Group Blog
 
<<
เมษายน 2562
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
4 เมษายน 2562
 
All Blogs
 
-: เพชรพระอุมา 2 :- บันทึการเดินทาง (วันที่ 23-29/109-115)

เมษายน 2562


ตอนแรกก็คิดนะว่า ทำไมรพินทร์ไม่มุ่งไปที่เทือกเขานิลกาญจน์ พาฟารั้งไปนมัสการมหาฤษีโกฑัญญะสักหน่อย แล้วถามเส้นทางจากวายาก็ง่ายดี ..แต่ถ้ารพินทร์ทำอย่างนั้นจริงๆ มันจะกลายเป็นทัวร์ไหว้พระแทนที่จะเป็นทัวร์ตามหาระเบิด
 

วันที่ 23 : เนินพระจันทร์ (เล่ม 46 : มงกุฏไพร 2 น.7120)
วันที่ 23 ตามเวลาโลกภูมิศาสตร์ (ที่นับได้จากการอ่านไปจดไป-จขบ.)
วันที่ 109 ตามเวลาพนมเทียน แรม 4 ค่ำ 17 มีนาคม

เดินลากโครงตามรพินทร์มา 8 วัน
15.30 น. ของวันที่ 8 ตั้งแต่ตัดทางมาจากทะเลสาบมรณะ โดยไม่เฉียดใกล้ภูเขานิลกาญจน์เลย
ทุกคนบากบั่นกันมาจนสุดชีวิตแบบตกกระไดพลอยโจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายนายจ้างอเมริกันทั้งสี่คน เพราะหมดหนทางเลือกอีกแล้ว รพินทร์ ไพรวัลย์ ไม่ยอมหันหลังกลับเสียคนเดียว และในเมื่อเขายังมีชีวิตที่จะก้าวเดินหน้าต่อไปโดยไม่ล้มเลิกความพยายาม ก็ไม่อาจมีใครสามารถกลับหลังหันได้

หมอเบลกับคี๊ธสงสัยว่าทำไมรพินทร์จึงดูเหมือนอยากจะเดินลงไปให้ถึงเนินพระจันทร์ภายในวันนี้ให้ได้ ทั้งๆ ที่เห็นอยู่ว่าแต่ละคนเหนื่อยจนแทบคลานกันแล้ว (น.7139)
"สมมุติว่าเรายังไม่พากันเดินลงไปให้ถึงตำแหน่งนั้นเสียในขณะที่สายตาเรามองเห็นอยู่ในขณะนี้ โดยพักกันอยู่บนนี้ก่อน รอให้ตะวันขึ้นพรุ่งนี้ค่อยเดินลงไป พวกคุณคิดบ้างไหมว่า ถ้าพรุ่งนี้เรามองลงไปอีกครั้ง ภาพภูมิประเทศมันเกิดเปลี่ยนลักษณะผิดไปจากที่เราเห็นอยู่ในขณะนี้หมดสิ้นเท่าๆ กับตำแหน่งอันเห็นได้ชัดว่า เนินพระจันทร์นั่นเปลี่ยนแปลงไปด้วย แล้วเราจะไปถึงเนินพระจันทร์ได้อย่างไร? ... ผมเองก็ไม่คิดมาก่อนว่า ในบ่ายของวันนี้ ผมจะมาเผชิญพบเห็นกับเป้าหมายที่ต้องการอย่างกะทันหัน ซึ่งทำให้ผมต้องรีบฉวยโอกาสนี้ในทันที ขอให้เราตั้งเป็นสมมติฐานว่า เทพเจ้าเบื้องบนได้เปิดทางให้แก่ผมและพวกเราแล้ว จะมัวชักช้าเสียเวลาอยู่ทำไมอีก ต้องรีบไปให้ถึงและยึดพื้นที่ไว้ก่อน.."

นาฬิกาหยุดเดิน (น.7144)
"กาลเวลาของโลกเสี้ยวส่วนนี้ได้หยุดลงแล้ว เป็นการหยุดเพื่อเปิดโอกาสให้แก่เราเดินลงไปสู่จุดหมายนั้นได้สำเร็จ ถ้ากาลเวลาไม่หยุดให้ เราจะไม่มีวันเดินลงไปได้ถึงเลย"

"เนินพระจันทร์ยินดีต้อนรับทุกท่านที่เสี่ยงชีวิตมาด้วยความยินดีและเต็มใจยิ่ง และผม..รพินทร์ ไพรวัลย์ ก็ขอคารวะน้ำใจอันยิ่งใหญ่ เปี่ยมล้นไปด้วยเลือดนักสู้ของพวกท่านทุกคน ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าพวกท่านจะมีความมานะบากบั่น ทรหดอดทน มีความสามารถที่จะดำรงชีวิตอยู่รอด และติดตามผมมาจนถึงปากประตูชัยแห่งเส้นทางมรณะนี้ได้สำเร็จ" (น.7155)

รพินทร์เล่าเรื่องของมรกตนคร (น.7166)
"ผมไม่มีสิทธิ์ที่จะนำสิ่งเหล่านี้มาบอกกับพวกคุณได้เลย ถ้าเรายังมาไม่ถึงเนินพระจันทร์ เพราะผมไม่มีทางที่จะพิสูจน์ให้พวกคุณได้เห็น แต่เมื่อมาถึงเนินพระจันทร์แล้ว มองเห็นหนทางที่จะเข้าสู่ดินแดนนัั้นได้ปรุโปร่งแล้ว ผมก็ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องปิดบังไว้อีก และที่ผมบ่ายหน้ามาที่นครลับแลแห่งนี้ก็เพราะผมแน่ใจว่า เครื่อง B52 พร้อมระเบิดนิวเคลียร์ 10 เมกะตันของพวกคุณ ตกอยู่ในดินแดนนี้อย่างแน่นอน แล้วเราจะได้เห็นกันว่ามันเป็นไปอย่างที่ผมพูดไว้นี้หรือไม่ บอกแล้วว่าพวกคุณจะหาทางกู้ระเบิดกลับไปได้หรือไม่อย่างไร ไม่ใช่หน้าที่ของผม ผมมีหน้าที่เฉพาะนำทางมาเพื่อให้พวกคุณได้พบเห็นกับตาเท่านั้น ว่ามันสูญหายไปอยู่ที่ไหน และเหตุใดการค้นหาของพวกคุณที่กระทำมาก่อนหน้านี้จึงไร้ผล ไม่พบวี่แววอะไรเลย จนกระทั่งต้องเจาะจงจิกตัวผมมาให้นำทางครั้งนี้"

หมอเบลถามว่า ถ้าหมดภารกิจกลับไปถึงบ้านได้ จะไปประกอบอาชีพอะไร (น.7187)
"ผมเบื่ออาชีพพรานไพรของผมเต็มทีแล้ว และผมก็พอจะมีทุนอยู่บ้างจากค่าจ้างที่คุณให้มาแล้ว บางทีผมอาจจะหันไปทำไร่ หรือประกอบการค้าขายเล็กๆ น้อยๆ ในท้องถิ่นที่ผมอยู่นั่นแหละ ชีวิตของผมเป็นอยู่ง่ายๆ อยู่แล้ว ไม่เสาะแสวงหาอะไรที่มันเกินสภาพของตนเองหรอก สิ่งที่ผมต้องการก็คือ เลิกฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเสียที นี่คือสิ่งที่ตั้งใจไว้" (น.7191)

รพินทร์บอกว่า วันนี้ แรม 4 ค่ำ 17 มีนาคม (น.7195) และบอกว่า เราเดินทางมา 109 วันแล้ว (น.7201)

************

วันที่ 24 : เนินพระจันทร์ (เล่ม 46 : มงกุฏไพร 2 น.7235)
วันที่ 24 ตามเวลาโลกภูมิศาสตร์ (ที่ได้จากการตีความคำพูดของรพินทร์แล้วคำนวณย้อนกลับ-จขบ.)
วันที่ 110 ตามเวลาพนมเทียน แรม 5 ค่ำ 18 มีนาคม

04.30 น. มาลาเรียยังตามมาเยี่ยมถึงเนินพระจันทร์
วันนี้นอนยาว ไม่ได้เดินทางต่อ

************

วันที่ 25-26-27 : หัวถนนพระศิวะ (เล่ม 46 : มงกุฏไพร 2 น.7236)
วันที่ 25-26-27 ตามเวลาโลกภูมิศาสตร์ (ที่ได้จากการตีความคำพูดของรพินทร์แล้วคำนวณย้อนกลับ-จขบ.)
วันที่ 111-112-113 ตามเวลาพนมเทียน แรม 8 ค่ำ 21 มีนาคม

ทั้ง 2 คณะ ขึ้นมาถึงถนนพระศิวะตอนเที่ยง
เมยานีมารอรับคณะของดาริน
อรชุนมารอรับคณะของรพินทร์
เดินทางต่อ
ดารินโดดซ้อนม้าของเมยานี (น.7273)
"เมยานีรักนายหญิง! อยากให้นายหญิงอยู่ในมรกตนครตลอดไป"
"แล้วฉันจะอยู่กับใครล่ะ ที่มรกตนครนั่น?"
"อยู่กับพรานใหญ่รพินทร์! อยู่ในท่ามกลางคนที่รักภักดีต่อนายหญิง"
"พรานใหญ่รพินทร์น่ะเหรอ? ก็เดี๋ยวนี้เขาไปเป็นตายร้ายดี หรือว่าไปมีความสุขสมบูรณ์อยู่กับใครที่ไหนล่ะ"
"ชีวิตของพรานรพินทร์ จะไม่มีความสุขสมบูรณ์กับใครได้ นอกจากนายหญิงของเมยานีคนนี้เท่านั้น นายหญิงประเสริฐสุดแล้วที่ตัดสินใจติดตามเขามา เมยานีขอคารวะในน้ำใจของนายหญิง! นายหญิงไม่ทอดทิ้งคนที่แสนรักและภักดีต่อนายหญิงจนสุดชีวิต นั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว"
ดารินขู่บังคับจนเมยานียอมบอกว่ารพินทร์ขึ้นมาทางหัวถนนพระศิวะแล้ว ห่างกันโดยระยะม้าเดินทางเพียงครึ่งวันเท่านั้น คณะของดารินจะเดินทางถึงมรกตนครก่อนค่ำพรุ่งนี้ และคณะของพรานใหญ่จะเดินทางถึงยามเที่ยงคืนเดียวกัน ถ้าไม่มีการหยุดพัก

คืนนี้พักแรมบนถนนพระศิวะ 1 คืน
เมยานีเล่าให้คณะคุณชายเชษฐาฟังว่าเครื่อง B52 ตกอยู่ที่ไหน ยังไง เมื่อ 4 เดือนเศษที่แล้ว
จักราชควบม้าเข้าไปดูคนเดียว เมื่อกลับออกมาก็บอกว่า
"ถึงเวลาที่พรานใหญ่รพินทร์ ไพรวัลย์ จะต้องกลับมายังมรกตนครอีกแล้ว" (น.7293)

************

วันที่ 28 : มรกตนคร (เล่ม 46 : มงกุฏไพร 2 น.7299)
วันที่ 28 ตามเวลาโลกภูมิศาสตร์ (ที่ได้จากการตีความคำพูดของรพินทร์แล้วคำนวณย้อนกลับ-จขบ.)
วันที่ 114 ตามเวลาพนมเทียน แรม 9 ค่ำ 22 มีนาคม

ฝ่ายดารินมาถึงมรกตนครตอนบ่าย
24.00 น. รพินทร์ผ่านเข้าประตูเมืองมรกตนคร

************

วันที่ 29 : ศาลาปาริชาติ มรกตนคร (เล่ม 47 : มงกุฏไพร 3 น.7357)
วันที่ 29 ตามเวลาโลกภูมิศาสตร์
วันที่ 115 ตามเวลาพนมเทียน แรม 10 ค่ำ 23 มีนาคม

เกือบตี 3 โดนหลอกให้ออกมาเจอกันที่ศาลาปาริชาติ (น.7357-7425 : 68 หน้า อ่านกันให้หายคิดถึงไปเลย)
(เป็นฉากที่ชอบมาก อ่านแล้วอินมาก ... มันเหมือนฝัน นี่เราตายแล้วหรือถึงได้เห็นคนที่คิดถึงอยู่ทุกลมหายใจยืนอยู่ตรงหน้า แค่เอื้อมนี่เอง ... feeling นั้นเลย-จขบ.)

เหตุผลของรพินทร์ (น.7375)
"มีเหตุผลอยู่สองประการ ที่ผมตัดสินใจรับนำทางมาในครั้งนี้ ข้อที่หนึ่ง สำคัญที่สุดเหนืออื่นใดก็คือ ผมไม่แน่ใจว่าคุณหญิงจะรักผมจริง ชีวิตเราคงไม่มีวันมาบรรจบกันได้อย่างแน่นอน ซึ่งผมเชื่อเช่นนั้น ส่วนข้อที่สอง มันเป็นภารกิจเพื่อประเทศชาติ ซึ่งผมหลีกเลี่ยงได้ยากเหลือเกินเพราะสิ่งแวดล้อมมันบีบบังคับไปหมด เมื่อแน่ใจในเหตุผลข้อที่หนึ่ง ก็ทำให้การตัดสินใจในข้อที่สองกระทำได้ง่ายขึ้น มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนจะประชดชีวิตอันอาภัพของตนเอง ผมคิดว่า ถ้าผมอยู่หนองน้ำแห้งต่อไป จะอย่างไรเสีย ผมก็ไม่มีโอกาสจะได้ร่วมชีวิตกับคุณหญิงที่ผมรักอยู่แล้ว พอดีมีความจำเป็นที่จะต้องออกติดตามเครืองบินสูญหาย ผมก็คิดว่า ไหนจะหมดหวังใดๆ ในชีวิตแล้ว ก็ขอทำงานให้มีประโยชน์ดีกว่า ผมมาคราวนี้ ผมกะว่าคงมาตาย ไม่ได้หวังที่จะรอดกลับคืนไปอีกเลย ผมคิดว่า ตายอย่างคนกล้าและเสียสละ ยังดีกว่าอยู่อย่างไร้ค่าไปชั่ววันๆ"

+++
รพินทร์บอกดารินว่า "ผมมาถึงเป้าหมายเนินพระจันทร์ เมื่อห้าวันที่ผ่านมาแล้ว" (น.7378)
ดังนั้น
- จากที่สังเกตมาทั้งเรื่อง ถ้ายังไม่สว่างพนมเทียนจะไม่นับว่าเป็นวันใหม่ ดังนั้นถ้านับตามพนมเทียน จะต้องถือว่า การพบกันที่ศาลาปาริชาตินี้ยังเป็นคืนวันที่ 28
- เมื่อหักลบ 1 วันที่ต้องเดินทางบนถนนพระศิวะ ก็น่าจะได้ตามที่คำนวณด้านบน
- แต่จขบ.นับตามเวลาสากล ซึ่งขณะนี้เลยเที่ยงคืนแล้ว ก็ถือว่าล่วงเข้าวันใหม่แล้ว
+++

ไปเจอคุณชายพี่และเพื่อน (น.7444)
กว่าจะได้กลับไปที่พักก็รุ่งสาง ..สรุปว่า เมื่อคืนนี้รพินทร์ไม่ได้นอนเลย

สายๆ ทั้ง 2 คณะก็ได้มาพบ ทำความรู้จักกันอย่างเป็นทางการ
ตอนเที่ยง เมยานีนำทั้ง 2 คณะไปพบแงซายที่ปราสาทมหาอุมาเทวี
นี่ก็สมกับเป็นราชินีแห่งมรกตนคร ได้รับการถ่ายทอดลีลายียวนกวน..มาจากแงซายเต็มๆ (น.7535-7539)
"ท่านพราน..นั่นท่านกำลังจะไปไหน?"
"ถ้าทรงคิดว่า ข้าพระองค์จะเข้าไปเพื่อให้เห็นแน่แก่ตาตนเองว่า 'แงซาย' กำลังทำอะไร หรืออยู่ในภาวะใด ภายในสุสานแห่งนี้ละก็ ทรงเข้าพระทัยผิดถนัด เพราะข้าพระองค์ไม่ได้สนใจอะไรกับเจ้าอดีตคนใช้จอมกะล่อนคนนั้นหรอก.."

"ผู้กองรพินทร์! แงซายเรียกท่าน! ขอได้โปรดก้าวออกมาพบผมก่อน เดี๋ยวนี้!" (น.7545)
"จักราช! ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ!!"
"ตรงนี้ เดี๋ยวนี้ ยังไม่มีจักราช มีแต่แงซายจอมกะล่อนของผู้กอง เรายังไม่จำเป็นจะต้องเล่นยี่เกกันตอนนี้!"
"ไอ้เวรแงซาย ในที่สุดแกก็หาอุบายดึงดูดจิกหัวฉันให้ย้อนกลับมาที่นี่จนได้ ร้ายกาจจริงๆ แกนี่"
"ฮะฮ่า! ถ้าผมไม่ทำอยู่ในขณะนี้ ผู้กองก็มะงุมมะงาหรา โง่-เซ่อ-บ้า อยู่นั่นแหละ ไม่มีวันได้ฉลาดสมหวังกับเขาสักที รางวัลชีวิตอันยิ่งใหญ่ที่สุดของผู้กอง มงกุฏไพรของผู้กองอยู่ที่นี่! แผ่นดินมรกตนครแห่งนี้! คงจะตาสว่างขึ้นแล้วซินะ"
"..ตอนนี้ฉันตาสว่างหมดทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว และขอบใจมาก ขอบใจจนสุดชีวิต ไอ้น้องชาย ฉันรู้มานานแล้วว่าแกรักฉันจริง แกเป็นมหามิตรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฉันอย่างที่จะหาไม่ได้อีกแล้ว ไม่ว่ากี่ชาติกี่ภพ"

อันเนื่องจากที่ดารินยังยืนขวางอยู่เบื้องหน้า เขาจึงเอื้อมมือหนึ่งไปจับมือรพินทร์ไว้ อีกมือหนึ่งเอื้อมไปจับมือ 'นายหญิง' นำให้มือของทั้งสองฝ่ายให้มาพบกันต่อหน้า โดยมีมือของตนเองกุมประสานทับไว้เบื้องบน และตบเบาๆ เหมือนจะเป็นการปลอบขวัญ..เหมือนจะเป็นการแสดงความนัยแห่งเจตนาลึกซึ้งภายในของตนเอง ที่จะให้มือทั้งสองฝ่ายประสานกันอย่างมั่นคงแนบแน่นตลอดไปจนชั่วชีวิตดับของแต่ละฝ่าย ชนิดที่จะไม่มีพลัดพรากแยกจากกันอีกแล้ว (น.7549)

ตอนค่ำ งานเลี้ยงรับรองที่ศาลาปาริชาติ
"ก็แปลว่าผู้กองรพินทร์เขารู้เท่าๆ กับที่ผมรู้ เรามักจะรู้อะไรเหมือนๆ กันเสมอ เพียงแต่ว่าใครจะรู้ก่อนหรือรู้หลัง หรือรู้ว่าอีกฝ่ายรู้แล้วแกล้งทำเป็นไม่รู้เท่านั้น" (น.7583)

หลังจากเลิกงานเลี้ยง รพินทร์ย้อนกลับมาคุยกับคณะเชษฐาอีกครั้ง (น.7605)

แผนการจับรพินทร์กับดารินแต่งงานของแงซาย เริ่มด้วย..
1. "มีชาวป่า 2 คน ขออนุญาตที่จะเข้ามาพบกับท่านพรานใหญ่ รพินทร์ ไพรวัลย์ เจ้าค่ะ" (น.7610)
"ไปบอกไอ้กะเหรี่ยงพเนจร กับไอ้ต่องสู่นั่น ถ้ามันสองคนขาดอัฐบริขารประจำตัวแม้แต่ชิ้นใดชิ้นหนึ่งของมันไปละก็ รพินทร์ ไพรวัลย์ จะไล่เตะมันออกไปจากที่นี่ไม่ทันทีเดียว!.."

2. เทิดเกียรติ รพินทร์ ไพรวัลย์ (น.7623-7633) (ในภาค 2 นี้ ชอบตอนนี้ที่สุด คนหนึ่งก็ร้อยเล่ห์ อีกคนก็เหลี่ยมจัดลีลาเยอะเหลือเกิน-จขบ.)
"ฌาณของผม จะเพ่งมองเฉพาะสิ่งจำเป็นที่สำคัญต่อชีวิตความปลอดภัยของผู้กองหรือนายหญิงเท่านั้น แต่จะไม่เพ่งมองค้นหาไปในสิ่งประกอบเพียงเล็กๆ น้อยๆ หรือมองลึกเข้าไปค้นหาวัตถุองค์ประกอบอื่นๆ ที่ผู้กองมีติดตัวด้วยหรอก ผมขอเน้นอีกครั้ง ดวงตราประจำของผม ที่ผู้กองรับปากจะติดตัวอยู่ตลอดเวลานั้น ขณะนี้ เดี๋ยวนี้ อยู่ที่ไหน โปรดแสดงให้ผมเห็นประจักษ์ต่อหน้าทุกๆ ท่านที่นั่งอยู่ ณ ที่นี้ด้วย ถ้าหากผู้กองรักผมจริง และมีสัจจะเป็นคำพูด ... ผมไม่ได้คิดจะ 'หัก' อะไรผู้กอง ผมเพียงแต่ต้องการพิสูจน์ใจเท่านั้น เพราะตลอดเวลามานั้น เราทั้งสองฝ่ายต่างเอาใจเข้าแลกกันมาตลอด และผู้กองเองก็รู้ดีว่าผมตายแทนผู้กองได้ เท่าๆ กับที่ผมเคยเชื่อว่า หากเกิดเหตุเภทภัยใดๆ กับผม ผู้กองก็คงตายแทนผมได้เหมือนกัน ผมเคยเชื่อเช่นนั้น! ... ในอดีตที่ผ่านมา คำพูดทุกคำของผู้กอง 'มีค่า' เพราะมันทรงไว้ซึ่งสัจจะแน่นอนเสมอ เดี๋ยวนี้ผมต้องการทราบว่า ผู้กองยังเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า?"

3. อาศัยจังหวะและบรรยากาศพาไป พี่ชายใหญ่ประกาศให้ที่นี่ เดี๋ยวนี้ ตรงนี้ เป็นการวิวาห์ระหว่างรพินทร์กับดาริน (น.7635)
"รพินทร์-น้อย! เธอทั้งสองจงรับรู้ไว้แต่ ณ บัดนี้เถิดว่า พวกเราพี่ๆ ทุกคนไม่มีความรังเกียจขัดข้องใดๆ ทั้งสิ้น และเห็นใจในความรักเด็ดเดี่ยวแน่นแฟ้นระหว่างเธอทั้งสอง พวกเรารู้สึกยินดีและมีความสุขด้วย ต่อไปนี้ขอให้พ้นเคราะห์ พ้นโศก และอย่าได้พลัดพรากจากกันอีกเลย ขอให้มีความรักที่มั่นคงต่อกันตลอดไปชั่วนิรันดร์กาล เราจะไม่มีพิธีอะไรกันมาก ขอให้ที่นี่ เดี๋ยวนี้ ตรงนี้ เป็นการ 'วิวาห์' ระหว่างดารินและรพินทร์เสียเลย ไม่ต้องรอถือฤกษ์ ถือโอกาสที่ไหนอีกแล้ว ส่วนจะไปจัดพิธีอะไรกันอย่างใดภายหลัง มันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้ากรุงมรกตนคร ผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิงทั้งหมด ก็ได้มาอยู่ ณ ที่นี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นพี่ใหญ่ พี่กลาง หรือไชยยันต์ ตลอดจนน้องชายผู้ไม่ต้องกรีดเลือดสาบานอย่างแงซาย ขอประกาศเดี๋ยวนี้ว่า รพินทร์ ไพรวัลย์ คือสามี ดาริน วราฤทธิ์ คือภรรยา ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป!"

4. เมยานีเตรียมมงกุฏไพรไว้รออยู่ด้านนอกแล้ว อรชุนไปตามบุญคำ จัน เกิด เส่ย มาร่วมพิธีด้วย
"ถูกต้อง! ข้าได้จัดเตรียมพิธีวิวาห์ไว้ให้แก่ท่านทั้งสองแล้ว และต้องทำให้ได้ภายในคืนนี้แหละ ทุกสิ่งทุกอย่างมันได้จังหวะคล้องจองกันพอดี ถ้าแม้ว่าจะเป็นเล่ห์อุบาย ก็เป็นเล่ห์อุบายที่จะให้พี่ชายกับพี่สาวของแงซายได้เป็นคู่ครองกันอย่างแท้จริงเสียที เพราะได้รับความยินยอมเห็นชอบจากท่านผู้ใหญ่ของฝ่ายพี่สาวแล้ว คงไม่มีใครปฏิเสธอีกได้" (น.7642)

สรุป..โดนแงซายจับแต่งงานแบบงงๆ (คนอ่านก็งง.. เล่นกันแบบนี้เลยเหรอแงซาย-จขบ.)

"โดยอิสริยยศเดิมของกษัตริย์อัคนีรุทร์และมกุฏราชกุมารีจิตรางคนางค์ ใต้ฝ่าพระบาททั้งสองพระองค์ไม่จำเป็นที่จะต้องแสดงความเคารพใดๆ ต่อจักราชและเมยานี ผู้เปรียบเสทอนอนุชาและขนิษฐาเลย" (น.7650)
จะอย่างไรก็ตาม รพินทร์ก้มศีรษะลงถวายคำนับ ขณะที่ดารินย่อกายถอนสายบัว
"ข้าพระองค์ทั้งสอง ขอบพระทัยในทั้งสองพระองค์อย่างสุดที่จะกล่าวได้ ขอบพระทัยในทุกสิ่งทุกอย่าง ... แต่ขอติงสักนิด พระองค์ทรงดำเนินการทุกอย่าง ด้วยเล่ห์เหลี่ยมลึกลับตามเคย ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลย"
"เล่ห์เหลี่ยม ที่ทำให้เกิดเป็นความดีงาม เล่ห์เหลี่ยมที่กอปรขึ้นด้วยจิตบริสุทธิ์ประสงค์ดี ย่อมไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใดมิใช่หรือ ผู้กองผู้ไม่น่ารัก เอ๊ย! โทษที เดี๋ยวนี้ต้องเรียกว่า 'ผู้กองที่น่ารัก' ไปเสียแล้ว ขอถอนคำพูดเดิมตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป" (น.7651)

แงซายเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ตั้งแต่เครื่องบินตก (เล่ม 48 : มงกุฏไพร 4 น.7655)
"..ผมมองเห็นการเคลื่อนไหวของผู้กองรพินทร์และนายหญิงอยู่แทบทุกขณะเท่าที่ต้องการจะเห็น แต่ก็ต้องใช้ความบากบั่นมานะพยายาม จนกระทั่งบางขณะแทบจะหมดสิ้นลมปราณทีเดียว โดยเฉพาะผู้กองรพินทร์ เป็นผู้ที่ผมติดต่อได้ยากลำบากมาก เนื่องจากเป็นผู้มีอาคมและสิ่งที่คุ้มตัวเองสูงมาก ซ้ำยังเป็นคนมีสภาพจิตแข็ง สติมั่งคง ยากที่จะส่งกระแสจิตเข้าครอบงำได้ ยกเว้นเวลาเจ็บป่วย หรือยามเคลิ้มหลับเท่านั้น และก็เป็นความเหน็ดเหนื่อยแสนสาหัสของผม ในการที่จะ 'วิ่งรอก' เพื่อเพ่งจุดไปทางผู้กองครั้งหนึ่ง แล้วก็หวนกลับไปเพ่งที่นายหญิงอีกครั้งหนึ่ง สลับกันอยู่เช่นนี้ เพราะจะทอดทิ้งฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดก็ไม่ได้ ล้วนตกอยู่ในภาวะอันตราย ล่อแหลมด้วยกันทั้งคู่ เกือบจะตลอดเวลาด้วย ผมยอมรับว่าเหนื่อยกว่าครั้งที่เป็นลูกหาบใช้กำลังหาบหามสัมภาระมาให้พวกเจ้านายทั้งหลายในครั้งนั้นเสียอีก" (น.7664)

เหตุผลของแงซาย (น.7672-7673)
"..การเปิดเผยในสิ่งที่ยังไม่อาจจะเปิดเผยได้นั้น เป็นการผิดสัจจะ ผิดกฎของจักรวาลที่จะทำให้วิถีชีวิตความเป็นไปตามครรลองของแต่ละชีวิตผันเปลี่ยน ... เมื่อประกาศิตจากสวรรค์กำหนดไว้ว่า เมื่อถึงเวลาอันควรเมื่อใด นายหญิงจะได้พบกับผู้กองรพินทร์ ก็ต้องให้ถึงกำหนดเวลานั้นเสียก่อน ... และเหนืออื่นใดทั้งปวง แงซายต้องการให้ทั้งผู้กองและนายหญิง ได้มาพบกันที่นี่ แผ่นดินแห่งนี้ อันเป็นที่นัดพบระหว่างทิวาและราตรีกาล ภายหลังจากชดใช้หนี้กรรมให้หมดสิ้นด้วยความทุกข์ยากทรมานกันจนสุดชีวิต เข้าใจหรือยังครับ"

+++
มรกตนคร..จุดนัดพบระหว่างทิวาและราตรีกาล
ตามความคิดของ จขบ. มันลึกซึ้งมากนะ เพราะมันน่าจะหมายถึง..
รพินทร์ (=พระอาทิตย์/เห็นได้เฉพาะเวลากลางวัน), ดาริน (=ดาว/เห็นได้เฉพาะเวลากลางคืน)
สรุป..ก็น่าจะแปลได้ว่า มรกตนคร..จุดนัดพบระหว่างรพินทร์กับดาริน นั่นเอง
+++
 

To be continue >> https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=vbenj&month=04-2019&date=14&group=8&gblog=72
 


Create Date : 04 เมษายน 2562
Last Update : 14 เมษายน 2562 10:04:26 น. 0 comments
Counter : 2204 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

เจ้าการเวกเสียงหวาน
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




สิ่งไหนยากกว่ากันระหว่าง
การหาคำตอบ
กับ
การพิสูจน์ว่าคำตอบ
ที่คนอื่นหามาได้นั้นถูกต้องหรือไม่
Friends' blogs
[Add เจ้าการเวกเสียงหวาน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.