เชลย....ตอนสิบแปด
             ที่ศูนย์สงเคราะห์ยิว ไลเซลรอการมาของฉันพร้อมด้วยรอยยิ้มที่กว้างขวาง เธอจัดการปันส่วนอาหารที่จำเป็นเช่น ขนมปัง เนื้อสัตว์
            กาแฟ น้ำมันทำอาหาร ให้อย่างไม่ต้องร้องขอ ทั้งๆ ที่นั่นคือ ส่วนอันเป็นโควต้าของเธอ
            "ตายจริง..ให้ฉันหมดแล้วเธอจะเอาอะไรกินล่ะ?" ฉันรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน
            "ที่นี่มีอาหารเสมอแหละ ไม่ต้องห่วงฉัน เอาไปเถอะและนี่คือ คูปองซื้อของเอาติดตัวไว้ ให้เปปปิหรือเยาท์สกี้ไปซื้อให้ก็ได้
            พรุ่งนี้ก็มาอีกนะ จะหาอะไรไว้ให้กิน ตอนมาก็อย่ามาในเวลาเดียวกันสองวันติด แบ่งเวลาออกไปให้ต่างๆ กัน และอย่าใส่ชุดซ้ำจนคนจำได้"
            นี่คือวิธีการที่ไลเซลได้สอนไว้..
            ออกมาจากตรงนั้น ฉันไม่กล้าที่จะเดินไปแถวๆ ที่อยู่เก่า เพราะกลัวว่าจะมีคนจำได้ ดังนั้น ฉันจึงเดินอ้อมไปทางถนนที่อดีตคือที่ตั้งร้านอาหารของเรา
            ผ่านไปทางห้างที่เคยได้รับฟังวิทยุเป็นครั้งแรก ในอาการที่กึ่งกลัวกึ่งหวาดเกรงว่าจะมีใครที่เคยรู้จักตามมาทักทาย
            หรืออาจนำความไปแจ้งแก่เกสตาโป แต่ถ้าไม่ไปขอความช่วยเหลือกับคนรู้จัก แล้วฉันจะเอาอะไรกิน...
            เปปปิมาพบฉันที่ปาร์คในวันต่อมา และพร้อมกับนำกระเป๋าที่แม่ฝากเอาไว้ให้ติดตัวมาด้วย ในนั้นมีเสื้อผ้าชุดฤดูร้อนอยู่หกชุด
            ถุงใส่เครื่องประดับเล็กๆ น้อย และนาฬิกาพกที่มีสายสร้อยทองของพ่อ สุดท้ายคือตั๋วจำนำ..ที่แม่เอาเสื้อขนสัตว์ไปจำนำไว้
            "ทำไมเราต้องมาพบกันที่นี่ล่ะ?" ฉันถามอย่างข้องใจ "ไปที่บ้านของเธอไม่ได้เหรอ?"
            "ไม่สะดวกนะ เพราะว่าตอนกลางวัน แม่เขาอยู่เตรียมอาหารไว้ให้ บ่ายๆ ก็ต้องอยู่บ้านเป็นเพื่อนแม่ ถ้าค่ำๆ ละก้อคงได้
            เราอาจหาอะไรกินด้วยกันแถวๆ นี้ดีไหม?" เขายื่นแขนออกมาหมายจะโอบ แต่ฉันเบี่ยงกายหลบอย่างขัดเคือง
            "นี่คุณไม่มีความรู้สึกบ้างเลยหรือไง..ไม่เคยรู้เลยสักนิดเร๊อะ ว่าไอ้ที่ฉันเสี่ยงตายมายืนตรงนี้ เพราะอยากอยู่ใกล้ๆ คุณ
            ไม่ใช่เพื่อมานั่งกินอาหารบ้าๆ ในปาร์คนี่"
            พูดจบ..ก่อนที่เปปปิจะมีโอกาสได้เอ่ยข้อแก้ตัวอะไร หลังมือของฉันก็ตวัดลงไปบนใบหน้าเขาดังเผียะ เสียงมันไม่เบานัก
            พยายามกลั้นสะอื้นก่อนที่จะกล่าวต่อไปอย่างกระท่อนกระแท่นว่า..
            "สิบสี่เดือนที่ผ่านมานี่..ฉันต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสจนแทบไม่มีชีวิตรอดกลับมา แต่สิ่งที่เดียวที่เป็นพลังใจให้ยืนหยัดมาได้จนถึงบัดนี้   ก็เพราะ..ความรักที่มีต่อคุณ คิดถึงคุณอยู่ทุกลมหายใจ แล้วไงล่ะ..คุณแค่จะเจียดเวลามานั่งกินอาหารค่ำริมปาร์คกับฉันเนี่ยนะ   ถามจริงๆ เถอะ คุณมีหญิงอื่นแล้วใช่ไหม..ใช่ไหม??
            "ไม่มี..ผมไม่มีใครเลยจริงๆ อีดิธ " เสียงของเขาสั่นสะท้านไปด้วยความรู้สึกผิด และโผเข้ากอดฉันแน่น พร้อมกระซิบว่า
            "เอาเถอะ ผมจะหาที่เหมาะๆ สำหรับเรา ผมสัญญา"


            ฉันไปหาคุณนาย มาเรีย ไนเดอรัลล์ ที่บริษัทส่งออกตามที่มีน่าได้ให้ที่อยู่ไว้..
            เมื่อไปถึงที่นั่น และหลังจากที่ได้ให้ชื่อไปกับพนักงานที่มีนามว่า คุณ คาทเธ ผู้ซึ่งทำเสียงตื่นเต้นไปรายงานต่อคุณนายว่า
            "คุณอีดิธมาน่ะค่ะ อีดิธเพื่อนของมีน่า.."
            เสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลังของร้าน และปรากฏตัวขึ้นมา คือ สาวใหญ่ทรงงาม สูงเพรียว ท่าทางโก้เก๋ เธอมองฉันปราดเดียวอย่างสำรวจ และตามด้วยรอยยิ้มที่มีไมตรี
            "เข้ามาข้างในซิ แม่หนู..อ้อ คาทเธ ช่วยไปหากาแฟ กับขนมมาให้อีดิธทานหน่อยซิ"
            คุณนายมาเรียอดีตเคยเป็นภรรยาของทนายความใหญ่ที่มีชื่อเสียงก้องเมือง (อาชีพที่ฉันเคยใฝ่ฝันว่าอยากจะเป็น)
            เธอไม่ใช่คนสวยแบบบาดจิต แต่ มีบุคลิกที่แสนสง่า เฉิดฉายด้วยรสนิยม ผมสีน้ำตาลเข้มที่จัดแต่งม้วนลอนตลบขึ้นอย่างสวยงาม   ที่หน้าอกเสื้อชุดหรูของเธอมีเข็มกลัดเป็นรูปสวัสดิกะเล็กๆ ติดอยู่ นั่นหมายถึงว่า เธอคือสมาชิกคนหนึ่งในพรรคนาซีในรุ่นแรกๆ ของปี 1930's
            ขณะที่กำลังรับประทานของว่างที่จัดมาให้นั้น..ดวงตาสีเข้มของเธอได้จับจ้องฉันอย่างพินิจพิเคราะห์ เธอคงแอบเห็นว่า มือฉันสั่นระริกด้วยความประหม่า
            จึงกล่าวเบาๆ ว่า.."ดูแล้ว..ฉันว่าเธอสมควรจะต้องออกไปพักผ่อน บำรุงร่างกายหน่อยนะ โทรมเหลือเกิน"
            "คือดิฉันคิดว่า อาจจะมีเวลาอยู่กับแฟนสักสองสามวันค่ะ แต่ แม่เขาไม่ยอมให้เข้าไปในบ้าน"
            "แล้วเขาเชื่อแม่หรือ?"
            "ค่ะ"
            "เขาเป็นผู้ชายชนิดไหนน่ะหือ?"
            "จบกฏหมายแล้วค่ะ เรียนเก่งด้วย"
            "อ้อ..พอเข้าใจละ เป็นไอ้พวกลูกแหง่ แล้วเธอกับเขามี "อะไร" กันหรือเปล่า?"
            "ค่ะ"
            "ถ้างั้นเขาก็เป็นของเธอซิ ไม่ใช่ของแม่อีกต่อไปแล้ว ต้องให้รู้จักรับผิดชอบบ้าง..คาทเธ..ขอขนมมาเพิ่มอีกหน่อยซิ"
            คุณนายสั่งเสียงขรมเพราะแขกอย่างฉันดูท่าเจริญอาหาร ทานหมดเรียบจนจานกระเบื้องนั้นสะอาดเอี่ยมไม่เหลือกระทั่งน้ำตาลที่แต่งหน้าขนม
            "คาทเธเขามีลุงที่อยู่ที่เมืองไฮน์เบอร์ค ทำไร่และสวนผลไม้ และที่ที่พักใหญ่โต ฉันจะส่งเธอไปที่นั่นสักอาทิตย์ ไปพักผ่อน
            กินและนอนให้เต็มที่ กลับมาค่อยว่ากันใหม่ แต่ต้องไปรักษาสุขภาพกาย สุขภาพจิตกันก่อน ตกลงมั๊ย?"
            "แต่..คุณนายคะ..ดิฉันจะไปได้อย่างไร เพราะว่าตอนนี้มีการบอมบ์กันทางอากาศอยู่บ่อยๆ เส้นทางรถไฟคือจุดยุทธศาสตร์และมีทหารคอยดูแลอยู่ทั่วไป
            ฉันอาจจะโดนจับก่อนที่จะถึงน่ะค่ะ"
            "เธอก็เดินทางกลางคืนซิ..และไม่ต้องห่วง ฉันจะทำเอกสารเดินทางของสมาชิกพรรคพร้อมมีรูปติดให้ ถ้าเผื่อว่าใครขอดู
            แต่คงไม่มีใครสงสัยหรอกน่ะ เชื่อเถอะ"
            "คุณนายได้ข่าวจากมีน่าบ้างไหมคะ?"
            "ไม่ได้เลย" สีหน้าของเธอสลดวูบ..และกล่าวต่อไปว่า " เธอรู้ใช่ไหมว่า ฉันช่วยมีน่าให้อยู่ที่ไหนก็ได้ในออสเตรียนี่"
            "ใช่ค่ะ แต่มีน่าอยากไปอยู่กับครอบครัว..กับพ่อแม่พี่น้อง ซึ่งดิฉันก็สมควรที่จะต้องทำอย่างเดียวกันนะคะ"
            พูดจบ..น้ำตาเจ้ากรรมพาลจะไหลออกมาอย่างไม่หยุด



            คุณนายเอื้อมมือมาจับมือฉันไปดู และยังหยิบครีมหอมมาทา..ไล้ไปตามรอยแยกแตกของผิวหนังที่หยาบกร้านของข้อมือ
            ข้อนิ้ว..ความสัมผัสของความกรุณาที่อบอุ่นนั้นได้เสมือนเป็นน้ำทิพย์ที่ชะโลมความชื่นใจมาให้อย่างบอกไม่ถูก
            "เอาครีมนี่ไปใช้นะ ทามือวันละสองครั้งทุกวัน อีกหน่อยก็ดีขึ้น"
            วันต่อมา..เยาท์สกี้ก็คงรู้สึกโล่งอกที่ฉันตัดสินใจเดินทางไปยังที่คุณนายได้แนะ..ไฮน์เบอร์ค ชายแดนฝั่งเชคโก
            ที่มีชื่อเสียงในด้านความเป็นธรรมชาติที่สวยงาม ป่าเขียว ลำธารใส
            ทั้งเนื้อทั้งตัวฉันมีกระเป๋าเดินทางใบเดียวที่ข้างในคือสิ่งของที่คุณนายจัดหามาให้ทั้งนั้น รวมทั้งเอกสารเดินทางนั่นด้วย
            ตลอดระยะของการเดินทาง ฉันก็ยังไม่วายหวาดผวาว่าเอกสารนั่นอาจไม่ศักดิ์สิทธิ์จริง เกสตาโปอาจมาลากตัวฉันไปเมื่อไหร่ก็ได้
            ดังนั้น ฉันยอมทนนั่งจับเจ่าอยู่กับที่ ไม่ไปไหนเลยตลอดเวลาที่อยู่ในรถไฟ..สมองได้แต่คิดหาคำแก้ตัวกลับไปดังนี้ว่า...
            "ปล่าวนะ ไม่มีใครช่วยเลย ฉันซื้อตั๋วรถไปด้วยเงินของฉันเอง เรื่องบัตรนาซีนั่น ฉันก็ทำปลอมขึ้นมาเอง เอาของคนอื่นมาแล้วมาแปะรูปใส่
            ญาติพี่น้องก็ไม่มีเหลือในเวียนนาเลยสักคน ตัวคนเดียวจริงๆ "
            นั่นหายถึงว่า ในกรณีที่ถูกเกสตาโปจับได้...แต่จะด้วยปาฏิหาริย์หรืออะไรก็ตามที ฉันได้เดินทางถึงที่หมายอย่างปลอดภัย
            ลุงของคาทเธ ที่มีร่างอ้วนใหญ่ ผมดกฟู มายืนรอรับที่สถานรถไฟ และได้ช่วยถือกระเป๋าพร้อมพาไปที่รถเทียมม้าที่นำมาด้วย
            ตลอดทาง ลุงได้พูดถึงแต่เรื่องอาหารและขนมอร่อยๆ ที่ภรรยาของแกกำลังจัดการทำขึ้นมาเลี้ยงต้อนรับคนป่วยอย่างฉัน
            เนื่องจากว่า คุณนายได้ส่งข้อความมาบอกไว้ว่า ฉันไม่ค่อยสบาย มีอาการของโรคกระเพาะเรื้อรัง ที่จำเป็นต้องออกมาพำนักรักษาตัว



            คืนนั้น ฉันหลับสบายบนที่นอนอันหนานุ่ม ภายใต้ผ้าห่มนิ่มฟู ไม่ได้สังเกตเลยสักนิดว่า บนมุมหนึ่งโต๊ะเครื่องแป้งข้างที่นอนได้จัดเป็นมุมบูชาเล็กๆ ที่มีภาพของท่านผู้นำ
            อีกทั้งประดับประดารอบๆ ไปด้วยธงนาซี และ แจกันดอกไม้..
            อนิจจา..นี่จะให้หมายความว่า ท่านผู้นำฮิตเล่อร์ได้ปกป้องดูแลฉันในยามหลับสนิทงั้นหรือ น่าขำจริง !!!!
            บนโต๊ะอาหารเช้าที่เพียบพร้อมไปด้วยขนมนมเนยสารพัดชนิด ฉันได้พบแขกที่มาพำนักอีกชุดหนึ่ง พวกเขาสามี ภรรยา และ ลูกสองคน มาจากเมือง Linz   ภายใต้การสนับสนุนของนโยบายท่องเที่ยวทั่วในมหาอาณาจักรไรค์ ของฮิตเล่อร์ อันเป็นการหาเสียงให้กับพรรคด้วยประการหนึ่ง
            ฉันพยายามฝืนกลืนอาหารเหล่านั้นเข้าไป เพราะสมองได้สั่งว่า ควรที่จะต้องทำร่างกายให้แข็งแรงที่สุด ในยามนี้ เห็นทีจะอ่อนแอไม่ได้
            แต่..ลุงนั่นก็ไม่สนใจในอาการของฉันมากมายเท่าไหร่ เขาพร่ำพูดถึงแต่ความดีของท่านผู้นำอย่างโน้น อย่างนี้ อย่างไม่มีหยุดปาก
            "โอ้ว..ท่านเป็นคนดีที่ฟ้าประทานมาให้เราทีเดียว"
            "ท่านรักและเมตตาพวกเด็กๆ อย่างหมดใจ"
            "ท่านไม่ใช่เก่งแต่เรื่องการเมืองและการปกครองเลยนะ ท่านยังซาบซึ้งในศิลปะอย่างหาตัวจับยาก"
            "อนาคตของชาติกำลังรุ่งเรืองถึงขีดสุด เรากำลังมีดินแดนทำกินที่ยื่นไปถึงโปแลนด์ ถึงรัสเซีย เราจะมั่งคั่งเกินกว่าใครๆ "
            พูดจบ..ลุงนั่นก็ยกแก้วเบียร์ขึ้นชู พร้อมทั้ง อวยพรให้กับฮิตเล่อร์ด้วยเสียงอันดังก้องทุ่ง..
            ส่วนฉันอดรนทนไม่ได้ ท้องใส้พาลขย้อนอาหารที่ฝืนกินเข้าไปจนออกมาเกือบหมด เสียงลุงเปรยๆ ไล่หลังมาให้ได้ยินว่า
            "ยายหนูนั่น มันไม่ค่อยสบาย น่าสงสารจริง กินอะไรก็ไม่ค่อยได้"


            ไม่ถึงอาทิตน์ ฉันก็กลับสู่เวียนนา ลุงและป้าผู้อารีได้จัดการห่อขนมปังอบสดๆ เนยแข็ง มาให้ไว้กินระหว่างทาง ซึ่งฉันได้นำมันมาให้กับเยาท์สกี้และพ่อหนูน้อยออตโต
            ได้ลิ้มรส..ตาหนูได้ใช้ฟันหน้าซี่เล็กๆ ที่เพิ่งขึ้นแทะขนมปังที่ได้มานั้นอย่างเอร็ดอร่อย..
            ส่วนฉันได้ออกไปพบกับคริสตัล เพื่อนเก่าที่ร้านกาแฟ เธอดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก และ ยังคงซ่อนแฟนหนุ่มชาวยิว เบอร์สกี้ ไว้ในใต้ถุนร้านเหมือนเดิม ในการพุดคุยเธอได้เล่าว่า
            "อันโตน ไรเดอร์ เธอจำได้ไหม..เพื่อเราที่เรียนรัฐศาสตร์น่ะ ....."
            "อย่าบอกนะ..ว่า..ว่า.."
            "นั่นแหละ ใช่..เขาตายในฝรั่งเศส"
            สิ้นประโยค..น้ำตาฉันหยดลงมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ...นึกถึงภาพที่ครั้งหนึ่งเราคือเพื่อนกัน..เฮฮาด้วยกัน
            คริสตัลกำลังเป็นวิตกกังวลในเรื่องที่พ่อของเธอ นายเดนเนอร์ ผู้ซึ่งทำงานในหน่วยวิศวเครื่องยนตร์ให้กับกองทัพที่กำลังสู้รบทางฝั่งรัสเซีย เธอเล่าว่า
            "ข่าวจากวิทยุที่มาจากทางฝั่งนั้น มีว่า พวกบอลเชวิค ต่างทิ้งให้ประชาชนของตัวเองอดอยาก และหนาวตาย ทหารหนีเอาตัวรอดกันหมด ส่วนฉันกลับไม่เชื่อนะ เพราะเธออย่าลืมซิว่า แม่ฉันก็เป็นรัสเชี่ยนคนหนึ่ง  และชาวรัสเซียไม่ใช่คนขี้ขลาดอย่างที่เขาว่ามาหรอก คอยดูซิ ท่านผู้นำจะต้องได้รับบทเรียนอย่างสาสมจากรัสเซีย ไม่เชื่อ เธอคอยดูไปนะ" พูดจบ คริสตัลก็หันมาโอบไหล่ฉันไว้ด้วยความปราณี พร้อมกับถามว่า
            "แล้วเธอจะทำอย่างไรต่อไป?"
            "ไม่รู้ซิ..คงต้องไปโปแลนด์มั้ง?"
            "อย่าไปเลย ไปอยู่กับคุณนายเถอะ เธอมีเส้นสายวงในเยอะแยะ เพราะว่าเมื่อก่อน เธอได้เป็นผู้อุปถัมภ์สนับสนุนพรรคในยุคแรกๆ ตอนนี้พวกเขาก็เลยถือว่า คุณนายคือผู้มีบุญคุณ เห็นไหมล่ะ พวกนาซีได้ให้ร้านที่ยึดมาจากยิวตระกูล อาเช่อร์ ไปฟรีๆ แต่พวกนั้นก็โชคดีนะ ที่ไหวตัวหลบออกนอกประเทศไปก่อนได้ เห็นจะมีก็แต่เธอนี่แหละ จะทำอะไรก็ไม่ทำ.."
            พูดจบ คริสตัลหันมาทุบหลังฉันเบาๆ อย่างสัพยอก..แต่ เผอิญว่า มันไม่ขำเลยสำหรับฉัน


            คุณนายไนเดอรัลล์ เงยหน้าจากการรินกาแฟจากกากระเบื้องอย่างดี ขึ้นมาทักทายอย่างดีใจ ที่เห็นฉันก้าวเข้าไปหาในห้อง
            "มานั่งซิ..ขนมอร่อยๆ ของชอบของเธอทั้งนั้นเลย..ฉันจำได้ แต่..เอ..ทำไมถึงกินอะไรไม่ได้เลยล่ะ ตอนที่ไปพักผ่อนที่ชนบทน่ะ?"
            "ขออภัยค่ะ ดิฉันไม่ได้เจตนาที่จะไม่ทาน..แต่"
            "ไม่ต้องแต่..ฉันรู้ดีว่าเธอกำลังไม่ค่อยสบาย แต่ถ้าไม่ใช่เพราะสถานการณ์แบบนี้นะ ฉันคงจะต้องจับเธอส่งไปโรงพยาบาลแล้วละ อ้อ..ถามหน่อยเถอะ เธอมีลุงที่ชื่อว่า คุณหมอ อิกนาตซ์ ฮอฟมันน์ ใช่หรือไม่?"
            "ค่ะ..แต่คุณลุงได้เสัยชีวิตแล้ว ท่านฆ่าตัวตาย"
            "ฉันรู้จักกับท่านด้วย และภรรยาสาวของท่านได้หลบหนี..ฉันเป็นคนที่ช่วยจัดการส่งข้าวของออกไปให้กับเธอจากออสเตรีย"
            "โอ้..คุณเองน่ะหรือคะ ที่ แม่เล่าว่า มีคนช่วยเหลือป้า.." ฉันถึงกับโผเข้าไปขอบคุณ และยังสับสนในใจว่า ในเมื่อเธอไม่รังเกียจยิว แต่ทำไมเธอจึงฝักใฝ่นาซีถึงขนาดเข้าร่วมพรรค
            ซึ่งเธอได้ตอบข้อสงสัยมาว่า
            "เมื่อตอนเป็นสาวๆ นะ..ฉันได้ไปทำงานให้กับคุณ ไนเดอรัลล์ ในฐานะเลขานุการิณี เผอิญว่า ท่านมาต้องตา ต้องใจในตัวฉัน ในที่สุด ฉันก็เลยตกเป็นภรรยาลับที่ไม่ลับของท่านเข้า
            เนื่องจาก ภรรยาของท่านจริงๆ นั้น ไม่มีการสมาคมหรือพูดจากันมานานหนักหนา แต่ท่านก็หย่ากันไม่ได้ เนื่องจากทั้งคู่เป็นคาทอลิคที่มีกฏบัญญัติที่เคร่งครัดในเรื่องห้ามการหย่าร้าง
            ทีนี้ พอพรรคนาซีกำลังเริ่มเติบโต นโยบายของพรรคมีว่าจะยกเลิกกฏข้อห้ามเรื่องหย่านี่..ฉันก็เลยสนับสนุน ซึ่งในที่สุด เราก็ได้แต่งงานกันจนได้ ถึงแม้ว่ามันอาจจะสายไปสำหรับการที่จะมีทายาทสืบสกุล
            แต่ฉันก็ได้เกียรติยศ และ ทรัพย์สินทุกอย่างมากองอยู่แทบเท้า"
            ไม่น่าเชื่อเลย..ว่า..เพราะความอยากแต่งงาน และการมีหน้ามีตาของผู้หญิงดีๆ คนหนึ่ง ต้องทำให้เธอตัดสินใจเลือกเส้นทางเข้าร่วมกับพรรคที่ร้ายกาจอย่างนาซี !



Create Date : 24 กรกฎาคม 2556
Last Update : 24 กรกฎาคม 2556 2:50:57 น.
Counter : 765 Pageviews.

0 comments
ภูมิปัญญาแห่งชีวิต 处世智慧 toor36
(27 ก.ย. 2567 00:01:14 น.)
Green Talent : คนที่มีความสามารถในการสร้างสรรค์องค์กร ในเรื่องสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน(อันนี้ดีมาก) peaceplay
(18 ก.ย. 2567 11:40:05 น.)
ปลูกผักสวนครัวกินเองมีวิธีง่าย ๆ ได้ผักสดใหม่และปลอดสารเคมี สมาชิกหมายเลข 8129241
(17 ก.ย. 2567 00:41:42 น.)
เด็กเล็กต้องทำกิจกรรมแค่ไหน? สมาชิกหมายเลข 1559763
(15 ก.ย. 2567 10:11:50 น.)
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Wiwanda.BlogGang.com

WIWANDA
Location :
กรุงเทพ  United States

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 99 คน [?]