The Blog To Love @ First Click - - ความเหงาไม่เคยทำร้ายใคร มีแต่เจ้าของหัวใจที่ทำร้ายตน-- รักแรกคลิก

รักเรียมเทียมม่วงแม้น อินทนิน



สายแล้ว แดดอ่อนตอนเช้าเริ่มขับรังสีเจิดจ้าขึ้นตามเข็มนาฬิกา พร้อมความอบอ้าวที่ดูจะมีมากกว่าทุกวัน

พระอาทิตย์เล่นโยคะร้อนอยู่หรือไงนะ ฉันนึก

ฉันเร่งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศในรถ หวังลมๆแล้งๆให้ต้นฤดูร้อนของไทยกลายเป็นอลาสก้าชั่วพลิกฝ่ามือ

มองออกไป เห็นหลังพ่อไวๆอยู่แถวพุ่มต้นเข็มในสวน ชั่วอึดใจ พ่อเดินกลับมาพร้อมช่อดอกไม้พุ่มเขื่องในมือ

เสียงประตูรถปิดผับ พ่อผ่อนลมหายใจแช่มช้า พลางวางพุ่มดอกไม้สีม่วงสดอย่างบรรจงบนคอนโซลหน้ารถ ฉันอมยิ้มพลางแตะคันเร่งช้าๆ ก่อนพาทุกชีวิตมุ่งหน้าสู่เส้นทางสายปรารถนา

'สวยจัง ใช่ศรีตรังไหมคะพ่อ' ฉันทัก

'หึ อินทนินต่างหาก.... งามจริง นี่แหละ ม่วงโปรดของพ่อ ' เสียงตอบคล้ายรำพึง

'พ่อชอบสีม่วงเหรอคะ'

'ทำนองนั้น ' บุรุษข้างตัวตอบอย่างไว้เชิง

ฉันลอบยิ้ม ยักคิ้วกับคิ้วกระจกมองข้าง ไม่บอกก็รู้ว่า ...พ่อเขิน

'หนูเพิ่งรู้ว่าพ่อชอบสีม่วง ไม่เห็นบอกกันมั่ง ความลับนี้แม่รู้ไหมคะเนี่ย' ฉันกระเซ้าต่อ
'…..'


เราเดินทางแบบน้ำแข็งไสไปเรื่อยๆ ( หมายถึง อัตราเร่งมากกว่า แบบหวานเย็นหน่อยนึง) ระหว่างทาง พ่อเล่าให้ฟังว่า พ่อเคยซื้อเสื้อให้แม่ตัวหนึ่ง เป็นเสื้อแขนยาวสีม่วงอ่อนลายดอกมะลิ เวลาพี่ชายคนโตวัยเด็กร้องจะไปเที่ยว พ่อจะบอกว่า ให้นับดอกมะลิบนเสื้อแม่ให้ครบก่อน ถ้านับเท่าจำนวนที่พ่อเคยนับ พ่อถึงจะพาไปเที่ยว

พี่ชายนั่งลงนับ แต่นับไปได้ไม่ถึงสิบดอกก็ดิ้นพราด เพราะดอกมะลิพราวเสื้อไปหมด นับไม่ไหว

ฉันหัวเราะ มั่นใจว่าไม่เคยเห็นแม่ใส่เสื้อตัวที่ว่า เดาว่ากว่าลูกคนเล็กอย่างฉันจะเกิดทันจำความ แม่คงใส่เสื้อตัวนี้บ่อยจนมันขาดก่อนฉันเกิดก็เป็นได้

อินทนินหน้ารถยังขับสีม่วงแข่งกับแสงแดด
เหมือนคู่ปรับในสังเวียนที่ไม่ยอมพ่ายกันง่ายๆ
ขณะที่สมองฉันสนุกกับการประมวลสีม่วงในความทรงจำขึ้นมาทีละห้วง

...คล้ายกระดานต่อจิ๊กซอร์ ที่เราไม่เคยเสาะหาตัวต่อที่ขาดหาย หรือไม่เคยรับรู้ถึงการมีอยู่ของมัน...

อยู่ๆ ฉันก็นึกถึงวันหนึ่งในอดีตที่ฉันเดินไปตามหาแม่ในตลาด และแอบเดินตามหญิงผมดัดในเสื้อแขนกุดลายดอกดวงเล็กๆตัวนั้นตลอดทาง

อยู่ๆฉันก็นึกถึงตู้เสื้อผ้า และเสื้อตัวโปรดสองสามตัวที่แม่ใส่ทุกบ่อย

นึกถึงผ้าคลุมไหล่ชิ้นสวย ที่แม่เก็บไว้อย่างดี และหยิบออกมาใช้เฉพาะวันพิเศษ

เสื้อโปรดของแม่ ที่ฉันเคยเห็นในตลาด ในตู้เสื้อผ้า และผ้าคลุมไหล่ชิ้นเก่งของแม่ ล้วนเป็นสีม่วง...

ด้วยซื่อ และไม่นิยมกระบวนคิดที่ซับซ้อน- - ฉันเคยนึกว่าแม่คงชอบสีม่วง เลยใส่เสื้อสีม่วงบ่อยกว่าเสื้อสีอื่น

ฉันไม่เคยรู้ว่าพ่อชอบสีอะไร
ฉันไม่เคยถามแม่จริงๆจังๆว่าแม่ชอบสีอะไร

ฉันเพิ่งรู้วันนี้เองว่า บางที ข้อมูลจำเพาะที่ว่า ฉันชอบสีอะไร อาจไม่สำคัญเท่า รู้ว่าเขาชอบสีอะไร
และบางที ความพึงใจของใครสักคน อาจอยู่ในวงล้อเดียวกันกับ ความใส่ใจ และการเอาใจ ของใครอีกคน


พ่อบอกว่า แม่ไม่เคยบอกรักพ่อ โดยให้เหตุผลง่ายๆว่า เสียเหลี่ยม...

แม่ไม่ใช่บวบที่ต้องมากลัวใครลบเหลี่ยม แต่พ่อคงรู้ เหมือนที่เจ้าตัวก็รู้ ว่าแต่ละรายละเอียดในชีวิตแม่ ดำเนินมาด้วยแรงผลักดันของคำที่แม่ไม่เคยพูด คำนั้น

กลีบอินทนินลู่ลงแนบกันจนแทบกลบเกสรกลางดอกจนมิด เหมือนมันกำลังงีบตอนกลางวัน

แม้ดอกของมันดูจะลดทอนความสดชื่นลงไปบ้าง ไม่เหมือนตอนชูช่อสดใสที่ต้น แต่ฉันรู้ว่ามันคงกระหยิ่มไม่น้อยที่ได้รับเกียรติมาเป็นมาลีนำทางให้ทริปน้ำแข็งไสครั้งนี้ของเรา


อยู่ๆฉันก็ถามพ่อขึ้นลอยๆ

'พ่อ... ผ้าคลุมไหล่สีม่วงของแม่ผืนนั้น พ่อซื้อให้แม่ใช่ไหม...'





 

Create Date : 17 มีนาคม 2553    
Last Update : 17 มีนาคม 2553 16:00:19 น.
Counter : 1358 Pageviews.  

หนึ่งสตางค์ในยุคพ่อ

( ตีพิมพ์ครั้งแรก ในต่วยตูนพอคเกตบุค ฉบับปักษ์หลัง มีนาคม 2553)



เวลาพ่อเล่าเรื่องราวสมัยก่อนให้ฉันฟัง พ่อมักเทียบค่าเงินกับราคาก๋วยเตี๋ยวต่อหนึ่งชามในสมัยนั้นๆ เพื่อให้ฉันพอนึกภาพเปรียบเทียบกับยุคสมัยและค่าของเงินในปัจจุบันได้กระจ่างขึ้น

บางเรื่องที่พ่อเล่า ฟังแล้วเหมือนโกหก เช่นพอถึงเวลาทำกับข้าว บางทีถ้าไม่ทันตระเตรียมอะไรไว้ พ่อก็ลงไปใต้ถุนบ้าน เอามือลูบเสาบ้านริมคลองขึ้นมาก็ได้กุ้งมาทำแกงส้มบ้าง น้ำพริกบ้างตามเรื่อง

ขณะที่ปัจจุบันหาเสาบ้านริมคลองที่มีกุ้งผุดแทบไม่ได้ หรือจะหาซื้อกุ้งตามแผงแค่ขีดเดียว แม่ค้ายังมองหน้า

วันหนึ่งฉันนึกสนุกตั้งโจทย์ให้พ่อว่าย้อนกลับไปสมัยพ่อเด็กๆ ( ราวปี 2475-2476) ถ้าพ่อมีเงินในมือหนึ่งสตางค์ พ่อซื้ออะไรกินได้บ้าง

คำตอบของพ่อแสนน่าทึ่งเพราะหนึ่งสตางค์ในวัยเด็กของพ่อหาซื้อของกินได้มากมาย ตั้งแต่

• เต้าฮวยใส่น้ำขิง หนึ่งถ้วย ( ถ้าหากใส่ปาท่องโก๋ด้วย ราคาเพียงสองสตางค์ แถมได้ชามใหญ่ขึ้น)

• ปาท่องโก๋หนึ่งคู่

• ก๋วยจั้บเปล่าราดน้ำพะโล้ บางทีก็แถมเลือดหมูมาให้แล้วแต่อารมณ์ของคนขาย ( ถ้ามีทุกอย่างครบเครื่อง ราคาสองสตางค์)

• ลูกคะน้าเชื่อมแบบแห้ง ห่อมาในกระดาษสองชั้น ได้สองห่อต่อราคาหนึ่งสตางค์

• กล้วยทอดสามชิ้น

• น้ำแข็งไสราดน้ำแดง - - อร่อยที่สุดต้องร้านเจ๊กไฮ้เท่านั้น

• เฉาก๊วยโบราณ ( ถ้าเป็นยุคนั้นคงยังเป็นเฉาก้วยทันสมัยอยู่) โปะน้ำตาลแดง หนึ่งถ้วยใหญ่

พ่อเล่าแถมให้อย่างอารมณ์ดีว่า ครั้งหนึ่งพ่อซึ่งยังตัวกระเปี๊ยกติดตามย่าไปตลาด ย่าเอ้อระเหยทำธุระติดลมจนพ่อหิวจัด สะกิดย่าขอสตางค์

ย่านึกว่าคงหิวขนมประสาเด็กจึงยื่นส่งเหรียญให้สองสตางค์ตัดรำคาญ พ่อได้เงินแล้วก็วิ่งตื๋อไปนั่งในร้านค้าและสั่งข้าวต้มมากิน

พอเจ้าของร้านยกข้าวต้มมาวางให้สองชาม เด็กชายพ่อ ( หมายถึงพ่อในวัยเด็ก) ก็เงยหน้าถามเสียงซื่อว่า

‘แล้วกับล่ะ…’

เจ้าของร้านคงนึกเคืองว่าชิชะ มีกับเขาสองสตางค์จะมาร้องเอากับข้าว จึงก้มหน้าลงไปมองหน้าเด็กให้ถนัด

พอเห็นหน้า เจ้าของร้านก็เอะอะพูดชื่อย่าออกมา จำได้ว่าลูกเต้าเหล่าใครเลยไปสับคอเป็ด และรินน้ำชามาแถมให้ สองสตางค์มื้อนั้นของพ่อจึงอลังการกว่าของว่างมื้อที่ผ่านมาโดยไม่ตั้งใจ

ฉันนึกไม่ออกเลยว่าปัจจุบันของฉัน ถ้ามีเงินหนึ่งบาทจะสามารถหาซื้ออะไรได้บ้าง แบบที่พอยื่นเหรียญให้แม่ค้าแล้วจะไม่โดนมองหน้าหรือค้อนควั่กเข้าให้

เอาอย่างง่ายๆ สมมติว่าฉันวิ่งตื๋อไปสั่งข้าวต้มด้วยเงินหนึ่งบาทแล้วยื่นหน้าไปให้เจ้าของร้านมองหน้าชัดๆ หวังจะให้สืบสาวประวัติบุพการีและใจดีแถมกับข้าวให้ เห็นทีนอกจากจะไม่ได้คอเป็ดมาแทะเล่นแล้ว อาจโดนตะหลิวเคาะหัวเหม่งเป็นมงคลก่อนถูกเชิญออกจากร้านเอาเสียด้วย

*******


คำถามไม่เต็มบาท (เพราะขาดอีกตั้ง 99 สตางค์) ประสารักแรกคลิก:

เวลาคุณเห็นเหรียญสตางค์แดง ที่ลักษณะเป็นเหรียญกลมๆ มีรูตรงกลาง คุณนึกถึงอะไร



ส่วนฉัน นึกถึงห่วงยางเล่นน้ำทะเล กับ ลูกอมรสมินท์ยี่ห้อโปโลล่ะ: )




 

Create Date : 15 มีนาคม 2553    
Last Update : 15 มีนาคม 2553 11:07:36 น.
Counter : 2109 Pageviews.  

ไอเดียหนอ : ขอนั่งข้างเธอทุกวัน

ไอเดียหนอจากร้าน จ๋อ เตี่ยม เตี้ยม ชุดก่อน นำเสนอเฟอร์นิเจอร์แต่งบ้านไปแล้ว ชุดนี้มาว่าด้วยเรื่อง ร้อยแปดพัน-เก้าอี้ กันบ้าง

ตามไปโกดังหลังร้านกันเลยค่ะ



ลึกแล - - เคยเจอเหตการณ์มาถึงที่นั่งแล้วไม่รู้จะเอากระเป๋าและฟาง ( ที่คุณหอบมา) ไปวางไว้ไหนไหมคะ ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป เพียงคุณใช้ชุดโต๊ะ-เก้าอี้ ชุดลึกแล เพราะสารพันช่องชั้น และหลากหลายแง่ง-ง่ามมีพร้อมให้คุณสั่ง ระเบียบพัก!! แก่ข้าวของของคุณได้อย่างง่ายดาย

โทรด่วนหาเราตอนนี้ สิบสายแรก รับฟรีตั๋วรถเมล์ไปเที่ยวเมืองลับแลสองที่นั่ง



หิ้งห้อย - - มาเกี่ยวอะไรกับชุดเก้าอี้คะคุณ ...
อย่าเพิ่งมะเทิ่งค่ะ เพราะดีไซน์นี้ นำมาสู่การออกแบบเก้าอี้ชุดต่อไปนี้



ม้วนต้วน- - คาดว่าไอเดียบรรเจิดนี้มาจากตอนนั่งดูคุณยายหมุนทองม้วน นำมาสู่ของตกแต่งบ้านชิ้นเก๋ หิ้งห้อย และ เก้าอี้ม้วนต้วนในที่สุด




ร้อยแข้ง พันขา- - คุณนิ้วกลม ผู้เขียน โตเกียวไม่มีขาที่หลายคนชื่นชอบ คงร้องอ๋อ รู้แล้วว่าทำไมโตเกียวถึงไม่มีขา เพราะ'ขา'ทั้งหมดในโลกหล้า มาประชุมที่เก้าอี้ตัวนี้นั่นเอง



ระเด่น บันได - - นั่งก็ได้ เป็นบันไดก็ดี มีไว้ติดบ้าน เบิกบานทั่วกัน เคยได้รับเชิญไปประกอบฉาก มิวสิกวิดิโอเพลง เล่นของสูง มาแล้ว ( ฉากพระเอกต้องการหยิบของจากที่สูง)

คำเตือน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านคำอธิบายใต้ภาพด้านบน



โค้ง-หักศอก - - ชื่อผลงาน ได้แรงดาลใจจากเอกสารประจำปีของกรมทางหลวง และกระทรวงคมนาคม นั่งแล้วจะได้นึกถึงความโค้ง ที่สามารถหักศอกได้ตลอดเวลา

เหมาะสำหรับผู้ฝักใฝ่การนั่งๆนอนๆ เป็นพิเศษ




ซ่อนหา - - หากเดินไปบนพื้นผิวเรียบๆ โปรดอย่าไว้ใจ บางทีอาจมีเก้าอี้แอบเล่นซ่อนหากับคุณอยู่ ได้อารมณ์เจมส์ บอนด์ 007 แถมพกด้วยกลิ่นอายมอญซ่อนผ้า ( ประยุกต์ด้วยการซ่อนเก้าอี้) พอเป็นพิธี





ปิดท้ายด้วย วงเวียนเก้าอี้ชีวิต
เป็นการฟ้องด้วยภาพ และให้เก้าอี้ทำหน้าที่อธิบายบทบาทของพวกมัน ตามวาระเวลาแต่ละวัยของผู้ใช้งาน

ขอได้รับคำขอบคุณจาก จ๋อ เตี่ยม เตี้ยม- - ร้านค้าที่ทำกิจการจริงในฝันกลางวันของเจ้าของร้าน

เจ้าของร้าน... ที่ไม่ค่อยพิสมัยการนั่งคนเดียว...

หากมีเครื่องหมายคำถามผุดขึ้นในใจ โปรดกลับไปดูชื่อหัวข้อด้านบนของเอนทรี่นี้ค่ะ : )




 

Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2553 11:09:44 น.
Counter : 4086 Pageviews.  

ไอเดียหนอ: จ๋อ เตี่ยม เตี้ยม

เมื่อเล็ก ฉันเคยตามแม่ไปสั่งซื้อของแถวทรงวาด และได้ยินเถ้าแก่เชื้อสายจีนต้อนรับแขกให้มานั่งในบ้านด้วยภาษาแต้จิ๋วว่า เชี้ยะ เชี้ยะ และผายมือไปที่เก้าอี้ บอกเด็กตัวเล็กอย่างฉันว่า จ๋อ เตี่ยม เตี้ยม ฉันรู้สึกว่าช่างเป็นถ้อยคำที่โอบอ้อม น่ารัก

แม้โตขึ้น คำสนทนาคำนี้ยังติดในความทรงจำ ฉันนึกเล่นๆว่า ถ้าจับพลัดจับผลูมีกิจการร้านขายเฟอร์นิเจอร์ของตัวเอง หรือร้านอาหารรสมือแบบบ้านๆสักร้าน ตั้งชื่อร้านว่า จ๋อ เตี่ยม เตี้ยม คงน่ารักไม่หยอก

และแล้ว เมื่อฉันพบเฟอร์นิเจอร์แนวขายไอเดียเก๋ๆ ฉันเลยอยากเอามาฝาก เผื่อใครสนใจจะขอเป็นลูกค้าร้านเฟอร์นิเจอร์ของฉันในอนาคต แม้ว่าร้านจ๋อ เตี่ยม เตี้ยมของฉันจะยังไม่มีแม้แต่แบบพิมพ์เขียว หรือทำเลเลยก็ตาม


ชิ้นแรก ส้มซ่าแปลงร่าง --น่าเอาไปเสนอขายฮ่องกง หรือโตเกียวที่พื้นที่อยู่อาศัยแพงจับใจ



กบแลบลิ้น-- สนับสนุนโดยถ่านไฟฉายตรากบ...



จตุโลกบาล -- ตอนเช้าๆเอาไว้พิงหัวสบาย ตอนสายๆเอาไว้นั่งประชุม


ของแถม



ย่ามยึกยือ - - ตู้ที่มีคุณสมบัติเดียวกับย่าม คือบรรจุของสารพัน คาดว่าดีไซเนอร์ได้แรงบันดาลใจจากกิ้งกือ ไม่ก็แถวยาวเฟื้อยตอนรอซื้อตั๋วหน้าโรงหนัง



อยู่อย่างเซน



เก๋ไก๋ สไลเดอร์


พักสักครู่ ช่วงหน้ามีไอเดียอื่นนำเสนอต่ออีกค่ะ




 

Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2553 7:51:28 น.
Counter : 2987 Pageviews.  

Zenศึกษา จากแม่ค้าขนมครก



พ่อของฉันปลูกฝังให้ลูกๆสนใจศึกษาวิถีชุมชนด้วยวิธีการง่ายๆเช่น เวลาที่เราเดินทางไปต่างถิ่น พ่อมักชวนเดินตลาดสด หรือชวนแวะข้างทางเพื่ออุดหนุนกล้วยทอด กล้วยปิ้ง ขนมครก กาแฟเย็นโบราณ หรือของกินสัพเพเหระของชาวบ้าน พ่อมักอธิบายสั้นๆว่า ช่วยกระจายรายได้...

ก่อนนี้ฉันทึกทักเอาประสาเด็กว่า พ่อชอบกินกล้วยทอด กับ ขนมครก แต่เพื่อรักษามาด พ่อเลยอ้างแก้เก้อไปอย่างนั้น เวลาแวะซื้อขนมจะได้ไม่เขิน

แต่วิธี'ทำให้เห็น ฝึกให้เป็น' ของพ่อ ทำให้ฉันกระจ่างในเวลาต่อมาว่า พ่อไม่ได้ทำฟอร์ม และพ่อไม่ได้เป็นสาวกกล้วยทอด

แต่การอุดหนุนสินค้าชาวบ้านในทุกที่ทั่วไทย เป็นหลักเศรษฐศาสตร์พึ่งพาแบบไทยทำ ไทยใช้ ไทยเจริญที่จับต้องได้จริงๆ และฉันรับสืบทอดหลักนี้มาจากพ่อโดยไม่ขัดเขิน

รายการตลาดสดสนามเป้าที่ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ ตอนหัวค่ำทางช่อง 5 จึงเป็นอีกหนึ่งรายการโปรดของฉัน เพราะเป็นรายการที่ดำเนินคอนเซปเหมือนพ่อเคยสอนเป๊ะ

คืนวันอาทิตย์ก่อน ฉันพลาดดู แต่มาตามดูช่วงกลางรายการจากทีวีเคเบิ้ลที่นำมาฉายซ้ำแทน เทปล่าสุดเขาพาไปชมวิถีการขายของแม่ค้าขายขนมครกคนหนึ่ง

ระหว่างที่แม่ค้าง่วนกับการทำขนมครก พิธีกรรับเชิญก็ถามแม่ค้าว่า ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวไม่เหงาหรือคะ

แม่ค้าคนนั้นบอกเสียงเรียบว่า
'เหงาน่ะมันไม่จริงหรอก ขายขนมครกนี่สิ ของจริง'

ฉันฟังประโยคเมื่อครู่ของแม่ค้าอย่างทึ่ง มันเป็นคำพูดตรงไปตรงมา เรียบง่ายเหมือนวิธีทำขนมครกของเธอ แต่ในประโยคง่ายและสั้นนั้น มันจุดประกายอะไรให้คิดต่อได้อีก


ถ้าสมมติว่านี่เป็นช่วงถาม-ตอบบนเวทีประกวดนางงาม และฉันเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ ฉันคิดว่าแม่ค้าคนนี้กวาดคะแนนจากฉันไปเต็มๆ




 

Create Date : 26 มกราคม 2553    
Last Update : 26 มกราคม 2553 11:16:55 น.
Counter : 2245 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  

Love At First Click
Location :
ชลบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]




An ordinary woman who loves to write and who loves to know what love is.
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Love At First Click's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.