่อ ไม่ใช่แค่รวย ไม่ใช่แค่มีอำนาจ แต่ชั้นมีดีที่ความเก๋าเว้ย รู้ไว้ด้วย!”
พวกตำรวจมองรถตู้ที่อธิปขับมาหาอย่างงงๆ เดชหยิบปืนขึ้นมาเล็ง
“ไม่ ผมทำไม่ได้ เสี่ย..ผมรักเสี่ย!” เดชคร่ำครวญแล้วตัดสินใจยิงไปที่ฝาเติมน้ำมันทันที
รถระเบิด ตู้ม! สมุนบางคนโดนแรงอัดของระเบิดจนกระเด็นไป หลายคนเห็นดังนั้นก็ผวาหลบหมอบไปกับพื้น
“รถชั้น” สุขสันต์ตกใจ
ทั่วบริเวณนั้นเกิดฝุ่นตลบ ไฟโหมลุกแรง พอไฟเริ่มเบาลง ทุกอย่างก็เริ่มสงบ มาวินถือปืนเข้ามาหา เขาพบว่าทั้งเดชและอธิปหายไปแล้ว
“หน็อย พวกมันหายไปไหนแล้ว..ในรถก็ไม่มีศพเสี่ยอธิป”
มาวินหันมองแล้วพบว่าพวกลูกน้องนอนฟุบไปจนหมด

“โธ่เว้ย!!! พวกแก ทำงานแถลงข่าวของชั้นพัง..ชั้นจะตามล่าพวกแกให้ได้!”







Create Date : 31 มกราคม 2555
Last Update : 31 มกราคม 2555 14:16:57 น.
Counter : 488 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]