ดอกไม้ไฟ ที่สว่างไสวในตอนกลางวัน
12 สิงหาึคมที่ผ่านมาเป็นวันหยุด ทีแรกฉันตั้งใจจะตั้งป้อมอยู่ที่หอพักเพื่อเขียนหนังสือ แต่แล้วก็มีแรงบันดาลใจอะไรสักอย่างเกิดขึ้นมาฉับพลันให้ฉันตัดสินใจเดินทางกลับไปหาพ่อที่บ้านเมืองชลฯ
แม้ว่าวันรุ่งขึ้น ฉันก็ต้องเดินทางกลับมาทำงานต่อที่ต่างจังหวัดในวันพฤหัสฯอีก แต่ช่วงเวลาสั้นๆที่ฉันใช้จ่ายไปกับพ่อที่บ้าน ฉันพบว่า
เพียงหนึ่งวัน ของใครบางคน อาจเป็น ตั้งหนึ่งวันของใครอีกคน...
หัวค่ำของวันแม่ ราวทุ่มกว่า ฉันพาคุณนายเอี่ยม มอเตอร์ไซค์คันเก่าประจำบ้านออกไปซื้อยา
ระหว่างทาง มีดอกไม้ไฟเฉลิมพระเกียรติวันแม่แห่งชาติจุดขึ้นสว่างไสวบนฟ้า ไม่ไกลกันมีเด็กน้่อยสามสี่คนออกมายืนดูกลางแจ้ง พวกเขากระโดดโลดเต้นกับสีสันของดอกไม้ดอกโตบนผืนฟ้าสีดำสนิท จนฉันอดตื่นเต้นตามไปด้วยไม่ได้
ฉันจอดมอเตอร์ไซค์เข้าข้างทางและร่วมเหตุการณ์ชมดอกไม้ไฟไปพร้อมกับเด็กน้อยกลุ่มนั้น
เวลาดูดอกไม้ไฟก็เหมือนเวลาดูหนัง ฉันมักชมมหรสพบนฟ้าอย่างเงียบๆ ปล่อยให้หัวใจและความคิดเต้นโครมครามไปตามเรื่องของมัน
ทุกครั้งที่เห็นดอกไม้ไฟ ฉันมักนึกถึงแม่ เพราะแม่มักรอคอยชมดอกไม้ไฟวันเฉลิมฯทุกๆปี
และบางทีก็นึกถึงคืนคืนหนึ่งที่ฉันพูดมากที่สุดในชีวิตระหว่างการชมดอกไม้ไฟ
ฉันไม่แน่ใจว่าคืนนั้น บนท้องฟ้าของกรุงเทพมหานครมีการเฉลิมฉลองเทศกาลสำคัญอะไร แต่เสียงอึกทึกนอกหน้าต่าง ชวนให้ฉันและแม่หันไปมองที่มาของเสียงพร้อมกัน
แม่ ดอกไม้ไฟเต็มฟ้าเลย !! ฉันตะโกน ตัวชิดขอบหน้าต่างพลางจ้องตาเขม็ง
จากมุมสูงของหน้าต่าง ดอกไม้ไฟดูใกล้จนแทบเอื้อมเด็ดได้
เล่าให้แม่ฟังหน่อยสิ แม่บอกมาจากข้างหลัง
ฉันหันไปมอง เห็นวงหน้าครึ่งหนึ่งของแม่เด่นชัดบนหมอนลายโลโก้โรงพยาบาล แม่เพิ่งพลิกตัวมานอนตะแคง เอี้ยวหน้ามองมาที่ฉัน
ที่ริมหน้าต่าง ฉันเขยิบเท้าให้มีพื้นที่เสมือน เพียงพอให้แม่มายืนข้างๆฉันได้
ถ้าเพียงแม่ลุกขึ้นไหว และมายืนข้างๆฉันได้
ฉันสูดลมหายใจเอากลิ่นของกลางคืนจากกลางฟ้าเข้าปอด ก่อนเริ่มบทบรรยายดอกไม้ไฟด้วยเสียงในฟิล์ม
ฉันไม่เอาอ่าวกับการคำนวณนัก คำบรรยายของฉันจึงไม่มีหลักตรรกะเข้ามาเกี่ยวข้องว่า พลุดอกไม้ไฟล่าสุดทำมุมกี่ี่องศากับพลุที่เพิ่งดับไปก่อนหน้านี้
ตามการมองเห็น และตามความรู้สึก คือหลักการคร่าวๆที่ฉันเลือกหยิบมาทำหน้าที่ในครั้งนี้ แต่ฉันมั่นใจว่าทุกคำที่ฉันเล่าจากริมหน้าต่าง จะเป็นภาพเดียวกันในจินตนาการของคนที่นอนฟังอยู่บนเตียง
ดอกไม้ไฟวาบสุดท้ายจางไปจากฟ้าแล้ว เหลือเพียงควันลอยเอื่อยบางๆ อ้อยอิ่งสักครู่แล้วหายไป
ฉันหันกลับไปที่เตียง แม่ยังอยู่ท่าเดิม จะต่างไปก็เพียงใบหน้าแม่ที่มีรอยยิ้มระบายอยู่บนนั้น
ดอกไม้่ไฟสวยจริงลูก แม่ส่งเสียงจากปากขมุบขมิบ แต่เสียงนั้นดังเข้าไปถึงหัวใจคนได้ยิน
เนื่องจากดอกไม้ไฟถูกกำหนดมาให้ออกแสดงได้เฉพาะช่วงเวลากลางคืน ความทรงจำเกี่ยวกับดอกไม้ไฟในชีวิตของฉันจึงถ่ายทำและบันทึกไว้แต่เวลาจำเพาะของตอนกลางคืนเท่านั้น
แต่คงมีเพียงคืนนั้นคืนเดียว ที่ช่วงเวลาสั้นๆขณะฉัน ยืนดู ดอกไม้ไฟกับแม่แตกต่างจากหลายค่ำคืนที่ฉันเคยแหงนหน้ามองดอกไม้ไฟ
เพราะมันเป็นช่วงเวลาเดียวที่ฉันรู้สึกราวกับว่ากำลัง ยืนดู ดอกไม้ไฟในเวลากลางวัน
* * *
เสียงหัวเราะใสๆดังขึ้นข้างตัว ดอกไม้ไฟจบการแสดงไปแล้ว ฉันขยับมอเตอร์ไซค์ให้เข้าที่และเตรียมออกเดินทางต่อ ฉันกับเด็กๆกลุ่มนั้นไม่ได้ล่ำลาอะำไรต่อกัน เพราะดูเหมือนเราตีตั๋วเข้าชมกันคนละที่ เพียงแต่อยู่ในโรงเดียวกันเท่านั้น
ฟ้ามืดแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังมองเห็นรอยยิ้มของเด็กน้อยสว่างไสวกว่าดอกไม้ไฟ
แต่ก็ยังไม่สว่างเท่ารอยยิ้มหนึ่งที่ฉันจำได้
รอยยิ้มที่สว่างไสวยิ่งกว่ายามกลางวัน
Create Date : 14 สิงหาคม 2552 |
Last Update : 14 สิงหาคม 2552 11:25:29 น. |
|
12 comments
|
Counter : 2014 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ภูเพยีย วันที่: 14 สิงหาคม 2552 เวลา:12:23:29 น. |
|
|
|
โดย: ภูเพยีย วันที่: 14 สิงหาคม 2552 เวลา:12:33:29 น. |
|
|
|
โดย: แม่แอมเบอร์ วันที่: 14 สิงหาคม 2552 เวลา:15:35:00 น. |
|
|
|
โดย: Este11a IP: 58.147.111.34 วันที่: 14 สิงหาคม 2552 เวลา:15:43:27 น. |
|
|
|
โดย: พ่อพเยีย วันที่: 15 สิงหาคม 2552 เวลา:8:37:05 น. |
|
|
|
โดย: ภูเพยีย วันที่: 17 สิงหาคม 2552 เวลา:9:37:59 น. |
|
|
|
โดย: ภูเพยีย วันที่: 19 สิงหาคม 2552 เวลา:10:45:28 น. |
|
|
|
โดย: ฟ้าใส IP: 61.90.33.220 วันที่: 22 สิงหาคม 2552 เวลา:23:28:01 น. |
|
|
|
โดย: wujirab วันที่: 1 กันยายน 2552 เวลา:8:45:06 น. |
|
|
|
โดย: papaya IP: 115.67.216.59 วันที่: 2 กันยายน 2552 เวลา:8:56:19 น. |
|
|
|
โดย: yyswim วันที่: 6 กรกฎาคม 2553 เวลา:12:49:38 น. |
|
|
|
| |
|
|
ชอบจัง ความรู้สึกสว่างไสวในความทรงจำของคุณ อ่อนโยน ยามมองเห็นใครแต้มสีที่ฟากฟ้าแล้วคิดถึงแม่
ความทรงจำสั้น ๆ กลับชัดเจนจัดจ้าแจ่มกระจ่างอยู่ข้างในเสมอ เพราะแท้จริงแล้วท่านไม่ได้ไฟไหน อยู่ใกล้ ๆ ใจของลูกสาวของท่านตลอดเวลา
เราเป็นคนกลัวพลุ ประทัดและดอกไม้ไฟมากกกก เข้าขั้นเก็บอาการไม่อยู่ ตอนเด็ก ๆ เคยมุดใต้โต๊ะและร้องไห้โฮตอนแม่พาไปงานหน้าศาลากลาง ไม่กล้าแหงนหน้าขึ้นฟ้า อาการนี้ยังเหลืออยู่ไว้คือกลัว แต่ไม่มุด ไม่หนี เลี่ยงได้เลี่ยง หากสุดวิสัยก็ขอดูห่าง ๆ ห่างพอที่ไม่ออกอาการ ดูจากหน้าจอทีวี ยามเทศกาลสำคัญ ๆ ไม่อยากไปไหนหากรู้ล่วงหน้าว่าจะมีการจุดดอกไม้ไฟ ยังมีอาการกลัว ๆ อยู่ ไม่รู้ว่าทำไม
ยามนึกถึงการจุดพลุหรือดอกไม้ไฟขึ้นฟ้า ทุกครั้งจะได้ยินเสียงฮือฮา พร้อมคำอุทานต่าง ๆ นานา เราเองชื่นชมคนคิดทำนะ มหัศจรรย์ ทึ่งที่สามารถแต้มสีสันตระการตาทาบฟ้า บ้างก็เป็นรูปเล่าเรื่องราวได้ สะกดใจให้ยืนมองและวาดความรู้สึกไปด้วย ไม่รู้พระจันทร์ชอบหรือเปล่า แต่สิ่งที่รู้ล่ะ มันคือประกายความสุขความหวัง ความสดชื่นแม้เพียงรอยยิ้มบาง ๆ ยามที่หัวใจมืดมน มันมักประทับความยินดีในหัวใจของคนที่ได้รับอย่างยาวนานหรือชั่วชีวิต
ในทางตรงกันข้ามก็เช่นเดียวกัน หากดอกไม้ไฟเป็นเพียงคำพูดที่ไม่จริงใจ สว่างวับแล้วลับหาย..
ขอบคุณกับความรู้สึกอบอุ่น งดงาม ที่คุณไดถ่ายทอดให้เราร่วมรับรู้นะคะ