เล่มสองของชีวิต : กล้องส่องทางใจ ( At Heart Sight)
ฉันเคยฝันเล่นๆตั้งแต่เริ่มชอบอ่านหนังสือว่า ...อยากเป็นนักเขียน... พอวันหนึ่งสิ่งที่ฝันเล่นๆเป็นจริงขึ้นมา ฉันจึงได้รู้ว่าความฝันของคนเรานั้น จับต้องได้เสมอ เพราะความฝันไม่ได้มีภูมิลำเนาอยู่ในเส้นหนึ่งเส้นใด ของรอยหยักความทรงจำในสมอง แต่มันอยู่บนเส้นลายมือของเราต่างหาก
ความฝันก็คงเหมือนละอองน้ำ ถ้าไม่มีความมุ่งมั่นเป็นไอร้อน คงยากที่มันจะควบแน่นจนกลั่นตัวเป็นฝน และมันก็คงยังล่องลอยเป็นละอองน้ำอยู่อย่างนั้น
หลังจากหนังสือในชีวิตเล่มแรก 'บันทึกถึงเธอ เบียทริซ' ออกสู่แผงถึงมือผู้อ่านช่วงปลายปีก่อน ปีนี้หนังสือเล่มที่สองในชีวิตของฉันก็เพิ่งออกวางแผงเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ในชื่อ กล้องส่องทางใจ หรือนามแฝงของหนังสือเล่มนี้คือ At Heart Sight
เรื่องราวใน กล้องส่องทางใจนี้ ส่วนหนึ่งเป็นบทความที่ฉันเคยเขียนลงในคอลัมน์ Food for Thought ของนิตยสาร Secret และอีกส่วนหนึ่งฉันเขียนขึ้นใหม่โดยยังไม่เคยตีพิมพ์ลงที่ไหนมาก่อน
และด้วยนิสัยมือบอน ฉันเลยเขียนบทกลอน/ คำคิดประกอบภาพเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษประกอบทุกเรื่องในหนังสือด้วย เป็นเหมือนอาหารเรียกน้ำย่อยก่อนจะถึงจานหลักคือภาพและบทความจริงๆ
ทางสำนักพิมพ์โปรยหัวแนะนำหนังสือเอาไว้ว่า
เรื่องราวเล็กๆ จากความนึกคิดของผู้เขียน ที่บอกเล่าเรื่องราวผ่านประสบการณ์และการครุ่นคิด กลั่นเป็นตัวอักษรให้ผู้อ่านได้รู้สึกไปพร้อมกัน ซึ่งเรื่องราวใกล้ๆตัวที่ผู้เขียนนำเสนอ สามารถเป็นกำลังใจ หรือแรงบันดาลใจให้ผู้อ่าน ที่มักมองข้ามเรื่องเล็กๆ ใกล้ตัวไปอย่างไม่ตั้งใจ
กล้องส่องทางใจ เล่มนี้ เป็นหนังสือขนาดเล็ก ที่เหมาะให้เป็นของขวัญแก่กันในโอกาสต่างๆ เช่น อวยพร, ให้กำลังใจ หรือให้ความรู้สึกดีๆแก่กัน ดังเช่นผู้เขียน ที่มอบความรู้สึกดีๆ แก่ผู้อ่าน
ฉันขอบคุณบรรณาธิการหนังสือของฉันจัง ที่สรรหาคำสวยๆมาเชิญชวนให้ผู้คนสนใจหนังสือเล่มเล็กๆของฉัน จะว่าไปก็ถูกของคำโปรยที่ว่าผู้อ่าน- - มักมองข้ามเรื่องเล็กๆ ใกล้ตัวไปอย่างไม่ตั้งใจ- -
ฉันมักเห็นสิ่งเล็กๆที่คนอื่นมองไม่ค่อยเห็น เพราะตาตี่ๆของฉันมักมองอะไรใหญ่ๆไม่ค่อยถนัด ต้องอาศัยเทคนิคการถ่างตาให้กว้าง
แม้แต่คอนแทคเลนส์บิ๊กอายก็ยังใช้ไม่ได้ เพราะเดินไปถามที่ร้านทีไร คนขายมักบอกว่า คอนแทคเลนส์ไซส์ทริปเปิ้ลเอส ( SSS) ยังไม่ทำออกจำหน่ายค่ะ
ฉันก็เลยต้องหันมามีความสุขกับการมองอะไรเล็กๆใกล้ๆตัว แต่มันก็มีผลพลอยได้เป็นเรื่องราว จนออกมาเป็น กล้องส่องทางใจ เล่มนี้ในที่สุด
เท่าที่ฉันเคยอ่านบทสัมภาษณ์ของบรรดานักเขียนทั้งหลาย เวลาเขาเขียนหนังสือกัน ส่วนใหญ่มักปลีกวิเวกไปอยู่ตามป่าเขา หาดส่วนตัว หรือกระท่อมคลาสสิก
แต่เบื้องหลังการเตรียมต้นฉบับเล่มนี้ของฉันห่างไกลจากภาพงดงามแบบอุดมคติของนักเขียนที่พึงเป็นโดยสิ้นเชิง
เพราะขณะที่ฉันกำลังคิดคำ ยำประโยคอยู่อย่างสาหัสนั้น ฉันต้องหยุดเขียนชั่วคราวเพื่อลุกออกมาช่วยพ่อหาแว่นตา พอกลับมาเขียนได้สองย่อหน้า ก็ถึงเวลาต้องไปทำกับข้าวมื้อกลางวันให้พ่ออีกแล้ว
แต่ถึงแม้ไม่ค่อยสันติสุขนัก แต่ยังมีจินตหรา...
เพราะบางขณะ ฉันก็พักยกการเขียนด้วยการชวนพ่อมาอิ่มเอมกับแตงโมจินตหราหวานฉ่ำ โดยมีฉากหลังเป็นพัดลมเปิดแก๊กสาม ( ไม่ส่ายหน้า แต่ปรับองศาให้จ่อมาตรงๆ) และรายการข่าวที่พ่อดูค้างอยู่
เบื้องหลังตัวอักษรใน กล้องส่องทางใจ จึงมีเรื่องราวและอารมณ์แบบ บ้านบ้าน ที่ฉันแสนทนุถนอม
ถึงคนอ่านจะไม่รู้เพราะฉันไม่ได้เขียนกำกับเอาไว้ว่าบรรทัดนี้ หยุดสองนาที พ่อเรียก ฯลฯ แต่ฉันเชื่อมั่นว่าเรื่องที่ฉันเขียน กลอนที่ฉันแต่ง คงทำให้คนอ่านไม่ว่าจะมีดวงตากลมโต หรือขนาดเท่ากับดวงตาของฉันมีความสุขกับสิ่งเล็กๆรอบตัว
ก็อย่างที่ฉันบอกไว้ในเปิดหน้ากล้อง ( คำนำประจำเล่ม) ในตอนต้นของหนังสือเล่มนี้ว่า
ฉันเองก็เพิ่งรู้ว่าคนเรามีกล้องชนิดนี้อยู่กับตัวทุกคน เพียงแต่ว่าเราจะหยิบมันขึ้นมาใช้หรือเปล่าก็เท่านั้น ไม่แน่ใจว่ามีใครตั้งชื่อให้มันแล้วหรือยัง แต่ฉันเรียกมันว่า กล้องส่องทางใจ
หวังว่าคนที่ได้อ่านหนังสือเล่มเล็กๆของฉัน จะพบกล้องส่องทางใจของคุณเจอ...
(ลิงค์แนะนำหนังสือ กล้องส่องทางใจ และ ประวัติผู้เขียนในเครืออมรินทร์)
//www.amarinpocketbook.com/Book_Detail.aspx?BID=2597
****************
A dream somewhat shares a similar nature with the mist in the air: One can dream as often as one wants. Yet a dream without action Is like the mist without an adequate heat, The mist - which no longer becomes a raindrop.
My strong passion to be a writer could find no beginning. Probably it was with me since birth. Last year the first book of my life memo to Beatrice was launched. I could not explain how I felt when I saw the mist becoming a raindrop finally.
This year, the second book of mine has recently been published with its title At Heart Sight. Its a collection of 20 stories of my personal reflections over incidents and circumstances ever coming across in life. It is a message of thoughts swimming in a river of happiness in simplicity.
I do not expect it to be one of the best sellers as I wrote this book with love. I wrote it to be read. Not to be sold.
What I care so much is that the book allows my readers to learn an art of exploring the tiny yet significant things around with humble satisfaction.
The chapters were created into 4 sections : Of Inspiration / Of Aspiration / Of Compassion / and of impression.
As I have said I work for a living- I write for life, I do not expect those readers to love my book at first read. But I secretly hope they would just enjoy my book at leisure. Or more- to love it at heart sight.
Create Date : 16 ธันวาคม 2552 |
Last Update : 17 ธันวาคม 2552 9:57:38 น. |
|
16 comments
|
Counter : 2019 Pageviews. |
|
|
ชอบอ่านเรื่องของอ้อย เพราะทำให้ยิ้มได้เสมอ
ว่าแล้วคงต้องใส่รองเท้า (ที่มีดอกยางดีๆ) ไปเยือนร้านหนังสือแล้วล่ะ