The Blog To Love @ First Click - - ความเหงาไม่เคยทำร้ายใคร มีแต่เจ้าของหัวใจที่ทำร้ายตน-- รักแรกคลิก

อลหม่าน'วันโกน' ที่สวนรถไฟมหาสนุก



พ่อสอนฉันเสมอ ว่าจงใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย แต่ฉันเผลอเอาคำสอนของพ่อไปปรับใช้กับเรื่องอื่นด้วย เลยลงเอยด้วยการเป็นคนใจง่าย ใครชวนไปเที่ยวไหนไม่ค่อยปฏิเสธ

ล่าสุด ฟ้าใส - - เพื่อนรักเพื่อนแก้วเพียงเปรยกับฉันว่า อยากไปเที่ยวสวนผีเสื้อที่สวนรถไฟ ฉันก็จัดแจงแต่งทริปตะลุยบางกอก โดยเป็นหนึ่งวันเดียวกันกับที่ฉันจะไปร่วมงาน ‘หนังสือเล่มหนึ่ง ยุติธรรม’ หรือ A Book Fair กับรุ่นพี่ช่วงบ่ายด้วย
( ตามไปอ่านได้ที่ //www.bloggang.com/viewblog.php?id=atfirstclick&date=28-07-2009&group=1&gblog=15)

ฉันหิ้วชะลอมจากเมืองชลฯเข้ากรุงมารอฟ้าใสที่สวนสาธารณะจตุจักรแต่ไก่โห่ ระหว่างรอเลยแปลงตัวเป็นพระลอตามไก่แก้เก้อแถวนั้นไปพลางๆ

สวนรถไฟที่เพื่อนว่า น่ารักน่าชังตั้งแต่ทางเข้า พอเดินเข้ามาหน่อย ฉันก็เจอ กบนั่ง ที่รูปทรงเหมือนกบเหลาดินสออันเบ้อเร่อตั้งเรียงกันสามอัน ทีแรกไม่แน่ใจว่าใช่กบหรือเปล่า แต่พอเข้าไปดูใกล้ๆ ได้ยินมันร้องพร้อมกันว่า เคโระๆๆ



เลยไม่ต้องสงสัยว่ามันต้องเป็นสัญชาติกบเหลาดินสอแน่ๆ แต่วันที่เราไปน่าจะครบรอบ ‘วันโกน’ ประจำสวน เลยได้ยินเสียงเครื่องตัดหญ้าที่มุมโน้นมุมนี้ของสวน ดังแทรกเสียงเคโระของกบนั่งสามตัวเป็นระยะด้วย

ใกล้กันมีม้านั่ง แต่ฉันไม่ได้ยินเสียงมันร้อง ฮี้ฮี้ เลยคิดเอาว่ามันอาจน้อยใจที่ฉันมัวแต่ไปชื่นชมกบนั่งมากกว่าม้านั่งอย่างมัน

ฟ้าใสเป็นสาวเรียบร้อย ช่างน่าสงสารที่ชีวิตดังเส้นขนานของเธอต้องมาพ้องพานกับสาวบ้าๆบอๆอย่างฉัน ด้วยความติ๋มเป็นเอกลักษณ์ของฟ้าใส เธอเลยจัดหา ติ๋มซำมาฝาก ทีแรกฉันก็ปฏิเสธอิดออดพอเป็นพิธี แต่พอฟ้าใสเปิดกล่องเผยให้เห็นขนมจีบก้อนน่ารัก หน้าตาติ๋มๆแต่ดูดีเท่าั้นั้น ฉันก็กลายร่างเป็นอีติ๋มตายแน่ แพ้ทางติ๋มซำไปโดยไม่ต้องใช้ระฆังช่วย



เราปิกนิกกันริมบึงกว้าง ปล่อยเวลาให้เข็มนาฬิกาสั้น-ยาวเล่นชิงช้ากันไปเรื่อยๆ น่าแปลกที่เวลาเรานั่งอยู่กับใครสักคนที่เราเรียกว่า เพื่้อน บางทีเราไม่จำเป็นต้องสรรหาถ้อยคำอะไรออกมาพูดกันมากนัก เหมือนว่าพอเงยหน้าจากถาดติ๋มซำขึ้นมามองตา ก็มีรหัสมอสส่งข้อความถึงกันอยู่แถวสถานีปลายทางตรงหน้าผากของเราสองคนแล้ว

เราชวนกันเดินเล่นย่อยอาหารตามทางในสวน ท่ามกลางสนามหญ้าเขียวๆไกลสุดตา เราเห็นวัตถุสีขาวอมชมพูจางๆจุมปุ๊กอยู๋กลางสวน



พอเดินเข้าไปสำรวจจึงพบว่าเขาคือจิ๊กโก๋ชาวเห็ดที่ไว้ผมทรงแอฟโร กำลังใส่หมวกคลุมผมไปอาบน้ำ

เจรจาภาษาฟังใจฟังไจ ( Fungi Language)ได้สักพัก เราต้องร่ำลาจิ๊กโก๋เห็ดเอฟโร เพราะมีนัดกับผีเสื้อในสวนผีเสื้อที่อยู่ถัดไปไม่ไกล

อาคารของสวนผีเสื้อรูปทรงเหมือนโดมใหญ่ คลุมด้วยตะแกรงถี่ๆเหมือนหน้าต่างตู้กับข้าว


พอผ่านประตูทางเข้า เราพบผีเสื้อเพื่อชีวิตตัวหนึ่งรอต้อนรับ ฉันกระัซิบบอกฟ้าใสว่า ช่างเป็นผีเสื้อที่ติดดินที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาเลยนะ



เดินในโดมผีเสื้อแล้วออกเขินๆ เพราะต้องสมรู้ร่วมคิดเป็นพยานรู้้เห็นคำพลอดรักของผีเสื้อกับดอกไม้แทบทุกจุดที่เราเดินผ่าน

เดินได้ไม่นานเราสองคนเกิดผื่นแดงเรื่อขึ้นตามตัว มารู้ทีหลังว่าการกระพือปีกบอกรักของผีเสื้อ นอกจากมธุรสหวานหูจะปลิวออกมาแล้ว ยังพาละอองเกสรดอกไม้ให้ว่อนไหวไปทั่วสวนนี้ด้วย แต่ฉันเชื่อลึกๆว่าส่วนหนึ่งของอาการแสบร้อนที่ผิวหนังของเรา เป็นผลสืบเนื่องจากอาการร้อนผ่าวที่ดวงตาแน่ๆ

แม้จะระคายผิวเป็นระยะ แต่เราก็เดินรอบอุทยานผีเสื้อได้โดยไม่หลง เพราะฉันแอบพบแผนที่เมืองผีเสื้อที่จัดแสดงไว้บนโดมเหนือศีรษะ



ถ้าครูทองใบ แตงน้อย- นักเขียนแผนที่รุ่นคลาสสิกของไทยมาพบเข้าต้องตื่นเต้นแน่ๆ เพราะเป็นแผนที่เมืองหลวงจุดใหม่ที่แม้แต่ครูทองใบหรือกระทรวงคมนาคมก็ยังไม่เคยสำรวจพบมาก่อน



ก่อนออกจากสวนผีเสื้อ เราแวะไปชมภาพยนตร์ชื่อดัง ฟังเพลง ใต้ลำพูรอคู่กรรม



แล้วเฉียดไปดูงานมอเตอร์โชว์ มาโดมเดียว ได้เที่ยวครบทุกแหล่งบันเทิงจริงๆ



นอกอาณาจักรสวนผีเสื้อ เรายังไปเจอะรุ้งตัวอ้วนอวดสีสันอยู่รอบโคนต้นโพธิ ฉันคว้ากล้องมาถ่ายปรากฏการณ์นี้เก็บไว้ ท่าทางที่ตั้งใจถ่ายมากเกินพิกัดปกติ ฟ้าใสเลยขอคว้ากล้องมาดูผลงาน พอเห็นภาพในกล้อง เธอเงยหน้าขึ้นมาถามด้วยเสียงเหมือนรู้ทันว่า นี่ตั้งใจถ่ายรุ้งหรือหนุ่มหลังต้นโพธิกันแน่

ตามตำราสงครามของสามก๊ก ว่ากันว่าเพื่อนที่รู้ใจมากไป จะเก็บไว้ก็รังแต่จะเป็นภัย พึงกำจัดเสียให้พ้นทาง แต่พอเห็นดวงตาซื่อๆของเพื่อน ก็ใจอ่อน เลยปล่อยให้เพื่อนลอยนวลต่อไปก่อน



เราลอยนวลกันไปเรื่อยๆ ก็พบตำนานซอสถั่วเหลือง นี่มันตราภูเขาทองชัดๆ !!

ระหว่างเส้นทางร่มรื่นในสวน ฟ้าใสทำจมูกฟุดฟิดและถามฉันว่า ได้กลิ่นหอมๆของอะไรสักอย่างไหม

ฉันตอบด้วยเสียงมั่นใจอย่างคนมีภูมิว่า “อ๋อ มันคือกลิ่นหญ้าอ่อนเพิ่งตัดใหม่ๆน่ะจ้ะ”

“ทำไมรู้ล่ะ” ฟ้าใสสงสัย

“เผอิญว่าเราเคี้ยวบ่อยน่ะจ้ะ”... คราวนี้ฉันตอบเสียงอ่อย



เดินไปอีกไม่กี่ก้าว เราสองสาวโสดจำต้องเบือนหน้าหนีจากภาพสวีตกระจะตาแบบยิลเลต ซีน ( Gilllette Scene - ภาพบาดตา) เบื้องหน้า ก่อนไปพบประติมากรรมกลางสนามหญ้า ฉันมุ่งมองเนิ่นนาน ชี้ไปที่นั่น แล้วถามเพื่อนว่า รู้็ไหมนั่นคืออะไร



ฟ้าใสไม่ใช่พยัคฆ์ร้ายแต่เธอส่ายหน้า ฉันจึงตอบด้วยเสียงมั่นใจอย่างคนมีภูมิอีกครั้งว่า

“อนุสาวรีย์ป้อมปราบศัตรูพืชยังไงล่ะจ๊ะ”





ของแถม : เลขเด็ดงวดนี้ ใบ้หวยฟรีๆจากสวนรถไฟ...




 

Create Date : 28 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 28 กรกฎาคม 2552 14:39:39 น.
Counter : 3595 Pageviews.  

ไปดูตัวนักเขียน ที่งาน 'หนังสือเล่มหนึ่ง ยุติธรรม'

วันอาทิตย์ที่ผ่านมา รุ่นพี่ที่ทำงานเก่าสุดที่รักของฉันซึ่งมีศักดิ์เป็น แฟนหนังสือแท้ๆของนิ้วกลม ชักชวนฉันไปร่วมงาน A BOOK FAIR ที่ห้างเซ็นทรัลเวิร์ล



ฉันเอานิ้วไล่สะกดอ่านชื่องานทีแรก A – Book – Fair อ้อ งาน ‘หนังสือเล่มหนึ่ง ยุติธรรม’ (จำได้นี่นา ครูเคยบอกว่า แฟร์ แปลว่า ถูกต้อง ยุติธรรม) แสดงว่ามันต้องเป็นงานขายหนังสือกฎหมายแน่ๆเลย

ขณะที่ยังงงๆว่ารุ่นพี่จะชวนฉันไปซื้อหนังสือกฎหมายทำไม รุ่นพี่ก็ยื่นข้อเสนอต่อมาอีกว่า เอ๋ของพี่ กับ คุณทรงกลดของหล่อน ก็จะมางานนี้ด้วยนะ

คำขยายแสดงความเป็นเจ้าของ ‘ของหล่อน’ ที่ต่อท้ายชื่อนักเขียนชื่อคุ้นๆ ทำเอาฉันสับสนว่าเจ้า’s นี้มันมีที่มาได้อย่างไร แต่ความมีฟอร์มเป็นสมบัติของกุลสตรียุคนี้ ทำให้ฉันไม่ต่อความยาว แต่สาวเอาเส้นตอกมาสานชะลอมเพื่อเตรียมไว้หิ้วเข้าบางกอกในวันอาิทิตย์ทันที

แล้วโครงการ ไปดูตัวนักเขียน แบบนัดบอดข้างเดียวก็เกิดขึ้นตามตั้งใจ แต่ช่วงเช้าฉันนัดซ้อนกับเพื่อนสนิทอีกคนไปเริงร่าที่สวนรถไฟกันก่อน กะว่าสีเขียวของต้นไม้จะช่วยให้ฉันหายตื่นบางกอกได้บ้าง ซึ่งฉันจะขอเล่าเหตุการณ์สุขสนั่นอลหม่านนี้ในตอนต่อไป

ย้อนกลับมาที่กิจกรรมช่วงบ่าย เมื่อฉันพบรุ่นพี่ที่เซ็นทรัลเวิร์ลตามนัดหมาย รุ่นพี่ก็นำฉันดิ่งไปหน้างาน

ปกติแล้ว เซ็นทรัลเวิร์ลอยู่แถวสี่แยกราชดำริ แต่บ่ายนั้นมันกลับไปตั้งอยู่ที่เขตบางอ้อเสียนี่ เพราะฉันพิ่งร้องอ๋อว่า A BOOK FAIR ที่เคยเข้าใจว่ามันคือ ‘งานหนังสือเล่มหนึ่ง ยุติธรรม’ นั้น ที่แ้ท้เป็นงานหนังสือของสำนักพิมพ์อะเดย์ต่างหาก

ฉันผู้็มีศักดิ์เป็นแฟนหนังสือแท้ๆของคุณก้อง ทรงกลด ไม่เคยพบเห็นหน้าตาพี่ท่านผ่านสื่อบ่อยนัก เลยตกใจเมื่ออยู่ๆ รุ่นพี่ก็เอาดัชนีนางชี้พุ่งไปในฝูงชน นั่นไง คุณก้อง...

พี่ก้อง นูโว ?? ฉันหน้าตื่นพลางคิดในใจ อ้าว พี่ก้องนูโวก็เป็นแฟนหนังสืออะเดย์ด้วยหรือคะ

ก่อนจะเอ่ยปากถามคำถามบื้อๆออกไป รุ่นพี่ก็พาฉันเดินฉับไปประจันหน้าระยะร้อยเมตรกับชาวไทยร่างสันทัดคนหนึ่งเข้าเสียแล้ว



พ่อเคยสอนธรรมชาติศึกษาว่าด้วยพระอาทิตย์ทรงกลดให้ฉันฟัง ถ้าจะให้อธิบายอย่างง่ายตามประสาคนไม่เก่งวิทยาศาสตร์อย่างฉัน อาทิตย์ทรงกลดก็คือปรากฏการณ์ตะวันทับซ้อน ที่ถูกสายรุ้งขยายผลติดตาม และเข้าล้อมดวงตะวันไว้ได้โดยละม่อม

ตามปกติจะเห็นได้กลางแจ้ง แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ปรากฏการณ์นี้มาทรงกลดให้เห็นจะจะกลางห้าง

บอกตามตรง ฉัน ’ เฉย’ เอามากๆกับการเจอคุณก้องตัวเป็นๆ ฉันวิเคราะห์ตัวเองแล้วก็มั่นใจว่าเราชื่นชมก็เพียงตัวหนังสือของเขา
ความเป็นชางหมู่ที่11ของเขา ( ช่างคิด)
โลกกว้างอบอุ่น กับอาณาจักรใต้โลกสีเขียวของเขา
ถึงจะเจอหรือไม่เจอ ก็ไม่แปลกอะไีร...
แต่ไหนๆก็มาแล้ว เอาหนังสือให้คุณนักเขียนเขาเซ็นเสียหน่อย จะได้ส่งเสริมการบริหารข้อมือให้เขาไม่เบื่อไปนัก




ก่อนเดินเข้าไปหาคุณนักเขียน ฉันหันไปมองหน้ารุ่นพี่แวบหนึ่ง เห็นประกายตามุ่งมั่นที่ถ่ายเทกำลังใจมาให้ฉันเต็มเปี่ยม เหมือนช่วงเวลาฮึกเหิมในช่อง 9 การ์ตูนตอนที่มีเสียงพูดก้องๆกลับไปกลับมาว่า สู้เข้านะ ไอ้มดแดงงงง อย่างไรอย่างนั้น

เหตุการณ์หลังจากนี้ ไอ้มดแดงงงง ของรุ่นพี่คล้ายจะเป็นลมแดดกลางห้างไปชั่วขณะ เลยไม่สามารถรายงานแผนประกอบคำรับสารภาพฉากต่อไปได้

จริงๆนะ ฉัน ‘เฉย’ เอามากๆกับการเจอคุณก้อง ตอนเดินออกมาฉันก็ยังปกติดี แต่ก้มลงไปมองที่ขา ฉันเห็นกระทิงแ่ว่บๆ

ไม่นะ ขาขวิด...ได้อย่างไรกัน

รุ่นพี่พาไปรักษาิอาการขาขวิดด้วยการเสนอกิจกรรมหาอะไรเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง รุ่นพี่ถามว่าอยากกินอะไร ฉันตอบประสาเด็กภูธรอ่อนต่อโลกว่า
ราเมง ละคร...
รุ่นพี่ทำหน้าละเหี่ยแล้วเลยจูงฉันลากชะลอมไปหยุดที่ร้านชื่อ - ฟูจิ -



ฉันเพิ่งรู้็เดี๋ยวนี้เองว่า ร้านขายฟิล์มและอุปกรณ์กล้อง หันมาเอาดีทางการขายอาหารญี่ปุ่นแล้ว บางกอกช่างมีอะไรแปลกตาให้ฉันค้นหาได้ตลอดจริงๆ

เมนูอาหารของร้านฟูจิขนาดเกือบครึ่งหนึ่งของบานพับหน้าต่าง ตัวเลขขวามือบอกราคาอาหารต่อจานในอัตราพอฟัดพอเหวี่ยงกับอัตราค่าแรงรายวันขั้นต่ำของแรงงานไทย

แต่ด้วยคำท้าที่ทางร้านบอกว่า สั่งเลยอร่อยทุกอย่าง ฉันเลยได้เห็นว่าสาหร่ายฟูจิ ก็หน้าตาดีไม่แพ้ฟิล์มสีฟูจิอยู่เหมือนกัน

รุ่นพี่และฉันเป็นหนอนหนังสือที่ผลัดกันตัวอ้วนกลม ไม่เนื่องด้วยฤดูกาลสัปดาห์หนังสือ แค่มีหนังสือ เราก็พร้อมใจกันจำศีลอยู่ได้นานๆ
ฉันเริ่มเชื่อกฎแรงดึงดูดที่ว่าคนที่ชอบอะไรเหมือนกัน มักมีอะไรนำพาใ้ห้มาเกี่ยวพันกัน

อาจเป็นกฎเดียวกันกับที่ดึงดูดฉันข้ามเขตจังหวัดมาถึงบางกอกนี่ด้วย

รุ่นพี่และฉันช่วยกันกวาดหนังสือในงานราวกับเป็นเทศบาลสมมุติ ฉันสุดเ้สียดายที่ขอวีซ่าจากพ่อ เืพื่อพาตัวเองออกจากบ้านได้ไม่นานก็ต้องกลับ ถ้ากลับดึกเกินกำหนด การขอวีซ่าครั้งต่อไปอาจมีปัญหายืดเยื้อ

แต่ฉันรู้็้ดีว่า ประเดี๋ยวรุ่นพี่แสนดีก็จะโทรมารายงานเหตุการณ์เกาะติดให้ทราบต่อไป เลยเอ่ยปากลารุ่นพี่ ลาคุณก้องและทุกคนบนเวที รวมถึงลาพี่หมีในงานก่อนก้มหน้างุดเดินออกจากเซ็นทรัลเวิร์ล





ดูสิ พี่หมีอะเดย์ ยังเศร้าขนาดเอาชามปิดปาก เพราะไม่ใจกล้าพอจะเอ่ยปากลาก่อนกับเรา พอกลับบ้าน เอารูปจากกล้องมาดู พบว่าพี่หมี A DAY มีหลายขา นับแบบคร่าวๆแล้ว รูปนี้พี่หมีมีตั้ง 7 ขาแน่ะ ... ฉันต้องโทรไปบอกรุ่นพี่เสียหน่อยแล้วว่าที่คุณนิ้วกลมเขียนหนังสือ ‘โตเกียวไม่มีขา’ น่ะ เพราะขามันมากองที่พี่หมีตัวนี้นี่เอง

ฉันทำเวลาเพื่อรีบกลับถึงบ้านให้ทันเวลาหมดอายุของวีซ่ารายวันที่พ่อออกให้ อาศัยวิชาการทูตที่ครูพักลักจำเขามาด้วยการซื้อเงาะงามๆถุงใหญ่ไปเป็นบรรณาการจิ้มก้อง ( ที่ไม่ใช่คุณทรงกลด) ให้พ่อ

รู้็ว่าวันนี้ไปเริงร่านอกบ้านมาทั้งวัน ไม่ได้อยู๋บ้านดูแลพ่ออย่างเคย เลยเอาใจพ่อด้วยการแกะเงาะให้พ่อกิน แต่รจนาคนนี้ดูท่าจะเสี่ยงพวงมาลัยไม่เก่งเอาเสียเลย เพราะเงาะที่เธอเลือกแกะนั้น ผลงามก็จริง แต่พอแกะเข้าเท่านั้น น้ำจากผลก็พุ่งปรี๊ดเข้าชะโลมแขนพ่อเหมือนฉีดน้ำรีดผ้า

ฉันใช้เวลาที่ระบุไว้ในวีซ่าเต็มพิกัด ไม่เหลือไว้ให้ทดเวลาบาดเจ็บ ละอองน้ำจากผลเงาะไม่ทำปฏิกิริยาให้เกิดอาทิตย์ทรงกลดเสียด้วย ฉันเลยไม่รู้จะชี้ชวนพ่อดูอะไรให้ลืมเหตุการณ์แขนเปียกไปพลางๆ

ที่พอกู้สถานการณ์ ก็คงได้แค่ก้มลงไปค้นกุกกักในชะลอม และหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา

ฉันเห็นกระทิงแว่บๆอีกแล้ว แต่คราวนี้ ฉันเห็นแขนตัวเองขวิด ตอนกำลังเอาผ้าช่วยเช็ดแขนพ่ออยู่เหยงๆ ...




 

Create Date : 28 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 28 กรกฎาคม 2552 14:29:59 น.
Counter : 2510 Pageviews.  

อะไรกำลังเดินทาง

พี่ชายคนโตเคยเขียนจดหมายเล่าให้ฟังว่า สมัยเด็กของพี่ พ่อมักซื้อของเล่นโมเดลจำลองจำพวกรถไฟ หรือเครื่องบินขนาดจิ๋วให้เล่น นี่อาจเป็นจุดประกายให้พี่ชื่นชอบการเดินทางมาจนทุกวันนี้

ฉันอ่านข้อความของพี่ชายทีแรก ฉันเคลิบเคลิ้มไปตามรางบรรทัด จนจำลองตัวเองย่อส่วนไปอยู่บนรถไฟขบวนจิ๋ว กับเครื่องบินจำลองของพี่ แต่พออ่านซ้ำอีกที ก็ให้นึกเคืองขึ้นมานิดๆว่า เอ๊ะ แล้วทำไมสมัยเด็กของฉัน ไม่เห็นมีของเล่นเป็นพาหนะจำลองอะไรกับเขาบ้างเลย แม้แต่โมเดลอีแต๋นจิ๋ว หรือ เกวียนจำลองก็ยังดี


ฉันไม่รู้ตัวว่าฉันชอบเดินทางตั้งแต่เมื่อไร ต่อเมื่อตะหงิดใจ ก็เสพติดและหลงใหลมันไปแล้วอย่างถอนตัวไม่ขึ้น

เคยเขียนคำทู่ ( ตรงข้ามกับคำคม) ไว้สนองความคิดเบี้ยวๆของตัวเ้องว่า

Love is like water ; you need it everyday.
Travel is like wine ;
Good health for a little.
Great addiction for more. - -

ความรักก็เหมือนน้ำ เราต้องดื่มทุกวัน
ส่วนการเดินทางก็เหมือนไวน์
ดื่มทีละน้อยๆ มันดีต่อสุขภาพ
แต่ถ้าดื่มทีละมากๆ ระวังจะติด...


ช่วงเวลาไหนที่การงาน หรือปัจจัยอะไรร้อยแปดมาขัดขวางให้ฉันไม่สามารถเดินทางอย่างใจอยาก ฉันมักปลอบใจตัวเองเพื่อทุเลาอาการลงแดงเพราะไม่ได้เดินทางว่า ... ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ให้ความคิดถึงเราเดินทาง...

ไม่นานมานี้ เพื่อนรักส่งเพลงมาให้ทางอีเมล์ ชื่อเพลง ความคิดถึงกำลังเดินทาง ฉันเห็นชื่อเพลงแล้วอมยิ้มเล็กน้อย แหม มีคนปล่อยให้ความคิดถึงออกเดินทางเพ่้นพ่านเหมือนเราด้วยแฮะ

ในไฟล์เพลงบอกว่าร้องโดย โกไข่กับนายสน แค่เหลือบดูชื่อเพลงก็ติดตา แต่พอฟังเนื้อหา ยิ่งติดใจ ฟังเพลงนี้แล้วนึกอยากกินขนมจีนแกงไตปลา แนมข้าวยำราดน้ำบูดูขึ้นมาทันที เพราะเขาร้องได้สำนวน ต๊าย ใต้จริงๆ

ขณะที่ปล่อยให้ความคิดถึงของตัวเองเดินทางลำพังพร้อมเสียงเพลงหงุงหงิง ตัวเองกลับต้องง่วนกับการเดินทางบนโต๊ะทำงาน และจดจ้องจอคอมพิวเตอร์ตรงหน้า ฉันแวะเข้าไปเวปที่สะกดแปลกๆว่าGoogle เพื่อถามหาข้อมูลบางอย่างสำหรับงาน พอเจอโลโก้หน้าจอของวันนี้เท่านั้น ฉันเผลอถอนหายใจแรงๆไปทีหนึ่ง



ถอนหายใจ เพราะโลโก้ Google ของวันนี้มันช่าง take my breath away * จริงๆ ... ฉันรีบสูดหายใจลึกๆ ราวกับอยู่ๆก็โดนเตะถ่วงลอยขึ้นมาสู๋ชั้นบรรยากาศนอกโลก พร้อมกับใจที่ละลายไปแล้วกับความคิดสร้างสรรค์ของครีเอทีฟ

( * สำนวน take my breath away นี้ฉันได้มาจากเพลงเก่าเพลงหนึ่ง ที่ประกอบภาพยนตร์Top Gun ของพี่ทอม ครูซ ฟังทีแรกฉันแปลเอาทื่อๆประสาเด็กทึ่มว่า ...เธอพรากลมหายใจของฉันไป ...

แต่ถ้าไปบอกครูวิชาภาษาอังกฤษแบบนี้ คงโดนเขกกระโหลก เพราะมันเป็นสำนวนฝรั่งหมายถึง ทึ่งกับอะไรสักอย่าง จนต้องสะกดลมหายใจต่างหาก)

วันที่ 21 กรกฎาคมของทุกปี ทั่วโลกเขาฉลองการเดินทางไปพระจันทร์กัน แต่ในปฏิทินของฉันไม่มีวันพิเศษนี้ เพราะฉันเดินทางไปเที่ยว’ดวงจันทร์’ ทุกคืน
มองมันทุกวัน
จนกระต่ายบนดวงจันทร์หันมายกสากตำข้าว และค้อนเราควั่กๆ บ่อยๆ

ความที่ฉันมองดวงจันทร์ทุกคืน ฉันเคยคิดเลยเถิดเล่นๆว่า ถ้าดวงจันทร์มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ สาธารณรัฐดวงจันทร์ ต้องปรับปรุงกระทรวงคมนาคมเป็นอย่างแรก เพื่อปรับผิวจราจรทุกจุดให้เรียบกว่านี้ และต้องให้ WWF สาขาดวงจันทร์มาจัดการคดีใช้แรงงานสัตว์ทารุณด้วย เพราะฉันเห็นกระต่ายบนดวงจันทร์ตรากตรำ ตำข้าวมาหลายทศวรรษแล้ว

อย่างไรก็ดี ถึงฉันจะไม่เคยมีบุญได้นั่งยานอวกาศไปเหยียบโลกพระจันทร์อย่างนักบินอวกาศเขา
แต่ฉันก็ภูมิใจลึกๆที่ ฉันมีดวงตาสองข้างเป็นยานส่วนตัว พาฉันไปท่องดวงจันทร์ทุกวัน

และแน่นอน ฉันเอาความคิดถึงของฉันเดินทางไปด้วย...

(หมายเหตุ ฉันเลือกกลุ่มย่อยให้เอนทรี่นี้ อยู๋หมวด ท่องเที่ยวต่างประเทศ เพราะคิดว่า ทริปดวงจันทร์ น่าจะใกล้เคียงกับหมวดนี้ที่สุด ...ก็ bloggang เขาไม่มีกลุ่มย่อย ท่องเที่ยวต่างดาวนี่นา...)




 

Create Date : 22 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 22 กรกฎาคม 2552 13:46:27 น.
Counter : 1248 Pageviews.  

มาลีใต้โลก กับ ดวงตา'ต้อบับเบิ้ล'ของเธอ

สัปดาห์ก่อน ฉันอ่านหนังสือจบไปหลายเล่ม หนึ่งในนั้นคือหนังสือชื่อ สร้างเสริมประสบการณ์อิงลิช โดย มาลี บรรณาธิการเล่มคือ คุณทรงกลด บางยี่ขัน

เป็นหนังสือพอกเกตบุ๊กสี่สีทั้งเล่ม ที่โปรยหน้าปกว่าเกี่ยวกับประสบการณ์ชีวิตนักเรียนไทยในอังกฤษ ที่กระเพราหน้าตาดี และตุ๊กตาหมีเล่นยูทูป...


(เราเอ่ยปากขอภาพจากมาลี ใน maleenote.multiply.com ตะโกนขออยู่ตั้งนาน แต่มาลีไม่อยู่ เราเลยฉกมาเสียเฉยๆ แต่เรารู้ว่ามาลีจะให้อภัย)



พอดีว่ากำลังเห่อที่เพิ่งได้รู้จักกับมาลีผ่านตัวหนังสือ
พอดีว่าตาฉันเริ่มเป็น'ต้อบับเบิ้ล' ฉันเลยรีบเขียนอีเมลเพื่อปรึกษาโรคกับมาลี โดยใช้ที่อยู่อีเมลที่มาลีบอกไว้ท้ายหนังสือ
พอดีฉันเพิ่งค้นพบว่า เขียนอะไรหลุดโลกแบบนี้ก็น่ารักน่าชัง แถมเป็นรูปเป็นเล่มได้ด้วย รู้งี้ ฉันงัดเอาบุคลิกบ้าบ๊องต๊องฮาของตัวเองออกมาเขียนบ้างก็ดี

เราเขียนไปหาเธอว่าอย่างนี้ค่ะ
(เหมายเหตุ ถ้าใครยังไม่ได้อ่านหนังสือ อาจงงกับมุขในจดหมายของฉันบ้างนิดหน่อย )

สวัสดีค่ะ คุณมาลีอยู่ไหมคะ

พอดีเรารู้จักคุณโดยบังเอิญผสมตั้งใจนิดหน่อย ผ่านหนังสือสร้างเสริมประสบการณ์ อิงลิช
พอดีแวะมาแถวนี้ เลยขอทักทายคุณมาลีหน่อยค่ะ

พอดี ที่ผ่านมา เรารู้จักตัวหนังสือของคุณก้อง ทรงกลด
แล้วพอดีว่าเราเห็นชื่อคุณก้องเขาเป็นบก.ให้หนังสือของมาลี
ตาอันตี่ธรรมชาติของเราโตเป็นไข่ห่านไฮด์พาร์กเลย ก็เหมือนคนชอบกินซีอิ๊วตราดอกบ๊วยแล้ววันหนึ่งไปเจอคัพเค้กรสซีอิ๊วดอกบ๊วยน่ะค่ะ

หนังสือของมาลี...มันต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ ขนาดคุณก้องมาเป็นบก.ให้

พอดีอีกว่า วันนั้นเราไม่ได้ทานข้าวเช้า ตัวเลยหลวมๆ เป็นเหตุให้เราหลวมตัวหยิบหนังสือของมาลีมาอ่าน คล้ายกับโดนมนต์นะจังงังของพี่นินจา ฮาโตริ นินๆๆ

เราไม่เคยไปลอนดอน
เราไม่เคยกินเป็ดโฟร์ซีซั่น
เราไม่เคยนั่งม้าหมุนมาลีไปลาว ( Malee Goes Laos)
แต่เรารู้สึกเหมือนลอนดอนในโลกของมาลีหมุนวนอยู่ในพิกัดลองติจูด ละติจูดที่ไม่ไกลจากจุดที่เรานั่งอ่านสักเท่าไหร่

เรารู้นะว่าชีวิตเด็กนักเรียนต่างแดนของมาลี ย่อมมีวันเหนื่อย ท้อ เครียด
แต่ดูเหมือนอารมณ์พวกนี้ไม่ค่อยออกมาจากผ้าคลุมล่องหนของตัวหนังสือมาลีเลย เราเคยมองหาคนที่มีเซนส์พิเศษอยู่เสมอ เซนส์ที่ว่าคือSense of Humor และเราคิดว่า เซนส์พิเศษนี้มันมีอยู๋ในตัวมาลีแล้วจนเต็มปรี่

เรานึกขอบคุณคุณก้อง ( เขาคงไม่รู้ตัว) ที่เอาชื่อตัวเองไปแปะที่ปกหลังของหนังสือมาลี ถ้าบก.ของหนังสือสร้างเสริมประสบการณ์อิงลิชที่มาลีเขียน เป็น นายทรงวาด หรือ นายทรงทรง เราอาจจะยังไม่รู้จักมาลีเร็วขนาดนี้ก็ได้

มาลีรู้ไหม โลกของคนอารมณ์ดี จะเหมือนมีบับเบิ้ลกันกระแทกแปะอยู๋ในทุกสิ่งที่สายตาของพวกเขามองเห็น ทุกข์ที่เขาเป็น จะถูกรองรับด้วยการมองโลกในแง่ดี

จนอะไรต่ออะไรกลายเป็นทุกข์ที่เขาเห็นไปหมด ไม่เหลือทุกข์ที่เขาเป็นเลย เราอ่านหนังสือของมาลีแล้ว เราเริ่มมองเห็นบับเบิ้ลกันกระแทกอยู๋ทางโน้นทางนี้ จนเราคิดไปเองว่า เอ๊ะนี่ ตาเรากลายเป็นต้อบับเบิ้ล*ไปหรือเปล่า ( *ตระกูลเดียวกับตาเป็นต้อลม ต้อกระจก ต้อหิน แต่พี่ต้อ นามสกุลบับเบิ้ล น่ารักหนุกหนานกว่าพี่ต้ออื่นๆเยอะ)

มาลีทำให้เรารู้อย่างหนึ่งว่า มาลี ไม่ได้มีดีแค่น้ำผลไม้อร่อย (อร่อยแท้ต้องยี่ห้อมาลี) แต่ 'มาลี'ยังเขียนหนังสือสนุกด้วย

ก็อย่างที่บอกว่า พอดีแวะผ่านมาทางนี้ เลยขอทักทายมาลีหน่อย
แต่ดูท่าว่าเราจะคุยนานเกินพอดี
งั้นเราทักทายแค่นี้นะคะ
ดูท่าว่ามาลีคงต้อนรับเราจนเหนื่อยพอดี

หวังว่ามาลีจะมีความสุขทุกวัน
. . .

( หมายเหตุ - - มาลีใต้โลก เป็น การอ้างอิงหนังสือชื่อ ดอกไม้ใต้โลก ของคุณทรงกลด บางยี่ขัน โดยมีหนังสือสร้างเสริมประสบการณ์การอิงลิชของมาลี เป็นโจทย์หลัก ถ้ามาลีมี 'ชื่อจริง จริงจริง'ว่า ผกา หรือมี 'ชื่อจริง เล่นเล่น' ว่าบุษบา เราก็จำต้องตั้งข้อหาน่ารักให้หัวข้ออีเมล์นี้ว่า ผกาใต้โลก หรือบุษบาใต้โลก แน่ๆค่ะ)


ถ้าอยากลองเป็น โรค ดวงตาบับเบิ้ล อย่างโรคใหม่ที่เรากำลังเป็นอยู๋นี้ ลองไปหาหนังสือของมาลีมาอ่าน แล้วคุณอาจค้นพบตลกคาเฟ่สาขาฉันเอง อยู่ใต้โลกขรึมๆ เหงาๆของคุณ

เหมือนที่เราพบตลกคาเฟ่ของเราแล้ว ในโลกตีลังกาของมาลี




 

Create Date : 20 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 20 กรกฎาคม 2552 16:03:46 น.
Counter : 1398 Pageviews.  

การเดินทางเป็นเส้นวงกลมของเรา และ ฒ ผู้เฒ่า


(ขอบคุณภาพจาก Google)

ภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องThe Lion King มีเพลงประกอบเพราะๆหลายเพลง หนึ่งในนั้นคือเพลง Circle of Life แต่งโดยเซอร์เอลตัน จอห์น กล่าวถึงชีวิตคนเราที่วนเวียนเป็นวัฏจักร

พี่ชายคนหนึ่งของฉันเคยถามทีเล่นทีจริงว่า รู้ไหม ทำไมคนแก่ถึงขี้ลืม
ฉันตอบทะเล้นแบบกำปั้นทุบดินว่า เพราะคนแก่เบื่อจะจำ

แต่ในความเป็นจริง ทั้งคนถามและคนตอบต่างรู้ดีว่าเพราะธรรมชาติมีเหตุผลของมัน หากตอบแบบหลักกายภาพ ชีวภาพ นักวิทยาศาสตร์คงบอกว่านั่นคือการเสื่อมถอยของสังขารตามอายุขัย

แต่ถ้ามองอีกแง่ การที่คนสูงอายุหลงลืม อาจเป็นการดีกว่าเพราะพวกเขาจะได้ไม่ต้องทุกข์กับอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคตมากนัก ราวกับว่าความทรงจำมากมายที่เกิดขึ้นในชีวิตกลายเป็นภาพเลือนสีซีดจาง

ฉันและพ่ออายุต่างกันถึง 50 ปี ช่องว่างระหว่างวัยที่ถ่างกว้างทำให้การปรับความคิดเข้าหากันยากอย่างยิ่ง แต่ถ้ามองอีกแง่ มันก็เป็นผลดีให้ฉันเข้าอกเข้าใจคนสูงวัยเป็นอย่างดี โดยอาศัยพ่อเป็นกรณีศึกษาใกล้ตัว

เมื่อถึงคราวสูงวัย อะไรต่อมิอะไรดูเชื่องช้า และความสามารถในการหลงลืมดูจะแย่งพื้นที่ความสามารถในการจำเข้าไปทีละน้อย เวลาฉันอยู่บ้าน มักได้ยินพ่อบ่นเรื่องขี้หลงขี้ลืมของตัวเอง เช่น เห็นพ่อหยิบพจนานุกรมขึ้นมา แล้วก็เงยหน้าถามฉันว่า เอ๊ะ เมื่อกี้พ่ออยากจะค้นคำว่าอะไร

และฉันมักชินกับเสียงร้องเรียกจากพ่อให้ช่วยหาแว่นตา ขวดยา หรือหนังสือบางเล่มที่พ่อจำไม่ได้ว่าเผลอวางไว้ที่ไหน

ถ้าพ่อเรียกขณะฉันว่าง ฉันก็สามารถเป็นศูนย์รับแจ้งและติดตามของหายประจำตัวให้พ่อได้ทันที

แต่ถ้ากำลังยุ่งกับธุระบางอย่างในบ้านซึ่งบ้างครั้งแสนคับขัน เช่น กำลังผจญภัยอยู่กับการครัวหน้าเตา จะปิดเตาก็เสียจังหวะ จะทิ้งเตาไว้ของในกระทะก็อาจไหม้ หากอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ บางทีภาวะหงุดหงิดจะพุ่งขึ้นมาวูบใหญ่ พลางคิดในใจว่า หายอีกแล้ว... แต่ทุกครั้งที่เกิดภาวะขุ่นใจที่ว่า ฉันจะรู้สึกผิดทุกครั้ง

ฉันนึกถึงวันข้างหน้าของตัวเองเมื่อถึงวัยเดียวกับพ่อ ฉันรู้ดีว่าอาการหลงลืมที่พ่อเป็น จะตกทอดมาสู่ฉันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน

เผลอๆฉันอาจร้องเรียกให้ลูกหลานช่วยหาของ หรือบ่นโน่นนี่ตามประสาบ่อยยิ่งกว่าที่พ่อเป็นก็ได้

เดี๋ยวนี้ฉันจึงพัฒนาตัวเองให้เป็นศูนย์รับแจ้งและติดตามของหายประจำตัวให้พ่ออย่างมีประสิทธิภาพขึ้น และใส่ใจในการบริการมากขึ้น ฉันพบว่าการทำอะไรด้วยความเต็มใจทำให้เราหลงลืมความหงุดหงิดหรือสักแต่ว่าทำไปอย่างน่าประหลาด

สำหรับคนที่ยังไม่แก่ แต่กำลังจะแก่ในวันข้างหน้าอย่างเราๆ ธรรมชาติยังไม่ได้ปรับสังขารให้เราพ่ายต่อการหลงลืม แต่บ่อยครั้งเรากลับหลงลืมอะไรบางอย่าง ...

ฉันไม่ใช่ผู้ใหญ่ที่เข้าใจความเป็นผู้ใหญ่อะไรดีนัก แต่ก็ดีใจที่อย่างน้อยฉันยังไม่หลงลืมผู้ใหญ่ในบ้านอีกคนที่รอฉันอยู่ที่บ้าน เหมือนสำนวนที่พ่อพูดบ่อยๆว่า พ่อเอาใจไปแขวนรอลูกสาวอยู๋ที่หน้าประตูบ้าน...

ชีวิตคนเราเหมือนเส้นวงกลม ซึ่งเส้นรอบวงของแต่ละคนก็ไม่ได้ยาวมากนัก

ฉันรู้ดีแล้วว่ามันดีแค่ไหนที่ฉันยังได้ยินเสียงเรียกของพ่ออยู่ในบ้าน ...




 

Create Date : 17 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 17 กรกฎาคม 2552 13:08:42 น.
Counter : 1465 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  

Love At First Click
Location :
ชลบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]




An ordinary woman who loves to write and who loves to know what love is.
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Love At First Click's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.