สอนไทยให้ฝรั่ง(จบ) : มานะเขียนดี มานีอ่านคล่อง
(ต่อจากเอนทรี่ที่แล้ว) ความเดิม: สาวไทยจับพลัดจับผลูมาสอนภาษาไทยให้ช่างไม้วัยกลางคนสัญชาติออสซี่
เส้นทางการสอนเริ่มต้นจากทางลูกรังขรุขระระหว่างศิษย์ตาน้ำข้าวและค.ครู อดทน ซึ่งสอนอย่างไม่คิดแก่สินจ้าง และไม่หวังเป็นเพียงเรือจ้าง
คนสอนก็สอนอย่างมานะ คนเรียนก็เรียนอย่างวีระ จนทางขรุขระเริ่มเปลี่ยนเลน และเห็นสวนดอกไม้รำไร โดยมีหนังสือแบบเรียนมานะ-มานีเป็นคัมภีร์สำคัญ
ส่วนตอบจบของคอร์สนี้จะชูใจหรือไม่นั้น ต้องติดตามบรรทัดต่อไปนับจากนี้ ...
ฉันจึงต้องไล่ตั้งแต่ Mr. and Miss Industrious (เด็กชายมานะกับเด็กหญิงมานี) Miss Enjoyment (ชูใจ) เรื่อยไปจนถึง Mr. Delight หรือเด็กชายปิติ
โดยไม่ลืมบอกสตีฟว่า ลิงน้อยเจ้าจ๋อที่เป็นสัตว์เลี้ยงของ Mr. Delight นั้น แปลเป็นภาษาฝรั่งว่าเจ้า To sit
เราเริ่มเรียนอ่านบทที่หนึ่งด้วยคำง่ายๆเช่น มานีมีตา กามีตา
แต่แล้วฉันก็ต้องพยายามอย่างหนักให้สตีฟแยกแยะให้ออกระหว่างเสียง ด เด็กกับต เต่า เพราะเวลาออกเสียง ตา ทีไร สตีฟจะพูดว่า ดา ทุกทีไป
บ ใบไม้กับ ป ปลาก็เป็นปัญหา เพราะสตีฟชอบออกเสียงว่า นามีบู กาดูบูนา อยู่เรื่อย
ตอนฝึกอ่าน ฉันให้สตีฟหัดแปลความหมายเทียบไปด้วย จะได้รู้ว่าเนื้อเรื่องสื่อถึงอะไร และเป็นการเพิ่มศัพท์ไทยใหม่ๆให้เขาไปในตัว ฉันเองก็ได้เรียนศัพท์แสลงออสซี่บ้างเหมือนกัน เช่น คำว่าปูนา นอกจากจะแปลว่า fresh water crab แล้ว สตีฟบอกว่าบางทีเราก็เรียกมันว่า yabby
ฉันเพิ่งค้นพบว่าตัวเองมีความอดทนสูงพอใช้เมื่อสอนฝรั่งอ่านไทย
ฉันไม่เบื่อที่จะสอนนักเรียนซ้ำๆถึงความหมายของคำแต่ละคำและออกเสียงซ้ำๆจนกว่าสตีฟจะพูดให้ถูกต้อง
ฉันแนะนำให้สตีฟอ่านไทยแล้วแปลเป็นอังกฤษกำกับด้วย และหัดสะกดทีละตัวด้วย จะได้เข้าใจความหมายได้แน่นอน ไม่ใช่เอาแต่อ่านปาวๆไปเท่านั้น ซึ่งสตีฟทำได้น่าพอใจ
( หน้านี้มีเฮ... )
สตีฟค่อยๆอ่านและแปลไปเรื่อยๆ
ตาปู - - fresh water crabs eyes / หูตา - - ears and eyes /
พอถึงคำว่า ตีตาปู ( บทที่สอง หน้าห้า) สตีฟแปลเอาดื้อๆว่า to hit the fresh water crabs eyes
ฉันหัวเราะกิ๊ก บอกสตีฟว่า โอ้โห มานีซาดิสต์จังเนอะ เด็กป.หนึ่งฝันร้ายแน่เลย กลับบ้านคงไปบอกแม่ว่า แม่ๆวันนี้หนูเรียนหนังสือ เขาสอนให้เอาไม้ตีตาปูด้วยล่ะฮะ...
แล้วฉันก็อธิบายสตีฟเสียใหม่ว่า ตาปู แปลอีกอย่างว่า nail คุณเป็นช่างไม้ คุณต้องรู้จักศัพท์ไทยคำนี้นะคะ จบคดีตีตาปูไม่ทันไร ต่อด้วยวลีให้หัดอ่านว่า ดูดีดี สตีฟอึ้งไปสักพักแล้วบอกว่า เอ๋
เหมือนเคยได้ยินเลยคำไทยคำนี้
สองวินาทีต่อมา สตีฟก็ร้องเพลงที่ทำเอาฉันขำ สอนต่อไม่ได้ไปหลายนาที เพลงที่สตีฟร้องเป็นท่อนที่ว่า There she goes, shes walking down to the street ดูดีดี ดาดีดั๊ม ด๊าดี่ดัม
.
บางทีการสอนก็ต้องมีกลยุทธ์พลิกแพลงและรุ่มรวยอารมณ์ขัน นักเรียนจะได้ไม่เบื่อ ฉันนั้นใช้สารพัดวิธีตั้งแต่เล่าเรื่องสนุกๆให้ฟังเวลานักเรียนหาว
หรือเอาขนมไปฝากและอนุญาตให้กินระหว่างเรียนได้ หรือเวลาให้จำศัพท์ก็อาศัยเทียบสิ่งที่พบเจอในชีวิตประจำวัน เช่น
ประโยคว่า สีเทาไปหาโตไวไว ฉันก็บอกสตีฟว่า เวลาอ่านคำว่าไวไว ให้นึกถึง ยี่ห้อ instant noodle ยี่ห้อหนึ่งที่มีขายในร้านชำเอเชียนะ อยากกินเมื่อไหร่ก็กินได้ quick quick เลย
พอถึงบทที่หก ที่กล่าวถึงมานีพาเจ้าโตไปเที่ยวทุ่งนาแล้วโตโดนปูนาหนีบหู มานีจึงทายาเบาเบา
ฉันซึ่งช่างคิดมากไม่แพ้นักเรียนก็ตั้งข้อสังเกตกับสตีฟว่าตลกดีเนอะ มานีพาเจ้าโตไปเที่ยวทุ่งนา แต่เอายาพกติดตัวไปด้วย ยังกับเป็นแพทย์สนามแน่ะ
เราหัวเราะกันครื้นเครง เห็นพ้องกันว่าบางทีเนื้อหาในแบบเรียนก็ผูกเรื่องงงๆ แต่รวมๆแล้วมันแสนน่ารักและสดใสจนอยากเรียนชั้นประถมซ้ำชั้นไปเรื่อยๆ
มีเรื่องราวชวนหัวมากมายตลอดระยะเวลาที่สอนสตีฟ แต่คาบเรียนที่สนุกที่สุดของเราคือตอนฝึกเรียนอ่านและเขียนเลขไทย
เรียนกับครูน้ำอ้อยต้องคัดไทยให้สวย และออกเสียงร เรือ คำควบกล้ำให้ชัดเจน แม้แต่ตัวเลขไทยก็ต้องเขียนให้สวยๆ หน้ากระดาษที่สตีฟหัดคัดเลขหนึ่งไทยมองดูเหมือนใครเอาถาดมาเรียงดินสองพองเป็นแถว
( นี่คือถาดดินสอพองในจินตนาการ ขณะฉันมองกระดาษที่สตีฟหัดคัดเลขหนึ่งไทย)
ฉันบอกสตีฟว่าถ้าอยากจำเลขไทยให้ได้เร็วๆ ลองนึกถึงวิธีขำๆดูสิ เช่น เลขสามไทยมันเหมือนเลขสามอารบิกหกกะล้ม
เลขสี่เหมือนงูเห่า cobra
เลขเจ็ดเหมือน Three Beckham เพราะเบคแฮมหกกะล้มเป็นเลขสามแต่วาดขาเตะโด่งขึ้นฟ้าไปเสียดื้อๆ
แล้วเลขเก้าไทยนี่ก็เป็น Hesitant three (เลขสามจอมลังเล) ได้นะ เพราะพอจะเขียนเลขสามแต่เปลี่ยนใจไปไต่ฟ้าเป็นเลขเก้าเสียกลางทาง
ถึงอย่างนั้น สตีฟก็สับสนระหว่างเลขสามกับเลขเจ็ดอยู่นาน แต่สุดท้ายสตีฟหาทางออกได้ด้วยตัวเองเมื่อเขาสรุปว่า อ๋อ นึกถึงเลขสามไทยให้นึกถึงสัญลักษณ์ McDonald
.
สัญลักษณ์อันโด่งดังนี้ ช่วยให้ศิษย์ของฉันยึดไว้เป็นหลักท่องจำเลขสามไทย
(รูปนี้เป็นคาบเรียนที่ฉันควบเอาการเรียนศัพท์เกี่ยวกับใบหน้า รวมกับการหัดท่องจำเลขไทย แบบฝึกหัดเช่น สามหน้า สี่คิ้ว แปดคาง เจ็ดจมูกที่ฉันทดสอบความจำกับสตีฟ
เลยได้ออกมาเป็นสัตว์ประหลาดพิลึกอย่างที่เห็น ส่วนเลขไทยที่เห็นบนกระดานข้างๆคือลายมือคัดไทยจากฝีมือสตีฟล้วนๆ)
ก่อนฉันเรียบจบ และมีกำหนดกลับเมืองไทย ฉันมุมานะสอนสตีฟอ่านแบบเรียนมานะ-มานีได้ถึงบทที่ 12 นับเป็นความภูมิใจส่วนตัวของชีวิตที่สามารถทำให้ฝรั่งคนหนึ่ง อ่านไทยได้คล่องพอใช้ และเขียนไทยได้สวยงาม
(บทสุดท้ายที่สตีฟหัดอ่าน เห็นไหมล่ะว่า เจ้าแก่ยังไม่ตาย... : )
นอกจากนี้เรายังต่อยอดไปถึงการหัดร้องเพลงไทยง่ายๆ เช่น เพลงช้าง ช้าง ช้าง เพลงลอยกระทง โดยบางครั้ง สตีฟก็นึกครึ้มเอากีตาร์มาแกะคอร์ดและเกากีตาร์คลอไประหว่างหัดร้องเพลงไทยด้วย
เหนือสิ่งอื่นใด แม้แบบเรียนมานะและมานีบทที่ 12 จะยังไม่ก้าวหน้าถึงกับมีศัพท์ยากๆให้หัดอ่านเช่นคำว่า มิตรภาพ แต่คำบางคำแม้ไม่รู้ว่าเขียนอย่างไรแต่เราก็สะกดและแปลเป็นความหมายได้ในใจ
ฉันและสตีฟยังดำรงสัมพันธภาพความเป็นเพื่อนจนถึงปัจจุบัน ฉันไม่แน่ใจว่าป่านนี้สำเนาแบบเรียนมานะ-มานีที่สตีฟมีเก็บไว้ เจ้าของจะหยิบมันมาปัดฝุ่นและหัดอ่านบ่อยแค่ไหน
แต่ฉันเชื่อเหลือเกินว่าเรื่องราวสวยงามของมานีจังและเพื่อนๆในแบบเรียนชุดนี้ จะอยู่ในใจลูกศิษย์ของฉันตลอดไป
Create Date : 22 ธันวาคม 2552 |
Last Update : 22 ธันวาคม 2552 14:45:53 น. |
|
9 comments
|
Counter : 16469 Pageviews. |
|
|
|
โดย: psyche IP: 204.114.196.11 วันที่: 22 ธันวาคม 2552 เวลา:15:41:18 น. |
|
|
|
โดย: รักแรกคลิก IP: 204.136.218.8 วันที่: 22 ธันวาคม 2552 เวลา:16:39:56 น. |
|
|
|
โดย: จอย IP: 117.121.211.99 วันที่: 23 ธันวาคม 2552 เวลา:18:04:59 น. |
|
|
|
โดย: รักแรกคลิก IP: 204.136.218.8 วันที่: 24 ธันวาคม 2552 เวลา:14:02:13 น. |
|
|
|
โดย: รัชชี (รัชชี่ ) วันที่: 27 ธันวาคม 2552 เวลา:14:05:08 น. |
|
|
|
โดย: รัชชี (รัชชี่ ) วันที่: 31 ธันวาคม 2552 เวลา:10:18:43 น. |
|
|
|
โดย: T.Visit IP: 58.8.219.106 วันที่: 30 มกราคม 2555 เวลา:0:32:29 น. |
|
|
|
โดย: ฟ้าใส หลักสี่ IP: 58.11.117.35 วันที่: 18 เมษายน 2557 เวลา:21:53:55 น. |
|
|
|
| |
|
|