A ........ Z
Group Blog
 
All blogs
 
"วิกฤต" สร้างขึ้นจากคนไม่เห็นโอกาส



เคยเจอเรื่องของวิกฤตซ้อนวิกฤตไหมครับ?

วิกฤตอันเกิดจากเรื่องของวิกฤตจากการทับซ้อนของกับอีกวิกฤตหนึ่ง
จนกลายเป็นการครอบงำของผลพ่วงปัญหาอันเกิดจากวิกฤต ทำให้ชีวิตที่กำลัง
วิกฤต กลับมาวิกฤตจากนอกปัญหาของวิกฤต.....................

อ่านเท่านี้ หลายคนคงน่าจะฟันธงว่า "ผู้เขียนกำลังถูกกระทบวิกฤตให้จิตวิปริตไปแล้ว"
อันนี้ก็เป็นปัญหาอีกส่วนหนึ่ง ที่หลายคนคงประสบแม้ไม่ทางตรงก็อาจจะทางอ้อม
วิกฤตเศรษฐกิจที่แพร่ล่าม เสียจนประธานาธิบดีของสหรัฐไม่กล้าจะเสนอหน้า ในที่ประชุม
เศรษฐกิจที่เมืองดาวอส เพราะคงรู้ตัวดีว่า เป็นโจทย์ที่หลายๆประเทศเตรียมรุมชี้หน้าด่า
อันผลมาจากประเทศต้นตอทางวิกฤตเศรษฐกิจ
เผลอๆ งานนี้ อาจมีการริบรองเท้าของผู้ร่วมเข้าชุมนุม จากค่านิยมอันระบาดที่เขวี้ยงใส่
ผู้นำประเทศ แสดงออกถึงการไม่ชอบขี้หน้า จนทำให้รองเท้ายี่ห้อนั้นขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

ปกติทุกเช้าของวันเสาร์ ถ้าไม่ติดการ์ตูน อันเป็นนิสัยดีที่เหลืออยู่ จากพัฒนาการในวัยเด็ก
ถ้าให้ตื่นมาโรงเรียน อันนี้อาจมีทดเวลานอนเจ็บอีกสักห้าถึงสิบนาที
แต่ถ้าเช้าของวันเสาร์-อาทิตย์ด้วยแล้ว อันนี้ เต็มใจให้ก้นกระดกลุกออกจากเตียง
ล้างหน้า แปรงฟัน เป็นสุขอนามัยที่จำเป็น แต่อาจจะไม่ใช่เรือ่งใหญ่เรื่องโต
ขอได้มากดทีวีตอนเช้า เปิดช่อง ๙ แล้วจองเวลาแช่ยาวไปจนเที่ยง
จากนั้นระบบสุขอนามัย จึงค่อยเป็นเรื่องที่ตามมา.....................
แต่บัดนี้ หาใช่เช่นนั้นอีกแล้ว..............ผมหันมาสนใจสิ่งบันเทิงทาง "วิทยุ" แทน
ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะผมรู้สึก ใช้สายตามากเกินไปในการอ่านหนังสือ ชมภาพยนตร์
ส่วนหนึ่งรายการวิทยุสมัยนี้ มีเรื่องที่น่าสนใจกว่าแต่ก่อนเยอะ
ไม่ใช่ เอะอะก็จะเปิดเพลง ขายโฆษณา เหมือนอย่างแต่ก่อน.........
เพราะเดี๋ยวนี้ มีรายการที่เปิดรูปแบบสนทนาที่หลากหลาย ตั้งแต่คุยสัพเพเหระ
ไปจนถึงเรื่องเคร่งเครียดทางการบ้านการเมือง บางคลื่นลงลึกไปถึง "กลางมุ้ง" ก็ยังมี.....

แต่ที่รู้สึกแย่! ตรงที่ ประเด็นในรอบสัปดาห์ ทุกคลื่นที่นำเสนอรายการแบบ "ทอล์กวิว"
ต่างเล่นประเด็นเรื่องวิกฤตเศรษฐกิจ ตัวอย่างเช่น บรรษัทยักษ์เจ้าโน่นปลดพนักงานหมื่นตำแหน่ง
ฟังแล้วไม่สบายใจ ตามประสาหัวอกมนุษย์เงินเดือน ก็เลยหมุนไปหาอีกคลื่นนึง
ก็ยังไม่พ้นที่จะคงเจอข่าวประเภทเดียวกัน แต่อาจหนักกว่าหน่อย เพราะพี่แกเล่นเกทับว่า
บรรษัทยักษ์นี้ จริงๆแล้ว ปลดพนักงานไปหมื่นกับอีกหนึ่งพันตำแหน่งต่างหาก!!!!!!!..................
นอกจากนี้ ก็ยังจะมีข่าว ฝรั่งไม่หันมารักษาโรงพยาบาลไทย ลดค่าโอที ประท้วงโบนัส
ฟ้องร้องสินไหมทดแทนจากการเลิกจ้าง ฯลฯ
กลายเป็นว่า บางทีการที่เราเคยรังเกียจ การใช้วิทยุแบบคนสมัยเพื่อ "เล่นเพลง ขายโฆษณา"
อาจเป็นอะไรที่ดี ในท่ามกลาง "ข่าวร้าย" ที่กลับเป็นข่าวที่ "ขายดี" ในตลาดของผู้เสพ.....

แต่แล้วกลับมีรายการหนึ่ง ที่จุดไฟในความท้อแท้ให้ลุกโชกในการออกไปสู้กับวิกฤต
แม้อาจจะไม่ปลุกเร้าชนิดให้ออกรับจับศึกให้ได้เอกราชไทยกลับคืน
แต่การหยิบคำคมบางท่อน อุธาหรณ์ชีวิตบางคน
กลับปลุกเร้าให้เรามองเห็นทางออกของวิกฤต............อย่างที่ผู้จัดพูดเกริ่นขึ้นว่า

""ทุกครั้งที่เจอวิกฤต เขาจะมองมันถึงโอกาส เพราะเขาเชื่อว่า คนส่วนใหญ่
ได้ยอมแพ้ต่อวิกฤตนี้ด้วยความกลัว แต่เขารู้สึกถึงชัยชนะ เพียงเพราะเขาไม่มี
ความกลัว"

เเค่ต้นมาก็เท่ห์แล้ว............แต่ประทานโทษ ผู้จัดรายการคนนี้ไม่ได้คิดเองหรอก
แต่ไปหยิบเอาคำพูดบางตอน ที่ผู้ปลุกปั้นแบบโออิชิจนผงาดในวงการอาหารและชาเขียว
ชนิดที่ว่า ตั้งใจซื้อเพื่อลุ้นฝามากกว่าสารอาหารที่ได้จากชาเขียว
คำพูดอย่างอหังการของ "ตัน ภาสกรณที" ที่เคยเขียนไว้ในหนังสือ "ชีวิตนี้ไม่มีตัน"
ใครจะเคยคิดว่า อาหารปุพเฟห์แบบญี่ปุ่นที่ตกราคาหัวละ ๔๙๙ บาท
กิจการที่เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งปี ๔๐ ที่หลายคน ตกหมอนนอนเสื่อ
กินข้าวตคลุกเกลือ จะมีใครหาญกล้าที่จะคิด
แต่ชายคนนี้ "ไม่" เพียงแต่คิด กลับลงมือ "ทำ" ทั้งๆที่การศึกษาในโรงเรียนก็ไม่จบมหาลัยใดใด
ซ้ำยังมีหนี้จากอสังหริมทรัพย์ที่ชลบุรีอีกหลายร้อยล้าน
แต่ประสบการณ์ในมหาลัยชีวิตนี้แน่นปึก อีกทั้งมีสายตาในมุมมองที่เห็นวิกฤตที่ใหญ่กว้าง
ยังมีจุดโอกาสเล็กๆ นั่นซ่อนอยู่..................................
อีกคนที่กล้าเล่นกับโอกาส และจบมหาลัยดว้ย ที่ชื่อ เสถียร เศรษฐสิทธิ์ หรือ หมอคง
ถ้าใครเป็นนักดื่ม คงไม่ปฏิเสธว่าไม่รู้จัก "โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง"
ธุรกิจที่พรุดขึ้นท่ามกลางวิกฤตหลังต้มยำกุ้งอีกราย ชายที่คิดทำอะไรมากกว่า "ลานเบียร์"
ท่ามกลางที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจที่ชี้นำให้ "สะสมเงินออม ชะลอการลงทุน"
ว่าแล้ว โรงเบียร์ที่มีความจุขนาด ๓,๐๐๐ กว่าที่นั่ง มีชั้นหมักเบียร์ขนาดใหญ่เป็นของตัวเอง
หลายคนได้ฟังตอนนั้น คงหาว่า เจ้าหมอนี้มัน "บ้า"
แต่ปัจจุบัน เขากำลังจะขยายธุรกิจโรงเบียร์ยังในประเทศสิงคโปร์และชานเมือง ขนาดที่ในตัวเมืองมีสาขาถึง ๓ แห่ง
เวลาที่คนอื่น "แย่ๆ" พี่คนนี้กลับ "ขยาย" ธุรกิจ
ในเวลาที่ทั่วโลกกำลังประสบปัญหาการลงทุนจากต่างประเทศจากพิษปัญหาเศรษฐกิจโลก
เพียงเพราะเขาเชื่อว่า เขาเห็นอะไรบางอย่างที่สามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้



เรื่องบางเรื่อง เราสามารถผ่านพ้นวิกฤตได้ จาก "การเห็นอกเห็นใจ"
มีนักธุรกิจท่านหนึ่ง มีปัญหาในเรื่องของสภาพคล่องทางการเงิน
เนื่องจากไม่มีบุคคลที่คอยช่วยค้ำประกันเครดิต บังเอิญว่า เขาไปได้สัมปทานรัฐ
รายการหนึ่งที่ยื่นประมูล จำเป็นต้องมีธนาคารเซ็นเพื่อค้ำประกัน
แต่ปรากฎว่า ไม่มีที่ไหนกล้าจะที่จรดปากกา แต่นิสัยทีดีอย่างหนึ่งของเขา
คือ ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ เขาเคยเป็นเจ้าหนี้มาก่อน มีลูกหนี้หลายคนที่เขา
สามารถฟ้องร้องได้ เพียงแต่ว่า เขาไม่ทำ เพราะเขาเชื่อว่าเป็นการซ้ำเติมในฐานะ
มนุษย์ด้วยกันมากเกินไป แล้วอยู่มาวันหนึ่ง เขาก็ได้รับการติดต่อจากคนที่ชื่อ
"สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง" ชายที่เคยเป็นลูกหนี้ของเขามาก่อน โดยยินยอมที่จะ
เซ็นค้ำประกันในเอกสารให้ สวัสดิ์ได้บอกกับเขาว่า
"มีเขาเพียงคนเดียวในเจ้าหนี้ ที่ไม่ฟ้องร้องเขาท่ามกลางเจ้าหนี้อื่นๆที่ประทังกันเข้ามา"

บางเรื่องเป็นเหตุการณ์ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้
เป็นไปได้พอที่จะทำให้คนบางคนพลิกจาก "จุดตกต่ำ" ไปสู่ "ความเชื่อมั่น"
เพียงเพราะ การเล่น "อำ"
เหมือนกับการให้คนไข้ทาน "เม็ดวิตามินซี" แล้วบอกว่าเป็น "ยามหาสรรพคุณ"
เพียงเท่านี้ อาการที่เจ็บป่วยออดๆแอดๆ ก็หายเป็นปลิดทิ้ง
เรื่องมีอยู่ว่า เพื่อนกลุ่มหนึ่งเห็นว่าเพื่อนของพวกเราคนหนึ่งไปทำธุรกิจ
แต่ประสบปัญหาเพียงอย่างเดียว ตรงที่มัน "เจ๊ง"
"เจ๊ง" พอที่ทำให้ เพื่อนคนนี้เตรียมชิงหนีหนี้ กลายเป็นคน "เครียด" จัด
ด้วยความคิดพิเรนสนุกๆ จึงนัดทานข้าว แต่มีการเตี๊ยมกับเพื่อนของเพื่อนคนหนึ่ง
ให้สวมบท "หมอดู" บอกมันว่า "อีกหกเดือน ธุรกิจคุณจะฟื้นแน่"
แต่ไม่รู้ว่าจัดเตรียมบทอีกท่าไหน เวลาเล่นจริง ดันไปบอกว่า "ไม่เกินสามเดือน รุ่งแน่!(คอนเฟิร์ม)"
เพียงเท่านั้น นายคนนี้ก็มีกำลังใจดีขึ้น ยิ่งได้คำยุ (แก้มเตี๊ยม) จากเพื่อนในกลุ่มที่ว่า
"ตาหมอคนนี้แม่นจริง" ว่าแล้ว ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา เพื่อนคนนั้นไปได้สิทธิ์ในการจัดบูธในงาน
"มอเตอร์โชว์" ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามตั้งแต่ครั้งแรกที่จัด
เพื่อนคนนั้นมีชื่อว่า "ปราจีน เอียมลำเนา" เจ้าพ่อบูธอีเวนท์มอเตอร์โชว์ในปัจจุบัน..........

วิกฤตไม่น้อยจึงมักเกิดขึ้น จากวิกฤตที่เราสร้างขึ้นในจิตใจของตัวเราเอง
มีเศรษฐีบางคนจากที่เคยมีสินทรัพย์นับพันล้านแต่ปัจจุบันลดมาเหลือร้อยล้านก็เป็น "ทุกข์"
แต่พอมีโอกาสมาได้คุยกับเพื่อนเศรษฐีด้วยกัน เมื่ออีกฝ่ายบอกว่า ปัจจุบันตัวเองมีหนี้กว่า
ร้อยล้าน ก็สามารถความรุ้สึก "สุข" ขึ้นภายในกลายๆ เพียงเพราะอย่างน้อยเขาก็ยังมี
ทรัพย์กว่าร้อยล้านนอนกอดให้อุ่นใจ
เรื่องบางเรื่อง เพียงแค่เรารู้สึกว่า "มีคนที่แย่กว่า" ก็ทำให้เรารู้สึกดีขึ้น
โดยที่เราไม่ต้องไปขวนขวายสิ่งใดให้เพิ่มเติม ขอเพียงสังเกตผู้คนรอบข้างให้มากขึ้นอย่างใส่ใจ

อย่างที่มีคำคมเคยบอกว่า

"ผุ้ชนะเห็นทุกโอกาสในยามที่มีปัญหา แต่ผู้เเพ้เห็นปัญหาทุกครั้งที่มีโอกาส"



ย่อยมาจากรายการวิทยุทางคลื่นความคิด fm96.5 ใน "คุยเล่นเป็นข่าว" ดำเนินรายการ โดย
หนุ่มเมืองจันท์ และสายสวรรค ขยันยิ่ง





Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2552 23:06:27 น. 4 comments
Counter : 1790 Pageviews.

 
อ่านแล้วรู้สึกว่า..ท่าทางเราจะเหมาะเป็นผู้แพ้มากกว่าหละมั้งนี่ เหอๆ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:21:53:47 น.  

 
สวัสดีอีกรอบค่ะ

ง่า..เล่าสนุกเหรอคะ? แหะๆ ขอบคุณสำหรับคำชมนะคะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:9:10:11 น.  

 
มาเยี่ยมค่ะ
ยินดีด้วยที่ทลายกองดองไปได้แล้ว
แต่อย่าลืมนะคะว่าเดือนหน้ามีงานหนังสือ


โดย: ทินา วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:22:55:43 น.  

 
แหะๆ มันก็มหากาพย์ฮ่องกงจริงๆ แหละค่ะ

เพราะเราไป 6 วัน 5 คืนแหนะ ต่อจากนี้ก็มีปักกิ่งอีก

ขออภัยนะคะ อีกสามสี่เดือนแหละค่ะ กว่าเราจะได้อัพบล็อกอย่างอื่น อ้อๆ แต่บล็อกหน้าเดี๋ยวจะคั่นเรื่องอื่นให้ค่ะ(น่าจะอัพพรุ่งนี้)


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:13:04:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mr.Chanpanakrit
Location :
สงขลา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




Friends' blogs
[Add Mr.Chanpanakrit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.