All Blog
สาวไฮเปอร์หัวใจติส - ติสซ่าส์(ห้า)

*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *








*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *

*.:。✿*゚¨゚✎ *✿*ติสซ่าส์ (ห้า)D *.:。✿*゚¨゚✎ *




“พี่พู่....พี่พู่คร๊าบบบ หมูกรอบมาแล้วฮะ”
“เข้ามาหลังร้านเลยอั๋น”

เสียงขานรับออกมาจากข้างใน จัดเป็นมุมส่วนตัวโดยเอาภาพวาดชิ้นใหญ่นำมาเป็นฉากกั้นด้านหลังเป็นชั้นวางอุปกรณ์วาดภาพ กระดาษร้อยปอนด์ม้วนกลม เฟรมผืนผ้า ขวดสีหลากสีทุกประเภท จานสี และพู่กันแต่ละขนาดบรรจุลงกล่อง ถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ มีขาตั้งไม้พิงไว้ข้างผนังที่เต็มไปด้วยการเพ้นท์และพ่นเป็นภาพกราฟฟิตี้ด้วยสีสันสดใส หญิงสาวเรียกมันว่ามุมฟักอารมณ์หรือให้หรูว่าติสรูม

อั๋นเดินถือจานหมูกรอบกับข้าวเปล่าเดินเข้ามา เห็นพี่พู่กันที่กำลังนั่งยองตอกตะปูลงด้านหลังแผ่นเฟรม หญิงสาวเงยหน้ายิงเขี้ยวที่มุมปากให้เด็กชายแล้วก้มหน้าตอกตะปูต่อ

“แม่ให้เอาหมูกรอบมาให้ฮะ”
“วางไว้บนโต๊ะได้เลยจ๊ะ ขอบใจนะอั๋น ไม่ไปโรงเรียนหรือเราวันนี้”
“วันนี้วันเสาร์ฮะ โรงเรียนหยุด”
“เออจริงด้วย ทำงานจนลืมวันเลยพี่ อั๋นรอพี่แป๊บนะจะไปหยิบตังค์ให้ ขอตอกเจ้านี่ให้เสร็จก่อน”

พู่กันเงยหน้าจากพื้นบอกให้เด็กชายรอ แววตาเก้อเมื่อรู้ว่าหลงลืมวันแม้กระทั่งวันหยุด อั๋นนั่งยองๆข้างพี่คนสวยปากถามชวนคุยมากกว่าอยากรู้เพราะขนมกองบนโต๊ะอาหารยั่วน้ำลายไม่น้อย

“พี่พู่ตอกทำไมฮะ”
“พี่ติดตะขอ คนที่ซื้อรูปไปเค้าจะได้แขวนบนผนังไงล่ะจ๊ะ”
“เหมือนรูปในร้านนี้ใช่ไหมครับ”
“ใช่แล้วจ๊ะ อะเสร็จแล้วขอล้างมือก่อนนะจ๊ะ อั๋นกินหนมไหมจ๊ะกองเต็มโต๊ะเลย ทานสิ”
“กินได้หรือฮะ”
“ได้ซี้ ของฟรีจ๊ะไม่คิดตังค์”

รอยยิ้มของพี่พู่ทำให้อั๋นกล้าพอที่จะเอื้อมมือไปหยิบขนมเข้าปาก เด็กชายไม่ค่อยกล้าเข้ามาข้องแวะพี่สาวคนสวยเพราะมารดาห้ามไว้ว่าอย่าไปสร้างความรำคาญกับเพื่อนบ้าน เดี๋ยวร้านแม่จะเสียลูกค้า พู่กันยื่นแบงก์ร้อยให้อั๋นเด็กน้อยยัดมือล้วงกระเป๋าควานหาเงินทอน

“ไม่ต้องจ๊ะ ที่เหลือทิปจ๊ะ”
“ขอบคุณครับพี่พู่ ขนมอร่อยจังฮะ พี่ซื้อที่ไหนเหรอขนมแบบนี้”

มือสองข้างยกมือไหว้ในปากคาบขนมไว้อย่างเสียดาย จิตรกรสาวกลั้นขำอาการติดขนมเหมือนตัวเองไม่มีผิดเวลาที่ของโปรดออกจากเตาร้อน ๆ

“อร่อยก็กินให้หมดนะจ๊ะ ขนมที่บ้านพี่เอง”
“บ้านพี่พู่ทำขนมขายหรือฮะ”
“จ๊ะ อร่อยก็กินเยอะ ๆ”
“อั๋นเอาติดมือกลับไปได้ไหมครับพี่พู่ ต้องกลับไปเสริฟอาหารช่วยแม่ฮะ”
“ได้เลยจ๊ะ เดี๋ยวพี่หยิบใส่ถุงให้นะ วันไหนว่างก็มาทานได้เลยจ๊ะ”
“คงไม่ได้ฮะ”
อั๋นปฏิเสธเสียงค่อยก้มหน้าดูขนมอย่างอาวรณ์

“อ้าวทำไมล่ะ”
“แม่ห้ามไม่ให้ยุ่ง เดี๋ยวพี่พู่รำคาญ”
“รำคาญ? รำคาญยังไงอะ”
“แม่บอกว่าถ้าทำให้พี่พู่รำคาญ ต่อไปก็จะไม่ไปทานข้าวที่ร้านแม่ฮะ”
“โธ่เอ้ยอั๋น ต่อไปถ้าอยากมาหาพี่ก็เข้ามาได้ตลอดนะ ลืมบอกไปพี่นิสัยนางงาม”

พู่กันวางมือบนบ่าบาง กลั้นหัวเราะพูดติดตลกเมื่อเห็นเด็กชายทำหน้าเหรอหราไม่เข้าใจความหมาย

“แล้วนางงามนิสัยยังไงหรือฮะพี่พู่”
“ก้อ..รักเด็ก..แบบนี้ไง ดิฉันรักเด็กทุกๆ คนคะ”

อั๋นหัวเราะจนตาหยีทั้งๆที่ขนมยังเต็มปาก กับท่าเชิดหน้าผายมือไปมาของพี่พู่ รู้สึกดีเมื่อมือนุ่มเอื้อมมาจับแก้มตุ่ยของตนเบา ๆ ทำให้กล้าที่จะพูดกับพี่สาวคนสวยมากขึ้น

“ขอบคุณครับ พี่พู่นอกจากสวยแล้วใจดีด้วย”
“จริงเหรอจ๊ะ แบบนี้ต้องมาบ่อย ๆนะ ปากหวานจริง ๆ นะเรา”

พู่กันส่ายหน้าเอ็นดูกับความช่างพูดของเด็กชายที่หิ้วถุงขนมออกจากร้านไปอย่างรีบเร่ง เด็กวัยนี้ควรจะได้ทำอะไรตามประสาแต่อั๋นทิ้งช่วงเวลานั้นมาเสริฟอาหารช่วยมารดาแทน หลายครั้งที่เห็นเด็กชายแอบมองดูเธอเหมือนอยากเข้ามาทักทายแต่ไม่กล้า อาจเป็นเพราะเป็นคำสั่งของมารดาที่ไม่ต้องการให้เข้ามายุ่มย่ามเพราะเกรงว่าเธอจะรำคาญและต่อไปอาจจะไม่แวะเวียนไปอุดหนุนอาหารที่ร้านตามที่บอกเล่าซื่อๆของอั๋นนั่นเอง



*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ *


ที่ห้องประชุม...

“สรุปแล้วโรงแรมของเราทั้งสามแห่งจะไปออกงานโร้ดโชว์ที่เมืองฟอร์เลนซ์นะครับ อันที่จริงหน้า High Season โซนยุโรปเป็นลูกค้ากลุ่มหลักที่เข้าพักอยู่แล้ว แต่ถ้ากระตุ้นให้มาได้ตลอดปีถ้าสำเร็จจะเป็นผลดีกับโรงแรมเป็นอย่างมาก ส่วนเรื่องจะไปยังไงใครจะไปอะไรต่างๆ ประสานมากับพี่เก็จแก้วได้เลย ผมฝากเรื่องการนำเสนอขอให้ประชาสัมพันธ์เต็มที่นะครับ พิมพรรณคุณช่วยส่งสรุปผลการประชุมให้ผมและทุกคนด้วยภายในวันนี้”
“คะนาย”

ร่างสูงเตรียมลุกขึ้นหากแต่เก็จแก้วแตะแขนน้องชายไว้ให้นั่งคุยก่อน หลังจากทุกคนออกจากห้องไปแล้ว จึงเอ่ยถามเรื่องของรางวัลที่ต้องเตรียมให้สำหรับผู้ชนะเลิศในโครงการนี้

“พรหมคิดไว้หรือยังว่าจะให้อะไรเป็นของรางวัลผู้ชนะเลิศประกวดวาดภาพ”
“ให้พักห้องที่ดีที่สุดไปเลยสิฮะ เราอาจจะต้องใช้เค้าในอนาคต”
“บอกมาแล้วกันว่าจะใช้ห้องไหน แล้วนี่พรหมจะไปทริปเดียวกับพี่ใช่ไหม”
เก็จแก้วเหลือบดูน้องชายก่อนถาม

“คงตามไปทีหลังฮะ”
“อ้าวนึกว่าจะไปด้วยกัน ทำไมล่ะ”
เก็จแก้วมองหน้าน้องชาย หรี่ตาอย่างสงสัย

“ก็อยากไปพร้อมเหมือนกัน ถ้าไม่เผอิญนัดกับเพื่อนที่มาจากสวิสไว้ก่อนแล้ว เค้าจะมา Inspection โรงแรมของเราพอดี”

เก็จพรหมตอบตามจริง เพราะมาร์กเลื่อนเดินทางสองหนนับจากครั้งที่ไปช่วยภัยน้ำท่วมที่สุราษฏร์ธานี

“แล้วไป ไม่ใช่เป็นเพราะว่าแม่จุมพิตามาภูเก็ตหรอกนะ”

เก็จแก้วพูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลา มองหน้าน้องชายตัวดีเขม็ง แต่ไม่เห็นสีหน้าที่ผิดปกติแต่อย่างใด

“พี่แก้วทราบ? พี่แก้วเจอจูนที่ไหนเหรอฮะ”
“เจอบังเอิญที่ร้านอาหาร แต่เค้าไม่เห็นพี่หรอก ถามแบบนี้แปลว่าเจอกันแล้ว”
น้ำเสียงฟังดูราบเรียบ แต่แววตาจับผิดเต็มที่ ชายหนุ่มพยักหน้าตอบรับตามจริง

“จูนแวะมาหาผมที่นี่เมื่อวันก่อนฮะ”
“นั่นนะสิ ฉันสังหรณ์ใจอะไรไม่ค่อยผิด ยังนึกอยู่ว่าถ้าพรหมจะไม่ไปฟอร์เลนซ์ก็คงเพราะแม่นี่”
“โธ่พี่แก้ว ผมแยกแยะออกว่าอะไรเป็นอะไร แต่ที่ไม่ไปพร้อมพี่เพราะมาร์กอุตส่าห์บินมาจากสวิสจริงๆ เลื่อนนัดกันหลายหนแล้วผมไม่อยากเลื่อนเกรงใจเพื่อนคนในธุรกิจเดียวกันยังไงงานมาก่อนอยู่แล้วฮะ”
“งั้นพี่ทำเรื่องขอวีซ่าพร้อมๆ กันเลยนะ”

เก็จแก้วมัดมือชกน้องชาย เธอไม่อยากให้เขาไปข้องแวะกับอดีตคนเคยรักเพราะหญิงสาวมีครอบครัวไปแล้ว

“ครับ”
“แต่งงานแต่งการไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะมาหาอีกทำไม แล้วนี่คนที่บ้านไม่รู้หรือไงปล่อยออกมาหาแฟนเก่าอยู่ได้”

น้ำเสียงไม่วายตำหนิความประพฤติของอีกฝ่ายและตอกย้ำให้ทราบถึงสถานภาพของหญิงสาว

“จูนก็แค่แวะมาเยี่ยมเท่านั้นเองไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นจริงๆฮะ” เก็จพรหมแก้ตัวแทนหญิงสาว
“ขอให้เป็นแบบนั้นจริงๆเหอะ พี่ไม่ได้จะเข้าไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวพรหมหรอกนะแต่ก็ไม่นึกชอบใจถ้าคนในครอบครัวพี่ไปผิดศีลข้อที่สามเข้า”
“ไปกันใหญ่แล้วพี่แก้ว ผมกับจูนเราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นจริงๆ”
“พี่กลัวถ่านไฟเก่ามันไม่ราเชื้อนะสิ”

ดูท่าพี่สาวยังฝังใจไม่เลิกกับอดีตของเขา เก็จพรหมตัดบทเสียงขรึมด้วยสีหน้าจริงจังไม่มีแววขี้เล่นหลงเหลือ

“เอาเป็นอันว่าผมไม่ทำให้พี่แก้วผิดหวังในตัวน้องชายคนนี้แน่นอน ”
“ถ้าแม่นั่นไม่หยุดล่ะ พรหมจะจัดการยังไง ทำตัวพิลึกเหลือเกินเฮ้อ”

เก็จแก้วอดแดกดันไปถึงเพื่อนสาวของน้องชายไม่ได้ สายตาจับจ้องใบหน้าที่หล่อเข้มอย่างห่วงใย เพราะไม่เห็นน้องชายปลูกต้นรักกับใครอีกเลย ถ้าไม่ใช่เพราะชายหนุ่มยังไม่ลืมรักครั้งเก่า แล้วจะไม่ให้คิดมากได้อย่างไร ยิ่งเคยรักกันแค่ไหนทั้งสองเกือบจะได้แต่งงานกันอยู่รอมมะร่อ ยังจำได้ตอนที่น้องชายอกหักยับเยินที่บ้านไม่เคยเห็นชายหนุ่มโวยวายทำร้ายตัวเอง เขาเอาแต่เก็บเนื้อเก็บตัวทำแต่งานอยู่คนเดียวเงียบ ๆมันช่างน่ากลัวและเป็นห่วงจนอยากให้ระบายออกมา เธอไม่เคยเห็นสายตาไหวระริกนับแต่นั้นเลย

“ขอแค่เชื่อมั่นในตัวผมก็พอ”
“แน่นอนจ๊ะน้องรัก ... เกือบลืมไปเลย พรุ่งนี้พี่จะขึ้นกรุงเทพไปทำธุระให้คุณแม่ วันก่อนพรหมไปมาแล้ว เลยอยากจะถามว่าร้านมันอยู่ตรงไหนของสาทร”

เรื่องที่เก็จแก้วถามทำให้เก็จพรหมเงยหน้าขึ้นทันที สายตาที่เก็จแก้วคิดว่ามันตายไปแล้วแวบเข้ามาในดวงตาคมกล้า ก่อนที่เจ้าตัวซุกซ่อนมันลงบนมือถือเครื่องใหม่



*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎*.:。✿* D *.:。
*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎


เสียงมือถือดังติดๆ กันหลายครั้งแต่ดูเหมือนเจ้าของไม่มีกะจิตกะใจจะรับเอาแต่นั่งมองชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ เสียงถอนหายใจติดๆกันหลายครั้ง เรียกคนที่บรรจงวาดรูปเงียบๆ เงยหน้าขึ้นมองดูหน้ามู่ทู่ของพู่กัน

“เป็นอะไรวะพู่ ทำไมแกไม่รับสายปล่อยให้ดังอยู่ได้”
“ก็ฉันไม่อยากรับนี่”
พู่กันมองภาพวาดที่ขึ้นโครงไม่เสร็จแล้ว ถอนหายใจตวัดเสียงตอบ

“ไม่อยากรับก็กดสายทิ้งสิแก ปล่อยให้ร้องโหยหวนอยู่ได้ น่ารำคาญวะ”
สายตาก้องภพกลับไปที่งานปากยังคงพูดเรื่อยๆ

“อยากจะทำเหมือนกันแต่..มันน่าเกลียด”
กระชากเสียงตอบอย่างหงุดหงิด ก้องภพเงยหน้าถามเมื่อจับความรู้สึกพู่กันได้

“ใครโทรมาวะไอ้พู่”
“แก้มใส”
พู่กันก้มหน้าพูดน้ำเสียงต่ำลึกอยู่ในลำคอ เอียงคอมองดูเพื่อนชายขอความเห็นว่าจะเอาไงดี

“แกก็รับๆ ไปสิวะ เค้าแค่โทรมา”
ก้องภพอึ้งไปนิดหนึ่งก่อนจะเอ่ยแนะนำ

“แต่วันนี้มันหลายครั้งแล้วนะ ฉันยิ่งบิ้วอารมณ์ไม่ขึ้นอยู่”
เสียงเบื่อหน่ายผุดออกมาไหนจะงานวาดไปไม่คืบไหนจะมัวผวากับเสียงโทรศัพท์

“งั้นแกก็ปิดมือถือซะสิ”
“เกิดลูกค้าติดต่อมาก็แย่สิ เสียลูกค้า ไม่ได้ ๆ”

พู่กันโบกมือปฏิเสธคำแนะนำของก้องภพกลัวเสียลูกค้าหากปิดมือถือ สองมือกุมขมับกับปัญหาแสนงี่เง่าที่ไม่ควรเกิดกับตัวเองแต่กลับสร้างความเดือดร้อนให้เสียมากมาย ร่างบางไถลเอนไปกับโต๊ะสองมือทุบเบาๆไม่รู้จะแก้ปัญหาให้ตัวเองอย่างไรดี

“โวยวายอะไรไอ้พู่เสียงดังไปถึงข้างนอก”

เพียงได้ยินทักจากด้านหลังเท่านั้นรอยยิ้มของพู่กันเปิดกว้างด้วยความดีใจพลางคิด "ใช่แล้วนางฟ้าของไอ้พู่มาแล้ว" ผู้จะที่จะช่วยชี้ทางสว่างให้กับเธอ

“ไชโย้ พี่หนูนามาโปรดแล้ว”

เสียงขานรับอย่างยินดีลุกขึ้นถลาเข้าไปกอด สายตาเลยข้ามหลังไปพบว่าณารินไม่ได้มาคนเดียว พู่กันคลายอ้อมแขนแล้วทำความเคารพผู้มาใหม่

“สวัสดีคะพี่แก้ว คุณพรหม”

ทั้งสองรับไหว้ เก็จแก้วมองพู่กันอย่างเอ็นดูเมื่อเห็นท่าทางดีใจของรุ่นน้องณารินเหมือนเด็กๆไม่มีผิด ส่วนเก็จพรหมกลั้นขำเมื่อเห็นหญิงสาวทำตาโตเมื่อเห็นเขากับพี่สาวตามหลังพี่หนูนาเข้ามาในร้าน

“สวัสดีจ๊ะพู่กัน”
“จะเชิญนั่งก็ไม่ได้คะเพราะร้านพู่ไม่มีเก้าอี้รับแขก”
พู่กันถูมือเขินๆ มองไปรอบๆร้านมีแต่เฟรมภาพตั้งโชว์

“ไม่เป็นไรคนกันเองทั้งนั้น”

พี่หนูนาพยักหน้าตอบรุ่นน้องอย่างเข้าใจ
ทั้งสามแล้วหันไปมองรอบๆร้านที่มีผลงานอยู่เต็มผนังและที่ตั้งโชว์บนพื้น ภาพวาดที่สื่อความหมายหลากหลายอารมณ์บนเฟรมผืนผ้าใบแต่งแต้มหลากสีสัน ภาพไหนที่มีเจ้าของแล้วจะมีป้ายจองแปะติดที่กรอบรูป

“เป็นไงเธอ ฝีมือเจ้าพู่สวยไหม”

ณารินกระซิบถามเก็จแก้วที่ยืนมองผลงานใกล้ตัว ด้านเก็จพรหมยืนมองดูภาพวาดเด็กน้อยนั่งหงอยตาละห้อยมองดูเพื่อน กำลังเล่นน้ำตกอย่างสนุกสนาน หญิงสาวหันไปมองร่างสูงที่ยืนจ้องดูน้องโด่งนั่งเหงาอยู่ในรูป ค่อนขอดชายหนุ่มในใจว่า...."ที่ดูนั่นคงเข้าใจหรอกว่ามันหมายถึงอะไร"... พู่กันหันมาคุยกับรุ่นพี่กับเก็จแก้วเพื่อหลบสายตาคมปลาบเบนกลับมาที่เธอ

“ไปไหนกับมาหรือคะถึงได้แวะมาที่ร้านพู่ได้”
“เผอิญพี่แก้วชวนพี่มาทำธุระแถวนี้ เห็นว่าใกล้เที่ยงแล้วพี่ก็เลยชวนพี่แก้วแวะมาชวนพู่ไปทานข้าวด้วยกัน”
“ลาภปากพู่ล่ะสิคะวันนี้”

พู่กันกวาดนิ้วชี้และนิ้วโป้งที่มุมปากยิ้มโชว์ลักยิ้มทำตาหยีสองข้าง ห่อไหล่น่ารักลืมความทุกข์ใจของตัวเองไปเสียสนิท เก็จพรหมมองใบหน้าเปื้อนยิ้มของคนตะกละ ณารินลอบมองสายตาเก็จพรหมที่จ้องดูอาการติสแตกไม่รู้ตัวของพู่กันและสะกิดให้เก็จแก้วดูตาม

“แล้วตะกี้พี่ได้ยิน....อะไรเสียลูกค้า มีปัญหาอะไรหรือพู่”
ณารินหันกลับมาถามเมื่อนึกขึ้นได้

“ก็ไอ้ก้องมันแนะนำให้พู่ปิดโทรศัพท์ พู่บอกมันว่าไม่ได้เผื่อลูกค้าโทรมา แล้วติดต่อพู่ไม่ได้ก็เสียลูกค้าหมดนะสิคะ”

พู่กันฟ้องณาริน ก้องภพซึ่งนั่งสเกตภาพเงียบ ๆ ลุกขึ้นรีบแย้งเพื่อนสาวทันควัน ทุกคนหันไปตามเสียงโดยเฉพาะเก็จพรหมนั้นมองหนุ่มหน้าตี๋วัยเดียวกันกับพู่กันอย่างพิจารณา

“พี่หนูนาอย่าฟังไอ้พู่มัน ไอ้นี่นิสัยเสีย มันไม่ค่อยรับสายปล่อยให้โทรศัพท์ดังจนสายหลุด มันน่ารำคาญไหมล่ะพี่”
“ความจริงก้องภพมันพูดถูกนะพู่ แกไม่ค่อยรับโทรศัพท์”
ณารินคล้อยตามก้องภพ

“ผมต้องรับให้มันบ่อยๆ”
ก้องภพเสียบไม้ย่างทันที

“ก็รับ... ถ้าว่าง”
พู่กันอ้อมแอ้มยอมรับตามจริง เหลือบตาเคืองไปที่ก้องภพ
“เอ..หรือมีใครมาขายขนมจีบแกวะไอ้พู่”

ปากณารินถามแต่หางตากลับมองไปที่น้องชายของเพื่อนรัก พู่กันสะดุ้งกับคำถามแทงใจจนหน้าแดงก่ำ ส่งสายตาอาฆาตไปที่ก้องภพเตือนว่าอย่าเผลอปากมอมเป็นอันขาด สายไปเสียแล้วก้องภพไม่ละทิ้งโอกาสเผาเพื่อนรักที่โอกาสพึงจะมี

“แกก็บอกพี่หนูนา ว่าไม่ใช่ใครอื่นไกล คนกันเองนี่แหละ”
“ไอ้ก้องอายุไขแกจะหมดไวถ้าขืนยังปากมอม”
พู่กันชี้หน้าปรามเพื่อนรัก หันไปคุยกับณาริน

“ไม่มีหรอกพี่ อย่างพู่ใครจะมาจีบ.... ดูสิคะพี่เก็จแก้วคงหิวแล้ว พู่ว่า เราไปหาอะไรทานกันเถอะคะ แกอยู่เฝ้าร้านเลยนะก้อง เดี๋ยวซื้อกะเตี๊ยวมาฝาก”

พู่กันตัดบทหันไปสั่งเพื่อนรัก.... ก็ใครจะไปพูดเรื่องหน้าอายแบบนี้ได้ยังไงเล่า... หญิงสาวคิด เก็จพรหมยืนมองดูสองหนุ่มสาวโต้ตอบกัน รู้ได้ทันทีว่าทั้งคู่สนิทสนมกันแน่นอน ค่อนข้างมั่นใจด้วยว่าก้องภพเป็นคนที่รับสายของเขาในวันนั้น เขาต้องรู้ให้ได้ว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่อยู่ในขั้นไหนเพื่อนหรือแฟน

ทั้งสี่ออกจากร้าน พู่กันขึ้นไปนั่งตอนหน้าคู่กับเก็จพรหมที่ทำหน้าที่เป็นคนขับ ส่วนพี่หนูนากับเก็จแก้วนั่งคุยกันจุ๋งจิ๋งตลอดทาง โทรศัพท์เข้าหาพู่กันถึงสองครั้งสองคราหญิงสาวกดปิดเสียงด้วยเกรงใจคนขับรถและคนข้างหลังตัวเธอเอง สีหน้ายุ่งยากอย่างเห็นได้ชัด หญิงสาวพยายามระบายลมหายใจออกช้าๆไม่อยากรบกวนสมาธิคนกำลังขับรถปล่อยตามองออกนอกหน้าต่างรถ เก็จพรหมชำเลืองดูอย่างแปลกใจระคนสงสัยว่าทำไมหญิงสาวไม่ยอมรับสาย แววตาหมกมุ่นที่สะท้อนผ่านกระจกรถพอเข้าใจว่าหญิงสาวกำลังมีปัญหา

พอถึงร้านอาหารเข้าจริงๆ พู่กันถูกทิ้งให้นั่งทานอาหารเพียงสองคนกับเก็จพรหมเพราะรุ่นพี่ทั้งสองปลีกตัวออกไปนั่งทานอีกโต๊ะกับเพื่อนที่เจอกันโดยบังเอิญ ทั้งคู่ทานอาหารอย่างเงียบๆ นานๆครั้งถึงจะพูดคุยโดยเก็จพรหมเป็นคนเริ่มต้นคุยก่อน ชายหนุ่มมองอาการเขี่ยข้าวบนจานของพู่กัน

“ไม่อร่อยหรือพู่กัน”
“อร่อยคะ”
“อร่อยแล้วทำไมทานน้อย หรือว่ารสจัดไป”
น้ำเสียงเป็นห่วงกลัวหญิงสาวทานไม่ได้

“เปล่าคะ คุณทานเถอะอย่าห่วงพู่เลย”
พู่กันอึกอักตอบ

“หรือว่าคุณอึดอัดที่ทานกับผมสองคน”
“ฉันไม่คิดอย่างนั้นหรอก คือ..อ้าวโทรมาอีก รับก็รับวะ...ขอโทษนะคะ”
เสียงโทรศัพท์ดัง คราวนี้พู่กันกดรับสายไม่กดทิ้งเหมือนเคย เหลือบตามองดูหน้าหล่อขออนุญาตเบา ๆ

“เป็นไงเป็นกันวะไอ้พู่”
หญิงสาวบอกตัวเอง กรอกเสียงหวานเข้าไปในมือถือ

“สวัสดีจ๊ะแก้มใส / อะ อ๋อ คือพู่ไม่ได้เอามือถือติดตัว / พู่ติดลูกค้าคะ อื้อไม่เป็นไร ไม่ต้องลำบากพู่ทานแล้ว คะ คะ แล้วเจอกัน”

แก้มใสวางสายทิ้งให้พู่กันปล่อยตัวลงพนักเก้าอี้อย่างอ่อนแรง ทำหน้าเซ็งใส่มือถือ เก็จพรหมกลั้นหัวเราะเขาเริ่มเดาทางปัญหาของพู่กันออกบ้างแล้ว นี่เจ้าหล่อนหวงความเป็นส่วนตัวขนาดนี้เชียวเหรอ พู่กันเหลือบมองหน้าเก็จพรหมเห็นสีหน้าแล้วตีรวนทันที

“ยิ้มอะไรคุณ”
“เปล่า”
“เปล่าได้ไง ก็คุณยิ้มฉันเห็น”
มีหรือพู่กันจะยอมแพ้ง่าย ๆ

“ก็ผมเห็นคุณทำหน้ายุ่งใส่มือถือ เลยขำขึ้นมานะสิ”
นายหัวหนุ่มยกมือยอมแพ้ ตอบตามที่ตาเห็น

“ก็คนมันเซ็งนี่”
เสียงเซ็งสุดๆพ่นออกมา

“ทำไมทะเลาะกับแฟนเหรอ”
เก็จพรหมแกล้งถาม

“เอ้ยไม่ใช่ คนที่โทรมาเป็นผู้หญิง ฉันยังไม่มีแฟน”
พู่กันสั่นหน้ายืนยันคำพูดของตัวเอง

“คุณมีปัญหากับคนที่โทรมาเหรอพู่กัน”
เก็จพรหมยื่นหน้าเข้าใกล้กระซิบถาม

“ไม่มี...แต่”
อาร์ทตัวแม่ส่ายหน้าผิดกับสายตาที่ลังเล

“แต่อะไรหรือครับ”
แววตาเข้มกรุ่มกริ่มสบตากลมโตแวววาว บอกตัวเองว่า ต้องรีบกระชับพื้นที่ระหว่างเขากับพู่กันให้แคบลง

“ไม่มีอะไร”
ม่านขนตากระพริบถี่เมื่อหน้าหล่อเข้มของเก็จพรหมยื่นเข้าใกล้จนเกินไป

“คุณรู้ไหมคนที่เส้นสมองแตกน่ะมีอาการยังไง”
เก็จพรหมถามพู่กันหลังจากถอยกลับไปนั่งที่เดิม เขาชอบแพขนตาหนานั้นเหลือเกิน

“ยังไงล่ะ”
พู่กันพาซื่อถาม

“มือแขนชาปากเบี้ยวนะสิ”
เก็จพรหมกอดอกอมยิ้มตอบหลังทำท่าประกอบก่อนจะอึ้งกับคำถามของสาวติสจ๋า

“แล้วคุณมาบอกฉันทำไม”
“อะไรแค่นี้ก็ยังไม่รู้อีก ผมแค่จะบอกคุณว่าถ้าคุณเก็บกดเอาไว้คนเดียวนานๆระวังเส้นเลือดในสมองจะแตกได้นะสิ”
“นี่คุณแช่งฉันเหรอคุณพรหม”

พู่กันวางมือบนโต๊ะชะโงกหน้าแยกเขี้ยวใส่เก็จพรหม ตาคมโตวาววับ “น่ารักเป็นบ้า ไม่ชอบไม่ได้แล้ว” ชายหนุ่มคิดส่งยิ้มแววตากรุ่มกริ่มยักคิ้วแถมให้เจอมุขนี้สาวติสจ๋าหุบปากรีบถอยกลับไปนั่งตามเดิม "คนอะไรเก๊กหน้าหล่อตลอด" หญิงสาวคิดทำเมินหน้าหนีเสียงหัวเราะเบา ๆ ของเก็จพรหม

“ผมจะแช่งคุณทำไมพู่กัน ทำไมไม่คิดว่าผมเป็นห่วงบ้างล่ะ”
พอรู้สึกตัวว่าพูดอะไรออกไป ชายหนุ่มยกมือลูบท้ายทอยตัวเองที่เผลอคิดดังไปหน่อย

“คุณจะมาห่วงฉันทำไม แปลกจังคุณนี่”
พู่กันโต้กลับ มองอาการเขินของชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจ

“คุณไม่ชอบแก้มใสเหรอ”
เก็จพรหมถามตรงๆ

“อ๊ายยยย จะบ้าเหรอถามแบบนี้ฆ่ากันตายดีกว่า”
พู่กันตกใจวัวสันหลังหวะลืมตัวว๊ากใส่ชายหนุ่ม

“ถึงตายเลยหรือพู่กัน”
เข้าทางผู้บริหารหนุ่มทำเนียนเป็นเข้าใจตามคำพูดของหญิงสาว

“ก็คุณดูถูกฉันนี่”
“ผมไปดูถูกคุณตรงไหน ผมแค่ถามว่าคุณไม่ชอบแก้มใสหรอกเหรอ ที่สุราษฏร์ธานีก็เห็นเค้าเอาใจใส่คุณดีออก”
“ใครบอกให้คุณมาว่าฉันเป็นพวกนิยมดนตรีไทย”
ไม่รู้สึกตัวเลยว่าตัวเองกำลังแบไต๋ให้เก็จพรหมรู้ไปแล้ว

“ตอนไหน”
เสียงทุ้มถามย้ำ เริ่มเข้าใจอะไรลางๆบ้างแล้ว

“ก็คุณถามฉันว่าทำไมไม่ชอบแก้มใสอยู่หยก ๆ”
เสียงหงุดหงิดไม่แพ้กับสีหน้ามุ่ยตุ้ยของติสสาว

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับดนตรีไทย ยิ่งฟังยิ่งงง”
นายหัวหนุ่มซักไม่หยุดไม่ปล่อยโอกาสให้ผ่านไป เพราะใกล้จะรู้ความจริงอีกนิดเดียวเท่านั้นชายหนุ่มคิด

“ก็แก้มใสกำลังจีบฉันอยู่นะสิ...อุ๊ย”
ม่านตากลมโตเปิดกว้างเมื่อรู้ว่าตัวเองเผลอพูดอะไรออกไป หญิงสาวรีบยกมืออุดปากตัวเอง

“อะไรนะ พูดอีกทีซิพู่กัน!”



Create Date : 12 กันยายน 2554
Last Update : 13 กันยายน 2554 9:13:21 น.
Counter : 702 Pageviews.

6 comments
  
สวัสดีเพื่อนๆ ในวันฝนพรำคะ
ตกได้ตกดี แม่หนูยิมก็เลยไม่ได้ออกไปไหน
มาปั่นสาวติสให้เพื่อนๆ ที่ติดตามอยู่ได้อ่านคะ

ขอบคุณแรงใจจากท่านนักเขียน พี่ตุ้ยดอยสะเก็ตกะน้องวี โสดในซอยลุ้นแม่หนูยิมทุกตอน
น้องฝน rainy ก็ไม่ขาดทุกตอนเหมือนกัน

หน้าฝนนี้ขอให้เพื่อนๆรักษาสุขภาพด้วยนะคะ
โดย: gymstek วันที่: 12 กันยายน 2554 เวลา:10:38:50 น.
  
เก็จพรหมอายุเท่าไหร่ได้คะคุณแม่หนูยิม
มาส่งพี่สาวความจริงมาหาพู่กันใช่ไหมคะ
โดย: Rainy IP: 223.207.72.94 วันที่: 12 กันยายน 2554 เวลา:22:32:58 น.
  
เก็จพรหมอายุสามสิบเศษๆคะ แน่นอนคะหนูฝน เก็จพรหมกำลังทำตามคำแนะนำของเพื่อนอยู่คะ
โดย: gymstek วันที่: 13 กันยายน 2554 เวลา:7:46:50 น.
  
เขียนเก่งขึ้นเรื่อยๆนะคะ แม่หนูยิม กว่าพระเอกกับนางเอกจะเข้าใกล้กันได้คงต้องใช้เวลาปูทางอีกพักนึงใช่ไหมคะ ดีค่ะ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 13 กันยายน 2554 เวลา:8:04:01 น.
  
พี่ตุ้ยกำลังจะบอกแม่หนูยิมว่าช้า ๆ ได้พร้าเล่มงามใช่ไหมคะ ความจริงแนวกุ๊กกิ๊กนี่เริ่มชินแล้วคะ เลยเขียนได้คล่องหน่อย
โดย: gymstek วันที่: 13 กันยายน 2554 เวลา:9:15:03 น.
  
เปล่าค่ะ ไม่ได้บอกให้ช้าๆได้พร้าเล่มงามหรอกค่ะ มิบังอาจค่ะ แม่หนูยิม ที่เขียนมาหลายเรื่องก็ดีแล้วนี่คะ เขียนในแนวกึ๊กๆกิ๊กๆได้น่ารักค่ะ ฮิฮิ
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 15 กันยายน 2554 เวลา:7:09:11 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

gymstek
Location :
ภูเก็ต  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



>