The power of an authentic movement lies in the fact that
it originates in naming and claiming one's identity and integrity
-- rather than accusing one's "enemies" of lacking the same.
- Parker J. Palmer, The Courage to Teach
Group Blog
 
All blogs
 
อนาคต

เมื่อวานนี้ไปหอศิลป์กรุงเทพกับยุ้ย มีนิทรรศการกรุงเทพ 226 ซึ่งเป็นนิทรรศการศิลปะที่ดีมาก ควรแก่มนุษยชาติทั้งปวงจะไปดู รับรองว่าไม่ต้องปีนบันไดถึงจะเข้าใจแต่ประการใด แถมยังจะได้รู้ด้วยว่าวงการ (อย่างน้อยก็จิตรกรรม) ของไทยนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ไปดูแล้วก็จะได้เลิกบ่นว่าไม่มีไม่รู้จัก ประเทศชาติไม่พัฒนา

บางทีพวกบ่นอย่างนี้ก็น่าเบื่อเสียจริง เพราะไม่หาเองแล้วก็เสือกบอกว่าไม่มี แต่บางทีเราเองก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน เพราะไม่รู้จะหาที่ไหน ไม่รู้จะเข้าใจได้อย่างไร เพราะอย่างนั้นจึงขอขอบคุณการมีหอศิลป์ (ในที่สุด) เอาไว้ ณ ที่นี้ด้วย

หลังจากดูนิทรรศการจบแล้ว ตรงสุดปลายทางมีให้คนเขียนกระดาษความคิดเห็นว่า อนาคตกรุงเทพ (อีกกี่ปี จำไม่ได้แล้ว เจ็ดสิบปีมั้ง) จะเป็นยังไง

หลังจากอ่านแล้ว ยุ้ยออกความเห็นว่าคนกทม.เก็บกดจัง คือถ้าไม่บ่นการเมือง ก็จะคิดว่ากรุงเทพต้องจมน้ำ มีขยะท่วม อุบาทว์กว่าเก่า คือคนมองในแง่ดีก็มีเหมือนกัน และแง่ตลก (สไตล์คนไทย) ก็มีด้วย แต่ส่วนใหญ่มันมีโทนเสียดสีปนปลง ๆ นิดหน่อยอยู่

รู้อะไรไหม เราคิดว่าถ้ามีคนเสียดสีปนปลง ๆ เยอะขนาดที่แปะป้ายลงไปเต็มระเบียงด้านนึงได้จริง ๆ ไอ้พลังเสียดสีปนปลง ๆ นั่นน่ะ มากพอจะเปลี่ยนอะไร ๆ ได้เลยนะ มันมากพอจะทำให้เกิดอะไรขึ้นมาได้ และมันมากพอจะส่งผลกระทบต่ออนาคตของเราได้

เราไม่รู้อะไรหรอก ไม่มีความรู้มากพอ ไม่มีสติปัญญาจะไปวิจารณ์สถานการณ์ต่าง ๆ ได้ เราเข้าใจว่าคนที่เข้ามาในเมืองหลวงก็มีหลากหลาย ไม่ได้มีแต่ "เรา" ซึ่งเกิดขึ้นมาในกทม.นี้ในฐานะชนชั้นกลางคนหนึ่ง เราเข้าใจว่าคนมากมายเข้ามาอยู่ในกรุงเทพเพื่อโอกาสที่ดีขึ้น เพื่อเศรษฐกิจ ไม่ใช่เพื่อสร้างชุมชน บางทีชุมชนอาจจะไม่มีแต่แรกเพราะมันไม่จำเป็น หรือบางทีชุมชนอาจจะมีเกิดขึ้นเพื่อความจำเป็นของกลุ่มแต่ละกลุ่มเท่านั้น แต่มันไม่ได้รวมกรุุงเทพทั้งเมืองไว้ด้วย

ทำไมถึงพูดถึงชุมชนน่ะหรือ บางทีอาจจะเพราะอ่านหนังสือสวนเงินมีมามากไปก็ได้มั้ง แต่ว่ากันจริง ๆ แม้จะไม่อ่านหนังสือสวนเงินมีมาเลย แต่ไม่รู้สึกบ้างหรือว่าเมืองก็เป็นของคน เป็นสถานที่สำหรับคนอยู่ เมืองไม่ได้เป็นของรัฐบาล ไม่ได้เป็นของผู้ว่ากทม. เมืองเป็นของเรา ของเราที่อยู่ที่นี่ หากว่าพังเก้าอี้ตัวหนึ่ง พังหลอดไฟข้างถนนหลอดหนึ่ง หากว่าทิ้งของไม่ลงถังหนึ่งชิ้น ก็คือตัวเองทำตัวเอง เราไม่เข้าใจหรอก ไม่เข้าใจมาแต่แรก บางทีคงจะไม่เข้าใจตลอดไป บางทีคงมีอะไรหลากหลายที่ทำให้อะไรเกิดขึ้นเพราะอะไร แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ต้องอยู่ที่นี่ต่อไป ต่อให้มันจมน้ำ เต็มไปด้วยขยะ กลายเป็นป่าช้า ก็คือตัวเองทำตัวเอง

เห็นคำที่เีขียนพวกนั้น และได้ยินสิ่งที่ยุ้ยคอมเมนต์แล้ว เกิดความปลงและเกิดความโกรธ ถ้าตัวเองไม่ทำเอง ใครอื่นใดในโลกนี้จะมาช่วยทำให้หรือไง รออะไรอยู่หรือ รออะไร รอเพื่ออะไร สิ่งทุกอย่างในโลกนี้เชื่อมโยงถึงกัน ถ้าหากว่ามีคนแม้แต่คนเดียวลำบากต้องเป็นโจร คนอื่น ๆ ทุกคนก็ต้องรับผิดชอบกับความเป็นโจรนั้นด้วย ต้องรับผิดชอบกับความหวาดกลัว ถ้าหากทุกคนมีความสุข ทุกคนก็มีความสุข

เรารู้ มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้นหรอก เรารู้ดีที่สุด เรารู้ว่ามีเวลาที่เราอยากโทษคนอื่นเหมือนกัน อยากคิดว่าเป็นเรื่องของคนอื่น เป็นความผิดของคนอื่น แต่มันเป็นเรื่องของคนอื่น ๆ จริง ๆ น่ะหรือ ถ้าเมืองของตัวเองกำลังจะจมน้ำ หรือกลายเป็นกองขยะ ขอให้ตัวเองได้หนีไปพ้นเท่านั้นเป็นพอเท่านั้นจริง ๆ หรือ คิดว่าแค่นั้นจะแก้ปัญหาได้จริง ๆ หรือ

จริง ๆ น่ะหรือ


Create Date : 29 มกราคม 2552
Last Update : 29 มกราคม 2552 17:32:29 น. 4 comments
Counter : 368 Pageviews.

 
อืม แต่กลับคิดว่า การที่คนเราย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่อื่น ไม่ว่ายุคไหนสมัยไหน โดยส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่เพื่อสร้างชุมชนนะ ยกเว้นคนสูงอายุ หรือกรณีพิเศษอย่างอื่น

แต่เห็นด้วยว่าคนสมัยนี้มองโลกในแง่ร้ายขึ้นเยอะ พี่เองยังเป็นเลย อาการมองโลกแบบ sarcastic พุ่งขึ้นเยอะมากๆ เค้าถึงว่ามนุษย์เรามีแนวโน้มในการทำลายตัวเอง เมื่อเห็นสิ่งแย่ๆก็มักจะทำเรื่องแย่ๆต่อไป มันต้องมีคนที่ลุกขึ้นมาทำอะไรที่มันดีขึ้น ให้คนอื่นรู้สึกว่า เออ แฮะ มันก็ยังดีขึ้นได้เหมือนกัน

ไม่งั้นโลกนี้ก็คงจบ อาเมน

มนุษย์เราอยู่ได้ด้วยความหวังเนอะ


โดย: froggie IP: 125.25.92.156 วันที่: 29 มกราคม 2552 เวลา:20:11:50 น.  

 
ชุมชนในปัจจุบันนี้มันถูกอพยพขึ้นไปอยู่บนออนไลน์หมดแล้ว วันๆนึงได้คุยกับเพื่อนบล็อก เพื่อนกระทู้มากกว่าเพื่อนบ้านเสียอีก และถ้าพันทิปมีการเปลี่ยนแปลง หลายคนคงมีปฏิกริยามากกว่าถ้าเขตที่อยู่มีการเปลี่ยนแปลง -_-"

ประเด็นที่ว่าคนอยู่เฉย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาต้องการเห็นผลทันตามั้ง คำว่าคนละไม้ละมือเดี๋ยวก็ดีขึ้นเองมันไม่เห็นไง เมื่อไม่เห็น ก็ไม่ทำเสียอย่างนั้น


โดย: ทินา วันที่: 31 มกราคม 2552 เวลา:1:12:48 น.  

 
อืม ไม่รู้ว่าจะแสดงความเห็นอย่างไรดีเหมือนกันน่ะครับ ตัวเองก็เป็นคนหนึ่งที่ "อพยพ" เข้ามาเพื่อการศึกษา

ส่วนหนึ่งก็คิดอยู่เหมือนกันว่า่การทิ้งขยะไม่ลงถังหนึ่งชิ้นมันก็คือทำตัวเอง ทำเมืองที่ตัวเองอยู่

แต่อย่างไรโดยส่วนตัวก็ไม่อยากมองโลกในแง่ร้าย แม้ว่าจะอดไม่ได้ในบางครั้งก็ตาม


โดย: เจรามี (เทราโอะ ) วันที่: 31 มกราคม 2552 เวลา:9:29:32 น.  

 
อืม พี่คิดว่าคงต้องถามก่อนตัวเองก่อนละมั้งว่ารู้สึกว่าที่ๆอยู่ทุกวันนี้เป็นบ้านของเราหรือเปล่า หรือเป็นแค่ที่อยู่หลับนอนระหว่างที่ใช้ชีวิตอยู่ณเวลานั้นๆ เท่านั้น

คนเราคงคิดที่จะปรับบ้านให้ดีขึ้นแต่คงไม่คิดจะปรับที่พักอาศัยเท่าไหร่อะ พี่คิดว่าคงเป็นเพราะแบบนี้ละมั้ง

ส่วนเรื่องทำไมไม่คิดว่าที่อยู่ตอนนี้เป็นบ้านอันนี้มันก็นะ หลายอย่างอะน้า~


โดย: romancer IP: 124.120.236.171 วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:18:50:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลวิตร์
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




ลวิตร์ = พัณณิดา ภูมิวัฒน์ = เคียว

รูปในบล็อค
เป็นมัสกอตงาน Expo ของญี่ปุ่น
เมื่อปี 2005
น่ารักดีเนอะ

>>>My Twitter<<<



คุณเคียวชอบเรียกตัวเองว่า คุณเคียว
แต่ที่จริง
คุณเคียวมีชื่อเยอะแยะมากมาย

คุณเคียวมีชื่อเล่น มีชื่อจริง
มีนามปากกา
มีสมญาที่ได้มาตามวาระ
และโอกาส

แต่ถึงอย่างนั้น
ไส้ในก็ยังเป็นคนเดียวกัน
ไส้ในก็ยังชอบกินข้าวแฝ่ (กาแฟ ) เหมือนกัน
ไส้ในก็ยังชอบกินอาหารญี่ปุ่นเหมือนกัน
ไส้ในก็ยังชอบสัตว์ (ส่วนใหญ่)
ไส้ในก็ยังชอบอ่านหนังสือ ชอบวาดรูป
ชอบฝันเฟื่องบ้าพลัง
และชอบเรื่องแฟนตาซีกับไซไฟ
(โดยเฉพาะที่มียิงแสง )

ไส้ในก็ยังรู้สึกถึงสิ่งต่าง ๆ
และใช้ถ้อยคำเดียวกันมาอธิบายโลกภายนอก

ไส้ในก็ยังคิดเสมอว่า
ไม่ว่าเรียกฉัน
ด้วยชื่ออะไร

ก็ขอให้เป็นเพื่อนกันด้วย




Friends' blogs
[Add ลวิตร์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.