กำกับ : Frank Capra
เขียนบท : Frances Goodrich (screenplay)
Albert Hackett (screenplay)
Frank Capra (screenplay)
Jo Swerling (additional scenes)
Philip Van Doren Stern (story)
นำแสดง : James Stewart, Donna Reed, Lionel Barrymore
ความยาว : 130 นาที
ระดับความชอบ : 9.5/10
เป็นหนังเก่า ปี 1946 ได้แผ่นหนังเรื่องนี้จาก
คุณเพื่อนที่ดีที่สุดเขาให้ข้อมูลมาว่าในอเมริกามักจะเปิดเรื่องนี้ให้ชมในช่วงวันคริสต์มาส เพราะเนื้อเรื่องของหนังเรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงนั้น
หนังเริ่มในคืน Christmas Eve ที่หิมะโปรยปราย ผู้คนในเมือง ต่างร่ำร้องเทวดาให้ช่วยชายชื่อ George Bailey
ทางหัวหน้าเทวดาจึงมอบหมายให้เทวดาที่ยังไม่ได้ติดปีกเสียทีหลังจากพยายามมาร่วมสองร้อยปี เพราะภาระกิจไม่สำเร็จ
การเล่าเรื่องชีวิตของ George Bailey จึงเริ่มขึ้นตรงนี้
หนังเล่าเรื่องมาตั้งแต่เด็ก การทำความดีของพระเอก มีให้เห็นเรื่อยๆ ตั้งแต่เด็ก ดูแรกๆ ก็เฉยๆ นะ แต่หนังมาตลบหลังในช่วงท้ายได้ดีเหลือเกิน
ชีวิตเรามีความสัมพันธ์กับคนมากมาย ดังนั้นการกระทำของเรากระทบกับคนอื่นเสมอ การทำอะไรลงไปจึงต้องผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบ และหลายครั้งที่การทำดีต้องฝืนใจ เหมือนดังที่พระเอกล้มความฝันของตัวเองหลายครั้งเพื่อต้องการช่วยเหลือคนอื่น รักษาสิ่งดีๆ ให้อยู่คู่กับเมืองไว้ ล้วนตัดสินใจยากและต้องฝืนใจเสมอ แต่ผลตอบแทนในบั้นปลายน่าพอใจมาก
หากกรรมดีไม่ให้ผลในชาตินี้ ตายไปก็เอาไปเล่าคนที่ตัดสินเราก็ได้ พระพยอมเคยบอกว่า หากยมบาลถามว่าได้ทำความดีอะไรมาบ้าง จะสาธยายให้ยาวยืดจนยมบาลบอกให้หยุดเลยทีเดียว เอาให้แบบนั้นเลยครับ
หนังเดินเรื่องได้ดี ดูง่าย ตรงประเด็น
ช่วงที่ชอบมากคือตอนท้ายที่เทวดาแสดงให้เห็นว่าหากไม่มีเขาในโลกจะเกิดอะไรขึ้น ทำช่วงนี้ได้ดีมากครับ
ลองคิดดูสิครับว่าหากไม่มีเราเกิดขึ้นในโลกนี้ สิ่งรอบตัวจะมีเรื่องดีๆ หรือเลวร้ายกันแน่?
ลองทบทวนดูครับ
หนังสอนในหลายๆ แง่มุม โดยเฉพาะเรื่องทำดีได้ดี เรื่องครอบครัว เรามักจะหงุดหงิดกับเรื่องนอกบ้านแล้วก็มาลงกับคนที่บ้าน แต่คนที่บ้านนี่แหละครับที่จะอยู่เคียงข้างเราในวันที่เราทุกข์
เพราะการได้เกิดมาเป็นมนุษย์นั้นยากมาก ดังนั้นเราควรทำชีวิตนี้ให้เป็น Wonderful Life
นะครับ คุณทำได้อยู่แล้ว เพียงมีสติพิจารณาทุกการกระทำว่า ดีต่อผู้อื่นไหม? ดีต่อตัวเราไหม? และ ดีต่อโลกไหม? หากดีทั้ง 3 คำถาม ทำได้เลยครับ
เป็นหนังดีและอบอุ่นมากครับ น่าหามาชมครับ หาไม่ได้บอกมานะครับ จะส่งให้ยืมชม
ประโยคเด็ดๆ เยอะครับ ผมชอบประโยคสุดท้ายที่เทวดาเขียนบอกไว้ว่า
"Remember no man is a failure who has friends"
คงเหมือนที่เคยได้ยินพระเทศน์ว่า "กัลยาณมิตรคือแสงทองของชีวิต" นั่นเอง
The richest man in town เป็นได้เพราะทำความดี
เศรษฐีกับคนรวยต่างกันตรงความดีนี่แหละครับ
มีความสุขทุกคนครับ
ปล. 1 ขอขอบคุณผู้ให้หนังเรื่องนี้มาชมครับ หนังดีมากตามที่คุณว่าไว้เลยครับ
ปล. 2 ใน IMDb ได้คะแนน 8.7/10 ครับ
ปล. 3 แนะนำเศรษฐีอีกคน
"สิทธาเศรษฐี"
ดูหนัง-ดูละครแล้วย้อนดูตัวค่ะ
เช็คข้อความหลังไมค์ด้วยค่ะ
ตาลเหลืองเพิ่งเข้าไปดู บล๊อกที่แนะนำค่ะ