|
อ่านGreen Bookแล้วอมภูมิอยู่คนเดียว มันเสียสถาบัน
เคยอ่านหนังสือบางเล่มแล้วรู้สึกไม่เป็นสุข สำหรับผมแบ่งออกเป็น2ประการ อย่างแรก คือ ซื้อเพราะตามกระแส แ่ต่เอาเข้าจริงมันคนละรสนิยม อย่างที่สอง คือ อ่านแล้วต้องบอกต่อ ด้วยมันมีผลต่อสังคมที่ร่วมกันอยู่ ผมเคยreview หนังสือเรื่องGreen book ไปครั้งหนึ่ง ก็คงประเภทร้อน วิชา ได้มาก็เลยอยากอวด แต่พอเข้าจริง หนังสือเล่มนี้ถูกผมกระทำเขียนขีด ทำไฮไลน์อยู่หลายจุด หลายตอน ยิ่งมาอ่านเจตนารมณ์ของผู้เขียนแล้ว หนังสือเล่มนี้ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะรับรู้แต่เพียงผู้เดียว คงด้วยหนังสือไม่ ต้องการสื่อสารแค่มนุษย์คนหนึ่ง คนใด แต่มันต้องการเตือนเราทุกคนที่ยัง เป็นส่วนร่วมทางสังคมว่าต้องช่วยกัน ไม้ขีดก้านเดียวก็แค่ให้ประกายเชื้อเพลิง มันจำเป็นต้องได้ลุกลามขยายจึงจะมีผลต่อพื้นที่โดยกว้าง ดังนั้นผมจึงเลือกสิ่งที่ผมได้ไฮไลน์ 10 จุดจากหลายร้อยตัวอย่าง ที่คิดว่าเหมาะสมกับคนไทย และควรจะรับรู้โดยกว้าง ทำได้ง่าย แถมยังอินเทรน อีกตั้งหาก (กรณีที่ไม่คิดจะลงทุนซื้อหนังสือ แต่ลงทุนเถอะครับของมันดีจริง) 1 การแบ่งปันการยืมหนังสือหรือเข้าห้องสมุด ตลอดจนการบริจาค จะช่วยรักษา การโค่นต้นไม้สี่แสนต้น เพราะแต่ละปีมีหนังสือใหม่ราวสามพันล้านเล่มออกสู่ท้องตลาด 2 การล้างรถจากสถานบริการแทนการล้างรถด้วยตัวเอง จะประหยัดการบริหารปริมาณ น้ำ ไม่น้อยไปกว่า 100 แกลลอน เพราะร้านเหล่านี้มักมีการรีไซเคิลน้ำ ถ้าคน อเมริกาให้มืออาชีพล้างรถให้ จะประหยัดน้ำ 8700 ล้านแกลลอน น้ำสบู่ 12000 ล้านแกลลอน 3 หันมาใช้ไม่ขีดแทนไฟแช๊ค เพราะไฟแช๊ค มีองค์ประกอบทั้งตัวพลาสติก เชื้อเพลิง บิวเทนที่มาจากปิโตรเลียม ทุกวันนี้มีขยะจากไฟแช๊คที่ฝังกลบและเผาประมาณ 1.5 พันล้านชิ้น ถ้าเลือกไม้ขีดแบบกระดาษยิ่งจะรักษาต้นไม้ 5.5 ล้านต้น 4 การปิดก๊อกน้ำเวลาแปรงฟัน จะช่วยประหยัดทันที 5 แกลลอน ถ้านับคนอเมริกัน ทั้งประเทศในแต่ละวันจะเท่ากับ1.5พันล้านแกลลอน (คนไทยตกที่ 350 ล้านแกลลอน) หรือการกดชักโครกให้น้อยลงหนึ่งครั้งประหยัดน้ำราว 4.5 แกลลอน ซึ่งสามารถให้คน แอฟริกาใช้ดื่ม ทำอาหาร อาบน้ำ และซักผ้าในตลอดทั้งวัน 5 การใช้หลังคาสะท้อนแสงแดด จะประหยัดค่าพลังงานทำความเย็น 1100 กิโลวัตต์ชั่ว โมง และ90 เหรียญต่อปี (ประมาณ 3000 บาท )ซึ่งมากกว่าการปรับแอร์ 3 องศา ถ้าบ้านใหม่ 1 ใน 66 หลัง ใช้หลังคาสะท้อนแสง จะประหยัดพลังงานที่ผลิตจากเซลล์ แสงอาทิตย์ขนาดเท่าตึกเพนตากอนเชียว 6 ใช้รถสาธารณะแทนรถส่วนตัวซึ่งเฉลี่ยต่อคันจะปล่อยคาร์บอน2.75 ปอนด์ต่อไมล์ แล้ว ลองเอาไปหารจำนวนผู้โดยสารทั้งหมดในรถ คือ จำนวนที่เราช่วยลดโลกร้อนแก่โลก 7 เครื่องปรับอากาศแบบเบอร๋ห้า โดยส่วนใหญ่จะเสียค่าไฟปีละประมาณ 220 เหรียญ (ราว 7300 บาท ช่วยลดพลังงาน 20-40 เปอร์เซ็นต์ ถ้าทุกบ้านติดแอร์เบอร์ห้า จะเท่ากับเงินที่รัฐบาลบุชเอาไปช่วยประสบภัยเฮอร์รีแคนแคทรีนา คือ 100 ล้านเหรียญ (หรือเงินงบประมาณอัดฉีดสู่หมู่บ้านทั้งหมดของรัฐบาลสมัครทุกบาททุกสตางค์) 8 สนามกอลฟในโลกใช้น้ำ 2500 ล้านแกลลอนต่อวัน เฉพาะแค่การรดน้ำ สามารถเอา ไปเลี้ยงคนได้ 4700 คน (จึงควรประชุมครม.ในห้องประชุมดีกว่า) 9 ควรหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีการเติมเพราะจะช่วยลดปริมาณขยะพลาสติก หรือพลาสติก แบบรีไซเคิล เพราะการผลิตพลาสติกใหม่ใช้พลังงานมากกว่าพลาสติกแบบรีไซเคิล ถ้าเอาเทียบกัน พลังงานส่วนต่างสามารถเอามาใช้เป่าผมได้กว่าสิบนาที 10 ถ้าคุณวางแผนซื้อคอมพิวเตอร์เลือกแบบโน้ตบุ๊คมากกว่าแบบตั้งโต๊ะ เนื่องจากใช้วัสดุ ประกอบและพลังงานน้อยกว่า ช่วยคุณประหยัดพลังงานราว 220 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อ ปีและประหยัดค่าไฟปีละ 20 เหรียญ (ราว 700 บาท ) ถ้าทุกบ้านเลือกใช้โน๊คบุ๊คทุก บ้าน เท่ากับลดพลังงานที่นำไปเปิดไฟทุกบ้านในซิลิคอนแวลลีย์เชียว หรือ โทรศัพท์มือ ถือทนใช้ให้นาน 3 ปี แทนที่จะเป็น 18 เดือนแบบวัยรุ่นขี้เบื่อ ขอคนที่คิดอย่างนี้สัก ร้อยละ 10 จะลดปริมาณขยะมือถือได้ถึง 5.2 ล้านเครื่องต่อปี อย่างที่บอกนี้ คือ ตัวอย่างที่ผมเลือกไฮไลทเพราะสอดคล้องกับวิถีชีวิต แบบผม ซึ่งความจริงมีตัวอย่างอีกมากที่อาจเหมาะสมกับคุณๆท่านๆ (มันต้องเหมาะแน่ ถ้าหากอายตนะยังทำงาน) มันจึงเหมาะที่จะเป็นตำราเรียนหรือหนังสือสามัญประจำบ้าน ถึงแม้ว่าในเรื่องสถิติอาจยังต้องถกเถียงกันต่อไปแต่ข้อดีที่มากกว่าข้อเสียคงไมมีใคร ปฏิเสธสักเท่าไร (ถึงได้บอกแล้วครับ ว่าอ่านแบบอมภูมผู้แต่งหนังสือคงไม่ปลื้มสักเท่าไร) เรือ่งเงินหลายคนอาจมองว่าไม่ใช่เรือ่งใหญ่เพราะมีปัญญาจ่ายตามเคาร์เตอรเซอร์วิสหน้าปาก ซอย แต่ในฐานะที่ทรัพยากรโลกอันมีจำกัดและบริโภคอย่างไม่เท่าเทียม (โปรดมองแก่ เด็กตาปริบๆที่แอฟริกาหรือเกาหลีเหนือ) ดังนั้นหวังว่าเวลาที่ผมกำลังตระหนักการใช้ทรัพยากร ธรรมชาติผ่านในชีวิตประจำวัน ขอให้เชื่อว่ายังมีคนอีกซีกโลกที่ยังคิดเหมือนคุณอยู่ มันเป็น ภารกิจเพื่อมนุษยชาติและลูกหลานของเราิ (ป.ล. ขอเชียร์ให้ซื้ออ่าน The Greenbook โดย เอลิเซเบธ โรเจอร์และ โธมัส เอ็ม คอสทิเจน แปลโดย โตมร ศุขปรีชา ราคา 200 บาทจะช่วยsave เงิน ใน pocket หลายพันในอนาคตขอบอก )ิ์
Create Date : 30 มีนาคม 2551 |
Last Update : 30 มีนาคม 2551 21:37:39 น. |
|
4 comments
|
Counter : 1891 Pageviews. |
|
|
|
โดย: นัทธ์ วันที่: 31 มีนาคม 2551 เวลา:20:53:23 น. |
|
|
|
| |
|
|
ขอบคุณที่เอามาแบ่งปันกันนะคะ
แต่น่าจะเคาะเว้นก่อนขึ้นย่อหน้าใหม่หน่อยอะค่ะ แบบนี้อ่านยากมากเลยอ้ะ