เชลย....ตอนยี่สิบห้า วันหนึ่งต่อมา..ฉันได้รับแขกคือนายหทารจากกองทัพนาซีที่บ้าน เขาถอดหมวกออกมาถือไว้ในมือ ซึ่งเพียงแค่นั้น น้ำตาฉันได้ไหลพรากออกมารอรับข่าวไว้เรียบร้อยแล้ว..ว่า..ข่าวร้ายแน่นอน "อย่าเพิ่งร้องไห้ครับคุณนาย..เวอร์เน่อร์ยังไม่ตาย แค่ตกไปเป็นนักโทษของรัสเซียเท่านั้น หน่วยของเขาถูกโจมตีที่ คัสตริน " "เขาได้รับบาดเจ็บหรือเปล่าคะ?" "ไม่น่าจะนะครับ" "ขอบคุณมากที่นำข่าวมาบอกค่ะ" "เออ..คือว่า เขาอาจจะถูกกักกันตัวอยู่ที่ไซบีเรีย และคงจะอยู่ที่นั่นนานพอสมควร" ว่าแล้ว..นายทหารคนนั้นก็คำนับ ใส่หมวกลาจากไปส่งข่าวให้กับบ้านอื่นๆต่อไป ข่าวนั้น สำหรับฉันไม่ถือว่าเป็นข่าวร้าย เพราะอย่างน้อยๆเขายังมีชีวิตอยู่ ไม่บาดเจ็บ และ เวอร์เน่อร์เองเป็นคนฉลาดคงเอาตัวรอดได้ดี ส่วน ไฮซ์ สามีเพื่อนบ้าน ไฮล์ดี้ นั้น ได้เสียชีวิตในการปะทะครั้งสุดท้ายที่แนวหน้ารัสเซีย เธอเตรียมตัวที่จะย้ายไปอยู่กับมารดาที่นอกเมือง และได้เล่าว่า "ใครต่อใครเขาก็บอกกันว่า พวกทหารรัสเซียนั่น ป่าเถื่อนนัก เขาลือกันว่า มันผูกคนเป็นๆติดขวางไว้กับปากกระบอกปืนใหญ่แล้วยิงออกไปนะเธอ " "ข่าวลือน่ะซิ" ฉันว่า และแนะนำต่อว่า "ความจริง เธอน่าจะทำอย่างที่เวอร์เน่อร์ทำนะ คือ ถอนเอาเงินสดจากธนาคารไว้กับตัว เผื่อยังไงจะได้ใช้สินบนเอาตัวรอดได้" "โอย..ไม่เอาหรอก ทิ้งไว้ในธนาคารน่ะปลอดภัยดีแล้ว ไม่มีใครมาเอาไปได้" ในวันอีสเตอร์ วันเสาร์ ปี 1945 บรันเดนเบอร์คถูกโจมตีทางอากาศ ไฟฟ้าและแก๊สดับหมดทั้งเมือง ทหารเยอรมันได้นำนักโทษเชลยรัสเซียมาทำงานขุดคูเพลาะกั้นให้ประชาชนชาวเมือง เสียงไซเรนดังสนั่นทั้งวัน ทุกคนต่างเริ่มรู้แล้วว่า..ลางร้ายกำลังมาสู่ ชาวเมืองต่างพากันอพยพไปหมกตัวอุดอู้อยุ่ในหลุมหลบภัย เสียงระเบิดจากฟากฟ้าลงมาถล่มบ้านช่องอย่างสนั่นหวั่นไหว เสียงทหารเยอรมันได้บอกกันมาต่อๆว่า..กองทัพรัสเซียได้ตีฝ่าแนวหน้าของเราเข้ามาได้แล้ว..ให้รีบอพยพย้ายออกนอกเมืองเป็นการด่วน ฉันเองง.ก็ทำตามอย่างที่คนอื่นๆทำ นั่นคือ คว้าลูกใส่รถเข็นได้ก็วิ่งอ้าว..ไปตามทางที่ทหารคอยบอกชี้ทาง.. ใครต่อใครต่างพากันวิ่งพล่านไปทั้งเมือง เสียงสะพานระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวด้วยฝีมือของทหารนาซีที่ต้องทำลาย สะกดข้าศึกตามยุทธศาสตร์..แสงจ้าของพระเพลิงกำลังใหม้เมือง.. ฉันได้มาถึงเขตชานเมืองก่อนค่ำ และพาลูกเข้าไปหลบซ่อนอยู่ในโรงนา จัดหาที่นอนในมุมเหมาะๆ ห่อตัวแม่หนูแอนเจล่าด้วยเสื้อโค้ทก่อนที่จะหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน ครั้งเมื่อสะดุ้งตื่นขึ้นมา...ท้องฟ้าข้างนอกยังเป็นสีแดงเพลิง แอนเจล่าร้องไห้จ้าด้วยพิษไข้ หน้าตาของเธอเต็มไปด้วยผื่นแดงๆของการออกหัด ฉันไม่รู้จะทำอย่างไรให้ดีไปกว่าวิ่งไปตามบ้าน กราบกรานร้องขอความช่วยเหลือซึ่งใครๆก็ปฏิเสธ จนมาถึงบ้านสุดท้าย ที่ได้เปิดประตูรับ..เพราะสตรีเจ้าของบ้านและลูกสาวของเธอต่างออกหัดเช่นกัน.. มาถึงตอนนี้ ไม่ว่าใครต่อใครในเมืองต่างก็หนีเอาตัวรอดมาสู่นอกเมืองด้วยกันทั้งนั้น ทหารคนหนึ่งได้ขอแวะเข้ามาพัก..เขามีวิทยุถ่านติดตัวมาด้วย พวกเราจึงนั่งล้อมรอบเปิดฟังข่าวสงคราม เสียงแม่ทัพ โดนิทซ์ ได้ออกอากาศบอกพวกเราว่า... เราแพ้สงครามแล้ว..และขอให้ชาวเยอรมันจงทำตามข้อเรียกร้องและคำสั่งของผู้ชนะ(ทั้งหลาย) ทุกคนเงียบกริบ...แทบไม่ได้ยินเสียงหายใจ "มีใครหิวมั่ง?" เสียงฉันถามขึ้นมา ทุกคนก็ยังเงียบ "งั้นเดี๋ยวฉันจะหาของว่างมาให้ทานกัน" เพราะ...มาถึงบัดนี้..ฉันคนเดียวมังที่มีกำลังใจที่จะลุกขึ้นทำอะไรต่อมิอะไร ต่อหน้าเตาไฟ...ขณะที่เตรียมอาหาร ฉันได้ฮัมเพลงที่เก่าแก่มานานนับพันปีของพวกเรา(ชาวยิว) ที่ว่า "วันหนึ่งข้างหน้า พระอารามจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่ เรา..ชาวยิวจะกลับไปสู่..เยรูซาเรม เพราะ..นั่นคือตามที่พระบัญญัติไว้ใน...พระคัมภีร์ และ..จะเป็นไปตามดังที่พระบัญชา...ฮาเลลูยาห์" ทหารนั่นคงเห็นท่าทางปิติจนออกนอกหน้าของฉันได้ จึงรีบเข้ามากระซิบว่า "อย่าลิงโลดไปนักเลย ฮิตเล่อร์อาจจะอยู่แถวๆนี้ก็ได้" "ก็ฮิตเล่อร์กับเกิบเบิ้ลส์ตามข่าวว่า..ฆ่าตัวตายไปแล้วนี่คะ" "อะไรก็ยังไม่แน่หรอกนะ..ข่าวในตอนนี้น่ะ" ก่อนลาจาก ทหารคนนั้นได้ให้ยาเม็ดกลูโคสกับฉันไว้ เราเรียกมันว่า ยาน้ำตาล ซึ่งในยามนั้นนับว่ามีค่ามากมาย.. บ้านทุกบ้านต่างพากันผูกผ้าขาวไว้ให้เห็นชัดแทนธง..เพื่อเป็นการขอยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไข เจ้าของบ้านสองแม่ลูกไม่ขอยอมอยู่รับหน้ากับกองทัพรัสเซีย จึงสละบ้านไว้ให้ ซึ่งฉันเองก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกัน..ขอกลับไปที่บรันเดนเบอร์ค ในการเดินทางกลับนั้นฉันได้เดินทางพร้อมกับกลุ่มของทหารที่พ่ายทัพมา และพากันเข้าเมือง พอมาถึงสะพานข้ามที่ถูกระเบิดทำลายไปตรงกลาง..จนโหว่เป็นช่อง มีคนเอาประตูห้องส้วมมาวางพาดไว้ตรงช่องแยกพอให้เดินข้ามไปได้ ซึ่งขนาดของมันกว้างพอดีกับรถเข็นเด็กที่พอจะเข็นผ่านไปได้ ฉันมองไปยังสายน้ำเชี่ยวกรากเบื้องล่าง..ใจคิดว่า หากเกิดเดินพลาด เข็นรถลูกตกลงไปในน้ำ...นั่นคือ จุดจบของชีวิต แต่กัดฟัน กลั้นใจ เดินผ่านมาจนแล้วรอดอีกฝั่งหนึ่งจนปลอดภัย แอนเจล่าลุกขึ้นมานั่ง หน้าตาแจ่มใส..หายจากไข้เป็นปลิดทิ้ง... บนถนนเส้นทางกลับสู่บรันเดนเบอร์ค สองข้างทางเต็มไปด้วยซากศพของทหารเยอรมัน ที่บางศพโชคดีมีคนเอาหนังสือพิมพ์มาคลุมหน้าให้ ฉันพยายามเดินเข็นรถลูกเลี่ยงผ่านไปทั้งศพและซากปรักหักพังอย่างลำบากลำบน.. ฉันได้พบกับเพื่อนบ้าน คุณนายซิคเกลอร์ ที่มีลูกชายกำลังอยู่ในวัยรถเข็นอย่างของฉัน เราจึงร่วมเดินทางกลับไปด้วยกัน เมื่อเดินผ่านมาทางธนาคารที่ถูกระเบิด พบว่า ทหารรัสเซียกำลังเปิดประตูเซฟ และเอาเงินมาร์คที่เป็นฟ่อนๆนั้นออกมาโปรยปรายเล่นอย่างสนุก และยิ่งสนุกกันใหญ่ เมื่อเห็นชาวเมืองต่างไล่ตามเก็บกันอย่างชุลมุน เมื่อมาถึงบ้าน จึงได้พบว่า ทุกอย่างกำลังถูกไฟใหม้เกือบหมด ข้าวของถูกรื้อมากองอยู่ที่ลานหน้าตึก และไฟกำลังลามเลียไปยังส่วนที่ฉันได้เก็บกระเป๋าข้าวของส่วนตัวจากเวียนนา กระเป๋าที่แม่ได้ฝากไว้ให้ฉันกับเปปปินั่นไง... ฉันวิ่งผวาเข้าไปในกองเพลิงอย่างฉุดไว้ไม่อยู่ เฟรา ซิคเกลอร์ รีบมาดึงตัวไว้ บอกว่า อันตราย อย่าเลย ของนอกกายอย่าไปเสียดมเสียดาย.. แต่ฉันไม่ฟังเสียง..สะบัดจนหลุด..ตั้งหน้าวิ่งเข้าหากองไฟต่อไป..เพราะของนอกกายที่ว่านี่ มันคือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของฉัน...ปากก็ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ ทหารรัสเซียคนหนึ่งที่มองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เขาเอาผ้านวมคลุมตัวและวิ่งเข้าไปหยิบออกมาให้ เมื่อกระเป๋านั้นได้ส่งถึงมือ ฉันรู้สึกเต็มตื้นจนแทบจะทรุดตัวไปอยู่ที่แทบเท้าของเขาเป็นการขอบคุณ ทุกคนกรูเข้ามามุงดูในยามที่เปิดกระเป๋า ต่างหวังที่จะได้เห็นเพชรนิลจินดา หรือ เงินทองของมีค่า...แต่เมื่อได้ปรากฏต่อสายตาว่า..ในนั้น มันเป็น หนังสือชุดของมหาปราชญ์เกอเธ่ ต่างก็มองตา...และคงคิดเหมือนๆกันว่า..ฉันคงเป็นบ้าไปแล้ว.. เมื่อบ้านช่องได้ถูกทำลายไปเป็นจุลแล้ว..เราจึงต้องไปหาที่ซุกหัวนอนกันใหม่ ในที่สุดก้ได้รับความอนุเคราะห์จากโรงเรียน ที่คุณครูได้ให้อาศัยในห้องเล็กๆหลังเวทีในหอประชุม ที่มีเตียงแบบเปลพยาบาลวางไว้ให้ ฉันและเฟรา ซิคเกลอร์ ต่างเหนื่อยอ่อนจนเคลิ้มหลับไปโดยลืมปิดประตูเสียสนิท กลางดึก..เราได้ยินเสียงกึงกังที่หน้าประตู และเมื่อแอบดูจึงเห็นว่า ทหารรัสเซียหลายนายเดินผ่านไปมา และเมื่อเขาได้เปิดประตู พบว่าไม่ได้ล๊อค อีกทั้งมืดสนิท เข้าใจว่าเป็นห้องเสื้อผ้า จึงไม่ใส่ใจ เดินผ่านเลยไป เราสองคนต่างกุมมือกันแน่น เงียบกริบแทบไม่หายใจ ต่างหวังว่า ลูกของเราคงไม่แผดเสียงขึ้นมา.. เมื่อมาถึงตอนเช้า..เรากลับออกไปข้างนอกอีกครั้ง ไปหาบ้านที่ไม่มีเจ้าของ..เข้าไปอาศัยอยู่ หาของกินที่เขาทิ้งเอาไว้เช่นแพนเค้กเย็นๆ น้ำก็ไปดื่มเอาตามหัวดับเพลิง ส่วนลูกนั้น..โชคดีเหลือเกินที่มียาน้ำตาลติดตัวมา..ได้เอามาผสมกับน้ำให้ลูกได้ดื่มกิน ข่าวเรื่องทหารรัสเซียเที่ยวไปข่มขืนใครต่อใครนั้น ลือกันหนาหูในสองสามวันแรกๆ จากนั้นก็จางหายไป พวกที่ระหกระเหินต่างก็พากันไปอยู่กับญาติสนิทมิตรสหาย อย่าง เฟรา ซิคเกอร์ ก็แยกไปอยู่กับพี่น้อง ส่วนฉันไม่มีใคร..ก็เลยอาศัยอยู่ในอพาร์ตเม้นต์ร้างโดยเลือกเอาห้องที่อยู่ใกล้กับหัวดับเพลิงที่สุด และวันๆฉันได้พยายามออกไปหาคนรู้จัก เพื่อนคนหนึ่งที่อยู่ในบ้านที่มีสภาพสมบูรณ์..ยังไม่ได้ถูกทำลายนั้น เธอนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ดูความล่มสลายของบ้านเมือง ในสภาพที่ยับเยิน ดวงตาเขียวช้ำ จมูกเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือด เสื้อผ้าขาดวิ่น...เธอเล่าด้วยเสียงปนสะอื้นว่า "ฉันพยายามขอร้องมัน..เสนอนาฬิกาเรือนทองของสามีให้ แต่มันเปิดแขนให้ดู แขนที่เต็มไปด้วยนาฬิกานานาชนิด โชคดีที่ลูกฉันไปอยู่กับแม่ที่บ้านนอกแล้ว" "ฉันจะพาเธอไปหาหมอนะ..เขาอาจช่วยเธอได้" "ไม่เป็นไรหรอก..ฉันอยู่ได้ มีอาหาร มีน้ำพร้อมแล้ว" ว่าแล้ว เธอก็มองไปรอบกาย เพื่อให้แน่ใจว่า เธอกำลังพบกับความจริง และกำลังอยู่บนโลกที่ปราศจากสามี ปราศจากท่านผู้นำฮิตเล่อร์ ผู้ที่เคยสัญญาไว้กับเธอว่าจะพาไปสู่ชัยชนะขั้นครองโลก ซึ่งทั้งหมดนั้น ได้เลือนหายไปจากชีวิตอย่างหมดสิ้น ... |
บทความทั้งหมด
|