All Blog
มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 15 อวสาน (ต่อ)



รถยนต์ของสุขสันต์ชนต้นไม้อย่างแรงจนจอดสนิท ควันลอยขึ้นโขมง แพรวพิลาศโดนกระแทกอย่างแรงศีรษะแตกแน่นิ่งไป ส่วนสุขสันต์ค่อยๆ ได้สติฟื้นคืน เขารีบส่องกระจกเพื่อดูหน้าตัวเองทันที

“เลือด..ไม่ๆๆ ดั้งจมูกชั้นต้องไม่เป็นอะไร..ฮึ่ย ชั้นต้องไปทำหน้าที่เกาหลีอีกแล้ว” สุขสันต์บ่นรีบกระเซอะกระเซิงลงจากรถไปเปิดประตูเพื่อดึงจีจ้าออกมา “ชั้นต้องไปเกาหลี ชั้นจะไม่ยอมติดคุก ไม่มีทาง”
สุขสันต์กำลังจะหนีไป แต่แล้วก็ต้องผงะเพราะจตุพลมาขวางอยู่
จตุพลถือปืนเข้ามาขวางพร้อมพูด “แกไม่ติดคุกหรอก”
“เอ่อ..แก..ปืน..ปืนอยู่ไหน” สุขสันต์มองหาแล้วเห็นว่าปืนตัวเองกระเด็นหล่นอยู่ในรถ “เอ่อ ไอ้จตุพล..อย่านะ..” สุขสันต์ลนลานแล้วหาทางเอาตัวรอด “แกเห็นนี่มั้ย เด็กหน้าใสผิวมีคอลลาเจน..แกจะยิงได้ลงคอเหรอวะ”
“แกมันน่าสมเพชจริงๆ..เอาเด็กมาบังหน้า..แกคิดว่าชั้นไม่กล้ายิงเหรอ” จตุพลตั้งท่าพร้อมยิง
สุขสันต์หน้าซีด “อย่า”
กริสน์กับพิมมาดาวิ่งเข้ามาพอดี
“อย่ายิง!!! เด็กไม่เกี่ยวอะไรด้วย อย่ายิง” กริสน์ตะโกนบอก
“จีจ้า..จีจ้าหมดสติไปแล้ว..เอาหลานชั้นมาเดี๋ยวนี้นะ” พิมมาดาสั่ง
“ไอ้กริสน์ จัดการมันสิเว้ย หรือแกอยากให้มันยิงหลานแกไส้ทะลัก..จัดการมัน แล้วชั้นจะคืนเด็กให้” สุขสันต์พยายามเอาตัวรอด
“อย่าขยับ!! ยังไม่ถึงคิวแก” จตุพลบอก
“จตุพล..ชั้นรู้ว่าแกแค้นมัน ชั้นก็แค้น เรามาร่วมมือกันดีกว่า เราสองคน รุมตื้บมันให้หน้ามันแหกไปเลย สนุกกว่าเยอะ เชื่อดิ” กริสน์ยุ
“เฮ้ย!! ไอ้กริสน์” สุขสันต์เริ่มกลัว
“อย่าทำจีจ้า!” พิมมาดาร้องบอก
“คนอย่างแกสมควรตายแล้วไอ้สุขสันต์” จตุพลพูด
“อย่า!” กริสน์ร้องลั่น
จังหวะนั้น พิมมาดาปาก้อนหินขนาดพอเหมาะไปโดนหัวจตุพลเต็มๆ จนจตุพลชะงักยกมือขึ้นกุมหัว กริสน์พุ่งเข้าไปผลักปืนในมือจตุพลขึ้นชี้ฟ้าทำให้กระสุนลั่นขึ้นฟ้าดังเปรี้ยง!
กริสน์กับจตุพลยื้อแย่งปืนกัน กริสน์เข่าใส่มือจตุพลจนปืนหล่นไปอีกด้าน แล้วกริสน์ก็เข้าปล้ำจตุพลเพื่อให้ออกห่างปืน สุขสันต์ฉวยโอกาสที่ทั้งสองตะลุมบอนกันอุ้มจีจ้าวิ่งหนีไป พิมมาดาเห็นก็รีบตามสุขสันต์ทันที

สุขสันต์อุ้มจีจ้าวิ่งหนีขึ้นมาบนสะพาน พิมมาดาวิ่งไล่ตามมาติดๆ “คุณสุขสันต์ เอาจีจ้ามา!”
พิมมาดาวิ่งเข้าไปถึงตัวแล้วก็พยายามจะแย่งจีจ้ามา
“ไหนคุณบอกว่ารักเด็กไง นี่คุณกำลังจะฆ่าจีจ้านะ..ปล่อยจีจ้า!” พิมมาดาดึงตัวจีจ้าแรงขึ้น “ปล่อย!”
“อย่ายุ่งได้มั้ย!” สุขสันต์ตะคอกแล้วสะบัด ก่อนจะผลักพิมมาดาออกไป
“มือก็สากยังจะมาจับแขนชั้นอยู่ได้” สุขสันต์พูดอย่างรำคาญ
“คุณสุขสันต์..ชั้นขอร้องล่ะ คืนจีจ้าให้ชั้นเถอะนะ..ที่ผ่านมาชั้นก็ดีกับคุณมาตลอด คุณสงสารชั้นเถอะนะ” พิมมาดาอ้อนวอน
“หยุดพูดมากซะที..ชั้นอดทนกับเธอมามากเกินพอแล้ว ยัยผู้หญิงผมแตกปลาย ผู้หญิงอะไรวะ ปล่อยให้ผมแห้งชี้ฟูต่อหน้าผู้ชาย ไม่รู้จักดูแลตัวเอง....เวลามองหน้าเธอแต่ละที ชั้นต้องฝืนใจแทบแย่ รู้บ้างหรือเปล่า ผู้หญิงอย่างนี้ใครจะไปรักเข้าไปลง”
“คุณสุขสันต์” พิมมาดาโมโห
“ไป๊ ไม่ต้องมายุ่งกับชั้น” สุขสันต์ทำท่าจะไป
พิมมาดาตะโกนสุดเสียง “เอาจีจ้ามา!”
-พิมมาดาตรงเข้าไปยื้อยุดจีจ้าเอาไว้ไม่ยอมให้ไปง่ายๆ

กริสน์ถูกจตุพลชกคว่ำไป “ไอ้สุขสันต์” จตุพลมองหา แต่ก็ไม่เจอ “หน็อย” จตุพลตามเข้าไปเตะกริสน์ซ้ำ “เพราะแก มันหนีไปแล้ว..แกอยากตายก่อนใช่มั้ย..ห๊า!!..ได้..ชั้นจะจัดแพ็คเกจให้”
จตุพลกำลังจะไปหยิบปืนที่หล่นอยู่ แต่อยู่ๆรถตำรวจมากมายก็แล่นเข้ามาจอดบริเวณนั้น พวกตำรวจรีบเปิดประตูพร้อมกับถือปืนเล็งไปที่จตุพลในลักษณะพร้อมยิง จตุพลถึงกับผงะ
เสียงประกาศของตำรวจดังขึ้น “นายจตุพล..ยกมือขึ้น ยอมมอบตัวซะ”
“พวกแก..” จตุพลโมโห
ตำรวจนายหนึ่งกระซิบกับลูกน้อง “ถ้ามันหยิบปืน..เหนี่ยวเลย”
พวกตำรวจกำลังรอคำสั่งยิง อยู่ๆ อธิปกับเดชก็ลงมาจากรถตำรวจ ทั้งสองเข้ามาคว้าปืนจากมือตำรวจคนนึง แล้วเดินตรงเข้าไปหาจตุพลทันที
“ไอ้จตุพล!” อธิปเดินตรงเข้าไปหาจตุพล
เดชรีบเข้าไปห้ามพวกตำรวจ “อย่ายิงๆๆ เสี่ยอธิปใจนักเลงพอ ไม่ยิงคนมือเปล่าหรอก ใจเย็นๆก่อน เชื่อผม”
พวกตำรวจมีท่าทางอึกอักเหมือนดูเชิงว่าอธิปจะทำอะไร
“อากู๋.” จตุพลเรียก
“อย่างแกมันต้องเจอกับชั้น” อธิปบอก
“พิมมาดา.” กริสน์พยายามมองหา แต่ก็ไม่เจอ
“กริสน์..ตามไปช่วยคุณพิมไป..ทางนี้ชั้นจัดการเอง” อธิปบอก แล้วกริสน์ก็รีบวิ่งแยกออกไป อธิปหันมาสั่งจตุพลทันที “หยิบปืนขึ้นมา..แล้วแกกับชั้น มาดวลกันให้มันแบบตะวันเดือด”
จตุพลได้ยินก็มีท่าทีกระหยิ่มขึ้นมา “หึๆๆ ได้....ผมเป็นหมาก”
“ชั้นเป็นโป๊ป” อธิปยิ้ม
จตุพลหยิบปืนขึ้นมาแล้วเผชิญหน้ากับอธิป เหมือนหนังคาวบอยกำลังจะดวลปืนกัน

พิมมาดายังพยายามยื้อสุขสันต์เอาไว้ สุขสันต์ผลักพิมมาดาอย่างแรงจนพิมมาดาล้มหัวไปฟาดกับขอบสะพาน เลือดไหลอาบ พิมมาดาอึ้งที่เห็นว่าเลือดตัวเองไหล
“ไม่ต้องมาจ้อง หัวแตกแค่นี้ทำงง เวลาชั้นดึงหน้า เจ็บกว่าอีก” สุขสันต์บอก
กริสน์วิ่งเข้ามาพอดี “คุณพิม!!..แก..ไอ้สุขสันต์!” กริสน์แค้น “ถ้าจีจ้าเป็นอะไรไป ชั้นฆ่าแกแน่!”
“หึๆๆๆ ไอ้กริสน์..แกพูดยังกับว่าไอ้เด็กแสบเนี่ยเป็นลูกสาวแกเลยวะ ไม่ยักรู้ว่าแกรักเด็กด้วย..โห้ว งั้นแกก็คงจะรักยัยผมแตกปลายชี้ฟูกระด้างด้วยสินะ..เหมาะสมกันดี แม่หัวกาบมะพร้าว กะพ่อหน้ากร้านแดด”
“จับเด็กเป็นตัวกันชน แกไปหากระโปรงมานุ่งได้แล้ว” กริสน์ว่า
“ไอ้กริสน์” สุขสันต์โมโหจึงจับจีจ้าขึ้นมาแล้วเลื่อนมือมาที่คอจีจ้าทันที “คิดว่าชั้นโง่เหรอ..กะให้ชั้นปล่อยเด็กชั้นแล้วสู้กับแกเหรอ แล้วไง ต่อให้ชนะ พวกตำรวจก็มาซิวชั้นอยู่ดี”
“แล้วแกต้องการอะไร”กริสน์ถาม
“ชั้นต้องการลี้ภัยไปต่างประเทศ ตำรวจต้องไม่ออกหมายจับ ไม่มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดน...อะไรก็ได้แต่ไม่เข้าคุก!”
“เรื่องนี้ ชั้นตอบไม่ได้ ชั้นไม่มีอำนาจตัดสินใจ” กริสน์บอก
“แกทำไม่ได้เหรอ!” สุขสันต์บีบคอจีจ้าพร้อมยื่นตัวจีจ้าออกไปนอกสะพาน “งั้นไอ้เด็กนี่ก็คงไม่รอด!”
“จีจ้า!” พิมมาดาตกใจ “อย่านะคุณสุขสันต์..ชั้นไหว้ล่ะ อย่าทำจีจ้าเลย”
“ไอ้กริสน์..เพราะแกคนเดียว..ถ้าแกไม่แทรกซึมเข้ามาสืบเรื่องของชั้น ป่านนี้ชั้นก็ได้เป็นรัฐมนตรีไปแล้ว.. แกทำให้ชีวิตชั้นพังพินาศ แกต้องชดใช้!!..เอาชีวิตของแกมาแลกกับเด็กคนนี้”
กริสน์ได้ยินถึงกับอึ้ง สุขสันต์ถามต่อ
“แกจะโดด หรือจะให้เด็กคนนี้โดดแทน ก็เลือกมา”
พิมมาดายืนอึ้ง
“ถ้าชั้นโดด แกจะปล่อยจีจ้าแน่ใช่มั้ย” กริสน์ถามย้ำ
“หนึ่ง..สอง..” สุขสันต์เริ่มนับ
“ได้ ชั้นจะโดด!” กริสน์บอก
กริสน์ตัดสินใจแน่วแน่ เขาปีนขึ้นไปบนขอบสะพาน ลมตีหน้ากริสน์ทำให้ตัวเขาโคลงเคลง
“นายกริสน์” พิมมาดาเริ่มทำอะไรไม่ถูก
กริสน์ยืนอย่างหวาดเสียว
“แกจะโดดลงไปเอง หรือจะให้ชั้นช่วยถีบ” สุขสันต์ถาม
“คุณพิม..ฝากดูแลเด็กๆด้วย” กริสน์พูดแล้วหันมาหาสุขสันต์ “ชั้นหวังว่าแกจะไม่ผิดคำพูด” แต่แล้ว กริสน์ก็ต้องชะงัก เพราะเขามองเห็นแพรวพิลาศถือปืนเดินเข้ามาทางด้านหลังสุขสันต์ กริสน์ตะโกนลั่น “อย่า!”
แพรวพิลาศไม่ฟังเสียงเพราะแค้นอย่างสุดขีด เธอลั่นไกยิงสุขสันต์จากด้านหลังทันที
“โอ๊ย!” สุขสันต์ร้องลั่น
กระสุนเข้าที่หัวไหล่ของสุขสันต์จนสุขสันต์ล้มลงไป จีจ้าหลุดมือตกไปกับพื้นสะพาน
“จีจ้า!” กริสน์ร้องลั่น ทันใดนั้นเขาก็เสียหลัก เท้าไถลเหมือนจะร่วงหรือไม่ร่วงแหล่ กริสน์พยายามทำมือกวักอากาศ
“นายกริสน์!” พิมมาดาร้องเสียงหลง เธอวิ่งจะเข้าไปจับ แต่กริสน์ก็ร่วงลงไปเสียก่อน

อธิปและจตุพลยืนเผชิญหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างทิ้งแขนไว้ข้างลำตัวและถือปืนไว้ในมือ ทั้งสองจ้องตากันเขม็งและรอจังหวะ
เดชมองอย่างลุ้นๆ เผลอเอามือตำรวจใกล้ตัวมากุมแล้วจิกแน่น อธิปกับจตุพลจ้องตากันแทบไม่หายใจ
ทันใดนั้นก็มีเสียงฝูงนกบินแตกฮือ จตุพลไวกว่าอธิป เขายกปืนขึ้นมาควงแล้วยิงปังๆ ทันที อธิปถูกยิงเข้าที่อกและเซไปตามแรงกระสุน แต่เท้าของเขายันไว้แบบไม่ยอมล้มพร้อมกับยิงสวนออกไป ทั้งคู่ยิงกันจนหมดแม็ก
จตุพลถูกยิงเข้าที่ขาทั้งสองข้าง เขาร้องลั่นและล้มไม่เป็นท่าทำให้ปืนกระเด็นหล่นไป
อธิปตรงเข้ามาเอาปืนจ่อจตุพล “แกตายแล้ว”
“ที่เค้าลือกันว่า อากู๋ฟันแทงไม่เข้า เป็นเรื่องจริงเหรอเนี่ย” จตุพลพูดเสียงซึมๆ
“หึๆๆ” อธิปเปิดให้ดูเสื้อเกราะที่อยู่ข้างใน “ของขลังของตำรวจเค้า ทุกอย่างมันอยู่ที่สมองและความศรัทธา หึๆๆ..ถึงเวลาที่แกต้องไปรับกรรมของแกแล้ว..คนที่อกตัญญูกับผู้มีพระคุณ ก็ต้องมีจุดจบอย่างนี้”
เดชดีใจรีบวิ่งเข้ากอดอธิป “โป๊ปชนะแล้ว ญาญ่าปลื๊มปลื้ม” เดชหันไปสั่งตำรวจ “เอ้า ไปจับมันสิ ไปๆๆ ชักช้าเดี๋ยวสั่งย้ายให้หมดเลย”
“แล้วไอ้กริสน์ล่ะ!” อธิปถาม

พิมมาดาวิ่งมาที่ขอบสะพาน “นายกริสน์”
พิมมาดาก้มลงไปมองเห็นกริสน์กำลังเกาะขอบสะพานเอาไว้
“ผม..ไม่เป็นไร..ยังไหว”
กริสน์กำลังจะร่วง แต่พิมมาดาคว้ามือพยายามดึงกริสน์ขึ้นมา ส่วนแพรวพิลาศถือปืนจ่อสุขสันต์อยู่
กริสน์ปีนเกาะขอบสะพานขึ้นมาได้ พอเห็นแพรวพิลาศก็รีบตะโกนห้าม “คุณแพรว..อย่ายิง!” กริสน์พูดกับพิมมาดา “พิม คุณไปดูจีจ้าก่อน”
แพรวพิลาศอยู่ลักษณะเหมือนคนสติแตก ทั้งเสียใจและแค้นปนกัน
“ไอ้คนเลว..ใจคอแกจะทำลายชั้นกะพ่อให้เละไปกะแกด้วย ใช่ไหม”
“แพรว ที่ผมทำ..ก็เพื่อเราสองคนนะ ผมอยากให้คุณมีความสุข” สุขสันต์อ้าง
“หยุดพล่ามได้แล้ว!!!!! แกมันเป็นผู้ชายที่สะตรอเบอร์รี่ที่สุดในโลก..ทำไม..ทำไมต้องทำกับชั้นอย่างนี้ ชั้นทำผิดอะไร” แพรวพิลาศพูดอยู่ดีๆ ก็เผลอทำปืนลั่น
สุขสันต์หดขาทันทำให้กระสุนเฉี่ยวไปอย่างหวุดหวิด สุขสันต์ถึงกับหน้าซีดเพราะกลัวตาย
“ชั้นบินไปเกาหลีทุกเดือนๆ ซื้อครีมหน้าเด้งมาโบ๊ะให้แก..พาแกไปเหลากราม ตัดไขมันส่วนเกิน ทำโบท็อกซ์ ฉีดคอลลาเจนเข้าหน้า..จนแกหน้าตึงใสเปรี๊ยะ แล้วแกทำกับชั้นยังงี้ได้ยังไง!! ไอ้เลว!!” แพรวพิลาศด่าเป็นชุด
กริสน์รีบเข้าไปปราม “คุณแพรว”
แพรวพิลาศตวาด “อย่าเข้ามา!!! ชั้นจะฆ่ามัน ถ้าหน้าใสแล้วเลวยังงี้ ก็อย่าอยู่เลย!”
“ถ้าคุณยิงนายสุขสันต์ตาย คุณจะมีความผิดนะคุณแพรว....สู้ปล่อยให้ตำรวจจัดการดีกว่า..นายสุขสันต์จะได้ให้การตามความเป็นจริง ว่าเค้าหลอกใช้คุณกับพ่อ ..คุณกับพ่อจะพ้นข้อกล่าวหา..พรรคก็จะได้พ้นมลทิน เชื่อผมนะคุณแพรว อย่าให้อารมณ์โกรธชั่ววูบ ทำทุกอย่างพังเลย”
แพรวพิลาศร้องไห้และตัวสั่น กริสน์ค่อยๆเข้าไปใกล้จนปลดปืนออกจากมือแพรวพิลาศได้
พิมมาดาพยายามปลุกจีจ้าแต่หลานสาวยังไม่ฟื้น
พิมมาดาตะโกนบอกกริสน์ “กริสน์..ช่วยด้วย..จีจ้า..จีจ้าไม่หายใจ!”

หน้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล หมอ และเหล่าพยาบาลกำลังช่วยกันเข็นเตียงจีจ้าเข้าไปในห้องอย่างเร่งด่วน กริสน์กับพิมมาดาวิ่งตามมา พิมมาดาเข่าอ่อนถึงกับนั่งทรุดตัวอยู่กับพื้นหน้าห้อง น้ำตาของเธอไหลออกมา ท่าทางของเธอซึมเศร้าคล้ายคนจิตตก
“คุณพิม..” กริสน์พยายามเรียก
“จีจ้า. พิมมาดาเริ่มมีหวัง “จีจ้าจะ.ปลอดภัยใช่มั้ย”
กริสน์ลงไปนั่งข้างๆ “คุณพิม..คุณอย่าเพิ่งคิดอะไรไปเองเลยนะ ทำใจสบายๆ..จีจ้าจะต้องปลอดภัย เชื่อผมสิ
“ชั้นรับปากพี่พลอยเอาไว้ว่าจะดูแลหลานๆให้ดี แต่ชั้นก็ทำไม่ได้”
“คุณพิม..คุณทำทุกอย่างดีที่สุดแล้ว อย่าโทษตัวเองเลย” กริสน์ปลอบใจ
“ถ้าชั้นเชื่อที่พวกเด็กๆพยายามจะบอกแต่แรกว่าคุณสุขสันต์เป็นคนไม่ดี ทุกอย่างก็คงไม่เป็นอย่างนี้ แต่เพราะชั้นดื้อด้านเอง เพราะชั้นอยากมีคนดูแล แล้ว..แล้วเค้าก็ดูสมบูรณ์แบบมาก..ทั้งหมดมันเป็นเพราะชั้น..ชั้นมันแย่ที่สุด”
“พอเถอะ..ถ้าจะมีใครผิด ก็ต้องเป็นผม ที่เลือกคุณเป็นนกต่อในการสืบคดี..ไม่เกี่ยวกับคุณ”
ทันใดนั้น เค้ก เต๋า และเต้ยก็วิ่งนำแจ๊สกับโจ๊กเข้ามา แจ๊สกับโจ๊กมองเห็นก็ตะโกนเรียก “น้าพิม!”
แจ๊สกับโจ๊กวิ่งเข้ามากอดพิมมาดา แล้วทั้งหมดก็ร้องไห้ด้วยกัน
“น้าพิม จีจ้าจะเป็นอะไรมั้ย” โจ๊กถาม
“จีจ้าจะปลอดภัยใช่มั้ย จะไม่เป็นเหมือนพ่อกับแม่..ใช่มั้ยน้าพิม น้ากริสน์ แจ๊สไม่ยอมให้จีจ้าเป็นอะไรนะ”
พิมมาดากับกริสน์ไม่มีคำตอบให้ ทั้งคู่กอดเด็กๆเอาไว้ ขณะที่เค้ก เต๋า และเต้ยได้แต่ยืนมองแล้วรู้สึกสะเทือนใจไปด้วย

จีจ้านอนนิ่งอยู่บนเตียงในห้องพัก มีสายเครื่องช่วยหายใจต่อระโยงระยาง โดยที่จีจ้ายังไม่พ้นขีดอันตราย แพทย์ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด
เค้ก เต๋า และเต้ยยืนฟังอยู่ ส่วนพิมมาดายืนโอบแจ๊สกับโจ๊กเอาไว้ โดยมีกริสน์ยืนอยู่ข้างๆ
“น้องยังไม่สามารถหายใจด้วยตัวเองได้” หมอรายงาน “ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ไปจนกว่า..จะหายใจเองได้” พิมมาดาหน้าซีด กริสน์เอื้อมมือมากุมมือพิมมาดาไว้อย่างให้กำลังใจ
“แล้ว..ถ้าน้องจีจ้าหายใจเองไม่ได้..ก็หมายความว่า..ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจไปตลอด” เค้กสรุป
“ไปตลอด..ทั้งๆที่..ยังไม่ฟื้น?” เต๋าย้ำ
“งั้นถ้าไม่ใช้เครื่อง น้องจีจ้าก็หายใจเองไมได้” เต้ยเสริม
“หมอก็หวังว่าจะใช้เครื่องนี้แค่แป๊บเดียวเหมือนกันครับ” หมอบอก
แล้วหมอกับพยาบาลก็เดินออกไป
โจ๊กกับแจ๊สรีบเข้าไปเกาะขอบเตียงจีจ้า
“จีจ้า..ตื่นสิ ตื่นมาเล่นกัน ได้ยินมั้ยจีจ้าๆๆ” แจ๊สเรียก
“จีจ้า พี่สัญญาจะไม่แกล้งแล้ว ตื่นนะๆๆ” โจ๊กร้องไห้
พิมมาดามองอย่างเศร้าเสียใจ เธอเอนไปซบกริสน์เอาไว้ ทั้งคู่กุมมือกันแน่น และต่างมีความรู้สึกไม่ต่างกัน

เวลาผ่านไป จีจ้ายังคงนอนนิ่งอยู่เช่นเดิม
พิมมาดานั่งน้ำตารื้นอยู่ข้างเตียง เธอจับมือจีจ้าไว้ตลอด กริสน์นั่งเป็นห่วงจีจ้าอยู่อีกด้านนึง ส่วนแจ๊สกับโจ๊กนั่งๆนอนๆอยู่บนโซฟาใกล้ๆ
สักพัก พยาบาลก็เปิดประตูเข้ามา เพื่อจะเช็ดตัวให้จีจ้า
“หนูทำเองค่ะ..ขอบคุณค่ะ” แจ๊สบอกแล้วยื่นมือไปรับกะละมังมาเตรียมเช็ดตัวให้จีจ้า
“น้าพิมไม่ต้องห่วงค่ะ แจ๊สเช็ดตัวให้น้องได้” แจ๊สหยิบผ้า แล้วบิดน้ำหมาดๆ ก่อนจะก้มลงไปกระซิบข้างหูน้องสาว “จีจ้า.สู้ๆนะ พี่รู้ว่าเธอเก่ง เธอต้องทำให้ได้”
“พูดอะไรแจ๊ส” พิมมาดาถาม
“แจ๊สรู้ว่าตอนนี้พวกวิญญาณร้ายพยายามจะจับตัวจีจ้าเอาไว้ แล้วจีจ้าก็กำลังต่อสู้เพื่อให้ได้กลับมาอยู่” แจ๊สเช็ดตัวให้น้อง “จีจ้าต้องทำให้สำเร็จนะ”
“พวกเราทุกคนเป็นกำลังใจให้..กลับมาให้ได้นะ แล้วพี่โจ๊กจะซื้อขนมโตเกียวไส้ครีมหน้าโรงเรียนเลี้ยง”
“แจ๊ส..โจ๊ก..พอเถอะ” พิมมาดาปรามหลาน
“น้าพิม..จีจ้าต้องการกำลังใจจากพวกเรานะคะ..นะคะ” แจ๊สขอ
“นะครับๆ” โจ๊กร่วมด้วย
กริสน์เข้ามาจับบ่าปลอบใจพิมมาดาแล้วพูด “สู้ๆนะจีจ้า”
“สู้ๆนะ” พิมมาดาร่วมด้วย
“เห็นมั้ยจีจ้า..พวกเราทุกคนเป็นกำลังใจให้เธอนะ..เธอต้องกลับมาให้ได้นะ เข้าใจมั้ย” โจ๊กบอก “น้าพิม..เล่านิทานให้จีจ้าฟังสิ..จีจ้าชอบฟังนิทาน ถ้าจีจ้าได้ฟัง จีจ้าจะได้มีแรงฮึดอยากกลับมาไง..นะๆๆ” แจ๊สขอร้อง
“เรื่องอะไรก็ได้..ลูกหมูสามตัวก็ได้ นะครับๆๆ”
กริสน์พยักหน้าให้พิมมาดาเล่าไป
“กาล..กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว..มีแม่หมูกับลูกหมูพี่น้องสามตัว”
“ไม่เอาๆๆ” แจ๊สรีบเบรก “น้าพิมอย่าทำเสียงเศร้าสิคะ มีความสุขหน่อยสิคะ นะคะๆ”
“น้าจะมีความสุขได้ยังไง” พิมมาดาลุกหนีแล้วร้องไห้โฮ
กริสน์รีบแก้สถานการณ์ “มาๆ น้าเล่าเองๆ.. กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว” กริสน์ใช้เสียงร่าเริง สนุกสนาน “มีแม่หมู” กริสน์ชี้ไปที่พิมมาดา “กับลูกหมูพี่น้องสามตัว มีหมูแจ๊ส หมูโจ๊ก และ..หมูจีจ้า!!
แจ๊สกับโจ๊กหัวเราะสนุกไปกับเรื่องราว ส่วนพิมมาดาได้แต่มองทั้งๆ ที่น้ำตาไหล
“ลูกหมูแจ๊ส..เป็นหมูขี้เกียจมาก เวลาทำงาน ชอบไปหาที่แอบหลับอยู่ตลอดเวลา” โจ๊กหัวเราะแจ๊ส “ส่วนลูกหมูโจ๊ก..เป็นหมูที่ตะกละที่สุด ไม่ชอบทำงาน ชอบอู้หาเรื่องพักกินขนมเสมอๆ” แจ๊สหัวเราะโจ๊กคืน “ส่วนลูกหมูจีจ้าตัวเล็ก เป็นหมูที่ขยันขันแข็ง ชอบทำงาน เป็นอย่างมาก”
“และไม่ชอบการนอน เกลียดการนอนที่สุดด้วย” แจ๊สเสริม
โจ๊กเข้าไปกระซิบจีจ้า “เข้าใจมั้ยว่าเธอไม่ชอบนอน”
กริสน์น้ำตาไหล แต่ฝืนยิ้ม เล่าต่อไปด้วยเสียงร่าเริง “วันนึง แม่หมูได้บอกกับลูกๆทั้งสามว่า..พวกเธอโตขึ้นมากแล้ว ถึงเวลาจะต้องไปสร้างบ้านอยู่ด้วยตัวเองแล้ว”
กริสน์กับแจ๊สและโจ๊กยังช่วยกันเล่านิทานต่อไป พิมมาดาฟังไปก็น้ำตาไหลไม่หยุด

กริสน์เดินหนีออกมาด้านนอกห้อง เขาพยายามเงยหน้าเพื่อไม่ให้น้ำตาไหล จากนั้นก็พยายามสะบัดตัว สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อตั้งสติและระงับอารมณ์ฟูมฟายของตัวเอง
แต่เขาก็ระงับไม่ไหว “จีจ้า..เธออย่าไปไหนนะ..กลับมา..กลับมาอยู่กับน้านะจีจ้า”
แจ๊สกับโจ๊กเดินตามมากอดกริสน์จากด้านหลัง ทุกคนต่างปลอบซึ่งกันและกัน กริสน์เงยหน้ามา เห็นพิมมาดายืนอยู่ พิมมาดามองกริสน์ที่กำลังหมดสภาพแล้วเธอก็เดินเข้ามากอดด้วยอีกคน

เช้าวันใหม่ อากาศแจ่มใส พิมมาดานอนฟุบหลับอยู่ข้างเตียง โดยยังคงกุมมือจีจ้าเอาไว้ ส่วนแจ๊สกับโจ๊กนอนขดและเบียดอยู่ด้วยกันบนเตียงกับจีจ้า
กริสน์นั่งกึ่งนอนอยู่ที่โซฟา เขามองจีจ้าไม่วางตา แล้วกริสน์ก็ลุกขึ้นไปขยับผ้าห่มให้พวกเด็กๆและพิมมาดา เขามองที่ใบหน้าจีจ้าแล้วพูดกึ่งกระซิบ
“เราขี้เกียจสันหลังยาวมากไปแล้วนะ..ตื่นเถอะ..เดี๋ยวให้ห้าบาท”
จีจ้ายังนิ่งสนิท ไม่ไหวติง
กริสน์ถอนหายใจแล้วหันกลับไป อยู่ๆ คิ้วซ้ายของจีจ้าก็กระตุก กริสน์ชะงักรีบหันกลับมามอง เขาเข้าไปจ้องใกล้ๆ เพื่อรอดูชัดๆ แต่จีจ้าก็นิ่ง
“หรือเราจะตาฝาด เฮ้อ.” กริสน์พึมพำ
กริสน์ถอดใจกำลังจะหันกลับไปอีก แต่คราวนี้จีจ้ายักคิ้วขวา กริสน์ชะงัก รีบหันมาจ้องหน้าจีจ้าอีกรอบเพราะเริ่มมั่นใจว่าเห็นแน่
“เมื่อกี้ยักคิ้วใช่มั้ย..น้าเห็น..ใช่มั้ยจีจ้า..ยักอีกสิ..ยักอีกนะๆ”
พิมมาดารู้สึกตัวตื่นขึ้นมา “มีอะไร”
“เอ่อ คือ..เมื่อกี้ผมเห็น..จีจ้า ยักคิ้วได้”
“ยักคิ้ว?” พิมมาดาแปลกใจ
“จริงๆนะ จีจ้ายักคิ้ว..ยังงี้ๆ..เหมือนจีจ้าจะล้อเลียนกวนโอ๊ยผม”
โจ๊กลุกขึ้นมาจ้องหน้าจีจ้า “ไม่เห็นมีอะไรเลยครับ น้ากริสน์มั่วแล้ว”
“นายไม่ได้นอนทั้งคืนใช่มั้ย..ไปนอนไป เดี๋ยวชั้นเฝ้าต่อเอง” พิมมาดาบอก
“ผมพูดจริงๆนะ..เชื่อกันบ้างสิ ผมจะเรียกหมอมาดู” กริสน์กดปุ่มเรียกหมอ “ผมมั่นใจว่าผมตาไม่ฝาด”
“น้ากริสน์..โจ๊กเชื่อแล้ว”
“แจ๊สก็เชื่อด้วย”
“พวกเธอเป็นเด็กเป็นเล็ก ถ้าไม่เชื่อก็ไม่ต้องมาพูดประชดประชันกันเลย” กริสน์น้อยใจ
“เชื่อจริงๆ” แจ๊สกับโจ๊กยกมือข้างที่ถูกจีจ้าจับเอาไว้ขึ้นโชว์
ทุกคนตะลึงที่เห็นจีจ้าจับมือแจ๊สกับโจ๊กได้ จึงรีบเข้าไปหาจีจ้า
“จีจ้า!!!!! จีจ้าๆๆ ได้ยินน้ามั้ย จีจ้า” พิมมาดาเรียกอย่างดีใจ
ทุกคนรุมเรียกจีจ้า จีจ้าค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ แล้วจึงขยับปากจะพูด
“จีจ้า..จีจ้า เล่นจริง เจ็บจริง ไม่สลิง ไม่สตั๊นท์มาแว้ว”
ทุกคนร้องไชโย หมอกับพยาบาลรีบวิ่งเข้ามาดูอาการทันที

กริสน์กับพิมมาดากอดกันกลม แจ๊สกับโจ๊กเข้าไปกอดด้วย ทั้งหมดดีใจมองจีจ้าด้วยความปิติยินดี
เสียงเป่านกหวีดดังขึ้นมาจากภายในบ้านพิมมาดายามเช้าตรู่ เสมือนว่าบ้านพิมมาดาได้กลับมาอยู่ในภาวะปกติแล้ว กริสน์กำลังปลุกเด็กๆ ให้ตื่นตรงตามเวลาด้วยการเป่านกหวีดเสียงดังสนั่น

“ได้เวลาไปเรียนแล้ว ตื่น!”
ป๊อบคอร์นวิ่งลงมาก่อนใครเพื่อน มันลงมานั่งคอยทุกคนที่หน้าบันไดพร้อมกับเห่าโฮ่ง โฮ่ง
“ชั้นไม่ได้เรียกแกป๊อบคอร์น ชั้นเรียกพวกเด็กๆ” กริสน์บอก
เด็กๆ เดินลงมาจากชั้นบน ทั้งหมดแต่งตัวชุดนักเรียนถือกระเป๋าพร้อมแล้วมองมองกริสน์ด้วยสายตาเยาะๆ
“เราพร้อมตั้งนานแล้วนะครับน้ากริสน์ อิๆ” โจ๊กขำ
“อึ้งอ่ะดิ๊..คริๆ” จีจ้าหัวเราะเยาะ
พิมมาดาเดินตามมาก็เผลอยิ้มไปด้วย
กริสน์เขินๆ แต่ฟอร์มทำหน้าดุใส่ ก่อนจะเป่านกหวีดไล่ “พร้อมแล้วจะมายืนรออะไร ไปกินข้าวๆ”
“ค้าบผม!” โจ๊กขานรับ
“ค่ะหนู!” แจ๊สกับจีจ้าขานรับด้วย
เด็กๆ รีบวิ่งไป กริสน์กับพิมมาดาหันมายิ้มให้กัน

เวลาต่อมา อธิปยืนกล่าวสุนทรพจน์ต่อหน้านักข่าวและแขกที่มาร่วมงานเปิดร้านสวีทโอปอล์เอ็กซ์ตร้า
“ผมยอมรับว่า..ที่ผ่านมา..ขนมสวีทโอปอ ชื่อนี้อาจจะทำให้หลายๆคนสยองขนหัวลุก และไม่คิดข้องเกี่ยวด้วยอีก..แต่ผมอยากจะขอโอกาสตรงนี้ว่า..เรื่องราวความผิดพลาดในอดีต เราทุกคนมีกันทั้งนั้น..สำหรับบางคน..เรื่องนั้นอาจจะเลวร้าย จนเรายากจะลืมเลือน”
พิมมาดาเดินถือเหยือกน้ำตั้งใจจะไปที่โต๊ะอาหาร แต่เธอเห็นรูปพี่สาวกับสามีเสียก่อนเลยหยุดมอง
“แต่..ถ้าเรามีความตั้งใจจริง ที่จะแก้ไขข้อผิดพลาด” อธิปกล่าวต่อ “ทำเรื่องที่เคยเป็นฝันร้ายตอนเราหลับ ให้กลายเป็นฝันดีตอนที่เราตื่น..มันอาจจะไม่ง่าย แต่มันก็ไม่ยากเกินกว่าที่เราจะทำได้”
พิมมาดายิ้มกับรูปพี่สาวกับสามี เสียงของอธิปยังดังก้อง
“อย่าดูถูกตัวเอง อย่าคิดว่าคุณทำไม่ได้ เพราะอะไรรู้มั้ยครับ..เพราะคุณไม่ได้อยู่คนเดียว”
กริสน์เดินเข้ามาที่ด้านหลังพิมมาดา
“พิมเค้าเลี้ยงหลานๆได้ดีถูกใจมั้ยล่ะครับพี่พลอย” กริสน์พูด
“เป็นใครจากไหน มาเรียกพี่ชั้นซะสนิทสนม” พิมมาดาแหย่
“นั่นสินะ..อืมมม แล้ว..คุณว่า..คุณจะให้ผมอยู่ในฐานะอะไรดีล่ะ”
พิมมาดาเขินจึงเดินถือเหยือกน้ำเลี่ยงไปเติมให้เด็กๆ เด็กๆ หัวเราะกันคิกคักๆ โดยมีเต๋ากับเต้ยช่วยกันดูแลอาหารให้เด็กๆอยู่
“เบาๆค่ะ เดี๋ยวไก่ตื่น” เต้ยแอบพูดกับกรินส์
ส่วนทางด้านของอธิปก็ยังคงพูดต่อ “เช่นเดียวกับขนมสวีทโอปอล์เอ็กซ์ตร้า..ที่วันนี้..ไม่ได้อยู่คนเดียว แต่มีคนพิเศษที่เข้ามาช่วยทำให้ขนมสวีทโอปอล์เอ็กซ์ตร้า จะเป็นขนมในฝันของเด็กๆทุกคน..ขอเชิญคนพิเศษของผมด้วยครับ”
เดชเผยอคอขึ้นมาเพราะคิดว่าเจ้านายหมายถึงตน แต่กลับกลายเป็นว่าเมทินีคือคนที่เดินสง่าขึ้นมายืนเคียงข้างอธิปพร้อมกับโบกมือให้นักข่าว
“นียินดีมากที่ได้มาเป็นหุ้นส่วน..ซึ่งจะว่าไปแล้ว การเป็นหุ้นส่วน มันก็คล้ายๆกับการเป็นครอบครัวเดียวกัน ชิมิคะ..นีฝากขนมสวีทโอปอล์เอ็กซ์ตร้า เอาไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ”
เมทินียิ้มหวานให้อธิปอย่างมีเลศนัย ส่วนปาล์มก็ยักคิ้วให้โอปอล์
“เราจะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะโอปอล์คนสวย”

สามพี่น้องกำลังกินมักกะโรนีกุ้งกันอย่างเอร็ดอร่อยและมีความสุข โดยที่พิมมาดากับกริสน์ช่วยดูแลประหนึ่งพ่อกับแม่ของเด็กๆ ทั้งสาม เต๋ากับเต้ยยืนมองอยู่ที่มุมหนึ่ง
“เฮ้อ ชั้นจะมีโอกาส มีชีวิตที่ถูกเติมเต็ม อย่างคุณพิมบ้างมั้ยอ่า” เต้ยบ่น
“สงสัยพวกเราจะต้องเติมกันเองแล้วล่ะแก ฮือๆ” เต๋าคร่ำครวญ
“แก มาดูนี่ๆ” เต้ยเรียกทุกคนมาดูทีวีที่กำลังนำเสนอข่าวตำรวจกำลังนำตัวสุขสันต์เข้าเรือนจำ โดยมีกลุ่มนักข่าวมากมายรุมถ่ายและพยายามสัมภาษณ์
“อย่าถ่ายหน้า..ไม่ให้ถ่าย..เข้าใจมั้ย..ใครถ่ายผมฟ้องแน่” สุขสันต์โวยวาย
ตำรวจดันตัวสุขสันต์ให้เดินเข้าไป มาวินเดินเข้ามาหน้ากล้องแทน
“ผมขอพูดสั้นๆนะครับ คดีนี้ไม่มีผม ไม่มีทางปิดได้ ถ้าไม่มีผม ใครจะจัดการคุณสุขสันต์ได้ ไม่มีอีกแล้ว หึๆ”
“ขี้โม้จนวันสุดท้ายเลยหมอนี่” เต๋าที่ดูอยู่ตำหนิ
อยู่ๆ สุขสันต์ก็โผล่หน้าพรวดมาที่กล้องพร้อมกับตะโกนว่า “ผมต้องการเดย์แอนด์ไนท์ครีม!!!!”
ทุกคนที่อยู่ในบ้านพิมมาดาต่างพากันขำ
“เด็กๆไปโรงเรียนได้แล้ว เร็วๆ” กริสน์บอก
“ครับ / ค่ะ” เด็กๆ ขานรับ

กรินส์ พิมมาดา แจ๊ส โจ๊ก และจีจ้ากำลังจะขึ้นรถ เต๋ากับเต้ยเดินมาส่งที่หน้าบ้าน อยู่ๆ เมทินีก็เดินเข้ามา
“คุณกริสน์ คุณพิม” เมทินีรีบปราดมาไหว้ขอบคุณ “นีขอบคุณนะคะ สำหรับเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น”
“พิมต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณนี ที่ช่วยทำให้พิมพ้นผิด”
“หูย นั่นเรื่องเล็กค่ะ” เมทินีบอก “ แต่สิ่งที่คุณช่วยนีไว้มันยิ่งใหญ่กว่านั้น..คุณสองคนทำให้นีตาสว่าง..มองเห็นตัวเอง ว่าที่ผ่านมา นีเลี้ยงลูกแบบผิดๆมาตลอด..ลูกปาล์มอยากได้อะไร ไม่ว่าจะแพงแค่ไหน นีก็ซื้อมาให้..เพราะนีคิดว่า เงินมันแก้ปัญหาทุกอย่าง..มันก็เลยทำให้ลูกปาล์มเสียคน เกเร และเกือบจะติดยาด้วยซ้ำ..มันเป็นความผิดนีที่ไม่มีเวลาสั่งสอนลูกตัวเอง..ตั้งแต่นี้ไป นีจะเป็นแม่ที่ดี จะทำงานให้น้อยลง จะเลิกไปทำศัลยกรรม แล้วเอาเวลามาให้กับลูก เพราะนีรู้แล้ว..ว่าเงินสอนลูกเป็นคนดีไม่ได้ มีแต่ตัวเราเท่านั้นแหละ ที่สอนลูกให้เป็นคนดีได้”
แจ๊ส โจ๊ก จีจ้ามองเมทินีแล้วก็ขำ
“แล้วนายปาล์มไปอยู่ไหนละครับ” กริสน์ถาม
“เค้าให้นีไปส่งที่โรงเรียนแต่เช้าแล้ว เดี๋ยวนี้เค้าเป็นคนใหม่แล้วค่ะ” เมทินีบอก “งั้นนีขอตัวก่อนนะค่ะ จะไปตลาดหาซื้อของมาทำอาหารเย็นให้เค้าทานวันนี้ค่ะ บ๊าย บาย คุณกรินส์ จุ๊บ...จุ๊บ”
เมทินีร่ำลาพร้อมทำตาอาลัยอาวรณ์
ทุกคนยิ้มอย่างมีความสุข

เวลาผ่านไป กริสน์กับพิมมาดาเดินเล่นและพูดคุยกันอยู่ในสวนสาธารณะ
“ที่ผ่านมาชั้นเลี้ยงหลานแบบเข้มงวดมาตลอด เด็กๆมองชั้นเป็นฮิตเลอร์..เพราะชั้นชอบออกคำสั่ง ห้ามนั่น ห้ามนี่ ห้ามถาม ห้าขัดคำสั่ง มีหน้าที่ทำตามสถานเดียว..แล้วก็ไม่มีการอธิบาย ว่าทำไมต้องห้าม”
“เพราะคุณ..คิดไปเองว่าหลานๆยังเด็ก ยังไม่เข้าใจเหตุผล” กริสน์บอก
“แต่จริงๆแล้ว พวกเด็กๆฉลาดและเข้าใจอะไรง่ายกว่าที่เราคิดมาก..ถ้าชั้นไม่เข้มงวดเกินไป พวกเด็กๆคงจะได้แสดงศักยภาพในตัวเองออกมามากกว่านี้” พิมมาดาสำนึกตัว
“แต่หย่อนอย่างผมก็ไม่ไหว..หย่อนจนทำให้เด็กๆ แสดงศักยภาพออกมาอย่างผิดที่ผิดทาง..กล้าในเรื่องที่ควรจะกลัว”
“ใช่ จีจ้าเคยโบกมอเตอร์ไซค์สะกดรอยตามนาย ทั้งๆที่ยังไม่รู้จักนายดีด้วยซ้ำ” พิมมาดารีบบอก
“หรือ อย่างแจ๊ส ก็ถูกผมยุให้เป็นตัวของตัวเอง จนแต่งตัวหลุดโลกอยู่ตั้งนาน..อย่างนี้ มันอันตราย เพราะไร้ระเบียบเกินไป..ถ้าไม่มีคนเข้มงวดๆอย่างคุณ เด็กๆในมือผมก็เหลวเป๋วแน่”
“แต่ถ้าไม่มีคนเหลวๆอย่างนาย หลานในมือชั้นก็เก็บกดแน่นอน”
“คุณตึงไป ผมหย่อนไป” กริสน์สรุป
“ตรงกันข้ามสิ้นเชิง..มิน่า ชั้นกับนายถึงได้ทะเลาะกันตลอด ฮ่าๆๆ”
พิมมาดากับกริสน์หัวเราะร่วมกันอย่างผ่อนคลาย
“เราสองคน เหมือนหยินหยางเลย..มีมืดมีสว่าง มีถูกมีผิด มีทุกข์มีสุข มีคุณมีผม..ผมว่า เราสองคน..ก็ควรจะอยู่เลี้ยงเด็กๆ..ด้วยกัน..ตลอดไปนะ”
พิมมาดาได้ยินก็อึ้งไป
“ผมพูดจริงๆนะ..แล้วคุณล่ะ คุณคิดยังไงครับ”
พิมมาดาเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังขึ้นมาแล้วก็เดินหนีไป กริสน์เดินตามทันที

พิมมาดาเดินหนีมาถึงบริเวณสระน้ำภายในสวนสาธารณะ กริสน์เดินมาขวางพิมมาดาไว้
“ผมไม่ได้พูดเล่นนะคุณพิม”
“นายช่วยยืนยันได้มั้ย ว่าสิ่งที่นายพูดและทำกับชั้น..มันคือความรู้สึกของนายจริงๆ ไม่ใช่ทำเพราะเป็นหน้าที่”
“ผมไม่ได้ทำตามหน้าที่”
“ตอนที่นายปลอมตัวเข้าไปอยู่ในบ้านเสี่ยอธิป นายก็บอกว่ารักเสี่ยเหมือนพ่อ ทำให้เสี่ยไว้วางใจ แล้วนายก็หักหลังเค้า..แล้วอย่างชั้น นายก็มาทำแบบเดียวกัน..นายทำอย่างนี้กับทุกคนที่เป็นเป้าหมาย”
“คุณไม่ใช่เป้าหมายผม” กริสน์บอก
“แล้วถ้าอนาคต นายต้องไปทำภารกิจอะไรเกี่ยวกับสาวๆ นายก็คงจะไปรักกับคนนั้นอีก”
“แต่คุณ..พิมมาดา..คุณทำให้ผมเป็นตัวของตัวเอง ตลอดเวลาที่อยู่กับคุณ ผมเสแสร้งเป็นใครอื่นไม่ได้..ผมไม่ใช่กรด ไมใช่กริสน์.. แต่เป็นผม..นายเกริกพล..แล้วคุณจะมาบอกว่าผมไม่เข้าใจความรักอีกเหรอ”
“ชั้นมีหลานสามคนนะ” พิมมาดาย้ำ
กริสน์ยิ้มก่อนจะค่อยๆดึงตัวพิมมาดามาโอบกอดอย่างอ่อนโยน
“ผมรู้ตั้งแต่วันแรกที่เจอคุณแล้ว”
พิมมาดาซาบซึ้งใจ
ทันใดนั้น ภัทรดนัยที่อยู่ในคราบของอาแปะรำไทเก็กก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“อากริสน์ๆๆ ..ชะอุ๋ย..ไอ๊หย๋า..เข้าเป๋”
“ไอ้ภัทรดนัย” กริสน์เซ็ง
“อั๊วเอง..อั๊วขอโทษทีนะอาหมวย..อั๊วขอคุยธุระด่วนกับอากริสน์สองต่อสองหน่อยนะ”
พิมมาดาสงสัย ส่วนกริสน์เองก็เริ่มวิตก

หลังจากรู้เรื่องจากปากภัทรดนัย กริสน์ก็หน้าเครียดทันที
“ภารกิจใหม่” กริสน์ทวนคำ
“ภารกิจนี้ สุดยอดเลย..เราจะได้ปลอมตัวเป็นมหาเศรษฐีหมื่นล้านชาวไทย..เข้าไปตีสนิทกับพวกไฮโซของประเทศโมนาโคเพื่อสืบข้อมูลขบวนการขายวัตถุโบราณของชาติ..งานนี้รัฐออกเงินให้เราทุกบาททุกสตางค์..เราจะได้บินด้วยเครื่องบินส่วนตัวด้วยนะเว้ย ไอ้กริสน์เอ๊ย”
“ชั้น..” กริสน์อ้ำอึ้ง
“เครื่องจะออกเย็นนี้ แกไม่ต้องจัดกระเป๋า ไม่ต้องเตรียมอะไรเลย ทุกอย่างเราจัดการไว้ให้หมดแล้ว” ภัทรดนัยพูดแล้วทำท่าจะไป
“แกไป ส่วนชั้นไม่ไปได้เปล่าวะ” กริสน์บอก
ภัทรดนัยชะงักแล้วหันกลับมา “แกมีปัญหาอะไร”
“ชั้น..เพิ่งเสร็จภารกิจ..ชั้นอยากพักบ้าง”
“อยากพัก หึๆๆ แกพูดยังกับคิดว่าชั้นไม่รู้จักนิสัยแกเลย..ชั้นรู้ว่าเพราะอะไร แล้วแกก็น่าจะรู้ว่าชั้นจะแนะนำอะไร”
“เป็นสายสืบ ให้รักสนุก แต่อย่าคิดผูกพัน” กริสน์พูด
“เก่งมาก..ทำตามนั้น แล้วทุกอย่างจะลงตัว”
“แกเดินทางไปก่อน ส่วนชั้นขอเวลา..อีกสักวันสองวัน..ให้ได้บอกลาหน่อยดิ”
“นี่ไง แกมีเวลาบอกลาอีกตั้ง..สี่ชั่วโมงแน่ะ”
“ชั้นจะไปปฏิบัติภารกิจใหม่นะเว้ย อาจจะต้องปลอมตัวอีกเป็นปี สองปี..ชั้นขอแค่นี้ ไม่ได้เหรอไงวะ..เลื่อนไปก่อนเถอะ”
“บอกตอนนี้ไปเลย เพราะยังไงก็..บอกไปแล้ว” ภัทรดนัยบุ้ยใบ้ให้กริสน์มองไปด้านหลัง
กริสน์หันมองไปเห็นพิมมาดายืนช็อกอยู่
“นายจะไปอีกแล้วเหรอ” พิมมาดาถาม ส่วนกริสน์ไม่มีคำตอบใดใด

รถของกริสน์มาจอดที่บ้านของพิมมาดา เด็กๆวิ่งลงจากรถด้วยท่าทางร่าเริงแล้ววิ่งเข้าไปในบ้าน กริสน์กับพิมมาดาก้าวลงรถ
“นาย..ไม่ไปไม่ได้เหรอ นายไม่ห่วงเด็กเหรอ” พิมมาดาถาม
“ชีวิตสายสืบมันก็แบบนี้..พอเสร็จภารกิจนึง ก็ถูกส่งต่อไปอีกภารกิจนึง..ผมถึงไม่เคยมีความผูกพันลึกซึ้งกับอะไร”
“แต่นายก็เลือกที่จะผูกพันกับพวกเรา”
“และผมก็กำลังทรมาน” กริสน์บอก
“กริสน์..ถ้านายอยากมีชีวิตแบบปกติ ธรรมดา เหมือนคนทั่วๆไป นายก็ทำได้ นี่มันชีวิตนาย..นายเลือกได้”
“ผมรู้..แต่..ถ้าผมเลือกให้ตัวเองมีความสุข แล้วประเทศล่ะ ประชาชนคนอื่นๆล่ะ”
“เดี๋ยวก็มีคนอื่นมาทำแทนนายเอง”
“คนอื่นต้องมาทรมานแทน..เพื่อให้ผมมีความสุข”
“มันผิดมากนักเหรอที่จะทำอะไรตามใจตัวเองบ้าง” พิมมาดาอ้อนวอน “อย่าไปเลยนะ”
เด็กๆ วิ่งกลับออกมาได้ยินเข้าพอดี
“น้ากริสน์จะไปไหน” แจ๊สถามขึ้น
เด็กๆ จับความรู้สึกของน้าทั้งสองได้จึงจ้องกริสน์อย่างคาดคั้น
“แจ๊ส โจ๊ก จีจ้า..คือว่า..น้าจะต้องไปทำงานสักพัก” กริสน์บอก
“น้ากริสน์จะทิ้งพวกเราไปจับผู้ร้ายอีกแล้วใช่มั้ย..พวกเราไม่ให้ไป” โจ๊กเสียงแข็ง
“น้ากริสน์จะไม่อยู่ดูแลจีจ้าแล้วเหรอ” จีจ้าเสียงเศร้า
“น้า..ขอโทษ..น้าต้องไปจริงๆ”
“ถ้าน้ากริสน์ไป ก็ไม่ต้องกลับมาอีก พวกเราจะไม่รักน้าอีกแล้ว” แจ๊สบอก
“โป้งๆๆๆ” โจ๊กกับจีจ้าชูนิ้วโป้งใส่
“เด็กๆ..น้ากริสน์เค้าต้องไปจับผู้ร้าย เพื่อปกป้องพวกเราไง..ถ้าไม่มีผู้ร้าย พวกเราก็จะอยู่อย่างปลอดภัยและมีความสุข..น้ากริสน์ทำเพื่อพวกเรานะ” พิมมาดาบอก
กริสน์แน่วแน่และพร้อมจะไป ส่วนพิมมาดารู้สึกใจหาย
“งั้นจีจ้าขอหนึ่งนาที รอก่อน อย่าเพิ่งไปไหน”
“พวกเราด้วย” แจ๊สกับโจ๊กพูด
จีจ้าวิ่งแยกออกไปก่อน ส่วนแจ๊สกับโจ๊กวิ่งแยกย้ายไปด้วย
กริสน์กับพิมมาดายืนงง

กริสน์เดินมาที่บันไดหน้าบ้านของพิมมาดา โดยมีพิมมาดาเดินตามมาส่ง
“ผม..ขอโทษนะคุณพิม”
“นายทำเพื่อส่วนรวม เป็นสิ่งที่ชั้นภูมิใจในตัวนาย..จริงๆนะ..นายไปเถอะ เดี๋ยวชั้นอธิบายให้พวกเด็กๆเข้าใจเอง”
ทันใดนั้น เด็กๆ ก็วิ่งมา
“พวกเราไปด้วย” เด็กทั้งสามตะโกน
แจ๊ส โจ๊กกับจีจ้าแต่งตัวเหมือนนักสืบเด็กที่เตรียมตัวออกปฎิบัติการ
“เฮ้ย..อะไรกัน” กริสน์ตกใจ
“ในเมื่อน้ากริสน์ไม่อยู่กับพวกเรา งั้นพวกเราก็จะไปกับน้ากริสน์เอง” โจ๊กบอก
“จะไปลุยที่ไหน เราไปด้วย..ลุยมั้ย” จีจ้าถามพี่ๆ
“ลุย!” แจ๊สกับโจ๊กตอบ
“น้าพิม ไปด้วยกันนะคะ..เราพวกเดียวกัน ไม่ทอดทิ้งกัน” แจ๊สยื่นปืนเด็กเล่นให้พิมมาดา
พิมมาดารับปืนเด็กเล่นมา “ใช่...เราจะไปปกป้องประเทศชาติกัน ใช่ไหมนายกริสน์”
“เฮ้ยๆๆๆ เดี๋ยวๆๆ นี่ของจริง ไม่ใช่เรื่องเล่นสนุก” กริสน์รีบบอก
“พวกเราเอาจริง!” เด็กทั้งสามบอก
“นายมีทางเลือกของนาย..พวกเราก็มีทางเลือกของพวกเรา..พวกเราจะไปสู้กับนายเอง..มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน..ใช่มั้ยทหาร!” พิมมาดาปลุกเร้า
“ใช่!” เด็กทั้งสามตอบ
“เดี๋ยวๆๆ มันต้องไม่ใช่อย่างนี้ ไม่ใช่ๆ” กริสน์ตกใจ
ภัทรดนัยขับรถเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วก้าวลงมาจากรถ เค้กตามลงมาด้วย ทั้งคู่แต่งตัวพร้อมลุย
“ไปกันได้หรือยัง?” ภัทรดนัยถาม
พวกกริสน์ทำท่างง
“ไม่ต้องงง งานนี้ชั้นลุยด้วยอีกคน” เค้กบอก
“ชั้นบอกแล้วไม่ให้ไป ยายนี้ก็ดื้อจะไปจนได้” ภัทรดนัยบอกกริสน์
“ไปเลยน้ากริสน์... น้าวิ่งสู้ฟัด” จีจ้าตะโกนบอก

ทันใดนั้น ประตูหลังรถภัทรดนัยก็เปิดออก มีร่างเด็กผู้ชายอายุประมาณ 6 ขวบแต่งตัวเต็มยศพร้อมลุยคนหนึ่งรีบวิ่งลงมา “จอม....ราชานักบู๊ พร้อมลุย!”
ทุกคนอึ้ง
“แฮะ แฮะ หลานชั้นเอง” ภัทรดนัยยิ้มแห้งๆ
ราชินีนักบู๊นามจีจ้าจ้องมองเขม่นกับเด็กชายผู้อ้างตัวว่าเป็นราชานักบู๊คนนั้นไม่วางตา

กริสน์และพิมมาดาเอามือทาบหน้าผากทำท่าเหมือนอยากจะเป็นลมให้รู้แล้วรู้รอด

จบบริบูรณ์










Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2555 10:44:33 น.
Counter : 509 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]