All Blog
ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 19 (ต่อ)


ฟ้าใสและ อิทธินั่งดื่มอยู่ด้วยกัน

“ให้ผมตั้งตัวหน่อย มันเรื่องอะไรอยู่ดีๆ ก็อยากย้ายค่ายมาอยู่กับผม”
“เสี่ยเขาไม่เห็นค่าของฉันแล้วค่ะ”
“ยังไง”
“เขาไม่ให้ฉันออกเพลงใหม่ กลัวขายไม่ออก”
“เธอก็เลยจะลาออก มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ อีกอย่าง ผมไปดึงศิลปินอันดับหนึ่งของค่ายเสี่ยดำรงมา มันจะหมางใจกันเปล่าๆ”
“คุณอิท ถ้าฉันเป็นคนตัดสินใจเองละคะ ฉันจะลาออกจากเสี่ยดำรง แล้วเว้นวรรคไปสักพัก จากนั้นถึงเข้าสังกัดคุณ อย่างนี้ไม่ถือว่าเป็นการแย่งตัวกันหรอก”
“เฮ้อ ไม่ดีกว่า ผมไม่อยากเสี่ยง ดึกแล้ว ผมกลับละ แค่มาหาคุณที่พักดึกๆ ดื่นๆแบบนี้ มันก็เป็นข่าวได้แล้วนะ”
อิทธิลุกจะออกจากห้อง
“อีกอย่างตอนนี้รุ้งหนีไปยังตามตัวไม่เจอ ผมปวดหัวพอแล้ว อย่าให้ผมต้องปวด หัวเรื่องอื่นอีกเลย”
ฟ้าใสลุกตามไป
“คุณอิทคะ เดี๋ยวซี”
ฟ้าใสสลัดเสื้อคลุมบางเบาออกจากร่าง อิทธิหันมามองตะลึงงันกับความสวย ฟ้าใสเดินมาหาแล้วสวมกอด
“นังรุ้งน่ะปล่อยให้หนีไปเถอะค่ะ เพราะฉันยินดีเป็นตัวแทนของมัน”
ฟ้าใสจูบเคลียร์ที่ซอกคอ อิทธิเคลิ้มตามมือค่อยๆ ลูบไล้แผ่นหลังของเธอ อิทธิอุ้มร่างฟ้าใสที่หัวเราะพึงพอใจเข้าห้องนอนไป

อินทรเอะอะกับแสงหล้า และส้มป่อยที่โถงบ้าน
“พี่ทูนไปไหน”
ส้มป่อยส่ายหัว
“ไม่ทราบค่ะนายทร”
อินทรถอนใจ
“เดี๋ยวนี้พี่ฉันทำตัวแปลกขึ้นทุกที”
ส้มป่อยแปลกใจ
“แปลกยังไงเหรอคะ”
“ก็ที่เอาเรากับป้าแสงมาอยู่ที่บ้านนี่ไง บอกมาซิทั้งสองคนมาทำอะไรที่นี่ ทั้งๆที่งานที่ร้านต้มแซ่บก็วุ่นจนต้องจ้างคนเพิ่ม”
แสงหล้าอึกอัก
“เออคือว่า...เรา”
ส้มป่อยรีบพูดเลี่ยงไป
“คืออย่างนี้ค่ะนายทร ช่วงนี้นายทูนพาผู้หญิงมาค้างด้วยไม่ซ้ำหน้า หนูกับป้า แสงต้องคอยต้อนรับค่ะ ทั้งเสื้อผ้า อาหาร เครื่องนุ่งห่มยารักษาโรค อุ๊ย ยาไม่เกี่ยว”
อินทรแปลกใจ
“มาค้างที่กระท่อมน่ะเหรอ”
“ใช่ค่ะ”
“แสดงว่าคืนนี้ก็ต้องอยู่ที่กระท่อม”
“แม่นเลยค่ะ”
“แล้วทำไมตอนแรกบอกว่าไม่รู้พี่ทูนอยู่ไหน”
ส้มป่อยอึ้งไปพูดไม่ออก อินทรสงสัย
“ฉันจะไปดูที่กระท่อมเดี๋ยวนี้”
ส้มป่อยและแสงหล้าโพล่งออกมาพร้อมกัน
“อย่าไปค่ะ”
แสงหล้ารีบโกหก
“ตอนนี้คุณทูนอาจจะเข้าเมืองค่ะ จะกลับมาก็ดึกๆ”
อินทรมองทั้งคู่อย่างจับผิด

จ๊ะจ๋าถือชุดหรูที่ใส่ในพลาสติคสองสามตัว แบกตัวเอียงมาเคาะประตูห้องฟ้าใส
“พี่ฟ้าขา พี่ฟ้า”
ไม่มีใครตอบรับ เธอจึงหยิบกุญแจออกมาไขเข้าห้องไป แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นเสื้อคลุมของฟ้าใสกองอยู่ที่พื้น หันไปเอาชุดที่ถือมาแขวนไว้ที่มุมห้อง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงหัวเราะแว่วมาจากห้องนอน จ๊ะจ๋าค่อย ๆ เดินเข้าไปแอบดู พอมองเข้าไปเธอก็ตะลึงงัน เพราะภาพที่เห็นคือฟ้าใสนอนซบอกอิทธิอยู่บนเตียง ท่าทางสุขสมกันทั้งคู่
“ตกลงจะรับฟ้าเข้าสังกัดคุณได้รึยังคะ”
“ถ้าคุณทำตามแผนที่บอก ผมยอมรับว่าเป็นข้อเสนอที่น่าสนมาก”
ฟ้าใสหัวเราะระรื่น จ๊ะจ๋ารีบหลบออกมาใจเต้นไม่เป็นส่ำ เธอออกจากห้องลงลิฟท์มานั่งหลบมุมอยู่ที่โถงคอนโด สักครู่อิทธิออกมาจากลิฟท์โดยใส่แว่นบังใบหน้าแล้วเดินผ่านโถงไปอย่างเร็ว จ๊ะจ๋ารีบหลบมองตามไป อิทธิจะเดินไปที่รถแต่มือถือดังขึ้นเสียก่อน เขามองเบอร์ก่อนจะกดรับสาย
“ว่าไงนายคำ ได้เรื่องไหม”
“เฝ้าดูอยู่ครับ แต่ยังไม่ได้หลักฐานอะไร นอกจาก”
“อะไร”
“ไอ้ทูนมันเข้าออกจากบ้านมันวันละหลายครั้ง แต่ที่ร้านอาหารก็ไม่ได้ไป ผมคิดว่ามันอาจซ่อนตัวคุณรุ้งอยู่ในไร่มันก็ได้นะครับ”
“งั้นต้องบุกแล้วว่ะ แกรออยู่ที่นั่น ฉันจะไปสมทบแต่เช้าเลย”
“ได้ครับนาย”
อิทธิกดวางสาย

จ๊ะจ๋าเคาะประตูห้อง ฟ้าใสเปิดประตูหน้าเครียด จ๊ะจ๋ายิ้มแย้มเหมือนไม่รู้เห็นอะไร
“สวัสดีค่ะพี่ฟ้า”
“มาเสียดึกเชียว”
ฟ้าใสเดินนำเข้ามาในห้อง จ๊ะจ๋าตาม
“ค่ะ จ๋าเอายากับเครื่องประดับมาให้พี่ฟ้าครบตามที่สั่งเลย”
“เพิ่งมาถึงเหรอ”
“ค่ะ เพิ่งมาถึง”
“แล้ว ชุดที่ฉันจะใส่พรุ่งนี้ล่ะ เอามารึเปล่า”
“เออ คือ”
จ๊ะจ๋าเหลือบมองไปที่ชุดที่ลืมแขวนทิ้งไว้
“จ๋ายังไม่ได้เอามา”
“เหรอ แล้วใครเอาชุดมาแขวนไว้ตรงนั้นล่ะ ผีรึไง”
“คือว่า จ๋าเอามาเอง”
ฟ้าใสมองหน้า
“ยายจ๋า ยังไงกันแน่ เอามาหรือไม่ได้เอามา โกหกฉันเหรอ”
“เปล่าค่ะ”
“งั้นอธิบายมาตามจริง”
“คือจ๋านึกว่าพี่ฟ้าไม่อยู่ในห้อง เคาะประตูอยู่ตั้งนานไม่มีเสียงตอบก็เลย”
ฟ้าใสไม่พอใจสวนทันที
“ถือวิสาสะเข้ามาเอง”
“ค่ะ”
ฟ้าใสฟาดฝ่ามือเข้าเต็มหน้า จ๊ะจ๋าเซล้มไป
“พี่ฟ้า อย่าทำโทษจ๋าเลยค่ะ จ๋าไม่ได้ตั้งใจ”
“แต่ก็ตั้งใจตอแหลใส่ฉัน บอกมา แกเห็นอะไรบ้าง”
ฟ้าใสจิกผมจนจ๊ะจ๋าหน้าแหงน
“เห็น เห็นคุณอิทธิอยู่บนเตียงกับพี่ฟ้า”
“อีเลว”
ฟ้าใสกระชากขึ้นมา แล้วตบอีกสองฉาด จ๊ะจ๋าฟุบไปเลือดซึมที่ริมฝีปาก ฟ้าใสจิกผมขึ้นอีก จ๊ะจ๋าหน้าแดงช้ำไปทั้งหน้า
“เห็นอะไร ได้ยินอะไรอีก”
“ไม่ได้ยินค่ะ ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น จ๋าตกใจ เลยรีบออกจากห้องไป”
“จริงนะ”
“จริงค่ะ”
“แกรู้ใช่ไหม ว่าแกต้องทำเป็นหูหนวกตาบอด ไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”
จ๊ะจ๋าสะอื้น
“รู้ค่ะ”
“ลุกขึ้นมา”
ฟ้าใสกระชากร่างจ๊ะจ๋าลุกขึ้น แล้วเปลี่ยนท่าทีเป็นยิ้มหยัน จัดผมให้เข้าทรงเหมือนแคร์เสียเต็มประดา
“เรื่องของฉันกับคุณอิท เป็นเรื่องลับของเราสองคน แกต้องเก็บความลับไว้กับตัวให้ดีที่สุด”
“ค่ะ”
“พรุ่งไปนี้ไปบริษัท แต่งหน้าเยอะๆ ซ่อนรอยฟกช้ำให้แนบเนียน อย่าให้ใครสงสัย แล้วถ้ามีใครถามขึ้นมา ก็บอกว่าแกล้มฟาดไปเอง”
“ค่ะ”
“กลับไปได้แล้ว ไป๊”
ฟ้าใสผลักเซไป จ๊ะจ๋าเดินไปหยิบกระเป๋าแล้วออกจากห้องไปทั้งที่ยังสะอื้น พอออกจากห้องมาได้เธอก็ยืนร้องไห้อยู่พักใหญ่ก่อนจะหยิบมือถือขึ้น

อินทรดูเวลา ส้มป่อยและแสงหล้ายังเฝ้าอยู่
“นี่ก็ดึกมากแล้ว พี่ทูนน่าจะกลับแล้ว ฉันจะไปดูพี่ทูนว่าหิ้วผู้หญิงมาจริงรึเปล่าหรือเป็นแค่ข้ออ้าง”
ส้มป่อยกับแสงหล้า มองหน้ากันไม่รู้จะแก้สถานการณ์ยังไงดี อินทรกำลังจะออกจากโถง มือถือของเขาดังขึ้นเสียก่อน
“จ๋า ว่าไงครับ”
จ๊ะจ๋าเดินมาหน้าลิฟท์ พูดไปสะอื้นไป
“คุณทร ช่วยด้วยค่ะ”
“มีอะไรครับจ๋า”
“คุณอยู่ที่ไหน”
“ผมอยู่ที่ไร่อินสรวง”
“ฉันอยากพบคุณ ฉันทนไม่ไหวแล้ว พี่ฟ้าตบตีฉันอีกแล้ว”
“เอาอย่างนี้ ผมจะเข้ากรุงเทพเดี๋ยวนี้ คุณไปหามะปราง ให้มะปรางพาคุณไป บ้านพี่เมธ ผมจะตามไปที่นั่น”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะคุณทร”
อินทรกดวางสายจะออกจากโถงบ้าน ส้มป่อยรีบถาม
“ตกลงจะไปไหนคะนายทร”
“จะเข้ากรุงเทพเดี๋ยวนี้เลย”
อินทรออกไป ส้มป่อยถอนใจหันมาหาแสงหล้า
“รอดตัวแล้วค่ะ ป้าแสง”
“อยากไปที่กระท่อมจังเลย อยากรู้ว่าคุณทูนกับหนูรุ้งปรับความเข้าใจกันแล้วหรือยัง แอบไปดูกันไหมส้ม”
ส้มป่อยยกมือห้าม
“สต็อป อิท อย่าค่ะป้า เพราะถูกจับได้ขึ้นมา คนโดนตีคือหนูค่ะ ไม่ใช่ป้าหนูคือคนที่เจ็บ เจ็บครั้งใดก็ไม่เท่าเจ็บเพราะทำให้นายผิดหวัง”
แสงหล้าส่ายหน้าแยกไป ส้มป่อยยังเพ้อ
“ไม้เรียวของนายทูน มันยิ่งกว่าน้ำกรดราดรดมาบนใจส้ม อ้าว ป้าไปไหนแล้วล่ะ”

เช้าวันใหม่ ทูนอินทร์ลืมตาขึ้นมองรุ้งระวี ที่ยังนอนหลับซบอกอยู่ เขาค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นจากที่นอนออกไปนอกกระท่อม แล้วเดินเลียบริมลำธารด้วยจิตใจที่เปี่ยมล้นด้วยความสุข ทูนอินทร์สูดลมเข้าปอดลึกๆ ยิ้มกับตัวเองที่ได้ความรักและคนรักของเขาคืนมา
ส้มป่อย แสงหล้า ป้าแป๋วกำลังเตรียมอาหารในห้องครัว ทูนอินทร์ฮัมเพลงเข้ามา ทั้งสามหยุดกิจกรรม ทูนอินทร์หน้ายิ้มระรื่น
“ทำอะไรกันครับ กลิ่นกับข้าวหอมจัง”
“หลายอย่างค่ะ ชุดอาหารเช้าก็มีนะคะ กับข้าวต้มก็มี” ป้าแป๋วบอก
“งั้นจัดของเช้าให้ผมชุดใหญ่ ทานสองคน ใส่รถไว้ จะเอาไปทานที่กระท่อม”
แสงหล้าและส้มป่อยหันมายิ้มให้กัน ทูนอินทร์ฮัมเพลงต่อออกจากห้องครัว แสงหล้ารีบตาม
“คุณทูนคะ ตกลงคุณกับรุ้งว่ายังไงกันแล้ว”
“ไม่ว่าอะไรหรอกป้า แต่ป้าแม่นจังนะที่ว่า รุ้งเขารักผมน่ะ ขอบใจนะครับ”
ทูนอินทร์หอมแก้มหนึ่งฟอด แสงหล้าสะดุ้งเฮือก
“เลิฟยู คั่ก คั่ก”
ทูนอินทร์แยกไป แสงหล้าอมยิ้มอายม้วน

ทูนอินทร์เปิดประตูกระท่อมเข้ามาพร้อมอาหารเช้าถาดใหญ่ เสียงรุ้งระวีอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ เขาวางอาหารลงบนโต๊ะ แล้วเตรียมจัดอย่างกระตือรือล้น แต่ทำไม่ค่อยเป็น เขาหันไปหยิบดอกไม้ที่วางอยู่ในถาดมาเสียบในแจกัน เสียบเข้าเสียบออกไม่ถูกใจ
รุ้งระวีออกมาจากห้องน้ำพอดี เขาหันไปมองเห็นเธออยู่ในชุดยาวสีอ่อนเบาผมสยาย น่ารักน่าเอ็นดู แดดเช้าที่ส่องจากเบื้องหลัง ทำให้ผมสะท้อนแสงแดดเป็นเงาคลื่นงดงาม เธอยิ้มให้เขา ทูนอินทร์มองอย่างปลื้มแล้วทั้งคู่ก็พูดออกมาพร้อมกันว่า
“หอมจัง”
ทั้งสองหัวเราะ
“ฉันหอมอาหารเช้า คุณหอมอะไรคะ”
“หอมรุ้งน่ะซี”
ทูนอินทร์เข้าไปกอด หอมที่ผมเบาๆ
“วันนี้คุณสวยกว่าทุกวันเลย”
“ขอบคุณค่ะ ขอให้พูดแบบนี้ทุกวันนะคะ”
“ได้ครับ จะพูดทุกวัน วันละสามเวลาก่อนอาหาร”
“งั้นก็พูดแล้ว กินเลยดีกว่า หอมหมูทอดจังค่ะ”
ทั้งสองลงนั่งกินอาหารกัน
“ป้าแสงทำกับข้าวเก่งมาก ทำให้รุ้งเป็นพิเศษเลยนะ”
“วันนี้พาฉันไปกลับบ้านอินสรวงนะ อยากเห็นหน้าป้าแสงคนนี้เต็มทีแล้ว ไม่เคยเจอเสียที เห็นบอกว่าเป็นแฟนคลับฉันด้วย”
“ครับ แกร้องเพลงคุณได้ทุกเพลงเลย ได้ยินแกร้องในครัวบ่อยๆ สงสัยจะเป็นนักร้องเก่า ร้องเพลงเพราะมาก”
“เหรอคะ”
รุ้งระวีนิ่งไป เธอคิดไปถึงแม่ แต่คงไม่ใช่หรอก ทูนอินทร์จ้องหน้า
“รุ้ง. เรามาเริ่มต้นใหม่นะ”
“ไม่ค่ะ”
“ทำไมล่ะครับ”
“เราไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นใหม่ เพราะเท่าที่ผ่านมา ความรักของเรางดงามอยู่แล้ว”
ทูนอินทร์ยิ้ม ทั้งสองชนแก้วกัน

อินทรนั่งดูหน้าของจ๊ะจ๋าที่ระบมทั้งสองข้าง ขณะที่มะปรางนั่งอยู่ด้วย
“จ๋า ทำไมคุณยังทนยายมารร้ายนี่อยู่ได้ ให้มันตบตีเอาแบบนี้”
“แล้วจะให้ฉันทำยังไง”
มะปรางมองเพื่อนอย่างเป็นห่วง
“ก็ลาออกซีจ๋า ไปทนรับใช้มันอยู่ทำไม”
อินทรมองจ๊ะจ๋าอย่างสงสัย
“เดี๋ยว จ๋ายังไม่ได้บอกเลยว่ามันทำร้ายจ๋าทำไม”
จ๊ะจ๋าหน้าสลด
“ฉันไม่กล้าพูด พี่ฟ้าขู่ไว้”
“พูดมาเถอะครับ บางทีเราอาจจะช่วยจ๋าได้”
“บอกมาเถอะจ๋า แกต้องกล้าที่จะต่อกรกับนางมารร้ายแล้วนะ ไม่งั้น แกก็หลุดจากอำนาจมันไม่ได้ แล้วเมื่อไหร่ความฝันของแกจะเป็นจริง” มะปรางแนะ
จ๊ะจ๋าหน้าเศร้า
“ความฝันของฉัน...คือ...”
มะปรางมองให้กำลังใจ
“ความฝันที่แกจะออกมาเป็นศิลปินค่ายคุณทรไง”
จ๊ะจ๋าพยักหน้า แล้วรวบรวมความกล้า เริ่มเล่าออกมา
“เมื่อคืนฉันเข้าไปที่ห้องพี่ฟ้า แล้วฉันก็เห็น”

ป้าแป๋วเก็บผักสวนครัวหน้าบ้าน รถของอิทธิแล่นพรวดเข้ามา คำรณ คม เดช ลงจากรถอย่างมาดเหี้ยม อิทธิตามมา ป้าแป๋วตกใจ
“พวกคุณเป็นใคร มีธุระอะไร”
แสงหล้าและส้มป่อยอยู่ในครัว กำลังเตรียมอาหาร ส้มป่อยแอบหยิบของทานเล่นเข้าปากหมับๆ
“มื้อเที่ยงให้หนูรุ้งทาน ป้าจะทำอ่อมไก่ให้สุดฝีมือเชียว รุ้งต้องติดใจฝีมือป้าแน่ ๆ เอ้า หนูส้ม อย่าทานหมด เดี๋ยวไม่เหลือถึงนาย”
“มันอร่อยนี่คะป้า”
“เดี๋ยวอ้วนนะ ไม่ได้เป็นดาราพอดี”
“อุ๊ย เลิกทานเลยค่ะ”
ทันใดนั้นเสียงเอะอะของป้าแป๋วดังมาจากหน้าบ้าน ส้มตกใจ
“อุ๊ย ป้าแป๋ว”
ทั้งสองออกมาดู

ป้าแป๋วเอะอะไล่กลุ่มอิทธิ
“พวกแกเข้ามาไม่ได้นะ ไอ้ถ่อย อย่ามาทำนักเลงแถวนี้”
อิทธิไม่พอใจหันไปสั่งลูกน้อง
“จับนังแก่นี่ไว้”
คำรณเข้าจับร่างป้าแป๋ว
“เฮ้ย ปล่อยข้า ปล่อยโว้ย”
ส้มป่อยและแสงหล้าวิ่งมาจากครัวพอดี แสงหล้าเห็นคำรณรีบดึงส้มป่อยหลบวูบ
“หนูส้มอย่าออกไป”
อิทธิ คมและเดชเข้าบ้านไป
“พวกมันมาตามรุ้งแน่ๆ รีบโทรหาคุณทูนก่อน”
“ได้ ได้ อุ๊ย ไม่ได้แล้ว”
“ทำไม”
“หนูไม่ได้เอามือถือมา ต้องเข้าไปโทรในบ้าน”
“เข้าไปไม่ได้ พวกมันกำลังค้นบ้านอยู่ ใช้ของป้าก่อนละกัน”
แสงหล้าไม่อยากใช้เบอร์ตัวเอง แต่จำเป็น หยิบมือถือแล้วกดเบอร์ทันที คำรณยังยึดร่างป้าแป๋วไว้แน่น
“ปล่อยข้านะโว้ย ยายแสง นังส้ม มาช่วยข้าที”
“บอกให้เงียบ”
“ยายแสง ส้ม หายหัวไปไหนกันหมด”
“เดี๋ยวตบปาก บอกให้เงียบไง” คำรณนึกได้ “เอ๊ะ เมื่อกี้แกเรียกใครนะ”
“ก็เรียกยายแสง กับนังส้มน่ะซี”
คำรณหยิบมีดออกมาขู่
“บอกมาก่อน ยายแสงที่ว่าเป็นใครมาจากไหน”
ป้าแป๋วตาปริบๆ มองมีดอย่างสยอง

มือถือของทูนอินทร์วางอยู่บนเบาะในรถที่จอดอยู่หน้ากระท่อม เสียงสัญญาณดังแต่คนในกระท่อมไม่ได้ยิน
แสงหล้ายืนรอรับสายอย่างร้อนใจ มองป้าแป๋วถูกคำรณคุมตัวอยู่ที่หน้าบ้านอย่างกังวลใจ
“ส้ม คุณทูนไม่รับสายน่ะ”
“เอาไงดีล่ะป้า”
ขณะเดียวกันนั้น อิทธิ คม เดช ออกมาจากบ้าน อิทธิหันไปตวาดถามป้าแป๋ว
“นังแก่ บอกมา ไอ้ทูนมันอยู่ไหน”
“ไม่รู้ ไม่ต้องมาถามข้า”
“ไม่บอก เจ็บตัวนะ”
คำรณบีบปาก เอามีดจ่อ
“จะบอกรึเปล่า”
ป้าแป๋วตื่นกลัว
“บอกแล้ว บอกแล้ว อยู่ที่กระท่อมริมลำธาร”
“อยู่ที่ไหน”
“ไปตามถนนเข้าไร่นี่แหละ แป๊บเดียวก็ถึง”
อิทธิหันไปสั่งสมุน
“พวกเราไป”
คำรณนึกได้
“เดี๋ยวครับนาย ในบ้านไม่มีใครเลยเหรอครับ”
“ไม่มี”
คำรณหันมาตวาดป้าแป๋ว
“ไหนแกบอกว่ายายแสงอยู่ในบ้านไง”
“เมื่อกี้มันอยู่นี่หว่า ไม่รู้โว้ย มันคงตามนายทูนไปที่กระท่อมนั่นแหละ”
“เฮ้ย อย่าเสียเวลารีบไปเถอะ”
ทั้งหมดขึ้นรถ คำรณยังมองไปรอบบ้านอย่างระแวดระวัง แสงหล้าหลบอยู่กับส้มป่อย แอบมองอยู่ใจเต้นระทึก คำรณตามขึ้นรถไป ส้มและแสงหล้าวิ่งมาหาป้าแป๋ว
“ป้าแป๋ว”
“อ้าว พวกแกอยู่เหรอ ข้าเรียกปากแทบฉีก ทำไมไม่ออกมาช่วยกัน”
“ไม่กล้าค่ะป้า ออกมาก็ตายหมู่”
ป้าแป๋วค้อน
“อ้อ ให้ข้าตายคนเดียว”
“ใช่ค่ะ”
แสงหล้าร้อนใจ
“เอายังไงดีละพี่แป๋ว”
“โทรเรียกนายที่ร้านมาเร็ว พวกมันกำลังไปทำร้ายคุณทูนที่กระท่อม” ป้าแป๋วบอกอย่างกังวล

ทูนอินทร์และรุ้งยังนั่งทานกันอยู่ เสียงรถแว่วมา
“มีคนมา”
ทูนอินทร์ลุกไปมองที่หน้าต่าง รุ้งระวีตามมาดูเห็นรถ อิทธิแล่นมาแต่ไกล
“นายอิทธิ”
รถ อิทธิแล่นมาเทียบรถของทูนอินทร์ ทั้งหมดก้าวลงจากรถ คำรณ คม เดช อาวุธครบมือเข้ามาที่ประตู ถีบโครมเข้าไป แต่ทูนอินทร์และรุ้งระวีอันตรธานไปเสียแล้ว เหลือแต่อาหารเช้าที่เห็นว่าจัดไว้ทานสองคน อิทธิเริ่มหัวเสีย คำรณ คม เดช ค้นทั่วห้อง
ขณะเดียวกัน ทูนอินทร์พารุ้งระวีวิ่งออกมาที่ริมลำธาร
“เดี๋ยวค่ะ ทำไมเราต้องหนีด้วย”
“ผมให้คุณเจอมันไม่ได้หรอก มันต้องบังคับคุณให้กลับไปกับมันแน่ๆ”
“แล้วถ้าฉันยืนยันไม่กลับ”
“ตำรวจไงครับที่จะทำให้คุณกลับ อย่าลืมว่าผมลักพาตัวคุณมา”
“จริงซี งั้นไปต่อค่ะ”
ทั้งสองวิ่งต่อไป ทูนอินทร์พารุ้งระวีวิ่งมาถึงเพิงตายาย รุ้งระวีหอบเหนื่อย
“คุณพักที่นี่ก่อน”
“แล้วคุณล่ะ”
“เป็นหน้าที่ผมที่ต้องไปทวงความยุติธรรมคืน”
รุ้งระวีรีบห้ามอย่างเป็นห่วง
“พวกมันหลายคนนะคะ อย่าไปเลย”
“ไม่ต้องห่วง พระเอกไม่ตายตอนจบหรอกครับ”
ทูนอินทร์ยิ้ม แล้วย้อนกลับไปทางเดิม
อิทธิกับพวก ค้นหารอบๆชายป่าแถวกระท่อม คมเข้ามาบอก
“ไม่เจอตัวเลยครับนาย”
“มันต้องพารุ้งมาซ่อนที่นี่แน่ๆ มีเสื้อผ้าผู้หญิงอยู่ด้วย”
ทูนอินทร์เดินตรงมา
“ว่าไงไอ้หัวขโมย”
ทั้งหมดหันขวับมา อาวุธในมือพร้อม อิทธิมองหยัน
“อ้อ แสดงตัวแล้วเหรอวะ แกนั่นแหละไอ้ขโมย แกลักพาตัวรุ้งมาซ่อนไว้ที่นี่ใช่ไหม”
“รุ้งไหน ไม่รู้จักว่ะ”
“อย่ามากวน เห็นอยู่ชัดๆ ว่าแกอยู่กับผู้หญิง”
“ใช่ ผู้หญิงของฉัน มาค้างชั่วคืน ตอนนี้กลับไปแล้ว พกเงินไปเต็มกระเป๋า”
“อย่ามาสร้างเรื่อง ส่งตัวรุ้งคืนมา แล้วฉันจะไม่เอาเรื่องแกถึงตำรวจ”
ทูนอินทร์ยิ้มกวน
“ค้นดูซี หาเจอก็เอาไปเลย”
อิทธิหันไปสั่งสมุน
“ค้นดูให้ทั่วอีกที ในป่าที่มันเดินออกมาด้วย”
คมกับเดชแยกไปค้น เหลือคำรณที่ยังยืนอยู่กับอิทธิ ทูนอินทร์เดินกลับไปที่รถตัวเองแล้วแอบหยิบปืนพกในลิ้นชักคอนโซลหน้าใส่เสื้อแจ็คเก็ตเดินกลับมา อิทธิมองหน้า
“แกพารุ้งหนีมาแบบนี้ แกรู้ไหมฉันเสียหายเรื่องคอนเสิร์ตไปกี่ล้าน”
“อืมม์ เห็นใจ เห็นใจ แต่มันก็คงจะเทียบไม่ได้กับมูลค่าของเพลงต้มยำลำซิ่ง ของฉันที่แกขโมยไปเป็นเพลง ต้มยำลำเพลินของแก มูลค่ามันหลายล้านเชียวนะ”
อิทธิฟังแล้วหัวเราะร่าออกมา คำรณหัวเราะตาม
“พูดอะไรของแกวะ ใครขโมยเพลงแก ต้มยำลำซิ่ง ที่ไหนไม่เคยได้ยิน”
“เอาละ งั้นช่วยตอบที ถ้าคำตอบเป็นที่พอใจ ฉันจะสมนาคุณให้แกอย่างงามไอ้เพลง ต้มยำลำเพลิน ของแกเนี่ย ตกลงมันเป็นเพลงของใครกันแน่ ใครแต่ง แล้วสังกัดไหนมิทราบ”
อิทธิมองกวนๆ
“แกจะรู้ไปทำไม”
“น่า ช่วยตอบให้หายข้องใจหน่อยเถอะ”
“คนแต่งไม่เปิดเผยนาม มันอาจจะชื่อไอ้กระบือ ก็ได้ ไง พอใจไหม”
ทูนอินทร์ยิ้มเหยียด
“แสดงว่านายกระบือคนนี้ แต่งเพลงได้เพราะมาก ฉันถามคำถามแก อีกข้อแกเข้าไปขโมยเพลงของฉันมาได้ยังไง”
อิทธิไม่พอใจ
“ไอ้บ้า ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ได้ขโมยเพลงของแก”
“แต่ฉันแน่ใจว่าแกขโมย เพราะมีคนเห็นสมุนแกแอบเข้าไปในห้องทำงานของฉัน วันที่แกแกล้งทำเป็นมีเรื่องมีราวกับฉันที่หน้าร้าน”
อิทธิสบตาคำรณเจื่อนไปนิดหน่อย ทูนอินทร์มองหน้า คำรณนิ่งไป

คมกับเดชเดินสำรวจมาใกล้เพิงตายาย เห็นเพิงอยู่ไกลๆ
“เฮ้ย เพิงนั่น ไปสำรวจดูหน่อย”
ทั้งสองวิ่งไปที่เพิงทันที รุ้งระวีหลบอยู่ มองเห็นทั้งสองวิ่งมา เธอรีบหลบเข้าหลังกองฟืนใต้ถุนเพิง ทางด้านทูนอินทร์ เดินตรงมาหา คำรณยังจ่อปืนมาที่ทูน
“แล้ว .คนที่เห็นเขาบอกว่าหนึ่งในนั้นคือแก นายคำ”
“ผมไม่รู้เรื่อง อย่ามากล่าวหากันชุ่ยๆ”
อิทธิชักฉุน
“ไอ้คนที่เห็นน่ะ มันเป็นใครวะ”
“รุ้งไง รุ้งบอกฉันเองว่าเห็นไอ้คำ กับไอ้เดช สมุนแกหลบไปตอนมีเรื่อง มันผิดวิสัยลูกน้องนี่หว่า นายโดนชกแทนที่จะอยู่ช่วย กลับหลบหายไปซะงั้น อย่างนี้เขาเรียกลูกน้องชั้นเลว”
“โธ่ ไอ้...”
คำรณจะเอากระบอกปืนฟาดหน้า ทูนอินทร์พุ่งหมัดเข้าท้องน้อย แล้วปัดปืนในมือกระเด็นไป ก่อนจะหมุนตัวเข้าล็อคคอคำรณไว้อย่างอยู่หมัด
“ปล่อยกู”
คำรณหยุดดิ้นไปทันที เมื่อถูกปืนจ่อเข้าที่คอ อิทธิอึ้งตะลึงทำอะไรไม่ถูก
“เฮ้ย ไอ้คำมันไม่รู้เรื่อง แกปล่อยมันดีกว่า”
“ไอ้นี่แหละรู้เรื่องดีสุด ใช่ไหมวะ บอกมาดีๆดีกว่านะ วันนั้นแกแอบเข้าไปในห้องทำงานฉันใช่ไหม”
“กูไม่รู้เรื่อง ไม่ต้องมาถามกู”

คมและเดชเข้ามาในเพิง รุ้งระวีมุดอยู่ใต้ถุน พยายามนิ่งที่สุด
“ไม่มีน่ะพี่” เดชบอก
“ค้นดูให้ทั่ว ใต้ถุนน่ะ ก้มลงไปดู”
รุ้งระวีกลั้นใจ เห็นเท้าเดชลงมาจากเพิง
ทางด้านทูนอินทร์ยังขู่คำรณต่อ
“บอกความจริงมา ถ้าไม่อยากเจ็บตัว”
“คนอย่างกูไม่กลัวความเจ็บหรอกโว้ย”
“ได้เลย อย่าร้องนะเพื่อน”
ทูนอินทร์ยิงเข้าที่ขาของคำรณแบบเฉียด ๆเลือดไหลพุ่ง เสียงปืนลั่นไปทั้งป่า
“อ๊าก!”
อิทธิกระโดดฟุบไปที่พื้น กุมหัวแสดงความขี้ขลาดออกมาเห็นๆ

เดชกำลังก้มลงมาดูใต้เพิง รุ้งระวีแนบตัวกับกองฟืนหลับตาปี๋ ในมือเตรียมขอนไม้ขนาดย่อมไว้รับมือ เสียงปืนลั่นป่า คมตะโกนลั่น
“เฮ้ย ได้เสียกันแล้วโว้ย ไป”
คมและเดชกระโดดจากเพิง ตรงไปทางเดิม รุ้งระวีถอนใจโล่งอก แต่ยังกังวลว่าใครยิงใคร ขณะเดียวกัน ทูนอินทร์ยังล็อกคอคำรณอยู่
“มึงจะพูดไหม”
คำรณชักกลัว
“นาย เอาไง”
อิทธิพูดไม่ออก
“ถ้าไม่พูด คราวนี้ข้าไม่ยิงเฉียดๆ แต่จะเจาะกลางเป้าเอ็ง เอาให้เอ็งหมดเผ่าพันธุ์ไปเลย”
ขาดคำเขาก็ลดปืนลงที่เป้า คำรณตัวสั่นตื่นกลัวสุดๆ
“พูดแล้ว พูดแล้ว เออ กูเข้าไปในห้องทำงานเอ็งจริงๆ”
ทูนอินทร์ตวาด
“เข้าไปทำอะไร”
“ขโมยเพลงทั้งหมดของเอ็งออกมา ทั้งในลิ้นชัก ทั้งในคอม”
ทูนอินทร์ยิ้มพอใจ
“ดีมาก แล้วงานนี้รุ้งรู้เห็นการขโมยด้วยรึเปล่า”
อิทธิรีบตะโกนบอก
“ไอ้คำ ไม่ต้องพูดนะโว้ย”
ทูนอินทร์ยิงเฉียดหัวไป อิทธิร้องลั่น ฟุบลงกับพื้นอีก ทูนอินทร์กระชับปืน แล้ตะคอก
“พูดมา”
คำรณระล่ำระลักบอก
“คุณรุ้งไม่รู้เห็นอะไรทั้งนั้น”
“เอาละ ถามอีกข้อ พวกแกหลอกรุ้งเรื่องแม่ใช่ไหม ที่ว่าตายไปแล้ว”
“ใช่”
“เอาละ ทุกอย่างกระจ่างแจ้งแล้ว แผนพวกแกนี่มันชั่วเกินมนุษย์จริงๆ”
คมและเดชวิ่งมา จ่อปืนเข้าที่ทูนอินทร์ คมสั่งเสียงเหี้ยม
“ทิ้งปืนนะโว้ย”
อิทธิได้ทีรีบสั่ง
“ยิงมันเลย ยิงมัน”
ทันใดนั้นมีเสียงดังมาจากเบื้องหลัง
“ถ้ายิง พวกแกก็โดนเหมือนกัน”
ทั้งหมดหันไปมอง ก็พบว่า เมธ หนาน คูน ถือปืนขู่มาทางกลุ่มอิทธิ ทูนอินทร์ผลักร่างคำรณเซไปคมกับเดช ลดปืนลง หนานกับคูนเข้าปลดอาวุธทั้งสอง ทูนอินทร์เดินมาหา อิทธิ
“ยอมรับว่ะ ว่าวิธีการยุแยงให้ฉันกับรุ้งเข้าใจผิดของแก มันแยบยลมาก แต่วิธีเล่นลับหลังอย่างนี้ บ้านฉันเขาเรียกว่า ไม่แมน ไม่ลูกผู้ชาย สรุปคือ หน้าตัวเมีย นั่นเอง”
อิทธิมองหน้า
“แต่แกก็โง่ เชื่อที่ฉันหลอกแกจนได้”
ทูนอินทร์ยิ้มเหยียด
“ฉันยอมโง่ว่ะ เพราะฉันโง่เพื่อคนที่ฉันรัก แมนกว่าแกเยอะ และนี่เป็นการทวงคืนค่าโง่ที่ฉันเสียไป”
ทูนอินทร์ฟาดด้ามปืนเข้าเต็มหน้า อิทธิเซไปเลือดกบปาก
“โอ๊ย!”
“นี่เป็นการทวงครั้งแรกเท่านั้น ยังจะมีครั้งต่อไปและต่อไป”
เมธเล็งปืนใส่แล้วตวาดไล่
“กลับไปได้แล้ว”
ทั้งหมดขึ้นรถ เดชรีบขับหนีตายออกไป เมธหันมาถาม
“ทูน รุ้งอยู่ไหน”
ทูนอินทร์อึ้งไป
“พี่เมธทราบเรื่องแล้ว”
“เจ้าหนาน เจ้าคูน สารภาพหมดแล้ว”
ทูนอินทร์มองไปที่หนานและคูน หนานหน้าจ๋อยบอกเสียงอ่อย
“จำเป็นต้องบอกครับนาย”
“นั่นไง เดินมาแล้ว” ทูนอินทร์บอก
รุ้งระวีเดินตรงมา เมธหน้าเสีย
“รุ้ง พี่ขอโทษ นายทูนมันทำเกินกว่าเหตุจริง ๆ ที่ลักพาตัวรุ้งมาแบบนี้”
รุ้งระวียิ้มแย้ม
“รุ้งยินดีค่ะ เพราะการลักพาตัวครั้งนี้ ทำให้รุ้งพ้นข้อกล่าวหาทั้งหมด ใช่ไหมคะคุณทูน”
“ผู้ร้ายสารภาพแล้วครับ”
ทั้งสองยิ้มให้กัน เมธ หนาน คูน ยิ้มตาม คูนถอนใจ
“โฮ่ย โล่งอกครับนาย”
หนานยิ้มกว้างสบายใจ
“เราก้าวข้ามมาแล้วครับ”
เมธงงๆ
“ก้าวข้ามอะไร”
“ข้ามลูกกรงคุกไงครับ”
หนาน กับคูน ยิ้มให้กันอย่างสบายใจ

อิทธินั่งพักอยู่ในห้องทำแผลของโรงพยาบาล ปากและจมูกมีผ้าก็อซปิดอยู่ เลือดซึมๆ คำรณพันแผลที่ต้นขา คมและเดชดูแลอยู่ อิทธิเจ็บใจ
“แค้นโว้ย จ้างคนมาสอยมันดีกว่า”
คำรณสายตาคลั่งแค้น
“ผมจะเป็นคนสอยมันเองครับ คราวนี้จะเอาถึงตาย”
“แล้วเอาไงวะ หารุ้งไม่เจอแบบนี้”
“ผมว่าเรากลับกรุงเทพ ไปตั้งหลักก่อนดีกว่าครับ” คมแนะ
“เสียเที่ยวว่ะคราวนี้” อิทธิบ่นอุบ
คำรณหน้านิ่งสายตาเยือกเย็น
“ไม่เสียเที่ยวหรอกครับนาย เพราะผมคิดว่าผมจะตามรอยนังแสงหล้ามาเจอแล้ว”
อิทธิงงๆ
“ที่ไหนวะ”
“มันป้วนเปี้ยนอยู่แถวบ้านนายทูนจริงๆน่ะครับ ผมจะลองเฝ้าดูอยู่”
“ดี ได้ข่าวยังไงบอกด้วย นังแม่มันนี่แหละ จะทำให้รุ้งยอมตามฉันทุกอย่าง”
อิทธิเต็มไปด้วยความแค้น

เย็นนั้น ส้มป่อยออกมาจากห้องนอนรุ้งระวี เมธ ทูนอินทร์ และแสงหล้ารออยู่นอกห้อง ทูนอินทร์ถามทันที
“เป็นยังไง”
“พี่รุ้งอาบน้ำเรียบร้อยค่ะ ท่าทางจะเหนื่อยจัด เลยทานยานอนหลับ หลับสนิทไปเลย”
เมธมองหน้าทูนอินทร์
“นายไปทรมานทรกรรมอะไรเขาไว้วะ ถึงได้เพลียขนาดนี้”
“ทรมานอะไรล่ะพี่ ผมปรับความเข้าใจกับเขาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”
ส้มป่อยฟ้องทันที
“แต่ก่อนหน้านั้น ให้อดอาหารตั้งครึ่งวัน”
เมธถอนใจ
“นายทูน คราวนี้นายทำเกินกว่าเหตุจริงๆนะ งานนี้นายต้องขอโทษรุ้งระวีเขาเป็นเรื่องเป็นราว ขอโทษรวมไปถึงเจ๊หอยกับมะปรางด้วย”
“ครับ”
เมธกับทูนอินทร์แยกไป ส้มป่อยหัวเราะคิกคักตามไป แสงหล้าจะตามมองเข้าไปในห้องเห็นปลอดคนแล้วแอบเข้าไป
แสงหล้าเดินเข้าไปที่เตียงเห็นรุ้งระวีนอนหลับสนิทอยู่ เธอมองลูกสาวอย่างแสนรัก ตัดสินใจเข้าไปนั่งข้างเตียงลูบผมให้แล้วร้องเพลงกล่อมลูกเบาๆ
“โอม...เอย...อีนางลูกแม่นี่เอย คนดีของแม่นี่เอย เอ เอ่ เอ้ มือไกวเปล แม่นี้จิเห่เพลงกล่อม”
รุ้งระวีขยับร่าง แสงหล้าหยุดร้องไป รุ้งระวีขยับร่างมากอดไว้ แสงหล้ายิ้มแล้วร้องต่อ
“ว่าขวัญเอยขวัญมา อย่าร้องไห้งอแง ผีบ้านผีเรือนปกปักดูแลลูกแม่หลับให้สบาย”
แสงหล้าสะอื้นเบาๆแล้วอย่างที่ไม่คาดคิด รุ้งระวีลืมตาขึ้น มองแม่ด้วยสายตามัวๆ แล้วค่อยๆชัดขึ้น แสงหล้ายังไม่ทันรู้ตัว
“แม่!”
แสงหล้าตะลึงทำอะไรไม่ถูก






Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2555 9:31:38 น.
Counter : 247 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]