All Blog
ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 19


รุ้งระวีนั่งอยู่ลำพังในห้อง กดเอวตัวเองเพราะความหิว
“โอย หิว เมื่อกี้ไม่น่าหยิ่งเลยเรา”
ขณะเดียวกันนั้นมีเสียงกุกกักอยู่ที่หน้าต่าง
“ใครน่ะ”
เมื่อไปดูที่หน้าต่าง พบว่าเป็นส้มป่อย
“ส้ม”
“ค่ะพี่รุ้ง ส้มเอง”
“ส้ม ช่วยพี่หนีออกไปที”
“ส้มทำไม่ได้ค่ะ ส้มไม่มีกุญแจ”
“งั้นไปตามใครมาก็ได้ มาช่วยพี่”
“ไม่ได้ค่ะ นายสั่งไว้”
“โธ่ แล้วจะขังพี่ไว้อย่างนี้เหรอ”
“พี่รุ้งทนไปก่อนนะคะ อีกแค่วันสองวันเอง นี่ค่ะ ส้มเอาของกินมาให้พี่ นี่ค่ะข้าวเหนียวไก่ย่าง”
ส้มป่อยส่งอาหารที่ใส่กล่องอย่างดี พร้อมด้วยช้อนส้อมและขวดน้ำให้ รุ้งระวีรับมา
“กำลังหิวเลย”
“น้ำแจ่ว ฝีมือป้าแสงนะคะพี่รุ้ง รับรองอร่อยเด็ด”
แสงหล้าแอบอยู่มุมหนึ่งของกระท่อมมองรุ้งระวีที่เริ่มกินข้าวเหนียว
“ป้าแสงนี่เป็นใคร ได้ยินชื่อหลายหนแล้วไม่เคยเห็นหน้าเสียที”
“ป้าแสงเป็นคนครัวคนใหม่ค่ะ เป็นแฟนคลับพี่รุ้งด้วย”
แสงหล้าแอบฟังอยู่ ใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ไม่อยากให้ส้มป่อยพูดมากไปกว่านี้
“ป้าแสงก็มาด้วยค่ะ หลบมุมอยู่”
รุ้งระวีกินไก่ย่าง
“อืมม์ ไก่ย่างอร่อยจริงๆ น้ำแจ่วก็เด็ด ไปเรียกป้ามาหน่อย พี่จะขอบคุณ”
“ค่ะ”
ส้มป่อยกลับมาหาแสงหล้า
“ป้า ไปหาพี่รุ้งเร็ว พี่รุ้งอยากเจอ”
“ไม่ได้หรอกส้ม เรารีบกลับเถอะ ป้ากลัวคุณทูนจับได้”
“นายกลับไปแล้ว ไม่มาหรอกน่า ไปทักพี่รุ้งก่อนนะ”
“ไม่ได้ นี่ป้าได้ยินเสียงรถน่ะ เหมือนจะมีคนมา ป้าว่าคุณทูนแน่ๆเลย”
“ว้าย จริงเหรอป้า งั้นเผ่น”
ส้มป่อย วิ่งนำไปที่จักรยานที่ซ่อนไว้ แสงหล้าโล่งอก นั่งจักรยานซ้อนท้ายจากไป

หนานและคูนแว่บออกมาจากร้าน ไม่รู้ว่า อินทรและมะปรางตามมา หนานถอนใจ
“เกือบไปแล้วนะแก”
“นั่นซี”
อินทรที่แอบตามาถามขึ้น
“เกือบอะไรครับพี่หนาน พี่คูน”
ทั้งสองสะดุ้ง หนานอึกอัก
“ไม่มีอะไร”
อินทรมองหน้า
“ต้องมีแน่ๆ หน้าตามีพิรุธแบบนี้ ผมสงสัยตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว พี่สองคนเอารถตู้ไปไหนกับพี่ทูน หายไปตั้งแต่เย็น”
คูนนิ่งไปนิดก่อนจะโกหก
“คือเราไปหาอะไรกินที่นอกเมืองน่ะ”
มะปรางไม่เชื่อ
“ไม่ใช่หรอก ไปคอนเสิร์ตพี่รุ้ง แล้วลักพาตัวพี่รุ้งมาใช่ไหมคะ”
หนานหลบตาก่อนจะปฏิเสธเสียงแข็ง
“โธ่คิดได้ ลักพาตัว ทำไม่เป็น”
“ชุดเสื้อคลุมที่พี่รุ้งทิ้งไว้ มีรอยกระชากค่ะ แสดงว่าต้องมีคนบังคับพี่รุ้งออกมาแน่ๆ อีกอย่างตรงที่พี่รุ้งออกมาที่ลานจอดรถ กล้องวงจรปิดตรงนั้น มีคนเอาผ้าไปปิดไว้”
อินทรจ้องหน้าคาดคั้น
“ตกลงทำเป็นแน่ๆ มืออาชีพเสียด้วย มีอะไรจะแก้ตัวไหม”
หนานและคูนมองหน้ากัน เกือบจะหลุดปากบอกความจริง แต่ทันใดนั้นมีเสียงเอะอะของทูนอินทร์ดังมาจากในร้าน คูนรีบบอก
“นายมาแล้ว”
ทั้งสี่กลับเข้าร้านไป เห็นทูนอินทร์กำลังเอะอะกับจี่หอย
“เจ๊ไปเอามาจากไหน ลักพาตัวยายลูกครึ่งน่ะเหรอ ผมจะไปลักพาตัวมาทำไม”
หนานและคูนยิ้มออก จี่หอยมองหน้าทูนอินทร์
“ไม่รู้เหรอคะ คุณอาจจะแค้นยายรุ้ง จนลักพาตัวไปเก็บไว้ที่เซฟเฮาส์สักแห่งก็ได้”
“เจ๊ดูละครน้ำเน่ามากเกินไปแล้วละครับ ถ้าผมจะลักพาตัวยายลูกครึ่ง โน่น ผมเอาไปปล่อยเกาะร้างโน่น ไม่มาเอามาเข้าบ้านผมให้เสื่อมเสียเกียรติหรอก”
“คุณทูน นี่คุณเกลียดโกรธอะไรยายรุ้งนักหนานะ”
“เจ๊ยังไม่รู้ความจริงใช่ไหม”
จี่หอยงงๆ
“ความจริงอะไรคะ”
“ยายรุ้งกับเจ้าอิทธิขโมยเพลงของผมไปร้อง”
จี่หอยตะลึง
“อกแตก ! เพลงอะไรคะ”
ทูนอินทร์หัวเสียจนไม่อยากพูด เมธเลยตอบแทน
“เพลง ต้มยำลำเพลินน่ะ ที่จริงแล้วคือเพลง ต้มยำลำซิ่ง ของทูน”
“ลมชัก เรื่องจริงเหรอคะเนี่ย”
จี่หอยกับมะปรางมองหน้ากัน
“คุณทรก็ไม่บอกปรางเลย”
“บอกใครไม่ได้หรอกครับ เพราะเรากำลังจะยื่นเรื่องฟ้องศาลอยู่”
ทูนอินทร์ยิ้มมุมปากเหยียดๆ
“ไงล่ะ สมควรจะให้ผมเกลียดยายนี่เข้าไส้ไหม ที่มาทำแสนดีกับผมก็เพราะจะขโมยเพลงของผมนั่นแหละ ยายฟ้าใสว่าร้ายเล้ว ยายลูกครึ่งนี่ร้ายกว่า”
จี่หอยไม่เชื่อว่ารุ้งระวีจะเป็นคนทำเอง
“คุณทูนคะ หอยขอเอาชื่อเสียง และคุณค่าของตัวเองเป็นประกัน เรื่องนี้รุ้งไม่รู้ไม่เห็นอะไรด้วยเลยจริงๆนะคะ”
มะปรางยืนยันอีกคน
“ปรางยืนยันด้วยคนค่ะ พี่รุ้งเคยถามคุณอิทธิว่าเป็นเพลงของใคร พี่รุ้งไม่รู้จริงๆค่ะ”
ทุกคนมองหน้ากัน ทูนอินทร์เจื่อนๆไป
ทูนอินทร์ขับรถมาจอดหน้ากระท่อม รุ้งระวีนอนเคลิ้มๆอยู่ที่โซฟา ได้ยินเสียงรถ รีบลุกพรวดขึ้น มองไปรอบห้องเห็นกล่องอาหารและน้ำดื่มยังวางที่โต๊ะ เธอรีบเก็บใส่ถุง หยิบส้อมมาซ่อนไว้ใต้โซฟา แล้วเอาถุงใส่อาหารไปแอบซุกไว้ในห้องน้ำ จากนั้นยีผมให้ยุ่งไปทั้งหัว
ทูนอินทร์ไขกุญแจเข้ามาถือถุงอาหารมาด้วย เขาเข้ามาในห้องพบว่ารุ้งระวีนอนหลับตากุมท้องอยู่ ผมยุ่งปิดหน้าปิดตา ทูนอินทร์ตกใจเล็กน้อย เดินมาดู
“โอย เจ็บท้อง โอย”
“รุ้ง”
ทูนอินทร์ลงนั่งดูอาการ รุ้งระวีครวญคราง
“โอย”
“เป็นอะไรรึเปล่า ฉันเอาของกินมาให้แล้ว”
“ไม่กิน เจ็บท้อง จะอาเจียน”
“ลุกนั่งไหวไหม”
ทูนอินทร์ค่อยๆประคองเธอลุกนั่ง รุ้งระวีครางอย่างเจ็บปวด
“ฉันเป็นโรคกระเพาะ กินอาหารผิดเวลาจะเป็นอย่างนี้ทุกครั้ง ต้องทานยาถึงจะหาย”
“งั้นรอก่อน เดี่ยวฉันไปเอามามาให้”
เขาลุกจะออกจากห้อง เธอแอบยิ้ม ทูนอินทร์เดินมาหยุดที่ประตูแล้วได้กลิ่นอะไรบางอย่าง
“เอ๊ะ เดี๋ยว อะไรน่ะ”
“อะไรเหรอคะ”
ทูนอินทร์เดินกลับมาหาแล้วลงนั่งข้างๆ เธอรีบทำป่วยแต่ตัวเริ่มเกร็ง ทูนอินทร์ยื่นหน้ามาใกล้แล้วทำท่าเหมือนอาทรเต็มที
“รุ้ง เจ็บท้องมากไหมครับ”
“มากค่ะ ช่วยด้วยค่ะคุณทูน”
ทูนอินทร์สูดดมกลิ่นเต็มที่ลุกพรวดขึ้นชี้หน้า
“ยายขี้โกง”
รุ้งระวีทำเป็นระทวย
“ขี้โกงอะไรคะ”
“กลิ่นไก่ย่างออกมาจากปากหึ่งเลย ไปเอาไก่ย่างที่ไหนมากิน”
“คุณทูน ไก่ย่างที่ไหนคะ ฉันยังไม่ได้ทานอะไรเลย”
“ยายโกหก นอกจากกลิ่นไก่ย่างแล้ว กลิ่นน้ำแจ่วก็หึ่งเหมือนกัน”
“ฉันเจ็บจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะหาเรื่องฉันอีกเหรอ”
“เธอต้องซ่อนของกินไว้แน่ๆ อยู่ที่ไหน”
ทูนอินทร์สูดดมฟุดฟิดเดินไปที่ห้องน้ำ เปิดประตูออก รุ้งระวีหน้าเสียสักครู่เขาก็หยิบถุงอาหารออกมา
“นี่ไง”
รุ้งระวีเปลี่ยนท่าทีเป็นเชิ่ดทันที
“ใครเอามาให้”
“สมุนฉันเยอะ ไม่ต้องรู้หรอก”
“ไม่ต้องบอกฉันก็พอรู้ เสแสร้งเก่งนักนะ ทำสำออยเนียนมาก ฉันเกือบเชื่อแล้ว”
“ช่วยไม่ได้ ฉันต้องทำเพื่อความอยู่รอด”
“อ้อ ก็เลยใช้วิชามาร หลอกขโมยเพลงของฉันไปอย่างหน้าไม่อาย”
รุ้งระวีชักฉุน
“นี่คุณ อย่าเหมารวมซี มันไม่เกี่ยวกัน บอกแล้วเรื่องเพลงของคุณฉันไม่รู้เห็นด้วย”
“เข้าใจเนียนนะ เธอบอกเจ๊หอยกับมะปรางแบบนี้ด้วยใช่ไหม ทำเป็นไม่รู้ว่าใครเป็นคนแต่ง จนสองคนนั่นเชื่อว่าเธอใสซื่อบริสุทธิ์จริงๆ”
“คุณนี่มันพาลแท้ๆเลยนะ ไม่ฟังเหตุผลอะไรเลย โกรธที่ถูกขโมยเพลงไป แต่กลับมาพาลใส่ฉันเอ้า อยากเชื่อก็ตามใจว่าฉันขโมยฉันไม่แก้ตัวอะไรแล้ว”
“เพราะแก้ตัวไม่ขึ้นไง ยายขี้โกง”
รุ้งระวีสวนทันควัน
“เพราะนายไม่ฟังเหตุหลต่างหาก นายงี่เง่า”
ทูนอินทร์ฮึดฮัดเพราะความโกรธ คว้าถุงอาหารและไก่ย่างไป
“จะเอาไปไหน ฉันยังกินไม่อิ่ม”
“ไม่ต้องกิน ฉันพาเธอมาทรมาน ไม่ใช่มาปิกนิก”
ทูนอินทร์ออกจากกระท่อม แล้วล็อคไว้ รุ้งระวีวิ่งมาที่ประตูทุบอย่างแรง
“ทุเรศ งี่เง่า เสียแรงที่ฉันเคย...”
รุ้งระวีเศร้าสลดลง หน้าแนบประตู ทูนอินทร์ฟังอยู่นอกประตู หน้าใกล้ประตูเช่นกัน
“เคยอะไร”
“เคยรักและไว้ใจคุณ”
ทูนอินทร์นิ่งอึ้งไปแล้วรีบผละไปทันที รุ้งระวีพิงประตูทอดถอนใจ

จี่หอยกับมะปราง ฟังเดโมเพลงต้มยำลำซิ่ง อยู่ในห้องทำงาน อินทรนั่งอยู่ด้วย จี่หอยหน้าตื่น
“ลมชัก นี่มันเพลงเดียวกันเลยนี่คะ”
“ถึงว่าไงครับว่าเพลงเราถูกก็อปไปทั้งดุ้น”
มะปรางเข้าใจได้ทันที
“งั้นซี คุณทูนถึงโกรธขนาดนี้”
“แต่จริงๆนะ รุ้งไม่เกี่ยวข้องกันการขโมยเพลงแน่นอน ยืนยันและฟันธง”
อินทรถอนใจ
“ผมก็คิดอย่างนั้นละครับ พี่รุ้งไม่ใช่คนแบบยายฟ้าใส”
มะปรางกังวลใจ
“แล้วจะทำยังไงให้คุณทูนเชื่อว่ารุ้งไม่ได้เป็นคนขโมยละคะ”
“ตอนนี้ไม่มีทางหรอกครับ อคติเต็มๆแบบนั้น”
จี่หอยหน้าเครียดเป็นห่วงรุ้งระวี
“แล้วจะเอายังไงเรื่องรุ้ง ตามหาตัวได้ที่ไหน”
“ผมจะลองสืบดูครับ แต่ผมชักทะแม่ง ว่าพี่รุ้งคงอยู่ไม่ไกลจากที่นี่”
มะปรางรีบถามอย่างร้อนใจ
“แล้วอยู่ที่ไหนคะ”
อินทรนิ่งคิด
“อาจจะมีการลักพาตัวเกิดขึ้นจริงๆก็ได้”
มะปรางและจี่หอย มองหน้ากันอย่างมีความหวังขึ้นมา

ส้มป่อยแบมือให้ทูนอินทร์ใช้ไม้บรรทัดตีมือ โดยมีแสงหล้ายืนมองอยู่อย่างเสียวว่าจะโดนบ้าง ส้มป่อยสะอึกสะอื้น
“ไม่ต้องร้อง อะไรที่สั่งไม่เคยทำ แต่ชอบทำไอ้ที่ไม่ได้สั่ง”
ทูนอินทร์ตีอีกสองที ส้มป่อยกุมมือแล้วถูกกันด้วยความเจ็บ
“บอกมา ทำไมถึงเอาของกินไปให้ยายลูกครึ่ง”
“ส้มไม่ได้ทำเองนะคะ ป้าแสงค่ะ ป้าแสงเขายุยงส้ม”
แสงหล้าหน้าเหวอ
“อ้าว”
“ทำไมป้า ทำไมไปยุยงยายส้ม”
“เออ” แสงหล้าค้อนส้มป่อย “ก็คุณรุ้งเขาน่าสงสารนี่คะ คุณให้เขาอดอาหารทั้งครึ่งค่อนวัน ป้าก็เลยเอาอาหารไปให้”
“ไม่ต้องยุ่งเลยนะป้า ผมจับแม่นั่นมาเพื่อให้ยอมรับสารภาพว่าขโมย เพลงผมไป ถ้าไม่ยอมรับผมจะทรมานเสียให้เข็ด แล้วอดข้าวแค่มื้อเดียวไม่ถึงกับตายหรอก”
“คุณทูนคะ คุณรุ้งไม่ได้ขโมยเพลงคุณหรอกค่ะ”
ทูนอินทร์มองแสงหล้า
“ป้ารู้ได้ยังไง”
“รู้ค่ะ คนดีอย่างคุณรุ้งไม่เคยโกงใคร อีกอย่างคุณรุ้งไม่ทำกับคนที่เขารักแบบนี้แน่นอน”
แสงหล้าพูดจี้ใจดำ ทูนอินทร์สะเทือนใจวูบขึ้นมา
“ป้าอย่าพูดคำนี้อีกนะ ยายนั่นไม่ได้รักผม”
“รุ้งรักคุณค่ะ”
ทูนอินทร์ส่งสายตาดุ
“ป้า”
แสงหล้าหลบตาลงต่ำ ไม่เถียงอีก
“ป้าเป็นแค่แฟนคลับจะไปรู้อะไร ต่อไปนี้ห้ามไปช่วยเหลืออะไรยายลูกครึ่งอีก ไม่งั้นผมไล่ป้าออกจริง ๆ”
แสงหล้าถอนใจ ทูนอินทร์ออกจากห้องไป ส้มป่อยเช็ดน้ำตาสูดจมูก แสงหล้าเข้าไปปลอบ
“ส้ม เจ็บมากไหม”
ส้มป่อยเลิกสำออยทันที
“เจ็บเจิบอะไรกันล่ะป้า แค่แสบๆ คันๆ”
“อ้าว ก็เห็นร้องไห้เหมือนจะเป็นจะตาย”
“แอ็คติ้งค่ะป้า ยิ่งร้องนายทูนยิ่งตีเบา ฮิฮิ”
“ดีนะ มาโทษป้าคนเดียว”
“แหม ไม่โทษป้า หนูก็โดนตีตาย ป้าคะ หนูไหว้ค่ะ”
“ไหว้ทำไมส้ม”
“ป้ากล้าหาญมากค่ะ ที่พูดกับนายทูนแบบนั้น แล้วที่ป้ายืนยันว่าพี่รุ้งเป็นคนดีเหมือนกับป้ารู้จักพี่รุ้งมาแต่อ้อนแต่ออกอย่างนั้น”
“ก็ทำนองนั้นละส้ม”
แสงหล้ายิ้มเศร้าๆ แล้วแยกไป
“ป้าแสงขา ป้าไม่ได้แปลกแค่ใบหน้าและโหนกแก้มเท่านั้น แต่นิสัยยังแปลกอีกด้วย ป้าทำให้หนูชักกลัวแล้วนะคะ ไหว้อีกทีค่ะ” ส้มป่อยมองแสงอย่างฉงนงงงัน

ทูนอินทร์เดินออกมาหน้าบ้าน ครุ่นคิดถึงสิ่งที่แสงหล้าพูด เขาเดินมาที่รถถอนใจแล้วตัดสินใจกลับไปในบ้าน ป้าแป๋วเดินมาหน้าห้องครัว ได้ยินเสียงกุกกัก
“ใครน่ะ”
ป้าแป๋วเข้าไปในห้องครัวพบว่าทูนอินทร์ กำลังเลือกอาหารแห้งจากตู้ใส่ถุง
“อุ๊ย นายคะ ทำอะไร”
ทูนอินทร์สะดุ้งนิดๆ
“อ๋อ เปล่า จะเอาของพวกนี้ไปบริจาคน่ะ”
ป้าแป๋วแปลกใจ
“บริจาคใครคะ”
“เด็กยากไร้ ป้าไม่ต้องบอกใครนะ”
“ค่ะ ค่ะ”
ทูนอินทร์รีบออกจากครัวไปทันที ป้าแป๋วครุ่นคิด
“แถวนี้มีเด็กยากไร้ที่ไหนหว่า”

ทูนอินทร์เปิดประตูเข้ามาพร้อมถุงอาหารแห้งพบว่ารุ้งระวีนั่งซึมมองไปนอกหน้าต่าง เขาวางถุงอาหารลงตรงหน้า เธอมองอย่างหมดอาลัย
“อะไรน่ะ”
“ฉันสงสาร เลยเอาของกินมาให้”
“เอากลับไปเถอะ ฉันกินไม่ลงแล้ว”
“เมื่อชั่วโมงที่แล้วบอกว่ายังกินไม่อิ่ม ตอนนี้กินอะไรไม่ลงขึ้นมาเสียแล้ว ผู้หญิงนะผู้หญิง เปลี่ยนใจได้วันละร้อยหน มารยาสาไถยจริงๆ”
รุ้งระวีจับท้องหน้าเศร้า
“ฉันไม่ได้มารยา ที่ฉันกินไม่ลงเพราะ...”
รุ้งระวีนิ่งไป ทูนอินทร์มองหน้า
“อะไร”
“ฉันยังไม่ได้ถ่ายทุกข์”
ทูนอินทร์หน้าเหวอไป
“อ้าว ห้องน้ำก็มี ทำไมไม่เข้า”
“เข้าไปดูซี กดน้ำไม่ได้”
ทูนอินทร์มองอย่างไม่ไว้ใจนักก่อนที่จะเข้าห้องน้ำ รุ้งระวีค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบส้อมที่ซ่อนไว้ ทูนเข้ามาในห้องน้ำ แล้วลองกดชักโครกดู พบว่าน้ำไหลเป็นปรกติ
“น้ำไหลเป็นปรกติ”
รุ้งระวีผลักทูนอินทร์กระเด็นไปติดผนัง
“โอ๊ย”
รุ้งระวีเอาส้อมขู่ที่คอ
“หลอกกันอีกแล้วใช่ไหม”
“ใช่ ต้องมารยานี่แหละนายถึงจะเชื่อฉัน”
“ยอมรับแล้วซี ที่ผ่านมามารยาทั้งนั้น”
“แล้วแต่จะคิด เอากุญแจมาให้ฉัน อยู่ไหน”
“อยู่ในที่ลับ”
“ที่ลับอะไร”
“ในกางเกง อยากได้ก็ต้องล้วงเอา”
ทูนอินทร์ชี้มั่วๆไปที่เป้ากางเกง รุ้งระวีสะดุ้ง
“บ้าแล้ว เอากุญแจไปใส่เป้ากางเกงเหรอแล้วมันไม่ครูด อุ๊ย ไม่พูด อุบาทว์”
ทูนอินทร์เซ็งเลย
“ฉันหมายถึงอยู่ในกระเป๋ากางเกง”
รุ้งระวีจับที่กระเป๋ากางเกง พบว่ามีกุญแจใส่อยู่จริง
“หยิบออกมา”
“ล้วงเองไม่ดีกว่าเหรอ”
“อย่ามาทุเรศกับฉัน หยิบออกมา ไม่งั้นจิ้มเป้ามิดส้อมเลยนะ”
ทูนอินทร์สะดุ้ง หยิบกุญแจออกมาแต่โดยดี รุ้งระวีรับกุญแจมายิ้มย่ามใจ
“ทีนี้ถึงเวลาที่นายจะถูกขังบ้างละนะ”
รุ้งระวีออกมาจากห้องน้ำ แล้วปิดประตูห้องล็อกไว้ทันที ทูนเขย่าประตูแต่เปิดไม่ออก
“ขอให้มีความสุขกับกลิ่นส้วมนะนายงี่เง่า”
รุ้งระวีวิ่งออกจากห้องทันที
รุ้งระวีออกมาจากกระท่อม จะวิ่งออกถนนแล้งชะงัก
“ไปตามถนนไม่ได้ นายทูนขับรถตามมาแน่ๆ”
รุ้งระวีตัดสินใจวิ่งไปตามทางเลียบลำธาร ทูนเขย่าประตู แล้วทำหน้าเบื่อๆ
“เขย่าทำไมวะ กุญแจสำรองเราก็มี”
ทูนอินทร์หยิบกุญแจสำรองจากอีกกระเป๋าออกมาไขออกอย่างง่ายดาย แล้วรีบมาที่รถขับออกไปตามารุ้งระวีทันที
ครู่หนึ่ง อินทรและมะปรางขับรถมาจอดหน้ากระท่อม อินทรลงจากรถตะโกนเรียก
“พี่ทูน พี่ทูนครับ”
ประตูกระท่อมเปิดอยู่ ทั้งสองเข้าในกระท่อม เห็นถุงของแห้งวางอยู่ รวมทั้งถุงใส่เศษอาหารที่ทูนปัดกระจาย มะปรางเปิดถุงออกดูพบไก่ย่างและน้ำจิ้มแจ่ว และขวดน้ำที่เหลือ
“พี่ทูนครับ” อินทรเข้าไปดูในห้องน้ำ “ไม่อยู่ครับ”
“แต่มีเศษอาหารในกล่อง แสดงว่าต้องพาใครมาด้วยแน่ ๆ อุ๊ย”
มะปรางเห็นอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่หลังโซฟา เดินไปหยิบขึ้นมา พบว่าเป็นบรา อินทรมองอย่างสงสัย
“ของพี่รุ้งรึเปล่า”
มะปรางมั่นใจ
“พี่รุ้งใส่ยี่ห้อนี้แหละค่ะ”
“พี่ทูนนะพี่ทูน ก่อเรื่องอีกแล้ว ออกไปดูรอบๆดีกว่าครับ”
ทั้งสองออกจากกระท่อม

รุ้งระวีวิ่งเลียบลำธารมาเรื่อยๆ จนเหนื่อยหยุดหอบ แล้ววิ่งต่อไปอีกครู่นึงจึงตัดสินใจนั่งพักที่ตอไม้
“คงไม่ตามมาแล้วมั้ง เฮ้อ หิวน้ำจัง น่าจะหยิบขวดน้ำติดมาด้วย”
ทันใดนั้นมีมือยื่นขวดน้ำเข้ามาให้
“หยิบเผื่อมาให้แล้ว”
“ว้าย”
รุ้งระวีลุกพรวด มองทูนอินทร์ที่ยืนยิ้มกวนอยู่ตรงหน้า
“นายมาได้ยังไง”
“ขับรถมา ไม่ต้องวิ่งให้เหนื่อย รถจอดอยู่ถนนซอยด้านโน้นน่ะ”
“อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ ไม่งั้นร้องลั่นป่าเลย”
“ป่านี้มันที่ดินฉัน ลึกเข้าไปอีกหลายไร่ ร้องไปก็มีแต่ลิงกับชะนีเท่านั้นที่ได้ยิน”
รุ้งระวีหน้าเสียรีบเปลี่ยนมาขอร้องเขา
“ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันไม่เอาเรื่องนายหรอก”
“เธอเอาเรื่องฉันไม่ได้อยู่แล้ว ฉันนี่แหละที่จะต้องเอาเรื่องเธอ ที่เธอคิดหนีแบบนี้ ฉันจะทรมานเธอให้หนักกว่าเดิมอีก คราวนี้จะให้อดข้าวอดน้ำสามวันสามคืน น้ำท่าไม่ต้องอาบ ถ่ายทุกข์ก็ไม่ต้องถ่ายให้อั้นเอาไว้จนกลิ่นระเหยออกมาทางผิวหนัง ดีไม๊”
“ฉันไม่นึกเลยนะว่านายจะวิปริตถึงขนาดนี้ เขาเรียกพวกวิปริตซาดิสม์”
ทูนอินทร์หัวเราะร่า
“ฮ่าฮ่า ใช่แล้ว”
ทูนอินทร์ทำหน้าหื่น เดินเข้ามาใกล้ รุ้งระวีถอยกรูดไปปะทะกับต้นไม้ เขาเอาแขนเท้ากับต้นไม้ล็อกเธอไว้
“ฉันนี่แหละวิปริตตัวพ่อ กลับไปนี่ ฉันจะให้เธอเล่นหนังเป็นนางเอก”
“หนังบ้าอะไร”
“หนังเอวีแบบญี่ปุ่นไง ชื่อว่า คลิป รุ้งระวีอิไต ฉันจะจับเธอแก้ผ้ามัดไว้แล้วชักรอกให้ลอยอยู่กลางอากาศ ให้ร้อง อิไต อิไต อิไต ได้อารมณ์ชะมัด”
รุ้งระวีมองเขาอย่างทุเรศเต็มที
“งั้นระงับอารมณ์สักหน่อยเถอะนะ”
รุ้งระวียกเข่ากระแทกหว่างขา ทูนอินทร์ตาเหลือกร้องลั่น เอามือกุม
“โอ๊ย!”
เธอผลักเขาเซไป แล้วตัดสินใจวิ่งข้ามลำธารไปทันที ทูนอินทร์พยายามตะโกนห้าม
“รุ้ง อย่าไป หินมันลื่น อูย เจ็บ”
รุ้งระวีไม่ฟังวิ่งไปบนลำธาร ฝ่าน้ำที่ค่อนข้างเชี่ยวไป ทูนอินทร์วิ่งขาถ่างรีบตามไป
“รุ้ง กลับมา”
รุ้งระวีพยายามฝ่าน้ำเชี่ยวข้ามลำธาร หินลื่นจนเซ หันมองเห็นเขาตามมาใกล้จะถึงตัว เธอเหยียบหินอีกก้อนแล้วเสียหลักร้องหวีดตกตู้มไปในน้ำ
“รุ้ง”
ทูนอินทร์ตกใจรีบกระโจนตามไป รุ้งระวีจะจมน้ำ ทูนอินทร์เข้าถึงตัวรวบร่างเธอไว้ได้
“จับตัวผมไว้แน่น ๆ”
“ปล่อยฉัน”
“อย่าทำเก่งไปเลยน่า เกือบจมน้ำแล้วรู้ไหม”
เขากอดเธอไว้แล้วลากมาที่ตลิ่ง ขณะเดียวกันนั้นเสียงอินทรดังมาแต่ไกล
“พี่ทูนครับ พี่ทูน”
รุ้งระวีได้ยินรีบตะโกนตอบ
“คุณทร”
ทูนอินทร์ตะปบปากของเธอไว้แน่น
“อย่าส่งเสียงนะ”
เขารีบพาเธอไปหลบอยู่มุมขอนไม้ริมตลิ่ง อินทรและมะปรางเดินผ่านมาอยู่เหนือหัว
“พี่ทูน”
“คงไม่อยู่แถวนี้หรอกค่ะ ไปหาด้านนู้นดีกว่า”
อินทรและมะปรางเดินกลับไปที่กระท่อม
“อย่าร้องนะ”
ทูนอินทร์ปล่อยมือ เธอรีบผละจากเขาทันที
“อย่ามาแตะต้องตัวฉัน”
“ไม่ได้อยากแตะหรอก แต่เห็นกำลังจมน้ำ เลยเข้ามาช่วย ไม่อยากให้มาจมน้ำตายในไร่ของฉัน ขึ้นมาก่อน”
ทูนอินทร์ดึงขึ้นฝั่ง แต่เธอเซลื่นเขารวบร่างไว้ได้ ทั้งสองมองหน้ากันครู่หนึ่ง ก่อนที่รุ้งระวีจะผละออก
“ไม่ปล่อยให้ฉันตายไปเลยล่ะ จะได้หายแค้น”
“มันเร็วไป ต้องทรมานเธอก่อน ให้สมกับที่เธอทำกับฉันแสบสันต์ ถามจริงๆเถอะ ไปปรึกษายายฟ้าใสมารึเปล่า ถึงได้แอบมาขโมยเพลงฉัน ลีลาเดียวกับยายฟ้าใสทุกเม็ดเลย”
รุ้งระวีมองหน้า
“ทุกเม็ดยังไง”
“ยายฟ้าใสคงบอกเธอ ว่าฉันเก็บโน้ตเพลงกับเนื้อเพลงไว้ในห้องทำงาน นอกจากที่เก็บไว้ในคอม มันหายไปทั้งหมด”
รุ้งระวีครุ่นคิด
“คุณรู้ไหมว่าหายไปวันไหน”
“ไม่ต้องมาแกล้งถาม ก็วันที่เธอทะเลาะกับฉัน เธอแกล้งเป็นลมในห้องทำงานแล้วจังหวะที่ฉันออกไปหยิบผ้าเย็นมาให้ นั่นแหละเธอแอบขโมยเพลงของฉันไป ใช่ไหม”
รุ้งระวีนึกได้
“ฉันนึกออกแล้ว นายคำกับนายเดช สองคนนั่นต้องเป็นคนขโมยเพลงของคุณแน่ๆ”
“ก็ใช่ เธอเอาโน้ตเพลงทั้งหมดส่งให้พวกมันไง”
รุ้งระวีจ้องหน้า
“นี่ ฟังก่อน ตอนที่คุณชกต่อยกับนายอิทธิอยู่หน้าร้าน จังหวะที่กำลังชุลมุนกันอยู่ ฉันสังเกตเห็น คำและเดชพยักหน้ากันแล้วแว่บออกจากกลุ่มทันที”
ทูนอินทร์นิ่งไปกับข้อมูลใหม่ของเธอ
“ฉันสงสัยตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่า ทำไมนายคำกับนายเดชแยกตัวไป ทั้งๆที่น่าจะอยู่ช่วยนายตัวเอง”
“เจ้าสองตัวแอบเข้าไปในห้องทำงานงั้นเหรอ”
“ถูกต้อง”
ทูนอินทร์นิ่งไป
“แสดงว่านาย อิทธิวางแผนมาอย่างดี ให้คุณกับฉันมาเจอกัน อย่างนั้นซี วันนั้นอยู่ดีๆยายแจงอยากมากินร้านต้มแซ่บของคุณไม่มีปี่มีขลุ่ย ฉันก็ต้องจำใจมาด้วย แล้วถึงได้เกิดเรื่องทะเลาะกับคุณ แผนนายอิทธิแยบยลมาก”
ทูนอินทร์ฟังอย่างคล้อยตาม แต่เขายังไม่ปักใจเชื่อ
“ไม่ต้องเลย ไม่ต้องมาโยนความผิดให้คนอื่น เธอนั่นแหละขโมย”
รุ้งระวีหงุดหงิดมาก
“นี่คุณ ฉันสงสัยแล้วละว่าฉันกำลังพูดกับคนหรือควาย”
ทูนอินทร์สะดุ้ง
“ว่าฉันเป็นควายเหรอ”
“ใช่ พูดอะไรก็ไม่ฟังสักอย่าง คิดอยู่อย่างเดียวว่าฉันเป็นขโมย ทรยศคุณ หัก หลังคุณ”
“ก็มันจริง”
รุ้งระวีถอนใจอย่างเบื่อหน่าย
“ตามใจ แต่ฉันขอสงสัยบ้างก็แล้วกัน ไอ้เพลง ต้มยำลำซิ่ง แสนรักแสนหวงของคุณเนี่ย มันมีจริงรึเปล่า แล้วเพราะอย่างที่คุณมาอวดอ้างสรรพคุณไว้ไหม”
ทูนอิทร์ชักฉุน
“อ้อ หาว่าฉันสร้างเรื่องขึ้นมางั้นซิ”
“กล่าวหาฉันได้ ฉันก็กล่าวหาคุณได้”
“งั้นกลับกระท่อมกันเลย คืนนี้ฉันจะเอาทั้งเนื้อเพลง โน้ตเพลง มาให้ เธอดู ไป”
ทูนอินทร์กระชากร่างเธอเดินเลียบลำธารไป
“เจ็บนะ เบาๆซี”
“ไม่เบา เพราะฉันมันควาย ควายไม่ทำอะไรเบาๆอยู่แล้ว”
ทูนอินทร์ทำเสียงเข้ม

เย็นนั้น รถของทูนอินทร์แล่นมาจอดหน้าบ้านอินสรวง เขาเข้าบ้านไปในบ้าน คำรณแอบซุ่มส่องกล้องมองอยู่ แต่ไม่เห็นอะไรผิดสังเกต ทูนอินทร์เข้ามาในโถงบ้านพบอินทร มะปราง จี่หอย รออยู่ แสงหล้าและส้มป่อยแอบมองดูอยู่มุมหนึ่ง ทูนอินทร์ไม่ค่อยพอใจถามเสียงกร้าว
“อ้าว เจ๊หอย ยังไม่กลับอีกเหรอครับ”
“ยังกลับไม่ได้ค่ะ รอให้คุณเคลียร์เรื่องนี้ก่อน”
จี่หอยหยิบบราของรุ้งระวีขึ้นมาชู ส้มป่อยและแสงหล้าใจคอไม่สู้ดี ทูนอินทร์มองงงๆ
“อ้าว ยกทรง จะให้ผมเคลียร์อะไรไม่ทราบ”
“มันตกอยู่ที่กระท่อมคุณ บรานี่ยี่ห้อและไซส์เดียวกับที่รุ้งใส่ค่ะ หอยยืนยันว่าเป็นของรุ้งระวีแน่นอน คุณลักพาตัวรุ้งระวีมาซ่อนไว้ที่นี่ใช่ไหม ยอมรับมาดีๆดีกว่า”
“ครับ ผมยอมรับ”
จี่หอยดีใจ
“คุณยอมรับแล้ว งั้นรุ้งอยู่ที่ไหนคะ”
“ยอมรับว่าผมพาผู้หญิงมานอนด้วยที่กระท่อม แต่เสียใจครับ ผู้หญิงบาร์ในเมืองน่ะ ไม่ใช่คุณรุ้งของเจ๊”
อินทร มะปราง จี่หอย เจื่อนไป ทูนอินทร์แกล้งยิ้มลามก ขณะที่ส้มป่อยกับแสงหล้าพากันลุ้น
จี่หอยมองหน้าทูนอินทร์ ถามอย่างคาดคั้น
“คุณจะบอกว่าบรานี่ไม่ใช่ของรุ้งงั้นเหรอ ทำไมทั้งไซส์ทั้งยี่ห้อเป็นของรุ้งล่ะ”
ทูนอินทร์ยิ้มกวน
“ผมก็เลือกซื้อให้น้องเขาใส่เองแหละ เอาเหมือนยายลูกครึ่งมากที่สุด เพื่อที่ผมจะได้ปู้ยี่ปู้ยำ”
อินทรรีบห้าม
“พี่ครับ พอเถอะ ไม่ต้องพูดแล้ว”
“อ้าว ฉันกำลังอธิบายให้เจ๊หอยรู้ไง ว่าฉันหิ้วผู้หญิงมาแล้วเลียนแบบยายลูกครึ่งยังไงบ้าง”
“พอครับพี่พอ”
จี่หอยไม่อยากจะเชื่อ มะปรางยังงงๆ ทูนอินทร์ยิ้มให้
“หายสงสัยยังครับเจ๊”
“สงสัยว่าปู้ยี่ปู้ เอ๊ย ไม่สงสัยอะไรแล้ว ปรางกลับ”
มะปรางจะแย้ง
“พี่หอยคะ แต่...”
“ไม่มีแต่แล้ว กลับ”
จี่หอยดึงมะปรางออกไป อินทรมองหน้าพี่ชาย ก่อนจะออกไปส่งจี่หอยและมะปราง ทูนอินทร์หันมามองส้มป่อยและแสงหล้าตาขวางทั้งสองสะดุ้ง
“ไม่ได้หลุดปากนะ”
“ไม่ค่ะ นาย รูดซิบปากเงียบ”
“ดี คืนนี้เตรียมอาหารให้หน่อย ฉันจะไปกินกับยายลูกครึ่งสองต่อสอง”
“ค่ะ”
แสงหล้าและส้มป่อยหลบไปทันที

จี่หอยและมะปรางมาที่รถ อินทรตามมา จี่หอยหันไปถาม
“คุณทูนผีเข้ารึไงคะคุณทร เปลี่ยนจากเทพบุตรเป็นซาตานไปเลย”
มะปรางยังติดใจสงสัย
“แล้วที่ซื้อบราแบบพี่รุ้งมาให้ใส่ หมายความว่ายังไงคะ”
จี่หอยถอนใจ
“หนูซื่อจริงๆยายปราง แล้วจะอธิบายทีหลัง ไปนะคะคุณทร ถ้าคุณทูนยังเป็นแบบนี้ หอยคงไม่กล้ากลับมาที่นี่อีกแล้วละค่ะ กลัวโดนก็อปปี้ยกทรง”
จี่หอยขึ้นรถ อินทรยิ้มให้มะปราง
“เจอกันที่กรุงเทพครับ”
“คุณทร เรื่องพี่ทูนยังน่าสงสัยอยู่นะคะ”
“ครับ ไม่ต้องห่วง ผมจะสืบดู”
มะปรางขึ้นรถ จี่หอยขับรถออกไป คำรณลดกล้องลง หงุดหงิดที่ไม่เห็นอะไรผิดสังเกตก่อนจะหลบไป

ดำรงนอนใส่เสื้อคลุมอยู่บนเตียง ฟ้าใสนอนซบอกอยู่
“ป๋าขา เมื่อไหร่ป๋าจะให้ฟ้าเปิดอัลบั้มใหม่ละคะ เพลงฮิตของฟ้าขาดช่วงมานานแล้วละคะ”
ดำรงส่ายหน้า
“ชุดที่แล้ว เพลงไม่ค่อยติดตลาด ป๋ายังไม่อยากเสี่ยงกับชุดใหม่”
“แหม เด็กใหม่หน้าตาดีเกิดขึ้นทุกวัน ฟ้ากลัวถูกแย่งตำแหน่งน่ะ”
“เด็กใหม่ที่ว่าคือใครเหรอ”
“ก็อย่างนังรุ้งนั่นไง มันออกเพลงต้มยำลำเพลินออกมา ก็ฮิตอีกแล้ว ฮิตติดกันสามเพลงแล้วนะคะ มันต้องมาแย่งตำแหน่งจากฟ้าแน่ๆเลย”
“ใจเย็นๆของใหม่คนก็เห่อชั่วครู่ชั่วยาม ยังไงรุ้งระวีก็แย่งความเป็นราชินีลูกทุ่งไปจากฟ้าไม่ได้หรอก”
“แล้วตกลงป๋าจะให้ฟ้าออกชุดใหม่ไหมคะ”
“รอไปก่อน เดี๋ยวนี้ทำเพลงใหม่ใจร้อนไม่ได้ มันต้องครบเครื่องทั้งคนแต่งเพลง โปรดิวซ์ ทั้งแนวเพลง เนื้อร้องสารพัด”
ฟ้าใสถอนใจเบื่อหน่าย
“ถ้ามัวแต่รออยู่อย่างนี้ นังรุ้งมันก็กลายเป็นขวัญใจลูกทุ่งคนใหม่แทนฟ้าพอดี”
ฟ้าใสลุกจากเตียง เข้าห้องน้ำ เธอพิงร่างกับประตูครุ่นคิดจะตัดสินใจบางอย่าง หยิบมือถือขึ้นกดทันที
“คุณอิทธิเหรอคะ ฟ้าพูดค่ะ มีเรื่องจะปรึกษา มาหาฟ้าที่คอนโดได้ไหม สักเที่ยงคืนก็ได้ ทำไมดึก ก็แหม ตอนนั้นไม่มีใครเข้าออกแล้วนี่คะ กำลังปลอดคน เชิญนะคะ”
ฟ้าใสกดวางสายยิ้มหยันกับตัวเอง

ค่ำนั้น รุ้งระวีหลับอยู่ในห้อง ลืมตาขึ้นเพราะได้ยินเสียงเพลงเบาๆ และแสงไฟวูบวาบอยู่นอกกระท่อม เธอเดินไปแนบหูที่ประตูแต่ประตูเปิดเข้ามาพอดี เธอรีบถอยออก ทูนอินทร์แต่งตัวใหม่แล้วยืนอยู่หน้าประตู
“มีอะไรข้างนอกน่ะ”
“ออกมาดูซี”
รุ้งระวีก้าวออกจากกระท่อม เธอต้องประหลาดใจมากเมื่อเลี้ยวออกมาที่นอกกระท่อมเห็นที่ริมลำธารจัดโต๊ะอาหารอย่างดีเครื่องดื่มอย่างพิเศษ มีไอแพ็ดรุ่นใหม่วางอยู่ด้วย เปิดเพลงบรรเลง ต้มยำลำซิ่ง คลอเป็นบรรยากาศ
“เกิดเพี้ยนอะไรขึ้นมา มาจัดดินเนอร์ให้ฉันเสียหรูแบบนี้”
“อยากให้เธอได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศคลาสสิคไง”
ทูนอินทร์เลื่อนเก้าอี้ให้
“เชิญ”
เธอลงนั่ง เขานั่งตรงข้ามแล้วเริ่มกินอาหาร แต่รุ้งระวียังไม่กิน
“ไม่กินล่ะ อย่ามาเล่นละครเป็นนางเอกอยู่เลย”
“ทำไมต้องให้ฉันดื่มด่ำ กับบรรยากาศคลาสสิคอะไรของนาย”
“ได้ยินเพลงไหม”
“เพลงต้มยำลำเพลินไง”
ทูนอินทร์ทุบโต๊ะเปรี้ยง
“ไม่ใช่ มันคือ ต้มยำลำซิ่ง ของฉัน”
รุ้งระวีอึ้งไป เพราะเหมือนกันอย่างไม่เพี้ยนใดๆ
“ฉันแต่งเพลงนี้ท่ามกลางบรรยากาศสวยงามแบบนี้แหละ ตอนกลางวันฉันจะแต่งที่เพิงแสงจันทร์ พอตกกลางคืนก็จะแวะมาฟังเสียงธารน้ำไหลที่นี่ จนได้เป็นเพลงนี้ขึ้นมา”
รุ้งระวีดูจอภาพ เป็นเนื้อร้องมีท่อนชายและหญิง
“นั่นเนื้อร้องเหรอ”
“ใช่ ดูซะ เนื้อร้อง ต้มยำลำซิ่ง เทียบกับเพลงของเธอ ว่ามันเหมือนกันแค่ไหน”
รุ้งระวีรับมาดู หน้าสลดหดหู่เพราะ อิทธิขโมยมาอย่างหน้าด้านๆ

ฟ้าใสดูตัวเองในกระจก ใส่ชุดกรุยกรายโชว์เนินอก ผมยาวสลวยเซ็กซี่ ฉีดน้ำหอมตามจุดชีพจร ทันใดนั้นกริ่งประตูดังขึ้น เธอไปเปิดประตู อิทธิยืนอยู่มองอย่างงงๆ
“เชิญค่ะ”
อิทธิเข้ามาในห้อง
“เอ มีอะไรครับ เรียกผมมาทำไมดึกดื่นป่านนี้”
“ฉันอยากปรึกษาน่ะค่ะ”
“เรื่องอะไรครับ”
“ถ้าฉันอยากเข้าสังกัด อิทธิซาวนด์ของคุณ คุณจะรังเกียจไหม”
ฟ้าใสยิ้มยั่วยวน อิทธิอึ้งไป

รุ้งระวีอ่านเนื้อเพลง ที่เป็นส่วนของตนในเพลงต้มยำลำซิ่ง ทูนอินทร์มองหน้า
“ว่ายังไง ยอมสารภาพได้รึยังว่า เธอกับเจ้าอิทธิร่วมมือกันหลอกฉัน ขโมยผลงานของฉันไป”
รุ้งระวีหน้าสลดลง
“คุณเขียนเพลงนี้ให้ฉันเหรอ”
“ใช่ หวังว่าเธอจะได้ร้องกับฉัน เราจะเปิดค่ายเพลง ด้วยเพลงต้มยำลำซิ่ง เพลงนี้ เพลงที่เราจะร้องคู่กัน แล้วเธอก็ทำลายทุกอย่างด้วยการขโมยมันไปเป็นเพลงของตัวเอง จิตใจเธอมันทำด้วยอะไร”
รุ้งระวีน้ำตารื้น
“แล้วรู้ไหม กว่าที่ฉันจะเขียนเพลงนี้ออกมาได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพลงแต่ละเพลงที่แต่งออกมา ฉันต้องไปให้ครูเพลงตรวจทานทั้งเนื้อร้องทั้งทำนอง เพลงทุกเพลงมีครูทั้งนั้น เธอขโมยไปก็เท่ากับเธอกำลังลบหลู่ครูเพลงไปด้วย”
รุ้งระวีน้ำตาไหลเป็นทาง ทูนอินทร์พูดเสียงเครือ
“จะบอกให้นะ เมื่อก่อนเธออาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้ฉัน เป็นจุดหมายปลายทางในชีวิตฉัน แต่ตอนนี้ ไม่มีเธอที่ยืนอยู่ตรงนั้นอีกแล้ว”
รุ้งระวีเสียใจ
“ฉันไม่มีตัวตนสำหรับคุณแล้วหรือ”
ทูนอินทร์อึ้งไป เบือนหน้าไปทางอื่นไม่อยากเห็นน้ำตา เดี๋ยวใจอ่อน
“คุณคิดว่าฉันเป็นคนเลวแบบเดียวกับฟ้าใสงั้นเหรอ”
“ใช่ ฉันถึงลักพาตัวเธอมาซักฟอกที่นี่ไง”
“ไม่หรอก คุณลักพาตัวฉันมา เพราะคุณรู้ว่าฉันไม่ใช่คนแบบฟ้าใสต่างหาก”
“เธอพูดอะไรของเธอ”
“ถ้าคุณแน่ใจว่าฉันขโมยเพลงของคุณเหมือนฟ้าใส คุณจะไม่สนใจฉันอีกเลย คุณจะปล่อยฉันไปเหมือนครั้งที่คุณทำกับฟ้าใส”
ทูนอินทร์มองหยัน
“อ้อ คิดว่าที่ฉันลักตัวเธอมา เพราะฉันยังมีใจให้เธองั้นซี”
“ถูกต้อง”
“นี่ อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย ตอนนี้แม้แต่หน้าเธอฉันก็ไม่อยากมอง”
ทูนอินทร์เบือนหน้าไปทางอื่น รุ้งระวีลุกขึ้นเดินตรงมาที่เขา
“ไม่จริงหรอก ฉันยังอยู่ในใจคุณเสมอ”
รุ้งระวีเข้ามากอดหลังเขาซบหน้ากับแผ่นหลัง ทูนอินทร์สะดุ้ง ยิ่งสับสนอลหม่าน เพราะสิ่งที่เธอพูดเป็นความรู้สึกแท้ๆ ของตนทั้งนั้น เขาตัดสินใจรีบผละออกไป
“หยุดได้แล้วบทอ้อนของเธอน่ะ ฉันไม่หลงคารมเธอหรอก”
ทูนอินทร์แยกไปที่ลำธาร รุ้งระวีถอนใจรีบตามไป
“ฉันพูดจากใจจริง ไม่ได้เสแสร้งอะไรทั้งนั้น ฉันเข้าใจความเจ็บปวดของคุณดี คุณเสียของรักไปถึงสองอย่างทั้งเพลง ทั้งฉัน”
“พูดไม่รู้ฟัง บอกแล้วว่าฉันหมดรักเธอไปนานแล้ว”
“รับคำขอโทษฉันเถอะนะคะ ที่ฉันหลงชื่อนาย อิทธิอย่างโง่เง่าที่สุด ฉันทำร้ายคุณ กล่าวหาว่าคุณหลอกฉัน ทั้งๆที่คุณทุ่มเททุกอย่างเพื่อฉัน โกรธฉันเถอะค่ะ โกรธให้สมกับความเขลาของฉัน แต่ขออย่างเดียว อย่าบอกว่าคุณไม่รักฉัน” เธอกอดหลังเขาสะอื้นเบาๆ “แค่อ่านเนื้อร้อง ต้มยำลำซิ่งที่คุณแต่งให้ฉันร้อง ฉันก็รู้แล้วว่าคุณรักฉันมากแค่ไหน”
“เคยรักต่างหาก”
“งั้นยกโทษให้ฉัน และรักฉันเหมือนเดิมได้ไหม”
ทูนอินทร์สับสนไปหมด รุ้งระวีจับไหล่ของเขาให้หันมามองเธอ ทูนอินทร์อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด มองตาเธอที่เต็มไปด้วยน้ำตา
“รู้ไหม ตลอดเวลาที่เราห่างกัน ไม่มีวันไหนชั่วโมงไหนที่ฉันไม่คิดถึงคุณ”
“โกหก”
“เรื่องจริง”
“พิสูจน์”
รุ้งระวีจูบประทับริมฝีปากนิ่งนานดูดดื่ม เขานิ่งงันไป สักครู่เธอก็ถอนริมฝีปากออก
“เชื่อรึยังว่ารัก”
“รุ้ง”
“ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว”
รุ้งระวียิ้มทั้งน้ำตาแล้วจูบเขาอีกครั้ง ทูนอินทร์รวบร่างมากอดไว้แนบแน่น







Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2555 10:40:11 น.
Counter : 324 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]