The power of an authentic movement lies in the fact that
it originates in naming and claiming one's identity and integrity
-- rather than accusing one's "enemies" of lacking the same.
- Parker J. Palmer, The Courage to Teach
Group Blog
 
All blogs
 
เวลาที่พูดว่าลอก

ตั้งแต่อยู่มาจนถึงตอนนี้ มักจะได้ยินคำว่าลอก และ plagiarism บ่อย ๆ ประมาณสองปีหนจะมีเรื่องลอกเรื่องใหญ่ให้ได้ยินสักครั้ง ทุกครั้งจะมีคนพูดถึงการใช้ซอฟต์แวร์เถื่อนและแผ่นผี หลังจากนั้นจะมีการวิเคราะห์วิจัยวิตกวิจารณ์เรื่องลอกและไม่ลอกและขอบเขตของการลอกและไม่ลอกตามมา ประมาณสิบกว่าบทความอยู่เรื่อย ๆ และเรื่อย ๆ ทุกบทความมักรู้สึกว่าตัวเองได้ชี้ช่องให้เห็นความจริงแลไม่จริงในโลกแห่งการลอกแลไม่ลอกได้ชัดเจนแล้ว (รวมทั้งกาลครั้งหนึ่งตูก็เป็นเยี่ยงนั้นด้วย) แต่สุดท้ายทุกอย่างก็มักจะวนกลับไปที่เดิมอยู่ดีแหละ

มันไม่ได้เริ่มตรงนั้นหรอก สิ่งที่เห็นเป็นแค่ปลายเหตุ สาวหางมันขึ้นไปเรื่อย ๆ รับรองว่าสนุกมาก เพราะมันจับไม่มั่นคั้นไม่ตาย พลิกเปลี่ยนมุมเสียแล้วก็จะกลายเป็นอีกเรื่องไปได้เรื่อย ๆ ให้พูดมั่วซั่วตอนนี้ อาจจะบอกได้ว่าเป็นวัฒนธรรมตะวันออกซึ่งไม่มีแนวคิดเกี่ยวกับเรื่องความเป็นเจ้าของและอัตตา เป็นแนวคิดของตะวันออกซึ่งไม่ผ่านยุคเรเนสซองส์และยุคมนุษยนิยม หรือจะให้บอกว่าเป็นแนวคิดอันลักลั่นของคนชาติหนึ่งซึ่งเดิมก็มีนิสัยหลั่นล้าชอบสบายและหยวน ๆ กันไปอยู่แล้ว หรือจะว่าเป็นแนวคิดของคนในชาติที่สงบสุขเสียจนไม่คิดว่าจะต้องเอาอะไรมากกับชีวิต ไม่ต้องดิ้นรนมาก และไม่ชอบคนที่ทำให้ตัวเองต้องดิ้นรนมากด้วย หรือจะให้บอกว่าเป็นปัญหาของชาติซึ่งรับทุนนิยมเข้ามาแบบงง ๆ และงงว่าตูจะมีชีวิตต่อไปยังไง จำควรที่ตูจะหาเงินมาก ๆ เข้าไว้หรือ จำควรที่ตูจะประสบความสำเร็จมาก ๆ เข้าไว้หรือ เพื่อที่ตูจะได้มีความสุขและมีหลักประกันในชีวิต อย่างนั้นหรือ จำควรที่ตูจะสนใจเรื่องความปลอดภัยส่วนตัวก่อน ส่วนเรื่องการสร้างให้มั่นคงถาวรเพื่อที่จะปลอดภัยในระยะยาวนั้นไม่พึงคิด เพราะคงไม่มีใครมาสนใจแยแสกับตูหรอก เพราะคนบ้านนี้เมืองนี้ดีแต่เห่อกันไป เบื่อแล้วก็ทิ้งก็ขว้าง ไม่มีใครเขาอยากรู้ว่าตูพยายามหรือไม่พยายามอะไรอยู่ทั้งนั้น บังเอิญดังก็ดีแล้ว จะไปแยแสทำไมมี

หรือจะให้เข้าพระศาสนา ทุกอย่างเป็นอนิจจัง ลอกหรือไม่ลอกก็สิ้นสูญเท่ากัน (แต่อย่าคิดอย่างนั้นเลย เพราะมันเจ็บปวดมาก เราเคยเป็นอยู่นาน มันเป็นทางตัน ทำให้ไม่มีอะไรงอกเงย ไม่ใช่การปล่อยวางที่แท้จริงดอก)

พูดไปยืดยาว ที่จริงก็อาจจะไม่มีความหมายอะไรก็ได้ แต่ไหน ๆ แล้วขอพูดเรื่องเทปผีซีดีเถื่อนอีกอันละกัน เรื่องใช้ของเถื่อนดีหรือไม่ดี เราก็ว่าไม่ดี ถามว่าทำไมถึงไม่ดี ไม่ใช่เพราะเงินไม่ตกกับฝรั่งร่ำรวยเจ้าของบริษัท แต่เงินจะไม่ตกกับคนไทยด้วย เงินที่ไม่อยู่ในระบบอันถูกต้องจะไม่นำไปสู่การพัฒนา ถ้าคนไทยทำเกมขึ้นมาแล้วกลายเป็นของเถื่อนในสามวัน เกมไทยจะไม่พัฒนา ความรักชาติไม่ได้อยู่ที่การพยายามรักษา national identity ที่ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริงอย่างเดียว แต่คือการพยายามเพิ่มพูนให้ถาวรด้วย และไม่ใช่แค่ว่าพูดเป็นนกแก้วนกขุนทองเสร็จแล้วก็ไม่ทำด้วย

อย่างไรก็ตาม ไม่ทราบว่าเวลามีเรื่องลอกแล้วมาพูดถึงเรื่องของเถื่อนนี้ หมายความว่าอย่าไรหรือ หมายความว่า สูอย่าได้ว่ากล่าวผู้กระทำบาปเลย ด้วยว่าสูเองก็เคยกระทำบาปเหมือนกัน อย่างนั้นหรือ มันหมายความว่ายังไงวะ หมายความว่าแกจงรู้สึกผิด (ใช่แล้ว ฉันรู้สึกผิด) จากนั้นก็เลยปล่อยให้ทุกคนทำบาปทำกรรมกันอย่างแฮปปี้ตกคลั่ก ฝนตกขี้หมูไหล โลกก็อุปี้ลงทุกทีรึไงเรอะ หรือจะให้คิดเรื่องบาปไม่บาปไปจนถึงไหน ถึงขนาดพระศาสนาเชนที่ต้องมีผ้าขาวบางกรองจะได้ไม่สูดสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ เข้าไป เหมือนพระบิดาพระมารดาของพระมหาวีระที่ไม่ยอมทำบาปเลยอดอาหารจนตาย หรือตูไม่ต้องกินยา เชื้อโรคน่าสงสารนับสิบล้านจะได้ไม่ตาย

พอเถอะ มันเป็นอจินไตยว่ะ มันทำให้ตัวเองป่วย เกิดระบบคิดป่วย ๆ แล้วคนที่ป่วยจริงก็จะไม่หายด้วย และเราจะบอกให้ คนที่รู้สึกผิดจนไม่กล้าว่ากล่าวใครต่อ ก็คือคนดี ๆ ทั้งนั้น หาใช่คนหน้าด้านหน้าทนหรือคนไม่ดีด้วย ทำไมถึงต้องลงโทษคนดีด้วย แล้วพวกคนดีก็เหมือนกัน ทำไมต้องรู้สึกเหมือนถูกลงโทษด้วย ถ้าตระหนักว่าผิดก็ไม่ทำอีก ถ้าตระหนักว่าทำไม่ได้ มีเหตุปัจจัยอื่น ก็ลดลงไม่งั้นก็พยายามทางอื่น แต่ไม่ใช่กลายเป็นทุกคนก็เลวเหมือนกัน เรามาเลวกันเถอะ พอกันที

เอาเป็นว่าขอขอบคุณคุณคนที่มาเตือนเรื่องของเถื่อนก็แล้วกัน ตูตระหนักแล้ว ต่อไปถ้าเป็นไปได้ตูจะไม่ทำ แต่คนที่ลอกนั้น มันก็ผิดโว้ย ผิดก็คือผิดโว้ย

###

ที่จริงไม่ได้กะเขียนบล็อคเรื่องทั้งหมดนี้หรอกนะ - -'' ที่จริงช่วงนี้ก็ไม่มีเรื่องลอกไม่ลอกด้วย เพียงแต่ตอนนี้จขบ.เปื่อยอาหารเป็นพิษนอนตายอยู่บ้าน เลยรื้อเอาหนังสือมาดู เห็นข้อความของกรมนริศที่ชอบมาก ๆ เลยว่าจะเอามาใส่บล็อค เขียนไปเขียนมาก็เป็นอย่างที่เห็นนั่นแหละ

ส่วนข้อความของกรมนริศ (ซึ่งจขบ.เห็นว่า cool ที่สุดในโลก) ก็มีเนื้อหาอย่างนี้

"บรรดาช่างที่จะลือว่าดีนั้น ได้คิดเห็นเป็นชอบกลหนักหนา เป็นต้นว่าช่างที่ฝีมืออ่อน แม้จะเขียนงูเหมือนกระทั่งเกล็ดและลงสีด้วย แต่ก็ยังพ่ายช่างที่ชื่อเขาลือเขียนด้วยถ่านไฟ แต่พอเป็นรูปอะไรก็ทำให้เป็นเช่นนั้น ก็เห็นว่า ช่างที่ฝีมืออ่อนนั้นถึงจะเขียนอย่างดีด้วยวิธีใด ก็เห็นเป็นงูตายทั้งนั้น ส่วนคนที่เขาแข็งถึงแม้จะเขียนด้วยของที่เลวกว่าก็ชนะ เพราะเหตุที่เห็นเหมือนงูเป็น ๆ ดูดุจว่าจะเลื้อยไปได้ฉะนั้น จึงว่าไม่สำคัญในสิ่งที่เขียน สำคัญอยู่ที่การเขียนอย่างไร"

"คนเขาถือกันว่าฉันเป็นช่างดี แต่จะถูกหรือนั้นไม่ทราบ ตัวเองก็ตัดสินไม่ได้ จะนับว่าเป็นศิลปินหรือไม่ใช่ก็ไม่แน่ แม้คำว่าศิลปะ ก็กลายเป็นเปลือกกายไปก็ได้ จึงใช้ด้วยคำไทย ๆ ว่า "ช่าง" ซึ่งยังไม่มีเปลี่ยนแปลง ช่างดีนั้นพูดกันว่าฝีมือดีแต่ไม่จริงมิได้ ฝีมือจะใช้อะไรได้ต้องว่า ความคิดดี คือความคิดนำมือไป อันความคิดของพวกช่างนั้นไม่มีที่สิ้นสุด แต่เห็นว่าจะต้องทรงองค์คุณเหล่านี้เป็นที่ตั้ง

ข้อหนึ่ง ต้องดูมาก

ข้อสอง จะทำอะไรต้องนึกเอง จะจำเขามาทำ (คือก๊อปปี้) นั้นไม่ควร เพราะจะดีไม่ได้ ถ้าหากดีคนที่คิดเดิมเขาก็เอาไปดีไปกินเสีย ช่างที่ดีก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นเทวดาเหาะมาแต่ไหน ถ้าหากจะเปรียบแล้ว ก็คือกินของที่เขาทำแล้วเข้าไป แล้วแตกเป็นเหงื่อออกมานี่เองจัดว่าเป็นความคิด

ข้อสาม ความคิดของช่างที่ดีไม่ใช่ดีไม่เสมอทีก็เสีย แต่ต้องจำไว้ว่าเสียแล้วเป็นครู คือไม่ทำอีก คำโบราณก็มีอยู่ว่า "โรคเป็นครูหมอ งานเป็นครูช่าง" คำนี้เป็นถูกที่สุด

ข้อสี่ เขาให้ทำอะไรต้องทำโดยไม่คิดถึงผล นั่นเองจะเป็นผลประโยชน์แก่ตัวเราที่ได้ฝึกทำงาน

ข้อห้า จะทำอะไรต้องเดาน้อยที่สุด ที่ว่าเดาน้อยนั้นก็ต้องดูแต่จะดูก็ต้องเลือก คือถ้าจะทำของประจำบ้าน เราจะต้องดูของไทยในบ้านเรา จะดูแบบสำรวจที่เขาทำมานั้นจะหลง ว่าอย่างง่าย ๆ วัวไทยกับวัวฝรั่งรูปร่างก็ไม่เหมือนกัน เว้นแต่จะทำของในต่างประเทศ จึงควรดูแบบสำเร็จซึ่งเขาทำมา แต่จะรับรองว่าถูกก็ไม่ได้ อย่างก็จะถูก อย่างก็จะผิด"

ที่ชอบที่สุดคือที่บอกว่าต้องกิน (ดูและศึกษา) จนกระทั่งไหลออกมาเป็นเหงื่อ (คือเอาไปทำมาก ๆ จนกว่าจะค้นพบรูปแบบของตัวเอง)

Super, super cool T^Tb


Create Date : 31 มีนาคม 2552
Last Update : 31 มีนาคม 2552 16:26:07 น. 7 comments
Counter : 441 Pageviews.

 
หายป่วยไวๆ เด้อ

/ทำท่ายื่นของกินให้อีก


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 31 มีนาคม 2552 เวลา:18:13:16 น.  

 
/ทำท่าอีโมแพนด้าฟ้าผ่าพลางกรีดร้องตอบ

(แบบว่าตอนนี้กินได้เยอะแต่ข้าวต้มกะผักดองง่ะ อย่างอื่นได้แต่แทะ ๆ T^T)


โดย: ลวิตร์ วันที่: 31 มีนาคม 2552 เวลา:18:41:33 น.  

 


โดย: CrackyDong วันที่: 31 มีนาคม 2552 เวลา:18:42:23 น.  

 
เอ๋ วันที่พี่ไปคงหายป่วยแล้วมั้ง จะเอาของกินไปฝากค่ะ (บำรุงหน่อย)


โดย: Ro IP: 124.120.248.135 วันที่: 1 เมษายน 2552 เวลา:23:20:44 น.  

 
เพิ่งกลับจากร้านเนื้อย่างไจแอนท์ พุงบานเลยอะ (กลายเป็นบล็อกของกินไปแล้ว จขบ.ที่รัก)

อ่านข้อเขียนเรื่องช่างของกรมนริศฯที่คุณเคียวยกมาแล้วก็คิดถึงสัมภาษณ์ครั้งหนึ่ง ของป๋าแพรทเชตต์ (มีอะไรก็อ้างป๋านี่ล่ะ) ป๋าบอกว่าจะเรียกงานว่า masterpiece ได้นั้นต้องเป็นงาน master คนอื่นๆให้การยอมรับ ไม่ใช่งานที่ตัวเองคิดว่าดีที่สุด ไม่ใช่งานที่ขายดีที่สุด ไม่ใช่งานที่ได้รางวัลจากสถาบันโน้นนี้ แต่เป็นงานที่นักเขียนด้วยกันยอมรับว่าดีจริง

ประมาณว่าของจริงมันอยู่ที่เนื้อแท้ข้างใน จะแต่งเติมข้างนอกให้สวยงามยังไง คนที่รู้ก็รู้เองนั่นล่ะว่าอะไรจริงไม่จริง


โดย: ทินา IP: 58.64.75.119 วันที่: 2 เมษายน 2552 เวลา:16:55:08 น.  

 
มาปรบมือให้ข้อเขียนของกรมนริศฯ แจ่มจริงๆด้วย

อันว่า การลอกนั้นไซร้ ผิดแหงมๆ ผิดชัวร์ๆ
แต่การศึกษา ชื่นชม จนประทับอยู่ในใจ (ทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัว)
แล้วนำมา Apply จนเป็นรูปแบบของตัวเอง
โดยมีรากเหง้ามาจากของเดิมมันก็ออกจะน่าค้นคว้าอยู่มิใช่น้อย
อย่างน้อยคนเห็นงานของช่างใหม่แล้วชอบ
ก็วิ่งกลับไปหารากมาดูเหมือนกัน ว่าอดีตแจ่มขนาดไหน และปัจจุบันนั้นแจ่มอย่างไร


โดย: piccy IP: 124.120.109.105 วันที่: 4 เมษายน 2552 เวลา:10:57:22 น.  

 
เห็นด้วย cool จริงๆ

แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างเสพ เลยไม่มีอะไรจะให้สังเคราะห์เป็นเหงื่อ T^T


โดย: นักรบ IP: 74.193.243.254 วันที่: 5 เมษายน 2552 เวลา:21:26:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลวิตร์
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




ลวิตร์ = พัณณิดา ภูมิวัฒน์ = เคียว

รูปในบล็อค
เป็นมัสกอตงาน Expo ของญี่ปุ่น
เมื่อปี 2005
น่ารักดีเนอะ

>>>My Twitter<<<



คุณเคียวชอบเรียกตัวเองว่า คุณเคียว
แต่ที่จริง
คุณเคียวมีชื่อเยอะแยะมากมาย

คุณเคียวมีชื่อเล่น มีชื่อจริง
มีนามปากกา
มีสมญาที่ได้มาตามวาระ
และโอกาส

แต่ถึงอย่างนั้น
ไส้ในก็ยังเป็นคนเดียวกัน
ไส้ในก็ยังชอบกินข้าวแฝ่ (กาแฟ ) เหมือนกัน
ไส้ในก็ยังชอบกินอาหารญี่ปุ่นเหมือนกัน
ไส้ในก็ยังชอบสัตว์ (ส่วนใหญ่)
ไส้ในก็ยังชอบอ่านหนังสือ ชอบวาดรูป
ชอบฝันเฟื่องบ้าพลัง
และชอบเรื่องแฟนตาซีกับไซไฟ
(โดยเฉพาะที่มียิงแสง )

ไส้ในก็ยังรู้สึกถึงสิ่งต่าง ๆ
และใช้ถ้อยคำเดียวกันมาอธิบายโลกภายนอก

ไส้ในก็ยังคิดเสมอว่า
ไม่ว่าเรียกฉัน
ด้วยชื่ออะไร

ก็ขอให้เป็นเพื่อนกันด้วย




Friends' blogs
[Add ลวิตร์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.