จุดนัดพบที่รถโค้ชจะมารับคือที่โรงแรมณ จุดแรกที่รถ Airport Limousine มาส่งตอนวันมาถึง ตอนวันแรกเราจับเวลาเดินทางจากโรงแรมนี้ไปยังโรงแรมที่พักจริงว่าใช้เวลาเดินทางราวเท่าไหร่ (รวมเวลาเผื่อหลงเรื่องขึ้นรถไฟ) เพราะสิ่งที่กังวลมากคือความตรงต่อเวลาของญี่ปุ่นที่ทัวร์ 1 วันจะมารับเราตอนเช้า เพราะถ้าเกิดไปสายละก็เท่ากับว่าเงิน 5,400 บาทที่จ่ายไปแล้วหมดกัน
รถโค้ชคันนี้รับนักท่องเที่ยวตามโรงแรมต่าง ๆ เรื่อยไปเป็นจุด ๆ เป็นการทำทัวร์ที่ค่อนข้าง economy เพราะรถคันเดียวจะได้จำนวนนักท่องเที่ยวให้คุ้มรถ 1 คันหน่อย สรุปว่ามีนักท่องเที่ยวค่อนข้างเต็มคันเหมือนกัน ให้ความรู้สึกเป็นเหมือนทัวร์ international มากเพราะว่าเจอลูกทัวร์หลากหลายประเทศ ทั้งตะวันตก ตะวันออก
ที่รู้สึกแปลกและแตกต่างอีกนิดคือทัวร์ international กรุ๊ปนี้เวลาลง ณ จุดไหน ๆ ไม่ค่อยมีใครออกแนว shopping เหมือนทัวร์คนไทย และทุกคนตรงเวลากันมาก ๆ จริง ๆ เราและบัดดี้ก็ไม่ใช่นัก shopping เท่าไหร่ ตกลงกันไว้ว่ามาญี่ปุ่นเน้นมาเที่ยว มาดูสถานที่ ไม่ได้ตั้งใจตรงไปซื้อของที่ห้างไหน ๆ ถ้าจะช็อปก็คือจุดที่ผ่านเท่านั้น ดังนั้นผู้ที่ฝากซื้อของเราเลยต้องบอกว่าถ้าผ่านแล้วเจอก็ซื้อให้นะ
เนื่องจากเราและบัดดี้เป็นกลุ่มแรกที่รถโค้ชคันนี้มารับ ดังนั้นพอขึ้นรถเราเลยแยกกันนั่งเพื่อที่จะได้นั่งเก้าอี้ตัวริมหน้าต่างเพื่อจะได้เห็นวิวข้างทางเต็มที่
เหนือเมฆที่ฟูจิ
ดังนั้นตอนสุดท้ายเราจึงได้เพื่อนใหม่นั่งข้าง ๆ ทักทายกันเธอคือสาวอินเดีย มาเที่ยวญี่ปุ่นวันสุดท้ายแล้ว พรุ่งนี้จะเดินทางกลับ
ไกด์ประจำรถเล่าเรื่องราวต่าง ๆ เก่งมาก มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่เธอเล่าให้ฟัง (แต่มาวันนี้ก็ลืมไปแล้ว ไม่ได้บันทึกไว้) สิ่งที่รู้สึกอย่างหนึ่งเมื่อมาญี่ปุ่นคือทุกคนตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่กับตำแหน่งและความรับผิดชอบของตน ไกด์ทำหน้าที่เต็มที่ คนขับรถก็เช่นกัน อีกอย่างคือมีความอ่อนน้อมถ่อมตน ดูแลลูกค้าเป็นอย่างดี
เนื่องจากวันนั้นรถค่อนข้างติดเล็กน้อย กว่าจะรับลูกทัวร์ตามโรงแรมต่าง ๆ กว่าจะเดินทางออกนอกโตเกียวก็ใช้เวลาพอสมควรอยู่ จุดแรกของการเดินทางคือไปภูเขาไฟฟูจิ โชคดีมากที่วันนี้ฟูจิไม่ขี้อาย มองจากระยะไกล ฟูจิออกมาทักทายอย่างสวยงามทีเดียว ไกด์บอกว่าทีมเราโชคดีมาก
ถึงจุดที่รถจอดให้ลงมาสัมผัสบรรยากาศที่สวยงามข้างบนฟูจิ อากาศเย็น ๆ กำลังดีไม่หนาว มองเห็นปุยละอองเมฆ เหนือเมฆ เป็นอย่างนี้เอง อากาศใสมาก
เราแอบสงสัยป้ายนี้ เอ่อ! จะมีใครเรียกรถมารับหรือมาส่งถึงนี่เชียวหรือ ท่าทางค่าโดยสารคงจะแพงน่าดู
ล่องเรือโจรสลัด ชิมไข่ดำเป็นจุดต่อไป เวลาเลยจุดรับประทานอาหารกลางวันไปแล้ว แต่เรายังมีเสบียงจากมื้อเช้าติดตัวนิดหน่อย ไกด์บอกว่าวันนี้คงทานอาหารกลางวันกันสายมาก กว่าจะไปถึงร้านอาหารที่เขาจัดไว้
เพราะวันนี้รถค่อนข้างติดตอนออกจากเมือง
แล้วก็ทานอาหารกลางวันช้าจริงอย่างที่ไกด์ว่า น่าจะราวบ่ายสามโมง เขาจัดให้เป็นอาหารชุด กลุ่มสเต็ก อร่อยและบรรยากาศในร้านและนอกร้านดีใช้ได้
วันนี้เป็นวันที่รู้สึกว่าเริ่มไม่ค่อยชอบการท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์อีกต่อไป เพราะการไปสถานที่บางที่จะมีโอกาสได้ใช้เวลาที่นั่นแป๊บเดียวเพราะต้องแข่งกับเวลา ดูมันรีบ ๆ ยังไงขอบกล เริ่มชอบการท่องเที่ยวแบบเรื่อย ๆ มาเรียง ๆ การเดินทางแบบ slow life วันหนึ่งไปน้อย ๆ ที่พอ แต่ขอซึมซับกับสถานที่นั้นนาน ๆ
การมาญี่ปุ่นครั้งนี้ จึงประทับใจกับวันที่เที่ยวเองมากกว่า แม้ว่าบางจุดอาจจะมึน ๆ กับเส้นทางรอยต่อของรถไฟ
ขากลับไกด์พามาส่งที่สถานีรถไฟพร้อมแจกตั๋วรถไฟชินคันเซ็นให้เดินทางกลับ
เพิ่งรู้ว่าทุกคนของกรุ๊ปทัวร์นี้ไม่ได้กลับรถไฟชินคันเซ็น บางคนกลับด้วยรถโค้ชคันเดิม เพิ่งถึงบางอ้อว่าค่าใช้จ่ายของแต่ละคนไม่เท่ากัน ถ้าเลือกขากลับด้วยรถไฟชินคันเซ็นก็แพงกว่าหน่อย แต่ถ้ากลับด้วยรถโค้ชคันเดิมก็ต้องยอมรับสภาวะที่จะเจอรถติดนิดนึง
ยืนรอรถไฟชินคันเซ็น
ถ้าจำไม่ผิด หลังจากขึ้นรถตอนเช้าน่าจะใช้เวลาออกนอกเมืองราว 2 ชม.มั้ง แต่ใช้เวลาขากลับด้วยรถไฟชินคันเซ็นแค่ 30 นาทีเท่านั้น เร็วจริง ๆ
ช่วงที่ยืนรอรถไฟที่สถานี เวลารถไฟวิ่งผ่านรู้สึกว่ามันวิ่งผ่านเราไปด้วยความเร็วสูงมาก แต่ตอนนั่งภายในจริง ๆ กลับให้รู้สึกว่าเงียบนะ และไม่ได้เร็วมากเมื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง
เห็นแล้วรู้สึกว่าอยากให้เมืองไทยมีรถไฟดี ๆ อย่างนี้บ้างจัง เสียดายจังญี่ปุ่นกับไทยเริ่มต้นมีรถไฟในช่วงเวลาใกล้ ๆ กันแต่เวลาผ่านไปเป็นร้อยปี เรายิ่งห่างจากเขามากมาย
เล่าเพิ่มเติมเรื่องใกล้ ๆ โรงแรมที่พัก
ตอนที่มาถึงโรงแรมที่พัก มอง 2 ข้างถนนดูเงียบไม่มีร้านอาหาร ถามไถ่พนักงานโรงแรมได้ความว่าเยื้อง ๆ ฝั่งตรงข้ามโรงแรมจะมีห้าง AEON ซ่อนตัวอยู่และร้านอาหารอีกหลายร้าน โชคดีได้ AEON และร้านอาหารแถวนี้ช่วยให้รอดชีวิต
บัดดี้ถามว่าให้คะแนนกับการมาญี่ปุ่นครั้งนี้เท่าไหร่ เราตอบว่า 10/10 บัดดี้บอกว่าให้คะแนนถึงขนาดนี้เชียวเหรอ แม้ว่าวันแรกที่มาถึงนี่มึนตึ้บกับการต่อรถไฟไปโรงแรมพอสมควร
เราว่าเพราะว่ามันได้ประสบการณ์ไง การให้ 10/10 ไม่ได้หมายถึงเฉพาะช่วงเวลาที่สนุกเท่านั้น แต่ตอนที่ (เกือบ) หลงมันก็ให้อารมณ์อีกรูปแบบหนึ่ง ถือว่าเป็นการเรียนรู้ในการเดินทางด้วยตัวเองก็ได้มั้ง
มีความสุขนะกับการมาญี่ปุ่น
One time is not enough.
....รัชชี่....
ปล. บันทึกความเซอร์ไพรส์ในการมาญี่ปุ่นอีกอย่าง ปกติพอทราบข้อมูลว่าสาว ๆ ญี่ปุ่นให้ความสนใจกับเรื่องกระเป๋าแบรนด์เนมมากมาย แต่แปลกจริงเดินทางด้วยรถไฟเท่าที่ผ่านมา น้อยมากที่จะเห็นสาว ๆ พกพากระเป่าแบรนด์เนม กลับกลายเป็นว่าเวลาเราใช้ BTS , MRT ที่เมืองไทยกลับเจอมากกว่าซะงั้น
ใครบอกว่าอาหารญี่ปุ่นแพง สงสัยเป็นเพราะชินกับราคาอาหารบางร้านในห้างของไทย เผลอ ๆ แล้วจะเท่ากับหรือแพงกว่าอาหารที่ญี่ปุ่นซะอีก
เมื่อเปรียบเทียบค่าเงิน วิถึการใช้ชีวิต คนญี่ปุ่นก็คงไม่แปลกเมื่อเทียบค่าเงิน เงินเดือนกับค่าใช้จ่ายของเขา แต่ถ้ากับเมืองไทย ถ้ายังไม่มีความพร้อมเท่าไหร่ การใช้จ่ายในบ้านเราก็อาจจะเกินตัวเหมือนกัน
เรื่องสุดท้าย ประทับใจห้องน้ำทุกจุดทุกแห่งที่ใช้บริการ เรียกว่าไม่ต้องมีความกังวล ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำในวัด ในที่สาธารณะ ในสถานีรถไฟ ทุกที่สะอาด มีทิชชู และรักษาความสะอาดกันเป็นอย่างดี
โดย: Peeradol IP: 1.47.203.77 31 สิงหาคม 2557 19:17:00 น.
คือ การซื้อทัวร์เท่านั้นค่ะ เพราะสบายที่สุด
ไม่ต้องตามหาโรงแรม ที่พักหรือร้านอาหาร
ทัวร์จัดการให้เสร็จเรียบร้อย ไม่ต้องจ่ายเพิ่มเติมอีก
เท่าที่เคยมาเที่ยวญี่ปุ่น เป็นประเทศหนึ่งที่มีทั้งความทันสมัยและอนุรักษ์ชีวิตเก่าๆ ไว้ได้ดีมาก
(แต่มีคนแอบว่าคนญี่ปุ่นเป็นคนเก็บกดเล็กๆ นะคะ)
ลองคิดดูละกันว่าความเก็บกดของคนญี่ปุ่นแสดงออกมาในด้านใดบ้าง
โดย: ป้าแอ๊ด IP: 58.11.243.74 31 สิงหาคม 2557 19:25:23 น.
สำหรับหนุ่มสาว เที่ยวแบบน้องรัชชี่ก็โอนะคะ
พี่ขอแบบป้าแอ๊ดค่ะ 555
แต่ที่เคยไปญี่ปุ่นสามสี่ครั้งนี่ ก็ไม่ได้ไปกะทัวร์ เขาเชิญไปบ้าง
และไปเองกับครอบครัวของบอสบ้าง
ญี่ปุ่นไปแล้วไปอีก
ประทับใจเหมือนน้องรัชชี่เหมือนกัน ทุกห้องน้ำ ทุกสิ่งอำนวยความสะดวกไม่เคยมีเสีย มีพัง เป๊ะไปหมด
คนคุณภาพ เมืองคุณภาพ ชอบๆ
โดย: นักล่าน้ำตก IP: 115.87.155.29 31 สิงหาคม 2557 19:32:38 น.
ญี่ปุ่นมีอะไรมากมายที่น่าสนใจเสมอ
ขอบคุณครับ
โดย: Insignia_Museum 6 ตุลาคม 2557 20:38:27 น.