Group Blog
 
All blogs
 
ยามเมื่อความรักเพรียกหา 1

ป้าสมศรีเดินออกมาหน้าบ้านเมื่อได้ยินเสียงออด มองไปเบื้องหน้าก็ได้เห็นหญิงสาวร่างบางหน้าตาสะสวยในชุดนักศึกษา

“มาพบใครจ๊ะหนู”

“หนูมาขอพบคุณโสรยาค่ะหนูชื่อมณีรัตน์เป็นลูกอุปถัมภ์ของคุณโสรยา หนูมาจากมูลนิธิเด็กบ้านป่าค่ะ” เด็กสาวแจกแจงรายละเอียด ป้าศรีครุ่นคิดตามที่ได้ยิน รู้สึกคุ้นกับคำว่า‘เด็กบ้านป่า’

“อ๋อ ป้านึกออกแล้วป้าเห็นมีจดหมายจากมูลนิธิเด็กบ้านป่ามาทุกเดือนเลยติดต่อกันมาหลายปีแล้ว” ใช่! หลายปีแล้วแต่จดหมายไม่เคยได้รับการตอบกลับเลยสักฉบับก็ไม่มีเด็กสาวคิดน้อยใจแต่อีกใจก็เข้าใจว่าคุณโสรยาคงยุ่งและเธอเองก็ไม่ได้สลักสำคัญอะไร

“แต่ตอนนี้คุณแววเธอไม่อยู่หรอกจ้ะหนู”เด็กสาวเลิกคิ้ว ‘คุณแวว’

“ใครกันคะ คุณแวว”

“ก็คุณโสรยาที่หนูพูดถึงแหละจ้ะชื่อเล่นเธอชื่อคุณแวว” ‘อ๋อ’ เด็กสาวพยักหน้าน้อยๆ เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแม่อุปถัมภ์เลยนอกจากชื่อจริงนามสกุลและที่อยู่

“คุณแววเธอออกไปทำงานจะกลับก็ค่ำๆหนูทิ้งเบอร์โทรไว้แล้วกันเดี๋ยวป้าแจ้งคุณแววแล้วจะโทรไปนัดหนูอีกที” นัยน์ตาของเด็กสาวเป็นกังวลขึ้นมาทันทีก็เธอไม่ได้เตรียมพร้อมมาสำหรับเรื่องนี้ เธอนั่งรถมาจากเชียงใหม่ตั้งแต่เมื่อคืนตั้งใจขึ้นมากราบขอบคุณผู้มีพระคุณเสร็จแล้วเธอก็จะนั่งรถกลับเชียงใหม่เลยเธอไม่ได้มีเงินเหลือเฟือสำหรับใช้จ่ายค่าที่พัก

“คือ…หนู”

“ใครกันแม่ศรี”คุณหญิงเดินผ่านมาทางนี้พอดีจึงเดินออกมาดูเมื่อเห็นว่ามีคนยืนอยู่หน้าประตูบ้านเมื่อเดินมาใกล้ๆก็ได้เห็นเด็กสาวหน้าตาเลี่ยมเชี่ยมผิวพรรณดี

“ชื่อมณีรัตน์ค่ะคุณหญิง มาขอพบคุณแวว”

“มีธุระอะไรกับลูกแววของฉันเหรอจ๊ะ”เด็กสาวประนมมือไหว้นอบน้อมเมื่อได้รู้ว่าหญิงวัยกลางคนตรงหน้าเป็นแม่ของผู้มีพระคุณ

“คือหนูจะมากราบขอบพระคุณแม่อุปถัมภ์ค่ะที่ช่วยสนับสนุนทุนการศึกษาและค่าใช้จ่ายรายเดือนตลอดจนหนูเรียนจบ แล้วตอนนี้หนูก็เรียนจบปริญญาตรีแล้วจึงอยากมาขอพบท่านสักครั้งค่ะ” คุณหญิงอมยิ้มกับสำนวนเป็นทางการของเด็กสาวที่พูดถึงลูกสาว ก็ยัยแววของเธอปีนี้เพิ่งจะ27 เอง ว่าแต่ยัยแววไปทำเรื่องอะไรแบบนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่เธอไม่เห็นจะรู้เรื่อง

“แล้วนี่หนูมายังไงจ๊ะ”

“หนูนั่งรถทัวร์มาจากเชียงใหม่ค่ะ หวังว่าเมื่อได้มากกราบขอบคุณคุณโสรยาแล้วก็จะลากลับเลยค่ะ”

“นั่งรถทัวร์กลับอีกนะเหรอ” คุณหญิงนัยน์ตาตื่น นั่งรถไปกลับติดต่อกันแบบนี้เหนื่อยแย่เลย

“แสดงหลักฐานให้ฉันดูหน่อยซิจ๊ะว่าหนูเป็นจริงอย่างที่พูด” เด็กสาวกระตือรือร้นค้นหาหลักฐานเพื่อมายืนยัน หยิบออกมาได้เป็นปึก

“อันนี้บัตรประชาชนของหนูค่ะ”เด็กสาวทยอยยื่นให้

“อันนี้บัตรนักศึกษา อันนี้ใบรับรองจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ค่ะส่วนอันนี้เป็นบัตรเด็กในโครงการเด็กบ้านป่าค่ะ”คุณหญิงรับมาดูอย่างละเอียด อดภูมิใจไม่ได้ที่ลูกสาวของตนมีโอกาสได้สนับสนุนเด็กใฝ่ดี

“พอละจ้ะหนูแม่ศรีเปิดประตูให้แม่หนูเขาเข้ามายืนตากแดดอยู่นานร้อนแย่แล้ว” ป้าศรีกระตือรือร้นเปิดให้เพราะถูกชะตาตั้งแต่แรก

“เข้ามานั่งข้างในก่อนจ้ะ”

“แต่…”คุณหญิงหยุดฟัง

“ป้าบอกว่าคุณโสรยาไปทำงานจะกลับค่ำๆ” เด็กสาวเสียงอ่อย ยังสับสนกับความเป็นไปอีกอย่างเธอก็ไม่ได้มีเงินติดตัวมามากไม่มีความพร้อมสำหรับการผิดแผนเลยหากจะรอจนถึงค่ำก็หวั่นใจว่าจะกลับไม่ทันรถทัวร์เที่ยวสุดท้ายหากจะไปนั่งอยู่ที่หมอชิตทั้งคืนมันก็คงจะน่ากลัวเกินไปสำหรับเด็กต่างจังหวัดที่ไร้ญาติในกรุงเทพฯอย่างเธอ

“จ้ะยัยแววเขาจะกลับค่ำๆคืนนี้หนูก็นอนค้างที่นี่ พรุ่งนี้ค่อยกลับ” เด็กสาวมีท่าทางลังเล ยังไม่ยอมก้าวเข้ามา

“เดี๋ยวหนูก็โทรบอกคนที่บ้านว่าวันนี้จะค้างที่นี่”

“คือ…”

“ทำตามที่ฉันบอกหากเกิดปัญหาอะไรฉันจะรับผิดชอบเองทุกอย่าง” พูดจบคุณหญิงก็เดินออกทันทีมันเป็นเทคนิคในการปิดประเด็น เพราะไม่อย่างนั้นคงต้องยืนทำความเข้าใจกันอีกนานเด็กสาวมองตามตาละห้อยยังสับสนไม่เลิก

“เข้ามาเถอะจ้ะคุณหญิงท่านเมตตาแล้ว” เด็กสาวร่างเล็กก้าวเข้ามาเชื่องช้าเพราะไม่มั่นใจและไม่คุ้นชิน

ป้าสมศรีเดินนำเด็กสาวเข้ามาในบ้านเดินนำไปที่ห้องรับแขกที่ตอนนี้คุณท่านกับคุณผู้หญิงนั่งรออยู่สายตาของเด็กสาวพาดผ่านความโอ่อาหรูหราไปตลอดทางแต่ก็เท่านั้นเพราะมันล้วนเป็นของนอกกายและที่สำคัญมันไม่ใช่ของเธอ

“เข้ามานั่งตรงนี้ซิจ้ะ” คุณหญิงมีเมตตา เด็กสาวเดินเข้ามาก่อนจะคุกเข่าและเดินเข่าเข้ามาใกล้ๆและนั่งพับเพียบลงไปกับพื้น

“ลูกอุปถัมภ์ของแววเค้าค่ะกราบคุณท่านซะซิ” คุณหญิงแนะนำ สองมือของเด็กสาวประนมไหว้งดงาม

“หือ … ไม่เห็นเคยรู้มาก่อนว่ายัยแววมีลูกสาวโตขนาดนี้แล้ว แถมยังสวยมากด้วย” ท่านสมชาติหยอกเย้าให้เด็กสาวผ่อนคลาย

“ลุกขึ้นมานั่งข้างบนเถอะจ้ะ” คุณท่านมีเมตตา เด็กสาวมีท่าทีลังเลแต่ก็ลุกขึ้นมาแต่โดยดีเพราะไม่อาจจะขัดคำสั่งของผู้ใหญ่

“ชื่ออะไรแล้วเป็นลูกเต้าเหล่าใครกัน”

“หนูชื่อมณีรัตน์ค่ะ หนูไม่มีพ่อแม่อยู่ในการอนุเคราะห์ของมูลนิธิเด็กบ้านป่ามาตั้งแต่จำความได้ค่ะ” ยิ่งได้รู้ได้ฟังเรื่องราวทั้งคู่ก็ยิ่งเมตตาเด็กสาว

“คืนนี้ก็พักเสียที่นี่แล้วพรุ่งนี้ค่อยกลับแม่ศรีเอาโทรศัพท์มาให้แม่หนูคนนี้โทรกับไปแจ้งผู้ใหญ่ของเขา” แม้จะเห็นว่าเด็กสาวมีท่าทีอึดอัดใจแต่ก็ไม่ได้สนใจ

“บอกไปว่าคืนนี้จะนอนค้างที่บ้านแม่อุปถัมภ์บ้านของท่านสมชาติ ศิราณุวัฒน์ ”เมื่อเห็นเด็กสาวรับโทรศัพท์มาถือคุณหญิงจึงสอนวิธีการพูดเด็กสาวมือไม้อ่อนยกมือไหว้ขอบคุณในคำแนะนำ

“ขอสายแม่ระพีจ้ะจากมณี

แม่รพีจ๊ะคืนนี้มณีคงต้องนอนค้างที่บ้านแม่อุปถัมภ์นะจ๊ะ เพราะกว่าจะได้พบท่านก็ตอนค่ำๆเกรงว่าจะกลับไม่ทันรถทัวร์เที่ยวสุดท้ายนะจ้ะ

…

จ้ะมณีจะดูแลตัวเองอย่างดีแม่รพีไม่ต้องเป็นห่วงนะจ๊ะ” ภาษาเหนือบวกกับเสียงใสๆช่างไพเราะน่าฟัง ‘มณี’ เด็กสาวแทนตัวเองด้วยชื่อนี้ เด็กสาวกดวางสายและยื่นโทรศัพท์คืนป้าศรีไป

“แม่ศรีช่วยไปสั่งเด็กๆให้จัดห้องให้หนูมณีเขาด้วยเอาห้องรับรองปีกซ้ายห้องที่ติดกับแวว เขาแม่ลูกกันให้อยู่ใกล้ๆกัน”

“ค่ะ” ป้าศรีรับคำสั่งก่อนจะรีบออกไป

“ให้หนูนอนตรงไหนก็ได้นะคะคือหนูไม่อยากรบกวน” เด็กสาวเสียงอ่อยเจียมเนื้อเจียมตัวในใจคิดว่าศักดิ์ศรีของตนก็ไม่ต่างกับป้าศรีแม่บ้าน

“ได้ยังไงจ๊ะหนูถือเป็นแขกของแววลูกสาวฉัน”

“ใช่ ไม่ต้องเกรงใจหรอกฉันกับคุณหญิงเห็นหนูเป็นลูกหลาน” คุณท่านเสริมอีกแรง เข้าใจความไม่คุ้นชินดี

“พักผ่อนไปก่อนนะฉันจะไปเรือนกล้วยไม้สักหน่อย ไปด้วยกันไหมคุณหญิง”

“ไม่ละค่ะเพิ่งทานของว่างไปรู้สึกหนังตาจะหย่อน”

“ให้หนูไปเรือนกล้วยไม้ด้วยได้ไหมคะหนูพอมีความรู้เรื่องกล้วยไม้บ้าง เพราะเคยไปฝึกงานที่ศูนย์เพาะและขยายพันธุ์กล้วยไม้ค่ะเผื่อความรู้เล็กๆน้อยๆที่หนูมีจะเป็นประโยชน์กับท่านบ้าง”เห็นหน้าหวานๆแบบนี้แต่ก็ฝ่าฟันจนจบวิศวะเกษตรมาได้

“หือจริงเหรอฉันกำลังมีเรื่องสงสัยพอดี ไป ไป ไปช่วยฉันดูหน่อย”

“หนูขออนุญาตนะคะ” เด็กสาวหันไปทางคุณหญิง

“ตามสบายกันเถอะจ้ะฉันขอขึ้นไปเอนหลังสักหน่อยก่อน” เป็นปกติที่ท่านจะต้องขึ้นนอนกลางวัน

คนสองวัยเดินตามกันไปที่เรือนกล้วยไม้แม้เด็กสาวจะยังเกร็งๆแต่ก็ผ่อนคลายไปได้มากจากความมีเมตตา

ล่วงเลยมาจนเย็นทั้งสองจึงเดินออกมาจากเรือนกล้วยไม้และเดินเข้าไปในบ้าน

“เดี๋ยวเชิญคุณหนูมณีไปที่ห้องนะคะป้าสั่งให้เด็กออกไปซื้อเสื้อผ้า ของใช้มาเตรียมไว้ให้แล้ว”

“อุ่ย! ป้าคะไม่น่าลำบากเลยค่ะมณีใส่ชุดนี้ก็ได้” ท่านสมชาติกับป้าศรีอมยิ้มกับสภาพของเด็กสาวที่มีเหงื่อไคลไหลย้อยและเสื้อก็กลายเป็นอดีตสีขาวไปแล้ว

“ไปค่ะ ตามป้ามา” ป้าศรีเดินนำออกไป

“หนูขอตัวก่อนนะคะ” เด็กสาวต้องเดินตามไปอย่างเสียไม่ได้เมื่อเข้าไปภายในห้องป้าศรีก็จัดการแนะนำข้าวของเครื่องใช้ที่ทันสมัยทุกอย่างเพราะคิดเห็นว่าน่าจะมีหลายอย่างที่เด็กสาวไม่คุ้นชินและมันก็เป็นอย่างนั้น กับชีวิตนักศึกษาที่โครงการจัดหาทุนให้กับทุนส่วนตัวจากแม่อุปถัมภ์แค่ที่ซุกหัวนอนที่สะอาดและปลอดภัยในหอพักสตรีก็ถือว่าหรูมากแล้ว

“ขอบคุณมากนะคะป้า” เด็กสาวประนมมือไหว้ซาบซึ้งในความมีน้ำใจ

“จ้ะ พักผ่อนให้สบายที่นี่ทานอาหารเย็นตอนหนึ่งทุ่มนะจ๊ะ ห้ามลงไปสายเด็ดขาดเพราะทุกคนที่นี่ให้ความสำคัญเรื่องเวลามาก”

“ค่ะป้าขอบคุณอีกครั้งนะคะ”เด็กสาวมองป้าศรีจนลับตาไปก่อนจะปิดประตูเข้าสู่โลกส่วนตัวยิ่งใกล้เวลาอาหารเย็นมากเท่าไหร่หัวใจก็ยิ่งเต้นแรงเพราะเป็นครั้งแรกที่เธอจะได้เจอผู้มีพระคุณ

มณีรัตน์ในชุดเสื้อยืดสีขาวตัวยาวจนคลุมเข่ากับกางเกงผ้าฝ้ายห้าส่วนพอดีตัวสีดำเดินลงมาเมื่อใกล้ถึงเวลาอาหารเย็นอุ่นใจที่เห็นคุณท่านและคุณหญิงนั่งรออยู่อย่างน้อยเธอก็คุ้นเคยกับท่านทั้งสองบ้างแล้วเด็กสาวมองตามมือที่ป้าศรีชี้ตำแหน่งที่นั่งก่อนจะเดินไปนั่ง

ไม่นานอีกหลายคนก็ทยอยมา แต่…ทำไมสาวๆบ้านนี้ถึงมีแต่คนสวยๆทั้งนั้นเลยอย่างกับอยู่บนสวรรค์ที่มีแต่นางฟ้าว่าแต่แล้วคุณโสรยาแม่อุปถัมภ์ของเธอละมีอยู่ในนี้ไหมแต่ก็ไม่น่ามีนะเพราะทุกคนในยังดูเป็นสาวสดใส

บรรดาลูกสาวและลูกสะใภ้เดินมานั่งในที่ของตนทุกคนต่างสนใจกับเด็กสาวหน้าใส สิ่งแปลกปลอมแต่ก็นึกชื่นชมในความเกลี้ยงเกลาผิวขาวอมชมพูดูสดใสสุขภาพดี

“ลูกอุปถัมภ์ของแววเขาชื่อมณี” คุณหญิงแนะนำ

“มณีสวัสดีพี่ๆเขาซิคนนี้แวม มีน วาร์ม โรส วาร์ว” ‘ลูก’ เด็กสาวยังค้างคาอยู่หลายเรื่อง

“สวัสดีค่ะ” เด็กสาวประนมมือไหว้ได้อย่างงดงาม แล้ว…คือยังไม่ครบใช่ไหมแล้วคุณโสรยาแม่อุปถัมภ์ของเธอละ? 




Create Date : 19 เมษายน 2557
Last Update : 27 พฤษภาคม 2557 11:13:53 น. 0 comments
Counter : 494 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

writer_k toon
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




เป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่งค่ะ ที่อยากเป็นคนดี
และเป็นคนเก่งขึ้นทุกๆวัน

ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ โปรดสุดก็ Starbucks หากอยู่ในฤดูงบน้อย อะไรที่เป็นกาแฟดำ ได้หมด

ชอบอ่านหนังสือ แนวHowto และนิยายของคุณทมยันตี จนวันหนึ่งเกิดอยากจะเขียนหนังสือให้คนอื่นอ่านบ้าง โดยมีคุณทมยันตีเป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจ

เริ่มต้นขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ลงท้ายจะเป็นอย่างไร แต่หวังไว้ว่ามันจะดีกว่าที่หวัง

จะคุยได้นานกับคนที่มีฝัน มีเป้าหมายในชิวิต รักครอบครัว และคิดบวก

แอบหวังว่าคนที่เข้ามาที่Blogนี้จะออกไปอย่างมีความสุขนะคะ

Loveๆทุกคนค่ะ

ปล.ขอสงวนลิขสิทธิ์ข้อความและรูปภาพทั้งหมดใน blog นี้ตามกฎหมาย ห้ามนำไปใช้หรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตนะคะ

New Comments
Friends' blogs
[Add writer_k toon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.