ความแน่นอน คือความไม่แน่นอน เขียนเมื่อ 2002.08.05 และคนเรา เอาเรื่องอะไรก็ตามในโลกนี้ มาทำร้ายตัวเองได้เสมอ วันนี้ได้ข่าวคนที่เคยมาชอบคนหนึ่ง ได้รู้แน่ๆแล้วว่าเขาไปมีแฟน หลังจากที่ได้แต่ข่าวลือมาเป็นเดือนๆ ไม่ได้เกี่ยวกับว่าใครดีหรือไม่ดี แต่เกิดอาการปลงในความยืนยงคงมั่นของความรัก ความรักหนอ ความรัก ความรักหนอ...เจ้าช่างไม่เข้าใครออกใครเสียจริงๆ เขารักเราเมื่อวาน วันนี้ เขาก็ไปรักอีกคนได้ เมื่อวานฟูมฟาย วันนี้มีแฟน ไม่มีปี่มีขลุ่ยเลย เราเอง รักใครวันนี้ พรุ่งนี้จะรักเท่าเดิมหรือเปล่าไม่รู้ ช่างไม่มีความแน่นอนเลย จิตใจมนุษย์นี่... ยิ่งโต ก็ยิ่งปลงกับความรัก อยากมีความสุขเพราะความรักเหรอ ก็เอาสิ แต่ต้องมีความทุกข์ไปด้วยนะ คนแราบอกว่าเออ ก็ต้องแลกกันสิ ฉันจะมีความรักน่ะ ฉันเข้าใจธรรมชาติดี มีสุข ก็ต้องมีทุกข์สิ คนเรามักอยากมีความสุข ยึดติดความสุข แม้ว่าต้องแลกกับอะไรก็ตาม แม้จะรู้ว่ามันจะทุกข์ก็ไม่ค่อยสน เพราะเห็นว่ามันมีความสุขอยู่ด้วย แล้วเวลาทุกข์ขึ้นมา เป็นยังไงล่ะ ฟูมฟายทำไม ++++++++ แม่บอกว่า ทำบุญเก้าวัดเมื่อวานสนุกดี แล้วก็ถามเราว่าเป็นยังไง เราก็บอกว่าคนเยอะไปหน่อย แย่งกันกิน แย่งกันนั่ง แม่ก็พูดว่า เออ ไปงานอย่างนี้ มันก็ต้องอย่างนี้แหละ แม่เราไม่ค่อยชอบอากาศร้อน คนเยอะเท่าไหร่ แต่เมื่ออยากมา ก็ยอมรับสภาพที่มันเป็นได้ แล้วก็มีความสุขไปตามอัตภาพตรงนั้น ตอนกลางวัน คนร่วมพันมาทานข้าวกัน แย่งกัน ไม่มีการต่อแถว มีแต่การเบียดกัน ถามอะไรใครไปก็ไม่มีใครตอบ ต้องหาจานชามช้อนส้อมเอาเอง พอเราหาได้ ทีนี้ใครหาอะไรไม่เจอก็เลยช่วยหาให้หมดเลย แบบว่ามีปมด้อย :-) เราก็ยอมรับว่าการที่เห็นพระ hard sell การบริจาคขนาดนั้น ให้ความสำคัญกับเงินบริจาคขนาดนั้น บริจาคเงินซื้อกระเบื้องหลังคาโบสถ์ ถวายเทียนพรรษา หลอดไฟฟ้า เก้าลอเก้า ที่ต้องเขียนชื่อลงไปในนั้นด้วย (อย่างนี้เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุลทีหลัง บุญมันจะมาถึงไม้ล่ะเนี่ย) มันก็เป็นแค่เปลือก หลายๆอย่างก็ไม่ใช่แม้แต่เปลือกของพุทธศาสนา แต่เปลือกนั้น ก็ทำให้หลายๆคน ณ ที่นั้น มีความสุข และนั่น คือจุดมุ่งหมายของพวกเขาแล้ว ทำให้นึกถึงธรรมกาย ถามฉันว่าธรรมกายดีไหม ฉันคงตอบได้แค่ว่า มันดีสำหรับบางคน อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ไปค้ายาบ้า ยาอี อาวุธ หรือค้าเยาวกามแต่อย่างใด ถ้ามันจะไม่ดีอะไรขึ้นมา ก็ไม่ดีที่ตัวเขานั่นแหละ ความเชื่อ ความศรัทธา ก็มีหลายระดับ จะให้ใครเชื่อตาม มันก็ยาก บางคนอยากอยู่แค่เปลือกภายนอก ให้ยัดแก่นใส่ปากเคี้ยวยังไง เขาก็ไม่ยอมกลืน เผลอก็เอาไปคายทิ้ง และในทางกลับกันเช่นเดียวกัน เราอยากไปเชียงใหม่ เขาอยากไปชลบุรี เราจะไปทางพหลโยธิน เขาจะไปทางมอเตอร์เวย์ เราไม่เห็นว่าไปชลบุรีจะดีตรงไหน ไปบอกเขาว่าไปชลบุรีดีตรงไหน มอเตอร์เวย์ไปวิ่งทำไม ไปทางพหลโยธินสิ จะได้ไปเชียงใหม่ได้ ก็คนมันอยากไปชลบุรีนี่นา จะไปค้านเขาทำไม แบกเขาไป ก็เดือดร้อนตัวเองอีก สู้ปล่อยเขาไปชลบุรี ว่างๆครึ้มๆก็ค่อยพาไปเชียงใหม่ ก็คงดูอะลุ่มอล่วยกว่า และในทางตรงกันข้าม แวะไปชลบุรีซะมั่ง ก็จะได้รู้ว่าเดี๋ยวนี้เมืองชลเขาเป็นยังไงกันบ้างแล้ว จะพูดไป ก็เหมือนเรื่องที่พูดง่ายแต่ทำได้ยาก แค่คนอื่นคิดไม่เหมือนเรา เราก็สะดุดแล้ว ไม่มากก็น้อย... มีท่านผู้หนึ่งแจกแจงประเภทผู้ปฏิบัติธรรมออกเป็นสองประเภทใหญ่ๆคือ กามาวจร กับ โยคาวจร {+} กามาวจร ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่ากออามอกาม หมายถึง ผู้ที่มุ่งปฏิบัติเพื่อยังอยู่ในกามภพ คือโลกนี้ อย่างมีความสุข {+} โยคาวจร คือผู้ที่มุ่งปฏิบัติเพื่อที่จะหลุดพ้นจากกามภพ จากวัฏสงสาร เพื่อหวังนิพพาน พุทธศาสนาก็ไม่ได้มีเพียงด้านเดียวให้เดิน มันแล้วแต่ผู้ปฏิบัติจะเดินทางไปในเส้นใดแห่งพุทธศาสนา แม้แต่เส้นทางนอกพุทธศาสนา มันก็แล้วแต่คนเราจริงๆ รู้ตัวว่าจริงๆตนอยากไปไหน เอาแค่นี้ก่อน ก็พอแล้ว ไม่ต้องพยายามหลอกตัวเองให้มันเมื่อย แถมไม่ได้อะไรอีกต่างหาก ถ้าใจจริงอยากไปแค่อีโค่ทัวร์สมุทรปราการ ก็ไม่เห็นจะต้องไปหลอกตัวเองว่าอยากไปท่าเรือสัตหีบ อยากไปอ่าวพังงา ก็ไม่เห็นจะต้องหลอกตัวเองว่าอยากไปแค่เพชรบุรีแวะแม่กิมลั้งเลย |
บทความทั้งหมด
|