All Blog
แหม่มแก้มแดง ตอนที่ 9 (ต่อ)



แสงยามเช้าส่องจากหน้าต่างมาที่เตียงในกระท่อมที่พัก ณดลและอนามิกานอนหลับแขนขาก่ายกันและตะแคงใบหน้าหันเข้าหากันอยู่บนเตียง ณดลค่อยๆ ตื่นลืมตาขึ้นมาเห็นหน้าอนามิกาอยู่ใกล้ๆ ก็กะพริบตาถี่ๆ อย่างงงๆ

ณดลเปรยเบาๆ “นี่เรายังฝันอยู่ใช่มั้ย”
อนามิกาลืมตาตื่นขึ้นมาประสานสายตากับณดลพอดี ทั้งสองนิ่งมองตากันแล้วระบายยิ้มออกมา แต่เพียงครู่หนึ่งทั้งสองก็ฉุกคิดขึ้นได้ จึงรีบลุกพรวดขึ้นมานั่งแล้วโวยขึ้นมาพร้อมกัน
“เธอมานอนนี่ได้ไง / คุณมานอนนี่ได้ไง”
“ก็นี่มันเตียงฉัน” อนามิกาบอก
ณดลผงะแล้วหันมองอย่างสำรวจ “เออแฮะ!”
พูดขาดคำณดลก็รีบเด้งมายืนข้างๆ เตียงแล้วกุมขมับพยายามนึกย้อนกลับไป
“เมื่อคืนเราเมา..ก็เลยมานอนนี่...แล้วก็...”
“แล้วก็อะไร?” อนามิกาตกใจ รีบก้มสำรวจเสื้อผ้าตัวเอง “คุณทำอะไรฉันรึเปล่า”
“จะบ้าเหรอ” ณดลพยายามนึกย้อน “โอ๊ย! ฉันจำอะไรไม่ได้เลยแฮะ” ณดลหันมาทางอนามิกา “เธอจะเอาอะไรกับคนเมาล่ะ”
อนามิกาก้มสำรวจเนื้อตัวแล้วพูดเบาๆ “ก็ไม่มีอะไรสึกหรอนี่นะ”
“นี่...เห็นฉันเป็นคนยังไง ฉันเป็นสุภาพบุรุษนะจะบอกให้”
“สุภาพบุรุษอะไร เมาแล้วฉวยโอกาสมานอนบนเตียงฉันเนี่ยนะ”
ณดลหน้าแหยเพราะเถียงไม่ออก อนามิกาลุกขึ้นมาแล้วดึงแขนณดลไปที่ประตู
“ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้เลย”
ณดลยังยืนมึนๆ แต่ก็พยายามนึกย้อนว่าทำอะไรไปบ้าง แต่อนามิกาลากแขนเขาแล้วเปิดประตูออกไป

อนามิกาลากแขนณดลที่ยังมึนๆ ออกมาจากห้อง
“ออกมานี่เลย! เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าว่าคุณนอนเตียงฉัน ฉันก็เสียสิ”
อนามิกาพูดขาดคำแล้วก็ชะงักพูดอะไรต่อไม่ออก ณดลเห็นอนามิกานิ่งไปจึงหันมองตามสายตาที่อนามิกามองอยู่จึงเห็นว่าเชษฐ์เพิ่งเดินถือถาดเสิร์ฟอาหารเช้าเข้ามา เชษฐ์ยืนนิ่งตัวแข็ง เพราะตกใจที่เห็นทั้งสองออกมาจากห้องนอนเดียวกัน เชษฐ์อึ้งอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยออกมา
“เอ่อ..คือ..ผมมาเสิร์ฟอาหารเช้า แล้วก็จะมาบอกว่าเรือซ่อมเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ” เชษฐ์วางถาดลง “ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะนะครับ”
เชษฐ์พูดจบก็รีบถอยออกจากที่พักไปอย่างรวดเร็ว อนามิกาพูดเสียงดังตามไป
“เดี๋ยว...ขัดจังหวะอะไรกัน ฉันไม่ได้ทำอะไรอย่างงั้นซะหน่อย โอ๊ย..เสียมั้ยเนี่ยฉัน..หมดกั๊น!”
อนามิกาหน้าตาเซ็งสุดขีด ณดลหลบตาเพราะรู้สึกผิดที่เมาหลับบนเตียงของอนามิกา

เมธาวีหิ้วกระเป๋าใบโตเดินนำณภัทรที่ใช้สองมืออุ้มลังกระดาษใบใหญ่ใบหนึ่งเข้ามาในบ้านของอัธวุธ อัธวุธยืนสั่งการกับณภัทร
“ห้องยัยเมอยู่ข้างบนเลยย่ะ ขนของย้ายขึ้นไปเลย มีของที่รถอีกใช่มั้ย ฉันจะได้ไปช่วยยก”
ณภัทรพยักหน้าหงึกๆ อัธวุธจึงเดินสวนออกจากบ้านไป

เมธาวีวางกระเป๋าใบโตในห้องแล้วรีบย้อนมาที่ประตู เธอเปิดประตูให้กว้างขึ้นเพื่อให้ณภัทรอุ้มลังกระดาษใบใหญ่เข้ามา
“ระวังนะภัทร”
“จะให้วางไว้ตรงไหนเม” ณภัทรถามเพราะหนักเต็มแก่
เมธาวีเดินเข้ามาช่วยประคอง “วางไว้ข้างๆ เตียง ทางนี้เลยจ้ะ มา! ช่วยยก”
“ไม่ต้องๆ ฉันยกเอง”
“ให้เมช่วยนะ”
เมธาวีเข้าไปช่วยอุ้มลังกระดาษ แต่กลายเป็นยิ่งทำให้ทุลักทุเลยิ่งขึ้น
“ไม่ต้อง ฉันยกไหว” ณภัทรบอก
“ไม่เป็นไร เมช่วย”
ทั้งสองช่วยกันอุ้มลังกระดาษโดยที่หันหน้าเข้าหากัน ณภัทรเดินหน้า เมธาวีเดินถอยหลัง เลยเสียหลักพากันเซทำลังร่วงตกพื้น ฝาลังเปิดออกมา สมุดบันทึกและหนังสือหลายเล่มร่วงออกมา
“ว๊าย!” เมธาวีร้อง
ณภัทรตกใจ “เป็นอะไรรึเปล่าเม”
เมธาวีย่อตัวลงเก็บหนังสือและสมุดบันทึก ณภัทรย่อตัวลงช่วยเก็บแล้วเห็นสมุดสเก็ตช์ที่เปิดกางอยู่ ณภัทรมองอย่างตกตะลึงก่อนจะหยิบขึ้นมาดูเห็นว่าสมุดสเก็ตช์เป็นภาพตัวเขาเองที่เมธาวีแอบสเก็ตช์ไว้ ณภัทรตะลึงพร้อมกับลองพลิกหน้าต่อไป
สมุดสเก็ตช์หน้าอื่นๆ ก็เป็นภาพสเก็ตช์ณภัทรในในอิริยาบทต่างๆ และเสื้อผ้าต่างชุดกัน
ณภัทรตะลึง เมธาวีเก็บของที่ตกเสร็จแล้วหันมาเห็นอาการของณภัทรที่กำลังดูสมุดสเก็ตช์อยู่ก็ตกใจรีบดึงกลับทันที แต่ณภัทรยื้อเอาไว้ทำให้ทั้งสองนั่งย่อเข่าอยู่กับพื้นใกล้ๆ กัน โดยใบหน้าอยู่ห่างกันแค่นิดเดียว เมธาวีเขินอายจนทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยิ้มแหยๆ
“ไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะเนี่ย” ณภัทรเอ่ยขึ้น
เมธาวีเขิน “ไม่เคยรู้ว่าเมแอบวาดรูปภัทรน่ะเหรอ”
“เปล่า...ไม่เคยรู้ว่าเมแอบมองอยู่นานแล้วน่ะ”
เมธาวียิ่งเขินหนักจนไม่รู้จะหลบสายตาไปทางไหน พอณภัทรจะเปิดดูต่อ เมธาวีก็ดึงยื้อคืน
“พอแล้ว...ขอคืนเหอะ เขินเป็นนะ”
เมธาวียื้อสมุดสเก็ตช์กลับไป ณภัทรรีบยื้อคืนจนมือของณภัทรไปจับที่มือของเมธาวีพอดี ทั้งสองชะงักเหมือนโดนไฟฟ้าช็อตทำให้นิ่งมองประสานสายตากัน ต่างคนต่างบ่งบอกถึงความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กับอีกฝ่าย แต่แล้วทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงของอัธวุธดังขึ้นมาขัดจังหวะ
“วางไว้ตรงไหนยะ..หา!”
อัธวุธอุ้มลังใบใหญ่เดินเข้ามาแล้วก็ต้องตาโตหยุดมองทั้งคู่ที่กำลังนั่งย่ออยู่ที่พื้น ทั้งสองรีบผละออกห่างจากกัน เมธาวีรีบลุกขึ้นมา
“ทำอะไรกันอยู่น่ะ” อัธวุธถาม
“ปะ..เปล่า ไม่มีอะไรนี่” เมธาวีชี้ไปที่มุมห้อง “วางไว้ตรงนั้นเลยพี่อาร์ท”
อัธวุธยกลังไปวางตามที่เมธาวีบอกแต่สายตายังคงมองจ้องณภัทรกับเมธาวี ณภัทรกับเมธาวีส่งสายตาให้กันแต่ก็ยังขัดๆ เขินๆ กันอยู่ อัธวุธแอบมองแล้วก็อมยิ้มเพราะรู้สึกได้ว่าทั้งสองเริ่มมีใจให้กัน

ณดลกับอนามิกาเดินกลับเข้าบ้านมาด้วยกัน ทั้งสองถือกระเป๋าและเอกสารเดินหัวเราะหยอกล้อกันเข้ามา มีทั้งเกาะแขนและแตะตัวกันอย่างสนิทสนม
“ฮ่าๆ ฉันหละเข็ดจนตาย ต่อไปไม่กล้าลองของกับไอ้ไวน์หมักเองอะไรนี่อีกแล้ว”
“ฮ่าๆๆ ใช่...แต่ก็อร่อยดีนะ แต่อย่างว่าแหละ ดีกรีออกจะโหดไปนิด” อนามิกาเห็นด้วย
“น่าจะขอซื้อติดมือกลับมาเป็นที่ระลึกซักขวดนะ”
“โหย...ยังกะคุณจะกล้ากิน เดี๋ยวก็เมาจนไม่รู้นอนห้องใครเตียงใครอีกหรอกคุณน่ะ ฮ่าๆๆๆ ...หา!”
อนามิกากับณดลกำลังคุยกันอย่างออกรส มีการแตะแขนแตะตัวกันเป็นระยะๆ แต่แล้วก็ ต้องเบรกเอี๊ยดชักมือกลับเมื่อเห็นพนารัตน์หยิบคุกกี้กำลังจะใส่ปากแต่ถือคุ๊กกี้อ้าปากค้างไว้อย่างนั้น
ณดลกับอนามิกาตกตะลึง พอรู้สึกตัวก็รีบผละออกจากกัน
“คะ..คุณแม่...เอ่อ..ขอตัวก่อนนะครับ”
พูดจบณดลก็รีบเดินงุดๆ เข้าบ้านไป อนามิกาเดินตามแล้วหันมายกมือไหว้พนารัตน์ พอทั้งสองเดินลับไป พนารัตน์ยังคงนั่งเหวอเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง
“เมาไวน์ นอนผิดเตียง นี่มันอะไรกันเนี่ย” พนารัตน์พูดเบาๆ

ณภัทรนั่งอยู่ที่เก้าอี้รับแขกของบ้านอัธวุธ เขาเอามือเขย่าคอเสื้อเพราะว่ากำลังร้อนจนเหงื่อไหล เมธาวีกับอัธวุธยกน้ำอัดลมสีสวยใส่น้ำแข็งเข้ามาวางให้
“มาแล้วจ้า...กินซะ เดี๋ยวจะหาว่าเจ้าของบ้านใจดำ ไม่ดูแล” อัธวุธบอก
“ขอบคุณมากนะภัทร อุตส่าห์มาช่วยขนของย้ายให้ เหนื่อยมากมั้ยเนี่ย” เมธาวีถาม
“ไม่หรอก มีอะไรให้ช่วยอีกก็บอกนะ” ณภัทรตอบ
“ไม่มีแล้วหละ ขนของทุกอย่างมาหมดเรียบร้อยแล้ว”
ณภัทรยกแก้วน้ำขึ้นจรดริมฝีปาก แล้วก็ต้องชะงักมองไปที่พื้นห้อง
“อะไรตกอยู่นั่นน่ะ” ณภัทรถาม
พูดจบณภัทรก็ลุกเดินไปที่เสื้อของเมธาวีตัวหนึ่งซึ่งหล่นอยู่กับพื้น ณภัทรหยิบขึ้นมาชูให้เมธาวีกับอัธวุธดู
“อ๋อ...เสื้อเมเอง” เมธาวีบอก
“อุ๋ย..โทษที สงสัยฉันทำหล่นจากกล่องเสื้อผ้าเอง” อัธวุธกล่าว
ณภัทรมีสีหน้าแปลกใจ เขาใช้อีกมือหยิบผ้าพันคอที่หล่นติดอยู่กับเสื้อขึ้นมาด้วย ณภัทรชูผ้าพันคอให้เมธาวีกับอัธวุธดู
“แล้วผ้าพันคอนี่ก็ของเมใช่มั้ย”
เมธาวีตาโตด้วยความตกใจ เธอหันไปมองหน้าอัธวุธทันที
เมธาวีกับอัธวุธนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่เกี่ยวกับผ้าพันคอผืนนั้น

วันนั้น อัธวุธหยิบผ้าพันคอมาพรีเซนต์เหมือนตนเองเป็นนางแบบ
“อ๋อๆๆๆ ผ้าพันคอที่แกถักให้นายภัทรใช่มะ”

เสียงณภัทรถามอีกครั้งทำให้อัธวุธกลับมาอยู่กับปัจจุบัน
“เอ้า! เป็นอะไรกันไปหมด”
ณภัทรเดินเข้ามาใกล้ๆ เมธาวีและอัธวุธพร้อมกับชูผ้าพันคอให้ดูใกล้ๆ
“แล้วผ้าพันคอนี่ล่ะของใคร” ณภัทรถามย้ำ
“ของ...เอ่อ...” เมธาวีอึกอัก
“ก็ของแกน่ะสินายภัทร อุ๊บ!”
เมธาวีรีบเอามือปิดปากอัธวุธแล้วหันมาพูดกับณภัทร
“ของเมเอง” เมธาวีปล่อยมือจากปากอัธวุธมาดึงผ้าพันคอคืน “ขอบคุณนะ”
ณภัทรพยักหน้ายิ้มๆ และงงๆ แต่ก็ไม่คิดอะไร เขาเดินมานั่งจิบน้ำอัดลม อัธวุธหันไปพูดเบาๆ กับเมธาวี
“ก็แล้วทำไมไม่ให้ๆ เค้าไปซะเลยล่ะ”
“ก็เมเขิน” เมธาวีตอบเบาๆ
ณภัทรยกแก้วจิบ “หือ...” เขาลดแก้วลง “มีอะไรเหรอ”
“เปล่าๆ ไม่มีอะไร” เมธาวีรีบตอบ
เมธาวียิ้มกลบเกลื่อนแล้วหันมาเอานิ้วจุ๊ปากกับอัธวุธไม่ให้บอกณภัทร

เสรีกำลังโวยใส่กอบชัยและพนารัตน์ที่นั่งอยู่อีกฝั่งของห้องรับแขกที่บ้านของเขาอย่างซีเรียส
“ที่ผมเชิญคุณสองคนมาบ้าน ก็เพราะผมอยากจะบอกว่าผมเบื่อที่จะรอเต็มทีแล้ว ถ้าคุณกอบกับคุณรัตน์ ไม่รีบจัดงานหมั้นให้นายภัทรกับหนูแพร เราสองครอบครัวก็ขาดกัน ไม่ต้องมาคบกันอีก”
“ใจเย็นๆ ก่อนสิครับ” กอบชัยเจรจา “ผมกับคุณรัตน์ไม่ใช่คนที่จะลืมคำสัญญา โดยเฉพาะเป็นสัญญาที่ให้ไว้กับคนที่เคยมีบุญคุณกับเราอย่างคุณเสรี”
“คุณก็พูดแต่ให้ผมรอ แล้วก็ผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ”
“ฉันก็พยายามแล้วนะคะ เคยกระทั่งจ้างให้เค้าเลิกกันด้วยซ้ำ แต่จะว่าไป ยัยอะนาคนนี้ ก็หาที่จับผิดเค้าไม่ค่อยได้ งานบ้านงานครัวก็ทำได้ดี ล่าสุดไปช่วยงานตาณดลก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เรียกว่าเด็กคนนี้ก็มีดี” พนารัตน์พูด
เสรียิ่งเดือดจึงตวาดลั่น “แล้วลูกสาวผมไม่ดีหรือไง..หา?”
พนารัตน์ที่เผลอยิ้มแย้มชมอนามิกาถึงกับหน้าแหยเพราะสำนึกได้ว่าชมเพลินไปหน่อย
“อุ๊ย..โทษค่ะชมเพลินไปหน่อย แหม...หนูแพรก็ต้องดีสิคะ ทั้งดีทั้งน่ารัก เราก็อยากได้หนูแพรเป็นสะใภ้ใจจะขาด แต่ว่าความรักของเด็กสมัยนี้ เราไปบังคับจิตใจเค้าก็คงไม่ได้”
“ใช่..เด็กสมัยนี้ไม่ยอมให้พ่อแม่จับคลุมถุงชนแล้วหละ เราคงทำได้แค่หาทางให้เค้าได้ใกล้ชิดกัน ไปกินข้าว ไปเที่ยวด้วยกัน” กอบชัยพูด
พนารัตน์นึกขึ้นได้จึงรีบโพล่งขึ้น “ใช่...ไปเที่ยวไง พวกเรากำลังจะไปดูเกาะที่ณดลซื้อเอาไว้ ถ้าเป็นไปได้ คุณเสรีก็พาลูกสาวไปเที่ยวด้วยกันมั้ยล่ะคะ”
“อืม..หนุ่มสาวได้ใกล้ชิดกันในบรรยากาศโรแมนติก ผมว่าเข้าท่านะ หรือคุณเสรีว่าไง” กอบชัยถาม
จากที่หน้าเครียดเสรีก็พอจะเบาใจได้บ้าง เขาจึงพยักหน้ารับคำเชิญ

ณดลกำลังนอนหลับอยู่บนเตียง ในห้องแสงสลัวที่มีเสียงลมหวีดหวิวคล้ายกับจะมีพายุ ทันใดนั้นก็มีเสียงประตูเปิดผัวะออก มีแสงส่องเข้ามาจากประตูที่ถูกเปิด ณดลถูกแสงส่องตา ก็ขยิบตาและยกแขนป้องแสง แล้วค่อยๆ หยีตาเพ่งมองไปที่ประตูที่เปิดอยู่
ณดลเห็นอนามิกาในชุดนอนพลิ้วบางเซ็กซี่มายืนแอ่นท่าทางเซ็กซี่ที่ขอบประตู เห็นเป็นเงาดำ กระโปรงพลิ้ว ผมปลิวสยาย ณดลชันกายขึ้นมานั่งแล้วขยี้ตาเพ่งมอง
อนามิกาในชุดนอนบางเบาเดินเยื้องย่างตรงมาที่เตียง ณดลเห็นว่าเป็นอนามิกาก็ตาโตและแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง
ณดลหลุดปากอุทานเบาๆ “อะนา”
อนามิกายืนออกลีลาเต้นยั่วยวนพริ้วไหวอยู่ที่ปลายเตียง แล้วค่อยๆ คุกเข่าคลานขึ้นเตียง ส่งสายตาเป็นนางแมวยั่วสวาทให้ณดล ณดลนั่งอยู่บนเตียงขยับถอยกรูดจนไปพิงหัวเตียง
อนามิกายังคงคืบคลานเข้ามาใกล้พร้อมใช้สายตายั่วยวนสุดฤทธิ์ แล้วตวัดลิ้นเลียริมฝีปากอย่างนางแมวยั่วสวาท

ณดลลืมตาโพลงขึ้นมาในความมืดสลัวด้วยอาการตกใจ เขาลุกขึ้นมานั่งกุมขมับอย่างรู้สึกผิดในใจ
“ฝันบ้าอะไรวะเนี่ย” ณดลทึ้งๆ ศีรษะตนเหมือนจะเรียกสติคืนมา “ผู้หญิงคนนี้เป็นน้องสะใภ้แก เลิกฝันบ้าๆ แบบนี้ซะที”
ณดลเปิดโคมไฟที่หัวเตียงแล้วเดินมาที่โต๊ะที่มีเหยือกน้ำกับแก้วน้ำวางอยู่ ณดลยกเหยือกน้ำเทก็เห็นว่ามีน้ำเหลืออยู่แค่นิดเดียวเท่านั้น ณดลถอนใจด้วยความเซ็งที่น้ำใกล้หมดอีก

ณดลเดินซึมๆ ลงมาที่ตู้เย็นที่อยู่ชั้นล่างของบ้านเพราะจะหาน้ำดื่ม พอเขาเงยหน้ามองขึ้นไปก็ต้องชะงักตกใจเพราะเขาเห็นอนามิกาอยู่ในชุดนอนบางเบายืนอยู่ใกล้ตู้เย็นที่กำลังเปิดอยู่ แสงสว่างจากตู้เย็นส่องผ่านชุดทำให้อนามิกาดูเซ็กซี่ในชุดนอนบางเบา
ณดลตกตะลึงตาโตเท่าไข่ห่าน อนามิกากำลังหาเครื่องดื่มในตู้เย็น ณดลลืมตัวยืนมองนิ่งอยู่ จนได้ยินเสียงเรียกของณภัทรพร้อมๆ กับไฟในห้องที่เปิดสว่างขึ้น เขาจึงสะดุ้งสุดตัว
“พี่ณดล”
ณดลหันไปเห็นณภัทรที่มืออยู่ที่สวิตช์เปิดไฟ ณภัทรถามขึ้น
“ยืนดูอะไรอยู่พี่”
ณดลลนลานออกอาการพิรุธ “ปะ..เปล่านะ ฉันไม่ได้ดูอะไร”
“อ้าว..คุณ” อนามิกาเดินย้อนมาที่ณดล “แล้วลงมาทำไมดึกๆ ดื่นๆ คะเนี่ย”
“ก็...เอ่อ..ฉันฝันไม่ดี เลยสะดุ้งตื่น...แล้วก็หิวน้ำน่ะ”
“ฝันไม่ดีนี่ฝันว่าอะไรเหรอพี่” ณภัทรถาม
“ก็...ฝันว่า...โอ๊ย...แกอย่าถามเซ้าซี้ได้มั้ย แค่นี้ฉันก็รู้สึกผิดจะแย่อยู่แล้ว”
ณภัทรงง “รู้สึกผิดอะไรพี่”
“ฉันบอกว่าอย่าถาม! โอ๊ย...นี่ฉันเป็นบ้าอะไรไปแล้ว” ณดลหันหลังจะเดินกลับ
“อ้าว..แล้วไม่กินน้ำแล้วเหรอ” อนามิกาถาม
“ไม่แล้ว..ไม่กินแล้ว” ณดลพูดกับณภัทร “เดี๋ยวฉันขับรถออกไปกินข้างนอก”
ณภัทรกับอนามิกายิ่งงงไปใหญ่ “หา...”
ณดลเดินงุดๆ ย้อนกลับไป ณภัทรกับอนามิกาหันมามองหน้ากันอย่างงงๆ
“เค้าเป็นอะไรของเค้าเนี่ย” อนามิกาถาม
ณภัทรส่ายหน้าเพราะจนปัญญาที่จะตอบเหมือนกัน

ณดลนั่งคลึงแก้ววิสกี้โซดาอยู่ในคลับของพายัพ ส่วนอีกมือกุมขมับอย่างกลัดกลุ้มใจ ณดลพูดกับตนเองเบาๆ อย่างขัดเคืองใจตัวเอง
“เอาความคิดบ้าๆ ออกไปจากหัวแกซะที อะนาเป็นน้องสะใภ้ อะนาเป็นเมียของน้องชายเราเอง เลิกคิดถึงเค้าแบบนี้ได้แล้ว “
ณดลยกแก้วขึ้นดื่มพรวดๆ จนหมดแล้วกระแทกวางแก้วลง เขาเพ่งมองเศร้าๆ ไปที่เปลวเทียนในแก้วเล็กๆ ที่อยู่บนโต๊ะแล้วหวนคิดถึงอดีตของตัวเองกับอนามิกา

วันที่เจอกันครั้งแรก ณดลรออยู่หน้าห้องของณภัทรที่ลอนดอน อนามิกาเปิดประตูมา ณดลมองจ้องหน้าอนามิกาแบบพิจารณาสุดๆ
วันที่เดินทางไปชนบทเวิ้งว้างห่างไกลนอกลอนดอน ณดลกับอนามิกา ลงมาจากรถอย่างหัวเสีย มีไอน้ำพวยพุ่งออกจากจากกระโปรงหน้ารถที่ชนกับก้อนหินก้อนใหญ่จนหม้อน้ำแตก
คืนที่ณดลกับอนามิกากำลังคุยเรื่องผีแล้วไฟก็ดับลงอีกครั้ง อนามิกาตกใจกลัวจนกระโดดกอดณดล พอไฟสว่างอีกครั้ง อนามิกาจึงรู้ตัวว่ากอดณดลแน่น จมูกแทบชนจมูกจึงค่อยๆ คลายวงแขนแล้วผละออกมา ณดลยิ้มขำๆ อย่างเอ็นดู
คืนที่อนามิกาขยับให้ณดลที่นอนหนาวอยู่กับพื้นขึ้นมานอนบนเตียงเดียวกัน แต่ก็หาอะไรมากั้นเขตแบ่งครึ่งไว้
เช้าที่ทั้งสอง ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกัน มองตากันสักพัก แล้วพริ้มหลับตา ก่อนจะนึกขึ้นได้แล้วตาโตตกใจที่อยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน
วันที่ทั้งสองอยู่ที่จุดชมวิวลอนดอน ที่ Hampstead Health ณดลแอบถ่ายรูปอนามิกาแทบทุกอิริยาบถ ทั้งเดินเล่น ทั้งเหม่อมองชมวิว ทั้งจับใบไม้ ดอกไม้ และยังแอบถ่ายภาพใกล้ใบหน้าของอนามิกายามเผลออีกด้วย ขณะกำลังจะกดชัตเตอร์อีกภาพ ณดลก็ชะงักเพราะรู้สึกผิดขึ้นมา
หลังจากนึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ในอดีต ณดลก็ถอนใจอย่างเศร้าๆ เพราะรู้สึกไม่ค่อยดีที่เผลอใจชอบอนามิกา

ณดลนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตแล้วก็ทำหน้าเหวอเพราะเพิ่งรู้สึกตัวว่าชอบอนามิกามาตั้งแต่ที่ลอนดอนแล้ว ณดลพูดเบาๆ อย่างแปลกใจตัวเอง
“หรือว่า...เราชอบเค้าตั้งแต่ที่ลอนดอนแล้ว”
พายัพเดินถือแก้ววิสกี้ตรงเข้ามาทักทายณดลจากข้างหลัง ณดลสะดุ้งแล้วรีบทำตัวปกติ
“ไม่เจอกันนานเลย ณดล ให้พี่นั่งเป็นเพื่อนมั้ย” พายัพไม่รอให้ตอบ ขยับมานั่งข้างๆ แล้วสังเกตเห็นว่าณดลกำลังทุกข์ใจ “โอเคอยู่รึเปล่า เมื่อกี้เห็นเหมือนพูดกับเทียนอยู่เหรอ ฮ่าๆๆ มีอะไรก็พูดกับพี่ได้นะ”
ณดลลังเล เพราะไม่อยากเล่า “เอ่อ...คือ...”
พายัพเห็นณดลไม่เต็มใจตอบจึงรีบพูดขึ้น “ไม่เป็นไร ไม่ต้องพูดก็ได้ พี่นี่เสียมารยาทจริงๆ ไม่ควรถามซอกแซกเรื่องส่วนตัวแบบนั้น”
ณดลสวนขึ้นอย่างเกรงใจ “ไม่หรอกครับพี่ คือผม...จะเล่ายังไงดีล่ะ คือ..พี่ว่ามันผิด มันบาปมากมั้ย ถ้าใครซักคนจะ...เกิดความรู้สึกดีๆ กับ...กับเมียของ..คนที่เป็นญาติกันน่ะ”
“อืม...คนสองคนเกิดความรู้สึกดีๆ ต่อกัน เป็นห่วงเป็นใยกัน มันก็ต้องดีสิ”
“แล้วถ้าความรู้สึกดีๆ นั้นมันเป็นความรักล่ะพี่”
“รักแบบแฟนกับเมียของญาติตัวเองเนี่ยนะ” พายัพถามย้ำ
ณดลพยักหน้ารับอย่างเศร้าๆ
“เฮ้ย! จะดีเหรอ ไอ้คนๆ นั้นที่ว่ามันเป็นใครเหรอ” พายัพเอะใจก่อนจะหันมาชี้ที่ณดล “อย่าบอกนะว่าเป็นณดล”
ณดลรีบลนลานปฏิเสธ “มะ..ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่ผมนะพี่”
“แล้วเป็นใคร”
“ก็...เอ่อ..เป็น...เป็น...” ณดลอึกอัก
“เป็นเพื่อนของณดลเหรอ”
ณดลรีบรับคำ “ใช่ครับ ใช่ๆ เป็นเพื่อนผมเองครับ”
“งั้นณดลไปบอกเพื่อนได้เลยว่าให้หยุดความรู้สึกแบบนั้นซะ มีอย่างที่ไหน กระทั่งเมียของญาติตัวเองก็ยังไม่เว้น” พายัพพูดใส่หน้าณดล “พี่ว่ามันอุบาทว์มากเลยนะ”
ณดลเผลอหลุดปาก “ผมรู้ครับพี่ ผมเองก็รู้สึกผิดจะแย่อยู่แล้ว”
พายัพเอะใจ “เรื่องของเพื่อน...แล้วณดลจะรู้สึกผิดทำไม”
ณดลรีบแก้ตัว “เอ้อ...คือ...ผมรู้สึกผิดแทนเพื่อนมันน่ะครับ”
จังหวะนั้นธัญญาแต่งชุดนักร้องที่สุดจะเซ็กซี่เดินเข้ามาพอดี
“ธัญญา! มานี่ก่อนเลย” พายัพร้องเรียก “ลองฟังเรื่องเพื่อนของณดลเค้าสิ”
ณดลขยับจะห้ามพายัพแต่ก็ไม่ทันแล้ว
“ไหนคะ เพื่อนคุณณดลมีเรื่องอะไรเหรอ” ธัญญาเดินเข้ามา
“ก็..เอ่อ...” ณดลอึกอัก
พายัพเห็นว่าไม่ทันใจเลยชิงเล่าเอง “คือเพื่อนของณดลเค้าดันไปหลงรักเมียของญาติตัวเองน่ะ”
“ว๊าย..ไม่ไหวมั้งคะ” ธัญญาหันมาที่ณดล “ลักษณะนี้ สรุปสั้นๆ ง่ายๆ คำเดียวว่า” ธัญญาเน้นเสียง “เลว!”
ณดลได้ยินถึงกับสะดุ้งโหยง

ก๊อกน้ำที่อ่างล้างหน้าในห้องน้ำชายถูกเปิดอย่างแรงสุด ณดลวักน้ำขึ้นมาล้างหน้าแล้วขัดถูหน้าแรงๆ เหมือนจะล้างเอาความรู้สึกในหัวออกไป
ณดลเงยหน้ามามองใบหน้าที่ยังเปียกชุ่มของตนเองในกระจกเหนืออ่างล้างหน้า เขาได้ยินเสียงของพายัพและธัญญาแว่วมาในความคิด
“มีอย่างที่ไหน กระทั่งเมียของญาติตัวเองก็ยังไม่เว้น พี่ว่ามันอุบาทว์มากเลยนะ”
“ลักษณะนี้ สรุปสั้นๆ ง่ายๆ คำเดียวว่า เลว!”
ณดลรู้สึกอัดอั้นจนแทบอยากตะโกนออกมาแต่เขาก็กลั้นไว้แล้ววักน้ำล้างหน้าอีกที พอเงยหน้าขึ้นมาก็สะดุ้งโหยง เพราะพายัพมายืนมองณดลแบบเหวอๆ อยู่ข้างๆ
“ปะ..เป็นอะไรมากหรือเปล่าณดล”
“ไม่มีอะไรครับ ผม...ก็แค่รู้สึกแย่ๆ แทนเพื่อนน่ะครับ” ณดลตอบ
“เฮ่อ..ไอ้ความรักนี่มันก็ไม่เข้าใครออกใครนะ”
พายัพเดินเข้ามาตบไหล่ปลอบ
“บางครั้งถึงจะรู้อยู่เต็มอกว่าผิด เหมือนมีนรกอยู่ในใจ แต่ทำไงได้ ก็มันรักไปแล้วนี่”
ณดลพยักหน้าหงอยๆ “ครับพี่”
“ที่เล่ามานี่เป็นเรื่องของณดลเองใช่มั้ย ณดลรู้สึกดีๆ กับภรรยาของน้องชายตัวเองเข้าแล้วใช่มั้ย” พายัพพูดอย่างรู้ทัน
ณดลรีบลนลานปฏิเสธ “ไม่ใช่นะครับพี่ ผมบอกแล้วไงว่าไม่ใช่เรื่องของผม เรื่องของเพื่อนผมจริงๆ ครับ ผมเปล่า ผมไม่ใช่...”
“เอาหละๆ พี่เชื่อแล้ว..พี่เชื่อแล้ว”
ณดลสงบลงแล้วเดินออกจากห้องน้ำไป พายัพมองตามไปอย่างไม่เชื่อที่ณดลพูด
“นี่ณดลแอบหลงรักอะนาจริงๆ เหรอ” พายัพพึมพำ

ณดลมีท่าทางซึมเศร้าขณะเดินผ่านหน้าประตูห้องนอนของณภัทร แล้วเขาก็ชะงักเดินย้อนกลับมายืนหน้าประตู
ณดลหน้าเศร้าและคิดถึงคำพูดของพายัพ
“บางครั้งถึงจะรู้อยู่เต็มอกว่าผิด เหมือนมีนรกอยู่ในใจ แต่ทำไงได้ ก็มันรักไปแล้วนี่”
ณดลรู้สึกผิดสุดๆ จนต้องหลับตาปี๋และส่ายหน้าเหมือนจะลบเลือนความรู้สึกดีๆ ที่มีต่ออนามิกาออกไป
ณดลพูดเตือนสติตนเองเบาๆ “เค้านอนอยู่กับน้องเราในห้องนี้ ลืมเค้าไปซะ”
ณดลกำลังจะก้าวออกมา แต่ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิด ณดลสะดุ้งหันไปเห็นว่าณภัทรเปิดประตูออกมา
“พี่ณดล...มีอะไรเหรอพี่”
“เอ่อ...คือ...ฉัน...” ณดลอ้ำอึ้ง
“มีอะไรก็ว่ามาสิพี่” ณภัทรขยับออกมาแล้วปิดประตู พอมายืนใกล้ณดล ณภัทรก็ได้กลิ่นเหล้า “นี่พี่กินเหล้ามาเหรอ”
“ก็...นิดหน่อย งั้นฉันขอตัวไปนอนก่อนหละ”
“เดี๋ยวสิพี่ ท่าทางพี่เหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ มีอะไรก็บอกผมเถอะนะครับ”

สีหน้าณภัทรเวลานี้ ดูออกว่าเป็นห่วงณดลอย่างมาก







Create Date : 04 เมษายน 2555
Last Update : 4 เมษายน 2555 11:15:45 น.
Counter : 299 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]