All Blog
สาวไฮเปอร์หัวใจติส - ติสที่ยี่สิบสาม

พักร้อนกลับมาด้วยความร้อนรุ่ม เพราะจังหวัดที่ไปร้อนมากมาย
มาติดตามสาวติสของเราต่อ เก็จพรหมจะตามหาพู่กันเจอไหม
บทนี้ยังไม่ได้คำตอบเหมือนเดิม
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อพ่อกับแม่พู่กันรู้แล้วว่าลูกสาวหายตัวไป

*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿*



*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿*
ติสที่ยี่สิบสาม




ที่เมืองไทย.....

“โอ๊ยตายแล้ว ไอ้พู่ของฉัน”

เสียงอุทานออกมาพร้อมสีหน้าตกอกตกใจของณารินหรือพี่หนูนาของพู่กัน ตลอดเวลาที่ได้ยินคำบอกเล่าของเก็จแก้วเกี่ยวกับการหายตัวของติสสาวโดยไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง สร้างความตกใจให้แก่เธอไม่น้อยพู่กันเปรียบเสมือนน้องสาวน้องสาวในไส้ก็ว่าได้ รอยยิ้มยังปรากฏเด่นชัดยามเมื่อนึกถึงหน้าหญิงสาว แววตาขี้เล่น คำพูดหยอกเย้าทีเล่นทีจริงๆของพู่กัน ทำเอาน้ำตาของหนูนาซึมทีเดียว แม้ว่าน้องชายของเพื่อนรักยังคงอยู่ที่นั่นแต่ไม่ได้หมายความว่ารุ่นน้องสุดโปรดจะไม่เป็นอันตรายใด ๆ ตราบใดที่ยังหาไม่เจอ สองสาวต่างจับมือกุมคล้ายปลอบโยนซึ่งกันและกันและต่างก็ภาวนาให้หญิงสาวปลอดภัยและเก็จพรหมหาหญิงสาวเจอในไม่ช้า

“ฉันรู้สึกผิดยังไงก็ไม่รู้ ดูสิเธออุตส่าห์ไว้วางใจมอบหมายหน้าที่ให้ฉันดูแลน้องพู่แค่นี้ฉันก็ยังทำไม่ได้ ฉันแย่มากเลยใช่ไหมหนูนา”
“ไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้นหรอกเก็จแก้ว เธออย่าคิดมากไปเลยนะ เจ้าพู่เป็นคนมีเสน่ห์ ใครได้อยู่ใกล้จะรู้สึกดีด้วย เซ้นท์ฉันบอกว่าเจ้าพู่มันต้องปลอดภัย เธอต้องบอกเรื่องนี้ให้พ่อกับแม่เจ้าพู่เค้านะเก็จแก้ว”
ณารินจ้องหน้าเพื่อนรักอย่างคาดคั้น

“ฉันก็อยากทำนะแต่เก็จพรหมขอร้องเอาไว้ น้องชายฉันมั่นใจว่าเค้าหาพู่กันพบแน่นอน”
เก็จแก้วตอบด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ เพราะใจหนึ่งก็อยากบอกให้พ่อแม่ของพู่กันแต่อีกใจหนึ่งน้องชายได้ร้องขอเอาไว้

“ทำไมเก็จพรหมมั่นใจว่าหาไอ้พู่เจอแน่นอนล่ะ น้องเธอรู้อะไรมางั้นเหรอ”
หัวคิ้วณารินย่นขณะที่ซักไซร์ เก็จแก้วถอนหายใจคล้ายโล่งอกไปด้วย

“ก็ไม่เชิง ครั้งสุดท้ายที่ฉันติดต่อไป พรหมทราบข่าวจากตำรวจได้เบาะแสแล้วว่าพู่กันยังอยู่ที่ฟลอเร้นซ์ ”
“แล้วถ้าไม่เจอไอ้พู่ล่ะ ทีนี้จะบอกพ่อแม่เค้ายังไงล่ะ”
ณารินย้อนถาม

“เออนั่นนะสิ แล้วทีนี้ทำไงกันดีล่ะหนูนา”
เก็จแก้วหน้าเสียอึ้งไปนิด ก่อนจะถามเสียงแผ่ว

“ลูกเค้าทั้งคนหายไปแบบนี้ เราควรบอกถึงตอนนั้นก็ได้ช่วยกันคิดได้ว่าจะเอาไงต่อ”
เก็จแก้วพยักหน้าคล้อยตามความคิดของณาริน แววตากลัดกลุ้มดูผ่อนคลายเมื่อไม่ต้องทนอึดอัดเก็บไว้เพียงคนเดียวอีกต่อไป ไม่วายที่จะถามออกไปอย่างขาดความมั่นใจ

“แล้วทีนี้ฉันจะไปบอกพ่อแม่พู่กันว่ายังไงล่ะเธอ”
“เธอก็พูดความจริงสิ ไม่ต้องกลัวหรอกว่าพ่อแม่ไอ้พู่เขาจะว่าอะไร เรื่องมันผิดวิสัยแต่ถ้าเธอไม่บอกเขาแต่เนิ่น ๆ เกิดหาลูกเขาไม่เจอตอนนั้นเธอกับน้องจะพลอยลำบากเหมือนปกปิดว่าทำไมไม่บอกเหมือนลูกเขาไม่มีพ่อมีแม่ตอนนั้นพูดยังไงก็ไม่มีความหมายแล้วล่ะ”
“งั้นเรารีบไปกันเถอะ”
เก็จแก้วดึงแขนณารินลุกขึ้นทันที

“จะไปไหน”
หนูนาเอ่ยถามงุนงงรั้งมือที่ฉุดเอาไว้

“ก็ไปบ้านพ่อแม่พู่กันนะสิ”
“อ๋อ..เฮ้ยไปยังไม่ได้”
ณารินเสียงหลงเมื่อเห็นแววตาเด็ดเดี่ยวเก็จแก้ว

“อ้าวก็เธอเป็นคนแนะนำฉันให้ไปหาพ่อแม่พู่กันเขาเพื่อบอกเรื่องที่ถูกลักพาตัวไปเองมิใช่เหรอหนูนา”
“ก็ใช่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ทำอะไรรอบคอบหน่อยสิ เธอเดินดุ่มๆเข้าไปบอกพ่อกับแม่ไอ้พู่ตอนนี้รับรองว่าเธอจะได้เห็นคนแก่สองคนหัวใจวายนะสิ”
“แล้วจะให้ฉันทำยังไง”

เก็จแก้วตีหน้าไม่ถูกเช่นกัน ไม่ทราบว่าณารินจะใช้วิธีการอะไรไปแจ้งข่าวกับพ่อแม่พู่กัน ณารินตบไหล่เพื่อนรักเบาๆ

“เดี๋ยวฉันจัดการเอง วันพรุ่งนี้เธอมารับฉันตอนสายๆ นะ”
“เธอว่าไงฉันว่าตามแล้วกัน เฮ้อ..อย่างน้อยฉันก็รู้สึกเบาใจที่ได้ระบายออกไปบ้าง ไม่งั้นฉันคงได้อกแตกตายแน่ๆ ยังไงฉันก็ต้องขอบใจเธอจริงๆ หนูนา”
“ไม่เป็นไร ยังไงเธอได้คุยกับฉันยาวแน่ๆ หลังจากเรื่องไอ้พู่จบแล้ว”


*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚


ร่างสูงใหญ่นั่งปั้นหน้าบึ้งตึงมองไปทิศที่มีท้องน้ำกว้างสีคราม เนลโลนั่งเปลือยแผงอกมีเพียงกางเกงขาสั้นตัวเดียวติดกาย ใบหน้าที่เชิดสูงบางครั้งก้มต่ำยามที่เผลอตัว หากแต่ต้องรีบเชิดกลับเมื่อได้ยินเสียงกระแอมดังแววมาจากทิศต่าง ๆ ข้างตัว เสียงนั้นหาใช่เสียงของใครไม่ได้นอกจากอาร์ทตัวแม่นั่นเอง

“นิ่งๆ สิคุณ”

หากมีคนรู้จักผ่านมาเห็นคงได้หัวเราะ เมื่อเห็นมัจจุราชหนุ่มกลายเป็นหุ่นให้สองสาวต่างเชื้อชาติกำลัง ขะมักเขม้นวาดรูปเหมือนชายหนุ่ม ถ้าเป็นเวลาปกติซึ่งเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่เขาจะทำตัวพิเรณ แบบนี้หรอก ถ้ามิใช่เพราะเขาแพ้พนันพู่กัน คิดดูแล้วเขาแพ้แม่ผู้หญิงตัวเล็กๆ นี้ได้ยังไงกัน คนอะไรดื่มเก่งเหมือนกินน้ำซะอย่างนั้น มัจจุราชหนุ่มเหลือบแลดูดวงหน้าหวานของติสสาวสายตาวิบวับ ในขณะที่พู่กันหยักคิ้วให้อย่างอารมณ์ดี จะมีใครรู้ดีเท่าเธอไม่มีแล้วล่ะว่าเธอใช้น้ำเย็นสยบสิ่งที่มองไม่เห็น.....ขณะที่สเกตภาพเหมือนหนุ่มหน้าหล่อร่างบึกนั้นพู่กันต้องขอบใจกับความคิดสุดจะบังเอิญที่เกิดขึ้นในตอนเย็นเมื่อวาน....ขณะที่เธอกำลังยืนดูเด็ก ๆ กำลังเล่นน้ำสีกันอย่างสนุกสนานด้วยอารมณ์สีเทา.....

“ทำไมไม่พัก เดี๋ยวแผลก็อักเสบอีกหรอก”
เสียงห้าวทักมาทางด้านหลัง ติสสาวเอี้ยวตัวกลับ ชักสีหน้าใส่คนตัวใหญ่แล้วหันกลับไปดูกลุ่มเด็กๆ ต่อ

“ฉันรู้ตัวน่า คุณจะทำอะไรก็ไปทำเถอะ ไม่ต้องกลัวฉันจะหนีหรอก”
น้ำเสียงเรียบจริงแต่คนฟังต้องถึงกับจุกทีเดียวที่หญิงสาวรู้ทัน

“นี่เราจะคุยกันดีๆบ้างไม่ได้หรือไง ยังต้องอยู่ด้วยกันอีกหลายวันนะ”
“นี่ฉันมีสิทธิ์รู้อนาคตตัวเองด้วยหรือนี่”
พู่กันทำตาโตอุทานประชดประชันถึงเวลาที่เขี้ยวออกมาทักทายลักยิ้มสองมุมปากถ้าเจ้าของอารมณ์ดีคงน่ามองแต่ตอนนี้ดูยังไงก็เรียกว่าแยกเขี้ยวดีๆนี่เอง

“ก็อย่าคิดว่าตัวเองเป็นนักโทษสิ”
เสียงห้าวตอบสายตาที่เคยแข็งกร้าวดูอ่อนโยนจนติสสาวกระพริบตามองอย่างไม่เชื่อสายตา

“ฟังแล้วดูดีแต่ทำยากชะมัด”
พู่กันกัดฟันพูด น้ำเสียงห้วนชวนให้คนฟังเลิกคิ้วมองและพยายามกลั้นยิ้มเอาไว้อย่างเต็มที่

“เอางี้สิเธอก็คิดว่าเรามาพักร้อนก็ได้นี่”
เนลโลแนะให้พู่กันคิดบวก

“พักร้อน คิดได้ไงวะ”
พู่กันหัวเราะแห้ง ๆ พึมพำภาษาที่เนลโลไม่มีทางเข้าใจ

“ถ้าว่างก็หาอะไรสนุกๆทำสิ”
เนลโลพูดเสียงอ่อนลง ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องใจอ่อนยามสบตากลมโตที่มีน้ำเชื่อมกลิ้งไปมาในลูกตาคู่สวยของสาวไทยคนนี้ นี่ถ้าเบรโตรู้เรื่อง คงได้ยินเสียงเยาะของเจ้านั่นแน่ๆ ชายหนุ่มคิด

“อืมมมม ก็ดีนะ งั้นเรามาพนันกันคนแพ้ต้องทำตามที่บอก”
พู่กันตาเป็นประกายขึ้นมาทันที ในขณะที่เนลโลมองกลุ่มของเด็ก ๆ จึงไม่ทันได้เห็น

“อะไรนะ”
เนลโลถามขึ้นอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง จู่ๆเชลยสาวชวนเล่นเกมส์ซะอย่างนั้น

“เรามาแข่งผลัดกันดื่มคนละทีใครเมาก่อนถือว่าแพ้”
“เธอนี่นะท้าฉันดื่ม”
เนลโลชี้หน้าพู่กันก่อนหันนิ้วกลับมาที่ตัวเขาเอง

“ก็เออนะสิ กล้าไหมล่ะ”
ติสสาวพยักหน้าแถมหยักคิ้วให้เป็นการลองเชิงเหมือนที่เธอเคยทำประจำกับก้องภพ

“เธอคอแข็งว่างั้นเหอะ”

เนลโลหรี่ตาดู มองหาพิรุธจากติสสาวมีเพียงแววตาใสซื่อส่งมาให้แถมรอยยิ้มหวานจ๋อยเดิมพันไว้ก่อน เพราะเธอรู้ว่าแบบนี้เสร็จทุกราย พู่กันคิดในใจว่าผู้ชายไม่ว่าจะชาติไหนก็เหมือนๆ กันนั่นแหละแค่ทำหัวกลวงตาบ๊องแบ๊วต้องคิดว่าผู้หญิงแบบนี้โง่ซะเรื่อยไป
“คุณกล้าพนันกับฉันไหมล่ะ”

“โอเค”..... “หึ ๆ ๆ ไม่ว่าชาติไหนๆ ผู้หญิงนี่เหมือนกันหมด”
เนลโลปรามาสผู้หญิงทุกเชื้อชาติตามประสบการณ์ที่เคยเจอ

“อย่าลืมสัญญาก็แล้วกัน”
ตากลมโตจิกใส่มัจจุราชหนุ่ม
“เธอต้องการเครื่องดื่มประเภทไหน?”
“แรงๆยิ่งดีฉันชอบ”
ติสสาวหยักไหล่ชิล ๆ
“วอดก้าก็แล้วกัน”
“ย่อมได้ ฉันขอแก้วขนาด 1 ออนซ์ สำหรับคุณกับฉันแล้วกัน”
“ทำไมต้องขนาด 1 ออนซ์ ขนาดอื่นไม่ได้เหรอ”
เนลโลนิ่วหน้าถามไม่เข้าใจเจตนาข้อเสนอ

“เถอะน่า อย่าซักนักเลย ที่ประเทศฉันเค้าดื่มกันแบบนี้มันได้ฟิลลิ่งดี”

น๊านแม่สาวอาร์ทพูดเข้าไปนั่น ท่ายักไหล่เหมือนกับเป็นเรื่องชิลชิล ในขณะที่มัจจุราชหนุ่มหรี่ตามองหาพิรุธ แต่คงเจอหรอกเพราะพู่กันลั่นดานปิดบัญชีไปเรียบร้อยตั้งแต่ที่ชายหนุ่มรับคำท้าแล้ว ทันที่ร่างสูงใหญ่เดินไปหาอุปกรณ์พู่กันควักวัตถุบางอย่างออกจากกระเป๋ากางเกงขึ้นส่องไฟแววตาเจ้าเล่ห์มุมปากหยัน...

สองชั่วโมงต่อมาว๊อดก้าพร่องไปครึ่งข่อนขวด เกมส์ดวลเหล้าระหว่างหนุ่มอิตาลีกับสาวไทยเริ่มเห็นฝ่ายชนะอย่างชัดเจน ร่างสูงล่ำของเนลโลเริ่มนั่งโงนเงนหน้าหล่อแดงจัดดวงตารี่ปรือ ส่วนพู่กันแทบไม่ต่างกันเลยน้ำเสียงอ้อแอ้พูดเป็นต่อยหอยแรกๆพูดไทยบ้างอังกฤษบ้างหลังๆก็ไทยล้วนๆ โดยที่คู่ชกดูไม่ถือสากลับหัวเราะกับท่าทางเกินๆของสาวติส

“อ่าววว นี่ของคุณ”
“นี่ของฉ๊านนน เดี๋ยวจะหาว่าเอาเปรียบเอิ๊ก ๆ”

พู่กันรินวอดก้ายื่นให้ เนลโลรับและกระดกเข้าปากทันที พู่กันรินให้ตัวเองบ้าง แล้วยกดื่มรวดเดียวเช่นกันซึ่งทำอย่างนี้มาตลอด เวียนมาหาหนุ่มอิตาลีอีกครั้งได้ฟุบคาโต๊ะไปเรียบร้อย พู่กันยื่นแก้วค้างเอียงคอดูให้แน่ใจปากยังอ้อแอ้

“อารายแค่นี้เมาซะแล้ววว อีธ่อแล้วก็บอกว่าซำบายเอิ๊ก”

พู่กันสะกิดแขนเนลโลจนแน่ใจว่าชายหนุ่มไม่ตื่นแน่นอน ร่างบางทรุดนั่งเป่าลมออกจากปากอย่างโล่งอก เอนตัวพิงพนักตามองหน้าคู่ชกของตัวเองอย่างไม่ประมาท เสียงหายใจสม่ำเสมอยิ้มบางที่มุมปากคลี่กระจายทั่วหน้าก่อนจะปิดเปลือกตาลงอย่างสบายใจ ผู้ชายยังไงก็แพ้มารยาร้อยเล่มเกวียนของผู้หญิงอยู่ดี

ติสสาวหลับและลืมตาหลายๆหนส่ายหน้ารู้สึกตัวว่ามึนเหมือนกัน ก่อนจะสอดส่ายสายตาจ้องหน้าเนลโลหลับตาพริ้ม เป็นครั้งแรกที่พินิจใบหน้าของคนที่ลักพาตัวเธอ ผู้ชายคนนี้มีโครงหน้าบึกบึน รูปหน้าเหมาะเจาะลงตัวโดยเฉพาะแผงขนตาเหมือนผู้หญิงไม่มีผิด ปากรูปกระจับนั่นมักจะจัดหนักพูดแบบไม่เกรงใจใคร หลายวันมานี้หลังจากที่ได้คลุกคลีกับพวกเขา เธอมองไม่เห็นความโหดร้ายแต่อย่างใดออกจะสุภาพเสียด้วยซ้ำ มันน่าแปลกใจพอๆกับน่าสงสัยว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงจับเธอมาบอกเพียงแค่ว่าเจ้านายของเขาต้องการให้เธอไปอยู่เป็นเพื่อนภรรยาคนไทย

“เศรษฐีอะไรวะรวยระดับโลกขนาดนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ว่าจะไร้เพื่อน คนไฮโซเพื่อนฝูงย่อมมีมากมาย”

พู่กันคิดตามด้วยถอนหายใจเบนสายตาออกไปนอกหน้าต่าง ใจตวัดคิดถึงใครอีกหลายๆคน ป่านนี้พวกเขาจะคิดถึงเธอไหมนะ จะออกตามและค้นหาเธอหรือว่ากลับเมืองไทยไปแล้ว แล้วไหนจะพ่อแม่ของเธออีกล่ะป่านนี้แม่มิเป็นลมหลายตลบแล้วหรือ พวกเขาเหล่านั้นจะรู้สาเหตุของการหายตัวของเธอหรือยังนะ แต่พวกเขาจะรู้ได้ไงในเมื่อเธอเองก็ยังไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนบงการเรื่องทั้งหมดนี้ เพียงแค่คิดหางตามีน้ำไหลรินลงข้างแก้มช้า ๆ ๆ รู้สึกรันทดใจอย่างบอกไม่ถูก

“มีวิธีไหนที่จะทำให้แกออกไปจากที่นี่ได้บ้างไหมเนี่ยไอ้พู่”

ขณะที่กำลังคิดหาวิธีกลับบ้าน แม้อยู่ที่นี่มิใช่คุกยังพอมีอิสระไปไหนมาไหนในบริเวณบ้านบ้าง โดยมีสายตาเข้มขุ่นดูไม่ให้คลาดสายตา ถึงจะมีเลญ่าอยู่ข้างๆยามที่เธอตื่น แต่ไม่ได้ช่วยให้เธอรู้สึกดี เพราะที่นี่ไม่ใช่บ้านที่มีคนที่เธอรักและคุ้นเคย พู่กันคิดแล้วถอนหายใจยาวถามตัวเองจะมานั่งคร่ำครวญอะไรอีกเล่าแก ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนดีที่สุด ถึงยังไงเธอก็ไม่คิดยอมแพ้อยู่แล้ว หน้าคมหวานเชิดขึ้นบอกตัวเอง มือบางลูบบาดแผลตรงไหล่เริ่มหายเกือบสนิทแล้ว พลันความคิดบางอย่างแว๊บเข้ามาในหัว มุมปากบางเม้มชั่งใจใช้ความคิดอยู่ชั่วครู่ สายตาบอกถึงความเด็ดเดี่ยว ร่างบางลุกขึ้นไม่มีอาการเซแต่อย่างใด หญิงสาวเริ่มต้นเดินวนรอบๆคนตัวใหญ่ที่นอนหงายเงิบอย่างหมดท่า เสียงกรนเบา ๆ บอกให้พู่กันรู้ว่าชายหนุ่มไม่มีวันตื่นแน่นอน พู่กันลูบคางสอดส่ายสายตาหามือถือที่แอบเห็นเนลโลหย่อนมันลงบนกระเป๋ากางเกงซ้ายด้านหน้า อาร์ทตัวแม่สูดลมหายใจเรียกความกล้าก่อนเอื้อมมือล้วงเข้าไปที่กางเกงของชายหนุ่มอย่างเบามือ ปากบางอิ่มจิ๊กจั๊กแก้ตัวให้คนนั่งพิงพนักเก้าอี้อย่างหมดท่า ไม่รู้ว่าถูกล้วงกระเป๋ากางเกงด้านหน้าเพื่อหยิบบางอย่างออกมา

“อื้ยยยๆ ๆ มันจำเป็นจริงๆ ฉันไม่ได้คิดลามกนะเนลโล”
“อยู่ไหนว่ะ อย่าเพิ่งตื่นนะนาย”
“อ๊ะๆ ๆ เจอแล้ว”
มือถือเครื่องสวยติดมือออกมาหญิงสาวรีบกดโทรศัพท์เบอร์ที่เธอไม่เคยท่องจำ นั่นคือเบอร์ที่บ้านนั่นเอง

“ร้านขนมสวัสดีคะ”
“แม่ ๆ นั่นแม่ใช่ไหมคะ”
พู่กันละล่ำละลักเรียกมารดาเมื่อได้ยินเสียงขานรับกลับมา

“อ้าวเจ้าพู่ โทรมาก็ดีแล้ว แอบหนีเที่ยวไม่ยอมกลับบ้านเลยนะยายหนู”
มารดาหัวเราะร่าเมื่อได้ยินเสียงบุตรสาวอดต่อว่าไปตามประสาแม่ลูก

“อะไรนะคะ แม่พูดว่าอะไรนะคะ”
ติสสาวอดแปลกใจที่มารดาไม่ได้วิตกเรื่องที่เธอหายตัวไปแต่กลับต่อว่าต่อขานหาว่าเธอหนีเที่ยว

“ดูสิเที่ยวเพลินลืมแม่กะพ่อแล้วยังมาทำไก๋อีกนะเรา ว่าแต่ได้เวลากลับแล้วใช่ไหมยายหนู ไปซะนาน ใจน่ะใจดูจะไม่คิดถึงกันบ้าง ไม่ยอมติดต่อมาบ้านบ้างเลย”
“แม่จ๋า....”
ก้อนแข็งๆจุกที่ลำคอ ติสสาวไม่สามารถพูดออกมาได้จนต้องนิ่งไปชั่วครู่ เสียงมารดายังคงพูดเรื่อยๆตามประสาคนที่คิดถึงกัน เพราะเธอไม่เคยจากมารดานานเท่านี้มาก่อน อย่างมากก็แค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น

“ว่าไงแม่ถามว่าจวนจะได้เวลากลับแล้วใช่ไหมเจ้าพู่”
“เออ...คะ..อีกไม่กี่วันพู่ก็คงจะกลับบ้าน แม่กับพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะ พู่สบายดี แม่กับพ่อสบายดีใช่ไหมคะ”
พู่กันพูดเหมือนละเมอโต้ตอบมารดาให้สบายใจ ได้ยินเสียงสดใสของแม่ เธอไม่อาจจะบอกกล่าวเรื่องแย่ๆของตัวเองให้ท่านได้รับรู้ เกรงว่าจะทุกข์ใจ พยายามข่มเสียงให้เรียบเป็นปกติ หางตาดูความเคลื่อนไหวเจ้าของโทรศัพท์

“ก็สบายดีกันทั้งคู่นั่นแหละ นี่เจ้าพู่ไปนานๆแบบนี้ ใกล้จะมีเมนูไข่ลูกเขยหรือยัง เบื่อเมนูไข่ถามหาลูกเขยของพ่อแล้วล่ะ”
แม่พูดสะกิดต่อมพิการของคนไร้แฟนของบุตรสาวอย่างอารมณ์ทำให้สีหน้าเศร้าหมองนั้นแดงเรื่อเกิดรอยยิ้มเอ็นดูความคิดของมารดา

“โธ่! แม่นะแม่ แทนที่จะห่วงกันกลับคิดไปโน้น....แม่คะแค่นี้ก่อนนะคะ ฝากบอกพ่อด้วยว่าพู่คิดถึง รักษาสุขภาพนะคะ พู่รักแม่กับพ่อมากนะคะ”

พู่กันหันไปดูเนลโลที่กำลังขยับตัวให้นอนในท่าสบายตัว จึงตัดใจบอกลามารดาด้วยเสียงครือแผ่ว หญิงสาวกลืนก้อนสะอื้นลงคอดึงมือถือออกห่างหู แต่เธอยังได้ยินเสียงสดใสของมารดาแว่วมา ทำเอาทำนบน้ำตาพรั่งพรูลงแก้มเนียนทันที

“แม่ก็รักลูกจ๊ะ รีบกลับมานะ พ่อกับแม่คิดถึงลูกจะแย่แล้วนะจ๊ะ”
“พู่รักพ่อกับแม่นะคะ แม่จ๋า”
มุมปากขมุบขมิบรำพึงรำพันหามารดา......
“แม่จ๋าพ่อจ๋า พู่กอยากกลับใจจะขาด แต่สมองพู่หนาปัญญาทึบเหลือเกินเวลานี้ พ่อกับแม่รอพู่นะ อีกไม่นานพู่คงได้กลับบ้านเราแน่นอนคะ”

ปลายสายวางไปแล้ว แต่พู่กันยังถือโทรศัพท์ค้าง ก่อนนำไปวางบนโต๊ะหลังจากลบหมายเลขที่โทรออกทิ้ง ร่างบางเดินไปที่หน้าต่างมองดูคลื่นสายน้ำไหวระรอกแล้วระรอกเล่า อดนึกถึงชายหนุ่มอีกคนไม่ได้ ป่านนี้เขาจะตามหาเธอไหมนะ ...

“คุณพรหม มาช่วยพู่เร็ว ๆ นะคะ”


*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚


“ขอบคุณจริง ๆ ผมไม่รู้จะพูดยังไงให้เหมาะสมดีในเวลานี้ นอกจากคำว่าขอบคุณ”

ปลายสายวางหูไปแล้ว แต่เก็จพรหมยังแนบโทรศัพท์ค้างไว้ข้างหูคล้ายตกอยู่ในภวังค์ สายตาไหวระริกหัวใจเต้นแรงความหวังที่ริบรี่สว่างพรึบขึ้นมาทันที โลกที่ดูมัวซัวเหมือนจะสว่างสดใสและมีลมพัดให้รู้สึกได้ในหัวใจ

“รอผมนะพู่ ผมจะไปหาคุณเดี๋ยวนี้”

เก็จพรหมไม่ลืมหยิบเป้ของพู่กันไปด้วย มันเป็นใบโปรดที่ติดหลังเสมอ แต่คืนนั้นหญิงสาวไม่นำติดตัวไปด้วย ป่านนี้คงคิดถึงกันแย่แล้ว นายหัวหนุ่มคิดแทนคนรัก เก็จพรหมเดินลิ่วไปที่ท่าน้ำที่มีเรือกอนโดล่าจอดเรียงรายไว้บริการผู้โดยสารทั้งนักท่องเที่ยวและชาวบ้านระแวกนั้น

“สวัสดีครับ บริการพาชมทัศนีย์ภาพของฟลอเร้นซ์ ราคาไม่แพงสนใจไหมคุณ”
“เราไปกันเดี๋ยวนี้เลย”

แม่น้ำที่เรือพาเจ้าพ่อรีสอร์ทลัดเลาะตามคลองนั้นมิได้สร้างความหฤหรรษาเหมือนกับนักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ แม้แต่น้อย เพราะหนุ่มหน้าเข้มกลับมองลอดเข้าไปในตัวอาคารตัวบ้านสองข้างคลอง เสียงคนขับเรือสาธยายความงามและเก่าแก่ของตึกอาคารผ่านหูไปเพราะเก็จพรหมคอยแต่คิดและพูดกับตัวเองตลอดเวลา ทันใดนั้นชายหนุ่มหูผึ่งเมื่อได้ยินคนขับเรือพูดเหมือนท่องสคริป

“ถัดจากคลองนี้ไปเป็นปากอ่าวสู่ทะเล เป็นถิ่นฐานของชาวพื้นเมืองที่นี่และเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของเมืองนี้”
“ปากอ่าว ใช่ ๆ ๆ ผมจะไปบริเวณปากอ่าว”
เก็จพรหมละล่ำละลักบอกคนขับเรือสีหน้าบ่งบอกถึงความตั้งใจ

“ตรงนั้นไม่มีอะไรน่าเที่ยวและไม่มีสินค้าให้ชมหรือซื้อหาเลยนะคุณ”
“บ้านเพื่อนของผมอยู่แถวนั้น ผมอยากไปเยี่ยมเขาสักหน่อย”
“ช่างน่าดีใจแทนเพื่อนคุณจริงๆ มีเพื่อนต่างถิ่นมาเยี่ยมถึงบ้าน”
“ผมก็อยากให้เขาคิดเช่นนั้น”

เจ้าพ่อรีสอร์ทตอบด้วยเสียงขรึม ตาคมเข้มไหว เมื่อรู้ว่าใกล้ความจริงเข้าไปทุกทีหัวใจของเจ้าพ่อรีสอร์ทยิ่งเต้นแรงมากขึ้น เรือกอนโดล่าเบนหัวไปยังทิศปากอ่าว แหล่งข่าวสำคัญบอกเขาว่า พู่กันถูกพาตัวไปเก็บไว้ที่นั่น พู่กันออกนอกประเทศไม่ได้เพราะบาดเจ็บ...หรือเพราะว่าหญิงสาวไม่ได้พกพาพาสปอร์ตติดตัวทำให้เดินทางไม่ได้

“รอผมอีกนิดนะพู่ ผมกำลังไปช่วยคุณแล้วที่รัก”


*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚


“เป็นไปไม่ได้ พวกเธอเอาอะไรมาบอกฉันห๋า ก้องภพ ณาริน?”

เสียงพ่อดังขึ้นหลังจากเงียบไปหลายนาทีอาจเป็นเพราะยังช็อคกับเรื่องที่ได้ยิน ในขณะที่แม่เอาแต่ร้องไห้ แม้มิได้เอะอะโวยวายอย่างที่กังวลตั้งแต่แรกแต่เป็นภาพที่น่าสะเทือนใจ สีหน้ามารดารุ่นน้องสาวช่างดูเศร้าและเป็นทุกข์ ยิ่งยามที่เงยหน้าขึ้นมองผ่านสายน้ำมาที่เก็จแก้ว ทำเอาต่อมน้ำตาสองสาวทำงานอีกครั้ง น้ำเสียงครือจัดแย้งขึ้น

“จะเป็นไปได้ไง เมื่อวานพู่ยังโทรมาหาแม่อยู่เลย”
เสียงคร่ำครวญของแม่ เริ่มเข้าใจน้ำเสียงเศร้าหงอยของบุตรสาวที่ไม่ได้ร่าเริงแม้แต่น้อย

“อะไรคะแม่ ตะกี้แม่บอกว่าพู่โทรหาแม่อย่างงั้นเหรอคะ”
ณาริน หรือ พี่หนูนาของพู่กันก้าวมาประชิดร่างท้วมละลำละลักถามไม่แน่ใจกับสิ่งที่ได้ยิน

“ก็เจ้าพู่มันโทรหาแม่เมื่อวาน ยังบอกแม่ว่าสบายดี ใกล้จะได้กลับบ้านแล้ว ฮื่อๆ ๆ มันจะเป็นไปได้ยังไงว่าน้องของลูกมันถูกลักพาตัว นั่นสิ..ทำไมแม่ไม่ฉุกใจสุ่มเสียงที่น้องพูดดูไม่เจื้อยแจ้วเหมือนเคย”
มารดาของพู่กันเล่าย้อนถึงเหตุการณ์ที่พู่กันติดต่อมาหา

“ที่มันไม่บอก เพราะมันกลัวแม่เป็นห่วงนะสิครับ”
ก้องภพนั่งฟังอยู่นานโพล่งขึ้นบ้าง

“แล้วเจ้าพู่มันบอกพ่อกับแม่ไหมคะว่ามันอยู่ที่ไหน พวกเราจะได้รีบบอกให้พรหมไปช่วย”
ณารินถามแทรกอย่างมีความหวังจะได้เจอสาวติสเร็วขึ้น

“น้องแค่บอกแม่ว่าสบายดี ไม่ต้องห่วง ยังถามแม่ว่าพ่อกับแม่สบายดีใช่ไหม โถพู่เอ้ยแม่ทำไมไม่บอกความจริงกับแม่”
“น้องพู่คงไม่อยากให้คุณลุงคุณป้าเป็นห่วงน่ะคะ เลยไม่พูดอะไรมาก อีกอย่างคงแอบโทรเลยไม่อยากคุยนานน่ะคะ อย่างน้อยพวกเราก็พอรู้ว่าน้องยัง...เออ..ไม่เป็นอะไร อาจจะแค่ถูกพาตัวไปไว้ที่ไหนสักแห่งของเมืองฟลอเร้นซ์ ยังไงดิฉันจะรีบติดต่อให้น้องชายรู้ว่าพู่ติดต่อกลับมาหาคุณป้าแล้ว เสียดายจังที่น้องไม่ได้บอกว่าอยู่ที่ไหน”

เก็จแก้วยั้งคำพูดที่อาจทำให้พ่อแม่ติสสาวไม่สบายใจ ยิ่งรู้สึกเป็นห่วงคนรักของน้องชายมากกว่าเดิม เพราะถ้าพวกนั้นรู้ว่าพู่กันแอบติดต่อมาที่บ้านแล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับหญิงสาวบ้าง

“แล้วคนทางโน้นจะส่งข่าวให้เราอีกเมื่อไหร่”
พ่อของติสสาวถามขึ้นขณะที่สายตาจับจ้องไปที่ก้องภพ

“เออ...อ่า..วันไหน..อ่า”
ก้องภพอึกอักหันหน้าไปทางพี่หนูนาและเก็จแก้ว

“ติดต่อไปตอนนี้ได้ไหม พ่ออยากถามข่าวเจ้าพู่จากปากเขาเอง”
น้ำเสียงฟังดูราบเรียบแต่แฝงไว้ถึงความห่วงใยที่มีต่อบุตรสาว

“ได้สิคะ นี่ก็ใกล้เวลาที่พรหมจะติดต่อมาแล้วคะ””
เก็จแก้วกระตือลือล้น สีหน้าและแววตาไหววาบอย่างยินดีที่บิดาของพู่กันเข้าใจและไม่โวยวายอย่างที่คิดแต่แรก

“แล้วคนที่ชื่อพรหมนี่คือใครกันล่ะ เป็นเจ้าหน้าที่ที่โน่นเหรอ”
แม่พู่กันถามขึ้นหลังจากฟังอยู่เงียบๆ

“เออ..อ๋อ..พรหมเป็นน้องชายของเก็จแก้วเค้าน่ะคะคุณป้า”
ณารินอึกอักเล็กน้อย เกรงว่ามารดาของสาวติสจะไม่เข้าใจ

“แล้วเค้าเป็นตำรวจทำงานอยู่ที่โน่นเหรอ”
แม่ซักต่อแววตาหมองหาตัวช่วยให้บุตรสาว

“เปล่าหรอกคะ คือเก็จพรหมเป็นห่วงน้องพู่กันมาก จึงอาสาอยู่ที่ฟลอเร้นซ์เพื่อตามหาด้วยตัวเองคะคุณลุง”
เก็จแก้วเป็นฝ่ายตอบเสียงเบา เพราะไม่อยากเปิดตัวน้องชายกับบิดามารดาพู่กันในสถานะการณ์แบบนี้

“ถือว่ารบกวนเอามาก ๆ เลยไม่ใช่ญาติไม่ใช่เชื้อต้องเสียทั้งเวลาและเงินทองอยู่ที่โน่น บอกให้เขากลับมาเถอะ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจที่โน่นก็ได้”
พ่อเอ่ยขึ้นด้วยความเกรงใจ ตามนิสัยผู้ชาย

“โธ่พ่อพูดแบบนี้ได้ยังไงกัน ไอ้พู่ลูกเราทั้งคนนะ”
แม่พูดสะอื้น เมื่อนึกถึงบุตรสาวไปตกทุกข์ลำบากต่างถิ่น

“ไอ้ห่วงมันห่วงอยู่แล้วแม่ แต่จะให้คนอื่นมาลำบากไปด้วยก็ไม่ควรเป็นอย่างยิ่ง”
พ่อพูดเตือนสติแม่อย่างเกรงใจเก็จแก้ว สายตาขอบคุณมองมาที่พี่สาวเก็จพรหม

“ไม่เป็นไรหรอกคะคุณลุง คือน้องชายของดิฉันยินดีด้วยความเต็มใจอยู่แล้วคะ”
เก็จแก้วชิงพูดเพื่อให้พ่อกับแม่สาวอาร์ทสบายใจ

“พ่อก็ต้องขอบใจที่ช่วยเหลือไอ้พู่มัน แต่พ่อว่า...”
“พ่อครับคุณเก็จพรหมเป็นแฟนไอ้พู่ เค้าเต็มใจอยู่ตามหาคนรักอยู่แล้ว”
ก้องภพแทรกพูดอย่างหน้าตาเฉย สองสาวหันไปมองอย่างขอบใจแต่แล้วต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงแม่ร้องไห้ออกมา

“โธ่ยายหนูเฮ้ย จะเปิดตัวแฟนทั้งทีหาโอกาสให้ดีกว่านี้ไม่ได้หรือไงนะ”
“แม่! แม่... ไอ้พู่มันคงไม่อยากให้เป็นแบบนี้หรอกฮะ”
ก้องภพรีบตอบแทนเพื่อนรัก ตีสีหน้าไม่ออกว่าจะเครียดหรือร่าเริงดี

“แล้วคุณพรหมเขาทำงานอยู่ที่นั่นหรือณาริน”
พ่อหันไปถามรุ่นพี่สาวของพู่กันซึ่งมีความสนิทสนมกับที่บ้าน

“คือพรหมเป็นน้องของดิฉันคะคุณลุง เราไปทัวร์ทริปเดียวกันคะ เผอิญไปเจอน้องพู่ไปทำกิจกรรมในครั้งนี้ด้วยคะ”
เก็จแก้วรีบชี้แจงแทนน้องชาย

“ส่วนเรื่องการตามหาไอ้พู่ พ่อไม่ต้องเป็นห่วงคุณพรหมจัดเต็มที่อยู่แล้ว อยู่ที่โน่นก็ได้คุณพรหมนี่แหละประสานงานกับสถานฑูต สถานีตำรวจและ หน่วยงานที่ดูแลคนไทยที่นั่น”
ก้องภพกล่าวเสริมให้พ่อกับแม่เพื่อนรักให้หายกังวล

“ก็ดี ยังไงคงต้องขอบใจที่ช่วยตามหาน้อง ยังไงถ้าน้องชายของหนูโทรมา ฉันขอคุยกับเขาหน่อยนะหนู”
น้ำเสียงพ่ออ่อนลง เพราะรู้ว่าทำอะไรได้ไม่มากนอกจากรอฝ่ายโน้นติดต่อมา

“คะคุณลุง”

*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚


คำถาม...
พู่กันใช้เล่ห์อะไรหลอกเนลโล...
ใครหนอโทรหาเก็จพรหม

มีใครเดาใจแม่หนูยิมได้บ้างคะ?




Create Date : 24 เมษายน 2555
Last Update : 24 เมษายน 2555 15:25:46 น.
Counter : 1945 Pageviews.

11 comments
  
ลงชื่อ
โดย: แม่อาเดียว IP: 110.49.248.255 วันที่: 24 เมษายน 2555 เวลา:15:04:55 น.
  
น้ำชาหรือเปล่าหนอ

โออิชิแน่ๆ เลยขวดลิตร 555
โดย: แม่อาเดียว IP: 110.49.233.8 วันที่: 24 เมษายน 2555 เวลา:15:21:24 น.
  
อมฮอล์ไว้ในปาก
แฟนเก่าเก็จพรหมเป็นคนโทรหาแน่ๆ เลย
โดย: peeratata IP: 58.181.196.3 วันที่: 24 เมษายน 2555 เวลา:15:52:58 น.
  
จุมพิตาโทรมาแน่ๆ เลยคะ
อีกข้อมะรู้อะ เพราะไม่ดื่มคะ
โดย: Rainy IP: 118.173.82.203 วันที่: 24 เมษายน 2555 เวลา:17:11:24 น.
  
ลุ้น ลุ้น ลุ้น
โดย: เอิงเอย IP: 101.109.14.99 วันที่: 26 เมษายน 2555 เวลา:11:11:21 น.
  
รอตอนต่อไปนะคะ เก็จพรหมจะหาเจอหรือเปล่าน้อออ
โดย: ilovenovel IP: 118.173.88.19 วันที่: 30 เมษายน 2555 เวลา:10:38:18 น.
  
อยากรู้เทคนิคจั่งค่ะ

จะเอาไปใช้บ้าง อิอิ
โดย: Different of love IP: 118.173.100.232 วันที่: 2 พฤษภาคม 2555 เวลา:17:50:48 น.
  
นี่น้อง รอนานละนะ ประท้วงประท้วง..
โดย: ปันฝัน วันที่: 6 พฤษภาคม 2555 เวลา:10:13:18 น.
  
รอนานแล้วจ้าๆๆ
โดย: THA IP: 10.136.50.133, 1.20.0.133 วันที่: 7 พฤษภาคม 2555 เวลา:10:53:35 น.
  
มากระตุ้นอีกคนคะ
รอนานนนแล้ว
โดย: ilovenovel IP: 171.5.26.212 วันที่: 8 พฤษภาคม 2555 เวลา:22:26:44 น.
  
ลุ้นระทึกจ้า คราวนี้น่าจะหนีสำเร็จละมัง หายตัวไปตั้งนานแล้วนี่ ถ้าพระเอกหานางเอกพบแล้ว จะเป็นยังไงต่อไป สงสัยคงจบใช่ไหม จบแบบสุขี สุขี ทำให้คนอ่านมีความสุข ตามสไตล์ของแม่หนูยิมแน่ๆเลย
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 9 พฤษภาคม 2555 เวลา:15:25:02 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

gymstek
Location :
ภูเก็ต  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



>