Group Blog
 
All blogs
 
ยามเมื่อสายลมแห่งรัก...พัดคืนใจ 2

เมื่ออาบน้ำเสร็จ พิชนีย์จัดแจงนำโน๊ตบุ๊คมานั่งทำงานที่โต๊ะริมหน้าต่างเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้แต่ก่อนจะลงมือทำงานนัยน์ตาดวงสวยได้ทอดสายมองผ่านกระจกใสออกไป เห็นทิวเขาที่ไกลสุดลูกหูกตาต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจี เมื่อมองสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าก็เห็นเมฆก่อตัวกันหนาแน่น

‘ดีจัง’ หากเป็นตอนนี้อากาศที่กรุงเทพก็ยังคงร้อนอบอ้าวแม้ว่าจะเป็นฤดูหนาว ผิดเพี้ยนไปหมดแล้วสำหรับฤดูกาลของเมืองไทยสาเหตุก็มาจากหลายอย่าง จากภาวะเรือนกระจกที่เกิดจากการตัดไม้ทำลายป่า แถมยังความต้องการใช้พสาสติกที่เพิ่มมากขึ้นซึ่งพลาสติกเป็นตัวก่อให้เกิดมลพิษตั้งแต่กระบวนการผลิตจนถึงกระบวนการแปรรูปหรือเผาทำลาย

กริ้ง กริ้ง …. พิชนีย์ หันขวับมองไปที่กระดิ่งบนโต๊ะเครื่องแป้งก็เมื่อกี้เธอได้ยินเสียงเหมือนใครมาสั่นกระดิ่ง แต่เมื่อมองไปก็ไม่เห็นความผิดปกติใดกระดิ่งยังคงวางนิ่งอยู่ที่เดิมจึงเลิกสนใจและหันกลับมาหมกมุ่นกับแผนงานตรงหน้า

กริ้งกริ้ง …. ตานี้เสียงกระดิ่งดังรัวติดกัน3 ครั้งทำให้พิชนีย์ต้องหันกลับไปมองอีกครั้ง และ…บ้าไปแล้ว ! เธอเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งในมือถือกระดิ่งใบหน้าที่เกลี้ยงเกลาผ่องใสของสาวรุ่นกำลังส่งยิ้มทะเล้นมาที่เธอ

“เธอเป็นใคร และเข้ามาได้ยัง” พิชนีย์ถามออกไปด้วยน้ำเสียงห้วนสั้นในหัวใจหงุดหงิดสุดๆ เธอไม่ชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวายในพื้นที่ส่วนตัว

คริคริ ไม่มีคำตอบตอบใดนอกจากเสียงหัวเราะที่ใสดั่งกระดิ่งใบหน้าที่ยิ้มแย้มยิ่งเข้าไปป่วนความรู้แขกกิติมาศักดิ์

“ฉันถามว่าเธอเป็นใคร” พิชนีย์ลุกขึ้นเดินปรี่เข้าไปหาแขกไม่ได้รับเชิญที่ยังแย้มยิ้มดั่งไม่รู้สึกรู้สาใดๆพิชนีย์ตั้งใจจะไปเอากระดิ่งที่อยู่ในมือหญิงสาวคนนั้นเพื่อจะสั่นเรียกป้าน้อย ป้าน้อยต้องมีคำตอบและทางออกที่ดีให้กับเธอไม่อย่างนั้นเธอจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด!

พิชนีย์ใจหายวาบเมื่อเดินไปถึงโต๊ะเครื่องแป้งกลับมีเพียงความว่างเปล่ากระดิ่งวางนิ่งอยู่ที่เดิม แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ?

ก๊อกก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูทำให้พิชนีย์สะดุ้งสุดตัวตื่นขึ้นมาจากการหลับใหลนี่เธอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย มองไปที่ประตูยังได้ยินเสียงเคาะอยู่จึงก้าวลงจากเตียงเดินไปเปิด

“อาหารเย็นพร้อมแล้วค่ะ” ป้าน้อยรายงาน

“คิดไว้อยู่แล้วว่าคุณคงนอนพักผ่อนเพราะฝนตกอากาศเย็นน่านอนมาก”ป้าน้อยพูดจากสภาพของนายสาวที่ดูกระเซอะกระเซิงเล็กน้อยผิดจากสาวเนี๊ยบเมื่อแรกเห็น

“ขอบใจจ้ะ เดี๋ยวฉันลงไป”

เมื่อปิดประตูสายตาของพิชนีย์ปราดมองไปที่นาฬิกาแขวนเรือนใหญ่นาฬิกาบอกเวลา 17.30 . มิน่าล่ะป้าน้อยถึงมาเคาะเรียกเพราะมันเลยเวลาที่เธอเองเป็นคนนัดหมายแล้วนี่มันอะไรกัน เธอเผลอหลับไปตอนไหนและไม่ได้หลับธรรมดาด้วยนะ หลับลึกกินเวลานานหลายชั่วโมงเลยทีเดียวทั้งที่ปกติเธอไม่เคยเป็นแบบนี้เธอไม่มีนิสัยนอนกลางวันและแม้จะหลับไปนานแต่เธอกลับไม่รู้สึกสดชื่นเลย กลับรู้สึกเหมือนคนไม่ได้พักผ่อน

พิชนีย์มองออกไปนอกหน้าต่างก็พบเห็นเพียงความมืดสลัวแล้วเมื่อคิดไปคิดมาก็ไม่ได้คำตอบใดร่างบางจึงเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อล้างหน้าล้างตา

พิชนีย์เดินลงมาเห็นป้าน้อยรออยู่ตรงหน้าบันไดพร้อมเด็กชายอีกคนหนึ่ง

“เชิญด้านนี้ค่ะ” ป้าน้อยพร้อมเด็กชายเดินนำออกไป

พิชนีย์ตื่นตากับสถานที่ทานอาหารที่ป้าน้อยได้จัดไว้ให้จุดนี้เป็นลานโล่งที่ถูกปิดล้อมด้วยกระจกใส แม้ภายนอกจะมืดสลัวมองแทบไม่เห็นอะไรแต่แสงไฟจากด้านในที่สาดออกไปก็พอให้เห็นสายฝนที่โปรยปรายอยู่อย่างไม่ขาดสาย

พิชนีย์ยังไม่ไปนั่งที่โต๊ะอาหาร เดินดูรอบๆอย่างสนใจ

“ห้องนี้เป็นห้องสำหรับรับประทานอาหารเย็นหรือเวลามีงานจัดเลี้ยงก็จะใช้ที่นี่ค่ะ ถ้าเลื่อนบานพับด้านนี้ออกไปห้องนี้ก็จะขยายกว้างขึ้นอีกค่ะถ้าหากฝนไม่ตกคุณพิชนีย์จะได้เห็นดวงจันทร์จากมุมนี้ค่ะยิ่งคืนไหนพระจันทร์เต็มดวงนะคะคุณๆเธอจะมานอนเรียงกันชมดวงจันทร์ที่ห้องนี้ค่ะ” คำว่าคุณๆดึงความสนใจจากพิชนีย์

“แล้วคุณๆของป้าน้อยไปไหนกันแล้วล่ะจ้ะ” พิชนีย์ถามออกไป ทั้งที่ก็ไม่ได้ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านนะแต่ในน้ำเสียงของป้าน้อยบ่งบอกถึงความเปี่ยมสุข และแสนรักเมื่อพูดถึงคุณๆเธอจึงอยากต่อยอดความสุขให้คนแก่

“คุณๆเธอมีครอบครัวกันไปหมดแล้วค่ะป่านนี้ลูกๆของเธอก็คงจะโตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันไปหมดแล้ว”

“ป้าน้อยพูดเหมือนไม่ได้เจอคุณๆเป็นเวลานาน”

“ใช่แล้วค่ะก็ตั้งแต่…” ป้าน้อยสะดุดกับความคิดตนเองก่อนจะหยุดปากไว้ที่ตรงนี้

“ตั้งแต่อะไรเหรอจ้ะ”

“เอ่อ…. คือ”เมื่อเห็นอีกฝ่ายมีท่าทีอึกอักพิชนีย์จึงไม่เซ้าซี้ รู้ไปก็ไม่ได้อะไรเธอมาอยู่ที่นี่แค่ระยะเวลาดูงานไม่กี่เดือน และคงจะไม่ได้มาที่นี่อีกจำเป็นเหรอที่ต้องรู้เรื่องอะไรมากมาย

พิชนีย์เดินมานั่งที่โต๊ะอาหาร อมยิ้มเมื่อเห็นอาหารตรงหน้าก็มันมีแต่ของโปรดของเธอ เธอรู้ดีมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เป็นผลมาจากครอบครัวของเธอเดาว่าน่าจะจากคุณแม่

ป้าน้อยจัดแจงตักข้าวใส่จาน ก่อนจะตักแกงส้มชะอมกุ้งฝอยและต้มจืดเต้าหู้ใส่ไข่เจียวกุ้งสับเสิร์ฟร้อนๆจากในหม้อ นอกจากนี้ยังมีผัดเห็ดรวมมิตรน้ำมันหอย แถมด้วยผัดสตอกุ้งที่เพิ่มเข้ามาจากที่ได้รับคำสั่งมา

หลังจากรินน้ำใส่แก้วป้าน้อยก็ออกมายืนด้านข้างกับหลานชาย

“อ๊อดใช่ไหมจ๊ะ” พิชนีย์ทักเด็กชายก่อนลงมือทาน

“ครับ” เด็กชายยิ้มเขินๆ เขาไม่เคยชินกับคนแปลกหน้า นานมากแล้วที่บ้านนี้ไม่เคยมีแขกมาพักไม่ซิตั้งแต่เขารู้ความก็เห็นมีแต่คุณคนสวยคนนี้แหละ

“เรียนอยู่ชั้นไหนแล้ว”

“.2 ครับ” พิชนีย์ยิ้มตบท้ายก่อนจะลงมือรับประทานอาหาร เมื่อเห็นนายสาววางช้อนและกำลังหยิบน้ำขึ้นมาดื่มป้าน้อยจึงรีบหยิบถ้วยเต้าฮวยไปวาง

“น่าทานจัง” พิชนีย์เลื่อนเต้าฮวยมาตรงหน้า

“เต้าฮวยมะพร้าวก่อนค่ะตัวเนื้อเต้าฮวยป้าก็ใส่น้ำมะพร้าวด้วยนะคะสูตรหวานน้อยทานได้เยอะๆเลยค่ะไม่ต้องกลัวอ้วน”

เมื่อตักเข้าปากลิ้นก็รับรสได้ถึงความอร่อย

“ถูกปากฉันจ้ะ ดีจังกับข้าวก็อร่อยโดยเฉพาะผัดสตอแถมขนมก็อร่อยมาก กว่าจะเสร็จงานฉันคงตัวกลมเป็นหมีแน่ๆ” แม้อาหารบนโต๊ะจะพร่องไปไม่มากแต่ได้ฟังอะไรที่มันหวานหูแบบนี้คนทำก็อิ่มใจ

“ป้าผัดสตอแบบไม่ใส่กะปิค่ะเพราะทางกรุงเทพฯเน้นย้ำมาว่าคุณพิชนีย์ไม่ทานกะปิ”

“ขอบใจมากจ้ะ” พิชนีย์ยิ้มปิดท้าย ดูเป็นสาวสวยสดใสที่ไม่เห็นจะดุอย่างที่พ่อรูปหล่อพูดเลยสักนิด

“ฝากดูแลคนของฉันด้วยนะจ๊ะ”

“พ่อรูปหล่อเรียบร้อยไปตั้งแต่บ่ายสามแล้วค่ะเธอขอแค่สลัดกับเต้าฮวย” พิชนีย์นึกขำอยากจะบอกป้าน้อยเหลือเกินว่าถ้าชมเลิศสวยว่าสวยเขาจะพอใจมากกว่า

“ฉันอิ่มละจ้ะยังไงเดี๋ยวฉันขอเดินย่อยดูอะไรรอบๆบ้านหน่อยนะจ๊ะ”

“ตามสบายเลยค่ะเจ้าอ๊อดเดินไปเปิดไฟในบ้านให้หมด”อ๊อดหน้าเหวอเมื่อมีคำสั่งหลอนๆแบบนี้ออกมา ให้เขาเดินมืดๆไปเปิดไฟเนี่ยนะและก็หลังใหญ่ยังกับวังใครจะไปกล้า เกิดเจออะไรแปลกๆพิสดารอย่างที่ชาวบ้านแถวนี้ร่ำลือเขาจะไม่ช๊อคตาตั้งหรอกรึ

“ไปซิเจ้าอ๊อดยืนรออะไร” อ๊อดสั่นหน้าแบบรัวๆ

“ยายไปเปิดเองดีกว่าเดี๋ยวอ๊อดเก็บล้างเอง” เจ้าอ๊อดรีบเดินมาจัดแจงเก็บของบนโต๊ะอย่างขยันขันแข็งยังไงโซนนี้ก็น่าจะปลอดภัยกว่าในบ้าน

“เอ็งนี่มันก็ตาขาวซะจริงอยู่มาตั้งแต่เกิดยังจะมากลัว” ป้าน้อยหันมาดุหลานชายที่ก็ไม่ได้จริงจังเพราะเข้าใจเด็ก

“เดี๋ยวป้าเดินไปเปิดไฟให้ค่ะหวังพึ่งเจ้าอ๊อดท่าจะไม่ได้เรื่อง” ไม่รอช้าป้าน้อยรีบเดินเข้าไปในบ้านเดินไปเปิดไฟ เปิดแอร์ด้วยความคุ้นชิน โดยพิชนีย์เดินตามหลังไป

ร่างบางเดินทอดน่องมองนู่นนี่ภายในบ้านทำไปก็เพื่อฆ่าเวลาเพิ่งทานข้าวเสร็จเธอยังไม่อยากขึ้นห้องเลย แต่ป้าน้อยเดินไปไหนแล้วเมื่อกี้ยังเห็นหลังไวๆแต่ก็ชั่งแกเถอะมันเป็นเวลาที่แกควรจะพักผ่อนได้แล้ว

เฟอร์นิเจอร์ในบ้านหลังนี้ล้วนเป็นไม้ที่ลวดลายและสีสันเป็นโทนเดียวกันไปหมดแต่โมเดิร์นตรงรูปทรงในส่วนต่างๆที่ดูทันสมัยรวมถึงเฉดสีของของตกแต่ง เช่น โคมไฟระย้าผ้าม่าน แจกัน ฯลฯ แสงของไฟสีส้มช่วยเสริมความคลาสสิกให้เฟอร์นิเจอร์ไม้ ความเป็นไทยโบราณกับโมเดิร์นร่วมสมัยกันได้อย่างสวยงาม

พิชนีย์หยุดยืนอยู่ตรงหน้ากรอบรูปที่แขวนเรียงรายอยู่สี่อันตรงมุมนี้รูปแรกเป็นรูปหมู่ห้าคนมีหนุ่มสาวหน้าตาดีทั้งคู่ มีเด็กหญิงสองคนที่ตุ้ยนุ้ยน่ารักที่เด็กทั้งสองน่าจะเป็นฝาแฝดกันเพราะใบหน้าละม้ายคล้ายกันมากคนหนึ่งนั่งอยู่บนตักของผู้ชายอีกคนหนึ่งนั่งอยู่บนตักของผู้หญิง มีเด็กชายอีกหนึ่งคนนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างหญิงชายดูแล้วน่าจะเป็นภาพพ่อแม่ลูก เด็กทั้งสามคนนี้คงจะเป็นคุณๆที่ป้าน้อยพูดถึงที่ตอนนี้ได้แต่งงานมีครอบครัวกันไปหมดแล้ว

สายตาของพิชนีย์เลื่อนมาที่รูปถัดไปเห็นเป็นชายหนุ่มรูปงามในชุดลำลองถัดไปอีกรูปเป็นรูปหญิงสาวหน้าตาสระสวย เสื้อคอบัวสีชมพูประดับด้วยลูกไม้บอกยุคสมัยที่ผ่านมาแล้วเนิ่นนานสายตาของพิชนีย์พาดผ่านไปในรูปถัดไป รูปสุดท้ายสะกดสายตาพิชนีย์ให้หยุดนิ่งดั่งต้องมนต์สะกด บังเอิญไปไหมที่เธอเคยเห็นผู้หญิงในรูปนี้

“เธอชื่อคุณบัวค่ะ” พิชนีย์หลุดออกมาจากภวังค์จากเสียงของป้าน้อย

“คุณบัวเธอเป็นเด็กน่ารักจิตใจดีมากค่ะ”

‘เด็ก’ พิชนีย์ฉงนอยู่ในใจ

“สามคนนี้ใช่คุณๆที่ป้าพูดถึงตอนอยู่ที่โต๊ะอาหารหรือเปล่า”

“ใช่ค่ะ”

“แต่ป้าเล่าว่าคุณๆของป้าแต่งงานมีครอบครัวไปหมดแล้วนี่หรือว่าคุณบัวคนนี้เป็นรุ่นลูกแล้ว” พิชนีย์สนใจในส่วนลึกรู้สึกว่าคนตรงหน้าเป็นคู่กรณีอย่างเสียไม่ได้ก็หล่อนบุกเข้าไปทำหน้าทะเล้นในห้องส่วนตัวของเธอ แม้ว่าจะเป็นในฝันก็เถอะ แต่ถ้าเธอไม่อนุญาตใครก็เข้าไปไม่ได้

ป้าน้อยหันมายิ้มให้นายหญิงเฉพาะกิจแต่เป็นยิ้มที่แปลกๆ คือยิ้มเย็นนัยน์ตาเป็นประกาย ไม่ได้ให้ความรู้สึกถึงความผ่องใสแต่กลับมีไอของความสุขแฝงอยู่

“คุณบัวเธอเสียไปแล้วค่ะตั้งแต่เธออายุได้ 18 ปี”พิชนีย์ใจหายเล็กๆกับสิ่งที่ได้ยิน

“ตอนนี้คนที่ยังอยู่คือคุณเหมอกับคุณธิดา” พิชนีย์เพียงพยักหน้ารู้สึกหลอนๆแปลกๆเมื่อสมองกลับไปคิดเท้าความถึงเด็กสาวที่ชื่อบัวที่อยู่ๆก็เข้าไปโผล่ในความฝันของเธอจะเป็นไปได้ไหมว่าหล่อนยังเป็นวิญญาณวนเวียนอยู่ในบ้านหลังนี้ และอย่าบอกนะว่า…

“ห้องที่ฉันพักเดิมเป็นห้องของใครจ้ะ” พิชนีย์แข็งใจถามออกไป

“เป็นห้องของคุณหญิงกับคุณท่านค่ะเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดในบ้านหลังนี้ค่ะ”

“แล้วคุณหญิงกับคุณท่าน…”

ป้าน้อยยิ้มน้อยๆเข้าใจความหมาย

“คุณหญิงเสียไปแล้วค่ะแต่เสียที่กรุงเทพฯ ส่วนคุณท่านยังมีชีวิตอยู่ แต่หลังจากที่คุณผู้หญิงเสียไปคุณท่านก็ย้ายไปอยู่กับครอบครัวน้องสาวท่านที่ประเทศฮังการีค่ะ”

“อ่อ” พิชนีย์ใจชื้นขึ้นมา แต่วางใจได้เหรอก็เด็กบัวเพิ่งจะเข้าไปป่วนเธอในความฝันในห้องที่ไม่ใช่ของตัวจะพูดเรื่องนี้กับป้าน้อยก็ดูจะไม่มีอะไรที่สมเหตุสมผลเลยสักอย่างเผลอๆอาจจะถูกมองว่าเพ้อเจ้อไร้สาระเสียชื่อผู้บริหารจากศิราณุวัฒน์หมด

“เดี๋ยวยังไงป้าขอตัวไปดูแลความเรียบร้อยก่อนนะคะมีอะไรก็เรียกใช้ป้าได้นะคะ ป้าอยู่แถวๆนี้”

“ไม่ละจ้ะฉันจะขึ้นห้องแล้ว” พูดจบหญิงสาวก็หมุนตัวเดินกลับไปยังห้องของตนแม้ใจจะหวิวๆวังเวงแต่ก็บังคับใจให้เข้มแข็งผีก็ควรจะอยู่ส่วนผี และการที่ผีมาระรานรบกวนคนเป็นสิ่งที่ผิดที่เธอยอมรับไม่ได้

เลิศชัยเลิกคิ้วสูงเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์คุณวาร์วโทรเข้ามา

“ครับคุณวาร์ว”

“ฉันต้องการพระเครื่องสักองค์นายพอจะมีไหม”

‘หือ’ เลิศชัยอุทานอยู่ในใจ

“คุณวาร์วจะเอาไปทำอะไรครับ”

“แค่ตอบมาว่ามีหรือไม่มีถ้ามีก็เอาขึ้นมาให้ฉันตอนนี้เลย”

“มะ ม่ะ มีครับเดี๋ยวผมจะรีบเอาขึ้นไปให้” เลิศชัยกระตือรือร้น เพราะกลัวไปขัดใจเธอเข้ากลายเป็นเรื่องใหญ่โตได้ง่ายๆ

ก๊อก ก๊อก ก๊อกชั่วอึดใจเลิศชัยก็มาเคาะประตูห้อง

“พระเครื่องที่คุณวาร์วต้องการครับ” ชายหนุ่มรีบยื่นสร้อยพระที่ตนมักใส่ติดตัวให้เจ้านายสาวเมื่อประตูเปิดออก

“เป็นพระสมเด็จอายุหลายร้อยปีครับมรดกจากคุณปู่ของผม”

“ขอบใจนะฉันขอยืมไว้ก่อนเสร็จโปรเจ็กต์นี้แล้วจะคืนให้”พิชนีย์ไม่ขยายความก่อนจะปิดประตูลงไปดื้อๆแม้จะงงๆกับเจ้านายสาวแต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร ชินซะแล้วกับความเอาแต่ใจ ไร้เหตุผลของสี่พี่น้องจอมติสที่โลกส่วนตัวยังสูงสุดกู่

เมื่อปิดประตูห้องพิชนีย์ได้แขวนสร้อยพระไว้ที่ประตูห้องแค่นี้สิ่งแปลกปลอมก็เข้ามาไม่ได้แล้ว

พิชนีย์เดินไปที่เตียงนอนด้วยความง่วงเหงาอาจจะเพราะด้วยบรรยากาศที่แสนดีจากการที่ฝนตกพรำๆอยู่ตลอดเวลาร่างบางสอดกายไปใต้ผ้าห่มและหลับใหลไปในไม่นาน โดยไม่รู้ตัวว่าทุกอิริยาบถของตนอยู่ในสายตาของใครบางคนเอ… จะเรียกว่าบางคนหรือบางตนดีน้า




Create Date : 27 มิถุนายน 2558
Last Update : 27 มิถุนายน 2558 0:32:07 น. 0 comments
Counter : 479 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

writer_k toon
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




เป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่งค่ะ ที่อยากเป็นคนดี
และเป็นคนเก่งขึ้นทุกๆวัน

ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ โปรดสุดก็ Starbucks หากอยู่ในฤดูงบน้อย อะไรที่เป็นกาแฟดำ ได้หมด

ชอบอ่านหนังสือ แนวHowto และนิยายของคุณทมยันตี จนวันหนึ่งเกิดอยากจะเขียนหนังสือให้คนอื่นอ่านบ้าง โดยมีคุณทมยันตีเป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจ

เริ่มต้นขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ลงท้ายจะเป็นอย่างไร แต่หวังไว้ว่ามันจะดีกว่าที่หวัง

จะคุยได้นานกับคนที่มีฝัน มีเป้าหมายในชิวิต รักครอบครัว และคิดบวก

แอบหวังว่าคนที่เข้ามาที่Blogนี้จะออกไปอย่างมีความสุขนะคะ

Loveๆทุกคนค่ะ

ปล.ขอสงวนลิขสิทธิ์ข้อความและรูปภาพทั้งหมดใน blog นี้ตามกฎหมาย ห้ามนำไปใช้หรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตนะคะ

New Comments
Friends' blogs
[Add writer_k toon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.