All Blog
แหม่มแก้มแดง ตอนที่ 4 (ต่อ)



ครู่ต่อมาบาทหลวงเปิดประตูเดินนำณดลกับอนามิกาเข้ามาในห้องๆ หนึ่งภายในบ้าน ณดลกับอนามิกาถึงกับอึ้งเมื่อเห็นเตียงนอนเล็กๆ แค่เตียงเดียว และแทบจะไม่มีเฟอร์นิเจอร์อื่นภายในห้องเลย

ทั้งสองมองหน้ากันยิ้มแหยๆ บาทหลวงหันมองหน้าทั้งสองแล้วถามขึ้น
“What’s wrong with you?”
“Oh! no. Father, everything’s okay. “ อนามิกาตอบ
“Feel free to call me if you want anything,” บาทหลวงชี้ไปทางห้องนอนของตน”My room is right there. Good night.” แล้วบาทหลวงก็เดินออกไป
“Good night, father.” อนามิกากับณดลกล่าวกับบาทหลวง
ณดลค่อยๆ ปิดประตูช้าๆ แล้วหันมาพูดกับอนามิกา “หลวงพ่อท่านใจดีมากๆ เลยเน๊อะ..หา” ณดลหันไปมองหาอนามิกา แล้วก็ต้องตาโตด้วยความตกใจเมื่อเห็นอนามิกานอนแผ่ ด้วยท่าทางสบายสุดๆ อยู่บนเตียง
ณดลเดินเข้ามายืนใกล้ๆ เตียงแล้วบ่นใส่
“นี่...ปรึกษาฉันซักคำรึยัง ขึ้นไปนอนอ้าซ่าบนเตียงแบบนี้น่ะ”
อนามิกาสะดุ้ง รีบขยับนอนในท่าทางที่มิดชิดขึ้น แล้วจึงลุกนั่ง “ก็แล้วคุณจะให้ฉันนอนกับพื้นรึไง” อนามิกาแกล้งลูบที่ท้องแล้วบีบเสียงน่าสงสาร “..ในเมื่อฉันกำลังท้องอยู่น่”ะ
ณดลรีบแก้ตัว “รู้น่า...ฉันไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำขนาดจะแย่งเตียงผู้หญิงท้องหรอกน่า”
อนามิกาเปลี่ยนจากเสียงน่าสงสาร เป็นน้ำเสียงแบบมะนาวไม่มีน้ำทันที “งั้นคุณนอนกับพื้นไปแล้วกันนะ”
อนามิกาโยนหมอนใบหนึ่งลงพื้นให้ณดล ณดลฉุนแต่ก็ทำอะไรอนามิกาไม่ได้ อนามิกานอนอย่างสบายพร้อมกับยิ้มอย่างสะใจที่ได้แกล้งณดล

เมธาวี ณภัทร และอัธวุธยืนอยู่บริเวณหน้าโรงแรมที่พักอย่างกระวนกระวายใจ ทุกคนเพิ่งกลับมาจากปราสาทและยังไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะเฝ้ารอณดลกับอนามิกาอยู่ สักพักนลิณากับเกตนิการ์ก็เดินออกมาจากที่พักด้วยท่าทางวิตกกังวล
“คุณณดลยังไม่กลับมาเลย” นลิณาบอก
“แล้วอะนาล่ะ” ณภัทรถาม
“ก็ยังไม่เห็นเหมือนกัน” เกตนิการ์ตอบ
เมธาวีเริ่มใจเสีย “ตายแล้ว...จะทำยังไงกันดีล่ะ สงสัยรถต้องไปเสียอยู่ที่ไหนแน่ๆ เลย”
อัธวุธหันมาต่อว่านลิณา “นี่ไง เพราะรถที่เธอเช่ามาน่ะแหละ ป่านนี้ทั้งคู่ต้องไปตกระกำลำบากอยู่ที่ไหนแล้วก็ไม่รู้”
“อย่ามาโทษฉันเลยนะ หรือเราออกไปแจ้งคนหาย ให้ตำรวจเค้าช่วยหา” นลิณาบอก
“ปกติ แจ้งคนหาย ต้องเกินยี่สิบสี่ชั่วโมงก่อน เค้าถึงรับแจ้งไม่ใช่เหรอ” เกตนิการ์ท้วง “ไม่รู้ที่นี่เค้ายึดถือกฏนี้รึเปล่านะ”
“ใจเย็นๆ ก่อนดีกว่าพวกเรา รอดูอีกนิด ฉันเชื่อว่าคนอย่างพี่ณดล กับอะนาต้องเอาตัวรอดได้แน่ๆ น่ะ” ณภัทรมั่นใจ
“แต่เมไม่สบายใจเลย ยังไงพี่อะนาก็เป็นผู้หญิงนะ อากาศข้างนอกก็หนาวซะขนาดนี้” “นี่...ฉันว่าเราอย่าเพิ่งตื่นตูมไปหน่อยเลยดีกว่ามั้ย รอถึงพรุ่งนี้เช้า ถ้าเค้าสองคนยังไม่กลับมา เราค่อยว่ากันใหม่ดีกว่า” เกตนิการ์เสนอ
ทุกคนมองหน้าเป็นเชิงปรึกษากัน ต่างคนก็ต่างไม่สบายใจ เมธาวีดูจะใจเสียและเป็นห่วงอนามิกามากกว่าคนอื่นๆ จนคล้ายจะร้องไห้ “ป่านนี้พี่อะนาคงจะตกระกำลำบากอยู่ที่ไหนซักที่แน่ๆ”

อนามิกานอนยิ้มอย่างอุ่นและสบายอยู่ใต้ผ้าห่มที่ทั้งหนาทั้งนุ่ม ณดลที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ เดินมาในชุดนอนเสื้อกับกางเกงของบาทหลวง เขาใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดที่ผมตัวเอง
อนามิกาหันไปเห็นณดลแล้วก็ขำ “คุณใส่ชุดอะไรน่ะ”
“ของบาทหลวงท่านให้ยืมใส่ มีชุดเปลี่ยนก็บุญแล้วน่ะ ว่าแต่เธอเหอะ ใจคอจะไม่อาบน้ำก่อนนอนซักหน่อยเหรอ เห็นแก่จมูกของคนที่ต้องนอนห้องเดียวกันบ้างเหอะ”
อนามิกาลุกพรวดขึ้น “ฉันกำลังจะลุกอยู่พอดีย่ะ”
อนามิกาลุกขึ้นแล้วเดินมา จังหวะที่เดินเฉียดมาใกล้กับณดล ไฟก็ดับวูบจนทั้งห้องมืดสนิท
“ว๊าย! คุณปิดไฟทำไม” อนามิการ้องออกมา
“ฉันไม่ได้ปิด ไฟมันดับเอง” ณดลบอก
“โอ๊ย..มืดตึ๊ดตื๋อเลย ฉันยิ่งกลัวผีอยู่ด้วย”
“จะกลัวทำไม มืดซะขนาดนี้ ต่อให้ผีมาหลอกตรงหน้าเธอ เธอก็มองไม่เห็นอยู่ดี”
“แล้วจะพูดทำไมเนี่ย เอ๊! ก็บอกว่าฉันกลัว”
อนามิกายกมือขึ้นคลำทาง แต่กลับไปคลำเอาใบหน้าของณดล
“อะไรเนี่ย” อนามิกาถาม
ณดลตอบเสียงเข้ม “นี่...นี่ หน้าฉันเอง พอแล้ว”
ทันใดนั้น ไฟก็สว่างขึ้น อนามิกายังชะงักค้างในท่าที่มือยังแปะอยู่บนใบหน้าของณดล
“อ้าว...อุ๊ย! โทษที ฉันแค่จะคลำทาง”
ณดลชักสีหน้าไม่พอใจ “ไม่เป็นไร เธอรีบไปอาบน้ำเถอะ”
“ไม่เอาหละ เดี๋ยวไฟดับอีก ฉันกลัวผีน่ะ” อนามิกาปัด
“เธอรู้ได้ไงว่าที่อังกฤษก็มีผีเหมือนเมืองไทย”
“บอกว่าอย่าพูด”
ณดลได้ทียิ่งจงใจแกล้ง “แล้วผีอังกฤษนี่กลัวพระเครื่อง กลัวสายสิญจน์เหมือนผีไทยเรามั้ย”
“หยุดพูดเรื่องผีได้มั้ย ฉันกลัว”
อนามิกาพูดยังไม่ทันขาดคำ ไฟก็มืดสนิทลงอีก อารามตกใจ อนามิกาจึงกระโดดกอดณดลเต็มวงแขน “ว๊าย!”
ณดลอึดอัดเพราะถูกกอดรัดแน่น “โอ๊ย..เบา ฉันจะหายใจไม่ออกแล้ว”
“ทำไมถึงหายใจไม่ออกล่ะ” อนามิกาถามงงๆ
“ก็เธอกอดฉันแน่นซะขนาดนี้”
“หา! นี่ฉันกอดคุณอยู่เหรอ”
อนามิกาพูดขาดคำ ไฟในห้องก็สว่างพอดี อนามิกาชะงักตัวแข็ง เพราะเห็นจะๆ ว่าเธอกอดรัดณดลแน่นจนหน้าแทบจะแนบชิดกัน
“ปล่อยฉันได้รึยัง ฉันอึดอัด” ณดลถาม
อนามิกาเขิน “เอ่อ...ฉัน..ไม่รู้ตัว...ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
อนามิกาค่อยๆ คลายวงแขนแล้วผละออกมาจากณดล เธอรู้สึกหน้าชาเพราะเสียฟอร์ม ณดลส่ายหน้าขำๆ ด้วยความเอ็นดู

อัธวุธนุ่งผ้าเช็ดตัวและพันผมด้วยผ้าเช็ดตัวอีกผืนอยู่ในห้องพักซอมซ่อ เขาเดินเข้ามาหาเมธาวีที่นั่งกังวลและเป็นห่วงอนามิกาอยู่บนเตียง
“อู๊ย...สดชื่น ถึงห้องจะโทรมมาก ถึงโทรมที่สุด แต่ในห้องน้ำก็ยังมีน้ำอุ่นให้อาบนะยะ”
“ไม่รู้ป่านนี้พี่อะนากับพี่ณดลจะอยู่ยังไง จะได้อาบน้ำอุ่นแบบเรามั้ยนะ” เมธาวีเป็นห่วง
“อู๊ย...ยัยเม เธอจะกังวลไปไหน สองคนนั้นเค้าไม่เป็นอะไรหรอกน่า เราห่วงไปก็แค่นั้น รีบอาบน้ำแล้วนอนดีกว่า เดี๋ยวเช้ามา ค่อยว่ากัน”
เมธาวีตอบไม่เต็มเสียง “ก็ได้”
เมธาวีตลบชายเสื้อขึ้นเพื่อจะถอดเสื้อยืดคอกลมที่สวมทับ ทำให้เสื้อปิดใบหน้าและศีรษะไว้ อัธวุธเดินย้อนไปทางห้องน้ำโดยทิ้งให้เมธาวีอยู่คนเดียวโดยที่เมธาวีไม่รู้ตัว เส้นผมของเมธาวี เกี่ยวติดกับเสื้อ ทำให้เธอยกชายเสื้อตลบปิดหน้าและปิดศีรษะค้างไว้อย่างนั้น
เมธาวีพูดทั้งที่เสื้อยังคลุมศีรษะอยู่ “โอ๊ย!พี่อาร์ท...เมถอดไม่ออก ช่วยหน่อยสิ”
ณภัทรเดินเข้ามาในห้อง เขามองไปที่เมธาวีอย่างงงๆ เพราะเห็นเมธาวีนั่งอยู่บนเตียงในท่าชูสองแขนตลบเสื้อไปปิดหน้าจนเห็นเสื้อซับในสายเดี่ยว คอลึก เนื้อผ้าบางเบาที่เธอสวมอยู่
“เร็วสิ! ช่วยถอดเสื้อให้หน่อย มันติดผมเมน่ะ ช่วยหน่อย” เมธาวีเร่ง
ณภัทรงงแล้วชี้ที่ตัวเองเพราะไม่แน่ใจว่าเมธาวีเรียกตัวเองหรือเปล่า
“มัวรออะไรอยู่ล่ะ เร็วสิ ช่วยดึงเสื้อหน่อย” เมธาวีเร่ง
ณภัทรรีบพยักหน้ารับแล้วเข้าไปช่วยถอดให้ พอถอดเสื้อพ้นศีรษะออกมาได้ เมธาวีก็พูดขอบคุณเพราะนึกว่าเป็นอัธวุธที่มาช่วยถอดเสื้อ
“ขอบคุณนะพี่อัธวุธ” เมธาวีเห็นว่าเป็นณภัทรก็ตาโตด้วยความตกใจ “ว๊ายย! ภัทร มาถอดเสื้อเมทำไม”
เมธาวีรู้สึกตัวก็รีบก้มสำรวจตัวเอง แล้วก็รีบกอดอกปิดไว้อย่างมิดชิด
ณภัทรพูดเสียงหลง “เอ๊า...ก็เมเป็นคนเรียกให้ช่วยเองนะ”
เมธาวีหน้าแหย “อ้อ...จริงสิ ก็เมนึกว่าเป็นพี่อาร์ท แล้วเมื่อกี้..เอ่อ..เมโป๊รึเปล่า”
“เปล่านี่...ไม่ได้โป๊ ก็เมใส่เสื้อซับในที่เป็นสายเดี่ยว ผ้าบางๆ คอลึกๆ”
เมธาวีรีบตัดบทด้วยความอาย “พอๆๆไม่ต้องพูดแล้ว” เมธาวีมองหาอัธวุธ “แล้วพี่อาร์ทหายไปไหนเนี่ย... พี่อัธวุธ” เมธาวีเรียกเสียงดัง
“จ้า” อัธวุธที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนแล้วเดินเฉิดฉายเข้ามา
“อ้าว! ภัทร” อัธวุะหันมาถามเมธาวี “เรียกทำไม มีอะไรยะ” เมธาวีไม่ตอบ อัธวุธก็หันไปเลิกคิ้วถามณภัทร
“อ๋อ..คือว่าเมเค้ากำลังถอดเสื้อ แล้วเค้าก็เรียกให้ช่วยถอด” ณภัทรอธิบาย
เมธาวีรีบยื่นฝ่ามือปิดปากณภัทรไว้ “ไม่ต้องเล่าก็ได้” เมธาวีหันมาหาอัธวุธ “ไม่มีอะไรหรอกพี่อาร์ท”
อัธวุธงงแล้วก็เปรยเบาๆ “อะไรของแกสองคนเนี่ย”
ณภัทรกับเมธาวีมองหน้ากัน ณภัทรอดขำออกมาไม่ได้ ในขณะที่เมธาวีทั้งเขินทั้งอาย แต่ทั้งสองก็ยิ่งทวีความรู้สึกดีต่อกันเพิ่มมากขึ้น

ณดลกำลังหวีผมตนเองที่จวนจะแห้งอยู่ในห้อง อนามิกาเดินถือผ้าเช็ดตัวเช็ดผมเข้ามา ณดลหันไปเห็นแล้วแทบจะขำออกมาเพราะว่าอนามิกาก็อยู่ในชุดนอนแบบเดียวกับตนเปี๊ยบ แต่ดูใหญ่โคร่งเพราะเป็นเสื้อผ้าไซส์เดียวกับที่ณดลใส่
อนามิกาทำตาเขียวใส่ “เป็นอะไรมากมั้ย ก็บาทหลวงท่านมีแต่ชุดแบบนี้”
“เปล่า ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่จริงๆ ชุดนี้ก็ดูดีกว่าชุดที่เธอใส่มาซะอีกนะ ฮ่าๆๆ เอ้อ...แล้วเป็นไง ตอนอาบน้ำ นึกกลัวผีขึ้นมาบ้างมั้ย”
“จะเหลือเหรอ ยิ่งตอนสระผมนี่ จะลืมตาแต่ละที...มีลุ้นตลอด”
“ไม่แน่นะ ผีอาจจะไม่อยากหลอกเธอในห้องน้ำ เพราะทนสภาพเธอโป๊ไม่ได้ บางที ผีอาจจะตามเข้ามาหลอกเธอในห้องตอนนี้ก็ได้”
“เลิกพูดเล่นแบบนี้ซะทีได้มั้ย” แล้วไฟก็ดับขึ้นมาอีกครั้ง อนามิการ้องลั่น “ว๊าย!”
อนามิกาตกใจกระโดดเข้ากอดณดลอีกครั้ง
“โอ๊ย..ปล่อย จะกอดแน่นไปไหน”
อนามิการู้สึกตัวจึงรีบถอยออกมา “ฉันเปล่านะ”
“เปล่าอะไร ก็อยู่กันแค่สองคน”
“ไม่ใช่อย่างงั้น ฉันหมายถึงฉันเปล่ากอดคุณเพราะอยากกอด ฉันแค่ตกใจ”
อนามิกาเริ่มสงบลง แต่ในความมืด จู่ๆ ก็มีใบหน้าหนึ่งสว่างวาบขึ้นมาในระยะใกล้ อนามิกาหันไปเห็นแล้วก็กรีดร้องด้วยความตกใจ
“กรี๊ดดด!” อนามิกาโผเข้ากอดณดลอีกครั้ง
ลำแสงสว่างวาบขึ้นในห้อง ณดลเห็นว่าเป็นใบหน้าของบาทหลวงที่ถือไฟฉายเดินเข้ามา แสงจากไฟฉายช้อนใต้คางทำให้ดูน่ากลัว
อนามิกายังคงกอดซุกใบหน้ากับอกของณดล
“Oh! Sorry. It’s me. I’m a priest not a ghost.” บาทหลวงบอก
“อนามิกา...ท่านบอกว่าท่านเป็นพระ ไม่ได้เป็นผี” ณดลบอก
อนามิกาค่อยๆ ถอนใบหน้าออกจากอกณดลแล้วหันมามอง “อ้าว!”
“The electricity in this town often got problem. I’m here to bring you a flashlight.” บาทหลวงยื่นไฟฉายอีกกระบอกให้
“อ๋อ..ท่านอุตส่าห์เอาไฟฉายมาให้” อนามิกาค่อยๆ รับไฟฉายมา “Thank you very much
,father.”
บาทหลวงยิ้มอย่างใจดี แล้วเอาไฟฉายที่ถือมาอีกกระบอก ส่องทางเดินแล้วเดินออกจากห้องไป
“เฮ่อ..หมดกัน เสียฟอร์มหมด ท่านคงนึกว่าฉันกลัวผีซะจน...” อนามิกาหันไปส่องไฟเสยที่หน้าณดล แล้วเธอก็ตกใจร้องออกมาเอง “ว้าย”
“นี่...หน้าฉันมันสยองขนาดนั้นเลยเหรอ” ณดลถาม
“ก็...ทำนองนั้นมั้ง”
ทันใดนั้น ไฟในห้องก็กลับมาสว่างอีกครั้ง ณดลมองอนามิกาแล้วหัวเราะขำเยาะเย้ย
“โธ่เอ๊ย...เห็นทำเป็นเก่งอยู่ตั้งนาน ที่แท้ก็กลัวผีซะจนกรี๊ดแต๋วแตก” ณดลขำ
อนามิกาได้แต่มองค้อนณดลเพราะเถียงอะไรไม่ออก

ประตูห้องพักหรูค่อยๆ แง้มเปิดอย่างช้าๆ เกตนิการ์แทรกตัวเข้ามาในห้องด้วยท่าทีลับๆ ล่อๆ พร้อมกับถือไวน์มาด้วยขวดหนึ่ง
“คุณณดลไม่กลับมา ก็หมายความว่า..นายภัทรนอนอยู่ห้องนี้คนเดียว...” เกตนิการ์พูดกับตัวเอง
เกตนิการ์เดินเข้ามาในห้องแล้วก็เห็นร่างหนึ่งนอนคลุมโปงอยู่ในผ้าห่มเธอก็ยิ้มอย่างพอใจ เกตนิการ์ยื่นมือไปสะกิดเบาๆ
“ภัทร...ภัทร...”
ร่างในผ้าห่มขยับเล็กน้อย เกตนิการ์ส่งเสียงเว้าวอนออดอ้อนทันที
“ลุกขึ้นมาจิบไวน์เป็นเพื่อนหน่อยสิ...ฉันนอนไม่หลับอ้ะ แหม..ไม่ต้องมาแกล้งหลับเลยนะ” เกตนิการ์ขยับมานั่งบนเตียง “ภัทรเนี่ย...”
เกตนิการ์โน้มใบหน้าไปใกล้ เธอค่อยๆ เปิดผ้าห่มออกมาแล้วก็ต้องร้องลั่น เพราะเห็นว่าเป็นอัธวุธที่นอนอยู่ในผ้าห่ม อัธวุธลุกพรวดขึ้นมาด้วยความรวดเร็วทำให้ริมฝีปากของเขาไปจุ๊บกับริมฝีปากของเกตนิการ์เต็มๆ เกตนิการ์ผงะออกแล้วกรีดร้อง อัธวุธเองก็ร้องลั่นด้วยความตกใจ
“ว๊ายย!!”
“นี่เธอเข้ามาทำอะไรในห้องนี้ยะ” เกตนิการ์ถาม
“ฉันต่างหากที่ควรจะถามว่าเธอเข้ามาทำไม” อัธวุธสวนกลับ
“ฉันถามก่อน ก็ตอบฉันมาก่อนสิยะ”
“ก็นายภัทรชวนฉันกับยัยเมให้ย้ายมานอนห้องนี้น่ะสิยะ”
ทันใดนั้นเสียงณภัทรก็ดังขึ้น “อ้าว...เกด”
เกตนิการ์หันไปก็เห็นณภัทรกับเมธาวีเดินเข้ามา ทั้งสองหอบกระเป๋าเสื้อผ้า และกระเป๋าเครื่องสำอางมาด้วย
“ยังไม่นอนเหรอเกด” ณภัทรถาม
“เอ่อ...คือ...คือ...” เกตนิการ์อ้ำอึ้ง
“แล้วนั่นถืออะไรมาน่ะ” ณภัทรถาม
เกตนิการ์รีบเอาขวดไวน์หลบข้างหลัง “ฉะ ฉันแค่แวะมาราตรีสวัสดิ์น่ะ ราตรีสวัสดิ์นะทุกคน” เกตนิการ์หลบตาทุกคนเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
เมธาวีกับณภัทรมองตามเกตนิการ์ไปอย่างงงๆ

ไฟหัวเตียงภายในห้องนอนบ้านบาทหลวงเปิดไว้ อนามิกาค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกหนาวจนตัวสั่น เธอขดตัวแล้วกอดหมอนข้างแน่น ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ปิดถึงปลายคาง
“บรื๋ออ...หนาวชะมัดเลย” อนามิกาครางออกมาเบาๆ
อนามิกาพริ้มหลับตาลง แล้วพลันก็ลืมตาโพลงเพราะนึกถึงณดลขึ้นมา เธอรีบหันตะแคงไปมองก็เห็นณดลนอนกับพื้นแบบไม่มีผ้าห่ม เขาขดตัวงอเป็นกุ้งพร้อมกับส่งเสียงครางเบาๆ ออกมา
อนามิกายิ้มเยาะอย่างสะใจ เธอพริ้มหลับตาแต่แล้วก็รู้สึกสงสารขึ้นมาจึงลืมตาโพลง อนามิกาจับผ้าห่มมองอย่างชั่งใจสักครู่ ก่อนจะหันตะแคงแล้วชะเง้อพูดกับณดล
“คุณ...” อนามิกาเรียกเสียงดังขึ้น “คุณณดล”
ณดลลืมตามองอนามิกา ในสภาพที่ยังกอดอกแน่นแล้วถามเสียงสั่นเครือด้วยความหนาว “หือ..มีอะไร”
อนามิกาขยับตัวแล้วเลิกผ้าห่มขึ้น “พื้นมันเย็นใช่มั้ย ขึ้นมานอนนี่ดีกว่า”
ณดลแทบไม่เชื่อหูตัวเอง “เธอว่าไงนะ?”
“ขึ้นมานอนห่มผ้าบนเตียงนี่ ฉันเห็นคุณนอนกับพื้นแล้วสงสารน่ะ”
ณดลรู้สึกเซอร์ไพรส์สุดๆ “นี่ฉันหูฝาดหรือว่าฝันไปเนี่ย คนอย่างเธอก็มีน้ำใจ รู้จักเป็นห่วงคนอื่นเหมือนกันนี่นะ”
อนามิกาเริ่มเสียงแข็งใส่ “จะขึ้นมานอนมั้ย ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ”
ณดลรีบลุกขึ้น แล้วหอบหมอนมาที่เตียง แต่ก็ต้องชะงักเพราะอนามิกาพูดขึ้นมา “เดี๋ยว!”
“นั่นไง...ฉันว่าแล้ว เธอแค่อยากจะแกล้งฉันใช่มั้ย คนอย่างเธอหรือจะมีน้ำใจแบ่งปันผ้าห่มให้ใคร” ณดลจะหันกลับไปนอนที่เดิม
“หยุดมองฉันในแง่ร้ายได้แล้ว” อนามิกาขยับหมอนข้างมาวางกั้น “ฉันแค่จะเอาหมอนข้างมากั้นไว้ อ้อ! ขอเตือนก่อนนะ ถึงคุณจะเป็นพี่เขยฉัน แต่ถ้าขืนมาโดนเนื้อต้องตัวฉันละก็..ได้กระเด็นตกเตียงแน่”
“โอ๊ย..สบายใจเหอะ ฉันไม่ได้อยากจะแตะเนื้อต้องตัวเธออยู่แล้ว ห่วงแต่เธอนั่นแหละ อย่าเผลอมานอนก่ายฉันเองก็แล้วกัน”
“ฝันเหอะ! ฉันนอนหละนะ” อนามิกาพูดห้วนๆ “ราตรีสวัสดิ์”
อนามิกานอนตะแคงหันหลังให้ทันที ณดลขยับไปนอนบนเตียงแล้วพลิกตัวตะแคงโดยรักษาระยะห่างจากอนามิกา ทั้งสองหันหน้าไปคนละทาง ณดลรู้สึกอุ่นสบายเพราะไม่หนาวอีกต่อไป

เช้าวันใหม่ ณดลกับอนามิกานอนหลับโดยหันตะแคงใบหน้าเข้าหากัน ทั้งสองกอดกันกลมโดยไม่รู้ตัวเพราะความหนาว ส่วนผ้าห่มลงไปกองอยู่ที่หัวเข่าของทั้งคู่แล้ว
อนามิกากับณดลค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมๆ กัน ทั้งสองมองตากันแล้วนิ่งสักพัก แล้วก็พริ้มหลับตาก่อนจะนึกขึ้นได้จึงรีบลืมตาโพลงขึ้นมาพร้อมกัน แล้วก็ต้องตกใจที่อยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน
อนามิกาเอาฝ่ามือดันหน้าของณดลออกไป “ทำอะไรน่ะ! นี่คุณกอดฉันเหรอ?”
ณดลสะดุ้งรีบชักมือกลับ แต่พอก้มมองก็เห็นขาของอนามิกาก่ายต้นขาของตนอยู่
“รีบออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้นะ” อนามิกายังไล่
ณดลขยับจะถอยออกแต่โดนขาอนามิกาก่ายทับไว้ เลยชี้ไปที่ขาของอนามิกา “เอ่อ...ฉันจะไปไหนได้ล่ะ ขาเธอน่ะ จะก่ายฉันอีกนานมั้ย”
อนามิกาก้มมอง พอรู้สึกตัวก็รีบชักขากลับ เธอรู้สึกหน้าชาเพราะเสียฟอร์ม แต่ก็ยังโวยต่อ
“อ้าว! เอ่อ...แล้วหมอนข้างที่ฉันวางคั่นกลางไว้ล่ะ”
“ฉันจะไปรู้เหรอ”
“คุณไม่ได้เอาหมอนข้างออก แล้วแอบกอดฉันตอนหลับใช่มั้ย” อนามิกาถาม
“จะบ้าเหรอ..คิดไปได้นะ เห็นฉันเป็นคนยังไงกัน เธอเองแหละมั้ง ที่เอาหมอนข้างออก แล้วเอาขามาก่ายฉัน”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจย่ะ ก็แค่หนาว ก็เลยก่ายอะไรไปเรื่อย”
“หรือว่า...เธอละเมอนึกว่าฉันเป็นไอ้ภัทร ก็เลยตะกายซะ”
“นี่หยุดนะ ฉันไม่ละเมอทำอะไรทุเรศแบบนั้นหรอกย่ะ”
“ล้อเล่นน่า...ฉันว่าเรารีบลุกไปจัดการเรื่องรถให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า”
“ก็ดี...ป่านนี้ พวกเราที่รออยู่ คงเป็นห่วงกันแย่แล้ว” อนามิกาเห็นด้วย

นลิณานั่งอยู่ที่เก้าอี้ในสวนของโรงแรม จู่ๆ ก็ลุกพรวดขึ้นมาระบายอารมณ์กับเกตนิการ์
“ฉันหละเป็นห่วงยัยอะนาจริง..จริ๊ง”
“เธอเนี่ยนะเป็นห่วงยัยอะนา นี่อากาศหนาวทำให้เพี้ยนไปรึเปล่ายะ” เกตนิการ์งง
“ฉันไม่ได้ห่วงว่ามันจะเป็นยังไงหรอกนะ แต่ฉันห่วงว่ามันจะคาบคุณณดลไปกินตะหาก”
“คิดมากไปเหรอเปล่า อย่าลืมว่า คุณณดลก็รู้อยู่แก่ใจว่ายัยอะนาท้องอยู่นะ”
“โอ๊ย..ฉันไม่ไว้ใจหรอกย่ะ เธอก็รู้ว่ายัยนี่มันแพรวพราวซะขนาดไหน ยิ่งได้มีโอกาสค้างคืนกับคุณณดลแบบนั้น จะไม่ให้ฉันห่วงได้ไง”
“เฮ้อ...ถ้าฉันเป็นเธอ ก็คงจะแค้นยัยอะนามากๆ เลยนะ ไหนจะแย่งว่าที่คู่หมั้นของน้องสาวเธอ แล้วนี่ก็ยังจะฉกผู้ชายที่เธอปลื้มไปกินซะอีก” เกตนิการ์รีบใส่ไฟ
“นั่นสินะ ปล่อยมันไว้ไม่ได้แล้ว แต่นังนี่ก็หนังเหนียวซะเหลือเกิน จะทำอะไรมัน ก็รอดไปได้ซะทุกครั้ง เธอว่าฉันควรจะเอาเรื่องมันยังไงดี”
“ไม่ยากนี่...ก็ถ้าเราเอามันไม่อยู่ เราก็ต้องยืมมือผู้ใหญ่ให้ลงมาจัดการ”
“ผู้ใหญ่? หมายถึงใครยะ” นลิณางง
“ก็คุณพ่อเธอน่ะสิ โทรไปบอกเรื่องยัยอะนากับนายภัทร แล้วให้คุณพ่อเธอไปโวยกับทางพ่อแม่ของคุณณดลกับนายภัทรซะ”
“จริงด้วยสินะ ครอบครัวนั้นเค้าเกรงใจคุณพ่อฉันสุดๆ ให้คุณพ่อไปจัดการ ยังไงซะก็น่าจะดีกว่าเราจัดการกันเอง” นลิณาเห็นด้วย
เกตนิการ์รีบสะกิดนลิณาให้หยุดพูดก่อน แล้วจึงพยักหน้าไปทางที่ณภัทรเดินตรงเข้ามา
“ภัทร ว่าไงจ๊ะ โทรติดต่อพี่ณดลกับอนามิกาได้หรือยัง” เกตนิการ์ทัก
“อ้าว! ไม่มีใครบอกเธอสองคนเหรอว่า พี่ณดลกับอะนากลับมาแล้ว” ณภัทรบอก
“หา!?” เกตนิการ์กับนลิณาตกใจ
“คุณณดลไม่เป็นอะไรใช่มั้ย” นลิณารีบถาม
“โอ๊ย..สบายมาก เค้าสองคนต้องไปนอนค้างคืนกันด้วยนะ ฮ่าๆๆ โอ๊ย..พี่ชายฉันกับอะนาเล่าให้ฟังนี่อย่างฮาเลย ฮ่าๆๆ”
ณภัทรเอาแต่หัวเราะจึงไม่ได้สังเกตว่านลิณาเครียดจนอกจะแตกและแทบจะกรี๊ดออกมา แต่ก็กัดฟันอดทนไว้
“แล้วมัน...เอ่อ...แล้วอะนาอยู่ไหนเหรอจ๊ะ” นลิณาถาม
“ก็...อาบน้ำอยู่ในห้องน่ะ เธอเข้าไปหาเค้าสินีน่า” ณภัทรบอก
นลิณากัดฟันพูดอย่างอาฆาต “ไปแน่...ฉันไปหายัยอะนาแน่”
นลิณากัดฟันด้วยความเคียดแค้น เกตนิการ์มองหน้าเพื่อนแล้วยิ้มอย่างสะใจเพราะรู้ดีว่านลิณาจะเอาเรื่องอนามิกาแน่ๆ

อนามิกาเดินเอาผ้าเช็ดตัวเช็ดผมที่เพิ่งสระออกมาจากห้องน้ำ เธอเดินตรงไปที่ประตูห้องซึ่งมีเสียงเคาะถี่ๆ อย่างเร่งร้อน
“มาแล้ว...มาแล้ว ยัยเมใช่มั้ยเนี่ย ก็บอกแล้วไงว่าให้กินมื้อเช้ากันไปก่อนได้เลย เดี๋ยวฉันตามไป” อนามิกาเปิดประตูแล้วก็ชะงักตกใจ “นีน่า”
“ตกใจอะไรเหรอยะ” นลิณาถามกลับ
นลิณาก้าวเข้ามาในห้องแล้วตามมาด้วยเกตนิการ์ซึ่งตามมาคุมเชิง
“เธอมีอะไรเหรอนลิณา” อนามิกาถาม
“ฉันจะมีอะไร แกนั่นแหละ มีอะไรกับคุณณดลหรือเปล่า บอกความจริงฉันมานะ ที่ไปค้างคืนด้วยกันมา แกทำอะไรกับคุณณดลบ้าง”
“อย่าพูดซี้ซั๊วได้มั้ย อย่าลืมสิว่าฉันเป็นน้องสะใภ้คุณณดล แล้วจะไปมีอะไรกันได้ยังไงยะ”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ เคยได้ยินแต่พระยาเทครัว แต่ของเธอนี่มันนางพญาเทครัว กะจะกินรวบทั้งพี่ทั้งน้อง” นลิณาว่า
“เธอนี่มันเหลือเกินจริงๆ นะ ความคิดสกปรก แล้วยังพูดจาสกปรกอีก” อนามิกาไม่พอใจ
“แกด่าฉันเหรอ”
พูดจบนลิณาก็เข้าไปตบหน้าอนามิกาเป็นพัลวัน อนามิกาไม่ทันตั้งตัวก็ล่าถอยและได้แต่ยกมือปิดป้อง
“ขอตบให้หายแค้นทีเถอะ”
นลิณายังคงตบต่อไม่หยุด โดยมีเกตนิการ์ยืนยิ้มเยาะคุมเชิงอยู่












Create Date : 02 เมษายน 2555
Last Update : 2 เมษายน 2555 23:57:20 น.
Counter : 209 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]