อินเดีย...เดินเดี่ยวสู่สิกขิม /กาลิมปง ตอน 27. วัดใหญ่บนไหล่เขาสูง

วัดใหญ่บนไหล่เขาสูง

 

………..

 

                              เช้านี้เป็นเช้าแรกที่รู้สึกสบายๆมากที่สุดนับตั้งแต่มาเหยียบแผ่นดินอินเดีย

 

             ไม่ต้องรีบร้อนกับตารางเวลาที่วางไว้ ไม่ต้องเกรงใจผู้คนรอบข้าง รู้สึกชีวิตมันอิสระอย่างสมบูรณ์แบบในอีกรูปแบบหนึ่งจริงๆ กะว่าวันนี้จะไปสักสองสามแห่งที่อยู่แถบเดียวกันซึ่งไม่ห่างจากกันมากก่อน จากนั้นจึงจะเรียกรถขึ้นไปยังเดโล กะว่าสำหรับเมืองนี้น่าจะเพียงพอแล้วพรุ่งนี้จะไปต่อเมืองนามชิ(Namchi) เมืองที่เพียงได้เห็นชื่อตัวโตติดอยู่ข้างรถบรรทุกก็แอบนึกชอบแล้ว

 

                             ฉันเดินทับเส้นทางเมื่อวานเกือบสุดเส้นทางแล้วจึงเลี้ยวซ้ายขึ้นไปตามไหล่เขาอีกไม่เกินห้าร้อยเมตรก็เจอวัดกานเตน ธาปา โชริ่ง (Ganten Tharpa Choling Monastery) เป็นวัดทิเบตอีกวัดหนึ่งของกาลิมปง มีอายุกว่า 80 ปีตั้งอยู่บนไหล่เขาสูง ห่างจากวัดที่ไปเมื่อวานนี้ตามทางลาดไหล่เขาลงไปไม่น่าจะเกินเจ็ดร้อยเมตร แม้วัดนี้จะไม่ใช่วัดที่ใหญ่ที่สุดของเมืองกาลิมปง แต่ก็เป็นวัดทิเบตที่มีตัวอาคารโบสถ์สูงใหญ่มากที่สุดเท่าที่ฉันได้เห็นมา เจ้าโลกเหงาบอกว่าภายในโบสถ์ประดิษฐานพระไภษัชย (Bhaisajya) พระศากยมุนี(Sakyamuni) และพระไมตริยะ(Maitreya) ซึ่งเป็นองค์พระที่เปรียบเสมือนตัวแทนของพระพุทธเจ้าในอดีต ปัจจุบันและอนาคตตามลำดับ  ‘มิน่า..ตัวโบสถ์ถึงได้ดูสูงและกว้างใหญ่คงเพราะประดิษฐานพระพุทธรูปไว้ถึงสามองค์นั่นเอง’ คาดเดาเอาเอง  

 

                              ฉันมาถึงช่วงที่นักบวชลามะกำลังสวดมนต์ทำวัตรอยู่ในโบสถ์พอดีและมีทีท่าว่าจะดำเนินต่อไปอีกนาน ฉันเลยอดที่จะได้เข้าไปชมภายในตัวโบสถ์ รู้สึกเสียดายเพราะประตูทางเข้าโบสถ์ที่เห็นมีลวดลายสีสันและการแกะสลักลายที่ละเอียดและประณีตดูสวยงาม ลวดลายและสีสันนั้นต่อเนื่องขึ้นไปถึงส่วนที่เป็นเพดานดูอลังการชวนให้คิดว่าด้านในคงสวยกว่าหรือไม่แพ้กัน

 

                              ฉันเดินเตร่อยู่ด้านนอกจุดเด่นที่น่าสนใจของวัดนี้นอกเหนือจากโบสถ์น่าจะเป็นทิวทัศน์เทือกเขาที่สวยงามซึ่งมองได้จากสนามหญ้าหน้าโบสถ์ที่เขียวขจีกว้างเกือบครึ่งสนามฟุตบอล แต่ขณะนี้จากสนามหญ้ามองออกไปกลับกลายเป็นเวิ้งทะเลหมอกขาวโพลนเชื่อมกับท้องฟ้ากว้างเป็นผืนเดียวกันไปแล้วตรงนี้เดาว่าน่าจะเป็นหน้าผาสูง นึกเสียดายหากมาช่วงที่ท้องฟ้าแจ่มใสคงได้ชมทิวทัศน์เมืองกาลิมปงจากมุมสูงอีกมุมหนึ่ง กลางสนามหญ้ามีหญิงแก่กำลังนั่งถอนหญ้าที่ไม่ต้องการทิ้งอย่างละเมียดละไมขณะเดียวกันลามะหนุ่มรูปหนึ่งก็เดินแกว่งพวงกุญแจไปที่รถแล้วก็สตาร์ทขับออกไป

 

                             เมื่อหมดโอกาสเข้าชมภายในโบสถ์กอปรกับวิวทิวทัศน์ถูกบดบงด้วยเมฆหมอกไปทั่วส่วนอื่นของวัดก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ ก่อนออกจากวัดเห็นพวงข้าวโพดแห้งห้อยระย้าเรียงกันยาวไปตามชายคาโรงครัวเก่าๆข้างโบสถ์ดูแล้วคลาสสิกไม่เบาเลยยกกล้องกดไปหนึ่งแชะ                 ..................................

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 




Create Date : 25 พฤษภาคม 2555
Last Update : 4 ตุลาคม 2555 17:38:43 น.
Counter : 652 Pageviews.

2 comments
ไปเที่ยวพม่าย่างกุ้ง 1 เจดีย์ชเวงดากอง เทพทันใจ องค์พระพม่า catt.&.cattleya..
(7 ต.ค. 2567 12:31:40 น.)
เรื่องเล่า "ท้าวเวสสุวรรณ" วัดไผ่จระเข้ นครปฐม นายแว่นขยันเที่ยว
(30 ก.ย. 2567 00:36:28 น.)
ปกป้องเด็กๆจากมลภาวะต่างๆ ด้วย เครื่องฟอกอากาศแบบพกพาสำหรับเด็ก ible Airvida C1 kungpunk_blog
(28 ก.ย. 2567 14:56:05 น.)
ตะวันลาที่แหลมพรหมเทพ สายหมอกและก้อนเมฆ
(27 ก.ย. 2567 17:58:34 น.)
  
เขียนได้ดีมากค่ะ ชวนติดตามเหมือนอ่าน นวยาย ชอบมากค่ะ
โดย: meothai IP: 124.121.184.181 วันที่: 18 สิงหาคม 2555 เวลา:16:01:38 น.
  
ขอบคุณมากค่ะ เป็นอีกหนึ่งกำลังใจ ที่ให้ความชุ่มชื่นใจจริงๆค่ะ
โดย: SmileIce วันที่: 3 กันยายน 2555 เวลา:18:57:07 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Tibet3.BlogGang.com

SmileIce
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด