|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
สัญญาจ้าวราชันย์ ผู้ชักใย (17)
ก็ลองบอกออกมาดู วาณิชพูดโดยไม่แสดงอาการตื่นเต้นออกมาแม้แต่น้อย มายารู้ดีว่านี่เป็นส่วนหนึ่งในวิธีการเจรจาต่อรองของพ่อค้า 'ต้องไม่แสดงความสนใจในสินค้าให้มากจนเกินไป เพราะจะทำให้ถูกโก่งราคาได้' เขาคงทำมันไปตามความเคยชินเท่านั้น เพราะตัวเขาเองก็คงรู้ดีว่าการแสดงเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ย่อมไม่อาจหลอกลวงเธอได้ ฉันต้องการคำสัญญาข้อหนึ่งจากคุณ ผู้ชักใยกระแทกร่างเข้าใส่กำแพงลมอีกครั้ง วาณิชรีบขยับเคลื่อนตัวถอยห่างออกมาจากมัน พร้อมกับทำท่าให้ทุกคนรีบติดตามเขามา มีอะไรก็รีบว่ามาเร็วเข้า มายาส่งยิ้มให้กับเขา รอยยิ้มลึกลับที่เขาอ่านมันไม่ออก คุณต้องสัญญาว่าจะคุ้มครองพวกเราทุกคนจากเงื้อมมือของเคออส และจะต่อสู้กับพวกมันจนถึงที่สุด วาณิชยิ้มค้าง 'ไม่ได้บอกว่าเพียงแค่เรื่องในคืนนี้ และยังเหมารวมว่าเป็นพวกของเคออสทั้งหมด แต่เธอก็ยังไม่ได้รอบคอบจนถึงที่สุดหรอกนะแม่นักมายากล ตาข่ายที่เธอกางเอาไว้ยังมีรูรั่วอยู่' ฉันวาณิชขอสัญญา... มายารีบยกมือขึ้นห้าม พร้อมกับจ้องหน้าเขา ...ต้องสัญญาด้วยนามอันแท้จริงของคุณเท่านั้น วาณิชยิ้มอีกครั้ง 'ฉันก็ไม่คิดว่าเธอจะพลาดด้วยเรื่องง่ายๆ เพียงแค่นี้หรอก' ฉัน...นิลวายุแห่งพายุหมุน ขอสัญญา... พวกเด็กๆ ต่างแปลกใจ พ่อค้าเร่คนนี้เองก็มีความลับซ่อนอยู่ รัตติกาลนั้นนึกถึงกล้าณรงค์ 'พวกเขาสองคนคงเป็นพวกเดียวกัน แต่พายุหมุนที่ว่านั่นคืออะไรกันแน่' ข้าวเขียวเองก็รู้สึกแปลกๆ เมื่อได้ยินชื่อนั้น มันทำให้เขารู้สึกถึงความชั่วร้ายขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ 'นิลวายุ สายลมสีดำ มันเป็นชื่อที่ฟังดูไม่เป็นมงคลเอาเสียเลย' ...ว่าจะคุ้มครองทุกคนในที่นี้จากเงื้อมมือของเคออส และจะต่อสู้กับพวกมันจนถึงที่สุด ท่ามกลางท้องฟ้าที่สงบนิ่งในค่ำคืนนั้น พลันมีสายฟ้าฟาดลงมาอย่างไม่คาดหมาย ข้าวขวัญส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ แม้แต่ผู้ชักใยเองก็ยังหยุดชะงักไปชั่วครู่หนึ่ง และมันทำให้มายารู้สึกพอใจ 'นั่นเป็นเครื่องหมายที่ดีสำหรับคำสัญญาจากสายเลือดของสี่ราชา' มายา ไม่รอช้า เธอรีบส่งกล่องในมือให้กับวาณิชทันที มือที่เอื้อมออกมารับกล่องของเขานั้นมีอาการสั่นอย่างช่วยไม่ได้ พวกเธอทุกคนรีบตามฉันไปให้เร็วที่สุด ส่วนเรื่องของมันก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเขาไป วาณิชล้วงเอาของสิ่งหนึ่งออกมา มันเป็นจี้ที่มีรูปร่างคล้ายกับอันที่เขาส่งให้กับข้าวเขียว จนเจ้าตัวต้องรีบหยิบจี้อันนั้นขึ้นมาดูอีกครั้งเพื่อยืนยันว่ามันยังคงอยู่กับเขา จี้ทั้งสองอันนี้มีรูปร่างที่คล้ายกันมาก และข้าวเขียวยังรู้สึกคุ้นๆ เหมือนกับว่าเขาเคยได้เห็นจี้ที่มีรูปร่างคล้ายๆ กันแบบนี้มาก่อนอีกอันหนึ่ง แต่มันจะเป็นของใคร ที่ไหน และตั้งแต่เมื่อไรนั้น เขายังนึกไม่ออก พวกเธอรีบหนีไปให้เร็วที่สุด ไม่ต้องห่วงฉัน 'ฉันก็ไม่ได้ห่วงคุณเลยแม้แต่นิดเดียว' มายาไม่ได้พูดสิ่งที่เธอกำลังคิดอยู่ออกมา วาณิชต้องคิดว่าเขาได้กำไรจากการตกลงในครั้งนี้ จึงยอมรับข้อเสนออย่างง่ายดาย แต่ในไม่ช้าเขาก็คงจะได้รับรู้ความจริงว่า นี่อาจจะเป็นการค้าที่ขาดทุนมากที่สุดในชีวิตของเขาเลยก็เป็นได้ ก่อนที่พายุจะหยุดหมุน ฉันยังมีของขวัญชิ้นสุดท้ายที่จะมอบให้กับคุณ ด้วยความยินดี วาณิชรู้ว่าเธอกำลังคิดจะทำอะไร เขารีบวางจี้อันนั้นลงบนตราที่อยู่บนกล่อง แล้วทันใดนั้นตัวกล่องก็ค่อยๆ เกิดการสลายตัว มันกลายเป็นฝุ่นผงปลิวฟุ้งกระจายไปในสายลม อะไรก็ตามที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ในกล่องใบนั้นกำลังจะถูกปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง มายาขยับมือทำท่าขว้างสิ่งของออกไป ลูกแก้วที่บรรจุผงจากดวงจันทร์ลอยเข้าใส่กำแพงลมทันที ผงสีเงินที่อยู่ภายในผสานรวมกันเข้ากับสายลม กลายเป็นภาพที่งดงามอย่างบอกไม่ถูก ซึ่งแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับเงาสีดำขนาดยักษ์อันน่ากลัวที่อยู่ข้างนอกนั่น 'ลูกสุดท้ายแล้ว' อาวุธสำคัญที่เคยคิดว่าจะเก็บเอาไว้ใช้ในการต่อต้านเคออสหมดลงไปอีกอย่างหนึ่งแล้ว 'หวังว่ามันคงเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องนะ' มายาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา มารอตรงนี้เร็ว มายาเรียกพวกเด็กๆ ให้มารออยู่ที่ขอบอีกด้านหนึ่ง ในขณะที่วาณิชเคลื่อนพายุสีเงินเข้าใส่ร่างของแมงมุมยักษ์ สายลมสีเงินพัดกระหน่ำดุจใบมีดที่คมกริบเข้าเฉือนร่างเงาของมัน รัตติกาลคิดว่าเขาเห็นขายาวๆ ข้างหนึ่งถูกตัดขาดปลิวกระเด็นออกไปด้วย มันไม่ได้หล่นลงบนพื้น แต่กลับแตกสลายหายไปในอากาศ ข้าวขวัญต้องยกสองมือขึ้นปิดหู เมื่อแมงมุมยักษ์ส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง กล่องได้สลายไปหมดแล้ว ข้าวเขียวพยายามจะมองดูว่ามีของสิ่งใดซ่อนอยู่ในนั้น แต่ตอนนี้วาณิชยืนหันหลังให้กับทุกคน จึงทำให้ไม่มีใครสามารถมองเห็นมันได้ มายายกมือขึ้นปิดหมวกคลุมของเธอเพื่อซ่อนใบหน้าเอาไว้อีกครั้ง ก่อนที่จะกำชับเด็กๆ ทุกคน ตามฉันมาให้ทัน อย่าหันกลับไปมองข้างหลังเด็ดขาด ข้าวขวัญถามขึ้นด้วยเสียงสั่น เขา...เขาจะเอาชนะมันได้หรือเปล่าคะ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน มายาตอบเรียบๆ 'ไม่ว่าจะจัดการกับมันได้หรือไม่ แต่เขาจะต้องรอดไปได้แน่ และคงเริ่มต้นดำเนินแผนตามความต้องการของตัวเอง หวังว่าฉันคงจะไม่ได้สร้างตัวอันตรายเพิ่มขึ้นมาอีก อย่างน้อยทั้งสองฝ่ายก็ต้องห้ำหั่นกันจนกว่าจะมีใครแพ้ใครชนะไปเสียก่อน แล้วจากนั้น' เธอหยุดความคิดลงเพียงแค่นั้น ไม่มีประโยชน์ที่จะมามัวครุ่นคิดกับสิ่งที่ได้ตัดสินใจไปแล้ว กำแพงสีเงินที่ล้อมอยู่ค่อยๆ กระจัดกระจายหายไปในที่สุด พายุหยุดหมุนแล้ว มายารีบก้าวออกไปทันที ไปเรื่อยๆ อย่าหยุด และอย่าล้มลงไปเด็ดขาด ลาก่อนมายา วาณิชส่งเสียงไล่หลังมา แต่มายาไม่ได้ส่งเสียงตอบเขา จริงๆ แล้วเธอไม่ได้หยุดชะงักเลยแม้แต่น้อย 'ลาก่อน เราคงไม่ได้พบกันอีก ตลอดกาล' การต่อสู้ระหว่างแมงมุมยักษ์ กับวาณิชได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ข้าวเขียวพยายามที่จะหันกลับไปมอง แต่เพราะทุกคนต่างรีบมุ่งตรงไปข้างหน้า เขาจึงไม่กล้าที่จะละสายตาจากออกจากเส้นทางเช่นกัน เขาไม่อาจปล่อยให้เกิดความผิดพลาดที่จะก่อให้เกิดอันตรายกับทุกคน โดยเฉพาะกับน้องสาว รัตติกาลพยายามฟังเสียงที่เกิดขึ้นจากทางเบื้องหลัง อย่างน้อยมันก็ไม่ได้ติดตามพวกเขามา นั่นหมายความว่าไม่ว่าจะมีสิ่งใดอยู่ในกล่องใบนั้น มันก็ทำให้มนุษย์คนหนึ่งสามารถลุกขึ้นต่อกรกับปีศาจร่างยักษ์ได้ ตัวเขาเองก็ต้องการที่จะมีพลังแบบนั้นบ้าง 'ถ้ามีพลังนั่นอยู่ ตัวฉันก็คงสามารถคุ้มครองทุกคนเอาไว้ได้ โดยเฉพาะแม่'
##### หลังจากเสียงร้องโหยหวนชวนขนลุก และเสียงระเบิดของสายฟ้าที่ผ่าลงมาไม่ไกลนักสิ้นสุดลง ชาวบ้านหลายคนต่างพากันชี้มือชี้ไม้ไปยังยอดของพายุสีเงินที่ปรากฎขึ้นเหนือแนวยอดไม้ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก มีบางคนคิดว่าพวกเขาได้เห็นเงาดำของตัวอะไรสักอย่างที่มีขนาดใหญ่โต กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงอยู่กับพายุประหลาดลูกนั้นด้วย พายุสีเงินนั้นสลายตัวไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะมีเสียงดังคล้ายกับการต่อสู้เกิดขึ้น 'คงต้องมีสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์สองตัวกำลังต่อสู้กันอยู่เป็นแน่' ชาวบ้านต่างพากันคิดเช่นนั้น
##### เร็วเข้า มายาส่งเสียงเร่งรัด ในขณะที่ข้าวขวัญต้องเข้าไปช่วยประคองร่างของกล้าไพรที่เด็กชายทั้งสองแบกวิ่งกันไปอย่างทุลักทุเล ข้าวเขียวนั้นเริ่มหอบหายใจอย่างหนักหน่วง ดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงของเขาจะถูกใช้ไปจนเกือบหมดแล้ว ข้าวขวัญมองดูพี่ชายของเธอด้วยความเป็นห่วง พักหน่อยได้ไหมคะ พี่จะวิ่งไม่ไหวอยู่แล้ว แทนคำตอบมายาเริ่มชะลอฝีเท้าลง เสียงจากการต่อสู้ยังคงดำเนินอยู่ ดูเหมือนว่าอย่างน้อยวาณิชก็สามารถต้านทานผู้ชักใยเอาไว้ได้ 'พลังแห่งสัญญา นั้นช่างแข็งแกร่งจริงๆ แต่บางทีมันอาจจะแข็งแกร่งจนเกินไป หากผู้ใดได้อำนาจเช่นนี้ไปอยู่ในมือแล้วล่ะก็' เธอเริ่มรู้สึกสงสัยกับสิ่งที่ได้ตัดสินใจลงไปอีกครั้ง ระวัง เสียงร้องเตือนของรัตติกาลเรียกสติของมายาให้กลับคืนมา ทางข้างหน้าห่างออกไปไม่ไกลนักมีร่างของพวกตัวประหลาดจำนวนหนึ่งขวางทางพวกเธออยู่ 'พวกมันมาจากไหนกัน' ผมเห็นขาของแมงมุมข้างหนึ่งสลายไปในตอนที่ถูกพายุสีเงินโจมตี พวกมันอาจจะเป็นขาข้างนั้นก็เป็นได้ คำพูดของเด็กคนนั้นเหมือนกับว่าจะสามารถรับรู้ในความสงสัยของเธอ จุลจันทราที่ส่องประกายแสงนวลถูกกวัดแกว่งเพื่อเปิดทางไปเบื้องหน้า เธอไม่ได้คิดที่จะต่อสู้กับพวกมัน ที่เธอต้องการคือมุ่งไปข้างหน้าโดยไม่หยุดเท่านั้น ฝากก่อนนะทั้งสองคน รัตติกาลให้ข้าวขวัญเข้ามาช่วยพี่ชายแบกร่างของกล้าไพรแทน พร้อมกับตัดสินใจชักดาบเล่มนั้นออกมา เขาพุ่งตัวออกไปพร้อมกับกรีดคมดาบเข้าใส่ตัวประหลาดที่อยู่ใกล้ที่สุด คมดาบกรีดผ่านร่างของมันไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถเลียนแบบท่าทางการใช้ดาบของวาณิชได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน แต่มันกลับไม่มีพลังเหมือนกับในตอนที่พ่อค้าเร่คนนั้นเป็นผู้ใช้ ทำอะไรของเธอน่ะ มายาร้องออกมาด้วยความโกรธ 'เจ้าเด็กบ้านี่ คิดจะฆ่าตัวตายหรือไงกัน' รัตติกาลตวัดดาบฟันกลับมาอีกครั้ง คราวนี้มีรอยขีดเกิดขึ้นกลางอากาศ สายลมที่เปี่ยมพลังพัดเข้าใส่ตัวประหลาดตัวเดิมนั้นจนกระเด็นออกไป มายามองดูสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตา จุลจันทราส่องประกายสว่างเจิดจ้าออกมาอีกครั้ง เหล่าพวกตัวประหลาดที่เหลือต่างรีบถอยหนีให้พ้นจากรัศมีของมัน 'เด็กคนนี้ก็เป็นลูกหลานของนักรบด้วยอย่างนั้นหรือ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะเป็นหนึ่งในผู้สืบสายเลือดก็เป็นได้' ถึงแม้เรื่องนั้นจะมีโอกาสน้อยมาก แต่สำหรับในค่ำคืนนี้ที่มีหลายเหตุการณ์เกิดขึ้นพร้อมๆ กัน อะไรๆ ก็อาจจะเป็นไปได้ทั้งนั้น 'สงครามกับเคออสได้เริ่มเปิดฉากขึ้นแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างจึงถูกดึงดูดให้มารวมกัน แม้แต่เข็มทิศ และกุญแจที่เอ่ยถึงในคำทำนายก็อาจจะหมายถึงเด็กๆ พวกนี้ก็เป็นได้ โดยเฉพาะข้าวขวัญ' รัตติกาลทำท่าจะไล่ติดตามพวกตัวประหลาดเหล่านั้นออกไป มายาจึงรีบเข้าไปขวางเอาไว้ มัวทำอะไรอยู่ รีบไปเร็ว มายาส่งเสียงโวยวาย ผมจะสู้กับพวกมัน ผมจะแก้แค้นให้แม่ ผมจะ... มือของมายาฟาดลงที่ใบหน้าของรัตติกาลอย่างแรงจนแก้มของเขาเกิดเป็นรอยแดงขึ้นมา มันมองเห็นได้อย่างชัดเจนภายใต้แสงนวลใยจากจุลจันทรา เขายืนนิ่งจ้องหน้ามายาอย่างไม่เข้าใจ ประกายตาของเขาทำให้เธอแทบจะลืมตัวก้าวถอยหลัง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นดวงตาคู่นี้อย่างชัดเจน ดวงตาสองข้างที่มีสีแตกต่างกัน ข้างซ้ายนั้นเป็นสีเหลืองนวล ในขณะที่ข้างขวากลับเป็นสีน้ำตาลแดง ประกายแสงเหมือนกับที่สาดส่องออกมาจากจุลจันทราปรากฎอยู่ในดวงตาข้างที่มีสีเหลืองนวลนั้น เด็กคนนี้มีอะไรบางอย่างที่ไม่ปกติ และเธอไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับมันมาก่อน ไม่มีบันทึก ตำนาน หรือเรื่องเล่า เท่าที่เธอได้เคยรับรู้มา เอ่ยถึงดวงตาที่มีสีแตกต่างกันเช่นนี้ เธอไม่รู้ว่ามันจะมีความเกี่ยวพันกับสิ่งที่เธอกำลังตามหาอยู่ด้วยหรือไม่ เธอใช้น้ำเสียงเรียบๆ พูดช้าๆ อย่างใจเย็น ฟังฉันให้ดี ตอนนี้ความปลอดภัยของทุกคนคือสิ่งสำคัญที่สุด จงอย่าให้อารมณ์เข้ามาครอบงำสติ นั่นเป็นบทเรียนข้อแรกสำหรับผู้ที่ใช้ดาบ รัตติกาลนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่จะก้มหน้าหลบสายตาเธอ ผม...ขอโทษ มายาพยักหน้าก่อนที่จะรีบกลับขึ้นไปนำทั้งหมดอีกครั้ง รีบไปเร็ว...เธอคอยป้องกันทุกคนอยู่ทางด้านหลังก็แล้วกัน ลานกลางหมู่บ้านอยู่ห่างไปไม่ไกล เสียงการต่อสู้ระหว่างผู้ชักใย กับวาณิชก็เงียบมาได้พักหนึ่งแล้ว เหล่าพวกตัวประหลาดที่คอยติดตามทั้งหมดมาก็ได้หายไปด้วยเช่นกัน ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ดูเหมือนว่าฝันร้ายอันแสนยาวนานในค่ำคืนนี้จะสิ้นสุดลงแล้ว ทั้งหมดต่างรีบเข้าไปในลานกว้างท่ามกลางความแตกตื่นของชาวหมู่บ้านทั้งหลาย ทุกคนต่างอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอกนั่น อาการบาดเจ็บของกล้าไพรที่ถูกแบกมานั้นเป็นอย่างไร และทำไม กล้าณรงค์ จันทร์เสี้ยว และวาณิช จึงไม่ได้กลับมาพร้อมกับพวกเขาด้วย
Create Date : 14 มิถุนายน 2553 |
|
0 comments |
Last Update : 14 มิถุนายน 2553 7:52:44 น. |
Counter : 507 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|