|
รุไบยาต : มณีปัญญาแห่งบูรพทิศ ฮะกิม โอมาร์ คัยยัม : รจนา เอ็ดเวิร์ด ฟิทซ์เจอรัลด์ : พากย์อังกฤษ สุริยฉัตร ชัยมงคล : พากย์ไทย สํานักพิมพ์ : เคล็ดไทย(พิมพ์ครั้งแรก พฤศจิกายน ๒๕๒๘) จํานวนหน้า : ๑๖๗ หน้า
รุไบยาตทั้งเจ็ดสิบห้าบทนี้ สะท้อนให้เห็นถึงจิตวิญญาณดวงหนึ่ง ซึ่งไม่ยึดติดกับแบบแผน หรือค่านิยมของสังคม ไม่ถูกครอบไว้ด้วยความมัวเมาในวิทยาความรู้ หรือโภคสมบัติ หรืออำนาจ
ลักษณ์เด่นที่สุดที่แฝงอยู่ในบทกวีของโอมาร์ คัยยัมก็คือ หนึ่งในพระไตรลักษณ์ของพระพุทธศาสนานั่นเอง
รุไบยาตอุทานถึงอนิจจัง หรือความไม่เที่ยงแท้แทบจะทุกบท
ก็ด้วยตระหนักในความไม่เที่ยงแห่งชีวิตนี้เอง โอมาร์จึงไม่ยอมปล่อยให้ปัจจุบันอันทรงคุณค่าของตน ถูกพันธนาการด้วยอดีตที่ล่วงมาแล้ว และอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
หนังสือเล่มนี้เป็นอีกหนึ่งเล่มที่ต้องวางประจำไว้บนหัวนอน และหยิบมาอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่าบ่อยครั้งที่สุด
เหตุอีกประการหนึ่งที่ทำให้หนังสือเล่มนี้กลายเป็นเล่มโปรด ท่ามกลางหนังสือนับร้อยนับพันบนชั้นก็คือ...เป็นหนังสือที่แปลโดยนักเขียนนักแปลคนโปรด คุณสุริยฉัตร ชัยมงคล วันนี้เป็นวันคล้ายวันเสียชีวิตของเขาเมื่อกว่าสิบปีที่แล้ว... ขอรำลึกถึงด้วยการหยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านและบอกต่อค่ะ
ตัวอย่างบทกวี บางบทบางตอน...
Alas, that Spring should vanish with the Rese! That Youths sweet - scented Manuscript should close! The Nightingale that in the Branches sang, Ah, Whence, and whither flown again, who knows!
โอ้กุหลาบโรยลับกับคิมหันต์ หวานวารวันวัยเยาว์ก็วูบหาย นกเพรียกเพลงเพียงฝันพรรณราย เมื่อวางวายแล้วไปไหนไม่รู้เลย
Ah, Love! Could thou and I with Fate conspire To grasp this sorry Scheme of Things entire. Would not we shatter it to bits- and then Re-mould it nearer to the Hearts Desire!
โอ้รักกับข้าเองและเพรงกรรม หากเราทำลายแผนเศร้าแห่งฟ้าได้ ก็จะเหยียบให้มันแหลกมลายไป แล้วหลอมใหม่ให้รื่นรมย์สมทรวงปอง
Ah, Moon of my Delight who knowst no wane, The Moon of Heavn is rising once again : How oft hereafter rising shall she look Through this same garden after me-in vain!
เพ็ญจันทร์แห่งปีติข้าไม่ราแสง เพ็ญโสมแห่งห้วงสวรรค์ก็เวียนฉาย และคงวนเวียนเช่นนั้นโดยเปล่าดาย รินประกายอาบสวนขวัญอันข้าเนา
Into this Universe, and why not knowing, Nor whence,like Water willy-nilly flowing: And out of it, as Wind along the waste, I know not whither, willy-nilly blowing.
(ฉบับทรงแปลโดย กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์)
๐ มาใย, ในโลกแจ้ง................จริงไฉน กูเอย เฉกแต่ไหน,น้ำไหล.................เลีกรู้ ปางจาก,ก็จากไป....................ปานลิ่ว ลมแฮ เหลือตระหนัก,จักพัดอู้.............อ่วนด้นหนใดฯ
(แปลโดย สุริยฉัตร ชัยมงคล)
๐ เออสิ, มาอยู่ใยในโลกกว้าง เฉกชลคว้างมาเมื่อไรไม่นึกฝัน ยามจากไปก็เหมือนลมรำพัน โบกกระชั้นสู่หนไหนไม่รู้เลย
| |
ไว้มีโอกาส ต้องหาโอกาส ครอบครอง ละเลียดอ่านบ้างแล้ว ค่ะ
จะอ่านได้ ซึมซับแค่ใหน เพียงใด ก็ยังไม่รู้เลย..
สวัสดี ค่ะ คุณแม่ไก่..