All Blog
มือปราบพ่อลูกอ่อน 10 (ต่อ)




กริสน์เดินกลับมา แล้วหยุดมองอยู่ห่างๆ ทีมแม่บ้านยกสำรับอาหาร และผลไม้เดินผ่านไป โดยมีบอดี้การ์ดเข้ามาห้อมล้อมที่หน้าห้องหนึ่ง กริสน์จับตามอง แต่อยู่ๆ ก็มีคนมาแตะบ่า

“แกมาทำอะไรตรงนี้” ภัทรดนัยที่มาแตะบ่าเอ่ยถามเขา
“เฮ้ย...ตกใจหมดเลย...แกไม่อยากรู้เหรอวะว่าแขกของพวกมันคือใคร..ทำไมพวกมันถึงต้อนรับใหญ่โตขนาดนี้..ต้องไม่ใช่นายสุขสันต์แน่ ต้องเป็นนายทุนคนใหม่”
“แกจะอยากรู้อะไรนักหนา ไป” ภัทรดนัยเร่งเพื่อน
“ขอชั้นดูก่อน”
จตุพลกับน้อมพงษ์เดินนำใครคนหนึ่งเข้ามา กริสน์พยายามมองว่าเป็นใคร แต่พวกบอดี้การ์ดก็ยืนห้อมล้อมจนมองไม่เห็นแขกคนนั้น แต่ไม่นานกลุ่มบอดี้การ์ดก็ค่อยๆแหวกออก เผยให้เห็นว่าแขกคนสำคัญนี้ก็คือเมทินี ซึ่งเดินสวยสง่า หัวเราะยิ้มแย้มอยู่ท่ามกลางวงล้อมของหนุ่มๆ
“คุณเมทินี” กริสน์ตกใจ
กริสน์ได้แต่อึ้งและตกตะลึง
เมทินีกำลังจะเดินเข้าห้อง แต่อยู่ๆ ก็ชะงัก เธอมองผ่านพวกบอดี้การ์ดไปที่กริสน์แล้วทำหน้าสงสัยเหมือนเห็นคนคุ้นหน้า กริสน์ไหวตัวเลยรีบผลุบหลบไปทันที
“มองอะไรอยู่เหรอครับคุณเมทินี” จตุพลถาม
“เปล่าค่ะ “ เมทินีบอก
“งั้นก็..เชิญครับ” จตุพลผายมือ
“คุณจตุพลชวนนีเข้าห้อง..บ้า เห็นนีเป็นผู้หญิงยังไงอ้ะ..เข้าก็ด้ะ”
เมทินีทำเป็นเล่นตัวแต่ก็ควงแขนจตุพลเดินเข้าห้องไป

กริสน์กับภัทรดนัยหลบมาอีกด้านของมุมหนึ่งที่อยู่ใกล้ห้องแล็บ
“แกช่วยจดจ่อกับเป้าหมายหน่อยได้มั้ยไอ้กริสน์..เราต้องการแค่หลักฐานเกี่ยวกับที่จะเอาผิดนายสุขสันต์ได้..นอกนั้นแกไม่ต้องสนใจ..ได้มั้ย!”
“คุณเมทินี..ร่วมมือกับพวกมันด้วยเหรอ” กริสน์ยังคงตกตะลึง
“เว้ย แกได้ยินที่ชั้นพูดมั้ย”
ระหว่างนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ของห้องแล็บคนหนึ่งเดินเข้าและเดินออกมาห้องแล็บ ภัทรดนัยมอง สังเกตจังหวะการเปิดและปิดของประตูบานนั้น
“สิ่งที่เราต้องการอยู่ในนั้น..ส่วนผสม สารประกอบที่แท้จริงของขนมสวีทโอปอ..สารที่พวกมันใส่ลงไป แต่ไม่ได้แจ้งให้ทางการตรวจสอบ..เราต้องเข้าไปเอามา”
ภัทรดนัยกำลังพูดแผนการแต่อยู่ๆ กริสน์ก็รับมือถือ “ฮัลโหล”
“ฮัลโหลว ฮัลเหลวอะไร” ภัทรดนัยหันมาเห็นกริสน์รับโทรศัพท์อยู่ “เฮ้ย นี่แกรับโทรศัพท์เหรอ..เรามาทำงานนะเว้ย โอ๊ย วางสายเดี๋ยวนี้!”
“ชู่ว์ๆๆ..ว่าไงนะครับครูฟ้าใส ผมได้ยินไม่ค่อยชัด” กริสน์พยายามฟังเสียงของคนที่โทรเข้ามา

ครูฟ้าใสกำลังยืนหลบมุมคุยมือถืออยู่ ที่งานประกวดเต้น
“คุณกริสน์ต้องรีบมารับน้องแจ๊สด่วนเลยนะคะ”
“แจ๊ส..คุณครูอยู่กับแจ๊สเหรอครับ” กริสน์ถาม
“ใช่ค่ะ แกอยู่กับฟ้าใส ที่งานประกวดเต้น..แกมาประกวดเต้นค่ะ..มันเป็นอะไรที่ผิดมากๆ.. ที่นี่มีแต่คนเก่งๆ ถ้าน้องแจ๊สประกวดแล้วแพ้ขึ้นมา..มันจะเป็นปมด้อยของแกไปตลอดชีวิต..ฟ้าใสเป็นห่วงแก พยายามห้ามแกแล้วก็ไม่ฟัง..คุณกริสน์เป็นผู้ปกครอง รีบมาห้ามน้องแจ๊สด้วยตัวเองเถอะค่ะ”
“ครับๆ ผมจะไปเดี๋ยวนี้” กริสน์วางสาย
ภัทรดนัยที่ได้ยินการสนทนารีบล็อกคอกริสน์ไว้ทันที “แกจะไปไหนไม่ได้ แกยังมีงานต้องทำ”
“ชั้นต้องไปหาแจ๊ส” กริสน์พูดจริงจัง
“แจ๊สอยู่กับคุณครูแล้วไม่ใช่เหรอ ก็แสดงว่าปลอดภัยแล้ว แกตามไปอีกคนมันก็ไม่มีประโยชน์..อยู่ทำงานให้เสร็จก่อน”
“แต่... “ กริสน์จะต่อรอง
“ไม่ต้องแต่!” ภัทรดนัยยืนกราน
กริสน์จ๋อยเพราะรู้ว่าเถียงไม่ได้แน่ๆ “โอเค..โอเค”
เจ้าหน้าที่ห้องแล็บอีกคนเดินมาแล้วใช้ฝ่ามือสแกนที่หน้าจอ สัญญาณไฟเขียวแสดงขึ้น ประตูห้องแล็บเปิดออก เจ้าหน้าที่คนนั้นเดินเข้าไป ประตูกำลังเคลื่อนปิดอัตโนมัติ ภัทรดนัยอาศัยจังหวะรีบไสกระบองยามไปขัดที่ประตูไว้ ก่อนประตูจะปิดลง
“ไปเร็ว!” ภัทรดนัยรีบลากกริสน์ไป
“เดี๋ยวชั้นดูต้นทางให้ แกเข้าไปก่อน”
กริสน์บอกแล้วผลักให้ภัทรดนัยเข้าประตูไปก่อน ส่วนกริสน์ทำเป็นดูต้นทางให้

ภัทรดนัยเดินเข้ามาในห้องแล็บ เขาหยิบเสื้อกาวน์ที่แขวนอยู่ที่ราวใกล้ประตูขึ้นมาสวม แล้วหันไปกวักมือเรียกกริสน์
“ทางสะดวก แกเข้ามาเร็วๆ” ภัทรดนัยหันไปเห็นว่าประตูห้องแล็บปิดลงแล้ว “อ้าว เฮ้ย..แกเข้ามาแล้วเหรอ อยู่ไหนวะ” ภัทรดนัยมองหาและรู้ว่ากริสน์ไม่ได้เข้ามา “เฮ้ย!! ไอ้กริสน์ แก..ทำไมไม่เข้ามา” ภัทรดนัยพยายามจะเปิดประตู แต่ก็เปิดไม่ออก “แกทิ้งชั้น ชั้นเกลียดแก๊”

กริสน์ยืนอยู่ที่หน้าห้องแล็บที่ประตูปิดสนิทแล้ว เขาพูดพึมพำกับตัวเอง
“ชั้นมั่นใจว่าแกดูแลตัวเองได้ แต่แจ๊สยังเด็ก ชั้นต้องไปจริงๆ..โทษทีนะเพื่อน”
กริสน์รีบเดินออกไป
ทีมเต้นทีมนึงกำลังโชว์อยู่บนเวทีการประกวด กองเชียร์เป็นกลุ่มคอยเชียร์อยู่ ทันใดนั้น พิมมาดาก็เดินแหวกคนเข้ามาในงาน เต๋า เต้ย เค้ก โจ๊กและจีจ้าเดินตามมาด้วย
“คนเยอะอย่างนี้ จะเจอน้องแจ๊สมั้ย” เต้ยหวั่นใจ
“น้องแจ๊สมาประกวด ต้องเตรียมตัวอยู่ด้านหลังเวทีแน่นอน” เค้กสรุป
พิมมาดารีบเดินไป จังหวะเดียวกันกับที่ครูฟ้าใสเดินผ่านมา เมื่อเห็นพิมมาดาครูฟ้าใสก็รีบวิ่งมาหา
“คุณพิมมาดาๆๆๆ แล้วคุณกริสน์ล่ะคะ แวร์อิสท์ฮี? ทำไมคุณกริสน์ไม่มา หรือว่าคุณกริสน์ บอกให้คุณมา..โอ้ ฟ้าใสไม่ได้ตั้งใจจะไม่บอกคุณนะคะ แต่ฟ้าใสจำเบอร์คุณกริสน์ได้คนเดียว ซอรี่ๆค่ะ”
“ครูฟ้าใสคะ น้องแจ๊สอยู่ที่ไหนคะ” พิมมาดาถาม
“คัมม่อน ดีสเวย์ค่ะ”
ครูฟ้าใสกำลังจะพาพิมมาดาเดินไป แต่แจ๊สเดินออกมาพอดี
“แจ๊ส!” พิมมาดาเรียก
แจ๊สตกใจรีบถอยหนีไป
“หยุดนะ!” พิมมาดาตะโกนไล่หลังแจ๊ส

แจ๊สวิ่งหนีมาหลังเวที พิมมาดาวิ่งตามมาพลางตะโกนบอกคนที่อยู่แถวนั้น
“ใครก็ได้ช่วยจับเด็กคนนั้นที”
ทีมสตาร์แด๊นซ์ที่อยู่ตรงนั้นจะลุกขึ้นไปจับตัวแจ๊ส แต่ครูฟ้าใสรีบเข้ามาห้าม “สตาร์แด๊นซ์ อย่าๆๆ เก็บเอเนจี่ไว้บนเวที..ครูจับเอง” ครูฟ้าใสวิ่งต่อ “หยุดนะ!”
แจ๊สจะวิ่งไปอีกทางนึง แต่เต๋ากับเต้ยวิ่งมาดักไว้ แจ๊สจะหนีไปอีกทาง แต่เค้กก็มาดักไว้อีก แจ๊สไม่รู้จะไปทางไหนเลยตัดสินใจวิ่งขึ้นไปบนเวที
ทีมเต้นทีมนึงกำลังเต้นกันอยู่บนเวที แจ๊สวิ่งจากเวทีด้านนึงไปอีกด้านนึง สักพักแจ๊สก็วิ่งกลับมาอีก เพราะเต๋ากับเต้ยวิ่งต้อนกลับมา พอมาถึงกลางเวที เต๋ากับเต้ยก็หยุดโพสต์ท่าจบพร้อมเพรียงกับเด็กที่เต้นอยู่พอดี เต๋ากับเต้ยโค้งให้คนดูแล้ววิ่งตามแจ๊สต่อไป
กรรมการและคนดูปรบมือให้อย่างงงๆ พิมมาดา เค้ก เต๋า และเต้ยวิ่งมาเจอกันที่ด้านหลังเวที
“แจ๊สหายไปไหนแล้ว” พิมมาดาถาม
“เมื่อกี้ชั้นเห็นวิ่งมาทางนี้ เลยวิ่งตามมา ..พวกเธอไม่เจอเหรอ” เค้กสงสัย
“ไม่เจอเลย..น้องโจ๊ก น้องจีจ้า เห็นน้องแจ๊สมั้ย” เต๋าถาม
“ไปทางโน้น!” โจ๊กกับจีจ้าพูดพร้อมกันแต่ชี้ไปคนละที่)
“ไปทางไหนกันแน่..อย่าโกหกน้านะ” พิมมาดาเค้นความจริง
“ไปทางโน้น” โจ๊กชี้
“เดี๋ยวๆๆ ถ้าน้องแจ๊สวิ่งมาทางนี้จริงๆ แล้วจะหายไปไหนได้..ก็ทางไปมันมีแค่นี้ พวกเราต้องเจอสักคนสิ” เต้ยสงสัย
“เว้นแต่ว่าแจ๊สยังไม่ได้ไปไหน”
พิมมาดาพูดแล้วเหลือบจ้องโจ๊กกับจีจ้าแบบรู้ทัน โจ๊กกับจีจ้าเสียววาบเพราะกลัวจะถูกจับได้
กระเป๋าเดินทางของครูฟ้าใสวางอยู่กับพื้นบริเวณนั้น มีกองเสื้อผ้าทับอยู่ ที่ซิปของกระเป๋าไม่ได้รูดสนิท นิ้วมือของและลูกตาของแจ๊สโผล่ออกมาจากด้านในกระเป๋าเล็กน้อยแต่ยังไม่มีใครเห็น
“เราจะรออยู่ที่นี่ ให้แน่ใจว่าแจ๊สไม่ได้ขึ้นประกวด จนกว่าการประกวดจะเสร็จ” พิมมาดา
“งั้นพวกเราสองคนจะไปเฝ้าเวทีด้านโน้นไว้ ห้ามแจ๊สขึ้นเวทีเด็ดขาด” เต๋าเสนอ
“วิธีนี้เริดมากค่ะคุณพิม” ครูฟ้าใสเห็นด้วย
แจ๊สเครียดเพราะไม่รู้จะทำอย่างไร

เมทินีนั่งอย่างสง่าอยู่บนโซฟาภายในห้องรับรองของสำนักงานสวีทโอปอล์ น้อมพงษ์กำลังเสนอแผนธุรกิจของร้านสวีทโอปอล์ให้เมทินีดูด้วยพาวเวอร์พ้อยท์
“ตัวเลขที่เห็นอยู่นี้..เป็นจริง และแน่นอน..คุณเมทินีจะเห็นได้ว่า โอกาสเติบโตของร้านสวีทโอปอล์ในปีแรก มีมากถึงยี่สิบเจ็ดเปอร์เซ็นต์ต่อปี..สูงกว่าร้านขนมอื่นๆที่มีอยู่ ไม่ว่าจะแบรนด์ไทยแบรนด์นอกอยู่หลายเท่าตัว..ผมจึงมั่นใจว่า..ชั่วโมงนี้ ไม่มีอะไรน่าลงทุนไปกว่าธุรกิจสวีทโอปอล์อีกแล้วครับ”
“คุณจตุพลคะ..นีตั้งใจจะมาซื้อเฟรนชายส์ร้านขนม เอาไปให้ลูกปาล์มของนีทานก็แค่นั้น..นีไม่ได้กะขายขนมจริงๆด้วยซ้ำ” เมทินีพยายามตัดบท “ไปจัดการเรื่องเฟรนชายส์ให้นีเถอะค่ะ นีไม่อยากเสียเวลา..นีรวยแล้ว” เมินีกรีดนิ้วโชว์เพชรบนนิ้ว “รวยมากด้วย รวยจนไม่รู้จะใช้ยังไงหมด..แล้วนีจะลงทุน ทำงาน หาเงินไปอีกเพื่ออะไรคะ?.. นีไม่อยากเครียด มันไม่ดีต่อผิวพรรณและใบหน้าของนี..ทุกวันนี้ คอนเซ็ปต์ของนีมีแค่ สาว สวย สยิว สนุก สุดๆ แค่เนี้ย”
ทันใดนั้น บอดี้การ์ดคนนึงก็ก้าวเข้ามาในห้อง
“คุณจตุพลครับ เรื่องด่วนครับ”
น้อมพงษ์รีบมารับหน้าแทนเจ้านาย “มีอะไร รอไม่ได้หรือไง”
“มีคนบุกรุกครับ” บอดี้การ์ดรายงาน
ยามสองคนในสภาพที่เหลือแต่บ็อกเซอร์กับเสื้อกล้ามเดินเข้ามา จตุพลมองอึ้งๆ

ภัทรดนัยที่ใส่เสื้อกาวน์ทับชุดยามพยายามเดินดูตามชั้นเอกสารต่างๆ จากตู้นี้ไปตู้นั้น โต๊ะนี้ไปโต๊ะนั้น แต่ก็ยังหาไม่เจอสักที สักพักเขาก็เหลือบไปเห็นซองเอกสารซองหนึ่งหล่นอยู่ ที่หน้าซองพิมพ์คำว่า TOP SECRET
“ลับสุดยอด?” ภัทรดนัยรีบหยิบขึ้นมาเปิดดู “หา นี่แหละ ใช่เลย ที่ชั้นตามหา สูตรเคมีของขนมสวีทโอปอ มีรายชื่อส่วนผสมทั้งหมดที่ใส่ลงไป..แล้วส่วนผสมที่เป็นอักษรสีแดงๆนี่คืออะไร..มันต้องพิเศษแปลกประหลาดกว่าส่วนผสมอื่นสินะ หึๆ”
ภัทรดนัยกำลังจะเก็บเอกสารนั้น แต่อยู่ๆ หัวหน้าห้องแล็บก็เดินเข้ามา
“ทำอะไร!”
ภัทรดนัยชะงักในท่าที่เอกสารยังคามือ “เอ่อ..อ่า.”
หัวหน้าห้องแล็บเข้ามาดึงเอกสารไปจากมือภัทรดนัย พอเห็นเอกสารเขาก็โล่งใจ “โหย หาอยู่ตั้งนาน นึกว่าหายไป..ขอบใจนะๆ ถ้าหายไปคุณจตุพลฆ่าชั้นแน่” หัวหน้าห้องแล็บเอาเอกสารใส่ซอง นำไปใส่ลิ้นชักแล้วจึงล็อคกุญแจ “เป็นคนถือกุญแจมันลำบากตรงนี้”
“อ้าว คือ..”ภัทรดนัยอ้ำอึ้ง
หัวหน้าห้องแล็บเก็บลูกกุญแจไว้ในกระเป๋าเสื้อกราวด์ “ขอบใจนะๆ”
ทันใดนั้น เสียงสัญญาณเตือนภัยก็ดังขึ้น ทุกคนมีท่าทีแปลกใจ สักพักก็มีเสียงประกาศดังขึ้น
“มีผู้บุกรุก..เป็นชายสองคน ในชุดพนักงานรักษาความปลอดภัย..ขอให้ทุกหน่วยตรวจคนของตัวเองให้ดี”
“ชิป...” ภัทรดนัยเครียด
บรรดาเจ้าหน้าที่ห้องแล็บหันมามอง ภัทรดนัยรีบตะครุบเสื้อคลุมแล้วหันหลังหลบหน้าทันที
“ทุกคนออกจากห้องนี้ ไปแตะสแกนฝ่ามือด้วยตัวเองเท่านั้น” หัวหน้าห้องแล็บสั่ง
เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ผละจากงานแล้วทยอยมายืนเรียงแถว
“งานเข้าแล้วๆ” ภัทรดนัยพึมพำกับตัวเอง
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเดินมาดันภัทรดนัยไปต่อแถวสแกนฝ่ามือ ภัทรดนัยจะหลบไปก็ถูกกันตัวเอาไว้ ให้ต่อแถว ภัทรดนัยเครียดเพราะไม่รู้จะทำอย่างไร ในแถวก็ใกล้จะถึงคิวของภัทรดนัยแล้ว

จตุพลเดินออกมาที่หน้าห้องรับรองด้วยท่าทีหงุดหงิด
“คุณเมทินีกลับไปก่อนนะครับ..ผมจะให้คนไปส่งคุณที่รถ เชิญครับ”
“แล้วเจอกันนะคะคุณจตุพล” เมทินีลาแล้วยื่นมือให้
จตุพลมองอย่างงงๆ สักพักจึงเก็ท เขาจับมือเมทินีขึ้นมาจุ๊บ
เมทินียิ้มอายๆ “แล้วโทรมานะคะ...จะรอ...อุ้ย...เสียจริตสาว”
“เชิญครับ” น้อมพงษ์รีบเชิญให้เมทินีกลับไป
เมทินีเดินแยกออกไป จตุพลสั่งลูกน้องทุกคน
“พวกแกทุกคน..ไปจับไอ้แมวขโมยสองตัวมาให้ได้..ชั้นจะกระทืบมันด้วยตัวชั้นเอง..ไป!”
กลุ่มบอดี้การ์ดแยกย้าย น้อมพงษ์ควักปืนออกมาเตรียมแล้วเดินไป

เสียงสัญญาณเตือนภัยยังคงดังต่อเนื่อง กริสน์เดินออกมาอย่างใจเย็น เขามีท่าทางเร่งรีบแต่ก็ไม่มีพิรุธ กริสน์กำลังเดินเลี้ยวออกไป อยู่ๆ ก็มีบอดี้การ์ด2คนผ่านมาเห็นเข้าอย่างจัง
“เฮ้ย!! นั่น มันอยู่นั่น”
กริสน์ตัดสินใจวิ่งเข้าใส่บอดี้การ์ดทันที บอดี้การ์ดไม่ทันตั้งตัวรีบล้วงมือจะหยิบปืนออกมา แต่กริสน์ก็มาถึงตัวก่อน สายลับหนุ่มสไลด์ตัวอย่างรวดเร็วแล้วถีบกวาดขาบอดี้การ์ดทั้งสองจนล้มกระจาย กริสน์ลุกยืนได้ก็รีบเดินผ่านไปทางเดิม
บอดี้การ์ดอีกชุดรีบวิ่งตามพร้อมกับยิงปืนไล่หลังกริสน์

ส่วนภายในห้องแล็บ ก็ถึงคิวภัทรดนัยจะต้องแตะสแกนฝ่ามือพอดี ภัทรดนัยยกมือค้างไว้ไม่ยอมแตะ หัวหน้าห้องแล็บเร่ง
“แตะมือเร็วๆ”
“เอ่อ คือ..” ภัทรดนัยอึกอักและหน้าซีด จังหวะนั้นเองมีเสียงปืนดังจากด้านนอก ภัทรดนัยได้ทีก็รีบตะโกน “เฮ้ย!! คนร้ายลอบยิง..หัวหน้าระวัง!”
ภัทรดนัยกระโดดตะครุบตัวหัวหน้าห้องแล็บจนลงไปกลิ้งกับพื้น จังหวะนั้นเขาก็รีบล้วงกระเป๋าเอากุญแจลิ้นชักออกมา
“ทุกคนหมอบ!” ภัทรดนัยตะโกน กลุ่มเจ้าหน้าที่ห้องแล็บก็หมอบกันไปหมด ภัทรดนัยรีบทำเสียงปืน “ ปังๆๆๆ...โอเค มันไปแล้ว หัวหน้าไม่เป็นอะไรนะครับ..ไม่บาดเจ็บใช่มั้ย..ผมว่าเราอย่าเสียเวลาแตะมือเลยหัวหน้า คนร้ายมันจะลอบฆ่าเราได้ทุกเมื่อ รีบหนีออกไปก่อนเถอะ ไปๆ”
“เออๆๆ ไปๆๆ” หัวหน้าห้องแล็บรับลูกรีบบอกเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ให้หนีออกมา
เมื่อเจ้าหน้าที่ทุกคนแยกย้ายกันออกไปหมดแล้ว ภัทรดนัยก็รีบเอากุญแจไขลิ้นชักแล้วหยิบเอกสารออกมาแล้ววิ่งออกไปทันที
“พ่อแก้วแม่แก้ว ช่วยลูกช้างหนีได้ตลอดรอดฝั่งด้วยเถอะ” ภัทรดนัยอ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์

กริสน์หนีกลุ่มบอดี้การ์ดมาอยู่อีกด้านหนึ่ง อยู่ๆ ก็มีบอดี้การ์ดคนหนึ่งกระโดดลงมาจากด้านบนแล้วประสานมือทุบกริสน์ จนกริสน์ทรุดลงไปกับพื้น บอดี้การ์ดจะยกปืนยิงแต่กริสน์เตะจนปืนหล่น บอดี้การ์ดจึงไล่เหยียบกริสน์ที่กลิ้งตัวหนีไปเรื่อยๆ จนเผลอเหยียบลงไปบนรถเข็น
กริสน์ได้ทีคว้ารถเข็นลากถอย ทำให้บอดี้การ์ดคนนั้นถูกฉีกขาจนขาถ่าง พอกริสน์ดันรถเข็นเข้า ขาก็หุบ จังหวะนั้นก็มีบอดี้การ์ดอีก 2คนวิ่งเข้ามา กริสน์จึงถีบรถเข็นออกทำให้บอดี้การ์ดที่ขาเหยียบอยู่บนรถเข็นขาฉีกและล้มลงไปร้องโอดโอย ส่วนรถเข็นก็พุ่งเข้าใส่บอดี้การ์ดทั้งสองจนต้องกระโดดหลบ
กริสน์กำลังจะวิ่งเข้าไปซ้ำ แต่แล้วก็ต้องเบรคเอี๊ยด เพราะบอดี้การ์ดทั้งสองควักปืนขึ้นมาเล็งจากนั้นก็ยิงออกมา กริสน์กระโดดกลิ้งตัวหลบกระสุนแล้ววิ่งหลบ พอลุกขึ้นยืนตั้งหลักได้ก็รีบวิ่งหนี
พวกบอดี้การ์ดยิงไม่ถูกก็เจ็บใจรีบถือปืนวิ่งไล่ตาม กริสน์ก็วิ่งหนีไป พวกบอดี้การ์ดวิ่งไล่มา จากนั้นบอดี้การ์ดอีกกลุ่มก็ตามมาสมทบ
กริสน์วิ่งหนีมาด้านหนึ่ง เขาสับสนไม่รู้จะไปทางไหน อยู่ๆ ก็มีคนมาตะครุบแล้วดึงกริสน์เข้าไปหลังมุมตึก กริสน์เห็นว่าคนดึงคือเมทินีก็ถึงกับตาโตแล้วจะส่งเสียงร้อง
“คุณเม...”
เมทินีรีบเอามือปิดปากกริสน์ไว้ “ชู่ว์”
พวกบอดี้การ์ดวิ่งผ่านไป เมทินีหันมาสบตากริสน์อย่างหวานฉ่ำ “คุณกริสน์..คุณตามนีมาเพราะหึงนีใช่มั้ย..หึๆ นีรู้อยู่แล้วว่ามันต้องได้ผล..คุณเห็นนีไปสนิทสนมกับคุณจตุพล คุณไม่พอใจ เลยสะกดรอยตามนีมา ใช่มั้ย”
กริสน์พยายามจะเดินไป แต่เมทินีก็ดึงกริสน์ให้กลับมาอยู่ในท่าเดิม “อย่าเพิ่งไป ยังไม่พอ เอ๊ย ยังไม่ปลอดภัย”

เมทินีกับกริสน์โผล่หน้าออกมาจากมุมตึกที่อยู่ใกล้ที่จอดรถ เมทินีชี้ให้ดู “นั่น รถนี จอดอยู่ตรงนั้น คนของนีก็รออยู่..คุณกริสน์สามารถขึ้นรถของนี และออกไปจากที่นี่ได้ โดยไม่มีใครสงสัย”
“ดี..งั้นเรารีบไปขึ้นรถ เร็ว!” กริสน์บอก
เมทินีเดินนำกริสน์ไปที่รถ กริสน์ก้มหัวเดินตามไป คนรถเปิดประตูให้เมทินี แล้วเดินขึ้นรถเตรียมขับออก กริสน์จะขึ้นไปนั่งตามเมทินี แต่อยู่ๆ เมทินีกลับปิดประตูแล้วล็อคไม่ยอมให้กริสน์ขึ้น
“คุณนี..เล่นอะไร..เปิดประตู”
เมทินีกดกระจกเปิดหน้าต่างลง “คุณกริสน์คะ..ถ้าคุณกริสน์จะขึ้นรถของนีด้วย..คุณก็ต้องจุ๊บนีก่อนหนึ่งที” เมทินีทำแก้มป่องแล้วยื่นไปหากริสน์
“หา..” กริสน์ตกใจ
“จุ๊ฟ แล้วนีจะพาคุณหนีไปด้วย”
“มันไม่ใช่แล้วคุณนี..ผมไม่ได้คิดอะไร ไม่มีอะไรในใจกับคุณทั้งนั้น..เปิดประตูให้ผมขึ้นไปเดี๋ยวนี้ ผมไม่มีเวลามาก”
“ไม่มีเวลา ก็รีบๆจัดการสิคะ..อุ๊ยๆๆ ดูนั่นสิคะ บอดี้การ์ดกำลังมา”
เมทินีขู่ กริสน์หันไปเห็นบอดี้การ์ดกำลังเดินตรงมา
“ผมทำไม่ได้” กริสน์ปฏิเสธ
“คุณช่างเป็นสุภาพบุรุษอะไรอย่างนี้ นีไม่ถือหรอกค่ะ จัดมาเร็วๆ ขอดอกใหญ่ๆ..จะไปหรือไม่ไปคะ นีจะนับหนึ่งถึงสาม”
“คุณจะนับถึงร้อยยังไงผมก็ทำไม่ได้” กริสน์ยืนกราน
“สาม!” เมทินีนับเสียงดัง กริสน์รีบจุ๊บแก้มเมทินีทันที
เมทินีทำท่าอ่อนระทวย “โอย โอว อูย ระทวย ระทวย..นีรอมานานแล้ว วันนี้ วันที่นีจะตกเป็นของคุณค่ะ..ที่รัก”
“ที่รักอะไรอีก” กริสน์เซ็ง
“เรียกนีว่าที่รักสิคะ”
“ที่รักๆๆๆๆๆๆ เปิดประตูให้ผมได้แล้ว ผมต้องรีบไป”
“ค่ะ”เมทินีเปิดประตู กริสน์รีบกระโดดขึ้นรถ คนขับออกรถทันที
ภัทรดนัยวิ่งตามมาเห็นหลังกริสน์ขึ้นรถไปไวๆ
“เฮ้ยๆ รอด้วยๆ” ภัทรดนัยพยายามเรียก แต่ก็ไม่ทันแล้ว “โธ่ ไอ้เพื่อนทรยศ แกหนีรอด แล้วชั้นล่ะ..ชั้นจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไง”
ภัทรดนัยชะงักเพราะเห็นบอดี้การ์ดเดินมา เขารีบวิ่งไปหลบในซอกแล้วขดตัวนิ่งๆ “ใครก็ได้ช่วยด้วย”

พวกบอดี้การ์ดเดินป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณนั้น ภัทรดนัยได้แต่ซ่อนตัว และพยายามขดตัวจนตัวเกร็ง
ทีมสตาร์แด๊นซ์วิ่งขึ้นไปเตรียมตัวบนเวทีประกวด ครูฟ้าใสรีบแหวกผู้ชมมาติดขอบหน้าเวที พอดนตรีขึ้น สตาร์แด๊นซ์เริ่มเต้น ครูฟ้าใสปรบมือ กรี๊ดเอาๆ อย่างชอบอกชอบใจ

“มายสติ้วเด้นท์ๆๆ” ฟ้าใสส่งภาษาด้วยความลิงโลด
หลังเวที พิมมาดายังยืนคุมอยู่บริเวณเดิม จริงจัง ไม่ย่อท้อ โจ๊กกับจีจ้าอยากจะช่วยแจ๊สแต่ไม่รู้จะทำยังไง
“มีใครเห็นน้องแจ๊สมั่งมั้ยคะ..ต้องสแตนด์บายแล้ว..น้องแจ๊ส” สเตจเริ่มถามหา
“ตัดชื่อออกไปเลยก็ได้ค่ะ น้องแจ๊สไม่ขึ้นประกวดแน่นอน” พิมมาดา บอก
สเตจวิ่งออกตามหา แจ๊สที่ซ่อนตัวอยู่ในกระเป๋าได้แต่อึ้ง แต่พูดอะไรไม่ได้
“น้าพิม..ทำไมไม่ยอมให้พี่แจ๊สประกวดอ่ะ” โจ๊กถาม
“ถ้าน้ายอมให้แจ๊สขึ้นประกวด เท่ากับน้าสนับสนุนให้แจ๊สเป็นหัวขโมยน่ะสิ” พิมมาดาบอก
“แต่พี่แจ๊ส” จีจ้ายังพูดไม่จบประโยค พิมมาดาแทรกขึ้นทันที
“หยุดพูดเลย!! พวกเธอเข้าข้างกันตลอด ถ้าไม่อยากโดนทำโทษด้วย อยู่เฉยๆ”
พิมมาดายืนเป็นยักษ์เฝ้า แจ๊สกังวล ไม่รู้จะออกมายังไง

ภัทรดนัยค่อยๆแอบวิ่งลัดเลาะมาอีกด้าน เป้าหมายอยู่ที่ทางออกนอกประตู บอดี้การ์ด 2 คนวิ่งสวนไปมา ภัทรดนัยรีบหลบทันที พวกบอดี้การ์ดวิ่งผ่านหน้าภัทรดนัยไป ภัทรดนัยวิ่งต่อออกนอกตัวตึกไปได้ในที่สุด
“หึๆๆ มีแต่บอดี้การ์ดบื้อๆ”
ภัทรดนัยจะวิ่งต่อไปต่อ แต่ปรากฏว่าพวกบอดี้การ์ดอีก2คนยืนอยู่ตรงหน้า
“อ้าว..ไม่ได้อยู่ข้างในเหรอ” ภัทรดนัยพูด
พวกบอดี้การ์ดก้าวจะเข้าหา ภัทรดนัยจึงรีบทำขึงขัง วางมาดดีขู่ไว้
“เฮ้ย! พวกแกแน่ใจเหรอว่าอยากจะเข้ามาใกล้ชั้น!! รู้หรือเปล่าว่าชั้นศิษย์ใคร!! จะบอกให้ว่า..ฝีมือชั้น..สามารถอัดพวกแกทุกคนคว่ำตั้งแต่แกยังพูดคำว่าหม่ามี้ไม่จบด้วยซ้ำ”
ภัทรดนัยตั้งท่ามวย ชกลมฮึดฮัด แล้วเคลื่อนไหวด้วยความแข็งกร้าว ดุดันป่าเถื่อน เพื่อข่มขวัญศัตรู
“หม่ามี้” บอดี้การ์ดย้ำคำ
ภัทรดนัยเสียหน้า
“ท้าทายเหรอ โมโหแล้วนะเว้ย”
บอดี้การ์ดควักปืนขึ้นมา ภัทรดนัยอึ้งแล้วยื่นมือให้
“มีปืน..แล้วไม่บอกแต่แรก....ใจเย็นๆนะ..พวกแกต้องจับเป็นใช่มั้ย ชั้นรู้ๆ เจ้านายพวกแกต้องอยากได้ตัวชั้นเป็นๆ อ้ะๆ ยอมแล้วๆ มาจับเลย..จับสิ กุญแจมือมีหรือเปล่า”
ภัทรดนัยอาศัยจังหวะเผลอ เตะปืนในมือแล้วถีบบอดี้การ์ดจนกระเด็น บอดี้การ์ดคนอื่นจะควักปืน แต่ภัทรดนัยไวกว่า เตะ ชก จนพวกบอดี้การ์ดกระเด็นหมด
ภัทรดนัยก้มหยิบซองเอกสารที่หล่นระหว่างตอนบู๊ขึ้นมาปัดฝุ่น
“ให้มันรู้..อย่าดูถูกกล้ามปู หึๆๆ พวกแกได้เข้าคุกทั้งแก็งค์แน่”
ภัทรดนัยรีบวิ่งหลบออกไปทันที

จตุพลกับน้อมพงษ์ยืนมองสภาพพวกบอดี้การ์ดที่ถูกอัดอยู่ในออฟฟิศร้านขนม จตุพล ตบบอดี้การ์ดเรียงตัว น้อมพงษ์ยืนอยู่ท้ายแถวจตุพลเผลอจะตบไปด้วย
“ไอ้พวกไม่ได้เรื่อง”
“จะตบผมด้วยเหรอครับ”
“แล้วมายืนแถวเดียวกันทำไมล่ะ” จตุพลบอกกับบอดี้การ์ดคนอื่น
“ไป พวกแกทุกคนไปค้นหาดูว่า พวกมันแอบเข้ามาทำไม..มันต้องการอะไร..ถ้ามีอะไรหายไป หรือมีอะไรที่ขยับเขยื้อนผิดปกติแม้แต่นิดเดียว ชั้นก็ต้องรู้ให้ได้..เข้าใจมั้ย”
“ทำไมเราไม่เช็คกล้องวงจรปิดดูล่ะครับ ว่ามันมาทางไหน ไปทำอะไร ง่ายกว่าอีก” น้อมพงษ์บอก
“แล้วทำไมไม่บอกแต่แรก” จตุพลพูด
ก็คุณจตุพลไม่ได้ถามนี่ครับ..เพราะโมโห เลยมองไม่เห็นทางออกง่ายๆ นี่แหละครับเรียกว่า เส้นผมบังภูเขา..แต่โชคดีนะครับ ที่คุณมีกุนซืออย่างผมอยู่ข้างๆ คอยชี้แนะ เหมือนเล่าปี่ ที่ต้องมีขงเบ้งเป็นมันสมอง” น้อมพงษ์คุยโว พล่ามไป ขณะที่หันกลับมาอีกที ทุกคนแยกย้ายหายกันไปหมดแล้ว
“หึ ไปก็ไม่บอก..ทุกที” น้อมพงษ์บ่น

ทีมสตาร์แด๊นซ์เต้นอยู่บนเวที ขณะที่หลังเวที พิมมาดายังคงยืนคุมอยู่ กระเป๋าเดินทางใบที่แจ๊สซ่อนอยู่ เคลื่อนที่ได้เอง ต้วมเตี้ยมๆ ไป พอพิมมาดาหันมา กระเป๋าเดินทางก็หยุดชะงัก พอพิมมาดาหันไป กระเป๋าเดินทางก็เคลื่อนต่อ เพื่อจะไปให้ใกล้ทางขึ้นเวที
บนเวที พวกทีมสตาร์แด๊นซ์เต้นเสร็จ โพสต์ท่าจบ คนดูปรบมือชื่นชอบมากมาย ฟ้าใสกระโดดขึ้นไปบนเวที โค้งรับคำขอบคุณแทนเด็กๆ
“ขอบคุณค่าๆ มายสติวเด้นท์ค่ะ เทรนมาเองกับมือๆๆ”
ทีมงานต้องมาเชิญฟ้าใสลงจากเวที เสียงพิธีกรประกาศ
“ผู้เข้าประกวดคนต่อไป มาคนเดียว เป็นหญิงเดี่ยวครับ ขอเชิญพบกันน้องแจ๊สได้เลยครับ”
เสียงปรบมือต้อนรับดัง ทว่าแจ๊สไม่ได้ก้าวขึ้นไปบนเวที คนดูงง … ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หลังเวทีพิมมาดายังคงคุมหนาแน่น จนสเตจเริ่มปรึกษากัน
“เอาไงดีพี่ หาน้องแจ๊สไม่เจอ”
พิมมาดาหันไปบอกแบ็คสเตจ
“น้องคะ พี่เป็นผู้ปกครองน้องแจ๊ส น้องแจ๊สขอสละสิทธิ์ ไปบอกพิธีกรเดี๋ยวนี้เลย”
“เอ่อ ค่ะๆๆๆ” สเตจรับคำ
“นั่นๆๆ คนนั้นใช่พี่แจ๊สหรือเปล่า” โจ๊กร้องขึ้น
“ใช่ๆๆๆ เหมือนมากเลย” จีจ้ารีบสำทับ
พิมมาดาเผลอมองตามโจ๊กไป แจ๊สรีบออกจากกระเป๋า จะแอบวิ่งขึ้นไปบนเวที แต่อยู่ๆมีคนมาจับมือเอาไว้ เป็นครูฟ้าใสนั่นเอง
“จับตัวแจ๊สได้แล้วค่ะ” ฟ้าใสบอก
แจ๊สพยายามดิ้น
“ปล่อยแจ๊สนะคะ แจ๊สจะขึ้นไปประกวด แจ๊สไม่สละสิทธิ์ ปล่อย”
“แจ๊สไม่มีสิทธิ์ประกวด แจ๊สต้องกลับบ้าน ไปเคลียร์ปัญหาทุกอย่างที่ก่อเอาไว้..เต๋า เต้ย มาช่วยกันจับแจ๊สที” พิมมาดาสั่งเสียงเข้ม
“ค่ะๆๆ” เต๋ากับเต้ยรับคำสั่งและรีบวิ่งเข้ามา
จีจ้าตัดสินใจเข้าไปจั๊กจี้เอวครูฟ้าใสก่อน
“จี้ๆๆๆ”
ครูฟ้าใสหัวร่องอหายดังคิกคักๆ ปล่อยมือจากแจ๊ส แจ๊สรีบวิ่งหลบหลีกเต๋าเต้ย ขึ้นไปบนเวทีทันที

บนเวที พิธีกรกำลังจะประกาศว่าแจ๊สสละสิทธิ์ แต่แจ๊สพรวดพราดขึ้นมาพอดี
“น้องแจ๊สคงไม่มาแล้วนะครับ ถ้าอย่างนั้นผมขออนุญาตตัดสิทธิ์การประกวดของน้องแจ๊สเลยนะครั..”
“แจ๊สมาแล้วค่ะ แจ๊สจะประกวด”
“อ้าว มาพอดี ทันเส้นยาแดงผ่าแปดเลย..โอเค งั้นเราก็มาชม”
พิมมาดาตามขึ้นเวทีมา
“น้าไม่อนุญาต!!..ขอโทษนะคะคุณพิธีกร เด็กคนนี้ ไม่สามารถประกวดได้ ขอตัว”
พิมมาดาพยายามจะลากแจ๊สลงจากเวที แต่แจ๊สไม่ยอมลง ทันใดนั้นกริสน์วิ่งเแหวกฝ่ากลางวงคนดูเข้ามาและกระโดดขึ้นจากหน้าเวที
“เดี๋ยวครับ เดี๋ยวๆ คุณห้ามแจ๊สประกวดไม่ได้นะ”
“คุณกริสน์..มายด้าลิ้งก์” ฟ้าใส เต๋าและเต้ยพูดขึ้นพร้อมกัน
เต๋า กับเต้ยมองหน้าฟ้าใสอย่างงุนงง ทันใดนั้นเค้กวิ่งเข้ามาสมทบอีกคน
“คุณกริสน์สุดหล่อมาแล้ว” เค้กเพ้อ
ฟ้าใสหันไปมองงงหนักขึ้นไปอีก
“นายอีกแล้วเหรอ..ชั้นบอกแล้วไงว่านายไม่มีสิทธิ์อะไรในครอบครัวของชั้นอีกแล้ว ออกไป ไม่ต้องมายุ่ง” พิมมาดาบอก
“คุณพิม”
“ชั้นบอกให้ออกไป”
“แจ๊สไม่กลับ น้ากริสน์ช่วยด้วย” แจ๊สบอก
“เอ่อ รู้สึกว่า จะเป็นปัญหาในครอบครัว รบกวนคุณพ่อคุณแม่ไปตกลงกันก่อนดีมั้ย” พิธีกรบอก
“ชั้นไม่ได้เป็นอะไรกับตานี่ แล้วชั้นก็ไม่ใช่แม่ ชั้นเป็นผู้ปกครอง” พิมมาดายืนยัน
คนดูยืนมึนกันไปหมด ทุกคนอ้าปากตาค้างกับเหตุการณ์ตรงหน้า กริสน์ดึงไมค์มาจากพิธีกรแล้วพูดผ่านเครื่องขยายเสียง
“ขอยืมไมค์หน่อยนะครับ ทุกๆท่านในที่นี้ครับ ดูสิครับ..กว่าที่เด็กผู้หญิงคนนึง จะฝ่าฝันอุปสรรคเพื่อมาประกวดเต้นในวันนี้ได้ มันยากลำบากแค่ไหน..จะเต้นกับทีมของโรงเรียน ก็ไม่ได้รับการต้อนรับ..จะเต้นเอง ที่บ้านก็ไม่สนับสนุน..เธอเลยต้องแอบฝึกซ้อม ทำทุกอย่างมาเป็นปีๆ เพื่อวันนี้..วันนี้วันเดียว..แล้วเราจะไม่ให้โอกาสเค้าหน่อยเหรอครับ”
ทั้งฮอลล์เงียบ กริสน์หน้าเสีย แจ๊สเศร้าใจ ฟ้าใส เค้ก เต๋า เต้ย มองลุ้นอะไรจะเกิดขึ้น
“นายหยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ” พิมมาดาสั่ง
“เด็กๆ ควรจะมีสิทธิ์เลือกเส้นทางชีวิตของตัวเองไม่ใช่เหรอครับ..ใครอยากดูน้องแจ๊สทำตามฝัน ผมขอเสียงหน่อยได้มั้ยครับ”
คนดูยังเงียบ ไม่รู้จะเอาไง แจ๊สน้ำตาคลอเบ้า คนดูหน้าเศร้าตาม เค้กประทับใจ กริสน์เริ่มปรบมือคนแรก เต๋า เต้ย ตบตาม คนดูเฮลั่น ปรบมือ
“ทุกๆคนเรียกร้องขนาดนี้ คุณผู้ปกครองจะยืนยันห้ามแจ๊สประกวดอีกเหรอครับ”
“นายหยุดพูดไปเลย”
“น้องแจ๊ส..น้องแจ๊ส..น้องแจ๊ส” กริสน์เรียก
กริสน์นำให้พวกคนดูโห่ร้องเรียกให้น้องแจ๊สประกวด
“พิมๆๆ ลงมาก่อนเถอะ อายเค้า นะๆๆ” เค้กเตือนพิมมาดา
เค้กคะยั้นคะยอพาพิมมาดาถอยออกไป ลงไปอยู่ในหมู่คนดู เต๋าเต้ยตามมาประกบด้วย กริสน์หันไปยิ้มให้กับแจ๊ส
“เต็มที่เลยนะแจ๊ส”
แจ๊สพร้อมเต้น
ครูฟ้าใสมายืนดูอีกด้าน มีพวกทีมสตาร์แด๊นซ์ตามมายืนดูข้างๆ
“หมดกันโรงเรียนของชั้น..ชื่อเสียง เกียรติยศ ที่ชั้นสั่งสมมานาน..ขออย่าให้พิธีกรประกาศชื่อโรงเรียน..อย่าประกาศชื่อโรงเรียนๆๆ” ฟ้าใส แอบภาวนา
ดนตรีขึ้น แจ๊สเริ่มเต้น
“ครูขาๆๆ” หัวหน้าสตาร์แด๊นซ์สะกิดเรียกฟ้าใสที่กำลังพึมพำภาวนาให้หันไปดู
“อะไร”
ฟ้าใสเงยหน้ามองการเต้นบนเวที แล้วตะลึง โหว... คนดูทั่วๆไปก็ตะลึง ราวถูกมนตร์สะกด บนเวที แจ๊สกำลังเต้นออกสเต๊ปอย่างเทพ ดูเป็นคนละคนกับแจ๊สที่ผ่านๆมาทั้งหมด
“น้อง..น้องแจ๊สเต้นได้ขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย” เต๋าตื่นเต้น
“ทำไม ดูไม่เหมือนน้องแจ๊สเลย ท่าทาง หน้าตา ดูมั้นมั่น ไม่มีเค้าเด็กเรียกเนิร์ดโรคจิตเลยอ้ะ” เต้ยว่า
“ใช่ๆๆ น้องแจ๊สดูสวย สดใส มีเสน่ห์มาก ชั้นไม่เคยเห็นน้องแจ๊สดูมีความสุขมากยังงี้มาก่อนเลย” เค้กสนับสนุน
“พี่แจ๊สเก่งที่สุดเล้ย” จีจ้าตะโกน
“พี่สาวผม เย้ๆๆๆ” โจ๊กส่งเสียงภูมิใจบ้าง
“อร๊าย ท่าเต้นเปรี้ยวอ้ะ แรง กะเทยชอบๆๆ เก็บอาการไม่อยู่แล้ว” เต๋าออกอาการ
เต๋า เต้ย จีจ้า และโจ๊ก โห่ร้องเชียร์และปรบมืออย่างเต็มที่ด้วยความยินดี ในขณะที่พิมมาดาได้แต่มองอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ไม่รู้มาก่อนว่าแจ๊สเต้นได้ขนาดนี้ แจ๊สเต้นบนเวที จนกระทั่งโพสต์ท่าจบ สวยงาม พวกคนดูปรบมือโห่ร้องยาวนานกึกก้อง
ครูฟ้าใสหน้าบานสุดๆกระโดดขึ้นบนเวทีทันที พวกทีมสตาร์แด๊นซ์ได้แต่มองตะลึงในความสามารถเอาหน้าของครูตัวเอง
“มายสติวเด้นท์ค่าๆๆๆ แท้งกิ้วๆๆ”
แจ๊สยืนยิ้มบนเวที โค้งขอบคุณ พิมมาดายืนอึ้ง กริสน์มาด้านหลังพิมมาดาแล้วพูดขึ้น
“ไม่เคยรู้มาก่อนเลยสิว่าหลานตัวเองมีความสามารถขนาดนี้..ไม่มีคนสนับสนุนยังได้ขนาดนี้ ถ้ามีคนสนับสนุนจะขนาดไหน”
พิมมาดาไม่แยแสกริสน์ เดินพุ่งไปที่หลังเวทีทันที

แจ๊สเดินลงจากเวที จีจ้ากับโจ๊กรีบวิ่งมาแสดงความยินดี
“พี่แจ๊ส พี่สุดยอดเลย”
“หลบๆๆๆ..น้องแจ๊สขา..ชมรมสตาร์แด๊นซ์ของเราเวลคัมยู ยินดีต้อนรับจ้ะ เอ้าๆๆ” เด็กๆ มาเร็วๆๆๆ จับมือเป็นเพื่อนกันไว้ๆๆ” ฟ้าใสเรียกเด็กๆมารุมล้อมต้อนรับ
พิมมาดาเดินพรวดเข้ามาและคว้ามือแจ๊สไว้
“กลับบ้าน เรามีเรื่องต้องเคลียร์กัน”
“น้าพิม..แจ๊สต้องอยู่ฟังตัดสินรางวัล”
“คนทำผิดไม่มีสิทธิ์ต่อรอง กลับบ้าน”
โจ๊กกับจีจ้าจะเข้าห้าม พิมมาดาสั่งอีก
“พวกเธอก็กลับด้วย”
เค้กจะอ้าปาก พิมมาดาสกัดทันที
“หยุดเลยเค้ก เต๋า เต้ย เอาตัวไปขึ้นรถ”
กริสน์ตามมาขวาง
“อยู่รอแป๊บนึง จะเสียหายยังไงครับคุณพิม เผื่อได้รางวัล”
“ใช่ค่ะๆ นะพิม” เค้กบอก
“นี่มันเรื่องในครอบครัว พวกคนนอกอย่ายุ่ง”
พิมมาดาผลักกริสน์ออก ลากแจ๊สออกไป เต๋าเต้ยพาโจ๊กกับจีจ้าพร้อมเค้ก ตามออกไปหมด กริสน์เซ็ง ระอา
“พวกคนนอกอย่ายุ่ง..เอ่อ..คุณพิมมาดา แกคงจะว่าคุณกริสน์คนเดียวใช่มั้ยคะ ฟ้าใสไม่เกี่ยวใช่มั้ยคะ”

พิมมาดาลากแขนแจ๊สกลับเข้ามาในบ้าน
“น้าพิม ปล่อยแจ๊สได้แล้ว แจ๊สไม่หนีแล้ว”
“ไม่ต้องมาร้อง เด็กขี้ขโมย ขี้โกหก เธอจะไม่ได้รับความไว้วางใจจากน้าอีก..เต๋า ไปหยิบไม้เรียวมา”
“แต่คุณพิม” เต๋าพูดขึ้น
พิมมาดาหันมองเต๋าตาเขียว เต๋ารีบไปทันที
“ถ้าน้าพิมให้แจ๊สเบิกเงินล่วงหน้า แจ๊สก็ไม่ขโมย” แจ๊สสารภาพ
“พูดอย่างนี้หาว่าน้าผิดเหรอ!! แล้วทำไมตอนขอถึงไม่ยอมบอกว่าจะเอาเงินไปทำอะไร”
“ถึงบอก น้าพิมก็ไม่ให้อยู่ดี..แถมยังจะห้ามไม่ให้ไปประกวดด้วยซ้ำ แล้วเรื่องอะไรแจ๊สต้องบอก” แจ๊สพูด
“แจ๊สพอก่อน” เค้กรีบห้าม ทั้งแจ๊สและพิมไม่สนเค้ก
“รู้ได้ยังไงว่าน้าจะไม่ให้”
“”รู้..ใครๆ ก็รู้ โจ๊กกับจีจ้าก็รู้”
“ใช่” จีจ้าและโจ๊กรับขึ้นพร้อมกัน
“เด็กๆ” เต้ยพยายามปรามๆแต่ไม่มีใครสนอีก
“น้าพิมจะให้เราเอาแต่เรียน นอกนั้นห้ามหมด” จีจ้าบอก
“อะไรที่พวกเราชอบ อะไรที่พวกเราอยากทำ คือไร้สาระหมด” โจ๊กบอก
เต๋าวิ่งกลับมาพร้อมไม้เรียว พิมมาดาคว้าเอามาถือขู่
“น้าพิมไม่เคยฟังเหตุผลพวกเราเลย..เอาแต่ห้าม..ห้ามๆๆ” แจ๊สบอก
“หยุดตะโกนใส่น้า..หยุด!! พวกเธอไม่ต้องมาโยนความผิดให้น้า!! ถึงยังไงขโมยก็คือขโมย เป็นคนไม่ดี” พิมมาดาคว้าตัวแจ๊สมาจับแน่น
“แจ๊สไม่ดี น้าพิมก็ไม่ดี” แจ๊สไม่ยอม
เค้ก เต๋า เต้ย ตกใจ
“แจ๊ส” พิมมาดากำลังจะตี
โจ๊กวิ่งมาปกป้องแจ๊ส
“อย่าตีพี่แจ๊สนะ”
“น้าพิมไม่เคยเข้าใจพวกเราเลย แล้วยังไล่น้ากริสน์ คนเดียวที่เข้าใจพวกเราออกไปอีก” จีจ้าพูดบ้าง
“ใช่...มีแต่น้ากริสน์คนเดียวที่ฟังพวกเรา” โจ๊กบอก
แจ๊ส โจ๊ก และจีจ้าวิ่งเข้าบ้านไปเลย พิมมาดาช็อก
เค้กจับแขนพิมมาดาเอาไว้
“พิม..ปล่อยเด็กๆไปก่อน ให้อารมณ์เย็นก่อน แล้วค่อยว่ากันดีกว่านะ”
“เห็นด้วยค่ะ” เต๋ากับเต้ยบอก
พิมมาดาเริ่มข้องใจ
“นี่อะไร กลายเป็นว่าชั้นเป็นคนผิดเหรอ ชั้นเป็นต้นเหตุที่ทำให้แจ๊สขโมยเหรอ..ทำไมถึงเป็นชั้น..เด็กๆ ไม่รักชั้นแต่กลับไปรักนายพี่เลี้ยงคนนั้น”

กริสน์ค่อยๆ ก้าวเข้ามาในห้องพักของภัทรดนัยแล้วกดเปิดสวิทซ์ไฟ
“ไอ้ภัทรดนัย..แกกลับมายัง”
ภัทรดนัยที่แอบซ่อนอยู่หลังบานประตูก็เข้ามาใช้มือล็อคคอกริสน์จากด้านหลัง
“แก..ไอ้เพื่อนทรยศ..แกทิ้งชั้น”
กริสน์หายใจไม่ออก
“ปล่อ..ย”
“คนเป็นคู่หูกัน เค้าทิ้งกันได้เฉพาะตายจากกันเท่านั้น แต่แกเห็นเด็กผู้หญิงคนนึง สำคัญกว่าชีวิตเพื่อนซี้อย่างชั้น”
กริสน์ทำมือเป็นสัญลักษณ์ เลิฟยู
“ยังมีหน้ามาบอกรักอีก..คนรักกันที่ไหนทิ้งกัน ฮ้ะ!”
กริสน์เปลี่ยนเป็นชูนิ้วก้อย ของอนง้อ
“ไม่ต้องมาง้อ ชั้นไม่คืนดีกับแก”
เมื่อไม่ได้ผล กริสน์เลยปัดป่ายมือ พยายามดันหน้าภัทรดนัยออก มือเลยป้วนเปี้ยนแถวๆหน้าภัทรดนัย นิ้วแหย่เข้าปาก เข้าจมูก จนหน้าภัทรดนัยบูดเบี้ยวบู้บี้
“ชั้นจะปล่อยแก..แต่แกต้องตอบมาก่อนว่า..แกจะทิ้งชั้นอีกมั้ย”
กริสน์ทำมือชูสามนิ้ว
“มะ..ไม่..สา..บาน”
ภัทรดนัยปล่อยกริสน์ ผลักออก ต่างคนต่างเหนื่อย หาที่นั่ง
“แฮ่กๆๆ” กริสน์อยากจะด่า แต่พูดไม่ออก ชี้หน้าด่า
“ชี้หน้าทำไม..เดี๊ยะๆๆ” ภัทรดนัยถาม
กริสน์ผวาถอย
“เออๆ ถือว่าเจ๊ากัน..แล้วแกได้อะไรมาหรือเปล่า”
ภัทรดนัยโยนเอกสารให้กริสน์
“ชั้นไม่ได้กระจอกเหมือนแกที่ห่วงแต่อารมณ์ส่วตัวหรอก..ระดับชั้นลงมือเอง ไม่มีคำว่าพลาด เอาไปดู สูตรเคมีของขนมสวีทโอปอ มีส่วนผสมทุกอย่างในขนม ทั้งส่วนผสมที่เปิดเผย และไม่เปิดเผย รอผลตรวจออกมาก่อน ว่าสิ่งที่มันใส่ลงไปในขนมคือยาเสพติดจริง..ถ้าคอนเฟิร์มเมื่อไหร่ ก็ขอหมายศาลจับได้ทันที”
กริสน์นั่งซึม เรื่องพิมและเด็กๆ โดยไม่สนใจว่าภัทรดนัยพูดอะไร

ภาพจากกล้องวงจรปิดจากร้านขนมสวีทโอปอ เห็นกริสน์กับภัทรดนัยที่อยู่ในชุดยาม แต่มีหมวกปิดหน้าบังๆไว้ จนมองไม่เห็นหน้าชัดๆ ภาพในจอค้างไว้ที่มุมๆนึง ที่เห็นหน้าแค่เสี้ยวบางๆครึ่งล่าง
“นี่ภาพที่ชัดสุดแล้วเหรอ” สุขสันต์ถาม
“ครับ..แต่เราก็รู้นะครับว่าพวกมันแอบเข้าไปในห้องแล็ปของเรา ซึ่งเป้าหมายของมัน..ต้องเป็นอะไรสักอย่างในห้องนั้นแน่” น้อมพงษ์บอก
สุขสันต์ พยายามไม่โกรธ
“คุณช่วยพูดอะไรที่ทำให้ผมชื่นใจหน่อยได้มั้ย”
“ตอนนี้เรากำลังตรวจทุกสิ่งทุกอย่างภายในห้องแล็ปแล้ว ถ้ามีอะไรหายไป เราต้องทราบแน่นอนครับ” จตุพลบอก
“แล้วทำไมยังไม่ทราบอีก!!! นี่ผ่านมาคืนนึงแล้วนะ” สุขสันต์ถาม
“อย่าฉุนครับท่าน อย่าๆๆ อุตส่าห์บำรุงด้วยสกินแคร์เกาหลีมาเป็นอาทิตย์ๆ เดี๋ยวริ้วรอยกลับมา จะไม่คุ้มนะครับ” ฉัตรชัยเตือนอย่างสุภาพ
“ท่องไว้นะครับ..อย่าโมโห เพื่อความหล่อใสแบบหนุ่มเกาหลี” ฮิมสำทับ
ลูกน้องจตุพลคนหนึ่งเดินเข้ามารายงานกับน้อมพงษ์
“เอ่อ..เราทราบแล้วครับว่าอะไรหายไป..สูตรเคมีของขนมโอปอครับ”
“อะไรนะ!! แกรู้มั้ยว่ามันหมายความว่าอะไร” สุขสันต์ถามขึ้นอย่างหงุดหงิด
“อย่าครับๆ..เกาหลี..เกาหลี” ฉัตรชัยเตือน
“มันแปลว่า ชั้นอาจจะถูกสอยร่วงจากบัลลังก์ ไปเข้าคุกได้เลยนะ ไอ้พวกไม่ได้เรื่อง” สุขสันต์ บอก
“เกาหลี..เกาหลี” ฉัตรชัยกับฮิมพึมพำอย่างลูกคู่เสียงดัง
สุขสันต์หันไปตบหัวฉัตรชัย ฮิมอย่างรัวๆ
“เกาหลีบ้าเกาหลีบออะไร ชั้นไม่มีอารมณ์หล่อแล้วเว้ย!! ..พวกแกไปสืบมา ว่ามันสองคนเป็นใคร แล้วก็ไปลากคอมันมา..ชั้นให้เวลาสามวัน ถ้าทำไม่ได้ พวกแกตาย”
สุขสันต์เดินฉุนออกไป จตุพล น้อมพงษ์ถึงกับซีด

เสี่ยอธิปกำลังเดินกระวนกระวายไปมาในห้องนอน แล้วพูดกับเดช
“เราจะต้องเล่นละครอยู่อย่างนี้อีกนานแค่ไหน..เราต้องหาทางออกไปจากที่นี่ ก่อนที่พวกมันจะจับได้ว่าชั้นแกล้งป่วย..ชั้นเป็นห่วงโอปอล์ แกเข้าใจมั้ย ตัวชั้นเป็นตายไม่เคยกลัว แต่ลูกสาวชั้นต้องปลอดภัย”
“คนของคุณจตุพลคุมหนาแน่นมาก เราหนีไปเองไม่รอดแน่..คงต้องรอ”
“รอใคร..ใครมันจะมาช่วยเราได้”
เสียงคนกำลังจะเปิดประตู
“ได้เวลาทานยาแล้ว” เดชบอก
อธิปรีบกลับขึ้นไปบนเตียง นอนห่มผ้า แกล้งป่วย เพ้อ อย่างคนอาการหนัก หายใจติดๆขัดๆ จตุพลกับน้อมพงษ์เข้ามา ถือยาบำรุงมาด้วย
“เสี่ยครับ..เสี่ย..ค่อยๆหายใจครับเสี่ย” เดชบอก
“หึ ไม่เป็นอะไรมากหรอก ดื่มยาบำรุงซะ เดี๋ยวก็ดีขึ้น” จตุพลแนะนำ
“เอ้า ประคองเสี่ยขึ้นมาดื่มยาสิ” น้อมพงษ์สั่งเดช
“ครับๆๆ”
เดชประคองอธิปขึ้นมา แอบส่งซิกกัน
น้อมพงษ์ถือถ้วยยาเข้าไปกรอกยาใส่ปากอธิป
“ดื่มซะนะครับเสี่ย จะได้แข็งแรงไวๆ”
จู่ๆโอปอล์เปิดประตูพรวดเข้ามา เห็นภาพน้อมพงษ์กำลังกรอกยาอธิป
“อย่านะ” โอปอล์ร้องห้าม
โอปอล์วิ่งเข้ามาผลักถ้วยยาในมือน้อมพงษ์จนหล่นกระจาย ทุกคนตะลึง
“โอปอล์ไม่ให้ป๊ากินยานี้อีกแล้ว”
“คุณหนู” เดชร้อง
“อาจตุพลคิดจะทำอะไรป๊า โอปอล์รู้นะ อาจตุพลใจร้าย โอปอล์เกลียด..เกลียดๆ” ว่าแล้วโอปอล์ก็เข้าไปทุบตีจตุพล
“โอปอล์..อะไร..อาจะทำอะไรโอปอล์รู้เหรอ” เดชรีบมาคว้าตัวโอปอ
“คุณหนูๆๆ...เดชบอกแล้วยังไงครับว่า คุณจตุพลพยายามรักษาป๊าเต็มที่แล้ว..ถ้าอาการไม่ดีขึ้น ก็อย่าไปโทษอาจตุพลสิครับ..ไม่เอาๆ ออกไปข้างนอกก่อนนะครับ” เดชอุ้มโอปอล์เอาตัวออกไปข้างนอกเพื่อแก้ไขสถานการณ์ ไม่ให้ความลับแตก
“โอปอล์ไม่ไป..ปล่อย”
จตุพลสบตากับน้อมพงษ์อย่างสงสัย ข้องใจ ก่อนจะหันไปมองอธิปที่นอนอยู่บนเตียง อธิปแกล้งนอนป่วยต่อไป แต่แววตากังวล

เดชอุ้มโอปอล์ที่ดีดดิ้นออกมาอีกมุม
“อาเดช..ปล่อยโอปอ..จะให้ป๊าอยู่กับอาจตุพลตามลำพังไม่ได้”
เดชจับตัวไว้เตือนให้มีสติ
“คุณหนู..เงียบๆก่อนครับ..ถ้าอยากให้ป่าป๊าปลอดภัย ต้องเชื่อฟังผมนะครับ..นะๆๆ”
“อาเดชอยู่ข้างใครกันแน่ ทำไมไม่ช่วยป๊า ปล่อยให้อาน้อมพงษ์เอายาพิษให้ป๊ากิน ทำไมๆๆ” โอปอล์โวยดังลั่น
“ผมก็อยู่ข้างคุณหนูกับป่าป๊าสิครับ แต่ทั้งหมดที่คุณหนูเห็น มันเป็นแผน..ถ้าอยากให้ป่าป๊าปลอดภัย ทั้งคุณหนูและผมต้องทำตัวตามปกติ อย่ามีพิรุธ เราต้องทำเหมือนยังไม่รู้ว่าป่าป๊าหายป่วยแล้ว เพราะถ้าอาจตุพลหรือใครในบ้านนี้รู้เข้า..ทั้งป่าป๊า คุณหนู แล้วก็ผม..โดนเจื๋อนแน่ เสี่ยไม่ได้กินยาจริงๆ แค่อมเอาไว้ แล้วก็บ้วนทิ้ง..เชื่อผมนะครับคุณหนู..อดทนอีกหน่อย ถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่ ผมจะพาคุณหนูกับป่าป๊าหนีออกไปจากที่นี่เอง”

โอปอล์มองหน้าเดช อย่างไม่ค่อยอยากจะไว้เนื้อเชื่อใจ








Create Date : 31 มกราคม 2555
Last Update : 31 มกราคม 2555 14:12:19 น.
Counter : 735 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]