All Blog
ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 19 (ต่อ)



รุ้งระวีที่นอนซมเพราะเป็นไข้ มองแม่ด้วยสายตามัวๆ แล้วค่อยๆ ชัดขึ้น แสงหล้ายังไม่ทันรู้ตัว

“แม่ !”
แสงหล้าตะลึงทำอะไรไม่ถูก รุ้งระวีมองหน้าแสงหล้าแต่แล้วก็หลับตาลงอีกครั้งเพราะฤทธิ์ยานอนหลับ แสงหล้าถอนใจโล่งอกจัดให้รุ้งระวีนอนอย่างสบายแล้วจูบที่หน้าผากลูกสาวก่อนจะออกจากห้องไป
ช่วงเวลาเดียวกันนั้น จี่หอยหน้าตื่นฟังเรื่องของฟ้าใสจากปากคำของจ๊ะจ๋า
“อกแตก หา นังฟ้าต่ำมันขึ้นเตียงกับคุณอิทเหรอ”
มะปรางรีบเตือน
“พี่หอยเบาๆ”
“ไม่เบาแล้ว เรื่องอย่างนี้มันต้องประจาน”
จ๊ะจ๋าหน้าเสีย
“ประจานไม่ได้นะคะพี่ พี่ฟ้าเล่นงานจ๋าไม่ได้ผุดได้เกิดเลย”
“แล้วตอนนี้เธอได้ผุดได้เกิดกับเขาแล้วเหรอยะ นังฟ้าต่ำมันกดเธอจมดินโผล่มาแค่จมูกกับปาก รู้ตัวรึเปล่า”
จ๊ะจ๋าก้มหน้าอยากจะร้องไห้ อินทรครุ่นคิด
“แต่ถึงยังไงตอนนี้เราก็มีแต้มต่อแล้วนะครับพี่หอย ผมอยากจะเอาเรื่องยายฟ้าใสอยากย้ายค่ายไปต่อรองกับเสี่ยดำรง”
ทุกคนตกใจ จี่หอยมองหน้าอินทร อย่างไม่เข้าใจ
“เพื่ออะไร”
“แลกกับอิสรภาพของจ๋าไงครับ”
จ๊ะจ๋าตกใจรีบขัด
“เป็นไปไม่ได้ค่ะคุณทร อย่าให้เรื่องถึงเสี่ยเลย”
มะปรางเห็นด้วยกับอินทร
“จ๋า มันก็เป็นวิธีที่ดีนะ บอกแล้วไงแกต้องลุกขึ้นมาสู้แล้ว”
จี่หอยนิ่งคิด
“เจ๊ว่าอาจจะมีทางนะ แต่ไม่ใช่เข้าหาเสี่ยดำรงโดยตรง”
อินทรสงสัย
“ยังไงครับ”
“เจ๊เฉลาไง ยายเจ๊นี่เกลียดนังฟ้าต่ำอย่างกะกิ้งกือไส้เดือน อาจจะช่วยหาทางให้เราได้”
จ๊ะจ๋าตาโตเห็นดีด้วยกับจี่หอย
“จริงด้วยค่ะ เข้าทางเจ๊เหลา แกเป็นคนยุติธรรมพอสมควร”
มือถือจี่หอยดังขึ้น จี่หอยกดรับสาย
“ว่าไงคะพี่เมธ อะไรนะ ลมชัก กรี๊ด จริงเหรอ ค่ะ ค่ะ พรุ่งนี้หอยจะรีบไปเลย”
จี่หอยกดวางสายแล้วร้องไห้โฮจะขาดใจ อินทร มะปราง จ๊ะจ๋า หน้าตื่นตกใจคิดว่าเกิดเรื่องร้ายแน่ๆ
“พี่หอยเป็นอะไรคะ” มะปรางถามหน้าตื่น
อินทรตกใจ
“ใครตายเหรอครับพี่”
จ๊ะจ๋าแปลกใจ
“น้ำท่วมกรุงเทพรอบสองเหรอคะ”
จี่หอยยิ้มกว้าง
“เปล่า ร้องไห้ดีใจ เจอรุ้งแล้ว”
ทั้งสามเอ๋อกันไป

เมธเลิกสายจากจี่หอย เดินมาสมทบกับทูนอินทร์ที่กำลังเถียงกับส้มป่อยอยู่ ส้มป่อยประสานมือ หน้าเชิ่ดเหมือนนางเอกพูดดราม่าเชิงตัดพ้อ
“หนูโฟนคอลหานายแล้วนะคะ จะเตือนเรื่องนายอิทธิบุกบ้าน แต่นายไม่แม้แต่รับสายส้ม”
ทูนอินทร์ไม่เชื่อ
“อย่ามาโกหกนะยายส้ม โทรหาฉันแล้วทำไมฉันไม่ได้ยิน”
“ตอนนั้นนายคงกำลังวุ่นวายอยู่กับพี่รุ้งละมังคะ เลยไม่สนใจโฟนคอลของส้มแม้แต่นิด”
ส้มป่อยหน้าเชิ่ดหยิ่ง ทูนอินทร์เดินมาข้างหลังแล้วดีดหลังหู
“โอ๊ย! เจ็บ”
“ดี เลิกเล่นละครซักที ทำท่าอย่างกะชมพู่ผสมญาญ่า ไปได้แล้ว ไม่ต้องมาลอยหน้าอยู่แถวนี้”
ส้มป่อยเก๊กสวยใหม่
“นายลองเช็คดูนะคะ สองโมงเช้า ส้มโทรแน่ๆฮึ ไปลอยหน้าในครัวก็ได้ ชมพู่ผสมญาญ่า สวยไม่ได้ครึ่งของส้มหรอก”
ส้มป่อยเดินเชิ่ดไป เมธเดินมาหาทูนอินทร์
“ฉันบอกเจ๊หอยเรื่องรุ้งแล้ว แกจะมาหารุ้งพรุ่งนี้”
“ครับพี่”
“แล้วจะเอายังไงต่อ จะให้รุ้งอยู่ที่นี่ต่อไปงั้นเหรอ”
“ผมไม่ให้รุ้งกลับไปหาเจ้าอิทธิหรอกครับ รุ้งเองก็ตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ที่นี่กับผม”
“อย่าลืมว่าเขายังมีสัญญากับนาย อิทธิอยู่นะ ถ้าไม่กลับไปเคลียร์ เรื่องมันจะ วุ่นวายตามมาทีหลัง”
“ผมจะเคลียร์กับเจ้าอิทธิเอง แต่ตอนนี้ผมอยากให้รุ้งอยู่ที่นี่ไปก่อน”
“ตามใจนาย”
ทูนอินทร์หยิบมือถือขึ้นมาดู
“ขอพิสูจน์ยายส้มเสียหน่อยว่าโกหกรึเปล่า”
เมธงงๆ
“อะไรเหรอ”
“ยายส้มบอกว่าโทรหาผมเมื่อเช้า แต่ผมไม่ได้รับ”
ทูนอินทร์ดูเบอร์ แล้วงงไปเลย
“เอ๊ะ อะไรเนี่ย”
เมธแปลกใจ
“ยายส้มโกหกเหรอ”
“ไม่มีเบอร์ยายส้มครับ แต่ นี่มันเบอร์”
“ใคร”
“เบอร์แม่แสงหล้าครับ”
เมธและทูนอินทร์พากันอึ้งไป

เช้าวันใหม่ จี่หอยนำทีมมาหารุ้งระวี
“ดีใจสุด ๆ นึกว่ารุ้งหนีข้ามประเทศไปแล้ว”
“จะหนีข้ามประเทศไปไหนละเจ๊” หนานแหย่
จี่หอยค้อน
“ข้ามโขงไปมั้ง ไม่ต้องมาพูดดีเลยนะ พี่นั่นแหละตัวการลักพาตัวรุ้ง”
“เราถูกบังคับนะเจ๊ ถ้าเราไม่ทำเราก็โดนเตะ” คูนบอกเสียงอ่อย
จี่หอยค้อนอีกขวับ
“กลัวโดนเตะ แต่ยอมติดตาราง คิดได้นะ”
เมธหันไปถามรุ้งระวี
“แล้วจากนี้ รุ้งจะทำยังไง”
รุ้งระวีแค้นๆ
“นาย อิทธิทำกับรุ้งไว้เจ็บแสบมาก งานนี้รุ้งต้องเอาคืนทุกเม็ด รุ้งจะเลิกสัญญาแล้วกลับมาอยู่ในสังกัดรุ้งกินน้ำทันทีค่ะ”
จี่หอยรีบบอก
“งั้นพี่ตามมาด้วยนะ ไม่อยากทำงานให้คนโกงอีกแล้ว”
“ปรางมาด้วยค่ะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”
อินทรยิ้มรับหวานเยิ้ม
“ยินดีต้อนรับครับปราง”
หนานส่งเสียงแซว
“แหม ชวนมะปรางคนเดียวเลยนะ พี่ทร”
คูนยิ้มๆแล้วพูดแหย่
“สงสัยไม่ได้เชิญมาร่วมค่ายอย่างเดียวแล้วละ อย่างนี้ต้องเชิญมาร่วมหัวใจเดียวกันด้วย”
มะปรางกับอินทรอายม้วน เมธยิ้มกว้างอย่างยินดี
“เอาเป็นว่ารุ้งกินน้ำ คือบ้านของพวกเรา บ้านนี้ยินดีต้อนรับทุกคนครับ”
ทุกคนเฮ แล้วรุ้ก็นึกขึ้นได้
“เอ แล้วตอนนี้คุณทูนอยู่ที่ไหนคะ”
อินทรยิ้มๆ
“เห็นว่ากำลังท่องสุนทรพจน์อยู่ครับ”
เมธ หนาน คูนยิ้มให้กันแต่รุ้งระวี จี่หอย มะปรางไม่เข้าใจ

ทูนอินทร์นั่งอยู่ลำพัง รุ้งระวีเดินมาข้างหลัง โดยที่เขาไม่ทันสังเกตกำลังฝึกคำพูดทำเสียงพระเอก
“รุ้งครับ เพื่อเป็นการไถ่โทษความผิดทั้งหมดของผม ผมขอประกาศให้ทุกคนรู้ร่วมกันว่า ผมรักรุ้ง และไม่มีวันรักใครอื่น นอกจากรุ้งคนเดียว และนี่คือสิ่งยืนยันความรักของผม”
ทูนอินทร์หยิบกล่องแหวนออกมาเปิดออกแล้วคุกเข่าลง ยื่นกล่องแหวนออกไป รุ้งระวีมองอย่างงง ๆเพราะเขาเล่นเองเออเอง
“ตอนนี้ทุกคนก็จะฮือฮา ปรบมือ ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว รุ้งครับแต่งงานกับผมนะครับ แล้วรุ้งก็หยิบแหวนออกมา เราก็จะ” ทูนอินทร์ลุกขึ้น “สวมแหวนให้รุ้ง” เขาทำท่าสวม “ทุกคนก็จะเชียร์ให้เราจูบรุ้งเราก็จะเขินหน่อยๆ รุ้งจะเอียงอาย แต่แล้วเราก็จะ”
ทูนอินทร์ทำท่ารวบร่างรุ้งระวีมากอดจูบ โดยใช้มือโอบร่างตัวเองเล่นคนเดียวจนรุ้งระวีทนไม่ไหวหัวเราะออกมา เขาสะดุ้งหันมามอง
“รุ้ง”
“เล่นคนเดียวก็ได้นะคะ”
ทูนอินทร์รีบเก็บกล่องแหวนไว้ข้างหลัง
“ไม่ต้องซ่อนค่ะ เอาออกมาเถอะ”
“โธ่ ผมกะว่าจะเซอร์ไพรส์คุณตอนมื้อเที่ยงวันนี้ ต่อหน้าทุกคน”
“ไม่ดีหรอกค่ะ ฉันว่าสวมแหวนให้กันน่ะ ต้องสองต่อสองเท่านั้น”
“จริงเหรอครับ”
รุ้งระวีเดินมาหา
“พร้อมแล้วค่ะ”
“ตรงนี้เลยเหรอครับ”
“เพิงแสงจันทร์คือที่ๆทำให้เรารักกันไม่ใช่เหรอคะ”
“ใช่ครับ แต่ผมไม่นึกว่ารุ้งจะให้เกียรติเพิงกระจอกๆ ของผมขนาดนี้”
“ที่ๆทำให้เรารักกันย่อมมีเกียรติเสมอ และเพิงแสงจันทร์ในวันนี้ไม่เคยงดงามเท่านี้มาก่อนเลย”
ทูนอินทร์ยิ้มปลื้ม ดึงแหวนออกมาจากกล่อง จับนิ้วงามของรุ้งระวีขึ้นมาแล้วบรรจงสวมแหวนให้อย่างทะนุถนอม
“แหวนวงนี้เป็นพยานยืนยันว่าเราจะรักกันตลอดไปนะรุ้ง”
“ค่ะ”
“ดีใจเหลือเกินที่ได้ต้อนรับรุ้งกลับบ้านอีกครั้ง”
ทุนอินทร์ดึงรุ้งระวีมากอด กลางขุนเขาสวยงามตรงหน้า

เย็นนั้น ทูนอินทร์ขวนทุกคนมากินเลี้ยง ที่ระเบียงบ้าน เบื้องหน้าเป็นทิวเขาสวยงาม เมธเล่นกีตาร์เพลงโปรดทุกคนร้องตาม จี่หอย อินทร หนาน คูนลุกขึ้นมาเต้นตามจังหวะเป็นที่ครึกครื้น ส้มป่อยและป้าแป๋วยกอาหารเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ ส้มป่อยกระโดดเข้ามาร่วมเต้นด้วย จี่หอยนึกได้ยกมือให้หยุดเต้น
“เดี๋ยวค่ะ ว่าที่บ่าวสาวยังไม่ได้เล่าเลยว่าไปแอบสวม ให้กันตั้งแต่เมื่อไหร่”
คูนมองยิ้มๆ
“สวมอะไรเจ๊หอย เขาเหรอ”
จี่หอยค้อน
“เขาควายน่ะมันพี่หนาน หอยหมายถึงสวมแหวนค่ะ”
ทูนอินทร์ยิ้มแย้มบอก
“สวมให้เมื่อช่วงบ่ายนี่แหละครับ แต่ตอนนี้เย็นแล้วยังไม่ถอด แสดงว่ารับรักจริงๆ”
ทุกคนกิ๊วก๊าว อินทรหันไปแหย่รุ้งระวี
“พี่รุ้งพูดบ้างครับ”
“พูดได้แต่ว่า เป็นการลักพาตัวที่โรแมนติคที่สุดเลยค่ะ”
ทุกคนกิ๊วก๊าวอีก รุ้งระวีสบตาทูนอินทร์
“แหม นึกว่าจะทรมานอะไรมากมาย ประเภทล่ามโซ่ หรือใช้แส้โบย ที่ไหนได้ ให้อดอาหารแค่มื้อเดียว จากนั้นก็เลี้ยงดูอย่างนี้”
จี่หอยยังสงสัยไม่เลิก
“เดี๋ยว...เดี๋ยว แล้วตอนที่คืนดีน่ะ คืนดีกันยังไง”
มะปรางก็สงสัย
“ใช่ค่ะ ปรับความเข้าใจกันยังไงคะ”
ทูนอินทร์และรุ้งระวีเกิดอาการเขิน แสงหล้าแอบดูอยู่ที่นอกเฉลียงบ้านยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ทูนอินทร์เขินหน้าแดง
“ก็ ไม่รู้เหมือนกัน แต่เปิดให้รุ้งเขาดูนิดเดียว เขาก็เข้าใจผมได้อย่างทะลุปรุโปร่ง”
ทั้งหมดหน้าตื่นร้องเอะอะ จี่หอยอยากรู้มาก
“ดูอะไรคะ”
หนานสงสัย
“เปิดอะไร”
คูนมองหน้าเจ้านายอยากรู้มาก
“เห็นอะไรกันเหรอ”
ทูนอินทร์ส่ายหน้าเซ็งๆ
“ม่ายช่าย เปิดไอแพ็ดให้เขาดูเนื้อเพลงต้มยำลำซิ่งน่ะ”
ทุกคนร้องออกมาพร้อมกัน
“อ๋อ”
รุ้งระวีพยักหน้ารับ
“ค่ะ เพลง ต้มยำลำซิ่ง นี่แหละ ที่ทำให้รุ้งรู้ว่าคุณทูนตั้งใจจะให้รุ้งร้องเพลงนี้ มากแค่ไหน เราเข้าใจกันได้ก็เพราะเพลงนี้ละค่ะ”
เมธยิ้มให้ทูนอินทร์
“สมเป็นนักแต่งเพลงมือหนึ่ง ใช้เพลงคืนดีกับคนรักได้”
รุ้งระวีจ้องตาเขา
“เพราะฉะนั้น คุณจะต้องทำตามที่คุณตั้งใจไว้”
ทูนอินทร์จ้องตอบ
“อะไรเหรอครับ”
“สอนรุ้งร้องเพลงนี้คู่กับคุณ และเราจะทำให้เพลงนี้เป็นเพลงฮิตเพลงแรกของค่าย รุ้งกินน้ำ ของเราค่ะ”
ทูนอินทร์ยิ้มดีใจ
“จะสอนให้สุดฝีมือเลย”
ทุกคนเฮลั่น อินทรชูแก้ว
“งั้น ชนแก้วกันหน่อยครับ”
ทุกคนชนแก้ว เมธเกากีตาร์ ร้องเพลงคึกคัก ทุกคนออกมาแดนซ์กระจายกันอีกหน ส้มป่อยกินกับแกล้มและเต้นไปด้วยเหลือบมองมานอกห้องเห็นแสงหล้าแอบอยู่ ส้มป่อยแยกตัวมาหา
“ป้าแสง มาหลบอยู่ทำไม ไปฉลองกันเร็ว”
“ไม่เอาละ ป้าอยู่ตรงนี้ดีแล้ว นี่ส้ม คุณทูนเขาให้แหวนรุ้งจริงๆนะ”
“ก็จริงน่ะซีคะ เขาหมั้นหมายกันแล้ว จะไปดูฤกษ์ดูยามกันพรุ่งนี้แล้วด้วย”
แสงหล้าถอนใจอย่างโล่งใจ
“เฮ้อ รุ้งของป้า ในที่สุดก็มีความสุขกับคนรักเสียที”
“ป้า ออกไปเร็ว พี่รุ้งเขาอยากเจอ”
“ไม่กล้าหรอกส้ม เราไปสนุกเถอะ เดี๋ยวป้าไปทำยำเพิ่ม”
“ป้าน่ะ ไม่เข้าใจเลยจริงๆงั้นไปละ”
ส้มป่อยแยกไป แสงหล้ายังแอบดูรุ้งระวีที่กำลังสนุกสนานอยู่กับทูนอินทร์และทุกคน เธอยิ้มละไมแล้วค่อยๆสลดลง
“รุ้ง ถ้ารุ้งมีความสุขแล้ว ก็คงหมดภาระของแม่แล้วละ แม่ก็คงไปตามทางของแม่”
แสงหล้าหน้าเศร้า ก่อนจะลงเรือนไป
วันรุ่งขึ้น ทั้งสามอยู่ในห้องอัดเสียง รุ้งระวียืนอยู่กับแสตนด์วางโน้ตเพลงกำลังวอร์มเสียงด้วยการร้องตามเสียงอิเล็คโทนที่พี่เมธเล่นอยู่ สักครู่ทูนอินทร์ลุกจากหน้าคอมพิวเตอร์เดินมาคุยกับรุ้งระวี
“ผมกับพี่เมธปรึกษากันแล้ว เมื่อรุ้งมาเปิดตัวค่ายเพลงของเรา เราไม่อยากให้รุ้งเป็นแค่นักร้องแอลเอที่รักในเพลงลูกทุ่งไทย แต่เราอยากสร้างรุ้งให้เป็นนักร้องลูกทุ่งที่อนุรักษ์เพลงไทยด้วย”
“ยังไงคะ”
“เพลงในอัลบั้มใหม่ รุ้งและผมอาจจะร้องลูกทุ่งในแบบฉบับของครูเพลงดังๆเช่นครูไพบูลย์ ครูแก้ว ที่เป็นบรมครู สร้างวัฒนธรรมเพลงลูกทุ่งเป็นมรดกตกทอดมาถึงพวกเราทุกวันนี้”
เมธเดินเข้ามา
“ใช่ สมัยนี้เพลงลูกทุ่งกลายพันธุ์ไปเสียเยอะ เพราะถูกฝรั่ง เกาหลีเข้ามาปนเปื้อนไปหมด พี่ก็เลยอยากทำเพลงแนวอนุรักษ์ให้รุ้งได้ร้องสักชุดนึง”
รุ้งระวียิ้มยินดี
“ดีใจมากค่ะ ขอบคุณค่ะพี่เมธที่ให้โอกาส แต่ คงยากแน่ๆเลย”
ทูนอินทร์ยิ้มให้กำลังใจ
“ไม่ยากหรอกครับ สำหรับความสามารถของรุ้ง”
“แล้วรุ้งจะเริ่มจากอะไรก่อนดีละคะ”
“ต้องฟังให้คุ้นหูก่อน แล้วก็จะรู้ท่วงทำนองลักษณะการเอื้อน การทอดเสียงต่างๆ” เมธแนะ
“ค่ะ”
รุ้งระวีตื่นเต้นยินดี หันไปยิ้มกับทูนอินทร์

เมธ ทูนอินทร์และรุ้งระวีนั่งกันอยู่ที่เพิงแสงจันทร์
“เสน่ห์ของเพลงลูกทุ่ง นอกจากความงามของเนื้อร้องและทำนอง มันคือการเอื้อน”
เมธร้องนำเป็นตัวอย่าง รุ้งระวีร้องตาม ทูนอินทร์นั่งฟังอย่างชื่นชม รุ้งระวีฝึกการร้องโดยใช้ลูกคอ เมธร้องไกด์ให้ฟัง รุ้งระวีร้องตาม เมธฟังอย่างพอใจ
“นั่นแหละ ดีมาก นี่คือสิ่งที่รุ้งยังขาดอยู่ เพราะรุ้งร้องจากการเลียนแบบนักร้องรุ่นพี่ เรายังไม่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง นี่แหละที่รุ้งจะต้องหาต้นแบบของเราให้เจอ”
รุ้งระวียิ้มรับ
“ค่ะ แต่มันยากนะคะ”
“นายทูนคงช่วยรุ้งได้”
ทูนอินทร์ยิ้มให้กำลังใจรุ้งระวี

ขณะที่หม้อต้มยำกำลังเดือดปุดๆ ทูนอินทร์ใส่เนื้อปลาลงไป รุ้งระวีใส่ผัก ทูนอินทร์เริ่มร้องเพลง
“เด้อ นางเด้อ เด้อ นางเด้อ”
รุ้งระวีร้องรับ
“เด้อ อ้ายเดอ เด้อ อายเดอ”
ทูนอินทร์ตักต้มยำให้รุ้งระวีชิม เธอตักให้เขาชิมบ้าง แล้วร้องเพลงกันต่อ
“เศร้าทำไม ม่วนใจงามๆ”
“ปรุงรสชาติชีวิต ให้แซ่บจี๊ดๆ ในทุกยาม แซ่บคือกินต้มยำ”
“อ่ะม่วนคือฟังลำซิ่ง”
ทั้งสองร้องเพลงด้วยกันอย่างสนุกสนาน

ฟ้าใสทานอาหารกับจ๊ะจ๋าในร้านอาหารหรู ค่อนข้างเงียบไม่มีผู้คน จ๊ะจ๋าสีหน้าสลด
“นี่ ออกมากินข้าวกับฉันทำหน้าให้มันดีหน่อย ฝืนใจนักรึไง”
จ๊ะจ๋าฝืนยิ้ม
“เปล่าค่ะ”
ฟ้าใสมองออกไปนอกร้าน
“นังจ๋า ดูนั่น”
จ๊ะจ๋ามองตามไปเห็นเฉลากำลังอุ้มหมาเดินผ่านหน้าร้านไป...
เฉลาอุ้มหมาบาบาร่าเดินมาหน้าร้านทำผม มือหนึ่งถือกรงกระเป๋ามาด้วย เปิ้ลซึ่งเป็นพนักงานของร้านรีบออกมาต้อนรับ ฟ้าใสใส่แว่นอำพรางหน้าออกมาดูพร้อมจ๊ะจ๋า
“สวัสดีค่ะ คุณเฉลา พาน้องบาบาร่ามาด้วย น่ารักจัง” เปิ้ลไหว้เฉลาอย่างนอบน้อม
“นี่ พาเข้าไปในร้านไม่ได้เหรอ”
“ต้องขอนะคะคุณพี่ เพราะวันนี้แขกเต็มร้านเลย บางคนแพ้ขนสุนัขค่ะ อีกอย่างถ้าเกิดเห่าขึ้นมา ลูกค้าจะบ่นหนูแย่เลยนะคะ”
“ก็ได้ งั้นก็ใส่กระเป๋าไว้หน้าร้านนี่ก่อน แต่เธอต้องดูแลอย่างดีนะ”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ”
เฉลาเข้าร้านไป เปิ้ลรับน้องหมามา แล้วใส่กระเป๋าไว้ก่อนจะบ่นอุบ
“เฮ้อ ปรนนิบัติไฮซ้อไม่พอ ต้องมาดูแลหมาไฮซิ้มอีก เบื่อ อย่าร้องนะมึงนังบาบาร่า ร้องฉันจะบีบปากแกจริงๆ”
หมาหน้ามึนๆ เปิ้ลเข้าร้านไป ฟ้าใสมองน้องหมาอย่างชิงชัง
“อ้อ พานังหมา ลูกมันมาเที่ยว”
“เถ้าเกเนี้ยแกรักน้องหมานี่คะ”
“รักเริกอะไรกัน กลุ่มไฮซ้อของนังนี่มันเลี้ยงหมาแพงๆ ไว้ประดับบารมีแข่งกัน ไม่เห็นเหรอ งานวันประกวดหมาไฮโซน่ะ มันเอาเพชรไปใส่ให้ลูกมันกันทุกคน คนยังไม่มีจะกิน แต่ให้หมากินดีอยู่ดีกว่าคนเสียอีก”
“คนเขารักสัตว์นี่คะ คนไม่รักสัตว์คงไม่เข้าใจหรอก ยิ่งไม่รักแม้แต่เพื่อนมนุษย์ด้วยกันยิ่งไม่เข้าใจใหญ่”
ฟ้าใสหันขวับมามองหน้าจ๊ะจ๋า
“แกว่าใคร”
“เปล่าค่ะ”
“เดี๋ยวนี้ปากดี ไม่ต้องไปเข้าข้างมันนะ งานนี้แกต้องช่วยฉัน”
“พี่ฟ้าจะทำอะไร”
“แก้แค้นนังแก่ไง มันเคยแย่งเพชรฉันไปใส่ให้ลูกมัน งานนี้ฉันจะทำให้นังแก่มันช็อคไปเลย”
ฟ้าใสยิ้มหยัน จ๊ะจ๋าหวาดหวั่น

จี่หอยและมะปรางกำลังคุยกันอยู่ อินทรนั่งครุ่นคิดอยู่มุมหนึ่ง
“เรื่องรุ้งอยู่ที่บ้านอินสรวง อย่าเพิ่งบอกใครนะปราง เดี๋ยวรู้ถึงคุณอิทธิ รุ้งจะลำบาก ตอนนี้ทำไม่รู้ไม่เห็นไปก่อน” จี่หอยกำชับ
“ค่ะ”
อินทรตัดสินใจเดินมาหาจี่หอย ท่าทางเป็นทางการ
“พี่หอยครับ ผมมีเรื่องสำคัญจะปรึกษาพี่หอย”
“ว่ามาซีฮะ”
“ในฐานะที่พี่หอยเป็นผู้ใหญ่ และเป็นผู้ปกครองที่ผมนับถือ ผมขอ”
“ขออะไร”
อินทรเขิน
“ขอความรักครับ”
ของในมือจี่หอยร่วงไปทันที มะปรางอึ้งไป
“ขอความรักจากพี่” จี่หอยถามย้ำ
“ใช่ครับ อนุญาตผมนะครับพี่”
“ละ แล้วนึกยังไง มาขอความรักเอาตอนนี้”
“มันถึงเวลาแล้ว เพราะความรักมันสุกงอมเต็มที”
“เหมือนมวลน้ำก้อนใหญ่กำลังปะทะบิ๊คแบ็คเลยใช่ไหม”
“ใช่ครับ”
“บิ๊คแบ็คกำลังจะทะลายเต็มที ทั้งๆที่มีเสียงแว่วว่า เอาอยู่ เอาอยู่”
“เอาไม่อยู่แล้วครับ”
“งั้นขึ้นชั้นบนเลย ตรงไหนก็ได้ ริมระเบียงก็ดีนะ”
จี่หอยคว้ามืออินทรจะพาขึ้นชั้นบน อินทรรั้งไว้
“เดี๋ยวครับพี่ ขึ้นข้างบนทำไม”
“อ้าว ไปช่วยกันทะลายบิ๊คแบ็คของพี่ไง”
อินทรถอนใจ
“เข้าใจผิดแล้วครับ”
“เอ๊ะ ยังไง ก็ขอความรักจากพี่ไม่ใช่เหรอ”
“ขอความรักจากมะปราง จากพี่ต่างหากล่ะครับ”
มะปรางโล่งอก จี่หอยหน้าเหวอ
“คุณทร แล้วทำไมไม่พูดให้จบความ พี่หอยนึกว่า ”
“นั่นซีคะ ปรางก็นึกว่าคุณทรเปลี่ยนรสนิยม”
อินทรเขินเกาหัวแกรก
“มันตื่นเต้นน่ะครับ นะครับ ผมขอแต่งงานกับ มะปรางครับ”
มะปรางตะลึง
“คุณทร”
“ถ้าปรางไม่รังเกียจผู้ชายที่ไม่มีอะไรอย่างผม”
มะปรางก้มหน้าอาย จี่หอยมองๆ
“ยายปรางว่าไง”
มะปรางหันไปถามจี่หอยอย่างเขินๆ
“พี่หอยเห็นชอบด้วยรึเปล่าคะ”
“คิดก่อน รวย หล่อ ล่ำ ร้องเพลงเพราะ ไม่เจ้าชู้ เอาเถอะปราง ชาตินี้แกคงหา แบบนี้ไม่ได้แล้วละ”
มะปรางหันมายิ้มเขิน
“งั้นก็ ตกลงค่ะคุณทร”
“ดีใจจังเลย”
อินทรเข้ากอดมะปราง จี่หอยกระแอมเตือน
“อะแฮ่ม”
อินทรปล่อยร่างมะปราง
“ขอบคุณครับพี่หอย”
อินทรเข้ากอด จี่หอยทำเคลิ้ม
“จูบแก้ม จูบ”
อินทรหอมแก้ม จี่หอยตาปรือครางกระเส่า เสียงมือถืออินทรดังขึ้น เขารีบปล่อยร่างจี่หอยแล้วกดรับสาย จี่หอยเสียดาย
“ว่าไงครับ จ๋า”
จ๊ะจ๋ายืนอยู่กับกลุ่มวินมอเตอร์ไซค์ กำลังระล่ำระลักพูดสาย
“คุณทรคะ พี่ฟ้าทำเรื่องอีกแล้ว”
“เรื่องอะไร”
“พี่ฟ้าจะแก้แค้นเจ๊เฉลา แล้วให้ฉันเป็นคนจัดการด้วยค่ะ”
“จ๋าอยู่ที่ไหน”
“ฉันอยู่พุทธมณฑลนี่เอง ที่เดอะไซเคิล”
“ไม่ไกล งั้นผมไปหาเดี๋ยวนี้”
“ขอบคุณค่ะ”
จ๊ะจ๋าเลิกสาย หันไปทางกลุ่มวิน
“เอาไงน้อง จะให้จัดการหมาจริงๆเหรอ”
จ๊ะจ๋ายิ้มแหยๆ
“ค่ะ แต่พี่คะ อย่าให้น้องหมาเป็นอะไรนะคะ”
“ไม่ต้องห่วง” กลุ่มวินยืนยัน

เฉลานั่งทำผมอยู่ในร้าน คุยกับช่างอยู่ ไม่ได้มองออกมา วินมอเตอร์ไซค์ที่เปลี่ยนชุดแล้ว ใส่แว่นดำเดินเข้ามาที่กรงหมา ดูลาดเลาในร้าน ไม่เห็นใครมองมาก็เปิดกรง อุ้มหมาออกมาแล้วรีบเผ่นไป เปิ้ลเดินออกมา นอกร้านพอดีจะเอาขนมให้หมาเห็นกรงเปิดอยู่ก็ตกใจ
“ว้าย นังบาบาร่า แกหายไปไหนแล้ว ว้ายตายแล้ว”
เปิ้ลรีบกลับเข้าร้าน
“คุณพี่คะ”
“มีอะไร”
“น้องบาร์บ หลุดออกจากกรงค่ะ”
“อะไรนะ” เฉลาตกใจรีบออกมาหน้าร้าน “น้องบาร์บ ลูกฉัน ลูกฉันไปไหน ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าให้ดูให้ดี”
“ขอโทษค่ะ”
เฉลารีบวิ่งหา ทั้งๆ ที่ผมยังมีกิ๊ปเต็มหัว เปิ้ลวิ่งตาม
น้องหมาวิ่งหน้าตื่นอยู่ที่ลานจอดรถ รถบางคันกำลังแล่นเข้าออก บีบแตรกันสนั่นเมื่อเห็นหมา ฟ้าใสนั่งหน้าเหี้ยมอยู่ในรถ จ๊ะจ๋านั่งอยู่ข้างๆ มองเห็นน้องหมากำลังวิ่งอยู่กลางถนน ฟ้าใสยิ้มอย่างพึงใจ จ๊ะจ๋ามองฟ้าใสอย่างกลัวๆในสิ่งที่จะเกิดตามมา
เฉลาวิ่งหาตามร้าน เปิ้ลตามมา
“ลูกฉัน บาร์บ หนูไหนลูก บาร์บ”
เปิ้ลช่วยหา
“น้องบาร์บขา อยู่ไหนคะ”
“ถ้าลูกฉันเป็นอะไร ฉันเล่นงานเธอจริงๆนะ”
เสียงรถบีบแตรกันสนั่นดังมาจากลานจอด เปิ้ลตกใจ
“อุ๊ย สงสัยจะอยู่ที่ลานจอดรถค่ะ”
“ว้าย! รถ”
เฉลากรีดร้องลั่น วิ่งไปที่ลานจอดรถทันที น้องหมาวิ่งหน้าตื่นมากลางลาน รถแล่นอ้อมกันไป ฟ้าใสและจ๊ะจ๋ามองมาที่น้องหมา
“นังแก่ แกเตรียมรับวิญญาณลูกแกไปได้เลย”
ฟ้าใสทะยานขับรถออกไปอย่างเร็ว พุ่งตรงไปที่น้องหมา จ๊ะจ๋าตกใจ
“พี่ฟ้าอย่า”
รถจะเข้าทับน้องหมา จ๊ะจ๋าดันพวงมาลัยจนรถแฉลบเบี่ยงไป ฟ้าใสโมโห
“นังจ๋า แกทำอะไร”
“พี่จะฆ่าน้องหมาไม่ได้ค่ะ”
จ๊ะจ๋าพูดได้เท่านั้นก็วิ่งลงจากรถ น้องหมาวิ่งกระเจิงไปหลบอยู่มุมหนึ่ง จ๊ะจ๋าวิ่งตามไปอุ้มน้องหมามา ฟ้าใสแล่นตรงเข้ามาทำท่าจะชน จ๊ะจ๋ากรีดร้องลั่น แล้วหลบวูบล้มไปกับพื้นทั้งหมาทั้งคน ฟ้าใสแล่นรถทะยานไป
เฉลาและเปิ้ลวิ่งมาที่ลานจอดรถ จังหวะที่ฟ้าใสแล่นผ่านมา เกือบเฉี่ยวเข้ากับร่างของเฉลา เปิ้ลและเฉลากรีดร้องเซล้มกันไป ฟ้าใสแสยะยิ้ม เปิ้ลโกรธมากโวยวายลั่น
“ต๊าย ขับรถประสาอะไรเนี่ย”
เปิ้ลประคองเฉลาลุกขึ้น เฉลายังมองตามรถนั้นอย่างคุ้น
“คุณพี่เป็นอะไรรึเปล่าคะ”
“ไม่เป็นไร นั่นมันรถนัง...”
“รถใครคะ”
ทันใดนั้นเสียงน้องหมาเห่าอยู่ไม่ไกล หันขวับไปตามเสียง
“ลูกแม่”
ทั้งสองวิ่งเข้าไปที่ลานจอดเห็นจ๊ะจ๋ากอดน้องหมาตัวสั่นเทาอยู่ ทั้งสองมาจากด้านหลังน้องหมาเห่าตลอด จ๊ะจ๋าพยามปลอบ
“ไม่ต้องกลัวแล้วนะ ไม่เป็นไรแล้ว”
เฉลาเข้ามา
“น้องบาร์บ เธอ นั่นหมาฉันรึเปล่า”
จ๊ะจ๋าหันไป
“อ้าว ยายจ๋า”
เฉลารับน้องหมามากอดไว้
“ลูกแม่เป็นยังไงบ้างลูก หลุดออกมาจากกรงได้ยังไงเนี่ย”
เฉลาเอะใจ มองจ๊ะจ๋านิ่ง จ๊ะจ๋าหน้าซีดไม่กล้าสบสายตา
“แล้วเธอมาทำอะไรที่นี่”
“คือ”
เฉลาเสียงเครียด
“เธอทำอะไรลูกฉัน เธอเป็นคนปล่อยออกมาจากกรงใช่ไหม”
จ๊ะจ๋าพูดไม่ออก เฉลาส่งหมาไปให้เปิ้ลอุ้ม จับไหล่ของจ๊ะจ๋าเขย่าอย่างแรง
“พูดมา เมื่อกี้ฉันเห็นรถของนังฟ้าใส แกร่วมมือกับมันทำร้ายลูกฉันใช่ไหม”
“หนูเปล่าค่ะ”
“อย่ามาโกหก สารภาพมาซะดีๆ”
จ๊ะจ๋าร้องไห้โฮ
“ไม่ต้องมาร้อง พูดมา ฉันบอกให้พูดไง”
ขณะเดียวกันนั้น รถของอินทรแล่นมาจอด อินทรและมะปรางรีบลงจากรถเข้ามาสมทบ
“เรื่องอะไรกันครับ จำเป็นยังไง”
เฉลามองหน้าอินทรอย่างไม่พอใจ มะปรางดึงจ๊ะจ๋าที่ร้องไห้สะอึกสะอื้น ไปกอดไว้ เฉลามองหน้าอินทรอย่างไม่พอใจ
“นายเป็นใคร อย่ามายุ่งได้ไหม นี่เรื่องของฉันกับนังจ๋า”
“จ๋าเป็นเพื่อนผม ยังไงก็ต้องยุ่งครับ”
“ยายนี่ร่วมมือกับนังฟ้าใส จะฆ่าหมาฉัน”
“จ๋าถูกยายฟ้าใสบังคับครับ”
มะปรางรีบช่วยยืนยันอีกคน
“ค่ะ จ๋าโทรมาหาเราเมื่อกี้บอกว่าถูกบังคับจริงๆ”
เฉลามองหนุ่มสาวทั้งสามอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง อินทรหันไปมองหน้าจ๊ะจ๋า
“จ๋า ถึงเวลาแล้วที่เธอต้องพูดความจริงทุกอย่าง”
เฉลาแปลกใจ
“ความจริงอะไร”
“เรื่องนี้ต้องคุยกันยาวครับ ผมมีเรื่องจะขอร้องเจ๊ด้วย”
เฉลามองทั้งสามอย่างไม่วางใจนัก

รุ้งระวีและทูนอินทร์นั่งกินของว่างอยู่ด้วยกัน รุ้งระวีอ่านหนังสือพิมพ์ที่ยังลงข่าวเรื่องของตน
“นี่ค่ะ เล่มนี้บอกว่ารุ้งระวียังหายตัวลึกลับ ลือหึ่งว่าแอบไปเมืองนอก เพื่อทำแท้ง ใครนะที่ให้ข่าว”
“แล้วจะแก้ข่าวไหมครับ หรือจะเลยตามเลย”
“เอาไงดีละคะ ตอนนี้คุณเป็นเหมือนผู้จัดการส่วนตัวของฉันแล้วนี่”
“เป็นผม จะเลยตามเลย แล้วจะออกมายอมรับหลังจากนี้สักครึ่งปี”
“ยอมรับว่าอะไรคะ”
“ยอมรับว่าท้องจริงน่ะซีครับ กับนายทูนคนนี้”
“บ้า คุณนี่”
รุ้งระวีทุบไหล่ทูนอินทร์ ทั้งสองหัวเราะกันอย่างรักใคร่ แสงหล้าแอบดูอย่างปลื้มใจ
“วันนี้แม่จะทำอาหารให้ลูกทานเป็นมื้อสุดท้ายแล้ว”
แสงหล้าหลบไป

ทั้งหมดเข้ามานั่งคุยกันในร้านอาหาร อินทร มะปราง จ๊ะจ๋า นั่งอยู่ตรงหน้าเฉลาที่หน้าเครียดอุ้มน้องหมาอยู่
“อะไรนะ นังฟ้าใสนอนกับนายอิทธิ เพื่อหวังจะย้ายค่าย”
จ๊ะจ๋าพยักหน้า
“ค่ะ”
เฉลาเหล่มอง
“แน่ใจนะที่เล่ามาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง”
“จริงทุกอย่างค่ะ จ๋าเห็นกับตาตัวเอง”
เฉลาหันไปถามอินทร
“แล้วที่ว่ามีเรื่องจะขอร้องฉัน เรื่องอะไร”
“ผมจะขอให้เจ๊ช่วยพูดกับเสี่ยดำรง ผมจะขอตัวจ๋ามาอยู่สังกัดค่ายเพลงของผม”
เฉลาครุ่นคิด

รุ้งระวีออกมาเดินเล่นที่เฉลียงบ้านกับทูนอินทร์
“ทูนคะ เราจะจัดการเรื่องนาย อิทธิยังไงดี ฉันยังมีสัญญาทาสอยู่”
“ทนายผมกำลังหาทางอยู่ ผมจะเล่นงานมันทั้งเรื่องลิขสิทธิ์เพลงที่ถูกขโมย ทั้งเรื่องที่มันหลอกลวงคุณทั้งหมด”
รุ้งระวีวิตกกังวล
“เราต้องไม่แพ้นะคะทูน”
ทูนอินทร์ดึงมากอด
“รับรองครับ”
ทันใดนั้นมีเสียงเพลงแว่วมาจากในครัว รุ้งระวีแปลกใจ
“ใครร้องเพลงคะ”
“ท่าจะป้าแสงน่ะครับ บอกแล้วว่าแกเป็นนักร้องเก่า”
“ทำไมเสียงคุ้นหูจัง เหมือน...”
“เหมือนใครครับ”
“เดี๋ยวนะคะ”
รุ้งระวีนิ่งฟังแล้วอุทานออกมาเบาๆ
“แม่”
รุ้งระวีผละไปทันที ทูนอินทร์มองตามก่อนจะตามไป
แสงหล้ากำลังทำครัวอยู่ ฮัมเพลงของรุ้งระวีเบาๆ รุ้งระวีเข้ามามองอย่างคุ้นในน้ำเสียงโดยที่แสงหล้ายังไม่รู้ตัว รุ้งระวีก้าวเข้ามาในห้องครัว
“ป้าแสงคะ”
แสงหล้าชะงักตะลึงนิ่งไปไม่กล้าหันไปมอง รุ้งระวีพยายามมองแต่เห็นแค่เสี้ยวหน้า
“ร้องเพลงเพราะจัง เพลงอะไรคะ”
ทูนอินทร์เดินข้ามโถงมาหน้าห้องครัว
“รุ้งมีอะไรเหรอ”
รุ้งระวีหันไปมองเดินพ้นประตูครัวมาหาเขาจังหวะนี้ แสงหล้ารีบหลบออกจากครัวไปทันที รุ้งระวีกระซิบบอก
“ทูนคะ เสียงป้าคนนี้เหมือน”
“เหมือนใครครับ”
“เหมือนแม่มากเลย ตอนที่แม่ร้องเพลงกล่อมลูกให้ฉันฟังทางมือถือ คือเสียงนี้แหละ”
ทั้งสองรีบกลับเข้าไปในห้องครัวทันที แต่แสงหล้าอันตรธานไปเสียแล้ว
แสงหล้ารีบหลบออกมาที่สวนหลังบ้าน แล้วแอบอยู่หลังพุ่มไม้ ทูนอินทร์และรุ้งระวีตามออกมา
“ป้าแสงครับ ป้าแสง เอ ไปไหนแล้ว”
“ทำไมต้องหลบหน้าฉันด้วยละคะ”
“แสดงว่ารุ้งยังไม่เคยเจอหน้าป้าแสงเลยเหรอครับ”
“ไม่เคยเลยค่ะ”
“เอ ผมเข้าใจว่าเคยเจอกันแล้วเสียอีก”
“เป็นไปได้ไหมว่าป้าแสง คือแม่แสงหล้า”
“รุ้ง เป็นไปไม่ได้หรอกครับ แม่แสงหล้าจะกล้าเข้ามาอยู่ในบ้านผมได้ยังไง”
“แต่เสียงคล้ายเหลือเกิน”
“เสียงอาจจะคล้ายกันก็ได้นี่ครับ”
“นั่นซี”
“ขึ้นบ้านเถอะ”
ทูนอินทร์โอบขึ้นบ้านไป รุ้งระวียังอ้อยอิ่งอยู่ที่ระเบียง แสงหล้าหลบอยู่หลังพุ่มไม้ น้ำตารื้นมองลูกสาวที่ระเบียง
“งั้นอยู่ใกล้ลูกเกินไปแล้ว ถ้าไอ้คำรณมันรู้เข้า มันต้องทำร้ายลูกแน่ๆ แม่อยู่กับลูกไม่ได้แล้วละ แม่ลานะรุ้งระวี ขอให้มีความสุข แล้วเราคงได้พบกันอีก”







Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2555 9:32:43 น.
Counter : 276 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]