All Blog
สาวไฮเปอร์หัวใจติส - ติสสิบ
*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *


ทริปนี้ใส่ความหวานให้คู่พระนางคะ ขอโรแมนติกหน่อยนานๆ ได้ท่องทะเล นำภาพท้องทะเลใสสีคราม คอนเฟริ์มว่า สิมิลันมันสวยยยยยจนอดใจไม่ไหว.......

สถานการณ์น้ำท่วม แม่หนูยิมเป็นกำลังใจให้กับทุกๆ ท่านเลยนะคะ
เชื่อว่าอีกไม่นานทุกอย่างจะผ่านพ้นไปด้วยดีคะ
ขอให้เพื่อน ๆ มีกำลังใจและสู้ ๆ นะคะ


*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *





D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* ติสสิบ D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿*



หาดทรายขาวสะอาดน้ำทะเลใสรออยู่เบื้องหน้า พู่กันวิ่งเหยาะ ๆ เข้าหาเกลียวคลื่นที่ถาโถมเข้าหาหาดทรายแล้วถอยกลับอย่างไร้เรี่ยวแรง มือถืออุปกรณ์ดำน้ำครบครัน เสียงคลื่นยามเช้าปลุกให้เธอตื่น แววตาสุกใสไร้ร่องรอยความเหนื่อยล้าทั้งๆ ที่จะได้หลับจริงๆก็เข้าไปวันใหม่แล้วก็ตาม

“อูยยยย นี่แหละที่ต้องการ ซักหน่อยแล้วไอ้พู่ไม่ลงไม่ได้แล้ว”

ร่างบางดำผุดดำว่ายอยู่พักใหญ่ก่อนจะปล่อยตัวลอยหงายอยู่บนแผ่นน้ำใสสีคราม เงยหน้ามองขึ้นดูท้องฟ้าสีครามสดใสแสงแดดยามเช้ายังไม่แรงพอให้จ้องมองได้อย่างสบายตา
“เฮ้ๆ ๆ หวัดดีท้องฟ้าจ๋า”
พู่กันอดไม่ได้ที่จะป้องปากตะโกนขึ้นไปข้างบนยังไม่พอโบกมือหยอย ๆ ทักทายปุยเมฆที่ไหลเอื่อยๆ
“ดู ๆ ไปมันคงขี้เกียจเหมือนกัน”

คิดเรื่อยเปื่อยตามประสาคนมีจินตนาการ ปลายเท้าตีน้ำสลับไปมาพยุงตัวให้ล่องลอยไปกับคลื่นช้าๆ นานๆครั้งพู่กันผงกหัวขึ้นมองหาวัดระยะว่าตัวเธอลอยออกจากชายหาดไกลแค่ไหน ร่างบางพลิกตัวหลังจากจัดการสวมอุปกรณ์ดำน้ำแล้วมุดหน้าลงสู่เบื้องล่างท่ามกลางน้ำใสใต้ท้องทะเล เหล่าฝูงปลาเล็กๆว่ายเวียนวนตามกลุ่มปะการัง ติสสาวตื่นตาตื่นใจ กวาดสายตาไปรอบๆขณะที่จิตใจสงบอย่างประหลาด สองมือค่อย ๆ ยื่นเข้าไปหาปลาสีสวย โดยเฉพาะปลานกยูงหลงฝูงตัวน้อย ท่าทีดูมันกังวลลอยนิ่งอยู่กับที่หันไปมา ตาเธอฝาดแน่ๆเจ้าปลาทำหน้าเลิ่กลั่ก และแล้วพู่กันต้องรีบเงยหน้าขึ้นเหนือน้ำเพราะเผลอตัวหัวเราะในน้ำทำให้สำลักน้ำไอจนหน้าตาแดงไปหมด

“จะบ้าตายปลาทำหน้าเลิกลั่ก คิดได้ไงวะตรู”

หญิงสาวพ่นเสียงหัวเราะออกมาดัง ๆ หลังจากหยุดไอแล้ว ช่วงเวลานี้เป็นอะไรที่วิเศษ การได้มาท่องทะเลแช่ตัวอยู่ในน้ำใสเห็นวิถีชีวิตใต้ท้องน้ำ เสียดายที่ต้องรีบกลับ ไม่งั้นจะแช่ทะเลให้ฉ่ำปอด มากไปกว่านั้นเธออยากไดร์ฟในน้ำลึกสักหนก็ยังดี อาร์ทตัวแม่คิดไกล ร่างบางจมอยู่ในความคิดของตนเองเงียบๆ จนไม่สังเกตว่ามีใครว่ายเข้ามาอยู่ใกล้ตัว

เก็จพรหมตื่นขึ้นมาทันเห็นพู่กันเดินถือหน้ากากและท่อหายใจตรงไปยังชายหาด จึงตามหลังหญิงสาวทันทีที่ทำธุระส่วนตัวเสร็จ ชายหนุ่มไม่ได้เข้าไปแจมกับพู่กันทันทีเพราะอยากเก็บภาพของหญิงสาวที่กำลังมีความสุขเพียงลำพัง โดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครจับจ้องตัวเองอยู่ ครั้นเห็นหญิงสาวไอสำลักหลังโผล่พ้นน้ำ จึงวางทุกอย่างแล้วรีบว่ายหาหญิงสาวด้วยเป็นห่วงเกรงว่าตะคริวจะถามหา

“พู่ ๆ เป็นอะไร”
เสียงตกใจทักมาจากด้านหลัง พู่กันหันไปเจอชายหนุ่มที่มีสีหน้าไม่ต่างจากเสียงมากนัก
“คุณพรหม พู่ไม่ได้เป็นอะไร แค่สำลักน้ำเท่านั้น”
เสียงแหบตอบมาหลังจากไอจนหน้าตาแดงก่ำ
“แล้วไปนึกว่าเป็นตระคริวเสียอีก”

เสียงผ่อนลมหายใจ ทำเอาติสสาวต้องมองหน้าเจ้าพ่อรีสอร์ทแปลก ๆมีบางอย่างผุดแวบเข้ามาในแววตา โดยที่ชายหนุ่มไม่มีโอกาสได้เห็นเพราะมันหลบอยู่หลังหน้ากาก

“เป็นห่วงพู่เหรอคะ”
คำถามติดล้อพ่วงหัวเราะเสียงใสตามมา
“ถ้าผมตอบว่าใช่ พู่จะเชื่อไหม”

เก็จพรหมปาดน้ำจากหน้าหล่อเข้มนั้นสองสามครั้ง สีหน้าคมสันดูจริงจังไร้รอยยิ้ม มีเพียงสายตาที่มองฝ่าหน้ากากนั้นดูฉ่ำหวาน ระยะห่างสองหนุ่มสาวมีแต่สายน้ำที่ขวางกั้น ทำเอาใจคนฟังแกว่งไกว

“พู่ว่ายน้ำเป็นไม่ต้องห่วงหรอกคะ”
พู่กันอุบอิบตอบ ตีน้ำเบาๆพาตัวออกห่างชายหนุ่มเพราะเกรงว่าคนตรงหน้าจะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นผิดจังหวะ

“อย่าประมาทสิฮะ เล่นน้ำอยู่คนเดียวแถมเสื้อชูชีพไม่ใส่แบบนี้ มันอันตรายมากนะฮะ”

เป็นครั้งแรกที่ได้ยินน้ำเสียงลงท้ายหนักเหมือนปรามเบา ๆ จนพู่กันกระพริบตาถี่อดแปลกใจไม่ได้ ไม่วายแอบย่นจมูกใส่คนขี้บ่นกับพฤติกรรมของเธอ

“อันตรายยังไงคะ แค้มป์ก็อยู่แค่นี้ถ้าหากจะมีอะไรเกิดขึ้นกับพู่ ก็แค่แหกปากร้องแค่นี้ก็ได้ยินกันทั้งหมดแล้วล่ะคะ”

พู่กันนึกสนุกกับการต่อปากต่อคำกับชายหนุ่มตรงหน้า อาจเป็นเพราะเธอกับเขาเริ่มคุ้นเคยกันมากขึ้นและท่าทีของชายหนุ่มมิได้บ่งบอกว่าเป็นคนฉวยโอกาสแต่อย่างใด

“ของแบบนี้มันเกิดได้ตลอดเวลา ผมไม่อยากให้พู่ประมาท”
“อูยยย พ่อแก่ไปรึเปล่าคะเนี่ย”
พู่กันดึงหน้ากากออก ยิงเขี้ยวขำหัวเราะตาหยีใส่คู่สนทนา สัพยอกเล็กๆเมื่อรู้ตัวถูกสวด
“?”

นอกจากจะตะลึงกับลุคใสๆที่ได้ใจเขาไปเต็มๆแล้ว ยังกระตุ้นต่อมเคมีที่มีต่อสาวนัยน์ตาโตคนนี้พอกพูนขึ้นไปอีก สายตาเข้มดูหม่นแสง จนไม่อาจสบตาแป๋วของพู่กันได้ คิ้วหนามุ่นดูไม่ร่าเริง ติสสาวสัมผัสได้ และเข้าใจว่าชายหนุ่มอาจจะมีเรื่องไม่สบายใจอยู่

“พู่มีเรื่องเม้าท์ให้ฟังคะ คุณพรหมอยากฟังไหมคะ”
หญิงสาวลองหยั่งเชิงดู เอียงคอน่ารักถามคนหน้างอก้มหน้าอยู่ใกล้ตัว
“เรื่องอะไรหรือฮะ”
หน้าคมสันหันกลับมาคลี่ยิ้มอบอุ่นให้อีกครั้ง อย่างน้อยเค้าก็ยิ้ม พู่กันคิด
“เรื่องมันยาว งั้นเราแข่งกันว่ายไปที่โขดหินนั่นดีไหมคะ”

ความจริงเรื่องที่จะเม้าท์ยังคิดไม่ออก พู่กันดึงเกมส์ยืดเวลาหาเรื่องที่จะคุยกับเพื่อนต่างวัยของเธอ มือบางเริ่มซีดเพราะอยู่ในน้ำ จุ่มหน้ากากไล่ฝ้าและสวมกลับตำแหน่งเดิมแล้วพุ่งตัวว่ายน้ำนำไปก่อน แต่เพียงไม่กี่นาทีร่างสูงว่ายเคียงคู่ตามคำชวน เมื่อถึงที่หมายชายหนุ่มร่างสูงปีนขึ้นโขดหินแล้วส่งมือให้หญิงสาวจับ ทั้งคู่นั่งผินหน้าไปทิศที่พระอาทิตย์กำลังส่องแสง

“สวยจัง”
ติสสาวเอ่ยขึ้น สายตาจับจ้องไปข้างหน้า หางตาเธอบอกว่ากำลังถูกคนข้างๆจ้องรอฟัง
“พู่เดินทางแบบนี้บ่อยไหมฮะ”
หลังจากรอให้หญิงสาวพูดแต่ดูไม่มีทีท่าว่าเธอจะเอ่ยเรื่องก่อนหน้านี้สักทีจึงเป็นฝ่ายชวนคุยเสียเอง
“แล้วแต่โอกาสจะอำนวยคะ ถามทำไมเหรอค่ะ” น้ำเสียงเรื่อยๆ สบาย ๆ
“เปล่าฮะ”

ตอบสั้นๆ แล้วเงียบเสียงไป พู่กันหันมาพิจารณาซีกหน้าหล่อเข้มที่มองขอบฟ้าข้างหน้า ปากบางเม้มชั่งใจว่าควรถามดีหรือไม่ ตากลมโตหลุบต่ำมองดูคลื่นกระทบโขดหินเป็นจังหวะ เธอซ่อนบางอย่างไว้ใต้เปลือกตานั้น ก่อนจะทำเสียงกระปรี่กระเปร่ากว่าที่เป็นอยู่

“คุณพรหมรู้จักกับพี่สิปมานานแล้วหรือคะ”

พู่กันนึกขึ้นได้ว่าสาเหตุของเก็จพรหมเดินทางข้ามทะเลจากอีกฟากหนึ่งของเกาะมาสมทบกรีนซีคืออะไร จึงเลียบเคียงถาม เพราะเธอยังสงสัยแกมงงเล็กน้อย ตรงที่ไม่เคยเจอชายหนุ่มร่วมกิจกรรมนี้มาก่อน

“พี่สิป?”
“พี่สิปกร หัวหน้าชมรมไงคะ”
หน้าคมหวานนิ่วเล็กน้อยที่เก็จพรหมไม่รู้จักรุ่นพี่ของเธอ

“อ๋อ ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวฮะ”
“อ้าว”
“ฮะ?
“ก็..แล้วที่คุณมาเกาะนี้.. ถ้าไม่ใช่เพราะคุณรู้จักพี่สิปแล้วคุณมาแจมได้ไง...เอ...อ๋อพู่รู้แล้วคุณรู้จักคุณลภณนั่นเอง”
พู่กันหยุดไปชั่วครู่ เบิกตากว้างโพล่งออกมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเห็นชายหนุ่มนั่งคุยกับเจ้าของเรือที่โดยสารมาด้วย

“ครับ ผมกับเจ้าภณเป็นเพื่อนกันฮะ” เก็จพรหมตอบเรียบ ๆ
“อ๋อแบบนี้นี่เอง คุณลภณชวนมาแจมหรือคะ”
อาร์ทสาวพยักหน้างึกๆ ถามเรื่อยๆชวนคุยมากกว่าอยากรู้
“ก็ไม่เชิงฮะ”
“อ้าว ยังไงคะเนี่ย” คำรบสองที่ติสสาวทำเสียงแปลกใจ
“ผมบอกตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าผมตามพู่มา พู่คงจำไม่ได้”
สายตาที่ทอดมองหน้าสวยยืนยันคำพูดจนอาร์ทตัวแม่อึ้งก่อนจะค่อยๆพูดขึ้นเบาๆ

“พู่คิดว่าคุณพรหมล้อพู่เล่นซะอีก”

เป็นครั้งแรกที่ติสสาวรู้สึกแขนขาตัวเองเกะกะไม่รู้ว่าจะวางตรงไหนถึงจะเหมาะ ลมหายใจสะดุดยิ่งขึ้นเมื่อสบสายตาแปลกๆในแววตาคู่เข้มนั้น

“ความจริงผมอยากพาพู่เที่ยวรอบเกาะภูเก็ต ขับเรือเล่น ตอนกลางคืนจะตกหมึกยังได้เลย”

เหมือนเอาขนมมาล่อเด็กให้ติดใจ ตาดวงกลมโตนั้นวาววับเมื่อได้ยินคำบอกเล่าที่กระตุ้นต่อมกิจกรรมถูกใจ ยื่นหน้าเข้าใกล้อย่างอดใจไม่อยู่ ทำเสียงกระซิบ กิริยาเหล่านี้เป็นไปโดยอัตโนมัตของคนไฮเปอร์อย่างติสสาวที่อยากท่องไปทุกที่

“ฟังแล้วน้ำลายสออยากกินหมึกย่างสด ๆ”
“ถ้างั้นพู่กันอยู่ต่ออีกสักวันสิครับ”
ไม่รอช้าเอ่ยปากชวนทันทีซุ่มเสียงดีขึ้นอย่างมีหวัง
“ไม่ได้คะ พู่มีภาระกิจสำคัญ”
พู่กันปฏิเสธทันควันตามด้วยคำอธิบายอย่างเสียดาย เป็นความรู้สึกเดียวกันกับคนชวน ดวงตาเข้มเพ่งมองไปข้างหน้าน้ำเสียงขรึมถามกลับ
“คงสำคัญจริงๆ”
“ประมาณนั้นแหละคะ อีกอย่างทุกอย่างอยู่ในแผนที่วางไว้นานพอสมควร”
“ฟังดูเหมือนสำคัญมากนะครับ”
“แหง๋ล่ะคะ ใครจะคิดว่าพู่มีวันนี้กับเขาด้วย”


*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *


หลังจากเครื่องบินลำที่พู่กันโดยสารเหิรฟ้าได้สักพัก ทุกอย่างดูตื่นเต้นตื่นตาไปหมด ตาคู่สวยเต้นระบำไหวตลอดเวลาที่กวาดมองออกไปนอกหน้าต่าง อีกสิบกว่าชั่วโมงข้างหน้าเธอจะได้อยู่บนดินแดนแห่งความใฝ่ฝันเสียที สัญญากับตัวเองว่าทุกตารางเมตรเธอจะย่ำเดินให้ปรุไปเลย มากไปกว่านั้นจะเก็บทุกรายละเอียดลงบน SD Card ความจุมากถึง 8G ที่ซื้อเตรียมไปมากกว่าสอง ไม่อยากบอกใครเลยว่าเธอเห่อมากมาย รอยยิ้มสวยสว่างไสวเมื่อนึกถึงความบ้าของตัวเอง

“ตื่นเต้นใหญ่แล้วนะจ๊ะพู่ เห็นยิ้มไม่หุบเลย”

เสียงทักอย่างเอ็นดูมาจากเก้าอี้ข้างตัวติสสาว พู่กันละสายตาจากท้องฟ้านอกหน้าต่างเครื่องบินหันกลับมาหา เก็จแก้ว เพื่อนสนิทของพี่หนูนา นี่เป็นโชคชั้นที่สองของเธอคือการได้เก็จแก้วร่วมเดินทางไปแห่งเดียวกันแม้จะคนละจุดหมายก็ตาม แต่ก็ยังมีความเกี่ยวพันในตอนหลัง ทำให้รู้ว่าอย่างไรเสียไม่มีเหงาและโดดเดี่ยวในเมืองฟลอเลนซ์อย่างแน่นอน

“พะเรอเกวียนเลยคะพี่แก้ว”
พู่กันสารภาพด้วยท่าทางเขินนิด ๆ
“แรกๆก็งี้แหละ เดินทางบ่อยๆอีกหน่อยก็ชิน”
“อยากชินบ่อยๆจังคะ”
พู่กันกระซิบอาย ๆ ต่อทำให้เก็จแก้วยิ่งเอ็นดูหญิงสาวขึ้นไปอีก
“ที่สำคัญพู่ดีใจม๊ากมากที่มีพี่แก้วอยู่บนเครื่องบินลำนี้คะ”
“แต่พี่สิเหวอแตกเลย ตอนที่รู้ว่าพู่คือคนเก่ง สร้างชื่อเสียงไปไกลถึงอิตาลี่ นี่ถ้าพี่หนูนาไม่มาส่งพู่ ก็คงจะไปรู้และเจอกันที่โน่นแหละจ๊ะ”

เก็จแก้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงชื่นชม สายตาผู้เกิดก่อนมองดูหน้ารูปไข่คมหวานอย่างพิจารณา นอกจากจะถูกชะตากับสาวรุ่นน้องผู้นี้แล้ว ยังพุ่งความสนใจทุกๆเรื่องๆในตัวหญิงสาว ก่อนมานี้ก็ได้แอบเก็บรายละเอียดของพู่กันจากหนูนามาบ้างแล้ว อาจจะเพราะสายตาของน้องชายคนเดียวมองเธอผู้นี้มันช่างหวานกินใจเหลือเกิน

“ฟลุ๊คมากกว่าคะ” พู่กันถ่อมตัวเสมอ
“ไฮ้ ไม่มีทางหรอก คณะกรรมการที่ตัดสินล้วนแต่เป็นศิลปินระดับโลกเชียว” เก็จแก้วค้าน
“ถึงงั้นก็เถอะคะ พู่ก็ยังเชื่อว่าภาพวาดทีส่งเข้าร่วมประกวดในครั้งนี้ย่อมสวยและฝีมือล้วนๆเหมือนกันคะ อาจจะแบบว่ากรรมการชอบของแปลกก็ได้นะคะ”

พู่กันปล่อยมุขแป๊กให้พี่สาวเก็จพรหมได้ฟังจนต้องยิ้มขำออกมา
“ดูสิมันช่างบังเอิญเหลือเกินที่เราได้มานั่งบนเครื่องลำเดียวกันและจุดหมายเดียวกันใช่ไหมจ๊ะ”
“ใช่แล้วคะ เหมือนพู่ยกของหนักออกจากอกเลยพี่ ก็ทีแรกยังคิดอยู่เลยว่า พู่จะได้รู้จักคำว่าโครตจะเหงาก็คราวนี้แหละคะ”
“เพิ่งเคยเดินทางไกลๆหรือเปล่าจ๊ะพู่” น้ำเสียงอารีทอดถาม
“ไกลสุดที่พู่เคยไปก็แค่สิงคโปร์เองคะ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่พู่เดินทางไกลแถมไปคนเดียวด้วยคะ”
ติสสาวห่อไหล่ไล่บางสิ่งออกจากข้างในตัวแล้วสูดลมหายใจลึกเรียกขวัญกลับมาอยุ่กับตัว
“คงเป็นความรู้สึกเหมือนตอนที่พี่ออกตลาดต่างประเทศคนเดียวช่วงแรก ๆมั้งจ๊ะ”

เก็จแก้วพูดถึงการเดินทางเกี่ยวกับงานของตัวเองให้หญิงสาวฟังอย่างเอ็นดู เธอพอเข้าใจความรู้สึกในการเดินทางคนเดียวในถิ่นที่ไม่เคยไปไม่รู้จักว่ามันทั้งเหงาและโดดเดี่ยวในบางครั้ง

“พี่แก้วไปบ่อยจนชินแล้วใช่ไหมคะ” พู่กันถามอย่างสนใจ
“มันเป็นหน้าที่ไปแล้วล่ะจ๊ะ” น้ำเสียงฟังเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา
“น่าสนุกนะคะ พู่ชอบเดินทางชอบไปดูความแปลกใหม่คะเพราะมันคือความแตกต่างที่น่าสะสมและค้นหา”
ติสสาวพูดจากความปราถนาข้างในกายของตัวเอง แววตานั้นเปล่งประกายไหวยามที่ได้คุยถึงการเดินทาง

“งั้นก็แปลว่ามาฟลอเลนซ์ครั้งนี้ก็เตรียมพร้อมลุยล่ะสิเรา” เก็จแก้วอมยิ้มถามหญิงสาวอย่างรู้ทัน
“ชัวร์อยู่แล้วคะพี่แก้ว”

ลักยิ้มกับเขี้ยวซี่เล็กๆแข่งกันแย่งซีน พี่สาวของเก็จพรหมมองหน้าสุกใสอย่างชื่นชม รู้สึกคิดถึงน้องชายของเธอขึ้นมาจับใจ นึกใคร่รู้ว่าป่านนี้เจ้าน้องชายตัวดีของเธอจะนั่งติดที่หรือเปล่านะหลังจากที่เธอวางระเบิดไปแล้ว



*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *

“พรหมจะตามพี่มาเมื่อไหร่?” เก็จแก้วโทรหาน้องชายจากสนามบิน
“วันมะรืนนี้ครับพี่แก้ว”
เก็จพรหมนิ่วหน้าแปลกใจกับคำถามพี่สาว จำได้ว่าเพิ่งคุยเรื่องนี้กันก่อนวันเดินทาง
“เหรอ”
“ก็ใช่นะสิครับ ว่าแต่พี่แก้วลืมอะไร จะให้ผมถืออะไรตามไปหรือเปล่าฮะ”
“ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ แค่ถามให้แน่ใจเท่านั้นเอง”
“เช้าวันเสาร์พี่แก้วเจอผมที่บูทงานแน่นอนฮะ” ชายหนุ่มยืนยันให้พี่สาวมั่นใจ
“ดีแล้วจ๊ะ รีบตามมาเร็วๆหล่ะพี่มีอะไรเซอร์ไพร์สพรหมด้วยล่ะจ๊ะ แค่นี้แหละพี่จะปิดมือถือแล้ว”
“โชคดีครับพี่”

เก็จพรหมขมวดคิ้ว เซอร์ไพร์สเขาเหรอ? เรื่องอะไรกัน? ชายหนุ่มโคลงศีรษะขำพี่สาวของตัวเองนับวันพี่แก้วจะมีลับลมคมในขึ้นทุกวัน นั่นสิ เหมือนใครบางคนที่ดูจะมีอะไรเก็บซ่อนเอาไว้ แม้เขาจะเพียรพยายามคิดว่ามันเรื่องอะไร แต่ก็คิดไม่ออก รู้แบบนี้ถามตรงๆ ในวันนั้นเขาก็คงไม่เก็บมาครุ่นคิดจนถึงตอนนี้อย่างแน่นอน....... สายตาเข้มทอดมองออกนอกหน้าต่างสู่เวิ้งทะเลกว้างใหญ่ หวนคิดถึงเช้าที่สิมิลัน มีเพียงเขากับพู่กัน อยู่กันตามลำพังท่ามกลางน้ำสีคราม เขาได้เห็นอีกด้านหนึ่งของหญิงสาว มันแอบซ่อนอยู่ในความเป็นธรรมชาติ ยิ่งใกล้ยิ่งรู้สึกยิ่งประทับใจ มันไม่เคยเกิดขึ้นกับหญิงคนไหนมาก่อน ทุกสถานการณ์ที่ผ่านมาเขาควบคุมได้แต่ทำไมกับผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้ กลับยิ่งเผลอไผลจนระงับใจไม่อยู่บังคับให้มันอยู่กะร่องกะรอยมิได้เหมือนทุกๆ ครั้ง....เหตุการณ์วันนั้นผุดขึ้นมาอีกครั้ง.......

สายตาคมกล้าเฝ้ามองหน้าติสสาวตลอดเวลาที่พูดถึงภาระกิจสำคัญของเธอ.... แววตากลมโตเปล่งประกาย คางแหลมมนเชิดขึ้นมองท้องฟ้าอย่างมีความสุข ส่งรอยยิ้มให้ปุยเมฆที่เคลื่อนตัวช้า ๆ และคาดไม่ถึงตอนที่ร่างบางผลุดลุกขึ้นยืน เรือนร่างระหงดูเซ็กซี่จนเผลอตะลึงมองในสมองขาวโพลนคิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะไป และคิดว่าถ้าเจ้าหล่อนไม่ลืมตัวว่าไม่ได้อยู่คนเดียว ก็หมายความว่าหญิงสาวมีความมั่นใจมากมาย จะว่าไปแล้ว ดูไม่ออกด้วยซ้ำว่ารูปร่างแท้จริงภายใต้เสื้อตัวโคร่งจะปกปิดความเป็นหญิงไว้อย่างมิดชิด รูปร่างเล็กๆถอดรูปอยู่ในชุดบิกินีทูพีชกางเกงขาสั้นสีสดใส จึงรู้ว่าพู่กันซ่อนรูปอยู่ไม่น้อย เรียวขาสีน้ำตาลอ่อนดูเพรียวสมส่วน แม้ผิวมิได้ขาวหยวกแต่ความนวลเนียนนั้นดูผุดผ่อง ชวนให้อยากสัมผัส เห็นแล้วอิจฉาเม็ดน้ำเกาะพราวเหล่านั้นนึกอยากเอื้อมมือไปเช็ดออกจากร่างงาม แทบไม่รู้ตัวว่าได้เอื้อมมือไปคว้ามือน้อยของพู่กันมากุมเอาไว้ จนเจ้าของมือก้มมองดูหน้าเขา แววตาที่มองมาไม่อาจแปลความหมายได้จนถึงบัดนี้ว่าคืออะไร แต่รอยยิ้มนั้นทำให้หัวใจที่อ่อนระโหยนั้นมีแรงขึ้นมาอย่างประหลาด จำได้ว่าในรอยยิ้มบางๆ นั้นล้อเลียน แววตาไหวระริกผ่านแพขนตาหนาช่างอ่อนหวานเสียกระไร


“กลัวพู่ลื่นตกน้ำเหรอคะ”
เสียงเล็กๆเคล้ากับเสียงหัวเราะนั้นทำให้ใจที่หดหู่ชุ่มชื่นอย่างประหลาด
“ระวังไว้ก็ไม่เสียหายนะพู่”
เสียงอาทรเจือห่วงใยออกมาไม่รู้ตัว
“ปล่อยมือพู่เถอะคะ พู่อยากว่ายต่ออีกนิด”
แววตาไหวหลุบมองดูมือใหญ่ที่กุมไว้สร้างความอบอุ่นทดแทน
“ขอโทษครับ”

ปากบอกขอโทษแต่ใจกลับเสียดาย เขาอยากลบลอยมือเจ้าเพื่อนรักที่เคยกุมมือหญิงสาวก่อนหน้าเขาเมื่อวาน ตามองตามร่างบางลงน้ำแหวกว่ายใกล้ๆ หากเป็นไปได้อยากยืดเวลานี้ไปอีกสักนิด การที่ได้อยู่ใกล้ชิดสองต่อสองแบบนี้หาได้ไม่บ่อยนัก เพราะเมื่อไหร่ที่หญิงสาวอยู่ท่ามกลางเพื่อนๆ คนเหล่านั้นดูดกลืนพื้นที่ระหว่างเขากับพู่กันไปจนหมดสิ้น เก็จพรหมตกใจความคิดของตัวเอง

“นี่นายกำลังหวงพื้นที่ของแกกับพู่กันอยู่หรือนี่”

เก็จพรหมหันไปดูฝั่งยังไม่มีผู้คนออกมาจากเต้นท์ คงยังหลับไหลจเพราะเหน็ดเหนื่อยจากงานปารตี้คืนที่ผ่านมานั่นเอง เมื่อหันกลับมากลับไม่พบร่างบางแหวกว่ายก่อนหน้านี้ คิ้วหนาขมวดกวาดสายตาไปทั่ว ไม่มีร่างติสสาว รู้สึกใจหายกระทันหัน

“เธออยู่ไหน พู่กัน!”

คิ้วเข้มขมวดกวาดสายตาไปรอบๆอีกครั้ง แสงแดดจ้าส่องทะลุลงใต้ท้องทะล ความใสของน้ำเห็นลางๆว่าหญิงสาวอยู่ตรงที่ใด เก็จพรหมนั้นโล่งใจเมื่อเห็นหญิงสาวโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ

“ช่วยด้วยคะ ขาพู่เป็นตระคริว” พู่กันร้องลั่นขอความช่วยเหลือจากเขา

มิรอช้าร่างสูงกระโจนลงทะเลว่ายเร็วเข้าหาหญิงสาว อ้อมแขนตวัดเอวบางทันทีที่ถึงตัวพู่กัน สีหน้าวิตกของเก็จพรหมกวาดตามองทั่วใบหน้าที่พราวน้ำอย่างห่วงใย น้ำหนักของวงแขนกระชับเข้าจนแทบเป็นเนื้อเดียวกันนั้นเต็มไปด้วยการปกป้องมากกว่าคิดฉวยโอกาส

“พู่ ๆ ทำใจดีๆไว้นะฮะ” เขาแทบจำเสียงตัวเองไม่ได้ว่ามันกังวลแค่ไหน

ติสสาวดึงหน้ากากออกจากศีรษะ ปล่อยเสียงหัวเราะกิ๊กใสออกมาเบาๆ ดวงตาพราวเมื่อเห็นสีหน้าตกใจของชายหนุ่ม ลืมคิดไปว่ากำลังตกอยู่ในอ้อมกอดเขาอยู่ เสียงหัวเราะขำมากกว่าตื่นกลัวสร้างความประหลาดใจให้กับเก็จพรหมไม่น้อย ครั้นก้มลงดูหน้าติสสาวมองเห็นแววตาล้อเลียน รู้ทันทีว่า ถูกหลอกเข้าให้แล้ว ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก มิได้คิดโกรธแต่อย่างใด กลับรู้สึกขอบใจเจ้าความคิดแผลงๆของเธอไม่งั้นร่างนุ่มนิ่มของวัยสาวสพรั่งคงมิอยู่ในอ้อมแขนของเขาในยามนี้

สองร่างยังอิงแอบชิดกันใต้ผิวน้ำเอวบางถูกมือหนาโอบกอดเช่นเดิม เสียงหัวเราะเงียบลงเมื่อรู้ว่าตัวเองอยู่ในอ้อมแขนของอีกฝ่ายเต็มๆแถมมีอกกว้างรอให้พิงซบ มันใกล้จนได้ยินเสียงหายใจของกันและกัน ใบหน้าห่างกันเล็กน้อย เหมือนมีแรงดึงดูดให้สองตาประสานกันไม่อาจถอนจากกันได้ เวลานี้ขวัญของคนสร้างเรื่องมันกระเจิดกระเจิงไปไกล ยิ่งลมหายใจผะแผ่วข้างๆแก้มเนียนกำลังบีบรัดหัวใจจนหายใจแทบไม่ออก เป็นผลให้บรรยากาศรอบๆตัวดูขาวเกือบโพลนเข้าไปทุกที่

“ปล่อยพู่”

เสียงกราดเกรี้ยวกลับเป็นเพียงกระซิบผ่านปากบางอิ่ม ดูจะไม่เป็นผลเพราะเอวคอดกิ่วยังถูกกอดแน่นไม่ยอมคลายสักที ตากลมโตจ้องลึกเข้าในดวงตาสีเข้มนั้นเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น ร่างอ้อนแอ้นที่มีอาภรณ์น้อยชิ้นปกปิดเริ่มสั่นระริก สมองสั่งให้ถอยห่างแต่ร่างกายกลับไร้เรี่ยวแรงสะบัดตัวออก พู่กันแหงนมองเก็จพรหม ใบหน้าคมสันมี่มีเคราสีเขียวให้เห็นจาง ๆ ตาสีเข้มของเขาดูอ่อนหวานไม่คิดว่าจะได้เห็นจากชายใดมาก่อน พู่กันบอกตัวเองว่ามีบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า ใจสั่งให้เธอคอย ตาคมโตวาววับสั่นไหวระริกไม่อาจถอนจากตาคู่นั้นได้ ปากบางเผลอครางเบา ๆ ภายในกายกำลังต่อต้านความรู้สึกบางอย่างที่คุกคาม ทั้งอึดอัดและวาบหวามแปลบปลาบทั่วช่องท้องถึงหัวใจบอกไม่ถูก ใบหน้าคมสันเคลื่อนเข้าใกล้ทุกขณะ อ้อมแขนกระชับแน่นเข้าไปอีก พู่กันทาบมือวางบนแผงอกกว้างสัมผัสถึงแรงเต้นของหัวใจของอีกฝ่าย มันกำลังแข่งกันเองว่าใครจะดังกว่ากัน ร่างบางรู้สึกอ่อนเปลี้ยและคงจะจมสู่ก้นทะเลหากไม่มีวงแขนอบอุ่นนั้นกกกอดเอาไว้ พู่กันหมดหนทางช่วยตัวเองเพราะหัวใจเธอไม่ยอมต่อต้านเอาเสียเลย ดูๆไปมันจะทรยศเธอเสียด้วยซ้ำ ลมหายใจร้อนผ่าวหน้าคมสันนั้นใกล้เข้ามาทุกที ก่อนที่ปากหยักได้รูปนั้นทาบทับลงบนเรียวปากอิ่ม เสียงตะโกนชื่อของเธออยู่หลังโขดหินภวังค์หวานถูกผลักกระเจิง

“วู้ ๆ ๆ ไอ้พู่แกอยู่แถวนี้หรือเปล่า วู้ ๆ ๆ”

พู่กันได้สติผงะตัวออกห่างร่างสูงที่เผลอคลายอ้อมแขนอย่างเสียดาย พู่กันเหลือบมองดูโขดหินที่ตั้งตระหง่านทำหน้าที่บดบังตัวเธอกับเก็จพรหม ปล่อยลมหายใจเบาๆ อย่างโล่งใจ เธอเกรงว่าถ้าไอ้เจ้าเพื่อนรักก้องภพเห็นเหตุการณ์ตะกี้นี้มันจะเป็นมหากาฬย์ของการล้อเลียนไปอีกนาน อาการเงอะงะถูกสปอยอยู่ชั่วครู่ เมื่อควบคุมอารมณ์ไหวได้แล้ว ตาคมหวานเงยซ้อนขึ้นสบตาเข้มอีกครั้ง ใจเธอยังเต้นไม่เป็นส่ำไม่หาย หน้าที่ร้อนระอุจนต้องรีบเบือนหน้าหนีเมื่อเจอสายตาแปลก ๆไม่วางตา จนเธอกลัวอาการขาดอากาศหายใจตะกี้จะกลับมาถ้าขืนยังอยู่ใกล้เขา

“พู่ขอตัวคะ”


พูดจบร่างบางรีบว่ายห่างเข้าฝั่งโดยมีเพื่อนรักเท้าสะเอวรออยู่ เสียงโวยวายของหนุ่มสาวแว่วมา


“อยากเป็นผีเฝ้าทะเลหรือไงห๋า ถึงได้มาเล่นน้ำอยู่คนเดียว”
“ไอ้ก้องบ้า สู่สภาวะผู้สูงวัยไปทุกทีแล้วนะแก บ่นอยู่ได้”
“อุวะไอ้บ้านี่ ไม่บ่นสิแปลก เร็วรีบตามมาเขาจะกลับกันแล้ว”


เก็จพรหมอมยิ้มกับถ้อยคำเหล่านั้น ออกจะเสียดายปากอิ่มนั้นไม่หาย อีกนิดเดียวเท่านั้น...อยากจะรู้นักว่ามันจะหวานสักแค่ไหนกัน.......


ในเวลาเดียวกันร่างที่ซุกอยู่กับเบาะนุ่มบนเครื่องบินลำโต มันกำลังบินมุ่งสู่เมืองแห่งความฝัน โดยมีเพื่อนสนิทพี่หนูนานั่งอยู่ข้างๆ อาศัยไหล่บางของเธอต่างแทนหมอน ทุกชีวิตบนเครื่องต่างอยู่ในมุมส่วนตัวของแต่ละคน บ้างก็หลับพักผ่อน บ้างมีการสนทนาเบา ๆจะได้ไม่รบกวนคนนั่งข้างๆ บ้างได้ยินเสียงเห่กล่อม ของมารดาที่ปลอบประโลมลูกน้อยให้หายวิตกจากการตกหลุมอากาศหรือแรงกดอากาศที่ทำให้แม้แต่ผู้ใหญ่อย่างเธอยังรู้ถึงความอึดอัดหูอื้ออึงในบางเวลา แต่ในยามนี้เธอกลับนึกถึงแววตาเข้มของใครคนหนึ่ง สายตาแปลกๆที่ทอดมองยามที่เธอเผลอสบ คำพูดนุ่มหูนั่นเป็นได้ทั้งที่ปรึกษา หรือสอบถามสารทุกข์สุกดิบไปตามประสา ก่อเกิดความสนิทสนมตอนไหนเธอก็ไม่รู้เช่นกัน

“เกือบไปแล้วไอ้พู่”

นิ้วเรียวเล็กเผลอลูบไล้ริมฝีปากตัวเอง ผลก็คือหน้าร้อนฉ่าขึ้นมาอย่างกระทันหัน นึกก่นด่าตัวเองที่เผลอไผลไปกับอารมณ์อ่อนไหว ยิ่งตอนที่รู้ตัวว่าเธอรออะไรจากน้องชายผู้หญิงที่เอาหัวพิงไหล่ตัวเองความร้อนขึ้นที่หน้าทันที พู่กันแอบย่นจมูกใส่ตัวเอง นึกดีใจที่ไฟบนเครื่องดับหมดทุกดวงเพราะถ้ามันสว่างเธอคงเห็นว่าสีหน้าของเธอเข้มกว่าปกติบนกระจกหน้าต่างเครื่องบิน ยังนึกหวั่นอยู่เลยว่าถ้าเกิดเจอหน้าเขาในตอนนี้เธอจะวางหน้าอย่างไร พู่กันก้มมองดูเก็จแก้ว รูปหน้าพี่น้องคู่นี้มีเค้าเหมือนกันโดยเฉพาะจมูกเพียงแค่คนข้างๆเธอเป็นผู้หญิงจึงดูแหลมเล็กกว่าน้องชาย รอยยิ้มบางๆ ปรากฏบนหน้าคมหวาน ในความมืดแววตาคมวาววามนั้นบ่งบอกว่าเจ้าของมีความรู้สึกดีๆ ก่อเกิดขึ้นมาในหัวใจ........


*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *


ที่ร้านพู่กันงานศิลป์....

“ร้านพู่กันสวัสดีครับ”
“คุณก้องใช่ไหม พู่เดินทางไปแล้วใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับ ไม่ทราบผมคุยอยู่กับใครฮะ”
“จำเสียงลูกศิษย์ไม่ได้หรือคะ”
“อะอ๋ออออ คุณแก้มใสนั่นเอง ถ้ามีธุระอะไรกับไอ้พู่ละก้อต้องรอมันกลับมาก็คงอาทิตย์หน้านั่นแหละฮะ”
“แก้มใสทราบคะ คือแบบนี้คะ มีคนจะขอคุยกับคุณก้องน่ะคะ รอสักครู่นะคะ”
ก้องภพขมวดคิ้ว “ใครฟระ?”
ติสหนุ่มคิด เสียงไม่คุ้นแทรกเข้ามาทำให้ชายหนุ่มนิ่วหน้าสงสัย
“ไม่ทราบว่ารบกวนคุณหรือเปล่าคะ”
“เปล่า... คุณมีอะไรจะคุยกับผมหรือ”
ในเวลาต่อมา ตาตี๋หนุ่มเบิกกว้างเมื่อจับปลายเสียงแข็งๆ นั้นได้ จึงพูดยียวนกลับไปทันที
“ไม่มี แค่โทรมาทักทาย” ระดับปลายเสียงแผ่วลงอย่างเห็นได้ชัด
“อ้อว่างจัดล่ะสิเนี่ยคุณ”
รอยยิ้มเก๋ประดับบนริมฝีปาก ยกมือขยับขอบแว่นเหมือนเกรงว่ามันจะหลุด กริยานี้พู่กันมักแซวเขาเสมอว่าจะเขินอะไรนักหนา

“บ้า ฉันก็แค่อยาก...เออ..งั้นแค่นี้แหละ” เสียงหวานตวาดกลับตามด้วยเสียงอ้ำอึ้ง
“อ้าวนี่คุณทำให้ผมอยากแล้วจะจากไปง่ายๆ แบบนี้เหรอคร๊าบบ”
เสียงตะโกนยั่วอารมณ์เข้ามาในมือถือดังพอที่จะให้แก้มใสที่ยืนข้างพี่สาวได้ยินและส่งสายตาล้อเลียนแก้มบุ๋ม
“นี่คุณอย่ามาทะลึ่งกับฉันนะ”
“อะไรกันแก้มบุ๋ม คุณเป็นฝ่ายโทรหาผมเอง แล้วก็บอกผมว่าอยาก....พอผมอยากมั่ง...มันทะลึ่งตรงไหนมิทราบ แล้วนี่คุณว่างนักหรือไง โทรมาชวนทะเลาะกับคนอื่นนี่นะ ผมไม่ว่างหรอก งั้นแค่นี้แหละสวัสดีครับ”

สีหน้าแก้มบุ๋มเหวอเมื่อเสียงตู๊ด ๆ ๆ ผ่านเข้ามาในมือถือ แปลว่าก้องภพตัดสายของเธอทิ้งไปแล้ว ไม่เคยมีใครกล้าทำกับเธอแบบนี้มาก่อน ร่างอิ่มหันรีหันขวางยกมือถือเครื่องบางเฉียบหมายปาให้สาแก่ใจ แต่แก้มใสรีบท้วงด้วยเสียงอันดังพร้อมกับแย่งมือถือของเธอให้พ้นอันตรายจากพายุอารมณ์ของพี่สาวคนขี้วีนได้หวุดหวิด

“แก้มบุ๋มนั่นมือถือแก้มใสนะอย่าได้แม้แต่จะคิดเชียว”
“กรี๊ด ๆ ๆ นายนี่เป็นใครกันบังอาจปิดมือถือใส่ฉันนี่ห๋า”
“แก้มบุ๋มอย่าทำเสียงดังสิ เดี๋ยวปะป๊ามะม๊าได้วิ่งแจ้นมากันทั้งคู่หรอก”

แก้มใสรีบปรามพี่สาวเมื่อเห็นร่างอวบซอยปลายเท้าอย่างขัดใจที่ถูกก้องภพตัดสายเธอก่อน แน่ล่ะทั้งเสียหน้าและผิดหวังที่ชายหนุ่มไม่ได้ให้ความสนใจเหมือนที่เธอรู้สึกดีด้วยสักนิด ปลายจมูกแดงน้ำตารื้นคลอเบ้าตา นับตั้งแต่ออกทริปครั้งนั้นเธอรู้สึกดีกับก้องภพอย่างประหลาดทั้งๆที่เขาปฏิบัติต่อเธอแสนยียวนกวนโมโห เรื่องพูดดีด้วยแทบจะน้อยครั้ง แต่เธอก็อยากจะคุยด้วยเสมอ บางครั้งรู้สึกอิจฉาแก้มใสเหมือนกันที่เข้ากลุ่มพู่กัน ไม่เข้าใจว่าแม่ติสสาวนั่นมีอะไรดีทำไมทุกๆคนถึงชอบเฮฮาด้วยนัก ทั้งๆที่แม่นั่นชอบหลบไปอยู่มุมส่วนตัวบ่อย ๆ

“แก้มบุ๋มอย่าโกรธคุณก้องเลย”
“เค้าตัดสายฉันเธอก็ได้ยินแก้มใส”
แก้มบุ๋มกรีดเสียงคั่งแค้น
“ตามประสาติสต๊องติสแตกนั่นแหละ แท้จริงแล้วไม่มีอะไรหรอกนะ”
แก้มใสบอกความจริง
“เธอก็พูดได้สิ พวกเค้าเป็นเพื่อนกับเธอนี่”
แก้มบุ๋มค้อนควักน้องสาวที่แก้ต่างให้ก้องภพ
“แก้มบุ๋มอยากเป็นเพื่อนกับพวกเค้าไหมล่ะ”

แก้มใสยื่นหน้าถามพ่วงรอยยิ้มหวานไปด้วย เพราะรู้ดีว่าคนที่แก้มบุ๋มถูกใจคือก้องภพเพื่อนรักของพู่กันคนพิเศษของเธอนั่นเอง ท่าทีแก้มบุ๋มอึ้งไปชั่วครู่ก่อนจะถามด้วยเสียงเลื่อนลอยไม่เหมือนแก้มบุ๋มคนหยิ่งยโสซักเท่าไหร่นัก

“ต้องทำยังไงล่ะ คนพวกนี้เข้าใจยากชะม้ด ดูอย่างแม่พู่กันของเธอสิเคยสนใจใครซะที่ไหนเอาแต่บ้า ๆ บอ ๆ แต่ทำไมเพื่อนเยอะ จนบางครั้งฉันยังคิดว่าแม่นี่คงเล่นไสยศาสตร์ สาลิกาลิ้นทอง พูดอะไรใครก็รักก็หลงกันหมด”
ไม่วายเหน็บติสสาวด้วยความหมั่นไส้ตามแบบคนไม่กินเส้นกัน

“คิก ๆ ๆ พู่กันน่ารักจะตาย ที่ใครๆก็ชอบพูดชอบคุยกับพู่น่ะเป็นเพราะคุยแล้วสบายใจ ไม่...เออกั๊ก มีอะไรก็พูดตรงๆ ชอบก็บอกว่าชอบไม่ชอบก็บอกตรงๆ”
แก้มใสรู้สึกคันปากจนอดไม่ได้ที่จะพูดกระทบพี่สาวตนเอง
“อ๋อแปลว่าแม่นั่นก็ชอบเธอตอบด้วยว่างั้นสิ”
แก้มบุ๋มตีความหมายน้องสาวไปอีกทาง
“พู่กันเป็นคนดีนะแก้มบุ๋ม เค้าไม่ได้ชอบแก้มใสแบบที่แก้มใสชอบเค้าหรอกแต่เค้าให้ความเป็นเพื่อน ไม่ตัดรอนแต่ก็ไม่ต่อสัมพันธ์ตามที่แก้มใสอยากให้เป็น”
แก้มใสระบายยิ้มอ่อนๆ ตามด้วยถอนหายใจเบา ๆ ตอบพี่สาวด้วยน้ำเสียงชื่นชมจิตใจนักกีฬาของพู่กัน
“เธอไม่โกรธเค้าหรอกหรือ”
แก้มใสถามอย่างแปลกใจระคนทึ่งความคิดของแก้มใสดูเป็นผู้ใหญ่กว่าที่คิด

“โกรธทำไม มีเพื่อนแบบพู่กันสนุกจะตาย ไม่เคยขัดใจมีแต่เรื่องสนุก ๆ ให้ทำตลอดเวลา ดูอย่างสองอาทิตย์ที่ผ่านมาแก้มใสเพลินไปกับการเรียนวาดรูป ทั้งคุณก้องและพู่กันสอนเทคนิคให้แก้มใสรู้ว่าศิลปะไม่จำเป็นต้องเรียนเพื่อประกอบสัมมาอาชีพหรอก แต่สามารถกล่อมเกลาจิตใจของเราให้สงบ ส่วนเรื่องที่ติสแตกอะไรของพวกเค้านั่นก็เหมือนกันแก้มใสเข้าใจแล้วว่าพวกเค้ามีโลกส่วนตัวสูง หาได้เป็นอันตรายกับใครเพียงแค่เข้าใจไม่ถือสาเท่านั้นเอง”
แก้มใสอธิบายยืดยาว แก้มบุ๋มพยักหน้าเข้าใจ อดที่จะเลียบเคียงถามถึงคนที่เธอสนใจไม่ได้

“แล้วเธอว่าก้องภพเค้าเป็นคนยังไง”
“เป็นคนอัธยาศัยดี มองโลกในแง่ดี และก็จิตใจดีทีเดียวล่ะคะ”
“ดีหมดแล้วเธอไม่ชอบเค้าล่ะ” ดูเหมือนว่าข้อกังขาเริ่มหมดลง
“เพราะไม่โดน” สั้นๆง่ายๆเป็นที่เข้าใจระหว่างสองพี่น้อง
“เรื่องเธอกับแม่นั่นยังไงมันเป็นไปไม่ได้ไม่ใช่เหรอแก้มใส”

เป็นครั้งแรกที่แก้มบุ๋มพูดด้วยความเวทนาน้องสาวปีเดียวกับเธอ อย่างน้อยก็รู้สึกเห็นใจเพราะรู้ว่าแก้มใสปลื้มแม่ติสจ๋าพู่กันมากมาย แต่ไม่เคยเห็นพู่กันจะสนใจอะไรน้องสาวของเธอมากมาย ดูๆไปก็ปฏิบัติเหมือนๆกับทุกๆคน แก้มใสพูดไปก็มีส่วนถูกตรงที่ ถ้าตัวเธอเป็นพู่กันป่านนี้แก้มใสอาจจะถูกเธอดูถูกเหยียดหยาม พูดจาไม่ดีด้วย แต่พู่กันมีน้ำใจเป็นกันและพูดคุยกับแก้มใสเป็นปกติเหมือนทุกๆ คน แก้มบุ๋มเอื้อมมือบีบไหล่บางแก้มใส เพื่อเป็นกำลังใจให้หญิงสาวผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้



*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *


เก็จพรหมเอนตัวพิงพนักหลังจาก มาร์คเพื่อนชาวสวิสกลับออกไปครึ่งชั่วโมงแล้ว ดูเหมือนงานวันนี้จะเสร็จสิ้นไปด้วยดี และเขาต้องกลับบ้านเพื่อเตรียมตัวไปสนามบิน ........ตลอดสามวันนี้บ่อยครั้งที่พยายามโทรหาพู่กันแต่หญิงสาวปิดมือถือ เกิดอะไรขึ้นกับพู่กันหรือเปล่านะ หัวคิ้วเข้มมุ่นความสดชื่นจากสามวันก่อนถดถอยลงทุกวันนับจากวันนั้น " สาเหตุที่ติดต่อไม่ได้เพราะเธอจงใจหลบหน้าใช่ไหมนะ" เก็จพรหมคิดวิตก เพราะเหตุการณ์นั้นหรือเปล่าหนอ... ร่างสูงลุกจากเก้าอี้อย่างเชื่องช้าเอื้อมมือเก็บกระเป๋าเอกสารเตรียมตัวกลับบ้าน ทันใดนั้นมีข้อความภาพถูกส่งมาจากพี่เก็จแก้ว ข้อความสั้น ๆ surprise!! มิรอช้านิ้วใหญ่เรียวยาวกดเปิดทันที เป็นภาพที่ถูกใจเขามากที่สุด ไม่ต้องมีคำถามเพราะคำตอบอยู่ที่ภาพ ร่างสูงเดินลิ่วออกจากห้องด้วยสีหน้ายิ้มแก้มแทบปริ เขาต้องรีบเก็บเสื้อผ้าออกเดินทางอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ......แต่ใจของเขาสิตอนนี้อยู่ที่เมืองฟลอเลนซ์ไปเรียบร้อยแล้ว............



*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *









Create Date : 07 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2554 21:35:13 น.
Counter : 679 Pageviews.

13 comments
  
ลงแปะไว้แล้วไปทานข้าว กลับมาขอบคุณท่าน ๆ ที่เข้ามาอ่านและก็เม้นท์คะ

พี่ตุ้ย : ดอยสะเก็ต ทายแม่นมากสมเป็นนักเขียนเนอะ
คุณวี : โสดในซอย แม่หนูยิมใส่รายละเอียดเผื่อใช้ประโยชน์ได้มั่ง ฮ่าๆๆๆ
พี่พันวัต : พู่กันกะแม่หนูยิมน่ารักพอๆ กันคะ อิอิ
แม่อาเดียว : เพราะพู่กันเป็นนางเอกต้องน่ารักคะ
หนูฝน : พู่กันเป็นสาวติสนะคะ แบบนี้คงพอใช้ได้นะคะ
คุณเนินน้ำ : เด่วแม่หนูยิมแวะไปดูเมนูอาหารอีกนะคะ ชอบดูแต่ทำไม่เป็นคะ อิอิ
โดย: gymstek วันที่: 7 พฤศจิกายน 2554 เวลา:14:29:10 น.
  
ติสท์นี้ที่รอคอย...


สนุกมากค่ะ
โดย: โสดในซอย วันที่: 7 พฤศจิกายน 2554 เวลา:17:13:35 น.
  
มาอ่านคะ กว่าจะได้แต่ละตอนน้านนาน
โดย: แม่อาเดียว IP: 111.84.74.125 วันที่: 7 พฤศจิกายน 2554 เวลา:20:54:25 น.
  
ตอบคุณวี เขินคะติสที่รอคอย แหะ ๆ ๆบ่มเพาะซะขมปี๋เลย
โดย: gymstek วันที่: 7 พฤศจิกายน 2554 เวลา:21:40:17 น.
  
ตอนหน้าสัญญาว่าจะไวกว่านี้คะ
โดย: gymstek วันที่: 7 พฤศจิกายน 2554 เวลา:21:40:47 น.
  
ฮะแอ้ม ฉากรักช่างอ่อนหวานแต่หวาดเีสียวนิดๆนะ แม่หนูยิมนี่ชักจะยังไงๆแล้วนา ฝีมือบรรยายเลิฟซีนพัฒนาการไปไกล ฮิฮิ
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 8 พฤศจิกายน 2554 เวลา:0:30:47 น.
  
รักแม่หนูยิมมากเลยสำหรับความหวานในติสนี้...ติสหน้าขอความหวานในเมืองฟลอเลนซ์ด้วยนะค่ะแม่หนูยิม...เป็นโรคอยากได้ความหวาน ได้รับความหวานเมื่อไร หัวใจกระชุ่มกระชวย...แม่หนูยิมรักษาสุขภาพด้วยนะค่ะ
โดย: เอิงเอย IP: 60.243.97.25 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2554 เวลา:0:33:52 น.
  
มาแล้วครับแม่หนูยิม
พี่ตุ้ยว่ายังไงก็เป็นเช่นนั้นแหละครับ
โดย: panwat วันที่: 8 พฤศจิกายน 2554 เวลา:8:26:28 น.
  
แหะๆ ๆ พี่ตุ้ยขา แม่หนูยิมเติมผงชูรสให้คู่พระนางคะ ผู้อ่านเค้าก็ชอบบบบบบบบกันนะ หลังไมค์เยอะเลย อิอิ
โดย: gymstek วันที่: 8 พฤศจิกายน 2554 เวลา:9:07:26 น.
  
แม่หนูยิมเปิดฉากรักได้หวานถูกใจคุณเอิงเอยหรือนี่...แอบบอกคะว่า ต่อไปจะหวานขึ้นเรื่อย ๆ ๆ คะ ติดตามดูนะคะ
โดย: gymstek วันที่: 8 พฤศจิกายน 2554 เวลา:9:08:54 น.
  
โหแบบนี้ต้องบอกให้พี่ตุ้ยฟ้องพี่พันวัตซะแล้ว มาก๊อปปี้คำพูดได้ไงกันนี่ อิอิ
โดย: gymstek วันที่: 8 พฤศจิกายน 2554 เวลา:9:09:41 น.
  
น่าติดตามที่สุด ชอบค่ะ จะรอนะคะ
โดย: aunya IP: 202.80.245.75 วันที่: 9 พฤศจิกายน 2554 เวลา:20:17:09 น.
  
ในที่สุดความหวานที่รอยี่ห้อแม่หนูยิมก็เอามาให้อ่านแล้ว
แม่หนูยิมตามใจคนอ่านหน่อยนะคะ ขอน้ำตาลหกแถวน้ำเยอะๆหน่อยคะ น้ำเหม็นจะแย่แล้วววว ที่บ้าน
โดย: Rainy IP: 223.207.213.90 วันที่: 9 พฤศจิกายน 2554 เวลา:20:49:56 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

gymstek
Location :
ภูเก็ต  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



>