นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com
เป็นที่ดีอกดีใจกันได้ไม่นาน สำหรับการแก้ไขปัญหาสลากเกินราคาของรัฐบาล คสช. ราคาสลากลดลงมาขายในราคาไม่เกิน 80 บาท ตามราคาหน้าตั๋วได้ไม่นาน วันนี้ ข้อเท็จจริงก็คือ สลาก มีหลายราคา ขั้นต่ำ 80 บาท ส่วนเลขชุด เลขสวย ยังมีราคาเกินหน้าตั๋ว...
นอกจากนนี้ แม่ค้าสลากยังมีวิธีขายแบบใหม่ เรียกว่าขายพ่วง หากสลากเลขใด เป็นเลขที่ดัง แม่ค้าจะขาย 80 บาทเท่าเดิมแต่บังคับว่า จะต้องซื้อสลากเลขอื่นที่เป็นเลขทั่วไป หรือ เป็นเลขที่มี 0 ในเลขท้าย สามตัวด้วยในอัตรา 1 ต่อ 1 คือ สลากเลขสวย เลขดัง 1 ใบต่อ สลากทั่วไป 1 ใบ....
วิธีการนี้ ขายไม่เกินราคา แต่บังคับแบบซื้อเหล้าพ่วงเบียร์แบบนี้มันก็เพิ่มต้นทุนให้กับผู้ซื้อโดยไม่จำเป็นเลย ส่วนเลขชุด มีบ้างที่มีการขายเกินราคา โดยบรรดารายย่อยที่ขายบอกเหตุผลว่า รับมาก็เกินราคาแล้วครับ...
คำถามคือ ทำไม...? ยังมีการไปรับจากขาใหญ่มาอีก ในเมื่อ บอร์ดสลาก ได้จัดระบบใหม่ให้การค้าสลากเป็นแบบเสรี ให้รายย่อยไปจองซื้อได้ในจำนวนขั้นต่ำ ขั้นสูง ได้ที่ธนาคารกรุงไทย ทุกสาขาทั่วประเทศ
มาวันนี้ มีการออกมาเปิดเผยแล้วว่า ..ในข้อเท็จจริง แม้จะเปิดให้จองซื้อสลากตามระบบใหม่ก็จริง แต่รายย่อยที่อยากขายสลากไม่สามารถเข้าถึงได้ ...เพราะ บรรดาขาใหญ่ได้วางกลยุทธ์จ้างลูกน้องจำนวนมากไปเข้าคิวจองตามรูปแบบใหม่นี้ ทำให้ในที่สุด สลากที่ออกมา ก็ตกมาอยู่ในมือขาใหญ่เหมือนเดิม...?
โดยเหตุการณ์นี้ มีรายงานข่าวในเว็บไชต์ผู้จัดการออนไลน์ ว่า.......... ล่าสุด (4 พ.ย.58) นายสมบัติ ดำมินเสก อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16/1 หมู่ 4 ต.ท่าหลวง อ.เมืองพิจิตร และนางเรียน เฟื่องฟู ชาวบ้าน ต.ไผ่ท่าโพ อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร พร้อมด้วยกลุ่มผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลรายย่อยกว่า 10 คนได้เข้าร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.ถนอม จินาวา รองหัวหน้าชุดเฉพาะกิจศูนย์ดำรงธรรม จ.พิจิตร ว่า
นโยบายของกองสลากเป็นสองมาตรฐานไม่เอื้อประโยชน์ให้คนยากคนจน คนชรา คนพิการ ได้เข้าถึงการขอโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล และเปิดช่องให้เกิดการผูกขาดของนายทุนใหญ่ ที่ใช้กองทัพมดเข้ามาเอาโควตา แล้วนำกลับมาขายกินกำไรจากคนยากคนจนเหมือนเดิม
ขณะที่นายสุขเสริม ไพบูลย์สิริ ผู้จัดการสาขาอาวุโสธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาพิจิตร กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวตนเองรับทราบ และได้รายงานไปยังผู้บริหารแล้ว ด้วยใจจริงแล้วรู้สึกเห็นใจคนยากคนจน คนชรา คนพิการ ที่เข้าไม่ถึงระบบเทคโนโลยี ชาวบ้านบางคนเดินทางไกลมากว่า 40-50 กิโลเมตร มาถึงธนาคารกรุงไทยพิจิตรตั้งแต่ตี 5 หวังว่าจะได้คิวเป็นคนแรก แต่พอถึงเวลา 08.30 น. ซึ่งเป็นเวลาทำการเพียงแค่ 5 นาทีแรก ก็พบว่าโควตาถูกจองเต็มหมดแล้ว........
เรื่องนี้ไม่อาจนิ่งนอนใจได้ และบอร์ดสากต้องเข้ามาแก้ไขปัญหาให้ได้ เพราะมิฉะนั้น ความพยายามในการปฏิรูประบบ ยกเลิกระบบโควตาไป พยายามจะเปิดให้มีการค้าเสรี เพื่อให้รายย่อยมีโอกาสเข้าถึงเพื่อให้ราคาสลากสามารถขายได้ตามราคาที่กำหนด หน้าตั๋ว 80 บาท ไม่อาจเป็นจริงได้ และหากปล่อยนานไป ก็จะวนกลับมาสู่ปัญหาเดิม สลากจะวนกลับมาอยู่ในเจ้ามือใหญ่ไม่กี่ราย และ นำไปสู่การขายเกินราคาในที่สุด
แม้บอร์ดสลากฯ จะฆ่าเสือ 5 เสือลงไปแล้ว แต่หากยังปล่อยให้มีกองทัพมด เข้ามาบดบังสลากไปให้เจ้ามือใหญ่ ปัญหาก็จะไม่ได้รับการแก้ไขอีกดังเดิม...
เปลวไฟน้อย
//news.sanook.com/1893878/