All Blog
สาวไฮเปอร์หัวใจติส - ตีสแรก
สวัสดีคะ นิยายแนวรักใสๆ ของหนุ่มสาว
หนุ่มมาดนิ่งกับสาวไฮเปอร์หัวใจติส
มาเชียร์เก็จพรหมจะหาวิธีเอาชนะใจสาวติสอย่างพู่กันได้อย่างไร
เพลิดเพลินกับเทคนิคการจีบสาวโดยไม่ให้รู้ตัวนั้นต้องลุ้นกันแค่ไหน




ตีสแรก


ร้านพู่กันงานศิลป์……


“หวัดดีคะแม่ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“แม่โทรเช็คจำนวนขนมที่พู่สั่งไว้หน่ะลูก ว่าจะเอาเท่าไหร่”
“ทริปนี้พู่ใช้งบสองพันคะ แม่ทำเป็นชิ้นใหญ่หน่อยก็ได้นะคะ เด็กๆจะได้กินอิ่มๆคะ”
“แม่จะจัดใส่ถุงให้เรียบร้อยเลยแล้วกันนะ คราวนี้พู่จะไปที่ไหน กี่วันจ๊ะ”
“ไม่แน่ใจคะ พู่ยังไม่ทราบสถานที่เลยเห็นว่ากำลังตัดสินใจว่าจะไปเหนือหรือใต้ดีคะแม่”
“งั้นแค่นี้ก่อนนะพู่”
“ขอบคุณคะแม่”

หลังจากวางสายมารดา หญิงสาวเดินกลับไปนั่งประจำตำแหน่งเธอกำลังลงสีน้ำมันบนภาพเขียน พู่กัน เป็นเจ้าของร้านพู่กันงานศิลป์ เธอเรียนจบด้านจิตรกรรมฯของมหาวิทยาลัยศิลปะชื่อดัง หญิงสาวปฏิเสธการสอบเข้ารับราชการตามความต้องการของบิดาซึ่งทำงานเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยรัฐบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ กว่าจะมีวันนี้ได้พู่กันต้องอดทนและมีความพยายามมุมานะอย่างมาก หลังเรียนจบเธอวิจัยฝุ่นอยู่เกือบปี ระหว่างนั้นก็ช่วยมารดาทำขนม ครอบครัวของเธอเป็นครอบครัวชนชั้นกลาง ไม่ร่ำรวยแต่ก็ไม่ขัดสน บิดารับราชการส่วนมารดาเป็นแม่บ้าน มีอาชีพเสริมคือทำเบเกอรี่ขาย รับทำตามสั่ง และส่งตามร้านค้าต่าง ๆ ระหว่างนั้นหญิงสาวก็ใช้เวลาที่ว่างจากงานเบเกอรี่ วาดรูปเพ้นท์สีงานภาพเก็บเอาไว้มากมาย เธอได้ทยอยนำผลงานของตัวเองตะเวณไปตามแกลลอรีต่างๆในกรุงและอัพขึ้นไว้บนเวบไซท์เพื่อจำหน่ายงานจิตรกรรมเพียงหวังไว้สักวันเธอจะได้เป็นเจ้าของร้านแกลลอรี และในที่สุดเธอก็มีร้านขายงานภาพเป็นของตัวเองแม้มันจะเป็นร้านเล็กๆ จากเจ้าของสถานที่ที่ใจดีที่ให้เธอเช่าเพียงเดือนละสามพันบาท พู่กันนำเงินที่เก็บสะสมนำมาตกแต่งร้านและซื้ออุปกรณ์ แต่ภายในใจของเธอยังไม่ทิ้งปณิทานเดิม...

หญิงสาวในชุดกางเกงเลสีแสบไส้กับเสื้อยืดสีขาวที่เธอเพ้นท์เอง ที่ศีรษะโพกด้วยผ้าบาติก เวลาที่หญิงสาวเดินหรือเคลื่อนไหวเสียงกำไลบนข้อมือจะกระทบกันดังกรุ๊งกริ๊ง ร่างบางกำลังสาลวนอยู่กับการลงสีบนภาพสามมิติ ภาพนี้เธอให้ชื่อว่าเหงา เป็นภาพเด็กน้อยนั่งอยู่ริมแอ่งน้ำเบื้องหน้ามีสายน้ำตกไหล ไอเดียนี้มาจากการไปทริปครั้งสุดท้าย ภาพของเด็กชายคนหนึ่งนั่งเหงาอยากลงเล่นน้ำแต่ยังป่วยจึงทำได้แค่นั่งมองเพื่อนๆลงเล่นน้ำ........เธอจึงถ่ายรูปเก็บภาพนั้นถ่ายทอดออกมาเป็นภาพเขียนได้อย่างงดงาม

“อืมมม จะเหงาอะไรขนาดนี้น้อไอ้หนู พี่ยังไม่เหงาเลย”

หญิงสาวพูดอยู่คนเดียวกับการเพลิดเพลินการลงสีบนภาพ จนไม่ได้ยินเสียงระฆังที่ประตูเมื่อมีการเปิดปิดแม้กระทั่งเสียงเท้าที่เดินเข้ามาหาเธอ ผู้มาใหม่หยุดยืนดูภาพที่ยังระบายไม่เสร็จแล้วกระแอมเบา ๆ

“นี่ยายพู่ พี่เข้าร้านมายืนอยู่ข้างหลังเธอตั้งนาน เธอยังไม่รู้สึกตัวอีกเชื่อเลย”
“สวัสดีคะพี่หนูนา เชิญคะ เชิญนั่งก่อนคะ พู่กำลังเพลินเชียวคะ”
“จ้า....เพลินจนโจรบุกร้านได้เลยนะพู่”
“แหมพี่...โจรมันเข้ามาแล้วจะเอาอะไรไปได้บ้างหล่ะคะ ร้านทั้งร้านมีแต่รูปแขวนเต็มไปหมด”
“มันก็จริงเธอ เอะนี่รูปนี้ดูคุ้น ๆ นะ”
“น้องโด่ง ทริปกาญจนบุรีที่เพิ่งไปมาหยกๆไงคะพี่หนูนา”
“นั่นสิ! ว่าทำไมมันคุ้นตาเหลือเกิน”
“แล้ววันนี้พี่หนูนามีธุระอะไรกับพู่หรือเปล่าเนี่ย”
“ก็พี่จะมาบอกว่าทริปพรุ่งนี้ฤกษ์ล้อหมุนตอนตีสามนะสิ”
“โธ่แค่นี้เอง ความจริงพี่โทรหรือเมล์มาก็ได้ไม่เห็นจะต้องลากสังขารมาถึงที่นี่”
“ฟังมันพูดเข้า ต้องมาสิแก เพราะพู่เป็นคนเดียวที่พี่ติดต่อไม่ได้ไม่ว่าจะโทรศัพท์หรืออีเมล์”
“ไหงเป็นงั้นล่ะคะพี่หนูนา”
“ไม่ไหงล่ะ ไหนดูซิ ขอดูมือถือพู่หน่อย อยากรู้ว่าทำไมเป็นอะไรมันถึงติดต่อไม่ได้”
“นี่คะ”

พู่กันล้วงมือถือจากกระเป๋าส่งให้พี่หนูนาโดยดี ออกจะงงเล็กน้อย พี่หนูนารับไปกดหน้าจอซึ่งมืดสนิท กดปุ่มเปิดปิดหน้าจอไม่มีอะไรเกิดขึ้นพอจะรู้สาเหตุที่ติดต่อไม่ได้

“โธ่เอ้ย แม่พู่กัน เธอปิดมือถือหรือแบตเธอหมดกันแน่จ๊ะ ดูนี่เครื่องบอดสนิท”
“โน โน เป็นไปไม่ได้ พู่ยังโทรอยู่เลย...แต่เอ..ทำไมมันปิดล่ะคะ...โอ้ยตายจริงๆ ด้วยคะ พู่คงลืมชาร์ตแบตแหงๆ เลย ก็ไม่ค่อยมีใครโทรหาอยู่แล้ว ถ้าจะมีก็นานๆหน...ซักที พู่ก็เลยไม่ค่อยได้ใส่ใจกับมันมากเท่าไหร่”

พู่กันออกอาการเถียงคอเป็นเอ็นดึงมือถือจากมือพี่หนูนา สีหน้าก็เปลี่ยนไปพร้อมกับอ้อมแอ้มตอบไม่เต็มเสียงหลังพยายามกดปุ่มเปิดนอกจากหน้าจอไม่ทำงานแล้วยังเปิดเครื่องไม่ติดเช่นกัน

“จ้าแม่ติสจ๋า ประจำเลย เธอไม่เปิดเครื่องแล้วใครจะโทรหาได้ล่ะจ๊ะ แล้วอีเมล์หล่ะยะ”
“พู่ไม่ได้เข้าเนตมาสองสามวันแล้ว มัวแต่วาดรูปที่ลูกค้าสั่งเพิ่งเสร็จเมื่อวาน นั่นไงคะตั้งโชว์อยู่เลยกะว่าวันนี้จะโทรให้ลูกค้ามารับ วันนี้ทั้งวันก็เพลินกับรูปน้องโด่ง แหะๆ พู่ขอโทษจริงๆ พี่หนูนาเลยต้องลำบากมา”

พู่กันพูดเสียงอ่อยพี่หนูนามองหน้าสวยของแม่ติสจ๋าของเธอแล้วส่ายหน้าอย่างเอ็นดู ก้มหน้าเสียงกระซิบรอดไรฟันทำเอาพู่กันยิ้มปูเลี่ยนอายๆ

“ไม่เป็นไร คือพี่กลัวเด็กๆ เค้าไม่มีขนมกินกันเลยต้องรีบมาบอก”
“ง่า...แล้วทำไมถึงเปลี่ยนเวลาล่ะคะพี่หนูนา”
“ไม่ใช่เวลาอย่างเดียว สถานที่ด้วยเปลี่ยนจากขึ้นเหนือเป็นล่องใต้นะสิ”
“ทำไมล่ะคะ”
“ภาคใต้เค้ากำลังเดือนร้อนเรื่องน้ำท่วม ทริปเหนือไปเดือนหน้าก็ยังได้”
“ดีคะ ไปที่เค้าเดือดร้อนมากกว่าก่อนแล้วกัน นัดตีสามที่เดิมนะคะ”
“แล้วแพคกระเป๋าหรือยังเรา”
“ยังเลย ก็อย่างที่บอกก่อนหน้านั่นแหละคะ แต่ไม่เป็นไรพู่เก็บแป๊บเดียวของพู่ไม่เยอะ”
“คิดไว้แล้วเชียว แต่รู้แล้วนะว่าไปทิศใต้ไม่ใช่ทิศเหนือ ช่วยน้ำท่วมไม่ใช่ภัยหนาวเข้าใจไหม”

เสียงย้ำของพี่หนูนาบ่งบอกถึงความสนิทสนมกันในกลุ่มชมรมเพื่อเพื่อน และเอ็นดูหญิงสาวเป็นพิเศษ ทั้งนี้เพราะพู่กันมีอุดมคติเดียวกันคือให้โอกาสและช่วยเหลือผู้ที่ลำบากกว่า เธอเป็นสมาชิกชมรมเพื่อเพื่อนมานาน ทำกิจกรรมร่วมกับทีมได้ ไม่เป็นอุปสรรคต่ออารมณ์ติสแตกเพราะมีโลกส่วนตัวสูงในบางครั้ง เธอไม่เคยทำตัวให้มีปัญหา ไม่เป็นตัวถ่วงให้ทีมหนักใจ และสิ่งที่ทำก็ทำให้ทุกคนมองด้วยความเอ็นดูหญิงสาวตลอดมา นั่นก็การให้โอกาสเด็ก แต่ละทริปพู่กันพุ่งเป้าหมายไปที่เด็ก ๆ เป็นสาระ เธอให้เหตุผลว่างานใหญ่พี่ๆในกลุ่มช่วยเหลือกันเต็มที่อยู่แล้ว กิจกรรมที่นำมาไปเรียกความสนใจของเด็ก ๆ ของพู่กันคือให้ความรู้และความบันเทิงตามความสามารถที่เธอมีนั่นคือการวาดรูป การละเล่นเกมส์ต่างๆให้เด็กเหล่านั้นมีความสุข ขนมที่เธอนำไปแต่ละครั้งจะมีการแจกจ่ายให้เด็กๆได้อิ่มท้องและเป็นของรางวัลสำหรับคนที่มีความสามารถ ทุกแห่งและทุกครั้งที่จากมามักจะมีจดหมายน้อย ๆ จากน้องๆแฟนคลับของเธอติดตามมาด้วยเสมอ มันเป็นความประทับใจที่พู่กันคือการใช้ให้โอกาสกับเด็ก ๆ วัยไร้เดียงสานั่นเอง



*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *


“.....เย็นแล้วปิดร้านไปช่วยแม่แพคหนมดีกว่า”

พู่กันปิดร้านแล้วเดินไปหาเจ้าเต่าแก่ มันคือรถโฟล์ครุ่นเก่าเก๋ากึก มันเป็นมรดกตกทอดมาจากลุงพี่ชายของพ่อ ในวันที่เธอสามารถมีร้านเป็นของตัวเอง ลุงบอกว่า “เจ้าเต่าแก่มันน่าจะเหมาะกับคนติสจ๋าอย่างไอ้พู่มัน” นับตั้งแต่นั้นมาเธอก็มีเจ้าเต่าแก่เป็นเพื่อนเดินทางตลอดมา


“กลับบ้านกันเถอะเต่าแก่”

พู่กันพูดกับพาหนะคู่ใจ แต่เหมือนมันจะเป็นเต่าแก่สมชื่อกว่าจะสตาร์ทติดก็ใช้เวลาเกือบสิบนาที ทำเอาพู่กันโวยวายใส่เจ้าเต่าแก่กว่ามันจะเข้าใจยอมสตาร์ทติดทำเอาสาวติสต้องทำพิธีกรรมและอ้อนวอนให้มันทำงาน เธอรู้ว่าเจ้าเต่าแก่มันชักจะเกเรสตาร์ทไม่ติดบ่อยขึ้น ทั้งๆที่เพิ่งเอาเครื่องไปเช็คก่อนออกเดินทาง เธอคิดว่าจะเอามันเข้าอู่จริงๆจังๆถ้ากลับจากทริปครั้งนี้ หลังจากที่พยายามสตาร์ทอยู่เป็นนาน อากาศในรถแทบจะไม่มีหญิงสาวหมุนกระจกลงทั้งสองด้านเพื่อรับอากาศเข้ามาในรถ


“ไอ้เต่าแก่ แก่สมชื่อเลยนะแก หนอยติดซะดี ๆ นะ ไม่งั้นแม่พู่คนนี้จะเอาไปปลูกสะระแหน่แน่ๆ เลยแก”
“ไม่ติดอีก....คุณเต่าแก่จ๋า พู่กันไหว้ล่ะจ๊ะ ขออีกทีเดียวนะ นะ ติดเลยนะจ๊ะ”
“เต่าแก่จ๋า พู่กันขอร้องจริงๆล่ะ.... นี่ ๆ ๆ ถ้าแกไม่ติดดังกระหึ่มนะแม่จะยกมือไหว้ไม่เลิกเลย นะเต่าแก่จ๋า”
“เย้ ๆ ๆ ๆ ติดซะที ฮ่า ๆ ๆ อย่างนี้สิเรียกว่ารักกันจริง ไป ๆ ๆ เรากลับบ้านกันแม่รอแล้ว”


เต่าแก่แล่นออกจากที่จอดรถไปแล้ว ยังมีอีกคนหนึ่งที่นั่งอมยิ้มกับท่าว๊ากโวยวายและอ้อนวอนแก่นๆของหญิงสาว กิริยาท่าทางเหล่านั้นช่างถูกใจเขายิ่งนักจนต้องยกกล้องกดชัตเตอร์รัวเร็วเก็บไว้ทุกอริยะบท ดูจากการแต่งตัวเข้าใจว่าหญิงสาวจะเป็นสาวมั่นมีอารมณ์ศิลป์ หน้าคมเข้มเปื้อนรอยยิ้มถูกใจกับสิ่งที่พบเจอมันเป็นเรื่องเกินคาดหมายสำหรับเขาวันนี้ หางตามีบางสิ่งไหวๆเข้ามาจึงหันไปมองแล้วบางสิ่งแวบเข้ามาในสมอง หนุ่มหน้าเข้มกวักมือเรียกเด็กหนุ่มที่เดินอยู่หน้าร้านศิลปะและมองมาที่เขาอยู่เช่นกัน


“น้อง ๆ ขอถามอะไรหน่อยสิครับ”
“จะถามอะไรครับพี่”
“น้องเห็นพี่ผู้หญิงคนที่ขับรถโพล์คตะกี้ไหม”
“เห็นฮะ พี่พู่กัน”
“ชื่ออะไรนะ อีกทีสิน้อง”
“พี่พู่กันเจ้าของร้านพู่กันงานศิลป์ร้านนั้นไงฮะ”

อั๋นชี้นิ้วไปร้านที่เพิ่งเดินออกมา หนุ่มหล่อหันไปมองดูแล้วมองเหมือนจะจดจำให้ขึ้นใจ ก่อนจะหันกลับมาส่งรางวัลตอบแทน

“ขอบใจน้อง อะนี่พี่ให้ เอาไปกินขนมนะ”
“ขอบคุณครับ ถามได้อีกนะฮะ อั๋นยินดีตอบด้วยความเต็มใจ”

แบงก์ใบสีม่วงเปิดตาของอั๋นพองโตขึ้นมาได้ เขาไม่เคยรับรางวัลอะไรที่สูงค่าอย่างนี้มาก่อน นอกจากแบงก์สีฟ้า สีแดงบ้างบางโอกาส และอั๋นคิดง่ายๆว่า พี่ชายสุดหล่อคนนี้เพียงแค่ถามว่ารู้จักพี่พู่กันเท่านั้นคงไม่น่าจะเสียหายอะไร

“เราชื่ออั๋นเหรอ อยู่แถวนี้เหรอเรา”
พี่คนหล่อยังคงทำหน้าที่ถามต่ออย่างผูกไมตรี

“ครับ นั่นฮะร้านของแม่อั๋น ร้านข้าวมันไก่หมูกรอบอยู่ติดร้านพี่พู่กัน พี่พู่มาทานบ่อยครับพี่เขาชอบข้าวหมูกรอบมากเลย มาทีไรสั่งแต่ข้าวหมูกรอบทุกทีเลยฮะ แล้วพี่ชื่ออะไรเหรอ”
อั๋นถามกลับไปมั่งพร้อมกับกวาดสายตาซุกซนมองเข้าไปในรถเก๋งคันงามอย่างนึกอยากเข้าไปชมทัศนียภาพภายในรถบ้าง

“พี่ชื่อพรหม ขอบใจมากอั๋น เอาไว้เราค่อยเจอกันใหม่นะ”
“ครับ อั๋นไปก่อนนะฮะแม่เรียกแล้ว สวัสดีครับ และขอบคุณสำหรับไอ้นี่ด้วยฮะ”

เก็จพรหมมองร่างจ้อยวิ่งกลับไปทางเดิมแล้วสายตาหยุดไปร้านพู่กันงานศิลป์ก่อนที่จะยกกล้องกดชัตเตอร์หน้าร้านอีกครั้ง ชายหนุ่มต้องขอบใจมารดาที่ให้เขามาทำธุระแถวนี้ ทำให้ได้พบพี่พู่กันของอั๋น คนอะไรน่ารักเป็นบ้าท่าว๊ากของเจ้าหล่อนช่างโดนใจเขาเสียเหลือเกิน แม้จะไม่ได้เห็นหน้าเต็ม ๆก็ตาม




*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *


“แม่คะพู่ขอขนมเพิ่มได้ไหมคะ พอจะแบ่งให้พู่ได้อีกสักเท่าไหร่ได้คะ”

พู่กันพาหน้าที่ปะแป้งลายพร้อยเต็มหน้า ชุดที่ใส่เป็นชุดนอนคือเสื้อกล้ามกางเกงขาก๊วย( กางเกงเล ) ตัวเก่งอีกตามเคย เดินไปถามมารดาที่กำลังสาละวนอยู่กับขนมที่จะต้องส่งตามออร์เดอร์ในวันรุ่งขึ้น หญิงสาวเช็คจำนวนขนมที่บอกมารดาก่อนหน้านั้นแล้วเห็นว่าปริมาณของดูจะน้อยไปกับความเสียหายที่รอการช่วยเหลือ

“ทำไมล่ะพู่ เด็กเยอะหรือลูก”
“เปล่าคะ พี่หนูนาบอกพู่ว่าภาคใต้เกิดน้ำท่วมหนักเลยจะไปช่วยกัน พู่คิดว่าอุปกรณ์หุงหาอาหารคงเปียกหรือจมน้ำไปหมดแล้ว คงไม่สามารถประกอบอาหารกันเองได้แน่ๆ ดังนั้นมันไม่ใช่แค่เด็กๆเท่านั้นแน่นอนที่หิวโหยคะแม่”
“อืมมม มันก็จริง น่าสงสารนะพู่ เดี๋ยวแม่จัดเพิ่มให้แล้วกันนะ”
“แม่บอกค่าเสียหายให้พู่ด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไรลูก แม่บริจาคสมทบด้วยแล้วกันนะ ช่วยๆกันให้พวกเขาได้อิ่มท้องกัน อาจจะไม่ทั่วถึงแต่ก็ได้แบ่งเบาความหิวโหยพวกเขาบ้าง”
“คะแม่ งั้นพู่ไปเก็บของลงกระเป๋าก่อนนะคะ ขอบคุณคะแม่ใจบุญที่สุดเลยคะ”

พู่กันเดินเข้าไปโอบร่างท้วมอุ่นของมารดาแล้วพยายามหมุนตัวไปมาเหมือนที่ทำเป็นประจำ เสียงหัวเราะคิกคักมักจะตามมาด้วยเสียงหอมแก้มฟอดใหญ่ของผู้เป็นแม่อย่างเอ็นดู

“พู่อย่าลืมพกแว่นสายตาไปด้วยนะลูก เผื่อไอ้เจ้าคอนแทคเลนส์มันเกิดหลุดแล้วจะยุ่งจะกลายเป็นภาระของพี่ๆได้”
“คะแม่ อ้อพู่ลืมบอกแม่ไปว่าพู่ออกจากบ้านตีสองเศษ ๆ นะคะ พี่หนูนานัดรวมพลกันตีสามก่อนออกเดินทางคะ ไม่ต้องลุกมาส่งพู่หรอกเดี๋ยวพู่ปิดบ้านให้เองคะ”
“เดินทางดีๆ นะลูก”
“คะแม่”

นางรดามองบุตรสาวคนเดียวของบ้านเดินผ่านประตูห้องออกไปด้วยความเป็นห่วง ทุกครั้งที่หญิงสาวออกเดินทางไปกับชมรมเพื่อเพื่อน ไม่มีสักครั้งที่จะไม่ห่วงและจะโล่งใจเมื่อหญิงสาวกลับมาถึงบ้านโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น พู่กันเป็นชอบทำกิจกรรมตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม พอเข้ามหาวิทยาลัยหญิงสาวไม่เคยขาดที่จะเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของคณะที่เรียนอยู่ มักจะเดินทางไปนั่นไปนี่บ่อยๆพอเรียนจบแล้ว พู่กันได้สมัครเป็นสมาชิกชมรมเพื่อเพื่อนตามพี่หนูนา รุ่นพี่ที่ทำกิจกรรมร่วมกันบ่อย ๆ ทุกครั้งที่ออกเดินทางหญิงสาวจะนำขนมจากบ้านไปแจกจ่ายให้เด็ก ๆ เพียงแค่ให้รู้จักรสชาดและอิ่มท้อง แล้วเธอกลับมาเล่าถึงหน้าตาที่เวลาเด็กกินขนมเหล่านั้นน่ารักแค่ไหน สิ่งที่ขาดไม่ได้คือพกพาอุปกรณ์วาดรูป จะนำติดตัวไปด้วยเสมอเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับเด็ก ๆ มากไปกว่านั้นคือพรสวรรค์เหมือนบัวในตมที่รอการค้นหานั่นเอง




พู่กันยืนข้างเจ้าเต่าแก่ด้วยความรู้สึกอยากร้องไห้เต็มแก่ เพราะมันโปเกขึ้นมาในเวลาที่เธอต้องรีบไปตามนัดเสียด้วยสิ เธอพยายามสตาร์ทเจ้าเต่าแก่เกือบครึ่งชั่วโมงจนแน่ใจว่ามันคงไม่เดินทางไปกับเธอแน่ๆในทริปนี้ ร่างสูงระหงเดินวนไปมาเหมือนคิดไม่ตก จนเสียงมือถือในกระเป๋ากางเกงกางเกงดังขึ้น

“อยู่ไหนแล้วไอ้พู่ ทุกคนรอแกอยู่คนเดียวนะแม่ติสจ๋า”
เสียงพี่หนูนาดังแว่วจับน้ำเสียงว่าเป็นห่วงมากกว่าโกรธเคือง ตามด้วยเสียงครือของพู่กันที่ตอบกลับไปฟังแล้วนึกภาพของหญิงสาวได้อย่างชัดเจน

“แย่แล้วคะพี่หนูนา เจ้าเต่าแก่มันเกเรสตาร์ทไม่ติดคะพี่หนูนา”
“อ้าวนึกว่าอะไร งั้นเดี๋ยวพี่ถามพี่ตรีก่อนนะว่าจะให้ใครไปรับ ตอนนี้พู่อยู่ที่บ้านใช่ไหม”
“คะ ตอนนี้พู่อยู่บ้านคะ”

เสียงพี่หนูนาหายไปสองสามนาทีแล้วทักกลับมากให้หญิงสาวรออยู่ที่บ้าน เดี๋ยวจะมีคนไปรับ หลังจากพี่หนูนาตัดสายไปแล้วพู่กันขนสัมภาระและขนมออกจากท้ายรถเจ้าเต่าแก่ แล้วนั่งรอรถมารับเพียงไม่นานแสงไฟหน้ารถสาดส่องเข้ามาในบริเวณบ้านนั่นคือรถของพี่ตรีหัวหน้าชมรมเพื่อเพื่อนนั่นเอง


“โอ๊ยตายแล้ว พี่ตรีมาเองเลยหรือคะ พู่ขอโทษจริงๆ ทำให้เสียเวลาคะ”
พู่กันยกมือไหว้ขอโทษหัวหน้าทีมอย่างเกรงใจ ขณะที่หนุ่มใหญ่เปิดประตูรถออกมายิ้มให้อย่างใจดีเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

“ไม่เป็นไรพู่ รถพี่ว่างพอสำหรับขนมเด็กๆ ไม่ต้องห่วง”
“งั้นพู่เอาขึ้นไปใส่ท้ายรถเลยนะคะ”
“มาพี่ช่วย”

เมื่อยกของเสร็จแล้วพู่กันจึงกระโดดขึ้นท้ายรถ เพราะเห็นว่าในตัวรถมีคนนั่งเกือบเต็มแล้ว ความจริงเธอไม่อยากไปนั่งเบียดกับใครมากกว่า พี่ตรีพยักหน้าอนุญาตหลังจากคัดค้านไปแล้วแต่เมื่อพู่กันยืนยันเจตนา ให้เหตุผลว่าไม่อยากนั่งเบียดเสียดกับกับใครและท้ายรถมีกันสาดยื่นออกมาพอกันแดดกันฝนได้ระดับหนึ่ง ไม่รอให้คัดค้านได้อีก ร่างบางกระโดดขึ้นรถแล้วเคลียรพื้นที่สำหรับตัวเอง ยกมือโบกให้เจ้าของรถรีบออกเดินทางจะได้ไม่เสียเวลา ตรีภพจำใจขับรถออกไปโดยทิ้งสายตามองดูรุ่นน้องที่นั่งหลังกะบะคนเดียวเป็นระยะ ๆ

“สงสัยจะรู้ตัว”
เสียงของใครสักคนในรถเอ่ยขึ้นมาอย่างหมั่นไส้ ตรีภพถามขึ้นมา

“อะไรหรือแก้มใส”
“แก้มบุ๋มคะไม่ใช่แก้มใส ก็แม่ติสจ๋านั่นสิคะ สงสัยจะรู้ตัวว่าทำให้ออกเดินทางช้าเลยไปนั่งข้างหลัง ดีสมน้ำหน้า”
“ทำไมแก้มบุ๋มไปว่าพู่กันแบบนั้นล่ะ พู่กันเค้าคงคิดว่าถ้ามานั่งแล้วพวกเราจะนั่งไม่สะดวกมากกว่า”
“นี่แก้มใส เธอก็เห็นว่าพู่กันเป็นตัวถ่วงในครั้งนี้มิใช่เหรอ”
“รถพู่กันเสียแก้มบุ๋มก็เห็น พี่ตรีคะแก้มใสขอไปนั่งเป็นเพื่อนพู่กันได้ไหมคะ”
“อย่าเลยครับน้องแก้มใส พี่ว่าปล่อยให้พู่กันนั่งคนเดียวเค้าน่าจะชอบมากกว่าครับ”
“เห็นไหม ขนาดพี่ตรียังรู้เลย”

แก้มบุ๋มพี่สาวกล่าวเสริมพร้อมกับค้อนน้องสาวที่พยายามเข้าข้างคนที่ตนเองไม่เคยนึกชอบนับตั้งแต่เข้าร่วมชมรมมาทั้งๆ ที่เข้ามาเป็นสมาชิกหลังพู่กัน

“รู้อะไรเหรอ”
แก้มใสอดถามกลับไม่ได้ตามองที่คนขับ ทำให้พี่ตรีต้องรีบตอบก่อนที่หญิงสาวจะเข้าใจผิดไปยกใหญ่

“ไม่มีอะไรหรอกแก้มใสแก้มบุ๋ม พู่กันเขาชอบอยู่คนเดียว ไม่ชอบยุ่งกับใคร เอาไว้แล้วจะรู้จักกันนานๆ ก็จะรู้นิสัยของพู่กันไปเองแหละ”
“ศิลปินก็งี้แหละ เป็นพวกโลกส่วนตัวสูง”
น้ำเสียงกระแนะกระแหนลอยมา แก้มใสหันไปมองพี่สาวแล้วส่ายหน้าแย้งขึ้นเบาๆ


“ถ้าไม่ทำความเดือนร้อนกับใครก็ไม่ควรไปว่าเขาใช่ไหมคะ พี่ตรี”
“ถูกต้องครับ แต่พี่ว่าแก้มบุ๋มแก้มใสนอนหลับเอาแรงดีกว่านะ พอไปถึงที่แล้วจะไม่มีเวลามาง่วงกัน”

ตรีภพ หรือพี่ตรีของน้องๆ ในทีมชมรมเพื่อเพื่อนมองดูกระจกแวบหนึ่งเห็นคนในหัวข้อสนทนาเอนตัวพิงกระเป๋า กำลังคิดว่าหญิงสาวอาจจะหลับไปแล้ว และพอถึงจุดหมายคนที่ลุกขึ้นมาอย่างกระฉับกระเฉงก็คือไอ้พู่ของพี่ๆ จริงอยู่ว่าพู่กันจะมีโลกส่วนตัวสูงแต่ใช่ว่าจะอยู่กับตัวเองตลอดเวลา หญิงสาวสามารถทำกิจกรรมร่วมกับทีมได้เป็นอย่างดี ทุกครั้งที่มีการออกทริปพู่กันจะใส่ชื่อตัวเองในอันดับต้น ๆ ทุกครั้งไป



*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *


ร่างบางบิดตัวแก้เมื่อยขบและขับไล่ตัวขี้เกียจเมื่อรถที่นั่งมาจอดนิ่งบริเวณปั๊มน้ำมันกลางทางเพื่อให้ขบวนลูกทีมได้พักรถและผู้โดยสารได้ลงไปเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว พู่กันยื่นหน้ามองหาคนอื่นๆ แล้วค่อยคลานออกจากที่นอนอันแสนสบายของตัวเอง ร่างบางค่อยๆปีนลงจากรถพี่ตรี เสียงทักอย่างอารีของลุงนาถมาทางข้างหลัง


“เฮ้ยไอ้พู่นั่งข้างหลังสบายหรือเปล่า”
“สบายมากเลยลุงนาถ ลมพัดเย็นดีคะ พู่หลับมาตลอดทางเลย”
“เดี๋ยวสาย ๆ มันจะร้อนเอานา มานั่งกับลุงไหมล่ะ รถลุงว่าง”

ลุงนาถถือแก้วกาแฟเดินมาทักตามด้วยชักชวนให้ไปนั่งด้วย แน่นอนไม่มีทางที่จะทิ้งโอกาสคิดอะไรเรื่อยเปื่อยของตัวเองย่อมไม่ทำ พู่กันส่ายหน้าดิกประกอบกับคำพูดของตนทันทีเพื่อมิให้ลุงนาถชักชวนเป็นครั้งที่สอง

“ขอบคุณคะ แต่พู่ขอรับลมธรรมชาติดีกว่าคะลุง พู่อยู่ได้อย่าห่วงเลย”
“ไม่ได้ห่วงแต่อยากให้สบาย”
“นี่ก็สบายที่สุดของพู่แล้ว เอาไว้ถ้าพู่ร้อนมากจริงๆ พู่ค่อยขออาศัยลุงแล้วกันคะ”
พู่กันตอบกลับไปเพื่อรักษาน้ำใจ อย่างน้อยลุงนาถก็แสดงความมีน้ำใจกับเธอ

“อ้าวพู่อยู่นี่เอง อะนี่พี่เอากาแฟมาเผื่อ ไงเรานั่งข้างหลังคนเดียวชอบล่ะสิท่า พี่มานั่งด้วยได้ปะ”
“พี่หนูนากล้านั่งหรือคะ เดี๋ยวก็บ่นหรอกว่าเจ็บก้นแดดร้อน พู่ไม่อยากฟังเสียงคนบ่นนะคะ”
“อะไรกันยายพู่นี่ พี่นี่นะจะบ่น ขอโทษ ไม่รู้จักพี่หนูนาตัวจริงซะแล้ว ไปเลยไปทำที่ไว้ให้พี่เลยเดี๋ยวพี่จะไปนั่งกับพู่”
“เอาจริงเหรอคะ พี่หนูนาจะทิ้งเฮียตี๋ได้ลงคอหรือคะ”
“ไม่ต้องกลัวหรอกพู่ ในรถมีพี่กิ้งกับคุณนลแล้ว เชื่อได้ว่าเฮียของพี่ไม่มีวันเหงา”
“งั้นก็ตามใจ แต่อย่าบ่นให้พู่ได้ยินก็แล้วกัน”
“ชัวร์น่าไอ้พู่”
“แก้มใสขออนุญาตนั่งอีกคนได้ไหมคะ!”



ตรีภพเหลือบมองดูสามสาวที่นั่งท้ายกะบะด้วยความรู้สึกอยากไปแจมด้วยเป็นกำลัง ดูเหมือนว่าทั้งสามกำลังร้องเพลงอย่างมีความสุข ต่างพากันหัวเราะสนุกสนาน ดูๆแล้วใครจะเชื่อว่าเจ้าพู่กันมันมีหัวทางดนตรีกับคนอื่นเขาเหมือนกัน ออกจะทึ่งเมื่อตอนที่สาวติสจ๋าเข้ามาถามหาเจ้าของเครื่องดนตรี


“พี่ตรีพู่เห็นอูคูเลเล่ที่อยู่ท้ายรถของใครเหรอ”
“ของพี่เองกะจะเอามาเล่นแก้เหงาตอนกลางคืน มีอะไรเหรอ”
“พู่ขอยืมเล่นได้ไหมพี่”
“ได้สิ ว่าแต่เราเล่นเป็นเหรอ”
“เป็นนิดหน่อยคะ พู่จะดีดให้พี่หนูนากับแก้มใสร้องเพลงจะได้ไม่เหงาคะ”
“ตามสบายเลยพู่”
“ขอบคุณคะพี่ตรี”

เสียงร้องเพลงอย่างสนุกสนานดังแว่วผ่านกระจกเข้าไปในห้องโดยสารตอนหน้า ท่าทางของคนทั้งสามมีความสุขโดยเฉพาะแก้มใสที่ได้ปล่อยพลังออกมาทางเสียงเพลงต่างแย่งกันขอเพลงจากคนที่บอกว่าเล่นอูคูเลเล่เป็นนิดหน่อยให้ดีดเพลงนั้นเพลงนี้ตลอดเวลา นานๆครั้งจะได้ยินเสียงคนดีดร้องเสียทีเมื่อตอนทีถูกขอร้องให้ร้องให้ฟังในช่วงที่พี่หนูนากับแก้มใสพักกล่องเสียงแม้จะเป็นแค่แว่วเสียงแต่ตรีภพก็อยากจะให้คะแนนคนร้องว่าน่าฟังไม่น้อย

“โอ๊ยนี่พู่กันจ๋า เธอดีดอูคูเลเล่ได้เจ๋งมาก ไม่น่าเชื่อเลย”
พี่หนูนาชมแกมค้อนอย่างหมั่นไส้ความเก่งกาจของสาวรุ่นน้อง

“ใช่คะ ไม่อยากจะบอกว่าทั้งเก่งและเท่ห์อย่าบอกใครเลยคะ”

แก้มใสพูดตาเป็นประกายพร้อมกับยกนิ้วให้พู่กันที่กำลังเก็บอุปกรณ์ดนตรีเข้ากล่องอย่างถนุถนอมและรับขวดน้ำจากพี่หนูนาอย่างกระหาย

“พู่จะบอกความจริงว่าพู่ทำเนียน”
“ทำเนียนอะไรไอ้พู่”
“ความจริงพู่ดีดไม่เป็นหรอก เสียงเพลงกลบดีดมั่วๆ ไปงั้นแหละ”
“เนียนขั้นเทพเลยคะคุณพู่ จับไม่ได้เลย คิก คิก”

แก้มใสหัวเราะกิ๊กกับท่าทางกวนๆ ของสาวติส พู่กันทำตัวสบายๆ ไม่เห็นมากเรื่องอย่างที่เข้าใจ ยังนึกหวั่นใจตอนที่ขอนั่งด้วยอีกคนว่าจะถูกปฏิเสธ พู่กันยิ้มแล้วก็พยักหน้าจากช่องว่างให้นอนได้คนเดียวกลายเป็นที่นั่งของสามคนไปโดยปริยาย ยิ่งสนุกเมื่อพู่กันหยิบกีตาร์ตัวเล็กขึ้นมาเกา ตามด้วยเสียงร้องของพี่หนูนาที่มีพลังเสียงเหลือเฟือจนเธอเริ่มนึกไม่ยอมแพ้ขึ้นมาบ้าง

เสียงเพลงเงียบไปแล้วตรีภพเหลือบดูกระจกหลังเห็นพี่หนูนานั่งหมดสภาพคอเอียงไปมา ตามทิศทางของรถที่วิ่ง แล้วเขาต้องอมยิ้มเมื่อพู่กันจับศีรษะให้พิงกับไหล่ของเธอ ส่วนสองสาววัยเดียวกันกำลังนั่งคุยกัน ตรีภพคิดว่าคนที่ชวนคุยน่าจะเป็นแก้มใสมากกว่า ถึงแม้พู่กันเป็นคู่สนทนาที่ดีแต่หญิงสาวมักจะเป็นฝ่ายถูกถามมากกว่าที่จะเปิดปากถามผู้อื่น แต่ถ้าคุยในเรื่องที่พู่กันสนใจละก็หญิงสาวจะคุยได้เป็นคุ้งเป็นแควและสนุกสนานให้ได้หัวเราะกันอย่างน่าอัศจรรย์ใจ


*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *


ที่ภูเก็ต

ผู้บริหารหนุ่มหล่อโสดและเนื้อหอมมากที่สุดในเวลานี้ไม่มีใครเกินหน้า เก็จพรหม พรหมมินทร์ เจ้าของรีสอร์ทหรูที่มีโรงแรมในเครือถึงสามแห่งในภาคใต้ กิจการที่สืบทอดมาจากรุ่นบิดามาสู่รุ่นลูก เก็จพรหมมีพี่น้องอีกสองคนเป็นผู้หญิงทั้งคู่ เขาเป็นคนกลาง พี่สาวคนโตชื่อเก็จแก้ว และน้องสาวชื่อเก็จมณี ทั้งสามคนทำหน้าที่บริหารโรงแรมในเครือโดยต่างหน้าที่กันนั่นคือการตลาดเป็นหน้าที่ของเก็จแก้ว เก็จมณีรับหน้าที่ดูแลการเงินการบัญชี และหน้าที่บริหารกิจการโรงแรมในเครือทั้งหมดเป็นหน้าที่ของเก็จพรหมที่จบการบริหารการโรงแรมจากอังกฤษมาโดยตรง

ร่างสูงใหญ่ของเก็จพรหมนั่งอยู่หัวโต๊ะด้วยสีหน้าที่ที่เก็จแก้วและเก็จมณีนึกเดาไม่ออกว่าชายหนุ่มกำลังคิดอะไร เบื้องหน้าคือผลประกอบการในช่วงหน้า Peak Season* ผ่านมาสองเดือนแล้วเหมือนว่ายอดจองห้องพักจะตกลงไปเกือบ10% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

“มันแย่มากใช่ไหมพรหม?”
เก็จแก้วถามคล้ายประเมินผลงานตัวเอง คิดว่าตัวเธอทำการตลาดยังไม่เต็มที่ทำให้ยอดจองห้องพักตก

“พูดกันตามจริงก็โอคะฮะพี่แก้ว ถือว่าเสมอตัว พวกเราต้องยอมรับกันตรงๆว่าโรงแรมตอนนี้ผุดขึ้นมามากกว่า ยี่สิบโรงภายในปีเดียวแล้วที่กำลังสร้างอีกก็ยังมี ถ้าจะให้ผลประกอบการเท่าเดิมเราก็ต้องขยันกว่าเดิมหาจุดดึงดูดให้เจอแล้วป้อนข้อเสนอที่โรงแรมอื่นยังไม่ค่อยทำกัน”
“ถ้าอย่างนั้นพี่จะลองดูกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เราอาจจะต้องทำ Road Show กับ Agents หรือไม่ก็ตามสมาคมท่องเที่ยวที่เรายังไม่เคยเปิดตลาด”
“ครับพี่แก้ว เราอาจจะต้องเพิ่มช่องทางโปรโมทในด้านอื่นๆ ด้วยฮะ”
“ของมณีล่ะคะ พี่พรหมว่าต้องปรับปรุงอีกไหม”
“ผลการเรียกเก็บเงินจาก Agent มณีทำได้ตามเป้านะ ถ้าเป็นไปได้พี่อาจจะให้มณีดูเรื่อง คอร์สค่าใช้จ่ายมากกว่าครับ บางตัวดูมันสูงเกินจริงกับรายได้ที่เข้ามา”
“พี่พรหมหมายถึง FB **ใช่ไหมคะ”
“สองแผนกฮะ ทั้ง FB และก็ HK*** ด้วย มณีตรวจสอบไปที่แผนกสั่งซื้อได้เรื่องแล้วส่งให้พี่ทางอีเมล์นะ”
“ได้คะพี่พรหม”

เก็จพรหมใช้เวลาประชุมทุกเช้าหากมีเวลาตรงกันระหว่างพี่น้อง ตามจริงการบริหารงานแต่ละโรงแรมนั้นได้ว่าจ้างผู้จัดการทั่วไปมาดูแลอยู่แล้วเพียงแต่ทั้งสามต้องนำผลการประชุมระหว่างทีมเข้ามาสรุปกันอีกครั้งหนึ่ง ครอบครัวพรหมมินทร์สามพี่น้องรักกันมากทั้งสามมักจะหาอะไรมาทำกิจกรรมร่วมกันเสมอ

“เออนี่พรหม จำพี่หนูนาได้ไหม”
“ครับจำได้ พี่หนูนาทำไมหรือฮะ”
“พี่หนูนาเค้าลงมาจากกรุงเทพฯมาช่วยน้ำท่วมที่สุราษฎร์ พี่นัดเพื่อนในภูเก็ตว่าจะไปสมทบทีมพี่หนูนา ช่วยเหลือคนใต้ด้วยกัน ถ้าพรหมว่างก็อยากชวนไปด้วยกัน”
“พี่แก้วไปเมื่อไหร่ฮะ?”
“พรุ่งนี้จ๊ะ วันนี้บางส่วนไปซื้อเครื่องนุ่งห่ม อาหารและน้ำ ไปแบบนี้สนุกนะได้บุญด้วย”
“ขอผมเช็คตารางงานแล้วให้คำตอบพี่เย็นนี้ฮะ”
“พี่แก้วชวนแต่พี่พรหมไม่เห็นชวนมณีมั่งเลย ลำเอียงเห็นๆเลย”
“อุ้ย มณีจ๋า พี่รู้ว่าถึงชวนมณีก็ไม่ไปนะสิคะ”
“ถึงมณีไม่ได้ไป แต่ก็อยากทำบุญเหมือนกันนี่คะ นี่คะมณีช่วยสมทบทุนอีก 10000 บาทคะ”
“น่ารักจริงๆ น้องฉัน ขอบใจนะจ๊ะเดี๋ยวพี่จะเอาไปใส่กองทุนให้นะจ๊ะรับรองถึงมือผู้รับทุกบาททุกสตางค์จ๊ะ”




*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *




ขบวนคาราวานชมรมเพื่อเพื่อนเดินทางเข้าสู่จังหวัดสุราษฏร์ธานีเกือบเย็น ทั้งหมดเข้าที่พักก่อนเพื่อเก็บสัมภาระ ทางชมรมได้จองที่พักให้ห้องล่ะ 3 คน ดังนั้นพู่กันจึงเข้าพักกับสองสาวแก้มบุ๋มและแก้มใส คนที่ดูลิงโลดที่สุดคงไม่พ้นแก้มใสที่เริ่มชอบอัธยาศัยและบุคลิกสาวติสของพู่กัน จึงแอบกระซิบกับพู่กันอย่างดีใจ

“คุณพู่ แก้มใสขอนอนเตียงเดียวกับคุณพู่ได้ไหมคะ”
“จะเอางั้นเลยหรือคะ”

พู่กันยิ้มแหยๆ มองใบหน้าร่าเริงของแก้มใสอย่างลำบากใจไม่น้อย เหลือบดูหน้าแก้มบุ๋มกำลังหิ้วของตามมาด้วยสีหน้าที่แปลไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่

“คุณพู่รังเกียจแก้มใสหรือเปล่าคะ”

สีหน้าและคำพูดของแก้มใสหมองลงเมื่อเห็นรอยยิ้มเจื่อนของพู่กัน มือนุ่มถูกดึงไปกุมเอาไว้คล้ายอ้อนวอนให้หญิงสาวใจอ่อน โดนไม้นี้ของแก้มใสพู่กันคิดไม่ออกว่าจะปฏิเสธยังไงให้นุ่มนวล ทำได้เพียงแต่พยักหน้าหงึก ๆ แบบขอไปที

“นี่แก้มใสเธอจะไปกวนพู่กันทำไม ไม่คิดมั่งเหรอว่าพู่กันเค้าอึดอัดเอาได้ เสียมารยาทจังเลย”
แก้มบุ๋มทำเสียงตำหนิน้องสาว แก้มใสหน้าหงอยลงอย่างเห็นได้ชัดจนพู่กันรู้สึกสงสารจึงต้องตอบแทนแก้มใสออกไป

“ไม่เป็นไรคะ พู่ไม่ได้อึดอัดอะไร กลัวแต่ว่าตัวเองจะนอนดิ้นทำเอาแก้มใสตกเตียงนะสิคะ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ แก้มใสอย่าโกรธพู่ก็แล้วกันนะคะ”

พู่กันเอ่ยติดตลก ทำให้แก้มใสยิ้มออกได้ ทั้งสามเดินไปถึงห้องพบว่าเตียงที่จัดไว้ให้เป็นเตียงเดี่ยว คนที่ทำหน้าผิดหวังที่สุดคือแก้มบุ๋มเธอหวังจะได้นอนเตียงคนเดียว จึงบ่นกะปอดกะแปดปรายสายตาทางพู่กัน

“จะนอนเข้าไปได้ยังไงเตียงเดียวตั้งสามคน คนเดียวก็ยังคิดว่าแคบเลย”
“เรามาแบบนี้ คงไม่เหมือนนอนที่บ้านหรอกนะแก้มบุ๋ม”
“เดี๋ยวพู่นอนที่โซฟาก็ได้ คุณสองคนนอนบนเตียงเถอะ”

พู่กันเหลียวไปเจอโซฟาตั้งมุมห้อง เธอรีบเสนอตัวนอนทันทีเพราะจะได้นอนคนเดียวอย่างที่ตั้งใจแต่แรก โดยไม่มองหน้าแก้มใส พู่กันเอากระเป๋าตัวเองไปตั้งบนโซฟาแล้วรื้อคว้ากล้องประจำตัวติดตัวก่อนจะเดินออกจากห้อง ปล่อยให้พี่น้องสองสาวตกลงเรื่องที่จะนอนกันตรงไหนกันเอง





*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *

คำอธิบาย

• Peak Season : คือหน้าปีใหม่และสงกรานต์
• FB : Food and Beverage แผนกอาหารและเครื่องดื่ม
• HK : House Keeping : แผนกแม่บ้าน






Create Date : 16 สิงหาคม 2554
Last Update : 17 สิงหาคม 2554 8:45:15 น.
Counter : 3135 Pageviews.

13 comments
  
เอากำลังใจมาให้ก่อน แล้วค่อยมาอ่านตอนเยอะๆ อีกทีค่ะ จุ๊บๆๆ
โดย: prajoa IP: 86.6.102.250 วันที่: 16 สิงหาคม 2554 เวลา:17:41:54 น.
  
เริ่มต้นก็สนุกน่าติดตามแล้วค่ะ ฝีมือการเขียนของแม่หนูยิมพัฒนาไปแบบก้าวกระโดดเลย ชื่อ "เก็จพรหม" แปลว่าอะไรคะ แปลกดี
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 16 สิงหาคม 2554 เวลา:18:43:51 น.
  
ขอบคุณคะ Prajoa
ว่างเมื่อไหร่ก็แวะมาอ่านมาเจิมนะคะ
โดย: gymstek วันที่: 16 สิงหาคม 2554 เวลา:19:21:25 น.
  
เก็จพรหม หมายถึงแก้ววิเศษจากพระพรหมคะพี่ตุ้ย
ขอบคุณคะ แบบนี้มีกำลังใจขึ้นอีกเยอะเลยคะ สู้ ๆ ๆ
โดย: gymstek วันที่: 16 สิงหาคม 2554 เวลา:19:24:29 น.
  
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


- - ขอสมัคร...เป็นแฟน...กับคนบ้านนี้ขร้าาาา....
- - มานั่งอ่านเรื่องราว...ที่หนูยิมเขียนจร้าาาาา....
- -
- - ขอให้ทุกเช้าเป็นเช้าที่สดชื่นนะจีะ........

..............................
โดย: go far far วันที่: 17 สิงหาคม 2554 เวลา:3:46:25 น.
  
ตอบรับสมาชิกใหม่คะ
ขอให้มีความสุขกับงานเขียนแม่หนูยิมนะคะ น้อมรับคำติชมคะ
โดย: gymstek วันที่: 17 สิงหาคม 2554 เวลา:7:46:20 น.
  
แม่หนูยิมเจ้าขา
เรื่องนี้ขอแบบว่า กุ๊กกิ๊กหน่อยนะคะ
แบบว่าอ่านแล้วอมยิ้มอะคะ

โดย: Rainy IP: 58.181.167.189 วันที่: 17 สิงหาคม 2554 เวลา:11:48:06 น.
  
แหม ช๊อบชอบ พวกติ๊ด ๆ เนี่ย
(อาจจะเพราะวีอยากจะวาดรูป
วีอยากจะเป็นติสท์ แต่เป็นไม่ได้ด้วยค่ะ)
แถมยังมีชื่อเก๋ไก๋ เก็จพรหม
หนุ่มหล่อภูเก็ต (เจ้าของรีสอร์ทซะด้วย)

เริ่มต้นมาก็ ร่อยจังหู้ แล้ว
จะรออ่านต่อไปด้วยใจจดจ่อนะคะ แม่หนูยิม
โดย: โสดในซอย วันที่: 17 สิงหาคม 2554 เวลา:21:34:19 น.
  
ได้เลยคะ แม่หนูยิมจัดให้นะคะหนูฝน
แฟนคลับขอทั้งที อิอิ ชุดใหญ่ไปเลยคะ
โดย: gymstek วันที่: 17 สิงหาคม 2554 เวลา:22:41:30 น.
  
ชื่อเพราะก็ต้องขอบใจป๋ากูลคะ
ป๋าเป็นเพื่อนที่ดีเสมออิอิ
นึกไม่ออกก็หาป๋ากูลลลลลลเกิ้ล

ขอบคุณคะคุณวี เด่วแม่หนูยิมไปเยี่ยมนะคะ อิอิ ถึงที่เลย
โดย: gymstek วันที่: 17 สิงหาคม 2554 เวลา:22:44:00 น.
  
สนุกค่ะ ชอบๆ จะติดตามผลงานนะค่ะ
โดย: peng-on วันที่: 3 กันยายน 2554 เวลา:22:07:54 น.
  
มาช้าอีกแล้วสินะเรา อิอิ เพิ่งติดตามอ่านค่ะ ติดใจจากเรื่องของหม่อมเจ้าอติเทพ เลยมาขอต่อเรื่องนี้ด้วยและกันนะคะ รายงานตัวค่าา
โดย: sugari IP: 10.66.227.77, 202.28.118.121 วันที่: 24 เมษายน 2555 เวลา:23:00:29 น.
  
กำลังแอบอ่าน อิอิ
ขอแอดเฟรนด้วยนะค่ะ
โดย: FaithStone วันที่: 30 กรกฎาคม 2555 เวลา:15:10:56 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

gymstek
Location :
ภูเก็ต  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



>