ยอดเยี่ยมครับเรื่องนี้

กำกับ : Darren Aronofsky
นำแสดง : Mickey Rourke, Marisa Tomei, Evan Rachel Wood
ความยาว : ๑๑๑ นาที
ระดับความชอบ : ๙.๕/๑๐
วันแม่ไม่ได้ไปไหน จัดห้องที่พัก และรื้อหนังที่ซื้อเก็บไว้มาดู
แผ่นนี้ซื้อมาเพราะดารานำฝ่ายชายได้ลูกโลกทองคำ ส่วน Oscar แพ้ Sean Penn จากเรื่อง Milk ไป
แต่เมื่อได้ชมจริงๆ ไม่ใช่เฉพาะดาราชายครับที่ถูกใจ ดาราหญิง Marisa Tomei ก็ชอบ เหมือนได้พบเพื่อนเก่าที่ไม่เจอหน้ามานานเลยครับ เคยได้ชมเธอเล่นนานมาแล้ว จากหนังน่ารักเรื่อง Untamed Heart หัวใจไม่เชื่อง จำเนื้อเรื่องไม่ค่อยได้ แต่จำชื่อเธอได้ ชื่อคล้ายไทยปนญี่ปุ่นดีครับ
ในเรื่องนี้แม้จะอายุมากขึ้น แต่เธอก็ยังน่ารักเหมือนเดิมเลย
ดาราชายหายห่วง เล่นดีสมราคา ไม่ค่อยได้ดูผลงานของ Mickey Rourke มากนัก แต่ก็ถือว่าเป็นดาราในแถวหน้าคนหนึ่งเลย
ตีบทแตก เล่นได้เป็นนักมวยปล้ำจริงๆ เลยครับ
บทไม่แปลกใหม่ ค่อยเป็นค่อยไป ปูเรื่องมาเรื่อยๆ จนมีจุดพีคพลิกผันและตัดสินใจ
สิ่งที่ทำให้ชอบมากนอกจากการแสดงของนักแสดงแล้ว มี ๒ ประเด็น คือ
เพลงประกอบยุค ๘๐ พวก Gun and Roses แค่เพลงแรกที่เปิดในรถพระเอก Don’t know what you got (till it gone) เพลงสุดโปรดของผม ความหมายดีมาก และ เพราะมากครับเพลงนี้ เป็นของวง Cinderella แค่นี้ก็เทคะแนนให้แล้วครับ เท่านั้นยังไม่พอ เพลงร็อคยุค ๘๐ ก็มาเป็นระยะๆ แถมเอาประเด็นเพลงยุคนี้มาคุยกับนางเอกของเราจนออกรสเสียอีก ชอบครับ
อีกประเด็นที่ทำให้ชอบหนังเรื่องนี้ เพราะชอบดูมวยปล้ำครับ ตั้งแต่ยุคแรกเลย ตอนแรกที่เค้าบอกว่าเป็นการแสดง ยังเถียงคอเป็นเอ็นเลย แต่ตอนหลังก็เริ่มยอมรับ มาดูในเรื่องนี้ แม้จะเป็นการแสดง แต่นักปล้ำของเราก็เจ็บตัวมากทีเดียว ชอบบรรยากาศหลังลงจากเวที มาในห้องพักนักกีฬา เป็นกันเอง เป็นทีม มีมิตรภาพดีมากเลยครับ วิญญานของพวกนักมวยปล้ำคือทำให้คนดูสนุกมากที่สุด แสดงให้เห็นความเป็นมืออาชีพมาก
แล้วเมื่อร่างกายต้องกระทบกระเทือนมาต่อเนื่อง ยาวนาน ก็ไม่ไหว จนต้องใช้ยาช่วยในการกระตุ้นในบางครั้ง
พระเอกของเราปล้ำมา ๒๐ ปีเข้าไปแล้ว ร่างกายจะไม่กรอบได้ไงครับ
เห็นฉากที่พระเอกพกใบมีดโกนเพื่อกรีดหน้าผากตัวเองให้เลือดออก อึ้งเลยครับ ทั้งนี้เพื่อความสุขของผู้ชม นักมวยปล้ำมืออาชีพทำได้
พระเอกจำต้องอำลาจากวงการเนื่องจากร่างกายไม่ไหว หัวใจล้มเหลว และได้รับการผ่าตัดหัวใจ
ในงานใหม่ที่ได้ทำก็พยายามเอ็นเตอร์เทนให้คนอื่นมีความสุขเช่นกัน
แต่สุดท้ายก็ต้องหวนกลับสู่เวที เพราะนี่คือ "โลกของผม" พระเอกว่างั้น
หนังจบได้ดีมาก ชอบฉากจบที่สุดเลย
ทุกคนต่างต้องการพื้นที่ๆ จะยืนอยู่บนโลกนี้ทั้งนั้น แม้จะอยู่ในที่ๆ ต่างกัน แต่คุณค่าของคนเราล้วนเท่าเทียม เมื่อเป็นนักมวยปล้ำ ก็ทำให้ดี ให้คนดูมีความสุข มันที่สุด ให้ได้ ซึ่งพวกเขาก็ทำให้ดูแล้ว
แต่คนเราก็หาได้มีหน้าที่เดียวบนโลกนี้ไม่ ดังนั้นเราต้อง Balance ให้ดี
มิฉะนั้นจะเป็นเหมือนพระเอก ที่สอบตกในการเป็นพ่อโดยสิ้นเชิง จะมีประโยชน์อะไรคร้บ ถ้าดีต่อคนทั้งโลก แต่คนใกล้ตัวเราต้องเหงา และไร้ความสุข
หนังไม่ได้บีบคั้น หรือตัดสินใดๆ แค่แสดงให้เห็นในบทบาทของตัวละครตัวนี้บนโลก The Wrestler
หนังดี น่าดูมากครับ
มีความสุขกับทุกๆ บทบาทที่คุณเล่นอยู่บนโลกนี้นะครับ เพราะทุกบทบาทสำคัญต่อโลกนี้เสมอ เล่นให้เต็มที่ครับ
ปล.หนังเรื่องนี้ได้อันดับ ๑๑๐ ของ Top250 ใน IMDb และ
Rottentomatoes ให้ ๙๘% สูงที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาเลย รองๆ ลงมาคือเรื่อง
Once ที่ได้ ๙๗%
เจิม เจิม เจิม
แวะมาทักทายกันวันแม่จ้า