ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 
ถ้าสองม็อบเผชิญหน้า ก็ได้เวลากองทัพ

ถ้าสองม็อบเผชิญหน้า ก็ได้เวลากองทัพ

ถ้าสองม็อบเผชิญหน้า ก็ได้เวลากองทัพ : โดย...ทีมข่าวความมั่นคง

                        แผนล่าสุดของ กปปส.ที่กระจายไปยังสื่อต่างๆ พร้อมประกาศว่าจะปักหลักอยู่ 2-3 วันนั้น ทำให้เกิดคำถามว่า นี่ใช่แผนที่จะนำไปสู่เป้าหมายสูงสุดหรือไม่
                        เป้าหมายของ กปปส.ในก่อนหน้านี้ เรียกร้องให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อเปิดทางให้มีนายกฯ คนกลาง และตั้งสภาปฏิรูป
                        แต่เมื่อเหตุปัจจัยไม่ได้เดินไปตามที่มุ่งหวัง เพราะที่เกิดขึ้นเป็นไปตามกำหนด ตามกรอบของศาล และองค์กรอิสระ ทำให้สุดท้ายแล้วสิ่งที่ กปปส.ทำได้สำเร็จก็คือ การบีบให้ ยิ่งลักษณ์ ยุบสภาเท่านั้น
                        ไม่ว่าจะเป็นการลาออกจากตำแหน่งนายกฯ การเปิดให้มีนายกฯ คนกลาง หรือการตั้งสภาปฏิรูปโดย กปปส.นั้นยังไม่อาจเกิดขึ้นได้
                        แม้ว่าจะมีศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยให้ ยิ่งลักษณ์ พ้นจากตำแหน่ง ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ไปแล้ว
                        แม้ว่า ป.ป.ช.จะมีมติเอกฉันท์ 7 ต่อ 0 ส่งเรื่องให้วุฒิสภาถอดถอนยิ่งลักษณ์ กรณีปล่อยให้โครงการรับจำนำข้าวเกิดการทุจริตเสียหายไปร่วม 3 แสนล้านบาท
                        แต่ทั้งสองกรณีก็ส่งผลเพียงแค่ ไม่มียิ่งลักษณ์ใน ครม.รักษาการ เท่านั้น
                        การเคลื่อนไหวของ กปปส.เพื่อมาบำเพ็ญเพียรอย่างที่ สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ระบุ จึงดูเหมือนเป็นเพียงการเคลื่อนไหวเพื่อมาปกป้องการประชุมวุฒิสภา ที่มีกำหนดนัดพิจารณารับรองการตั้ง กรรมการ ป.ป.ช.คนใหม่ และอีกวาระซึ่งเป็นวาระสำคัญก็คือ การโหวตเลือกประธานวุฒิสภา และรองประธานวุฒิสภาคนที่ 2
                        ในภาวะที่ไม่มีสภาผู้แทนราษฎร แต่มีวุฒิสภา ตำแหน่งประธานวุฒิสภาถือเป็นประธานรัฐสภาด้วย โดยแผนของกลุ่ม 40 ส.ว.ในก่อนหน้านี้ จะผ่าทางตันด้วยการให้ประธานรัฐสภาเป็นผู้นำรายชื่อผู้ที่เหมาะสมขึ้นรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย โดยมีประธานรัฐสภาเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
                        ในขณะที่ฝ่ายรัฐบาลนั้น แม้จะอยู่ในฐานะรักษาการ แต่ก็ยืนกรานว่า แม้จะทำหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี แต่ก็เชื่อมั่นว่าสามารถทูลเกล้าฯ ถวาย ได้ แม้รวมทั้งการทูลเกล้าฯ ถวายพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้ง
                        ทั้งหมดนั้นเป็นจังหวะเดียวกันกับกลุ่ม นปช.ที่นัดหมายการชุมนุมในวันที่ 10 พฤษภาคม แต่บางส่วนเดินทางมาล่วงหน้า การชิงเข้าพื้นที่ก่อนจึงเป็นยุทธวิธีของ กปปส. ถึงแม้จะรู้ดีว่า ไม่ว่าวิธีการใด หรือแรงกดดันใดๆ จากม็อบ ก็ไม่อาจทำอะไรกับรัฐบาล ซึ่งอยู่ในสภาพง่อยเปลี้ยเสียขานี้ได้
                        โดยที่ต่างฝ่ายต่างก็รู้ดีว่า หากเกิดเหตุรุนแรงอันเนื่องจากการเผชิญหน้าของคนทั้งสองกลุ่มเมื่อใด อำนาจนอกรัฐธรรมนูญจะออกมาแทรกแซงทันที ถึงแม้ฝ่ายหนึ่งอาจจะยินดีต่อการออกมาของกองทัพ แต่สำหรับอีกฝ่าย แม้จะไม่ยินดีนัก แต่ก็สร้างภาพให้เห็นว่า พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับกองทัพ พร้อมที่จะใช้การเผชิญหน้าเพื่อล้มทุกกระดาน หลังจากฝึกกองกำลังที่ภาคอีสานพร้อมรับมือมาหลายเดือนแล้ว
                        ก่อนหน้านี้บทบาทของกองทัพพยายามรักษาบทบาทเป็น "กรรมการ" ดูแลให้คู่ขัดแย้งอยู่ในกรอบ และเคารพกฎกติกาที่มีอยู่ ดังที่เคยออกมาย้ำหลายครั้งว่า ให้ทุกฝ่ายยอมรับคำตัดสินของศาล หากทุกฝ่ายนำทุกอย่างมาเป็นเกมการเมืองทั้งหมด โดยไม่คำนึงความถูกผิดบ้านเมืองคงอยู่ไม่ได้
                        นอกจากบทบาท "กรรมการ" แล้ว ยังนำกำลังทหารถึง 57 กองร้อย โดยจัดจากสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม 1 กองร้อย กองบัญชาการกองทัพไทย 1 กองร้อย กองทัพบก 46 กองร้อย กองทัพเรือ 7 กองร้อย และกองทัพอากาศ 2 กองร้อย มาร่วมกับกำลังของตำรวจที่จัดกำลังรักษาความสงบอีก 112 กองร้อย
                        สำหรับการรักษาความสงบหรือการป้องกันการเผชิญหน้ากันของสองม็อบการเมืองนั้น คงไม่เท่าไหร่ ปัญหาก็คือ "กำลังทหาร" ที่เข้ามา บางฝ่ายมองว่า น่าจะมากกว่าช่วงที่มีการยึดอำนาจเสียด้วยซ้ำไป
                        นั่นก็หมายความว่า กำลังที่มีอยู่ในขณะนี้มากพอที่จะทำการปฏิวัติ !
                        ยิ่งสภาพของ ศอ.รส.ในขณะนี้ แทบจะเรียกได้ว่าเป็นสุญญากาศไปแล้ว อำนาจสั่งการขาดเอกภาพ เพราะส่วนหัวถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดการปฏิบัติหน้าที่ ก็ยิ่งทำให้ฝ่ายที่จำเป็นต้องสั่งการกองทัพ อดหวั่นไหวไม่ได้
                        เพราะต่างก็รู้ดีว่า สถานการณ์มาถึงวันนี้ อยู่ในภาวะที่ เดินหน้าก็ไม่ได้ ถอยหลังก็ไม่ได้ แต่ประเทศต้องไปได้ แม้จะด้วยวิธี "ถอยหลัง" เพื่อยืนให้มั่นคง ก่อนที่จะก้าวไปข้างหน้าก็ตาม
                        ปัญหาก็คือ วิธีการที่ว่านั้น ทำให้เกิดคำถามว่า จะยอมรับกันได้หรือไม่ ทั้งภาพลักษณ์ประเทศ ทั้งความสูญเสียที่ไม่อาจประเมินได้ 
                        แต่ที่แน่ๆ สถานการณ์เช่นนี้นับว่าใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว
----------------------



Create Date : 10 พฤษภาคม 2557
Last Update : 10 พฤษภาคม 2557 19:43:06 น. 0 comments
Counter : 900 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.