วัดอาซากุสะ พระราชวังอิมพีเรียล ฮาราจูกู ชินจูกุ
เสน่ห์ของการเดินทางด้วยตัวเองคือบางสถานที่ บางเวลาที่วางแผนไว้ก็ไม่ได้เป็นไปตามแผน
มันเป็นการสะท้อนความจริงให้เห็นว่าชีวิตควรจะมีแผนในการเดินทางชีวิตบ้าง แต่ในขณะเดียวกันก็อาจต้องปรับเปลี่ยนแผนที่ชีวิต เพราะเรื่องบางเรื่องเราคุมด้วยตัวเองคนเดียวไม่ได้
เดิมวางแผนจะไปวัดอาซากุสะในช่วงวันแรก แต่เกิด
ข้อขัดข้องทางเทคนิคเล็กน้อย ถามไถ่เจ้าหน้าที่โรงแรม เป็นไปได้ว่ากว่าจะไปถึงวัดอาซากุสะคงจะได้เวลาปิด
ตอนแรกกะว่าจะตัดออกจากแผนท่องเที่ยว ส่วนหนึ่งเกิดจากตอนที่ศึกษาข้อมูลจากที่คนรีวิวหรือถ่ายรูป ก็รู้สึกเฉย ๆ นะ
แต่มาคิดอีกที ไม่ได้ไปเดี๋ยวถือว่ายังไม่ได้มากรุงโตเกียว
เลยวางแผนใหม่ให้อยู่ในโปรแกรมเที่ยวที่แรกแต่เช้า
ออกจากโรงแรม เดินทางด้วยสถานีรถไฟหน้าโรงแรมมา 1 ทอดเพื่อเริ่มต้นที่สถานี OSAKI
วันนี้ซื้อตั๋วรถไฟแบบ one day ticket เพราะคิดว่าถ้าวันหนึ่งเดินทางด้วยรถไฟอย่างน้อย 3 จุด แบบ one day ticket จะคุ้มกว่า
จาก YAMONOTE Line ไป TOEI Subway
โผล่พ้นจาก Subway เดินมาไม่ไกลเจอแผนที่ มองที่จุด You are here วัดอาซากุสะเดินตรงไปจากนี้ เลี้ยวซ้าย ก็มองเห็นแล้วแค่เดินข้ามถนน
2 ข้างทางระหว่างเดินเข้าไปนี่เป็นแหล่งช็อปปิ้งชั้นดี ได้โปสการ์ดกับตุ๊กตาญี่ปุ่นที่นี่เอง
หมดจากร้านขายของ บริเวณด้านในกว้างพอสมควร วัดใหญ่กว่าที่คิดนะ ปริมาณคนไม่มากนัก เรามาวันอาทิตย์
เซอร์ไพรส์กับการทำอะไรตามคิวที่ญีปุ่่น แม้กระทั่งที่วัด
ณ จุดที่ให้ผู้คนโยนเหรียญลงไปพร้อมกับไหว้
ผู้คนทยอยขึ้นบันไดอย่างเป็นระเบียบ ไม่แย่งกัน
มีลิฟท์ให้คนพิการขึ้นด้วยนะ
แปลกใจที่เห็นมีพิธีอะไรกัน ก็เลยปักหลักหาที่นั่งรอดูกัน
ใช้เวลาพอสมควรในการเปิดตัวพิธี ก็ไม่ต่างจากบ้านเราหรอก มีพิธีกรพูด มีพิธีการ
เสน่ห์ของการเดินทางเองอีกอย่างคือได้เจองานเทศกาลโดยไม่ได้คาดฝันและสามารถใช้เวลาหยุดดูได้แบบไม่ต้องรีบ
สงสัยเหมือนกันว่านี่เป็นงานอะไร เจอหนุ่มน้อยญี่ปุ่นเลยถามไถ่
เขามีความพยายามมากในการใช้ smartphone หาข้อมูล คือว่าเขาเองก็ไม่แน่ใจนัก
สรุปได้ความว่าวันนั้นเป็นวันครบรอบ memorial day
นานมาแล้ววัดอาซากุสะเคยไฟไหม้
อ่านดูในรีวีวพันทิป คนที่มากับทัวร์ได้อยู่ที่วัดราวครึ่งชั่วโมง
แต่ทริปเนิบช้าของเราใช้เวลากับที่นี่ไปครึ่งวัน แต่รู้สึกดีนะ เพราะถ้ามากับทัวร์คงไม่ได้อารมณ์นี้ ต้องรีบ ๆ หน่อย และยิ่งถ้าเป็นมาช่วงเทศกาล เห็นแต่คนมากกว่าสถานที่คงไม่ได้ซาบซึ้งกับสถานที่มากนัก
ออกจากวัดอาซากุสะ เราวางแผนกันว่างั้นนั่งรถไฟไปสถานีโตเกียวก่อน แล้วค่อยไปหามื้อกลางวันทานกันแถวนั้น
ชอบสถานีโตเกียวนี้จัง คลาสิคมาก
จากที่อ่านข้อมูล เขาบอกว่าใช้เวลาเดินราว 15 นาทีถึงจะถึงพระราชวังอิมพีเรียล
ระหว่างเดินหาร้านอาหาร ก็ชมตึกแถวนั้นไปพลาง ให้ความรู้สึกว่าตึกแถวนี้ดูไฮโซกว่าถนนอื่นที่เห็นในโตเกียว ถ้าเป็นที่กรุงเทพก็ให้อารมณ์ว่าอยู่แถว ๆ สีลม สาธรมั้ง
เจอรถท่องเที่ยว กำลังคิดว่าน่าลองนั่งชมเมืองรอบ ๆ แต่คิดไปคิดมาไปสถานที่เป้าหมายของเราก่อนดีกว่า มีเวลาแล้วค่อยว่ากัน (แต่สรุปก็ไม่ได้นั่ง)
ทานมื้อกลางวันที่ร้านนี้ เป็นเมนูชุดปลา
อาหาร 1,000 เยน เป๊บซี่อีก 300 เยน
ห้องน้ำในร้านอาหาร มีน้ำยาบ้วนปากให้กดใช้ด้วย
อิ่มอร่อยกันเรียบร้อยก็มุ่งสู่พระราชวังอิมพีเรียล
ตอนแรกยังหาไม่เจอ เจอครอบครัวพ่อแม่ลูกสอง ถามข้อมูล
แต่ตอนแรกเขาเข้าใจผิดว่าเราต้องการจะไปโรงแรมอิมพีเรียล พาเลซ
(คือมันมีชื่อโรงแรมคล้าย ๆ แบบนี้)
คนเป็นพ่อและแม่พยายามหาข้อมูลในแผนที่ (กระดาษ) ให้เรา
พอเขาถามกลับมาว่าเป็น Hotel ?
เลยต้องรีบบอกว่าไม่ใช่ Hotel
ลูกชายคนโตยังเด็กอยู่ก็น่ารักมากเปิด smartphone และพยายามดูแผนที่หาสถานที่ให้
พอรู้ว่าไม่ใช่ Hotel แต่คือ Imperial Palace จริง ๆ ก็ถึงบางอ้อ
รู้แล้วว่าจะไปยังไง
ประทับใจคนญี่ปุ่นเรื่องความพยายามบอกเส้นทางจริง ๆ
และการที่เห็นเด็กน้อยช่วยค้นหาเส้นทางยิ่งทำให้เห็นว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้คนญี่ปุ่นเป็นแบบนี้ ก็เพราะเห็นพ่อแม่ทำ
ตัวอย่างที่ดีของพ่อแม่ที่สอนลูกได้คือ"การกระทำ"
ไม่ใช่ "คำพูด"
เราเองเชื่อมั่นในแนวคิดเสมอมานะ
เช่น ถ้าพ่อแม่สอนให้ลูก"พอเพียง" "ซื่อสัตย์" "อ่านหนังสือ"
แต่พ่อแม่ไม่ใช้ชีวิต "พอเพียง"
หรือพ่อแม่ไม่อ่านหนังสือ
ลูกจะทำตามไหม ลูกจะได้รับตัวอย่างจากใคร
ระหว่างเดินไปพระราชวังอิมพีเรียล เจอคนญี่ปุ่นปั่นจักรยานกันเป็นกลุ่มเลย
ภายในพระราชวังอิมพีเรียลให้ความรู้สึกเรียบง่าย ไม่โอ่อ่า รู้สึกเป็นสถาปัตยกรรมสไตล์"เซน"
เดินชิล ๆ สบาย ๆ แล้วเจออาคารหนึ่ง แวะเข้าไปนั่งชมวีดีโอเรื่องการเลี้ยงไหม มีการกล่าวถึงพระราชินีของญี่ปุ่น
มีของเล็ก ๆ น้อย ๆ ขายได้แฟ้มใสมีลวดลายที่แสดงความเป็นญี่ปุ่นติดไม้ติดมือมาด้วย
หลังจากนั้นแวะไปสถานีฮาราจูกุ จะชมคอสเพลย์สักหน่อย
เขาก็เต็มใจให้ถ่ายรูปด้วยนะ
เจอร้าน Garrett เห็นหน้าร้านโล่ง ๆ เลยคิดว่าจะแวะซื้อซะหน่อย
ที่ไหนได้ พนักงานบอกให้ไปยืนต่อแถว
แถวอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามร้าน ยาวพอดู เลยเปลี่ยนใจไปต่อดีกว่า
สถานีต่อไปที่แวะคือสถานีชินจูกุ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับที่นี่ คงเพราะไม่ได้ตั้งใจมาช็อปปิ้ง ก็เลยรู้สึกเหมือนกับตึกอาคารต่าง ๆ ของบ้านเรา
อีกอย่างก็เริ่มเมื่อยขาแล้วเหมือนกัน เพราะเดินทั้งวัน
รัชชี่
"แนะนำ"
ไปเป็น fanpage ของ FB เกี่ยวกับญี่ปุ่นจะได้ข้อมูลดี ๆ เช่นการซื้อตั๋วรถไฟ one day ticket ซึ่งจะได้ราคาดีกว่าซื้อตามสถานีรถไฟ
เช่น ตั๋วรถไฟตามรูปจำหน่ายเฉพาะที่สนามบิน ดังนั้นเมื่อถึงสนามบินก็ควรจัดการซื้อให้เรียบร้อย ก่อนมาเที่ยวให้ศึกษาเส้นทางรถไฟจากเวป Hyperdia ซึ่งจะบอกว่าจากสถานีไหนไปสถานีไหนมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ แล้วลองคำนวณดู การซื้อ one day ticket อาจจะคุ้มกว่า
ตามมาเดินเที่ยวท่องด้วยคนนะคะ
โดย: อุ้มสี 22 มิถุนายน 2557 21:16:09 น.
มาทักทายเพื่อน BG รุ่นเก่าๆ
ไม่ค่อยได้อัพบล๊อกบ่อยเช่นกัน
ส่วนมากไปเจอกันที่ fb ครับ
วันนี้มารำลึกถึงโตเกียวด้วย
อยากไปอีกจัง..
โดย: wicsir 23 มิถุนายน 2557 11:42:06 น.
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ ที่มาแบ่งปันให้นะคะ
โดย: pukkaa IP: 27.254.241.2 23 มิถุนายน 2557 17:55:19 น.
โดย: yuna IP: 210.86.182.238 24 มิถุนายน 2557 11:17:19 น.
เขียนได้ละเอียดดี มาก ได่ข็้อมูลมากพอจะเที่ยวเอง
โดย: เพื่อนเก่าแก่ IP: 27.254.241.2 10 กรกฎาคม 2557 16:47:51 น.
ไปเองก็สบายตรงที่อาจหยุดที่ไหน ดูอะไรก็ได้ไม่ต้องรีบร้อน
โดย: กาบริเอล 17 สิงหาคม 2557 16:04:04 น.
โดย: Pukkaa IP: 1.47.106.239 26 กุมภาพันธ์ 2558 19:59:01 น.