นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

จากกรณีที่คนร้ายบุกเข้าไปใช้อาวุธมีดทำร้าย นายกฤษฎา อายุ 43 ปี และ น.ส.ณัฏฐณิชา อายุ 23 ปี จนเป็นเหตุทำให้คนร้ายและนายกฤษฎาเสียชีวิตทั้งคู่ ส่วน น.ส.ณัฏฐณิชา ได้รับบาดเจ็บถูกของมีคมบาดที่แขนเล็กน้อย เหตุเกิดภายในโรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านบึงกุ่ม เมื่อวานนี้ (12 ก.ย.)

ร.ต.ท.วิศรุต สุขสกุล พนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว พร้อมด้วยญาติ นายกฤษฎา ได้เดินทางมายังโรงแรมอีกครั้ง เพื่อขอตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด โดยกล้องสามารถบันทึกภาพ ขณะที่ นายกฤษฎา สวมเสื้อยืดสีส้ม กางเกงยีนส์ขายาวสีเข้ม ขับรถยนต์เลกซัส สีดำ มาจอดภายในลานจอดรถ ก่อนจะเดินมาติดต่อห้องพักที่เคาน์เตอร์ของโรงแรมเพียงลำพัง เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 11 กันยายน ก่อนจะเดินออกไปหน้าโรงแรง หลังจากนั้น นายกฤษฎา ได้เดินเข้ามาภายในอาคารบี โดยมี น.ส.ณัฏฐณิชา สวมชุดสีดำทั้งเสื้อและกางเกง ในมือถือถุงพลาสติกใส่อาหารเดินตามเข้ามา ก่อนทั้งสองคนจะขึ้นลิฟท์มายังชั้นที่ 5 ทั้งคู่ได้เดินเข้าไปยังห้องพัก

หลังจากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง กล้องวงจะปิดสามารถจับภาพชายสวมเสื้อสีขาว กางเกงสีเข้ม ใบหน้าและศีรษะถูกอำพรางด้วยผ้าสีขาว ที่มือขวาถือวัตถุลักษณะคล้ายมีดพกสั้น เดินออกมาจากประตูหนีไฟของชั้นที่ 5 ท่าทางมีพิรุธ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่คาดว่าน่าจะเป็น นายธัชกร อายุ 28 ปี นายธัชกร ได้มายืนพิงอยู่ประตูหน้าห้องที่ นายกฤษฎา และ น.ส.ณัฏฐณิชา เข้าพัก เวลาผ่านไปประมาณ 2-3 นาที นายธัชกร ได้เดินเข้าไปภายในห้องอย่างช้าๆ จนเวลาผ่านไปประมาณ 15 นาที ก็พบ น.ส.ณัฏฐณิชา ได้เดินออกมาจากห้องโดยไม่สวมรองเท้า และยังพบว่ามีรอยคราบเลือดติดเท้าออกมาด้วย ซึ่งขณะที่ น.ส.ณัฏฐณิชา เดินออกมาจากห้องนั้น น.ส.ณัฏฐณิชา ไม่มีอาการตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด

นายตั้ม (นามสมมติ) ญาติของนายกฤษฎา เปิดเผยว่า นายกฤษฎา เคยเป็นอดีตผู้บริหารของสถานบันเทิงแห่งหนึ่งย่านรัชดา ก่อนจะผันตัวมาทำอาชีพซื้อ-ขายพระเครื่อง มาทราบข่าวการชีวิตของนายกฤษฎาจากเพื่อน ทีแรกตนยังไม่เชื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นจริง จึงได้เดินทางมาที่ สน.ลาดพร้าว และเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีนี้ พร้อมทั้งให้ข้อมูลรายละเอียดกับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม

นอกจากนี้ยังได้ไปดูสถานที่เกิดเหตุและดูภาพจากกล้องวงจรปิด เท่าที่ทราบ นายกฤษฎา ไม่เคยมีเรื่องขัดแย้งกับใคร มีเพียง น.ส.ณัฏฐณิชา เคยยืมเงินจำนวน 21,000 บาทไปเท่านั้น โดย นายนายกฤษฎา ให้คนไปทวงถามเรื่องเงินจำนวนดังกล่าวหลายครั้งแต่ก็ไม่เคยได้ นอกจากนี้ยังพบว่าทรัพย์สินของ นายกฤษฎา ประกอบไปด้วยสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 9 บาทพร้อมพระเลี่ยมทอง 3 องค์ 1 ในนั้นเป็นพระกริ่งหลวงปูสรวง มูลค่าประมาณ 200,000 บาทอีก 2 องค์มูลค่าอยู่ที่หลักหมื่น สร้อยข้อมือทองคำน้ำหนัก 5 บาท ได้หายไป ซึ่งขณะนี้ได้ตั้งข้อสงสัยในประเด็นที่คนร้ายรู้เส้นทางประตูหนีไฟได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ช่องทางดังกล่าวจะต้องเดินอ้อมไปด้านหลังตัวอาคาร

นายตั้ม กล่าวต่ออีกว่า ก่อนเกิดเหตุ นายกฤษฎา ได้ขับรถไปส่งภรรยาไปทำงานที่ห้างย่านนวมินทร์ ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับโรมแรมดังกล่าว เมื่อเวลา 21.00 น. หลังจากนั้นเวลาประมาณ 21.30 น.นายกฤษฎา น่าจะขับรถกลับเข้ามาที่โรงแรม เท่าที่ทราบมา นายกฤษฎา ได้เข้ามาใช้บริการที่โรงแรมแห่งนี้เป็นประจำ แต่จะมากับใครบ้างนั้น ตนเองก็ไม่ทราบ

พ.ต.อ.ศักดิ์สิทธิ์ มีสวัสดิ์ ผกก.สน.ลาดพร้าว กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ตั้งประเด็นไว้ 2 ประเด็น คือ เรื่องชู้สาว และ ความแค้นส่วนตัว ซึ่งได้ติดต่อกับภรรยาของนายกฤษฎา เข้าสอบปากคำแล้ว และทราบว่า นายกฤษฎา ได้ทำธุรกิจส่วนตัว ส่วน นายธัชกร อยู่ระหว่างการประสานญาติเข้าให้ข้อมูล และจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่า นายธัชกร มีการปิดบังอำพรางใบหน้าเข้ามาด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องสอบสวนหาสาเหตุต่อไป

ส่วน ร.ต.ท.วิศรุต เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้สอบสวน น.ส.ณัฏฐณิชา หลังเกิดเหตุไปบ้างแล้วบางส่วนและยังคงต้องเชิญตัวมาสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนทางญาติของผู้เสียชีวิตได้สอบสวนไปแล้วคือญาติของนายกฤษฎา ส่วนญาตินายธัชกร อยู่ระหว่างการสอบสวน ในส่วนของทรัพย์สินของผู้เสียชีวิตที่หายไป คงต้องเรียกผู้ที่เข้าไปภายในห้องหลังเกิดเหตุ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ รปภ. เจ้าหน้าที่มูลนิธิ หรือแม้กระทั้งตัว น.ส.ณัฏฐณิชา ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทางพนักงานสอบสวนได้นัดหมายให้ น.ส.ณัฏฐณิชา มาพบในเวลา 14.00 น. วันเดียวกับที่เกิดเหตุ แต่กลับไม่มาตามนัด ทางพนักงานสอบสวนจึงติดต่อกลับไปอีกครั้ง น.ส.ณัฏฐณิชา ระบุว่าในวันนี้ (13 ก.ย.) จะเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนอีกครั้ง แต่ยังไม่ทราบเวลาที่แน่นอน

//news.sanook.com/1864499/