All Blog
ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 18 (ต่อ)


อาชา จุ๊บแจง ขวัญข้าว วิ่งกลับเข้ามาพร้อมกลุ่มหางเครื่อง อิทธิ จี่หอย มะปราง จวงใจ รออยู่แล้ว อาชาดึงเศษบะหมี่ออกจากหัว

“ตายแล้ว มันต้มบะหมี่กินกลางคอนเสิร์ตด้วยเหรอเนี่ย”
ขวัญข้าวหน้าตื่นกลัว
“คุณอิทเราไม่ออกไปแล้วนะคะ มีหวังตายคาคอนเสิร์ต”
จุ๊บแจงเข้ามากอดอิทธิ
“ช่วยแจงด้วย แจงโดนด่าหยาบๆ ตลอดเลย ฮือๆ”
จวงใจหันไปถาม
“จะเอายังไงคุณอิท”
อิทธิหน้าเครียด
“ทำอะไรไม่ได้ ติดต่อรุ้งก็ไม่ได้ งั้นก็ยกเลิกคอนเสิร์ตไป”
ทุกคนตกใจร้องขึ้นพร้อมกัน
“ยกเลิกคอนเสิร์ต”
จี่หอยกังวล
“แล้วจะบอกคนดูว่ารุ้งหายไปเพราะอะไรคะ”
อิทธินิ่งเครียด
“รุ้งป่วยหนัก ออกมาเล่นคอนเสิร์ตไม่ได้ คอนเสิร์ตยกเลิก ส่วนเงินจะคืนคนดู หลังจากเคลียร์ทุกอย่างแล้วไม่เกินเจ็ดวัน”
จวงใจหนักใจ
“คนดูจะยอมเหรอคะคุณอิท”
อิทธิโมโหตวาดลั่น
“ฉันทำดีที่สุดแล้ว คืนเงินให้แล้วจะว่ายังไงอีก ตอนนี้มีแต่เจ๊งกับเจ๊ง โอ๊ย มีแต่เรื่อง ปวดหัวโว้ย”
อิทธิแยกไป ทุกคนมองหน้ากัน ไม่มีใครกล้าพูดอะไร จุ๊บแจงยกมือขึ้นท่ามกลางความเงียบ
“ถามหน่อยค่ะ แล้วคืนนี้เราจะได้เงินไหมคะ”
ทุกคนหน้าเจื่อนไป ไม่มีใครกล้าตอบแล้วทำท่าจะร้องไห้กันทั้งทีม

รุ้งระวีนั่งมองทูนอินทร์ อย่างประเมินสถานการณ์
“จะซักฟอกฉัน ก็นัดหมายกันก็ได้นี่ ทำไมต้องลักพาตัวฉันมาอย่างนี้ ไม่นึกถึงหัวอกแฟนเพลงบ้างรึไง เขาเสียเงินซื้อตั๋วมาดูฉันนะ”
“สมน้ำหน้าไอ้อิทธิมันแล้ว ฉันกะจะเล่นมันให้เจ๊งแบบนี้แหละ อีกอย่างฉันสงสารแฟนเพลง”
รุ้งระวีแปลกใจ
“สงสารทำไม”
“สงสารที่ต้องมาทนดูเธอร้องเพลง ที่เธอขโมยคนอื่นเขามา”
รุ้งระวียิ่งไม่เข้าใจ
“นี่แหละที่ต้องเคลียร์ เพลงอะไรที่ฉันขโมยมา แล้วขโมยมาจากใคร”
ทูนอินทร์กระชากร่างของเธอ เข้ามาอย่างแรง
“อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่อง เพลง ต้มยำลำเพลิน ที่เธอร้องจนฮิตติดอันดับน่ะ เธอคิดว่ามันเป็นของใคร”
“ฉันไม่รู้ คุณ อิทธิบอกว่าคนแต่งไม่เปิดเผยชื่อ เป็นคนสังกัดเสี่ยดำรง”
ทูนอินทร์โมโห
“มันว่าอะไรก็เชื่อ เป็นนางเอกที่หูเบามากเลยนะเธอ บอกให้ก็ได้ มันคือเพลงของฉัน ทั้งเนื้อร้องและ ทำนอง เธอขโมยมันไปอย่างหน้าด้านๆ”
รุ้งระวีตกใจหน้าเสีย
“คุณทูน ฉันไม่รู้เรื่องด้วยจริงๆนะ”
ทูนอิทร์กระชับร่างเธอแน่นขึ้นไปอีก หนานและคูนมองหน้ากันอย่างหวั่นใจ
“อย่ามาโกหก แล้วไม่ต้องโยนความผิดไปให้ไอ้ อิทธิมันด้วยเพราะเธอนั่นแหละคือคนขโมย”
“นี่ปล่อยฉันนะ อย่ามากล่าวหากันชุ่ยๆแบบนี้ ปล่อยฉัน”
รุ้งระวีพยายามดิ้นรน
“ยังจะฤทธิ์เยอะ”
รุ้งระวีตะโกนสั่งหนาน
“พี่หนาน หยุดรถเดี๋ยว”
ทูนอินทร์ไม่ยอม
“ไอ้หนานอย่าหยุดนะโว้ย ไม่งั้นจะบีบคอนังนี่ให้ตายคามือเลย”
“นึกว่ากลัวเหรอ พี่หนานหยุดรถ”
รุ้งระวีสู้สุดชีวิต ทั้งตบหน้าทั้งผลัก หนานและคูนตกใจ คูนรีบห้าม
“พอเถอะครับ อย่าตีกันเลย”
หนาน ถามขึ้นอย่างไม่สบายใจ
“นายทูน เอาไง”
รุ้งระวีข่วน ทูนอินทร์ร้องลั่น
“โอ๊ย!”
“ฉันบอกให้หยุดรถไง” แล้วรุ้งระวีก็ร้องลั่น “กรี๊ด”
หนานกับคูนตกใจแหกปากร้องตาม หนานเหยียบเบรกทั้งสี่หน้าคะมำไป

หนานเบรกรถเสียงลั่นรถเข้าจอดที่ไหล่ทาง รุ้งระวีผลักประตูรถวิ่งออกมา ทูนอินทร์วิ่งตามกระชากไว้แล้วชกที่ท้อง รุ้งระวีจุกทรุดไป
“อย่านึกว่าฉันจะสงสารนะ”
ทูนอินทร์อุ้มมาวางที่กระโปรงหน้ารถ หนานพยายามห้าม
“นายครับ นี่มันลักพาตัวนะครับ ปล่อยคุณรุ้งเถอะครับ”
คูนหน้าเครียด
“ใช่ครับนาย ถ้าไม่ปล่อย อนาคตพวกเราอยู่มุ้งสายบัวแน่”
ทั้งสองงงไป เมื่อทูนอินทร์หยิบกล่องจากในรถ ออกมาเปิดออกหยิบผ้าขนหนู และหยิบขวดน้ำยา เทน้ำยากลิ่นฉุนลงบนผ้าขนหนู หนานตะลึง
“นายครับ จะทำอะไร”
ทูนอินทร์เดินมาหารุ้งระวี ที่พยายามยันร่างลุกจากกระโปรงรถ เขาดึงร่างเธอมาจ้องหน้า แสยะยิ้ม
“ฝันดีนะที่รัก”
ขาดคำเขาก็โปะผ้าขนหนูเข้าเต็มหน้าของเธอ คูนร้องห้าม
“นายอย่า”
รุ้งระวีพยายามดิ้นรน แต่แล้วก็อ่อนแรงลง หมดสติในที่สุดซบหน้ากับไหล่ของเขา ทูนอินทร์กระชับร่างไว้แน่น แสยะยิ้ม ก่อนจะรวบร่างไว้แล้วอุ้มพาขึ้นรถ หนานอึ้งไป
“นายครับ ทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ”
“ไม่ต้องห่วงน่า พากลับไปบ้านเรา เรื่องทั้งหมดฉันรับผิดชอบเอง”
หนานและคูนมองหน้ากัน ทูนอินทร์กลับขึ้นรถ หนานและคูนขึ้นตาม หนานขับรถออกไป ทูนอินทร์มองหน้ารุ้งระวีที่หมดสติด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม

บรรดานักข่าวรุมสัมภาษณ์กลุ่มจุ๊บแจง กลางงานคอนเสิร์ตที่คนดูกำลังทยอยออก จี่หอยให้สัมภาษณ์อยู่อีกมุม
“รุ้งไม่สบายมากค่ะ”
“เป็นอะไรครับ”
“อาหารเป็นพิษค่ะน้อง”
กลุ่มอาชายิ้มกันอย่างนัดกันไว้ หันมาให้สัมภาษณ์นักข่าวอีกกลุ่ม
“ทานอะไรเข้าไปครับ อาหารเป็นพิษ” นักข่าวถาม
ขวัญข้าวลอยหน้าลอยตาตอบ
“อ๋อ น้องรุ้งทานเยอะค่ะ ชอบทานมากเลยของเปรี้ยว ของดอง ของแสลงทั้งนั้น”
“เตือนแล้วนะว่าอย่าทาน มันไม่ดีกับ ” จวงใจรีบห้ามนักข่าว “น้อง อย่าถ่ายรูป อย่าบันทึกเสียงนะ ปิดให้หมด”
“ได้ครับ /ค่ะ”
นักข่าวทำการปิดเครื่องมือ จวงใจยิ้มพอใจแล้วกำชับนักข่าว
“ต้องไม่ให้เรื่องมาถึงพวกพี่นะ”
“ได้ครับ/ ค่ะ”
“ตกลงไม่ดีกับอะไรครับ” นักข่าวถามอย่างสงสัย
จุ๊บแจงรีบตอบ
“เด็กในท้องน่ะซีคะ”
นักข่าวมองหน้ากัน
“ท้องกับใครครับ”
“แจงไม่รู้ เพราะตอนนี้ที่เขาจีบๆอยู่ มีตั้งสามสี่คน”
นักข่าวตกใจ
“หา สามสี่คน นายทูนอินทร์ด้วยใช่ไหมคะ”
ขวัญข้าวได้ทีรีบใส่ความ
“นายทูนน่ะเลิกไปแล้ว ตอนนี้มาสนิทกับไอ้หนุ่มคนรถ ไอ้เบิร์ดคนตอกฉาก แม้แต่ไอ้แจ็คช่างไฟก็ไม่เว้น”
“อุ๊ย ทำไมมีแต่พวกใช้แรงงานละคะพี่”
อาชาเข้ามาเสริม
“อ้าว ไม่รู้เหรอ รสนิยมสาวฝรั่งน่ะ เขาชอบแนวเตี้ยล่ำดำสิว เปื้อนดินเปื้อนโคลน บ้านเท่าไหร่ยิ่งชอบเท่านั้น”
ขวัญข้าวเมาท์ต่อ
“ประเภท ขาว ใส วัยทีน เกาหลี ญี่ปุ่น เธอไม่แลเลยนะคะน้อง”
จี่หอยเดินผ่านมาพอดี ทุกคนเงียบเสียง
“ลงข่าวตามนี้นะคะคุณน้อง รุ้งอาหารเป็นพิษ”
นักข่าวพูดพร้อมกัน
“ได้ครับ /ค่ะ...พี่หอย”
จี่หอยยิ้มโล่งใจแยกไป นักข่าวหันมารุมถามทั้งสี่ต่อ
“ตอนนี้ท้องกี่เดือนแล้วครับ”
ขวัญข้าวนึกนิดนึง
“พี่ว่าห้าเดือนแล้ว ถึงต้องหนีไงคงหลบไปทำแท้งนั่นแหละ”
อาชาพูดเสริมต่อ
“ถ้ากลับมาแล้วท้องแฟบ ชัวร์แน่นอนครับ ทำแท้ง”
นักข่าวยิ่งถามยิกๆ ทั้งสี่เมาท์กระจาย

แสงหล้าและส้มป่อย เดินหาวหวอดตามหนานและคูน ออกมาจากเรือนพัก
“น้า ปลุกหนูขึ้นมาทำไม หนูง่วงจะแย่แล้ว” ส้มป่อยบ่น
“มีเรื่องสำคัญให้ช่วย เรื่องคอขาดบาดตายเลยนะ” หนานพูดน้ำเสียงจริงจัง
แสงหล้าและส้มป่อยตามหนานกับคูนออกมาหน้าร้าน เห็นทูนอินทร์ยืนหน้าเครียดอยู่ข้างรถ แสงหล้ามองอย่างแปลกใจ
“มีอะไรคะคุณทูน”
“ป้า ส้ม ขึ้นรถไปกับผม”
“ไปไหนคะ”
“จะพาแม่นั่นไปที่กระท่อม”
แสงหล้าและส้มป่อยมองเข้าไปในรถ ส้มป่อยสะดุ้ง
“ว้าย! พี่รุ้ง”
แสงหล้าสะดุ้งอีกคนรีบหลบหน้า แต่เมื่อเห็นว่ารุ้งระวีหลับสนิท ก็มองอย่างแปลกใจ ส้มป่อยหันไปถามอย่างสงสัย
“พี่รุ้งมาอยู่กับเราเหรอคะนาย”
“ใช่ แล้วห้ามพูดไปนะ เป็นความลับ”
ส้มป่อยงงๆไม่เข้าใจ
“ทำไมต้องเป็นความลับด้วยละคะ”
“ไม่ต้องถามมาก ป้ากับส้มย้ายไปอยู่ที่ไร่เลย จะได้ดูแลแม่นี่เรื่องเสื้อผ้าอาหาร แล้วห้ามบอกใครเรื่องแม่นี่เด็ดขาด”
แสงหล้าเป็นกังวล
“คุณจะทำอะไรคุณรุ้งคะ”
“ป้าทำตามที่ผมบอก ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น เอ้า ขึ้นรถได้แล้ว”
ทูนอินทร์ขึ้นรถไปนั่งด้านหน้า หนานและทูนรีบบุ้ยใบ้ให้ส้มและแสงขึ้นนั่งข้างรุ้งระวี หนานประจำที่คนขับ คูนไปนั่งตอนหลัง รถเคลื่อนออก แสงหล้านั่งข้างรุ้งระวีที่ยังหลับสนิท ส้มนั่งประกบอีกด้านเอามือมาอังที่จมูก
“ไม่ฟื้นเลยป้า ตายป่าวไม่รู้”
“ส้มนี่ แค่หลับน่ะ”
แสงหล้ามองหน้ารุ้งระวีอย่างดีใจ เพราะเป็นครั้งแรกที่ใกล้ชิดลูกสาวแบบนี้ เธออดใจไม่ไหวดึงลูกสาวมานอนพิงไหล่ตัวเองแล้วกอดไว้หน้าเปี่ยมสุข ลูบไรผมที่หน้าของลูกสาว ส้มป่อยอมยิ้ม ทูนอินทร์เหลือบมามอง แต่ไม่ได้ติดใจอะไร

หนานและคูนเดินนำเข้ามาในกระท่อม ทูนอินทร์อุ้มรุ้งระวีมาวางลงนอนที่โซฟายาว แสงหล้าและส้มป่อยตามเข้ามา ส้มป่อยกับหนานเข้าไปเตรียมที่นอนให้ แสงหล้าหันมากระซิบถามคูน
“ตกลงคุณทูนลักพาตัวคุณรุ้งมาเหรอ คุณรุ้งหลับไม่ได้สติเลย”
“อย่าพูดไปนะป้า ตอนนี้ขาฉันข้างนึงเข้าไปอยู่ในตารางแล้ว”
“แล้วคุณทูนจะทำอะไรคุณรุ้ง”
“บอกว่าจะซักฟอกความจริง เรื่องที่คุณรุ้งขโมยเพลง”
แสงหล้าเข้าใจ ทูนอินทร์เดินตรงมาหา
“ต่อไปนี้ ป้ากับส้มดูแลแม่นี่ ทั้งเรื่องอาหารการกิน เสื้อผ้า ขาดเหลืออะไรก็มาเบิกฉันได้”
“คุณจะให้ป้าเฝ้าอยู่ที่นี่เลยเหรอคะ”
“ใช่ ทำได้ไหม”
“ได้ค่ะ”
ทูนอินทร์ออกจากกระท่อม คูนหันมาบอก
“ดูแลด้วยนะป้า ถ้าเข้าคุกก็เข้าด้วยกันหมดนี่แหละ”
แสงหล้าหน้าเหวอ
“อ้าว”
ส้มป่อยตกใจ
“หนูด้วยเหรอน้า”
หนานจ้องหน้า
“เอ็งด้วย เอ็งเข้าคุกเยาวชน”
หนานกับคูนเดินออกไป ส้มป่อยยิ้มออกมา
“ไม่กลัวสักกะนิด ฮิฮิ ป้า หนูดีใจที่สุดเลย เราได้ดูแลใกล้ชิดพี่รุ้ง หนูจะนอน อยู่กับพี่รุ้งที่นี่แหละให้สมกับเป็นแฟนคลับ”
แสงหล้าเห็นดีด้วย
“ดีแล้วส้ม อยู่ดูแลพี่เขานะ เพราะป้าคงนอนที่บ้าน ข้าวของเสื้อผ้าอาหารป้าจะเตรียมไว้ให้”
“จ๊ะ”
แสงหล้ามองลูกสาวที่หลับพริ้มอย่างเอ็นดู

วันรุ่งขึ้น รุ้งระวีนอนอยู่บนพรมกลางห้อง อยู่ในชุดนอนอ่อนใสบางเบา เธอค่อยๆลืมตาขึ้น มองไปรอบ ๆห้องอย่างงุนงง พอรู้แล้วว่าคือกระท่อมของทูนอินทร์ ก็ลุกขึ้นเดินไปที่ประตูจะเปิดออก แต่ประตูล็อก รุ้งระวีเดินมาที่หน้าต่าง พบว่าเป็นเหล็กดัด
“มีใครอยู่ไหม มีใครอยู่ข้างนอกบ้าง ช่วยเปิดประตูที”
ไม่มีเสียงตอบ รุ้งระวีโมโห
“บ้าเอ๊ย เอาฉันมาขังไว้ที่นี่ทำบ้าอะไร”
รุ้งระวีเดินไปที่ประตูแล้วทุบอย่างแรง
“นายทูน เปิดประตูนะ ฉันจะออกไป ถ้าไม่เปิดฉันจะกรี๊ดให้ลั่นเลย”
ไม่มีเสียงตอบรับ รุ้งระวีสูดลมหายใจเต็มปอด แล้วกรี๊ดออกมาลั่น ทูนอินทร์จอดรถที่ลานหน้ากระท่อม เขากำลังเตรียมอาหารที่เอามาจากบ้าน ได้ยินเสียงกรี๊ดลั่นดังมาจากในกระท่อม ทูนอินทร์หัวเราะหยัน ๆ
“ร้องเข้าไป แหกปากเข้าไป”
ทูนอินทร์จัดอาหารไปอย่างไม่ใส่ใจ รุ้งระวียังกรี๊ดไม่เลิก แล้วไอออกมา
“โอยเจ็บคอ ลืมไป กระท่อมนี่มันอยู่ในป่าลึก ร้องไปก็ไม่มีใครได้ยิน โอย แล้วจะเอายังไงดี”
รุ้งระวีหน้าเศร้า ทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาทันใดนั้น ประตูห้องเปิดออก ทูนอินทร์ยกถาดอาหารเข้ามาหน้าตาเหี้ยม เธอลุกขึ้นทันที
“หยุดแหกปากแล้วนะ ฉันเอาอาหารเช้ามาให้”
ทูนอินทร์วางถาด รุ้งระวีจะวิ่งออกประตูแต่เขากระโดดเข้าขวางแล้วสวิงประตูปิด รุ้งระวีปะทะเข้ากับร่างของเขาพอดี ทูนอินทร์ยิ้มยั่วเอามือรวบเอวเธอไว้แนบกับร่างของเขา
“อย่าหวังว่าจะหนี”
รุ้งระวีผลักออกมา
“จับฉันมาขังไว้ทำไม”
“ฉันจะจัดการถอดเธอทีละชิ้น ทีละชิ้น เหมือนปอกหัวหอม เอาให้ล่อนจ้อนทั้งเนื้อทั้งตัวเลย”
รุ้งระวีกระชับเสื้อคลุม
“จะแก้ผ้าฉันเหรอ”
ทูนอินทร์จ้องหน้า
“เปล่า ฉันหมายถึงจะซักฟอกความจริงจากเธอ นี่ ไม่ต้องนึกไปเรื่องแก้ผ้าแก้ผ่อน เพราะฉันหมดความพิศวาสในตัวเธอไปนานแล้ว เอ้า มากินของเช้าเสีย”
“ไม่กิน ฉันจะไปจากที่นี่”
“ไม่กินก็ตามใจ งั้น ฉันกินเอง”
ทูนอินทร์เอาถาดอาหารมาวางที่โต๊ะ แล้วเริ่มกินขนมปังปิ้งกับเนยและแยม รุ้งระวีมองแล้วเบือนหน้าไปทางอื่น เพราะเอาเข้าใจจริงก็เริ่มหิว
“ถ้าไม่กิน ก็จะอดไปเลยนะ เพราะฉันเอามาให้กินอีกที ก็นู่น”
รุ้งระวีตกใจ
“พรุ่งนี้เหรอ”
“เปล่า ไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอก ค่ำๆ”
รุ้งระวีถอนใจ
“ก็ยังดี ยังใจดีแบบมนุษย์มนาเขาบ้าง”
ทูนอินทร์ยกถ้วยซุปขึ้นซด เสียงดัง รุ้งระวียังกอดอกทำหยิ่งแต่แอบชำเลืองมาเพราะหิว
“นายเปลี่ยนชุดให้ฉันเหรอ”
“ใช่”
รุ้งระวีหน้าตื่นก็เห็นฉันเปลือยแล้วซี
“ไม่เห็น”
“อ้อ ระหว่างเปลื้องผ้าฉันก็เบือนหน้าไปทางอื่น ทำเป็นสุภาพบุรุษ”
ทูนอินทร์ตวาด
“นี่ บอกแล้วไงว่าไม่พิศวาส ฉันให้ป้าแสงกับยายส้มมาจัดการให้เธอ”
“ใครป้าแสง”
“ไม่ต้องถาม”
ทูนอินทร์ตักอาหารกินต่อ รุ้งระวีมองๆ
“เหลือขนมปังกับเนยให้ฉันไว้หน่อยก็แล้วกัน”
ทูนอินทร์มองหน้านิ่ง รุ้งระวีมองถ้วยกาแฟ
“กาแฟด้วย”
“อ้อ หิวละซี ได้จะเก็บไว้ให้”
“ขอบใจที่ยังมีน้ำใจ”
แต่ทูนอินทร์กับคว้าขนมปังกลม กับเนยยัดเข้าปากตัวเองเคี้ยวกร้วมๆ แล้วยกกาแฟซดตาม รุ้งระวีหน้าเหวอ
“อ้าว ไหนว่าจะเก็บไว้ให้ฉันไง”
“ใช่ แต่เก็บไว้ในท้องฉัน พอฉันย่อยเสร็จแล้วฉันจะเก็บกากไว้ให้เธอ”
“ไอ้บ้า ทุเรศ”
รุ้งระวีโมโหปาหมอนกับข้าวของใส่ ทูนอินทร์หัวเราะแล้วออกจากห้องไป รุ้งระวีตามมาที่ประตู เขารีบล็อกไว้แน่นหนา
“ปล่อยฉันไปนะ ไหนว่าจะสอบสวนเรื่องทั้งหมดไง ฉันอธิบายให้นายฟังได้นะ นายทูน ปล่อยฉันไปเถอะนะคะ คุณทูน คุณทูน เรามาปรับความเข้าใจกันดีกว่านะ อย่าขังฉันแบบนี้เลย คุณทูนขา”
ทูนอินทร์มาที่รถเสียงรุ้งระวีที่อ้อนวอน ทำให้เขาใจอ่อนไปนิด ก่อนจะรีบขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างเร็ว รุ้งระวีได้ยินเสียงรถแล่นไปก็โมโห
“ไอ้บ้า นายทูนบ้า”
รุ้งระวีพิงประตูอย่างหมดหวัง ส้มป่อยแอบดูเหตุการณ์อยู่นอกกระท่อม พึมพำกับตนเอง
“อุ๊ย เหมือนในละครเลย พระเอกจับนางเอกมาขังไว้ให้อดข้าวอดน้ำ”
อิทธิโยนหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ลงตรงหน้ากลุ่มจุ๊บแจง ขณะที่คำรณ คม เดช ยืนอยู่มุมห้อง
“ใคร ใครเป็นคนให้ข่าว” อิทธิตวาดถามอย่างโกรธมาก
จวงใจอ่านข่าวพาดหัว
“รุ้งระวีหนีคอนเสิร์ต ลือหึ่งท้องกับคนรถ”
ขวัญข้าวอ่านอีกฉบับหนึ่ง
“รุ้งระวี ดีแตก เบี้ยวคอนเสิร์ต หนีตามผัวช่างไฟ ท้องโย้สองเดือน”
จุ๊บแจงหยิบอีกฉบับมาอ่าน
“ท้องกับคนงานสร้างฉาก รุ้งระวีหนีอาย หลบทำแท้ง”
อิทธิโกรธเกรี้ยว
“ข่าวเรื่องท้องก็ทุเรศแล้ว ยังบอกอีกว่าท้องกับคนงาน รุ้งเสียผู้เสียคนไม่เหลือดีแล้ว”
ขวัญข้าวรีบแก้ตัว
“โธ่ คุณอิทขา ทำไมมาโทษพวกเราแบบนี้คะ ถึงแม้ว่าน้องรุ้งจะทำชั่วกับพวกเราไว้หลายอย่าง แต่เราไม่เคยถือโทษ เราให้อภัยเสมอเรื่องแกล้งกันทุเรศๆแบบนี้ เราไม่ทำหรอกค่ะ”
อาชารีบเสริม
“ครับ ทำแบบนี้มันไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเรา”
จวงใจทำเป็นออดอ้อน
“จิตใจเราสูงพอค่ะ ให้ความเป็นธรรมกับพวกเราด้วยนะคะคุณอิท”
อิทธิกวาดสายตามองทุกคนที่ทำหน้าเศร้า อย่างเอือมระอาเต็มที
“เบื่อ ถ้าฉันตั้งบริษัทใหม่ ฉันจะทำอะไรก่อนเลยรู้ไหม”
จุ๊บแจงรีบถาม
“อะไรคะ”
“ไล่พวกแกออกทุกคนไง”
อิทธิออกจากห้องไป คำรณ คม เดช รีบตาม ทั้งสี่มองหน้ากัน พออิทธิพ้นไปจากห้อง ทั้งสี่หัวเราะร่า ขวัญข้าวมองเย้ย
“แหม ตั้งบริษัทใหม่ ก็ไม่มีศิลปินนิสัยเลวอย่างพวกเราน่ะซี”
อาชาหัวเราะชอบใจ
“ฮ่า ฮ่า เจ๊ขวัญพูดถูก ฉลาดในเรื่องเลวๆ อย่างเราจะหาที่ไหนได้”
จวงใจเชิด
“แล้วจะเสียดายนะ เลวด้วย โกงด้วย ชั่วด้วย ทำได้ทุกอย่าง”
อาชาเสริม
“แล้วไม่เคยสำนึกผิดด้วยเนอะ อ่ะฮ่ะ”
ทั้งสามหัวเราะกันร่า จุ๊บแจงสะกิด
“พี่ๆคะ ด่าตัวเองอีกแล้วนะคะ”
ทั้งสามรู้สึกตัว เงียบกันไป

อิทธิกลับเข้าไปในห้องทำงาน อย่างหงุดหงิด
“เอาไงดีวะ เรื่องรุ้ง จะไปตามหาที่ไหน”
คมคิดนิดนึงก่อนจะบอก
“ผมว่าต้องไอ้ทูนแน่ๆครับ คุณรุ้งต้องไปหามันแน่ๆ”
เดชเห็นด้วย
“ผมก็ว่าอย่างนั้น”
อิทธิหันไปหาคำรณ
“แกว่ายังไงไอ้คำ”
“ต้องบุกไปให้ถึงที่ครับนาย ผมจะสืบด้วยว่านังแสงมันป้วนเปี้ยนอยู่ แถวนั้นรึเปล่า”
อิทธิพยักหน้าเห็นด้วย
“งั้นแกไปเฝ้าดูที่บ้านมันก่อน ได้ความยังไงรายงานฉันทันที”
“ได้ครับนาย”
คำรณรับคำอย่างมุ่งมั่น

จี่หอยกับมะปราง กำลังซักถามทั้งเมธและอินทร ที่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งไปด้วย โดยมีหนานและคูนอยู่ด้วย พยายามไม่ส่อพิรุธ
“ไม่ทราบเลยเหรอคะว่ารุ้งไปไหน”
เมธส่ายหน้า
“พวกเราไม่รู้เรื่องเลยนะ”
“แล้วตอนนี้คุณทูนอยู่ไหนคะ”
อินทรครุ่นคิด
“พี่ทูนอยู่ที่ไร่น่ะครับ ผมว่าพี่รุ้งคงไม่มาที่นี่หรอก เพราะกำลังมีเรื่องกับพี่ทูนอยู่”
จี่หอยมองหน้า
“แล้วถ้าไม่ได้มาเองละคะ แต่มีคน บังคับขืนใจ พามา”
หนานและคูนเบือนหน้าไปทางอื่นทันที มะปรางมองอย่างสงสัย เมธ แปลกใจ
“เจ๊หอยพูดอะไร ใครบังคับขืนใจใคร”
“ก็อาจจะคุณทูนนั่นแหละ แกอาจจะลักพาตัวรุ้งมาก็ได้”
เมธอึ้ง
“เจ๊หอย ไปเอามาจากไหน มันจะเป็นไปได้ยังไง”
คูนกับหนานรีบปฏิเสธ
“ใช่ เป็นไปไม่ได้ ใครจะไปกล้าลักพาตัว เจ๊หอยพูดไปเรื่อย”
มะปรางและอินทร มองคูนและหนานอย่างสงสัย








Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2555 10:39:20 น.
Counter : 339 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]