A ........ Z
Group Blog
 
All blogs
 
คนเล็ก งานอดิเรกใหญ่:รามานุจัน

ในบทความชื่อ. Fly towards your Dream ..

แม้จะเป็นบทความเก่าของท่าน XANAX71 ที่สะบัดคีย์บอร์ด
เป็นเรื่องราวทิ้งไว้ ตั้งแต่วันที่ ๑๑ เดือน ๑๑ ในปีนี้ ว่ากันด้วยเรื่องของ
ความฝัน .............ความจริง......................และการกระทำ
โดยเฉพาะประโยคที่กระแอ้มแหนบตัวเองว่า "ดิฉันก็จะตอบว่าความฝันของดิฉันเป็
นสิ่งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานที่ทำอยู่ในขณะนี้เลย "
มันกลับกลายเป็นเสียงกระแอ้มแหนบ ที่ผมมักได้ยินจากใครหลายๆคน ที่มีความฝัน
และดำรงสถานะความฝันอย่างยั่งยืน กล่าวคือ ไม่มีทางเป็นจริงได้ในปัจจุบัน
ไม่ใช่เพราะว่า ไม่อยากทำ แต่ความเสี่ยงของการลงมือกระทำกับผลรับที่ได้ในฐานะ
เครื่องสร้างประกันในชีวิต ไม่ได้สอดคล้องต้องกัน
ท่ามกลางโครงสร้างของสังคมที่กำหนดตัวเลือกเพียงไม่กี่อย่าง ให้เราได้เลือก
ประคองต่อความน่าจะเป็น และอยู่รอดในสังคมที่ดูเหมือนว่าจะไม่จำกัดบทบาท

เกริ่นแบบเครียดๆ กับประโยคที่หลอกหลอนความคิดของผมตลอดทั้งอาทิตย์
ก่อนนอนก็นึก นั่งชักโครกก็ยังคิด ยิ่งนั่งสมาธิวิปัสสนามารประโยคก็ยังตามให้จิต
นั่นกระสับกระส่าย
จึงเห็นทีว่าต้องมากรณีมาหักล้างความกระสับกระส่ายนี้ ด้วยประสบการณ์คนใครบาง
คนที่แม้จะเป็นส่วนน้อยเอาม๊ากมาก แต่ยังพอให้มนุษย์เราเห็นช่องทางได้ว่า
แม้จะเป็นคนเล็ก ก็สามารถทำงานอดิเรกที่ยิ่งใหญ่ได้ ไปขุดๆคุ้ยๆมาได้สิบอุทาหรณ์
จะค่อยๆทยอย มานำเสนอ ช่วงเวลาที่นึกเรื่องไม่ออก ว่าจะมาเขียนอะไรในบล็อกดี

พี่น้องรู้จัก "รามานุจัน" ไหม?
รามานุจันนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ "รามเกียรติ์" ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ "รามายณะ"
และไม่ได้เป็นญาติ "หนุมาน" ด้วย
และที่สำคัญ ไม่ได้เป็นพ่อค้าที่ สำเพ็ง อีกด้วย..................................

แต่ถ้าถามวงการนักคณิตศาสตร์ชั้นเลิศ แล้วมีใครมาเกาหัวหยิกๆอย่างสงสัย
นั่นก็แสดงว่า มิใช่นักคณิตศาสตร์ชั้นเลิศที่แท้จริง
เอ้า! ดูเหมือนผมจะเฉลยไปแล้วว่า เขาคนนี้ คือ นักคณิตศาสตร์อัจฉริยะที่ไม่ได้จบ
แม้แต่ปริญญา แต่ได้รับการนับหน้าถือตา เป็นราชบัณฑิตของมหาวิทยาลัยแคมบริดจ์
และที่สำคัญ เขาคือหนึ่งความภาคภูมิใจของชาวเอเชียทั่วทวีป
ชิวิตเริ่มต้นของเขาก็ดุ่มๆดอมๆ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ หรือจะให้ดูลำบากกว่านั่น
ก็ ราดยางมะตอยที่ล็อกสเป็กแบบนักการเมืองบ้านเรา

ศรีนิวาสะ รามานุจัน

ถึงแม้เขาจะเกิดในวรรณะพราหมณ์ ก็มีเพียงวรรณะเท่านั้น ที่บ่งบอกระดับทางชนชั้น
แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขาก็เป็นคนยากจนในเชิงระดับรายได้และการครองชีพแบบ
สังคมอินเดีย
แต่สิ่งหนึ่งที่เขามีได้ (และผมก็คิดว่า "ท่าน" ผุ้อ่านก็คงมีกันอย่างสองอย่าง อย่างน้อย
ก็การมั่นคงในการอับบล็อกส่วนตัว) อันเกิดจากพรสววรค์ที่มาจากความสนใจ
มาตั้งแต่เล็ก คือ คณิตศาสตร์
อย่างน้อยๆ วิชาเลข ไม่มีเพื่อนคนไหนปฏิเสธที่จะเปลี่ยนสถานะ"เพื่อนร่วมชั้น" ให้มาเป็น
"ครูส่วนตัว"
อย่างน้อยๆ ตอนเด็ก เขาก็สามารถท่องค่าสแควร์รูท ๒ และค่าของพายที่มีทศนิยม ๕๐หลัก
ได้อย่างประทับใจทั้งชั้นเรียน

จนกระทั่งหนังสือที่ชื่อ Synopsis of Elementary Result in Pure and Applied Mathematics
ของ จี เอส คาร์ ที่ปรากฎในเรื่องที่ห้องเรียนยังไม่ได้สอน อย่าง พีชคณิต
ตรีโกณมิติ และเรขาคณิต ๖๐๐๐ สูตร ก็ยิ่งทำให้เขาหลงใหลและดื่มด่ำไปกับมัน
(ขณะทีพวกเด็กศิลป์อย่างผม สู้มามีดมาแทงให้ตายเสียยังดีกว่า)
สุดท้ายกลายเป็นร้ายมากกว่าดี เพราะเขาฝักใฝ่แต่เรื่องคณิตศาสตร์เสียจนโงกหัวไม่ขึ้น
ตราบที่ห้องเรียนเขาไม่ได้วัดเพียง วิชาใดวิชาหนึ่งเป็นสำคัญ
รามานุจันจึงได้ดีอยู่วิชาเดียว ขณะที่วิชาอื่นๆ เขาสอบตกเกือบทั้งหมด
ทุนการศึกษาก็ถูกตัดทิ้ง สอบตกในมหาลัยตั้งแต่ปีแรก
แม้ผู้ใหญ่ท่านจะให้โอกาสอีกสองครั้ง เขาก็ไม่ได้ทำให้มันดีขึ้น

เมื่อไม่มีปริญญา การหางานก็ยากนัก (อย่างว่าแต่เขาเลย ปริญญาจบใหม่ปีนี้ก็ท่า
จะแยก เพราะรมต.คลังเตรียมอัดฉีดแสนล้านรองรับการว่างงานแล้ว)
ต้องขออาหารจากเพื่อนๆและญาติๆไปวันๆ
บางคนอาจสะกิดเขาว่า "เก่งเลขเหรอ?สอนพิเศษเด็กสิ!"
อันนี้อยากบอกว่า เขาลองพยายามทำมันแล้ว แต่ด้วยความอัจฉริยะ เขาจึงมักสอน
ในระดับที่เด็กตามความคิดเขาไม่ทัน แล้วก็ไม่มีพ่อแม่คนไหนว่าจ้างเขาอีก......




จนกระทั่งเขาได้เป็นเสมียนที่ Madras Port Trust งานที่เงินไม่มากนัก
แต่แน่ละเวลาว่างส่วนใหญ่ คือ การที่เขาวิ่งหากระดาษลังแถวนั้น แล้วเอาดินสอมารีบ
เขียนสูตรและสมการต่างๆ เพราะความจน จึงทำให้เขาไม่สามารถซื้อกระดาษดีๆมา
เขียนรวบรวมสูตรเฉพาะของเขาได้ (ฟังแล้วรู้สึกตัวเองดีขึ้นรึยัง?)
จนแล้วจนรอด ก็ต้องมีคนเห็นถึงพรสวรรค์เชิงความสามารถที่ไม่ย่อท้อของเขาบ้างละหน๊า
จึงมีคนแนะนำให้เขาเขียนจดหมายไปหานักคณิตศาสตร์ที่มหาลัยเคมบริดจ์ เพราะมีแต่
อาจารย์มหาลัยระดับโลกเท่านั้นที่จะสามารถถอดสูตรคณิตศาสตร์ว่าถูกต้องตามจริงรึไม่?
แต่ชีวิตก็ไม่ได้ง่ายดายตามนั่น นักคณิตศาสตร์สองแรกปฏิเสธงานของเขา
โดยส่งจดหมายคืน โดยไม่มีข้อคิดเห็นใดใดตามมา

จะมีก็เพียงคนเดียวที่ตอบจดหมายเขา คนนั่นก็คือ ก๊อดฟรีด์ ฮาร์ดี้ วัย ๓๖ ปี
ซึ่งฮาร์ดี้คนนี้ ถือ เป็นนักคณิตศาสตร์เด็กแนว ที่เปิดรับความคิดเห็นใหม่ๆอยู่เสมอ
แม้ทีแรกเขาได้รับจดหมาย เขาเองก็นึกว่าเป็นพวกจิตป่วนเพราะสุตรที่รามานุจันคิด
ไม่เป็นระบบ (ส่วนหนึ่งคงด้วยการเรียนรู้โดยตัวเองของรามานุจันที่ไม่ผ่านระบบ
มหาวิทยาลัย)
สูตรผลงานที่รามานุจันส่งมาจึงเกินกว่าฮาร์ดี้ที่จะวินิจฉัยได้ เขาจึงต้องขอเชิญศาสตรจารย์
อีกคน คือ จอห์น อี ลิตเติ้ลวู้ด แห่งวิทยาลัยทรินิตี้ ผู้ซึ่งเชี่ยวชาญในเรื่อง
calculus และ number theoty มาวิเคราะห์ร่วม
ผลสรุป จึงบ่งบอกว่านี้คือสูตรของปราชญ์ทางคณิตศาสตร์ และจะเป็นสิ่งเปลี่ยนแปลง
ทางวงการการศึกษาคณิตศาสตร์โลก
จนสู่การอันเชิญให้รามานุจัน เสมียนเล็กในท่าเรือมาสู่มหาวิทยาระดับชื่อเสียงโด่งดังทั่วโลก
อย่างเคมบริดจ์พร้อมเงินค่าเดินทางให้ ตลอดค่ากินอยู่ทั้งปีให้

ทุกวันนี้สูตรสมการของเขา ถูกใช้ในการแก้ปัญหาการเปลี่ยนสถานะของสสาร
และฟิสิกส์ใน๑๐มิติตามทฤษฎี string ของ ต่างก็พึ่งพาแนวคิดของสิ่งที่รามานุจันได้คิดเอาไว้
ทุกวันนี้อีกกว่า ๔๐๐๐ สูตร ที่ยังไม่ได้นำมาประยุกต์ใช้ในวันข้างหน้า และอัตชีวประวัติ
ของเขาถูกมาสร้างเป็นซีรียส์ทางช่องบีบีซี ในชื่อ Letters from an indian Clerk)
โดยผู้สร้างคริสโตเฟอร์ ไซด์
และเป็นส่วนหนึ่งของแรงบันดาลใจ ในการเขียนบทเรื่อง Good Will Hanting
โดยแมท เดมอนและเบน แอ๊ฟแฟค จนได้บทภาพยอดเยี่ยมในรางวัลออสก้าร์

ดังนั้นอาชีพก็มิได้เป็นเพียงพิสูจน์คุณค่าที่แท้จริงของมนุษย์ทุกคน
อาจเป็นแต่เพียงข้อบังคับกลายๆ ในการรักษาสภาพการดำรงชีวิตด้วยข้อจำกัด
ทางโอกาส กาละและเวลาในแต่ละช่วง
ผมจึงใครหลายคนที่เปลี่ยนงานแล้วไปได้ดีกับงานนั้น
อีกทางไปแล้วแย่ลง จนต้งบ่นว่าอยากกลับมาทำงานที่เก่าก็ไม่น้อย
ผิดกับงานอดิเรก ที่ไม่สร้างมูลค่าแต่กลับสร้างความสุข ความรื่นรมย์และรอยยิ้มเล็กๆ
ที่มุมปาก (และตีนกาน้อยๆที่ริมขอบตา)
เราไม่รู้หรอกว่า สิ่งเล็กๆที่เราทำจะเปลี่ยนแปลงหรือกระทบต่อความเป็นไปของสังคม
ข้างหน้ามากน้อยเพียงใด

............รู้เพียงแต่ว่า ทำแล้วสุขใจ แคนี้ก็เพียงพอแล้วกระมัง................



หาอ่านฉบับเต็มได้จากหนังสือแปล the man who knew infinity by Robert Kanigel
ชื่อแปลฉบับภาษาไทย "รามานุจัน อัจฉริยะไม่รู้จบ"



Create Date : 16 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2551 21:11:59 น. 3 comments
Counter : 1827 Pageviews.

 
เก่งจัง "รามจัน"
อินเดียนับเป็นประเทศที่พัฒนาได้รวดเร็วมากกก
ในความคิดของเรานะคะ
เค้าพัฒนาบุคลากรดีจริงๆ น่าชื่นชมค่ะ

สวัสดีค่ะ แวะมาทักทาย


โดย: Em-emiley วันที่: 17 พฤศจิกายน 2551 เวลา:6:29:56 น.  

 
ประโยคในเครื่องหมายคำพูด โดนมากๆ

แต่พอเปลี่ยนงานแล้ว สิ่งที่ทำก็เป็นส่วนหนึ่งของความฝันอยู่เหมือนกัน


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 18 พฤศจิกายน 2551 เวลา:15:07:27 น.  

 
ทานข้าวเย็นแล้วยังจ๊ะ


โดย: จันทร์ไพลิน (Em-emiley ) วันที่: 18 พฤศจิกายน 2551 เวลา:18:59:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mr.Chanpanakrit
Location :
สงขลา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




Friends' blogs
[Add Mr.Chanpanakrit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.