A ........ Z
Group Blog
 
All blogs
 
ความสุขแบบตื่นเต้น (Excited Happiness)

คุณเคยมีความสุขแบบตื่นเต้นกับสิ่งง่ายๆในชีวิตประจำวันบ้างไหมครับ
ง่ายที่ว่านี้ เป็นสิ่งที่หาได้ไม่ยาก (ซึ่งก็คือง่าย)
ราคาไม่แพง (จนถึงขั้นฟรี)
สามารถทำซ้ำได้แทบทุกวัน (และไม่มีวันเบื่อด้วย)
Italic
คำถามนี้ผมอาศัยความเสลอในเรื่องชาวบ้าน อันเป็นปกติวิสัยส่วนบุคคล
เพราะจะให้ไปนั่งถามคำถามแบบนี้ชาวบ้านชาวช่อง อาจถูกย้อนกลับมาว่า
"ก็ตอนที่ไม่ได้คุยกับแกไง"

ดังนั้น เท่าที่สังเกต (อีกแล้ว) เรื่องเช่นนี้ อาจเป็นเรื่องของความรู้สึก
ประมาณว่ารับรู้.................แต่..........ไม่ได้ใส่ใจ
เรื่องแบบนี้บางทีต้องอาศัยสายตาของคนอื่น แล้วหันมามองกับอีกฝ่าย
โดยที่อีกฝ่ายอาจสะดุ้งอุทานเล็กๆว่า

"เหรอ.........ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ย"

ยายบางท่าน มีความสุขแบบตื่นเต้นกับการตักบาตรช่วงเช้า ที่ต้องลุ้นให้ปัจจยาหาร
เพียงพอกับพระ เณรที่เดินแถวบัณฑบาตรอย่างสำรวม
นักเสพข่าวบางท่าน มีความสุขแบบตื่นเต้นกับการโทรศัพท์ชิงรางวัลในรายการข่าว
ตอนเช้า ประเภทรู้คำตอบนะ แต่โทรไม่ติด
นักการเมืองหลายท่าน ออกตรวจราชการในหน้าที่ (อาจ) มีความสุขแบบตื่นเต้น ที่ไม่เจอ
ม๊อบมือตบส่งเสียงเจี๊ยวจ้าว..........เพราะอาวุธชนิดนี้ไม่อาจใช้เครื่องสแกน ตรวจวิเคราะห์อย่าง
ละเอียดได้
หรือ นักเขียนบล็อก มีความสุขแบบตื่นเต้น ที่บรรจงเรื่องราวในบล็อกส่วนตัว แล้วผ่านมา
สองสามชั่วโมงแล้ว ยังไม่เห็นมีใครหน้าไหนมาคอมเมนต์เสียที

ผมว่าทุกท่าน คงมีช่วงมีความสุขแบบตื่นเต้นคนละอย่างสองอย่าง ในแต่ละวันที่เราไม่รู้ตัว
หรืออาจรู้บ้าง แต่ไม่อาจแยกแยะ
เพราะพอได้แยกแยะแล้ว จะทำให้มันดูออกห่างเป็นส่วนหนึ่งที่แตกแยก
ก็ในเมื่อมันเป็นเรื่องในชีวิตประจำวัน จะแยกวิเคราะห์ไปทำไม
คิดไปวันนี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็มีอีก

ผมเพิ่งมารู้สึกว่า ตัวผมเองก็มีความสุขแบบตื่นเต้นจากเรื่องง่ายๆในชีวิตประจำวันเช่นกัน
ดีใจจัง...............ที่ยังมีความสุขนี้แบบชาวบ้านที่เขามีกัน
ความสุขแบบตื่นเต้นของผมมันมาจากเรื่องบนท้องถนนในกรุงเทพ
ท้องถนนที่คนกรุงเขาว่าเป็น "นรกบนดิน"
เรื่องที่ผมจะเล่านี้ คือ รถเมล์เพื่อประชาชน

รถเมล์เพื่อประชาชน เป็นชื่อที่แสนจะเป็นทางการ (เสียจนบางท่านอาจมองว่าเสียดายงบ
ประมาณชาติบ้านเมือง ที่ตอ้งมาลงทุนตัดสติกเกอร์ติดพล้างบนหัวรถหน้ากระจก)
เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่เขาจดจำสิ่งที่ง่ายกว่านั้น ซึ่งเข้าถึงคอนเซปต์ของเรื่อง
ว่า.........................."รถเมล์ฟรี"




ผมไม่รู้หรอกว่าจะเคยมีท่านผู้อ่านท่านใด เคยได้ลิ้มลองบริการรถเมล์ฟรีที่ว่านี้แล้วรึยัง?
ความจริงมันก็คือ รถเมล์ร้อนสีแดง-ครีม ที่วิ่งให้บริการในความรับผิดชอบของ
องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. เจ้าประจำของรัฐ
หากโบกรถตามป้าย ทุกอย่างก็แทบไม่ต่างจากการใช้บริการแบบเสียสตางค์ ๙ บาท
(ตามราคาปัจจุบัน) รูปทรงภายในก็เหมือนรถเมล์แบบเสียสตางค์ เก้าอี้ยังมีให้นั่ง
แต่ที่ยืนก็ยังมีให้มากกว่าเก้าอี้นั่ง
ยิ่งขึ้นชื่อว่า "ฟรี" ..........................โอกาสของการได้ยืนย่อมมีมากกว่าปกติธรรมดา

คิดดู................มีรถมาเบอร์เดียวพร้อมกันสองคัน คันหนึ่งติดสติกเกอร์ว่ารถเมล์เพื่อประ
ชาชน กับอีกคัน ที่ไม่ได้ติด
แม้คันที่ไม่ได้ติดจะมาก่อน และมีเก้าอี้ว่างมากมาย
เทียบกับคันหลังที่ติดสติกเกอร์ว่ารถเมล์เพื่อประชาชน แต่ผู้คนกระจุกตัวอัดเสียดเสียแน่น
คนส่วนใหญ่ก็พร้อมใจที่จะเลือกคันหลัง
เหตุผลไม่ต้องมาก
ก็เพราะว่ามันฟรีไง
กลไกราคาของมือที่มองไม่เห็น ได้ทำงานเรียบร้อยแล้ว
อีกอย่าง คงเข้าวิสัยลักษณะของคนไทยโดยส่วนใหญ่ ไม่ต้องคิดมาก แม้แต่ตอนผมไป
ดูคนชุมนุมประท้วงของกลุ่มพันธมิตร ผมไม่ยังเคยเห็นคนต่อแถวซื้อของจากร้านค้า
ปกติ เพราะคำว่า "ต่อแถว"
มันได้ถูกย้ายไปอยู่ตรงจุดรับแจกของแม่ยกพันธมิตรเรียบร้อยแล้ว

รถเมล์เพื่อประชาชนนี้ มีขึ้นในสมัยของนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ "สมัคร สุนทรเวช"
นายกฯท่านนี้ แม้มีหลายเรื่องที่ผมไม่ค่อยจะเห็นด้วย
อย่างน้อยๆ เท่าที่นึกได้ ก็เรือ่งไก่ต้มฟัก แล้วอย่างหนึ่ง
แกแนะนำให้ใส่น้ำปลา ๒ ช้อนโต๊ะ
แต่ผมว่ามันเค็มไป ช้อนเดียวก็พอ
แต่แล้วความสุขแบบตื่นเต้นของผมก็มีช่วงเวลา ไม่ต่างจากความสุขแบบโปรโมชั่นของ
โทรศัพท์มือถือ
เพราะจะให้บริการฟรีที่เป็นรถร้อน จำนวน 800 คัน ใน 73 เส้นทาง เป็นเวลา 6 เดือน
ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. ถึง 31 ม.ค. ปี 2552 ความจริงแล้วมันอาจมีการขยายเวลาช่วง
การทดลองให้บริการต่อไปอีก เนื่องจากถ้าเราสังเกตจะมีพนักงานที่เรามักเรียกว่า
"กระเป๋ารถเมล์" ซึ่งผมก็มักแปลกใจเสมอ ด้วยในมือที่เขาถืออยู่ไม่ได้เรียกว่า
"กระเป๋า" แต่มันคือ "กระบอก"
ดังนั้นมันน่าจะเรียกว่า "กระบอกรถเมล์" มากกว่า

เวลาที่เขาท่านนั้น ประจำหน้าที่ในรถเมล์ฟรี เขาจะถูกเปลี่ยนสถานะจากพนักงานเก็บตังค์
มาเป็น "เจ้าหน้าที่ R&D"
R&D ถือเป็นศัพท์ในภาษาการตลาด ที่มีความหมายเต็มว่า Research and Devolpment
แปลตรงตัวไม่ต้องอ้อมค้อม คือ วิจัยและพัฒนา
แต่เมื่อมาสู่บ้านเรา ศัพท์นี้ถูกมาแปลความหมายให้เหมาะสมกับสภาพงานและยถาอาชีวะ
R&D จึงกลายมาเป็น Research and Do it again คือ จดจำนวนผู้ขึ้นโดยสารบนรถเมล์ฟรี
แล้วทำอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ

การนั่งรถเมล์ฟรี ถ้าคิดให้ดี ก็สามารถเชื่อมโยงกับธรรมะ ได้อยู่บ้าง
ทั้งความอดทน-อดกลั้น (พอแต่ละช่วงความถี่ของรถเมล์ฟรีที่นานแสนนาน)
ความวิริยะ อุตสาหะ (ที่ยอมสละรถเมล์เบอร์ที่ตอ้งการ เพราะหวังมากกว่านั้นเพราะมันไม่ฟรี)
การให้ทาน (เพราะคุณไม่มีวันนั่งอย่างสงบได้
ในเมื่อเด็ก สตรี คนชรา เขาเหล่านี้ก็ชอบของฟรี..........................ไม่ต่างกัน)
ผมจะรู้สึกรำคาญใจที่กลุ่ม องค์กรตลอดจนพรรคการเมืองพยายามอ้างตนว่า "ทำเพื่อประชาชน"
อย่างงั้น อย่างนี้ โดยที่ประชาชนไม่เคยวิ่งเข้าแต่อย่างใด ผิดกับการวิ่งขึ้นรถเมล์เพื่อประชาชน
(ถึงขั้นแย่งกันตกรถกันเลยก็มี)
เวลาที่ผมได้นั่งรถเมล์ฟรีมาทำงาน ผมมักถูกสาวออฟฟิคหยอกล้อเปรียบเทียบว่าเป็น
"พ่อพระ"
ไอ้ตอนแรกก็คิดว่า เป็นคำชื่นชมที่ผมลุกเก้าอี้ให้เด็กนักเรียนได้นั่ง
แต่ตอนหลังมารู้อีกทีว่าเป็นคำเสียดสี
กล่าวคือ ทำตัวเหมือนพระ เพราะ ได้สิทธิ์นั่งรถเมล์ฟรี
ซึ่งผมก็ได้แย้งญัตตินี้ในภายหลัง ว่า อย่างไง๊อย่างไง ......................... ก็ไม่จริง
ตอนขึ้น....อาจใช่ แต่ถ้าต่อรถเมล์อีกเที่ยวที่เป็นรถปรับอากาศ
พระยังได้นั่งฟรี แต่ผมนั่น.........................ไม่
แม้จะบอกกระเป๋ารถเมล์ว่า "เป็นเด็กวัด"
ก็อย่าหวังว่าจะได้อภิสิทธิ์นั้นตามมา


แต่สุดท้าย (แล้ว) ความสุขแบบตื่นเต้นก็หาใช่จากการนั่งรถเมล์เพียงอย่างเดียวไม่
เพราะอย่างนั้น เรียกได้แต่เพียงว่า................ความสุข
แต่เกิดจากการเริ่มต้นขึ้นรถเมล์ฟรี แล้วก็ได้ต่อรถเมล์ฟรีในอีกเที่ยว
จากนั้นพอขากลับ ยังจะได้ขึ้นรถเมล์ฟรีในตอนท้ายในที่สุด
ถ้าขาไพ่ ก็ต้องเรียกว่า ป๊อกเก้าสามเด้ง กินรอบโต๊ะ
แต่ภาษารถเมล์ คงต้องเรียกว่า มาและไปไม่เสียสักบาท
เงินแค่นี้อาจไม่มาก แต่ถ้าไม่เสียก็คือ..........ความสุข

ความสุขแบบตื่นเต้น

แต่ก็ใช่ว่าทุกวันจะมีความสุขเช่นนี้ เพราะโอกาสอย่างนี้มีน้อยราย
ส่วนใหญ่มักคลาดแคล้วในสิ่งที่หวัง
ประมาณว่ารอจนสุดทน ประชดขึ้น รถเมล์ปอ. หันหลังกลับมารถเมล์ฟรีจี้หลังมาติดๆ
ที่สำคัญเก้าอี้ว่างตึม และวันนั้นรัฐมนตรีคมนาคมเข้าพบเจ๊เกี้ยวเพื่อขออนุญาต
ปรับราคาค่าโดยสารกิโลเมตรละสองบาท
ดังนั้นบางความสุขนอกจากรอคอยโอกาสแล้วยังต้องมีบุญญาวาสนาเป็นเครื่องประกอบ
ชีวิตด้วย
ว่าแต่ว่า.................พวกท่านมีความสุขแบบตื่นเต้นเป็นของตัวเองแล้วรึยัง?


Create Date : 25 ตุลาคม 2551
Last Update : 25 ตุลาคม 2551 15:54:44 น. 3 comments
Counter : 767 Pageviews.

 
มาเยือนครับ


โดย: พริกดิบ (พริกดิบ ) วันที่: 25 ตุลาคม 2551 เวลา:21:42:51 น.  

 
ตื่นเต้นกับรถเมล์ฟรีเหมือนกันนะ
เพราะการเดินทางประจำวันของเรา ใช้บริการรถเล็กซุบารุ กับเรือด่วน
รถเมล์ในเส้นทาง ไม่มีฟรี เพราะเป็นรถร่วมประจำทาง

ดังนั้น ก็ได้มีโอกาสนั่งรถฟรีสักครั้งจึงมีความสุขมาก
โชคดีที่นั่งจากต้นทาง ก็เลยขอนั่งยาว ทั้งๆ ที่ถ้าเราลงรถต่อเรือ เราถึงจุดหมายเร็วกว่าด้วยซ้ำ

การนั่งรถเมล์ครั้งนั้น จึงตื่นเต้นกับวิวทิวทัศน์ริมถนนที่ไม่ได้เห็นมานาน
ได้เห็นบรรยากาศบนรถเมล์ ได้นั่งนานๆ จนเมื่อย
และตื่นเต้น เพราะลุ้นให้มาทันนัดนั่นแหละ

รถเมล์ฟรี ก็นั่งแล้ว
รถไฟฟรี ก็ใช้บริการแล้ว
ค่าน้ำก็ไม่ต้องเสีย
เหลือแต่ค่าไฟเนี่ยแหละ่ ทำยังไงก็ให้รัฐช่วยจ่ายไม่ได้ซะที
เกินตลอด ...


โดย: นัทธ์ วันที่: 25 ตุลาคม 2551 เวลา:22:08:03 น.  

 
เรื่องตื่นเต้นแบบที่ว่า
มีแทบทุกวันนะคะเช่นได้ของถูกใจมาก็จะตื่นเต้นอยู่แวบนึง อย่างตอนถ่ายรูปแปลกๆใหม่ๆมาเป็นต้นค่ะ

ดิฉันว่าใส่น้ำปลาหนึ่ง ชต.ก็ยังมากไป
แนะนำให้ใส่เกลือแค่ครึ่งชต. ประหยัดกว่าค่ะ555(อันนี้ขอล้อใครเล่นซะหน่อย)

ดีจัง ตอนนี้คุณเขียนอะไร ก็มีธรรมะมาอิง-แอบไว้เสมอนะคะ อิ อิ


โดย: จันทร์ไพลิน วันที่: 26 ตุลาคม 2551 เวลา:6:50:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mr.Chanpanakrit
Location :
สงขลา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




Friends' blogs
[Add Mr.Chanpanakrit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.