All Blog
สาวไอเปอร์หัวใจติส - ติสที่ยิ่สิบสอง
ทำเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ เค้าบอกว่าอัพโหลดเยอะเกินไป ตัวอักษรที่ให้แค่ 45000 แต่แม่หนูยิมใส่เข้าไปเป็นแสน




ติสบทที่ยี่สิบสอง

*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚



“ทานอะไรสักหน่อยนะฮั่นนี่”

ชุปเห็ดของโปรดอยู่ตรงหน้าส่งกลิ่นหอมหวล ถ้าเป็นเวลาอื่นหญิงสาวจะต้องรีบตักเข้าปากอย่างแน่นอน แต่เวลานี้ดวงหน้าหวานนั้นซีดเซียวและมีอาการอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด อาการแพ้ท้องของจุมพิตาค่อนข้างมากถึงขึ้นไม่สามารถทานอะไรได้ เมนูที่ชื่นชอบทุกคนในบ้านต่างจัดหานำมาประเคนถึงเตียงเลยทีเดียว เพียงแค่เห็นและกลิ่นตามมาหญิงสาวเป็นอันต้องเบือนหน้าหนีแสดงอาการเลี่ยนผะอืดผะอมอย่างเห็นได้ชัด

“ไม่ ๆ ฉันอยากจะนอน”
จุมพิตาส่ายหน้าหนีถาดอาหารที่อังวาห์ประคองส่งถึงเตียง

“ไม่ได้นะที่รัก ลูกของเราอาจจะหิวอยู่ก็ได้”
อังวาห์พูดด้วยความเป็นห่วงภรรยาเลยไปถึงลูกที่อยู่ในท้อง

“คุณเป็นห่วงฉันหรือห่วงเด็กในท้องกันแน่”
จุมพิตาแปลเจตนาของสามีไปอีกทางแว๊ดกลับเมื่อถูกเซ้าซี้ให้ทานอาหารหนักขึ้น

“ผมก็ต้องเป็นห่วงคุณสิที่รัก ลูกเราจะสมบูรณ์ได้สุขภาพแม่ต้องดีก่อนจริงไหมที่รัก”
อังวาห์ก้มลงหมายจุ๊บแก้มภรรยาสาว แต่ถูกจุมพิตายันหน้าเอาไว้ก่อน

“คุณอย่ามาถูกตัวฉันนะอังวาห์ ตัวคุณเหม็น มันทำให้ฉันอยากอาเจียรมากขึ้น”
“ผมก็อาบน้ำมาแล้วนะที่รัก ไม่มีน้ำหอมหรือว่าผมต้องงดใช้โคโลญจน์เวลาโกนหนวดด้วยต้องใช่แน่ ๆ เลย”

สามีหนุ่มมองหน้าซีดเซียวของภรรยาพูดอย่างเอาใจ พร้อมกับยกแขนดึงคอเสื้อขึ้นดม กลิ่นก็สะอาดดีชายหนุ่มคิด เอามือลูบคางตัวเองไปมาลงความเห็นว่าสาเหตุที่หญิงสาวไม่ยอมให้เข้าใกล้ จุมพิตามองหน้าอังวาห์ด้วยสายตาแปลกไปกว่า สิ่งที่กังขาข้องใจและอยากรู้ได้ถูกถ่ายทอดออกมา น้ำเสียงเรียบไม่ได้กวนน้ำให้ขุ่นอย่างเคย

“เพราะฉันมีลูกของคุณใช่ไหมอังวาห์คุณถึงได้กลับมาสนใจฉัน ทั้งๆ ที่..”
“ไม่เอาน่า ที่รักเราไม่ควรรื้อฟื้นเรื่องผ่านมา”
อังวาห์แทรกก่อนที่บรรยากาศเก่า ๆ กลับมาอีกครั้ง แต่เขาก็พลาดที่จะทิ้งปมให้จุมพิตาขุดคุ้ยได้อีก
“มันไม่มีวันจบอังวาห์ คุณรู้ดี”

ทั้งคู่สบตากันต่างรู้ความหมายนั้นดี อังวาห์ก้มหน้าผ่อนลมหายใจเบา ๆ เก็บร่องรอยในใจไว้ภายใต้เปลือกตาสีฟ้าคู่นั้น จุมพิตามองสามีด้วยความอาดูร สิ่งที่อยากจะพูดหยุดตรงริมฝีปาก หญิงสาวเบือนหน้าออกไปนอกหน้าต่างเธอเห็นหลังคาลิบ ๆ อยู่ด้านล่างรู้สึกหยอกแสยงใจทุกครั้งที่เผลอมอง มือบางลูบท้องเบา ๆ ชีวิตหนึ่งกำลังก่อเกิดอยู่ในท้อง แม้เด็กคนนี้ถือกำเหนิดในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่คงขาดความอบอุ่นอย่างแน่นอน เพราะความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับแม่ไม่ได้ราบรื่น แล้วมันจะเป็นครอบครัวที่มีความสุขได้อย่างไรกัน

“ฮั่นนี่อย่าคิดมาก ผมอยากให้คุณทำจิตใจที่ผ่องใส”
“คุณอยากให้ฉันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆเหรออังวาห์”
จุมพิตาแววตาแน่วแน่สีหน้านิ่งคล้ายตัดสินใจแล้ว

“อะไรที่ทำให้สุขภาพของคุณและลูกดีย่อมเป็นหน้าที่ของผมผู้เป็นสามีและพ่อไม่ใช่หรือจ๊ะดาร์ลิ่ง”
อังวาห์ยิ้มบางทรุดนั่งขอบเตียงเอื้อมมือภรรยาคนสวยกุมเอาไว้อย่างถนุถนอม แววตานิ่งสื่อเห็นลางดีสำหรับเขาเพราะจุมพิตาจะไม่ใช้อารมณ์เหมือนเช่นที่ผ่านมา

“ขอให้คุณจำคำพูดนี้เอาไว้ เราจะพูดเรื่องนี้อีกครั้งในเวลาที่ฉันพร้อม ตอนนี้ฉันอยากนอน ถ้าจะกรุณาขอนมอุ่นสักแก้วคงจะดี คุณเอาอาหารไปเก็บเถอะฉันเห็นแล้วอยากจะอาเจียร”
“ได้ ๆ ถ้างั้นผมจะกลับมาพร้อมกับสิ่งที่คุณต้องการ คอยผมสักประเดี๋ยวนะ”
อังวาห์ใจชื้น แม้จะรู้ความหมายของหญิงสาวดีแต่เขามีคำตอบให้กับภรรยาสุดที่รักอยู่แล้วเช่นกัน

เบรโตเดินเข้ามาในห้องในขณะที่จุมพิตาในอริยบทกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง สายตาของหญิงสาวเห็นสีหน้าหมกมุ่นไร้ความสดชื่น โดยเฉพาะแววตานั้นที่บ่งบอกเป็นทุกข์มากแค่ไหน ร่างบางขยับพิงหมอนชิดหัวเตียง ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ เธอมาถึงนานแล้วหรือเบรโต”
“ผมเข้าบ้านมาถึงเมื่อวานนี้”
เบรโตถอนหายใจก่อนตอบพี่สะใภ้

“ท่าทางเธอเหมือนไม่มีความสุขเลย ยังไม่เจอเธอคนนั้นอีกเหรอ”
“มันผิดแผนไปหมดแล้วจูน”
เสียงพร่าเพลียก่อนทรุดนั่งบนเก้าอี้โต๊ะข้างเตียงนั่นเอง

“ผิดแผน? ผิดยังไง?”
จุมพิตาขมวดคิ้วถาม

“พี่อังวาห์บอกผมว่าไอ้เนลโลยังอยู่ที่ฟลอเร้นซ์”
“แปลว่าเธอคนนั้นก็ยังอยู่ที่นั่นสินะ”
จุมพิตาลอบถอนหายใจโดยไม่ให้เบรโตรู้ตัว

“ใช่ ที่สำคัญพู่กันบาดเจ็บเสียด้วย”
แววตาเหมือนเสือบาดเจ็บของเบรโตปิดจุมพิตาไม่อยู่ หญิงสาวเก็บความสงสัยเอาไว้ แสร้งอุทานอย่างตกใจ

“บาดเจ็บ เนลโลทำร้ายผู้หญิงอีกแล้ว?”
“ก็ไม่เชิงหรอกแต่สาเหตุก็เพราะพู่กันช่วยเนลโลนั่นแหละ”
เบรโตถอนหายใจละสายตาจากหน้าต่างกลับมาดูวงหน้าซีดเซียวของพี่สะใภ้ออกจะเห็นใจกับอาการแพ้ท้อง ดังนั้นเสียงโต้ตอบจึงผ่อนให้เบาบาง

“พู่กัน หญิงไทยคนนั้นชื่อพู่กัน ฟังดูเหมือนเธอกับหล่อนจะสนิทกันมากเลย”
นัยน์ตาจุมพิตาเจิดจ้าเมื่อนึกถึงร่างบางที่ยืนเคียงคู่เก็จพรหมในค่ำคืนนั้น แค่ชื่อฟังดูน่ารักนี่ถ้าเธอได้เห็นหน้าชัด ๆ ก็คิดว่าคงไม่หนีจากชื่อเท่าไหร่นักหรอก

“เธอเป็นคนดี ดีจนผมละอายใจ”
เบรโตก้มหน้ามองดูปลายเท้าของตัวเอง

“ทำไมเธอไม่ไปช่วยเค้าล่ะเบรโต”
จุมพิตาแนะ ถึงอย่างไรผู้หญิงคนนั้นก็ได้ชื่อว่าเป็นเพศเดียวกับเธอ และแน่นอนการแยกหญิงสาวออกจากสามีเธอเป็นสี่งที่เธอควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเพราะสงสารผู้หญิงด้วยกันหรือเพราะไม่อยากแบ่งความรักความอบอุ่นในส่วนที่ควรเป็นของเธอเพียงคนเดียวนั่นก็อีกประเด็นหนึ่ง

“ผมเกรงว่ามันอาจจะสายไปแล้วนะสิ”
“ทำไมล่ะ”
“คุณก็รู้ดีนี่จูน เนลโลเหมือนใครที่ไหนกัน ถ้าเกิดไม่สบอารมณ์ขึ้นมา”
ใบหน้าหล่อเหลาก้มต่ำซ่อนแววตาตกลงพื้นเหมือนทำใจ

“โหดร้ายกันทั้งนายและลูกน้องสินะ”
จุมพิตาเพ้อเริ่มหายใจแรงและถึ่ขึ้น

“คำสั่งพี่อังวาห์ใครขัดได้ที่ไหนกัน”
เบรโตตอบเสียงขรึม

“ทำไมต้องเป็นผู้หญิงไทยที่ชื่อพู่กันด้วย นายรู้ใช่ไหมเบรโต”
จุมพิตาถามอย่างใคร่รู้ในใจคิดว่าหญิงสาวทุกคนที่สามีพึงพอใจงดงามพอๆกัน ไหล่กว้างไหวจ้องหน้าซีดเซียวชั่วครู่ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงลังเล

“ก็จะเพราะใครอีกล่ะ”
“เธอไปรู้อะไรมาหรือเบรโต มีอะไรมากไปกว่าความพึงพอใจรูปโฉมงั้นหรือ”
จุมพิตารู้ดีว่าอังวาห์ชอบสะสมผู้หญิงสวย ยิ่งมีชื่อเสียงยิ่งชอบ

“นี่คุณไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้กันแน่จูน”
เสียงเบรโตกระด้างตามอารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่น

“ถ้าฉันรู้ฉันจะถามเธอให้เสียเวลาทำไม”
จุมพิตาถอนหายใจตอบน้องสามีกลับไปอย่างเหนื่อยหน่ายและไม่ติดใจน้ำเสียงหงุดหงิดมแม้แต่น้อย

“ผมเบื่อสภาพนี้เต็มทนแล้วจูน ผมอยากพักและเริ่มต้นใหม่กับคนที่ใช่เสียที ผมเบื่อ เบื่อ”
หน้าตาของเบรโตแดงแลดูเหนื่อยล้าผสมดุดัน น้ำเสียงเจ็บปวดเปล่งออกจากปากบางสวยคล้ายสตรีนั้น ทำให้จุมพิตาเงยหน้ามองอย่างพิจารณา ไม่บ่อยครั้งนักที่จะเห็นน้องชายสามีอยู่ในสภาพนี้ หญิงสาวขยับตัวอีกครั้งเพื่อนั่งขอบเตียงจะได้คุยกับชายหนุ่มได้สะดวก

“ฉันรู้ว่าเธอรู้สึกอย่างไร มันก็คงไม่ต่างกับฉันหรอก ฉันเองก็อยากหนีสภาพนี้เหลือเกิน เธอเป็นน้องสายเลือดของเขายังไงก็ตัดกันไม่ขาด แต่ฉันสิเป็นแค่เมีย ทันทีที่พี่ชายเธอกับฉันเลิกรากันเราก็เป็นคนอื่น ฉันอยู่กับเค้าใช่ว่าจะมีความสุข เงินทองมันเป็นของนอกกาย ฉันไม่ต้องการมันอีกต่อไปแล้ว ความสุขในชีวิตต่างหากที่ฉันค้นพบตอนที่ฉันกลับบ้าน บ้านที่อบอุ่นและฉันไม่เคยได้จากที่นี่นานมาแล้ว”

มือนุ่มเกาะกุมมือใหญ่เอาไว้ ถ่ายทอดความรู้สึกให้ชายหนุ่มร่วมรับรู้ สายตาที่มองผ่านแพขนตางอนนั้นเจ็บปวดระทมทุกข์ไม่แพ้กัน

“ผมเอาเรื่องร้อนใจมาให้จูนอีกทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไร”
“ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ ไหนๆก็พูดแล้วก็ควรพูดให้รู้เรื่องไปเลย แล้วนี่นายจะทำยังไงต่อไปล่ะเบรโต”
“ผมคงต้องติดต่อคนที่อยู่ทางฟลอเร็นซ์ให้ตามหาพู่กันนะสิ ผมไม่มีวันให้เนลโลมันทำอะไรเธอแน่นอน”
“งั้นก็รีบทำแล้วกัน”
“ผมไม่รู้ที่พักของญาติเนลโล ไม่ทราบว่าจูนรู้ไหม”
“อย่างฉันจะไปรู้อะไร หน้าตาไม่คิดจะมองเรื่องจะเสวนาด้วยก็คงไม่มีทาง”
จุมพิตาเหลือบตามองดูใบหน้าหมองลงถนัดตาของเบรโต ใจนึกสงสารแต่เธอไม่รู้จริงๆ หางตาเธอเห็นประตูเปิดหญิงสาวจึงพูดไปทางอื่น

“ฉันค่อยยังชั่วแล้ว เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก นั่นไงสามีสุดที่รักของฉันมาแล้ว”
“อ้าวเบรโต นายเข้ามาเมื่อไหร่ นี่พี่เอานมอุ่นมาให้จูน นี่จ๊ะที่รักดื่มซะจะได้มีแรง”
อังวาห์ยิ้มกว้างเมื่อได้ยินจุมพิตาพูดถึงเขาในแง่ดี
“ก็เห็นจูนไม่ออกจากห้องเลยผมก็เลยมาเยี่ยมเค้าแทน พี่อังวาห์คงไม่ว่าอะไรใช่ไหมที่ถือวิสาสะเข้ามาถึงห้องนอน”
“จะเป็นไรไปล่ะ นายก็เป็นน้องชาย เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ใช่ไหมจ๊ะที่รัก”

อังวาห์เปิดปากหัวเราะร่าก่อนทรุดนั่งข้างภรรยาสาวมืออีกข้างโอบกอดแสดงความรัก จุมพิตาขยับตัวเล็กน้อยเธอมีอาการคลื่นไส้ขึ้นมาอีก สีหน้าผะอือผะอมของหญิงสาวทำเอาอังวาห์รีบคว้ากระโถนข้างเตียงรองรับไว้ทันก่อนที่จะได้ยินเสียงโอ๊กอ๊ากของอาการคนแพ้ท้อง

“นี่ฮะน้ำอุ่นกลั้วคอเสียหน่อยจะได้รู้สึกดีขึ้น”
เบรโตรินน้ำอุ่นจากเหยือกส่งให้อังวาห์ สายตาจับจ้องใบหน้าภรรยาของพี่ชายนิ่งก่อนจะหันไปหาพี่ชายซึ่งมองเขาอยู่ก่อนแล้ว นัยน์ตาสีเดียวกันมองลึกเข้าไปของอีกฝ่าย เบรโตขยับตัวเดินออกจากห้องโดยไม่ได้พูดอะไร หลังจากที่อังวาห์ดูแลภรรยานอนและอยู่รอจนแน่ใจว่าหญิงสาวหลับไปแล้วจึงค่อยๆเดินออกจากห้อง

ร่างสูงโปร่งของเบรโตยืนหันหลังให้ประตูห้องรอพี่ชายเขา เพราะรู้ว่ายังไงเขาต้องคุยเรื่องพู่กันกับอังวาห์ให้รู้เรื่อง

“นายพูดอะไรกับจูน”
เสียงเข้มเอ่ยขึ้นเมื่อประตูปิดสนิท

“ผมก็แค่เข้าไปถามไถ่อาการนะสิ”
“แค่นั้น”
“แล้วพี่คิดว่าผมควรพูดเรื่องอะไรกับจูนล่ะฮะ”
เบรโตเลิกคิ้วย้อนถาม ไม่บ่อยนักที่อังวาห์จะเห็นอาการเกเรของน้องชายคนเดียวของเขา รอยยิ้มที่มุมปากผุดขึ้น

“ก็เช่นว่า ตอนนี้เนลโลพักที่ไหนของฟลอเร็นซ์กระมัง”
อังวาห์ยกมือขึ้นกางกลางอากาศ

“พี่รู้แล้วถามทำไมฮะ”
เบรโตรับคำทันทีโดยไม่คิดโยกโย้แต่อย่างใด

“เสียมารยาทมากเลยนะเบรโต นายก็รู้ว่าจูนเขาไม่สบาย”
“ผมรู้ ถ้าพี่ไม่อยากให้ผมกวนทำไมพี่ไม่บอกให้สิ้นเรื่อง ไม่ต้องให้ผมคลำหาทางแบบนี้”
เบรโตกระชากเสียงกร้าวบิดหน้าหนีไปทางอื่นอย่างขัดใจ

“นายชอบนังนี่สินะ ว่าแต่คงจะสวยไม่เบาไม่งั้นเนลโลไม่ชิงไม่จากนายหรอก ฮะ ๆ ๆ ศึกชิงนางเข้าแล้วละสิ”
อังวาห์ระเบิดเสียงหัวเราะร่า เบรโตหันหน้ากลับมาโวยวายใส่พี่ชายบ้าง

“พี่อย่าเอาพู่กันไปเปรียบกับผู้หญิงที่ผ่าน ๆมา ผมขอร้อง”
“เฮอะแตะไม่ได้ แบบนี้ยิ่งอยากเห็นเสียแล้วสิ แต่ก็นั่นแหละนะสุดท้ายพอเห็นเงินเห็นเพชรที่ฉันประเคนให้ พวกแกก็เป็นแค่สะพานให้เจ้าหล่อนข้ามอยู่ดี”
“ไม่ได้นะ พู่กันเป็น...เพื่อนของผม”
เบรโตหยุดคำว่าชอบไว้ที่ริมฝีปากบาง

“เพื่อน นายนับผู้หญิงของฉันเป็นเพื่อนงั้นสิ ถ้าฉันไม่มอบให้นายไปเอาตัวหล่อนมา นายจะรู้จักเธอเหรอ ผู้หญิงมีตำหนินายคิดจะยกย่องหล่อนงั้นเชียวหรือ”
“พี่ไม่มีสิทธิ์ตัดสินเธอแบบนั้น พู่กันเป็นเพียงหมากเกมหนึ่ง ความจริงถ้าพี่กับจูนคุยกันเรื่องนี้ก็ไม่เกิด พี่ก็ไม่ส่งผมไปเจอเค้า และไอ้เนลโลก็คงไม่ลักพาเธอเอามาให้พี่ เพราะมันต้องการประจบพี่ พู่กันเธอไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร พี่โกรธจูนโกรธแฟนเก่าเค้าทำไมพี่ไม่ไปลงมือกับคนเหล่านั้นล่ะ”
เบรโตฟาดมือกับขอบราวบันไดอย่างหมดความอดกลั้น หันไปตะคอกใส่อังวาห์

“โป้งเดียวจอดนะเหรอ มันง่ายไป อย่างนายเก็จพรหมมันต้องอยู่อย่างทรมาน แฟนมันหายสาบสูญ ฮะ ๆ ๆ ๆ หรือจะค่อยรู้ภายหลังว่า แฟนมันเป็นผู้หญิงในฮาเร็มของฉันสามีของคนรักเก่า มันคงแทบกระอักเลือด ฮะ ๆ ๆ ๆ”
ผิดกับอังวาห์ดูไม่ทุกข์ร้อน ท่าทางไม่ยีหระและคำพูดของพี่ชายทำให้เบรโตลดน้ำหนักเสียงลงเอ่ยขอร้อง

“พี่ฮะผมขอร้อง ยกเว้นพู่กันไว้สักคนเถอะครับ”
“นายก็เป็นอย่างนี้ ใจอ่อนไม่เข้าเรื่อง เลยถูกเนลโลมันชิงตัวเจ้าหล่อนไปได้ ใครจะไปรู้ตอนนี้มันอาจจะเพลิดเพลินเรือนร่างนังนั่นให้สนุกก่อนจะเชือดก็ได้”
“ทำไมพี่ไม่ลงโทษเมียพี่ ถ้าคิดว่าเธอกับแฟนเก่าสวมเขาให้ล่ะ มาลงกับคนที่ไม่รู้เรื่องทำไมกันฮะ”
คำพูดเชือดเฉือนและบาดลึกเข้าไปในหัวใจของเบรโต อารมณ์โกรธประทุขึ้นมาอีกจนได้

“ก็บอกแล้วไง จบไวมันก็ไม่สนุกสิ แบบนี้แหละดี”
เบรโตส่ายหน้าผิดหวังกับพี่ชายที่ยืนยิ้มสะใจ หางตาเขาเห็นประตูนั้นเปิดอ้าเล็กน้อย ตาสีฟ้าเข้มแกมเขียวตวัดมองดูพี่ชายส่งยิ้มกวนอย่างสะใจ ชายหนุ่มไหวไหล่เดินจากไปพร้อมกับอารมณ์ขุ่นคลัก


หลังประตูบานนั้นมีร่างบางระหงของจุมพิตาทรุดนั่งเธอตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน ไม่เคยคิดว่าเรื่องแบบนี้จะมีในชีวิตจริง เธอเคยเห็นในละครดราม่าที่นึกค่อนแคะว่านิยายชัด ๆ เรื่องจริงไม่มีทางเป็นไปได้หรอก มันเกิดขึ้นแล้วและอยู่รอบๆตัวเธอนี่เอง นี่เธอกำลังช่วยอังวาห์และสมุนของเขาทำบาปงั้นหรือ ผู้หญิงที่ชื่อพู่กันเป็นคนรักของเก็จพรหมงั้นเหรอ เรื่องราวเริ่มประติดประต่อไปเรื่อย ๆ ๆ นับตั้งแต่เธอกลับบ้านและพาตัวเองไปแวะเวียนหาเพื่อนชายที่สนิท จริงๆ แล้วไม่ได้คิดอะไรมากมายกว่าเยี่ยมเยือนเพื่อนเก่าที่เข้าใจเธอมากกว่าใคร เพราะเธอรู้ว่าเก็จพรหมไม่ทำอะไรให้เธอเสียหายอย่างแน่นอนเธอจึงไว้ใจและคบหาไปตามประสาของคนขี้เหงาก็เท่านั้นเอง

*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚

ที่ฟลอเร็นซ์.......
เสียงโทรศัพท์ดังอยู่หลายเกือบนาที เรียกสติที่นั่งหม่อลอยของเก็จพรหมให้กลับมา เขาล้วงมือถือดูชื่อที่หน้าจอว่าใครโทรหา

“สวัสดีครับพี่แก้ว”
“พรหมได้วี่แววน้องบ้างหรือยัง”
“ฮะ พอมีบ้างพู่เค้ายังอยู่ในเมืองนี้อยู่ครับ”
“พรหมรู้ได้ไง ไหนนายหน้าหล่อนั่นบอกว่ามีคนนำพู่ไปรัสเซียมิใช่เหรอ”
“สถานทูตเช็คแล้ว ไม่มีรายชื่อพู่ออกจากประเทศนี้ฮะ อีกอย่างพาสปอร์ตพู่ยังอยู่ในเซฟเหมือนเดิมฮะ”
“โล่งใจหน่อยอย่างน้อยก็พอจะควานหาเจอ นึกว่าถูกพาไปรัสเชีย ไม่งั้นเราจะไม่รู้เลยว่าพู่อยู่มุมไหนของประเทศนั้น”
“ครับ บ่ายนี้ผมจะไปสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าได้เบาะแสบางอย่างฮะ”
“ดี ๆ ยังไงพรหมแจ้งข่าวให้พี่ทราบด้วยนะ ตอนนี้ที่เมืองไทยพวกเขาเข้าใจว่าพู่ขอเที่ยวต่อ พรหมรู้ไหมพี่รู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย เหมือนทำตัวโกหกลับๆล่อๆยังไงไม่รู้สิ ใจหนึ่งก็เป็นห่วงน้องมาก พรหมต้องหาน้องให้เจอและพากลับบ้านไม่ว่าจะสภาพไหนก็ตามเข้าใจไหม”
“ครับพี่”

ก้อนแข็งจุกที่ลำคอเมื่อได้ยินคำพูดสุดท้ายจากปลายเสียงครือของพี่สาว ทำไมเขาจะไม่รู้ความหมายนั้น แม้ว่าเขาจะพยายามไม่คิดแต่มันก็แวบในหัวเขาได้ในบางครั้ง เขายอมรับว่ากลัว กลัวที่จะเจอร่างไร้วิญญาณของพู่กัน มากไปกว่านั้นเขากลัวว่าพู่กันจะถูกทำร้ายต่างๆนาๆ ในค่ำคืนทุกคืนเขาไม่เคยหลับได้นานและสนิทเลยแม้แต่วินาทีเดียว

เวลาล่วงเข้าไปครบอาทิตย์แล้วที่เขาตามหาพู่กัน แต่ดูเหมือนว่าไร้ร่องรอย ราวกับว่าพู่กันไม่เคยเหยียบย่างเข้ามาเมืองนี้มาก่อน คงจะมีแต่ภาพหลอนทุกที่ที่เขากับพู่กันไปด้วยกัน เสียงหัวเราะสดใส แววตาหวานยามสานสบ หรือแม้กระทั่งใบหน้าสุกก่ำยามที่ขัดเขินทุกครั้งที่เขาส่งสายตาเจ้าชู้ใส่ ทุกซ๊อตตอกย้ำให้หัวใจเขาแทบแหลกสลายไปกับความหวาดกลัวเมื่อคิดว่าไม่มีพู่กันในโลกนี้อีกต่อไป

เก็จพรหมจับจ้องที่หน้าปัดเวลาดูเหมือนใจเขาแล่นไปอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว ติดที่ยังไม่ถึงเวลานัด ความจริงตอนนี้เหลือเวลาอีกชั่วโมงเศษก่อนเวลานัดหมาย สายตาเข้มวาววับไม่จำเป็นต้องรออีกต่อไปแล้วแค่เพียงวินาทีเดียวเขาก็ไม่อยากจะรอ ขอไปรอที่สถานีตำรวจก็แล้วกันคิดได้ดังนั้นร่างสูงเดินลิ่วออกจากโรงแรมทันที

เป็นวันที่โชคดีสำหรับเขาทันทีที่ไปถึงเจ้าหน้าที่มากันครบพอดี นายหัวหนุ่มถูกเชิญเข้าห้องประชุมทันที และยิ่งแปลกใจเมื่อน้ำเสียงที่เคยเสียดสีศักดิ์ศรีหญิงไทยได้หายไป เหลือแต่น้ำหนักเสียงจริงจังและเห็นใจ ทีมงานได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดที่ได้มาจากชาวบ้านและร้านค้าเอกชนมาเปิดให้ ภาพของพู่กันถูกกระถางดอกไม้ตกใส่ในมุมสูงหลังจากที่ผลักชายร่างสูงใหญ่ ก่อนจะสิ้นสติไปหลังจากนั้นไม่นาน ภาพต่อมาคือหญิงสาวถูกอุ้มเข้าไปในโรงแรมที่ห่างจากที่เกิดเหตุไม่มากนัก ภาพต่อมาคือภาพชายคนเดิมออกจากโรงแรมเดินเข้าร้านขายยาใกล้ๆที่พัก เมื่อกลับเข้าไปโรงแรมเพียงยี่สิบนาทีชายร่างยักษ์ออกจากโรงแรมอีกครั้งพร้อมกับอุ้มร่างของหญิงสาวคนเดิมในชุดเดิมขึ้นรถแล้วขับมุ่งหน้าไปที่ท่าเรือ ภาพสุดท้ายที่ถูกบันทึกไว้คือร่างบางถูกวางบนเรือกอนโดล่า

“คนของเราได้เข้าไปสอบถามร้านขายยาแล้ว ได้ความว่าชายคนดังกล่าวไปซื้อยานอนหลับชนิดฉีดและอุปกรณ์ทำแผล”
“หมายความว่าเธอบาดเจ็บสินะครับ โธ่พู่”
เก็จพรหมอุทานอยู่ในลำคอนึกเป็นห่วงคนรักเสียเหลือเกิน หนึ่งในเจ้าหน้าที่พยักหน้าก่อนยืนยันด้วยการรีเพลย์ภาพดังกล่าวอีกครั้ง

“คงเป็นอย่างที่คุณเข้าใจ”
“แล้วเรือนั่นจะพาเธอไปไหนพวกคุณพอจะรู้ไหม”
“ทุกคลองมีกล้องติดอยู่ แต่นี่หายไปก็แปลว่าต้องมีคลองไหนหรือเส้นทางไหนกล้องอาจจะเสียพอดี”
นายตำรวจคนเดิมออกความเห็น ตำรวจอีกนายยศสูงกว่าทุกคนในทีมเอื้อมมือจับไหล่หนุ่มคนไทยบีบเบาให้กำลังใจและความหวัง

“ไม่ต้องห่วงนะคุณตราบใดที่คุณผู้หญิงไม่ออกจากเมืองนี้ก็ยังถือว่ามีหวังที่จะพบเธออยู่”
“ผมก็ภาวนาขอให้เป็นเช่นนั้น”

เก็จพรหมตอบรับด้วยเสียงแผ่วเบา หลังจากที่มีกำลังใจขึ้นมาบ้างว่าเกิดขึ้นอะไรกับคนรัก คำบอกเล่าของเบรโตก้องอยู่ในหูดูเหมือนว่าไม่ใช่สิ่งธรรมดาเสียแล้ว ถ้าหากนายนั่นพูดถูกก็หมายความว่าพู่กันยังไม่ได้เดินทางไปรัสเซีย เรื่องนี้จุมพิตาเพื่อนสาวของเขาจะรู้ไหมนะ หลังจากตำรวจแจ้งว่าจะรีบติดต่อเขาอีกถ้าได้เบาะแสอะไรมากกว่าเดิม เก็จพรหมเดินออกมาจากสถานีตำรวจ ชายหนุ่มเดินไปจุดที่พู่กันประสบอุบัติเหตุเศษกระเบื้องแตกยังมีให้เห็นสันกรามของเจ้าพ่อรีสอร์ทนูนขึ้นเมื่อเห็นหยดเลือดอยู่เป็นหย่อม ๆ

“คุณตั้งใจช่วยมันแต่กลับถูกแว้งกัดเสียเอง โธ่พู่จ๋าป่านนี้คุณจะอยู่อย่างไรกันนะ พวกมันปฏิบัติต่อคุณดีหรือเปล่าที่รัก รอผมอีกนิดนะผมสัญญาว่าจะหาวิธีช่วยคุณออกมาจากพวกมัน”


*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚


ระหว่างที่เก็จพหรมกำลังแกะรอยตามหาพู่กัน อีกด้านหนึ่งเนลโลนั่งมองภาพสาวสองวัยไม่ห่างกันนักกำลังทำกิจกรรมร่วมกัน แรกนั้นออกทึ่งที่สาวไทยสามารถสื่อสารกับน้องสาวเขาได้อย่างไม่น่าเชื่อ บ่อยครั้งที่ลอบมองเรือนหน้าคมหวานยาวเสวนาภาษามือกับเลญ่าแล้ว ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าสีหน้ากังวลมีมากมาย สายตาที่เหม่อมองออกไปข้างนอกเหมือนคิดอะไรอยู่เงียบ ๆ

“สวยดีนี่ เธอเป็นจิตรกรเหรอ”
เนลโลชะโงกหน้ามองดูผลงานสีน้ำของพู่กันส่วนเจ้าของผลงานเงยหน้าขึ้นมองคนถามไหล่บางไหว

“แน่นอน ใครบอกนายว่าฉันเป็นครูล่ะ”
พู่กันตวัดเสียงตอบ เนลโลสะสายตาหันไปมองผลงานของน้องสาว

“ฉันเพิ่งรู้ว่าเลญ่ามีฝีมือทางนี้”
“เค้าเรียกว่าพรสวรรค์ชัด ๆ นี่ถ้าได้ฝึกมือบ่อย ๆ เธอก็วาดรูปขายได้เลยล่ะ”
พู่กันตอบสีหน้าภูมิใจที่เห็นลูกศิษย์ตัวโข่งเพลิดเพลินอยู่กับการลงสี

“ถึงขนาดนั้นเชียว”
“ว่าแต่นายจับฉันมาทำไม”
จู่ๆ พู่กันถามขึ้นไม่มีปี่มีขลุ่ย ขณะที่สายตายังคงจับจ้องที่เฟรมงาน

“ฉันตอบแทนที่เธอช่วยฉัน”
เนลโลอึ้งกับคำถามไปชั่วขณะ เพราะคาดไม่ถึงว่าจะถูกคำถามจู่โจมแบบไม่ให้ตั้งตัว

“ตอบแทน?”
พู่กันเงยหน้าขึ้นมองคนตอบ ตากลมโตไม่มีความเชื่อถือในแววตาแม้แต่น้อย

“ฉันรู้ว่าเธอไม่มีวันเชื่อ”
เนลโลพยักหน้าหงึก ๆ อ่านสายตาคู่โตออกก่อนจะหันมองดูเลญ่าลงสีอย่างตั้งใจ

“ใครเชื่อก็บ้าแล้ว”
พู่กันงึมงำตอบอยู่ในลำคอ คิ้วบางขมวดก้มมองพู่กันในมือนิ่ง เหมือนกำลังชั่งใจ และเหลือบตาอย่างร้องขอโอกาส
“ขอฉันติดต่อที่บ้านหน่อยได้ไหม?”
“ขอคิดดูก่อน”
เนลโลตอบทันควันโดยไม่มองหน้าติสสาว

“แล้วนายจะกักขังฉันไว้อีกนานเท่าไหร่”
พู่กันตวาดเสียงดัง เพราะเธอรู้ว่ามีเพียงเธอกับเนลโลเท่านั้นที่ได้ยิน หางตาเธอเห็นรอยยิ้มละมุนบนดวงหน้าสวยของเด็กสาว เธอกำลังอินอยู่กับผลงานอยู่นั่นเอง

“จนฉันแน่ใจนะสิ”
เนลโลหันมาจ้องลึกดวงตาคู่สวยและหยุดตรงบาดแผลบนไหล่ซ้าย

“นายต้องการอะไรกันแน่ นายเป็นใคร”
“นึกว่าจะไม่ถามเสียแล้ว”
เนลโลอมยิ้มพูดขึ้นเมื่อได้ยินคำถามจากติสสาว

“ฉันชื่อเนลโล”
เนลโลค้อมตัวแนะนำตัวกับติสสาว

“ไม่ขำโว้ย”
พู่กันว๊ากใส่ สีหน้าเนลโลดหรอหราเพราะพู่กันโต้กลับเป็นภาษาไทย

“ฉันทำงานให้กับคุณอังวาห์ เจ้าพ่อค้าเพชรรวยอันดับต้นๆ ของโลก”
“แล้วไงไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับฉันเลย”
“ภรรยาของนายเป็นคนไทย ชื่อจุมพิตา นายคงอยากเชิญเธอไปเป็นเพื่อนนายหญิงนะสิ”
แววตาเข้มลึกเดาไม่ออกว่าคิดอะไรระหว่างที่พูดถึงภรรยาของเจ้านาย

“ฉันไม่รู้จักนายผู้หญิงของนายมาก่อนยิ่งรวยล้นฟ้า จิตรกรกระจอกๆอย่างฉันก็ยิ่งไม่รู้จักเข้าไปอีก นิยายน้ำเน่าอีกแล้วสิ หรือว่านายจับคนผิด ต้องใช่แน่ ๆ เลย ปล่อยฉันกลับบ้านเถอะนะ ป่านนี้พ่อแม่เพื่อนของฉันที่เมืองไทยคงเป็นห่วงกันแย่แล้วล่ะ”
ระหว่างที่พูด ความรู้สึกของพู่กันคือหดหู่จนอยากร้องไห้ ปลายเสียงครือจนเนลโลละสายตาจากหน้าต่างกลับมา น้ำเสียงที่พูดนั้นราบเรียบก็จริงแต่แววตาที่นั้นอ่อนแสงลง

“ยังมีอะไรอีกมากที่เธอไม่รู้แม่จิตรกร”
“นี่ฉันก็มีชื่อนะ เรียกฉันว่าพู่กันก็ได้”
“หึหึหึ ขอบใจที่บอก”
น้ำเสียงล้อเลียนทำให้ติสสาวเผลอปาค้อนให้อย่างไม่รู้ตัว

“งั้นนายเล่าเรื่องที่ฉันไม่รู้จะได้ไหม”
“ยังไม่ถึงเวลา”
“โธ่โว้ย นั่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ดี อกฉันจะแตกตายเพราะความอยากรู้นี่แหละ”
พู่กันหมดความอดทนปาพู่กันใส่เนลโล ปลายพู่กันปาดลงบนหน้าหล่อโดยที่ชายหนุ่มไม่รู้ตัว สีน้ำที่เพิ่งจุ่มนั้นลาดเป็นทางยาว ดูเป็นศิลปะบนผิวกาย เพราะประมาททำให้เนลโลไม่คิดป้องกันตัวเองทั้งๆที่เป็นเรื่องง่ายมากกับการปัดอาวุธที่พุ่งเข้าหาตัวเขา ทั้งคู่จ้องหน้ากันโดยเฉพาะสาวไทยสายตานั้นเอาเรื่องทีเดียว เธอจ้องหน้ามัจจุราชหนุ่มนิ่งรอดูท่าทีตอบโต้ของเนลโลทว่าไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆจากร่างสูง ขณะที่สบตาไม่ยอมกันอยู่นั้นเจ้าความคิดแผลงๆผุดขึ้นในสมองของติสสาว ขณะเดียวกันเลญ่าลงสีเสร็จพอดีจึงหันมองสองหนุ่มสาวเหมือนอวดผลงานของตนเอง ตาสวยเบิกกว้างพลางปล่อยเสียงหัวเราะกิ๊กใสเมื่อเห็นสีสรรใบหน้าพี่ชายของเธอ

“อะไร?”
เลญ่าปุ้ยปากไปที่กระจกแทนคำพูด เนลโลหันตามจึงเห็นซีกหน้าที่ปื้นไปด้วยสี สีหน้าถมึงทึงเมื่อหันขวับมาดูหน้าติสสาว มือหนายกขึ้นโดยอัตโนมัติหมาย แววตากลมโตวาวสดใสพลันเปลี่ยนเป็นตกใจแต่ไม่คิดหลบหนี

“หยุดความคิดคุณซะเนลโล”
เสียงประกาศก้องทำเอามือที่ยกหมายฟาดบนแก้มสวยนั้นค้าง แววตาเข้มสบเข้ากับตาคู่สวยเกิดความลังเล เพราะทุกครั้งที่เขาลงมือมีแต่เสียงกรี๊ดกร๊าดน่ารำคาญ

“ที่ผ่านมาคุณทำกับฉันมากกว่าสีบนหน้าคุณ แค่อับอายไม่ได้รู้สึกเหมือนฉันในเวลานี้ ฉันถูกพรากจากคนที่รักฉัน คิดดูสิว่าป่านนี้ทุกคนอยู่ในสภาพไหน คิดยังไง โศกเศร้าแค่ไหน แต่ถ้าคิดว่าทำแล้วความโกรธมันหายก็ทำสิน้องสาวคุณจะได้รู้ว่าธาตุแท้ของคุณเป็นอย่างไร”

พู่กันยกมือชี้หน้าเนลโล คำพูดของหญิงสาวเตือนสติของมัจจุราชหนุ่ม เขาลืมไปว่ายังมีเลญ่าอยู่ร่วมห้องในเวลานี้ด้วย ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ดีถ้าน้องสาวเขาเห็นสิ่งเลวร้ายเหล่านี้ ตาสีเหล็กเหลือบมองดูหน้าเลญ่าลดมือค้างเปลี่ยนไปลูบท้ายทอยไปมา เลญ่าที่มองอยู่ก่อนแล้วปล่อยเสียงหัวเราะใส เข้าใจว่าพี่ชายแสดงอาการขัดเขิน ไม่บ่อยครั้งนักที่จะเห็นสีหน้าแววตาแบบนี้เพราะพี่ชายของเธอมักเคร่งขรึมมากกว่า ร่างโปร่งบางของสาวน้อยผวาเข้ากอดร่างบางระหงของพู่กันอย่างชื่นใจภาพนี้ทำเอาเนลโลอุ่นวาบในทรวงอก เป็นภาพของคนที่แสดงความไว้วางใจและสนิทสนมกันมากมายทั้งๆที่เหยื่อคนล่าสุดของอังวาห์เพิ่งเข้ามาอยู่ในชายคาเพียงสามวันเท่านั้น


*.:。✿* D *.:。✿*゚¨゚✎ * *.:。✿* D *.:。✿*゚




Create Date : 02 เมษายน 2555
Last Update : 2 เมษายน 2555 11:09:30 น.
Counter : 1785 Pageviews.

10 comments
  
เนลโลช่วยพูกันใช่ไหมเนี่ยยยย

อังวราใจร้ายมากๆอ่ะ
โดย: sai IP: 58.137.154.162 วันที่: 2 เมษายน 2555 เวลา:16:11:41 น.
  
ใกล้ความจริงแล้วเนอะ นายหัวเก็จพรหมใจเย็นๆอย่าเพิ่งถอดใจเสียก่อนล่ะจ๊ะ
โดย: Rainy IP: 171.5.9.120 วันที่: 2 เมษายน 2555 เวลา:21:06:43 น.
  
นั่นสิคะคุณ SAI อังวาห์เค้าโกรธเคืองแต่ลงโทษผิดคนนะนั่น

โดย: gymstek วันที่: 4 เมษายน 2555 เวลา:20:49:41 น.
  
^__^ ' คนเขียนก็เริ่มถอดใจแล้วคะหนูฝน อิอิ เพราะงานรัดตัวจัง
โดย: gymstek วันที่: 4 เมษายน 2555 เวลา:20:50:45 น.
  
ไล่นายไปต่างประเทศเร็วๆ เลย
555
อยากอ่านต่อ
โดย: แม่อาเดียว IP: 111.84.144.120 วันที่: 5 เมษายน 2555 เวลา:6:56:41 น.
  
อย่าเพิ่งถอดใจนะคะ แม่หนูยิม เรื่องกำลังสนุกเชียว ค่ะ เห็นด้วยกับคุณแม่อาเดียวค่ะ ว่ารีบๆไล่เจ้านายไปซะไวไว แล้วพอกลับบ้านที่เหนือก็อย่ามัวนับญาติอยู่ล่ะ ขอเวลานอกมาเขียนต่อเร็วๆ แฟนคลับรอจ้ะ อิอิ
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 5 เมษายน 2555 เวลา:9:03:42 น.
  
ยิ่งอ่านยิ่งเข้มข้น
เรื่องนี้ต้องได้รวมเล่มอีกเรื่องหนึ่ง
แน่นอนค่ะ

ฟันธง!
โดย: โสดในซอย วันที่: 6 เมษายน 2555 เวลา:13:29:32 น.
  
พู่กันนี่...ได้ใจจริงๆๆ

สงสารหลายคนจัง

แต่เกลียดอังวา เข้าไส้เลยค่ะ
โดย: DiFfeRent of LoVe วันที่: 7 เมษายน 2555 เวลา:14:01:03 น.
  
อ่านมาทั้งสามเรื่อง เรื่องนี้น่ารักจังคะ พู่กันเป็นพิมพ์นิยมสาวติสจริง ๆ เดาไม่ถูกว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน เห็นจะคล้อยตามคุณโสดในซอยแล้วคะว่าน่าจะได้รวมเล่ม ขอจองล่วงหน้านะคะ
โดย: ilovenovel IP: 223.207.133.185 วันที่: 12 เมษายน 2555 เวลา:7:43:39 น.
  
อ่านแล้วมีความสุขปนความกังวลนิดๆ ค่ะ
โดย: เอิงเอย IP: 101.109.14.99 วันที่: 26 เมษายน 2555 เวลา:11:08:13 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

gymstek
Location :
ภูเก็ต  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



>