นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

วันนี้ 19 พฤษภาคม 2558 ต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์การเมืองไทยอีกวันหนึ่ง เพราะเป็นวันที่อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย และ เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศจะต้องมาปรากฏตัวต่อหน้าศาล อันเป็นวันเริ่มต้นการพิจารณาคดี ในข้อหาตามที่อัยการสูงสุดได้ยืนฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีปล่อยปละละเลยไม่ระงับยับยั้งการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว

แน่นอนว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ตกเป็นจำเลยตามข้อกล่าวหาตามที่ศาลฎีกาฯได้พิจารณารับฟ้องคดีไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาแล้วนั้น ได้ยืนยันว่าจะมาขึ้นศาลตามกำหนดนัดหมายของศาลฯในเวลา 09.30 น.ด้วยตัวเอง

ซึ่งเรื่องนี้ไม่น่าแปลกใจ เพราะเป็นไปตามกำหนดตามข้อกฎหมาย ตามกระบวนการพิจารณาคดี ที่กำหนดให้จำเลยหรือผู้ถูกกล่าวหาต้องมารับฟังข้อกล่าวหาในการพิจารณาคดีนัดแรกด้วยตัวเอง และอย่างที่ทราบกันดีว่าก่อนหน้านี้อดีตนายกยิ่งลักษณ์เคยข้ออนุญาตคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือ คสช. แต่ไม่ได้รับอนุญาต ดังนั้นจึงไม่มีเหตุที่จะไม่มาพิจารณาคดีในครั้งแรกนี้ และหากไม่มาพิจารณาคดีศาลอาจออกหมายจับฐานไม่มาตามนัดศาลได้

ดังนั้นในวันนี้จึงถือว่าเป็นภาพประวัติศาสตร์การเมืองไทยอีกครั้ง ที่อดีตผู้นำประเทศต้องมาขึ้นศาลในฐานะจำเลย ในข้อหาคดีอาญา กรณีที่ร้ายแรง คดีปล่อยปละละเลยไม่ระงับยับยั้งการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว

ในการพิจารณาคดีหลังจากนี้ ก็คงต้องเดินหน้าไปตามกระบวนการจนกว่าจะเสร็จสิ้นมีกำหนดนัดตัดสินคดีความกันต่อไป

ทั้งนี้ในการต่อสู้คดีแน่นอนว่า ทีมกฎหมายคงจะต้องทำงานหนักในการนำหลักฐานพยานต่างๆในการแก้ข้อกล่าวหาตามข้อกฎหมาย ต่อไป

แต่ที่น่าสนใจหลังจากนี้ก็คือ หลังจากขึ้นพิจารณาคดีนัดแรกในวันนี้แล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์จะมีความเคลื่อนไหวอย่างไร น่าจับตาว่าจะมีขออนุญาตศาลเดินทางไปต่างประเทศหลังจากนี้หรือไม่..? หรือ จะปักหลักเตรียมข้อมูลในการต่อสู้ในข้อกฎหมายอย่างเต็มที่ ..?

และที่น่าสนใจก็คือ ความเคลื่อนไหวของกลุ่มแกนนำทางการเมืองในซีกของอดีตนายกรัฐมนตรีจะมีการเคลื่อนไหวอย่างไร ทั้งนี้เชื่อได้ว่า นับจากนี้ไปต้องมีการเคลื่อนไหวเพื่อที่จะอธิบายต่อสังคมสร้างความชอบธรรมให้กับนโยบายดังกล่าว อย่างแน่นอน ซึ่งก็น่าจับตาดูว่าการอธิบายนั้นจะกินความมากน้อยเพียงใด และมีเป้าหมายมุ่งไปที่ประเด็นใด เป็นพิเศษ..?

นับจากวันนี้ไปต้องบอกว่าแม้ประเทศไทยกำลังจะย่างก้าวผลัดฤดูจากหน้าร้อนเป็นหน้าฝน แต่เชื่อได้ว่า อุณหภูมิการเมืองไม่ลดลงตามการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลอย่างแน่นอน

ที่มา  //news.sanook.com/1797830/