All Blog
แหม่มแก้มแดง ตอนที่ 3 (ต่อ)



เสียงผัดกับข้าวในกระทะดังแว่วอยู่ในบ้านณภัทรตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะอนามิกากำลังยืนผัดหมู พริกและกระเทียมในกระทะอย่างทะมัดทะแมง เมธาวียื่นจานใส่ใบกระเพราผสมใบโหระพาส่งให้อนามิกา

“ใส่ตอนนี้เลยหรือเปล่าจ๊ะพี่อะนา” เมธาวีถาม
“อีกแป๊บนึงเมธาวี” อนามิกาบอก
ทันใดนั้น ณภัทรก็เดินเข้ามาในครัว
“เสร็จหรือยัง พี่ชายฉันให้มาเร่ง”
อนามิกาโวยด้วยความฉุน “โอ๊ย...คุณชายจอมสั่ง แหม..” อนามิกาทำเสียงเลียนแบบณดล “บ่นว่าเบื่ออิงลิชเบรกฟาสต์ อยากจะกินอาหารไทย แหม..แล้วตอนอยู่เมืองไทยไม่รู้จักกินไว้เยอะๆ ล่ะยะ ดันมาอยากกินอาหารไทยเอาตอนอยู่ลอนดอนซะงั้น...เรื่องมาก!”
พูดจบอนามิกาก็ใช้มือกอบใบกระเพรากับใบโหระพาโยนลงในกระทะอย่างอารมณ์เสีย ณภัทรกับเมธาวีฉุนกลิ่นผัดกระเพราจนจามขึ้นมาพร้อมกัน ทั้งสองมองหน้ากันก่อนจะจามอีกครั้ง แล้วหัวเราะอย่างเขินๆ ออกมาทั้งคู่ อนามิกาแอบมองทั้งสองหัวเราะต่อกระซิกกันแล้วรู้สึกยินกับทั้งคู่

เวลาผ่านไป ณดลใช้ช้อนกลางตักผัดกระเพราหมูขึ้นมา เขายกช้อนจ้องมองเหยียดๆ อนามิกา เมธาวี และณภัทรนั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วยจึงหันมามองเขา
“ก็อีแค่ผัดกระเพรา” ณดลพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก
อนามิกาเริ่มไม่พอใจ “หมายความว่าไงนะคะ”
“ก็เนี่ย แค่ผัดกระเพรา ไข่เจียว แกงจืด ตอนที่เธอบอกจะทำอาหารไทยให้ฉันกิน ฉันนึกว่าจะมีกับข้าวเด็ดๆ...ที่ไหนได้ ก็แค่อาหารตามสั่งทั่วไป” ณดลว่าเป็นชุด
อนามิกาฉุนกึก เธอวางช้อนแล้วจ้องหน้าณดล เมธาวีรีบจับแขนเพื่อปรามให้อนามิกาเย็นลง แล้วหันไปพูดกับณดลทันที
“แต่คุณพี่ณดลขา ที่นี่ลอนดอนนะคะ ได้ทานขนาดนี้ต้องเรียกว่าหรูแล้ว”
“ใช่...คนทำก็เหนื่อยเป็นนะ ถ้าพูดอะไรที่สร้างสรรค์ไม่ได้ ก็เงียบไปดีกว่า” อนามิกาต่อว่า
ณภัทรรีบพูดขึ้น “ใจเย็นๆ ก่อนอนามิกา” ณภัทรหันมาบอกณดล “ผมว่าพี่ลองชิมก่อนดีกว่ามั้ย”
“จะต้องชิมอะไร ทำยังกะเกิดมาฉันไม่เคยกินผัดกระเพรา กับข้าวพวกเนี้ย ใครทำก็เหมือนๆกัน ไม่ต้องชิมฉันก็พอนึกรสชาติออก”
พูดจบณดลก็ตักผัดกระเพราพร้อมข้าวเข้าปากแล้วเคี้ยว สักพักเขาก็ถึงกับสะดุดกึกทันที เมธาวี อนามิกา และณภัทรชะงักมองณดลอย่างลุ้นๆ ว่าเขาเป็นอะไร
ณดลมีสีหน้าเหมือนไม่เชื่ออะไรบางอย่าง เขารีบใช้ช้อนกลางตักผัดกระเพรามาใส่จานก่อนตักกินพร้อมข้าวอีกคำ
“เฮ้ย...ไม่เลวนะ” ณดลโพล่งออกมา
เมธาวี อนามิกา และณภัทรเริ่มงงเพราะไม่อยากจะเชื่อว่าณดลเอ่ยชมอนามิกา
“รสชาติก็แตกต่าง เธอใส่อะไรลงไปน่ะ” ณดลถาม
“พี่อะนาเค้าใส่ใบโหระพาผสมไปด้วยน่ะค่ะ” เมธาวีตอบให้
“อืม..เข้าท่านี่” ณดลชมอีก
อนามิกาเริ่มยิ้มออก “ขอบคุณนะคะที่ชม”
“แต่จะเรียกว่าชม...ก็ไม่เชิงนะ” ณดลรีบพูด “กับข้าวพวกนี้มันก็ง่ายๆ ให้ใครทำก็อร่อยทั้งนั้น”
“แต่พี่อะนาเค้าเก่งจริงๆ นะคะ ตอนทำงานที่ร้านอาหารนี่เค้าทำกับข้าวแทนแม่ครัวได้เลยหละค่ะ” เมธาวีบอก
“ใช่พี่..แบบเนี้ยเค้าเรียกว่า มีเสน่ห์ปลายจวัก สามีรักจนตาย” ณภัทรพูดแซวเพื่อนแล้วก็ถูกอนามิกาหยิกขาจนต้องร้องออกมา “อุ๊ย!”
“เสน่ห์ปลายจวักอะไรของแก สมัยนี้มันไม่มีประโยชน์แล้ว อยากกินอะไรอร่อยๆ ก็แค่โทรสั่ง หรือขับรถออกไปกินที่ร้านง่ายกว่าเยอะ” ณดลว่า
พูดจบณดลก็ยื่นมือจะไปจับช้อนกลางตักกับข้าว แต่อนามิกากลับดึงจานนั้นเลื่อนหนีมือของเขาไป
ณดลมองอนามิกาอย่างงงๆ “อะไรของเธอ”
“ก็คุณบอกเองว่าอยากกินอร่อยๆ ก็แค่ออกไปกินที่ร้าน งั้นคุณก็ออกไปกินที่ร้านแล้วกัน” อนามิกาหันมาพูดกับเมธาวีและณภัทร “มา! พวกเรา กินกัน คุณณดลเค้าสละสิทธิ์แล้ว”
อนามิกาเลื่อนจานกับข้าวจานอื่นๆ ออกห่างจากณดลอีก
“เฮ้ย...อย่าสิ ฉันกินด้วย” ณดลร้องขอ
“จะกินทำไมล่ะคะ ถ้ารสชาติมันไม่ได้เรื่องถึงขนาดต้องกินไปบ่นไป”
“ไม่บ่นแล้ว..ไม่บ่นแล้ว...ขอฉันกินด้วยนะ”
“แล้วคุณคิดว่าฝีมือฉันเป็นไง?”
“ก็...ใช้ได้นะ” ณดลตอบแล้วเห็นอนามิกายังหน้าบึ้งจึงพูดต่อ “เก่งเลยหละ เยี่ยมเลยเอ้า”
จากหน้าที่บึ้งอยู่อนามิกาก็เริ่มยิ้มออก
“ให้ฉันกินต่อได้รึยัง” ณดลถาม
อนามิกาเลื่อนจานกับข้าวให้ ณดลรีบตักกับข้าวทานอย่างเอร็ดอร่อย อนามิกามองณดลแล้วอมยิ้มด้วยความรู้สึกเอ็นดูผู้ชายคนนี้อย่างไม่รู้ตัว

เกตนิการ์นั่งรอนลิณาอยู่ที่โซฟาห้องรับแขกในอพาร์ทเมนต์สุดหรูของนลิณ จู่ๆ โทรศัพท์มือถือของเกตนิการ์ก็ดังขึ้น เกตนิการ์ยกโทรศัพท์ขึ้นดู
“พี่พายัพ” เกตนิการ์รีบกดรับอย่างดีใจ “โทรมาได้ไงเนี่ย เกตนิการ์กำลังคิดถึงพี่อยู่พอดีเลย”
พายัพเดินคุยโทรศัพท์มือถือกับน้องสาวอยู่ในบริเวณพื้นที่โครงการ City Avenue
“แหม...ขึ้นมาก็อ้อนพี่เลยนะยัยเกตนิการ์ จะให้พี่โอนเงินไปอีกเท่าไหร่ล่ะ”

เกตนิการ์กำลังพูดโทรศัพท์อยู่กับพายัพ สักพักนลิณาที่เพิ่งแต่งตัวเสร็จก็เดินมาข้างหลัง จึงได้ยินสิ่งที่เกตนิการ์พูดด้วย
“เกตนิการ์ไม่ได้หน้าเงินขนาดนั้น พี่พายัพแหละ เป็นพี่ชายแท้ๆ ของเกตนิการ์ แต่ร้อยวันพันปีจะโทรมาหาน้องสาวซักครั้ง นี่ต้องมีธุระสำคัญอะไรแน่ๆ เลย หรือว่า...” เกตนิการ์ทำเสียงตื่นเต้น “อย่าบอกนะว่าพี่พายัพจะแต่งงาน”
“โอ๊ย..ไปใหญ่แล้ว” พายัพพูดกับน้องสาว “พี่แค่จะโทรมาทักทาย เอ้อ! มีนักร้องที่คลับของพี่คนนึงเค้าบอกว่าน้องสาวเค้าอยู่ลอนดอน ชื่ออนามิกา พี่ก็เลยสะดุดหู เหมือนคุ้นๆ ว่าเกดเคยพูดถึงชื่อนี้”
เกตนิการ์มีทีท่าสนใจขึ้นมาทันที นลิณาเองก็เงี่ยหูมาฟังด้วย
“จริงเหรอคะ ชื่อยัยอนามิกา ก็ไม่น่ามีคนซ้ำหรอกนะ ตายแล้ว...ในคลับของพี่ก็มีแต่พวกเพลย์บอยรุ่นใหญ่ทั้งนั้น อย่างงี้พี่สาวมันก็ไม่ต่างจากพวกนักร้องล่อตะเข้สิเนี่ย”
เกตนิการ์หันไปสบตากับนลิณาที่เดินเข้ามาใกล้ ต่างคนต่างแปลกใจแต่ก็ยิ้มให้กันด้วยอารมณ์ดูถูกดูแคลน

อนามิกาเดินตรงมาหาณภัทรกับเมธาวีที่ยืนดูสินค้ากันอยู่บริเวณย่าน Covent Garden ส่วนณดลกำลังถ่ายรูปมุมต่างๆ บริเวณที่ห่างออกมาอยู่
“ฉันว่าเอางี้ดีกว่านะภัทร” อนามิกาเสนอ “นายพายัยเมไปเดินเล่นกันสองคนดีกว่า” อนามิกากระซิบ “นะๆๆ ขอร้องหละ ฉันกลัวยัยเมธาวีมันเบื่อน่ะ”
ณภัทรแปลกใจ “แล้วเธอจะอยู่กับพี่ชายฉันไหวเหรอ? ฉันเกรงใจ”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า นายดูแลยัยเมให้ดีเหอะ” อนามิกากำชับ
“พี่อะนา” เมธาวีดึงอนามิกาออกห่างจากณภัทรแล้วกระซิบ “เมรู้ว่าพี่อยากจะช่วยให้เมใกล้ชิดกับภัทร แต่พี่ไม่ต้องลงทุนขนาดยอมฝืนอยู่กับพี่ณดลก็ได้นะ”
“โอ๊ย..ไม่ต้องห่วง อีตาเนี่ย...ฉันเอาอยู่ แกรีบไปเหอะ ไป๊”
พูดจบอนามิกาก็ดันให้เมธาวีกับณภัทรเดินออกไปด้วยกัน ทั้งสองจึงยอมเดินห่างไป ก่อนที่ณดลจะเดินเข้ามาหาอนามิกา
“ไอ้ภัทรมันไปไหนของมันอีกน่ะ” ณดลถาม
“คุณอย่าลืมสิว่าพวกเราอยู่ลอนดอนกันมาเป็นปีแล้ว แถวเนี้ย แทบจะหลับตาเดินกันได้น่ะ เค้าสองคนคงเบื่อ เลยขอแยกไปเดินที่อื่นน่ะสิ” อนามิกาอธิบาย
“ฉันหละไม่เข้าใจมันเลย เมียยังท้องอ่อนๆ แทนที่จะคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ” ณดลหันมองหน้าอนามิกาอย่างซีเรียส “หรือว่า...”
“หรือว่าอะไรคะ”
“หรือว่าไอ้ภัทรมันไม่ได้รักเธอ”
อนามิกาทำท่าระอา “อะไรของคุณอีกล่ะเนี่ย” แล้วเธอก็เดินหนี
“เดี๋ยวสิ จริงๆ แล้วเธอกับไอ้ภัทรไม่ได้รักกันจริงๆ ใช่มั้ย...เธอจะเดินหนีไปไหน” ณดลรีบก้าวตามไป

ณดลเร่งฝีเท้าจนทันอนามิกา ใกล้ๆ กับโต๊ะหมอดูลายมือในย่านนั้น ป้ายเขียนว่า Palm Reader ประกอบรูปมือและเส้นลายมือประดับไว้ หมอดูลายมือฝรั่งท่าทางเหมือนฮิปปี้ผสมยิปซีนั่งอยู่ที่โต๊ะ
“รอด้วยสิ...อนามิกา เธองอนอะไรฉันอีกเนี่ย” ณดลเรียก
อนามิกาหยุดยืนคุยกับณดลหน้าหมอดูฝรั่ง
“ไม่ได้งอนค่ะ..แค่เบื่อ ทำไมคุณต้องคอยบ่น คอยจับผิด แล้วก็ชอบตอกย้ำเหลือเกินว่าน้องคุณไม่ได้รักฉัน ทำไม? ฉันมันแย่มากรึไง คนอย่างฉัน ไม่คู่ควรจะได้รับความรักจากใครเลยใช่มั้ย”
“โห..มาเป็นชุดเลยนะ ซีเรียสไปรึเปล่า” ณดลถาม
“ซีเรียสสิ ถามตรงๆนะ คุณเกลียดฉันมากใช่มั้ย ถึงได้อคติกับฉันขนาดเนี้ย”
“ใครไปเกลียด ไปอคติกับเธอ ที่ฉันทำไปทั้งหมด ก็เพราะเป็นห่วงน้องชายฉันแค่นั้น”
“แล้วเป็นห่วงประสาอะไร ถึงต้องมาลงที่ฉัน”
“ก็เพราะอนาคตของผู้ชายคนนึง จะสุขหรือทุกข์ก็ขึ้นกับว่าได้คู่ชีวิตแบบไหน ไม่เคยได้ยินเหรอที่เค้าว่า มีเมียผิด คิดจนตัวตายน่ะ ฉันก็เลยห่วงว่า ถ้ามันได้เมียแย่ๆ อนาคตของมันก็จะมืดมนไปด้วย” ณดลพูด
“โห...อนาคตมืดมนเลยนะ ฉันมันดูแย่ขนาดจะทำให้น้องคุณหมดอนาคตเลยเรอะ”
จู่ๆ ฝรั่งหมอดูก็โพล่งออกมาด้วยเสียงอันดัง “อยากรู้อนาคตมั้ยล่ะ”
ณดลกับอนามิกาหลุดปากอุทานด้วยความตกใจ “หา!”
ณดลกับอนามิกหันขวับไปมองฝรั่งหมอดูเป็นตาเดียว
“hi! สวัสดีครับ” ฝรั่งหมอดูทัก
ณดลอนามิกาพูดพร้อมกัน “พูดไทยได้ด้วย!”
ฝรั่งหมอดูพยักหน้ายิ้มๆ แล้วจึงพูด “Yes, of course. ไอเคยอยู่เมืองไทยมาสิบกว่าปี ไอเป็น Palm Reader น่ะ ถ้าอยากรู้อนาคต ให้ไอดูลายมือสิ”
ณดลกับอนามิกามองหน้ากันอย่างชั่งใจว่าจะเอายังไง
“ฉันก็อยากจะรู้ว่าหมอดูจะทำนายอนาคตเธอกับน้องฉันว่ายังไง ลองดูหน่อยก็ไม่เสียหายนี่นะ งั้น” ณดลเอ่ยแล้วหันไปพูดกับหมอดู “ช่วยดูลายมือให้ผู้หญิงคนนี้ที”
ณดลชี้ไปที่อนามิกาที่ยืนหน้าตางงๆ เพราะกำลังโดนยัดเยียดให้ดูลายมือ

เมธาวีกำลังเพลิดเพลินกับการลองเครื่องประดับ สร้อย กำไล เก๋ๆ อยู่ที่ตลาดนัด ณภัทรเดินมาจากบริเวณแผงขายของแผงหนึ่ง แล้วเดินตรงมาที่เมธาวีซึ่งกำลังเอาสร้อยคอทาบคอตนเองอย่างปลาบปลื้ม
“อืม..สวยดีนี่เม” ณภัทรชม
“จริงเหรอ”เมธาวียิ้มด้วยอาการทั้งปลื้มทั้งเขิน “ก่อนออกมาก็แต่งหน้านิดหน่อยน่ะ”
“สร้อยน่ะ..พูดถึงสร้อย”
“อ้อ!” เมธาวีหุบยิ้มแล้วรีบกลบเกลื่อน “..เน๊อะ! เมก็ชอบมากๆ เลยอ้ะ”
“ดูเก๋ดี เข้ากับเมธาวีมากๆ เลย”
“ขอบคุณที่ชม..สร้อยนะ” เมธาวีหันไปที่ฝรั่งคนขาย “How much is this one?”
“Oh! This one is only forty pounds.” ฝรั่งคนขายตอบ
เมธาวีถึงกับผงะ “สี่สิบปอนด์ สองพันกว่าบาท เอ่อ..” เมธาวีวางสร้อยคืนที่เดิมแล้วยิ้มแห้งๆ กับคนขาย “Thank you!”
เมธาวีก้าวเดินห่างออกมาแล้วบ่นเบาๆ กับตนเอง
“ไม่เอาน่ายัยเม สร้อยคอมันก็แค่ของสิ้นเปลือง ตอนนี้ต้องประหยัดสุดๆ ไม่ได้สร้อยสวยๆ ซักเส้นก็ไม่ตายหรอกน่า...” แล้วเธอก็หันไปพูดเสียงปกติกับณภัทร “เอ้อ! งั้นเดี๋ยวเราไปหาอะไรกินมั้ยภัทร...อ้าว! หายไปไหนเนี่ย?”
เมธาวีหันไป เธอไม่เห็นณภัทรอยู่ข้างๆ เมธาวีหน้าเหรอหราเหลียวมองหาพอหันกลับไปอีกทีจึงเห็นณภัทรกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามมา
“โทษที มัวแต่ดูของอยู่ อ้าว...แล้วเมไม่ได้ซื้อสร้อยเส้นนั้นเหรอ”
เมธาวีส่ายหน้า “มันแพงอ่ะ นึกถึงว่าเดี๋ยวกลับไปเมืองไทย ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะหางานทำได้ ช่วงที่ไม่มีรายได้ ก็ต้องเซฟๆ ไว้ก่อนน่ะ”
“เมนี่รอบคอบเรื่องการใช้เงินดีนะ ถ้าเป็นผู้หญิงบางคน เห็นของที่ชอบ ก็คงจะซื้อไว้ก่อน ยอมไปเดือดร้อน ไปติดหนี้เอาทีหลัง” ณภัทรชม
เมธาวีกับณภัทรเดินคู่กันมา จู่ๆ ณภัทรหยุดเดินปล่อยให้เมธาวีเดินพูดอยู่คนเดียว
“คนทำแบบนั้นได้ก็ต้องรวย หรือทางบ้านมีฐานะ แต่เมหัวเดียวกระเทียมลีบ ขืนใช้ซี้ซั้วหละตายแน่ๆ” เมธาวีหันไปข้างๆ แล้วก็ไม่เห็นณภัทร “อ้าว...ภัทร” เมธาวีค่อยๆ หันกลับไป “ณภัทร...อะไรอีกล่ะ”
เมธาวีเห็นณภัทรยิ้มให้แล้วค่อยๆ ชูสร้อยในมือขึ้นมา เมธาวีเห็นว่าเป็นสร้อยเส้นที่เมธาวีชอบนั่นเอง
เมธาวีมีสีหน้าประหลาดใจก่อนจะค่อยๆ ยิ้มออกมา ณภัทรเดินเข้ามาหาแล้วจะสวมสร้อยให้ แต่เมธาวีรู้สึกเกรงใจ
“เอ่อ..แต่ว่า...เม...เกรงใจน่ะ”
“ไม่เอาน่า คิดซะว่าเราซื้อให้เป็นที่ระลึกที่ครั้งนึง เราได้มาเรียน มาใช้ชีวิตอยู่ที่ลอนดอนด้วยกัน แล้วที่สำคัญ...ของซื้อจากตลาดนัด ซื้อแล้วคืนไม่ได้นะเม”
“ถ้างั้นก็...” เมธาวียิ้มแล้วพยักหน้ารับ “ขอบคุณมากนะ”
ณภัทรช่วยสวมสร้อยให้เมธาวีที่ยืนยิ้มแก้มแตกเพราะคิดฝันไปไกลว่าณภัทรรักเธอ ณภัทรสวมสร้อยให้เสร็จแล้วก็มองอย่างชื่นชม เมธาวีได้แต่ยิ้มปลื้มอย่างมีความสุข

หมอดูลายมือฝรั่งเพ่งฝ่ามือของอนามิกาอย่างจดจ่อ แล้วหมอดูฝรั่งก็คว้ามือของณดลมาดูด้วยเพื่อดูเปรียบเทียบระหว่างลายมือของทั้งสอง อนามิกากับณดลหันมองหน้ากันด้วยความรู้สึกเบื่อๆ
“ถามจริงๆ นะ คนอย่างคุณณดลนี่เชื่อเรื่องดูลายมือกะเค้าด้วยเหรอ” อนามิกาหันไปถาม
ณดลสั่นหน้า “หึ!..”
“แล้วถ้างั้นเราจะดูหมอกันไปทำไม”
“ก็เผื่อหมอดูทักว่าดวงเธอไม่สมพงษ์กับน้องฉัน ฉันจะได้ห้ามมันทันไง” ณดลบอก
“วันๆ ก็คิดแต่จะหาวิธีตะเพิดฉันออกจากชีวิตน้องคุณหละนะ”
จู่ๆ หมอดูฝรั่งก็เงยหน้าขึ้นมาจ้องมองเขม็งไปที่ณดลแล้วหันไปจ้องอนามิกาจนทั้งสองชักระแวง
“ยูสองคนนี้ ตาม destiny แล้ว ยูเป็น soul mate กันนะ” หมอดูบอก
“เอ่อ...ยังไงนะ?” ณดลงง
“ตามลายมือแล้ว ยูสองคนเป็นคู่แท้..เป็นเนื้อคู่กัน”
ณดลกับอนามิกาตกใจถึงกับร้องเสียงหลงขึ้นพร้อมกัน “เฮ้ย!”
ณดลผุดลุกขึ้นยืนทันที “พอดีกว่า เลิกเลย ขึ้นมาก็มั่วแล้ว” ณดลพูดกับหมอดู “จะบอกให้นะ” ณดลชี้ไปที่อนามิกา “ยัยนี่เป็นเมียน้องชายฉัน แล้วก็กำลังท้องอยู่ด้วย”
“Your brother’s wife!” หมอดูฝรั่งตกใจแล้วหันมาถามอนามิกา “You...pregnant?”
อนามิกาพยักหน้า “Yes, I do!”
“แต่เส้นลายมือมันบอกจริงๆ นะ” หมอดูยืนยัน
“ยูอย่าแถดีกว่า” ณดลหันมาหาอนามิกา “แถภาษาอังกฤษเค้าว่าไงเนี่ย” เขาหันกลับไปหาหมอดู “เอางี้นะ ต่อให้ยัยนี่ไม่ใช่เมียของน้องชายฉัน ฉันก็ไม่หลวมตัวเอามาเป็นเนื้อคู่อยู่ดี”
อนามิกาสะอึก หันมองหน้าณดลทันที “อ้าว!คุณ พูดงี้เหรอ” อนามิกาพูดกับหมอดูเพื่อประชดณดล “ฉันก็จะบอกให้เหมือนกันนะ ถ้าดวงชะตาฉันจะต้องเป็นเนื้อคู่กับผู้ชายคนนี้ ฉันขอชะตาขาดไปซะเลยดีกว่า”
“เธอว่าไงนะ” ณดลฉุน
“ก็ว่าอย่างที่คุณได้ยินน่ะแหละ”
ฝรั่งหมอดูแบมือขอเงิน “ค่าดูลายมือ ten pounds”
ณดลกับอนามิกาหันขวับไปตวาดใส่หน้าฝรั่งหมอดูพร้อมกัน “ไม่จ่าย!”
หมอดูฝรั่งถึงกับผงะและกลัวคู่นี้ไปเลย
ณดลกับอนามิกาหันขวับมาประจัญหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมลงให้ใคร แล้วอนามิกาก็ผละออกไป ณดลเดินตาม หมอดูลายมือจะเอ่ยทวงตังค์ แต่ทั้งสองก็ผละออกไปแล้ว

อนามิกาเดินกอดอกหน้ามุ่ยเพราะไม่อยากมองหน้าณดล ส่วนณดลเดินเพลิดเพลินกับการเดินถ่ายรูปบริเวณนั้นมาเรื่อยๆ
“ถ่ายจังเลย ถ่ายเข้าไป เห็นคน เห็นวิว ตึกรามบ้านช่องอะไรก็ถ่ายหมด เหลือแต่เท้าตัวเองนี่แหละที่ยังไม่ถ่าย” อนามิกาบ่นแล้วพอหันไปก็ต้องชะงัก “หา!”
เธอเห็นณดลกำลังยืนก้มถ่ายรองเท้าตัวเองกับพื้นสีสันสวยงามอยู่
อนามิกาเดินเข้ามาด้วยสีหน้างุนงงสงสัย “ถ่ายอะไรน่ะ”
“ก็...ถ่ายเท้าไง” ณดลยื่นจอหลังกล้องให้อนามิกาดู
อนามิกาเห็นว่าเป็นภาพรองเท้าของณดลบนพื้นที่จัดองค์ประกอบภาพได้อย่างสวยงาม
“อืม...ก็โอเคนี่” อนามิกาเดินต่อไป แล้วบ่นเบาๆ “ถ่ายทุกอย่างจริงๆ แฮะ คนเรา”
อนามิกาเดินนำ ณดลเดินตาม ทั้งสองเดินผ่านนลิณา เกตนิการ์ และจอห์นที่ยืนซุ่มอยู่บริเวณนั้น นลิณากับเกตนิการ์รีบหลบ พออนามิกากับณดลเดินผ่านไป ทั้งสามจึงออกมาจากที่ซ่อนแล้วมองตามไป
“That’s her” นลิณาบอกจอห์นด้วยเสียงอาฆาต
จอห์นพยักหน้ารับอย่างเหี้ยมเกรียม แล้วจึงเดินไปตามทิศที่อนามิกากับณดลเดินไป นลิณาก้าวตามได้สองก้าว เกตนิการ์ก็ตามมาดึงแขนไว้
เกตนิการ์พูดกับนลิณา “เพื่อความไม่ประมาท ฉันว่าเราแอบมองอยู่ห่างๆ จะดีกว่านะ”
“ได้ แต่ยังไงฉันก็ไม่อยากพลาดน่ะ ฉันอยากเห็นนังอะนามันแท้งกับตาของฉันเอง” สีหน้านลิณาฉายแววโหดร้ายออกมา

ณดลเดินถ่ายรูปไปพลาง ส่วนอนามิกาก็เดินเชิดๆ อยู่ไม่ห่างจากณดลเท่าไหร่
ณดลถ่ายรูปแล้วมองภาพที่จอด้านหลังของกล้อง “อ้าว...แบตจะหมดซะแล้ว”
อนามิกาบ่นณดลด้วยความสนุกปาก “ก็แหง..แปลกตรงไหน เห็นถ่ายเอา..ถ่ายเอา ถ่ายไม่หยุดอย่างกะคนท้องเสีย” อนามิกาหันมาเห็นณดลทำหน้าบึ้งใส่ก็ชะงักแล้วหยุดบ่น
“แต่จะว่าไป ฉันก็มัวแต่ถ่ายโน่นถ่ายนี่ ยังไม่มีรูปตัวเองเดี่ยวๆ เลยซักรูป”
พูดจบณดลก็ยื่นกล้องให้อนามิกา อนามิกาทำท่างงๆ
“ถ่ายให้ฉันที” ณดลบอก
อนามิการับกล้องมาอย่างไม่เต็มใจนัก “ก็ได้”
จอห์นแอบซุ่มอยู่ที่มุมหนึ่งอย่างประสงค์ร้าย เขายกมีดขึ้นมาถือกระชับในมือ
“ถอยไปสิ ถ่ายกว้างๆ หน่อย เน้นวิวน่ะ ถ้าถ่ายแคบๆ ให้เห็นแค่ตัวฉัน ก็ไม่ต้องลำบากบินมาถึงลอนดอนนี่หรอก ถอยไปสิ” ณดลสั่ง
“ย่ะ...เอ๊ย! ค่ะ” อนามิการับคำเซ็งๆ
อนามิกาถอยห่างจากณดลซึ่งเป็นทิศทางที่ใกล้กับจอห์นยิ่งขึ้น
“เอาละนะ...หนึ่ง..สอง” อนามิกานับถอยหลัง
ณดลยืนยิ้มแอ็คท่าถ่ายรูปอยู่แล้วพลันก็ร้องตกใจออกมาเสียงดัง “ระวัง!”
อนามิกาผงะ เธอหันไปก็เห็นจอห์นกำลังถือมีดพุ่งเข้ามาหา อนามิการีบหลบมีดเฉี่ยวตรงเสื้อบริเวณเอวจนขาดวิ่นเป็นริ้วซึ่งก็โดนผิวแบบเฉี่ยวๆ
“โอ๊ย!” อนามิการ้อง
จอห์นหันมาแล้วเงื้อมีดพุ่งเข้าไปหา อนามิกาจวนตัว เธอมองกล้องในมือแล้วตัดสินใจใช้กล้องขว้างเข้าใส่หน้าจอห์นเต็มๆ จอห์นร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด “อ๊าก...”
ณดลพุ่งเข้ามาทันที
“อนามิกา...หนีเร็ว”
จอห์นเอามือกุมหน้าแล้วหันรีหันขวาง เขาเห็นณดลมายืนขวางอนามิกาไว้เลยหยิบกล้องถ่ายรูปที่ตกอยู่ที่พื้นแล้ววิ่งหนีไป
“อ้าว..เฮ้ย...กล้องฉัน my camera” ณดลตะโกนตามไป
อนามิกาโกรธ “แก...ไอ้หัวขโมย”
อนามิกาหันไปเจอก้อนอิฐขนาดพอดีมือก็รีบหยิบ แล้ววิ่งตามไป ณดลรีบร้องห้ามไว้
“เดี๋ยว! อนามิกา แล้วเธอจะตามมันไปทำไม”
ณดลมองตามด้วยความเป็นห่วง ส่วนนลิณากับเกตนิการ์หดหัวหลบหลังกำแพงอย่างมิดชิด

จอห์นวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วพอเลี้ยวเข้าตรอกแคบ เขาก็ชะลอฝีเท้าเพราะนึกว่ารอดแล้ว ก่อนจะยกมือกุมใบหน้า “อูว”
จอห์นยกกล้องขึ้นมาดูแล้วก็ยิ้มด้วยความดีใจ แต่พอหันกลับไปก็ต้องสะดุ้งโหยงเพราะเห็นอนามิกาถือก้อนอิฐวิ่งเงื้อง่าเข้ามาหา
“Hey! Stop!” อนามิกาตะโกน
จอห์นวิ่งหนีไปอีกทาง อนามิกาวิ่งตาม ส่วนณดลวิ่งตามมาไกลๆ
“อนามิกา” ณดลร้องเรียก

จอห์นถือกล้องถ่ายรูปวิ่งหนี เขาวิ่งเลี้ยวเข้าตรอกมาแต่ก็ต้องเบรกตัวโก่งเมื่อเจอทางตัน เขาหันไปเผชิญหน้ากับอนามิกาที่วิ่งตามมาหยุดยืนหอบหายใจ
“Give me back my camera”
“You want this” จอห์นชูกล้องขึ้นมา ส่วนอีกมือยกมีดขึ้นมา “or this?”
จอห์นถือมีดเดินย่างเข้ามาหา อนามิกาผงะถอยแล้วเงื้อก้อนอิฐในมือขว้างออกไป จอห์นยกสองมือขึ้นบังแต่ก็โดนก้อนอิฐปาแสกหน้าจนร้องเสียงหลงมีดหลุดมือตกพื้น จอห์นทรุดลง คุกเข่าข้างหนึ่งยกมือขึ้นกุมหน้า
“อ๊าก...อู้ว”
อนามิการีบเข้าไปยื้อกล้องถ่ายรูปมาแล้วยกเท้าเตะจอห์นที่ยังนั่งทรุดอยู่เต็มแข้ง แล้วจึงกระโดดถอยออกมา
“ให้มันรู้มั่ง เล่นกะใครไม่เล่น มาเล่นกะคนไทย”
อนามิกาพูดจบก็ผงะเพราะโดนจอห์นดึงไว้ จอห์นตบฉาดเข้าที่หน้าอนามิกาไปเต็มๆ
“You bitch!”
“โอ๊ย!” อนามิการ้องเสียงหลง
จอห์นบีบคออนามิกา อนามิกาเอากล้องในมือตีเข้าที่หน้าของจอห์นเต็มแรง
ทันใดนั้นเสียงณดลก็ดังขึ้น “หยุดนะ!”
ณดลวิ่งเข้ามาแล้วกระโดดเข้ามาขวาง “Stop!!”
ณดลดึงตัวอนามิกาออกมาได้แล้วผลักจอห์นล้มลงไปบริเวณใกล้ๆ กับมีดที่ตกอยู่ จอห์นเหลือบมองมีด แล้วคว้ามีดก่อนจะค่อยๆ ขยับลุกขึ้นมา
ณดลหันมาถามอนามิกา “เธอเป็นอะไรรึเปล่า”
อนามิกาเห็นจอห์นถือมีดก็รีบร้องบอกณดลที่ยืนหันหลังให้จอห์นทันที
“ระวัง!”
ณดลหันมาเห็นก็ตกใจ จอห์นเงื้อมีดโผเข้ามา ณดลรีบหลบแล้วพุ่งเข้าไปกอดรวบประชิดตัวไว้ อนามิกายืนลุ้นอย่างหวาดเสียวและเป็นห่วงณดล
ณดลกอดรัดยื้อกับจอห์นอยู่ มือหนึ่งของเขาจับข้อมือของจอห์นไว้ไม่ให้จอห์นใช้มีดถนัด นลิณากับเกตนิการ์วิ่งตามมาแล้วรีบแอบมองอยู่ที่หน้าตรอกทางเข้า
“ตายแล้ว...ไอ้ฝรั่งนี่มันจะรู้มั้ยว่าอย่าทำร้ายคุณณดลน่ะ” เกตนิการ์ตกใจ
“มันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ ต้องรีบออกไปห้ามมัน”
พูดจบนลิณาก็จะปราดออกไป แต่เกตนิการ์รีบฉุดไว้
“จะบ้าเหรอนลิณา ขืนทำอย่างงั้น เค้าก็รู้หมดสิ ว่าเราเป็นคนจ้างมันมา”
ณดลกับจอห์นยังคงกอดรัดยื้อกันอยู่
“ตีเข่ามันสิ” อนามิกาตะโกนบอก
“หา! เธอว่าไงนะ” ณดลทวน
“กอดคอตีเข่าน่ะ ไม่รู้จักมวยไทยรึไง” อนามิกาบอก
ณดลพยักหน้ารับทราบแล้วประเคนเข่าอัดท้องจอห์นจนตัวโก่ง แล้วอัดเข่าซ้ำเข้าไปอีกที ก่อนจะบิดข้อมือทำให้มีดหล่น จอห์นเอาสองมือกุมท้องด้วยความจุก
ณดลย่ามใจจึงเดินเข้าหา “ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เอาให้ครบทุกท่าแม่ไม้มวยไทยไปเลยแล้วกันนะ”
ณดลเตะชายโครงจนจอห์นร้องเสียงหลงและตัวงอไปตามแรง ณดลเดินเข้ามา กางศอกแล้วสับเข้าไปที่หน้าอีกที
“พอแล้ว เรารีบไปจากที่นี่เหอะ” อนามิกาบอก
ณดลพูดอย่างห้าวหาญ “เดี๋ยว! ขอสั่งสอนมันก่อน จะได้เข็ดไม่กล้าไปทำใครเค้าอีก”
ณดลเดินอย่างห้าวหาเข้าไปหา แต่จอห์นเหวี่ยงหมัดสวนเข้าเต็มปาก ณดลถึงกับเซด้วยความมึน อนามิการีบเข้าไปประคองไว้
“ไหวมั้ยเนี่ย เร็ว!..วิ่ง”
อนามิกาฉุดกระชากลากณดลให้วิ่งไปด้วยกัน นลิณากับเกตนิการ์รีบหาที่หลบ พออนามิกากับณดลวิ่งเลยผ่านไป ทั้งสองจึงโผล่ออกมา
เกตนิการ์มองตาม “มันยังวิ่งปร๋อออกอย่างงั้น ฉันว่ามันคงไม่แท้งแล้วหละ”
นลิณาเหวี่ยงใส่ทันที “ฉันรู้! ไม่ต้องบอกก็ได้ ดูก็รู้แล้ว!”

เกตนิการ์ยิ้มแหยๆ และจ๋อยไป











Create Date : 02 เมษายน 2555
Last Update : 2 เมษายน 2555 23:55:08 น.
Counter : 208 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]