Group Blog
 
All blogs
 
ยาและอาหารเสริมลดน้ำหนัก...เรื่องจริงหรือนิยาย?



ยาและอาหารเสริมลดน้ำหนัก เรื่องจริงหรือนิยาย (Slim Up)
โดย นายแพทย์ไพศิษฐ์ ตระกูลก้องสมุทร

Weight-Loss Supplements and Drugs…Fact or Fiction?

          ก่อนอื่นจะลดน้ำหนักให้ได้ผล หมอแนะนำให้คุณผู้อ่านทุกท่านใช้เทคนิค "รู้เรา" รู้เราคือการสำรวจตัวเอง ไปตรวจสุขภาพกับคุณหมอ เพราะสาเหตุของความอ้วนมีสารพัดสาเหตุ เพื่อทราบจุดอ่อนของเรา แล้วช่วยกันหาทางแก้โดยใช้อาหารธรรมชาติ (real food) อาหารเสริม การปรับไลฟ์สไตล์ ถ้าคุณอ้วนอย่าปล่อยทิ้งไว้นาน ไม่เช่นนั้นอาจตายผ่อนส่งได้ครับ ทางลัดของหลายคน คือ มักไปหาซื้อยาชุดรับประทานลดน้ำหนักเพื่อหวังให้ลดได้เร็วสมใจอยาก แต่บอกได้เลยครับว่าคิดผิด ลองไปดูกันครับยาชุดลดน้ำหนักที่ขาย ๆ กันมียาอะไรบ้าง

1. ยาลดความอยากอาหาร

          เป็นตัวยาที่ออกฤทธิ์ที่สมองทำให้เบื่ออาหาร ได้แก่ เฟนเทอร์มีน ไซบูทรามีน ทำให้ความอยากอาหารลดลง แต่ยากลุ่มนี้มักทำให้ปากแห้ง คอแห้ง ท้องผูก นอนไม่หลับ ความดันโลหิตสูง ใจสั่น ใช้ติดต่อกันนาน ๆ ทำให้ประสาทหลอน หงุดหงิด การใช้ยากลุ่มนี้ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์เท่านั้นครับ

2. ยาขับปัสสาวะ

          นำมาใช้ผิดจุดประสงค์ ทำให้น้ำหนักลงรวดเร็วจากการขับน้ำออกมา ทำให้ร่างกายสูญเสียเกลือแร่โพแทสเซียม และโซเดียมออกมาด้วย จึงทำให้อ่อนเพลียจนถึงหัวใจทำงานผิดปกติได้

3. ยาไทรอยด์ฮอร์โมน

          ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ยากลุ่มนี้ทำให้ใจสั่น ต้องระวังการเกิดภาวะไทรอยด์เป็นพิษโดยไม่รู้ตัวในคนที่กินยาเป็นเวลานาน โดยเฉพาะในคนที่ไทรอยด์ปกติ เพราะยานี้ใช้ในคนที่มีภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำ

4. ยาระบาย

          กินแล้วทำให้ถ่ายคล่อง ระบายสะดวก ยาทำให้ลำไส้บีบตัว ยาระบายลดการดูดซึมของอาหารได้ประมาณ 12 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าไม่มากพอที่จะมีผลให้ลดน้ำหนัก หนำซ้ำยายังมีผลทำให้สูญเสียเกลือแร่ ทำให้อ่อนเพลีย ไตมีปัญหาได้



ยาลดน้ำหนักที่ปลอดภัย คือยาที่ออกฤทธิ์ที่ระบบทางเดินอาหาร ได้แก่ ออลิสแตท ยาออกฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ย่อยไขมันที่ชื่อ "ไลเปส" สามารถลดการดูดซึมของไขมัน 30 เปอร์เซ็นต์

          จากการศึกษาพบว่า การรับประทานออลิสแตทช่วยลดน้ำหนักได้ประมาณ 2.9 กิโลกรัม ยามีผลให้ถ่ายอุจจาระมีไขมันมันปนออกมา ถ้าใช้ยาเป็นเวลานานเกิน 3 เดือน แนะนำให้คุณผู้อ่านเสริมวิตามินกลุ่มที่ละลายในไขมันได้แก่ วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี วิตามินเค โดยเฉพาะในคนที่มีแนวโน้มขาดวิตามินอยู่แล้ว ดั้งนั้นการรับประทานยาลดความอ้วน ต้องอยู่ในความดูแลของคุณหมอผู้เชี่ยวชาญทุกครั้ง พิจารณาถึงความจำเป็นในการใช้ยาและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นครับ



อาหารเสริมลดน้ำหนัก ไม่ใช่ยาลดน้ำหนัก แต่คนที่ต้องการลดน้ำหนักหลายคนนิยมรับประทานกัน อาหารเสริมมีประโยชน์แต่ถ้าเสริมผิดวิธีก็เกิดผลเสียได้ครับ ปัจจุบันมีการนำมาใช้ค่อนข้างแพร่หลาย มาดูข้อเท็จจริงทีละตัวกันเลยครับ

1. ซีแอลเอ (Conjugated Linoleic Acid ; CLA)

เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ พบในเมล็ดทานตะวัน เมล็ดดอกคำฝอย ช่วยยับยั้งการสะสมไขมันใต้ผิวหนัง ช่วยสลายไขมันและเร่งการใช้พลังงาน ข้อมูลหลักฐานงานวิจัยพบว่าการเสริม CLA ขนาด 3.2 กรัมต่อวัน ลดน้ำหนักได้ 0.05 กิโลกรัมต่อสัปดาห์

          อย่างไรก็ตามการเสริม CLA ชนิด trans-10, cis-12 นาน 3 เดือน มีรายงานเรื่องการเพิ่มการอักเสบและการเกิดอนุมูลอิสระเพิ่ม ปัจจัยเสี่ยงเรื่องภาวะดื้ออินซูลินหรือเบาหวานชนิดที่ 2 ในอนาคต ดังนั้นการเสริมอย่างปลอดภัยในระยะยาวนานถึง 6 เดือน แนะนำให้เสริม CLA ชนิด trans-10, cis-12 คู่กับชนิด cis-9, trans-11 จะไม่มีผลกระทบการทำงานของอินซูลิน ไม่เพิ่มการเกิดภาวะดื้ออินซูลิน และเสี่ยงเบาหวานในอนาคต การเสริม CLA ให้ได้ประสิทธิภาพลดผลข้างเคียง ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญครับ

2. สารสกัดจากถั่วขาว (White kidney bean ; Phaseolus vulgaris)

          ถั่วขาวมีสารออกฤทธิ์ชื่อ "ฟาซิโอลามิน(Phaseolamin)" สามารถยับยั้งการทำงานของเอนไซม์อัลฟ่า-อะไมเลสจากตับอ่อน ที่ทำหน้าที่ย่อยแป้งให้เป็นน้ำตาลก่อนที่จะถูกดูดซึม ทำให้ร่างกายได้รับพลังงานลดลง เกิดการดึงไขมันที่สะสมมาเผาผลาญ ทำให้น้ำหนักลดลง

          นอกจากนั้นสารไฟโตฮีโมแอกกลูตินินในถั่วขาว (phytohemoagglutinin) ยังช่วยกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนซีซีเค (CCK, Cholecystokinin) และ จีแอลพี (GLP ; Glucagon-like peptide) จากระบบทางเดินอาหาร ส่งสัญญาณผ่านระบบประสาทไปสู่ผลศูนย์ความอิ่มในสมอง ทำให้ไม่ค่อยหิวอีกด้วย มีการศึกษาพบว่า ให้รับประทานสารสกัดจากถั่วขาว ขนาด 445 มิลลิกรัมต่อวัน ติดต่อกันเป็นเวลา 1 เดือน ช่วยลดน้ำหนักและดัชนีมวลกาย ลดไขมันสะสม ลดรอบเอว รอบสะโพกและต้นขาลง

3. สารสกัดจากผลส้มแขก (Garcinia cambogia)

          ผลส้มแขกมีกรดที่ชื่อ "เฮชซีเอ หรือไฮดรอกซีซิตริก (HCA; Hydroxy Citric Acid)" ช่วยลดการเปลี่ยนแป้งเป็นไขมัน และกระตุ้นไขมันที่สะสมอยู่แล้ว นำไปใช้เป็นพลังงาน จัดเป็นอาหารเสริมที่มีการศึกษามากทางคลินิก พบว่า การเสริมขนาด 1-2.8 กรัมต่อวัน ในช่วงเวลาสั้น ๆ ประมาณ 2-3เดือน ช่วยลดน้ำหนักได้เล็กน้อยประมาณ 0.7-1 กิโลกรัม ในคนที่อ้วนมาก ๆ ไม่เหมาะเอามาใช้ เหมาะกับคนที่ต้องการใช้รักษาน้ำหนักตัวมากกว่า

4. ชาเขียว (Camellia sinensis)

          เป็นชาที่ไม่ผ่านการหมัก เมื่อเก็บเกี่ยวแล้ว มีการอบความร้อน เพื่อไล่ความชื้น หรืออบไอน้ำ เมื่ออบแล้วจะนำมาคั่วแห้งและเก็บไว้ชงชา มีรายงานวิจัยที่มีข้อมูลสนับสนุนว่า สารคาเทชิน (catechin) หรือ "อีจีซีจี" ในชาเขียว (EGCG ; Epigallocatechin-3-gallate) "ช่วยลดน้ำหนักโดยผ่านการกระตุ้นปฏิกิริยาออกซิเดชั่นของไขมัน คือช่วยเพิ่มกระบวนการการเผาผลาญพลังงานของเนื้อเยื่อไขมัน และมีรายงานการทดลองในคนแล้วว่าช่วยลดความอ้วนได้

          โดยการศึกษาของคณะแพทย์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น พบว่าการรับประทานชาเขียวสกัด 750 มิลลิกรัมต่อวัน (เทียบเท่าสาร อีจีซีจี 100 มิลลิกรัม) เป็นเวลา 3 เดือน ช่วยลดน้ำหนักลงได้ 2.7 กิโลกรัม นอกจากนั้นอีกงานวิจัยพบว่า ผู้ที่ดื่มชาประมาณสองถ้วยต่อวัน สามารถลดคอเลสเตอรอลในเลือดลงได้ มีนัยสำคัญทางคลินิก ขนาดใบชาเขียวแห้ง 1 ซอง (1.5 กรัม ต่อซอง) จะให้ EGCG ประมาณ 35 - 110 มิลลิกรัม




Create Date : 23 เมษายน 2556
Last Update : 3 พฤษภาคม 2556 16:34:45 น. 0 comments
Counter : 2346 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jureeporn
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




src='http://roomsite.freeserverhost.com/blogproject/toolbar.js'>
FC Barcelona


Google
จำนวนผู้ชมบล็อกทั้งหมด คน




















[Add jureeporn's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.