Group Blog
 
<<
มีนาคม 2562
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
24 มีนาคม 2562
 
All Blogs
 
-: เพชรพระอุมา 2 :- บันทึการเดินทาง (วันที่ 11 : 6)

มีนาคม 2562


**สรุปว่า ดารินตามมาได้เหลือระยะห่างกันแค่ 3 วันที่รพินทร์ล่วงหน้าไป

นิวรณ์ แปลว่า เครื่องห้าม หรือ เครื่องกั้น ในที่นี้หมายถึง เครื่องกั้นจิตมิให้บรรลุถึงธรรมที่สูงขึ้นไป อธิบายว่า ตามปรกติคนเรามักมีความรู้สึกที่เรียกว่า นิวรณ์ อยู่ด้วยกันทุกคน ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งตามวิสัยของปุถุชน เพราะฉะนั้น จึงเป็นอันว่า จิตของปุถุชนถูกนิวรณ์เหล่านี้กีดกันไว้จากการบรรลุธรรมะที่สูงขึ้นไปอยู่ทุกครั้งที่กิเลสชั้นละเอียด ถูกปรุง ฟุ้งป่วนขึ้น เป็นความกลัดกลุ้ม วุ่นวาย ไม่สงบระงับในภายใน ผู้ที่สามารถทำจิตให้ว่างจากนิวรณ์ได้ตามความต้องการของตน นับว่าเป็นปุถุชนพิเศษ หรือ กัลยาณปุถุชน ได้แก่ ผู้มีปัญญา ในการที่จะเปลื้องนิวรณ์เหล่านี้ออกไปเสียจากจิตโดยการยกจิตขึ้นมาสู่สมาธิได้สำเร็จตามวิธีใดวิธีหนึ่ง เป็นต้น

กามฉันทะ แปลว่า ความพอใจในกาม แต่ความหมาย หมายถึง ความกลัดกลุ้มอยู่ด้วยความกำหนัดในกาม จนมืดมัว ไม่แจ่มใส ไม่เห็นแจ้งในธรรมตามที่เป็นจริง ท่านเปรียบอุปมาเหมือนน้ำใส แต่มีสีต่างๆ มาเจือปน จนหมดความใส

พยาบาท หมายถึง ความกลัดกลุ้ม อยู่ด้วยความไม่พอใจ โกรธแค้น เกลียดชัง เป็นต้น ซึ่งทำความมืดมัวให้อีกในลักษณะหนึ่ง ซึ่งท่านเปรียบด้วยน้ำที่ใส แต่ถูกทำให้เดือด พลุ่งพล่านอยู่ ก็ไม่อาจทำให้ผู้มอง มองเห็น สิ่งต่างๆ ที่มี
อยู่ภายใต้น้ำนั้นได้

ถีนมิทธะ ความที่จิตหดหู่ เคลิบเคลิ้ม ไม่ร่าเริง แจ่มใส ทำให้จิตไม่มีสมรรถภาพ ในการที่จะเห็นแจ้งในธรรม ท่านเปรียบเหมือน น้ำใส แต่มีพืช เช่น ตะไคร่ หรือ สาหร่าย เกิดอยู่เต็ม ก็ไม่อาจจะมองเห็นสิ่งต่างๆ ใต้น้ำได้เช่นเดียวกัน

อุทธัจจกุกกุจจะ หมายถึง ความฟุ้งซ่าน รำคาญ กระสับกระส่าย ในลักษณะที่ตรงกันข้ามจากถีนมิทธะ ท่านเปรียบอุปมาไว้เหมือนน้ำใส แต่ถูก ทำให้เป็นละลอกคลื่น หรือ กระเพื่อมอยู่เป็นนิจ ทำให้ไม่สามารถ จะมองเห็นสิ่งใต้น้ำ เช่น กรวด ปลา และ หอย ได้เช่นเดียวกัน

วิจิกิจฉา หมายถึง ความสงสัย เพราะไม่รู้  หรือ มีอะไรมารบกวนความอยากรู้ ไม่มีความสงบลงได้ ทำให้เกิดความมืดมัวแก่จิต ไม่อาจจะเห็นแจ้ง ในสิ่งที่ควรเห็นแจ้ง ท่านเปรียบเหมือน น้ำใส อยู่ในที่มืด ย่อมไม่อำนวยให้มองเห็นสิ่งต่างๆ ในน้ำนั้นได้

 

วันที่ 11 (เล่ม 39 : นาคเทวี 3 น.4702)
รพินทร์ - วันที่ 11 : นรกดำ (วังนาคราช : ทะเลสาบบนยอดเขานกอินทรี)
ดาริน - วันที่ 6 : ห้วยเสือร้อง-นรกดำ (ริมน้ำตกที่มีต้นน้ำมาจากวังนาคราช ทะเลสาบบนยอดเขานกอินทรี)

แงซายมาแล้ว... (น.4702-4706)
คราวนี้มาเตือนสติพี่ชาย อย่าเพิ่งหนีตายไปซะก่อน
"..และถ้าคิดจะ 'สู้' ต่อไปอย่างสมศักดิ์ศรีของพรานรพินทร์ ก็จงทำตามที่ผมบอก รับปากซิ ว่าจะทำ ได้ไหม?" (ขอร้องกันจริงจัง แงซายน่ารัก-จขบ.)

"ข้อที่หนึ่งสำคัญที่สุด ทำใจให้เข้มแข็ง สลัดนายหญิงออกไปจากความคิดชั่วขณะก่อน เพราะนั่นเป็นสิ่งบั่นทอนทุกข์ทรมานทางใจขีดสุด ... เก็บถนอมเธอไว้ในหัวใจส่วนลึกที่สุดเสียก่อน นี่อะไร นั่งคิด เดินคิด กินคิด หลับคิด ตื่นคิด คิดอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก มันก็บั่นทอนผู้กองให้ดวงจิตอ่อนแอลงไปทุกขณะ เชื่อผมเถอะว่าเป็นคู่สร้างกันแล้ว ก็ไม่มีวันจะแคล้วคลาดกันไปได้หรอก ... จะตรอมใจตายไปเสียด้วยความ 'เฉารัก' ก่อน หรือว่าจะประคับประคองชีวิตไว้ให้รอดเพื่อจะได้พบรักที่ปรารถนา เลือกเอาเอง"

"ข้อที่สอง อย่าดื้อดึง แต่ยอมตัวให้พวกนั้นรักษาเยียวยา ขณะเดียวกัน อย่าลืมสิ่งลี้ลับเหนือโลกภูมิศาสตร์ ที่เป็นอีกกำลังหนึ่งอันจะช่วยผู้กองได้นอกเหนือจากเวทมนตร์คาถาที่ร่ำเรียนมา จะต้องภาวนาท่องบ่นอยู่เป็นประจำแล้ว นั่นก็คือ ลูกสาวคนสวยของนาคราช รายนั้นเอ็นดูผู้กองมาก จะเป็นกำลังสำคัญช่วยได้อย่างมหัศจรรย์ทีเดียว อ่อนน้อม คารวะเข้าไว้ แต่อย่าไปหลวมตัว 'เกี้ยว' เข้าล่ะ แม่เกิดเสน่หาขึ้นมาเมื่อไหร่จะยุ่ง ขณะนี้ไม่ได้ไปไหนไกล วนเวียนคอยเฝ้าผู้กองอยู่ในละแวกใกล้ๆ นี่แหละ รู้สึกว่าจะหมั่นไส้เขม่นหน้าผมเข้าให้ด้วยซิ แต่อรหันต์โกฑัญญะคุ้มผมอยู่ตลอดเวลา ศีลของผมก็เหนือกว่าผู้กอง เธอทำอะไรผมไม่ได้หรอก"

ครั้งนี้มาพูดดีจนรพินทร์ยังบอก "นี่เป็นครั้งแรก แงซาย ที่แกมาให้สติ ชี้แนวทางที่ดีแก่ฉัน ผิดไปกว่าทุกครั้งที่จะมาบีบคั้นความรู้สึกให้ทรมานหนักไปกว่าเดิม รวมทั้งคอยยั่วโทสะ" (ถ้าจะพูดกันจริงๆ แงซายนั่นแหละที่เป็นตัวทำให้อาการของรพินทร์ทรุดหนักอย่างรวดเร็ว-จขบ.)

"ถ้าไม่รู้ตัว ก็รู้ไว้เสียด้วยว่า คราวนี้ 'หนัก' มากนะ! พวกนายจ้างเขาปิด เขาไม่บอกผู้กองหรอก และเตรียมรับมือกับอาการของผู้กองเต็มที่ เมื่อหัวค่ำที่ผ่านมาเข้าขั้นโคม่าแล้ว พรุ่งนี้ถึงอย่างไรก็ยังเดินทางไม่ได้หรอก อย่าดิ้นรนตะเกียกตะกายเลย ยอมรับสภาพเสียโดยดีเถอะ.."

************

เช้าที่ห้วยเสือร้อง ฝ่ายดารินเตรียมตัวออกเดินทาง
สุดที่รัก..ขอเทพยดาอารักษ์ จงปกปักษ์คุ้มครองเธอไว้ จนถึงวันที่ฉันตามไปพบเธอ และถ้าเธอจะถึงที่ตาย ก็ขอจงตายในอ้อมแขนของฉัน รอฉันด้วย ที่รักขา..

มาเจอรอยเลื้อยของสางห่าและเขานกอินทรีขวางหน้าอยู่ เลยเกิดปัญหาว่า รพินทร์เลือกทางไหน? เพราะหนานอินบอกว่า 20 กว่าปีก่อนเคยลองปีนตัดข้าม แต่ไปได้แค่ครึ่งเดียวก็ไม่ไหว หนทางลำบากมาก หินทุกก้อนร้อนราวกับมีไฟสุมอยู่ข้างใน ยิ่งขึ้นสูงก็ยิ่งร้อน และยอดที่มองเหมือนสันหลังของรูปนกอินทรีเป็นแดนของ 'สางห่า'

"หนานอินรู้จักนิสัยของนายรพินทร์ดี แกเป็นคนระห่ำดีเดือดอยู่ไม่น้อย คงตัดขึ้นยอดเขาอินทรีนี่แน่ๆ โดยหวังย่นระยะทาง ... จะสางห่า สางเหวอะไร นายรพินทร์แกไม่กลัวหรอก หนานอินเองก็เชื่อว่าตัวเองดีมีวิชาแล้ว แต่นายรพินทร์มีดีกว่าหนานอินเสียอีก ทั้งเวทมนตร์คาถา ทั้งของดีคุ้มตัวสารพัดชนิด แกเคยกลัวอะไรเสียเมื่อไหร่ กลัวอยู่อย่างเดียว การเสียคำพูด เสียสัจจะ ถึงหนานอินจะแก่กว่าแกมาก จะเดินป่ามาก่อนแก แต่ก็ยอมรับว่า ไสยเวทอาคมกฤติยามนต์แล้ว หนานอินสู้แกไม่ได้หรอก ตบะของแกก็เหนือกว่า ... ใครก็ตามที่ไปกับนายรพินทร์ ถ้าแกคุ้มครองไม่ได้ แกก็ไม่พาไปหรอก แกต้องดูฤกษ์ยามของแกแล้วว่าเอาขึ้นไปได้ทั้งหมดแกถึงจะนำขึ้น" (น.4770)

สรุปกันว่าจะเดินอ้อม ลอดถ้ำไปทะลุอีกด้านของเขาอินทรี แต่ก่อนจะถึงเจ้าด้วนมาขวางทางไว้ไม่ยอมให้ไป จนดารินต้องออกคำสั่งให้เปิดทางเพื่อจะไปดูให้เห็นกับตาว่ามีอะไร พอไปถึงก็เจอรอยเลื้อยของสางห่า ความร้อนระอุออกมาจากถ้ำ ได้ยินเสียงข้างในเหมือนมีโคลนเดือด และเจอซากผีดิบที่ไหม้เป็นเถ้าไปแล้ว หนานอินเรียก 'ถ้ำนาคราช' สุดท้ายจึงต้องยอมให้เจ้าด้วนนำทางไป

************

รพินทร์รู้สึกตัวอีกทีประมาณบ่ายสองโมง นี่เป็นการนอนเจ็บครั้งยิ่งใหญ่ของเขาทีเดียวนับตั้งแต่เดินป่ามา โดยขณะที่กำลังอยู่ในป่า นอกเหนือไปจากการเจ็บป่วยอันนอนอยู่ในบ้านพักหรือโรงพยาบาล เขาไม่เคย 'พักเครื่อง' นานถึงขนาดนี้มาก่อนยามบุกไพร (น.4814)

อัญเชิญนาคเทวีออกมาพบ ขอพละกำลังคืน (น.4820-4826)
บทสนทนาน่ารักๆ ของรพินทร์กับนาคเทวี
"ผมรู้นะ คุณนั่นแหละ แกล้งดึงเอากำลังผมไปหมด"
"บ้า! ตัวไม่สบายเอง แล้วทำไมมาโทษฉัน?"
"จะต้องให้ผมบอกด้วยรึว่า มหาฤษีโกฑัญญะท่านบอกกับผมหมดแล้วว่า คุณเอากำลังวังชาของผมไป ถ่วงผมเพื่อจะให้อยู่ที่นี่ให้นานที่สุด"
นาคเทวีจึงขอค่าไถ่แลกเปลี่ยน เป็น 'ดวงปราณ' ของคนโน้นคนนี้ในคณะ มีหรือที่พรานใหญ่จะยอม
"นาคเทวี! ไม่ว่าจะเป็นใครทั้งสิ้นที่มากับผม อยู่ในความรับผิดชอบของผม คุณจะเอาชีวิตเขาไปไม่ได้เลยแม้แต่คนเดียว ถ้าจำเป็นจะต้องมีการเสียชีวิตตามเงื่อนไขข้อแลกเปลี่ยนของคุณละก็ เชิญคุณเอาชีวิตผมไปเสียดีกว่า ถ้าไม่ยอมคืนพละกำลังกลับมาให้ ก็เชิญเอาดวงปราณของผมไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด" 

นาคเทวี บอกรพินทร์ว่า จิตรางคนางค์ คือ ดาริน (น.4826)
"..ขอให้รู้ไว้ด้วยนะ คุณกับฉันเคยมีภพภูมิร่วมกันมาก่อนเช่นกัน และก็มีกรรมต่อเนื่องผูกพันกันอยู่ด้วย เพียงแต่ในชาติภพนี้ มันยังไม่ถึงรอบที่จะต้องมาคิดบัญชีกันเท่านั้น แต่ความผูกพันเดิมๆ ทำให้ฉันอดที่จะเป็นห่วงคุณไม่ได้ ถึงได้มาเกี่ยวพันพบปะกับคุณในชาตินี้ แม้จะเพียงเสี้ยวส่วนน้อยนิดก็ยังดี ... แต่สำหรับชาตินี้และชาติหน้า หัวใจของคุณเป็นของ 'จิตรางคนางค์' ชนิดผูกขาดเสียแล้ว.."

ได้กำลังคืนมา ก็ลุกขึ้นดึงเข็มน้ำเหลือออกทันที (น.4827)
เป็นใครก็งง เมื่อคืนเกือบตาย วันนี้ลุกขึ้นมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วก็มาพบว่าคริสโดนแมงมุม 6 ขากัด และกำลังจะตาย จึงเรียกบุญคำเอาแท่งยามาดูดพิษ แล้วตัวเองก็เดินออกมาตรวจบริเวณ คุยกับลูกน้อง แล้วก็เลี่ยงไปอาบน้ำ (เมื่อวานอาบเสร็จก็ดับเครื่องไป ตื่นมาไม่ทันไร จะอาบอีกแล้ว-จขบ.)

ลงไปที่ริมบึง ตรงโขดหินที่เอามงกุฎไพรไปสวมไว้แทนดาริน ลองเรียก 'จิตรางคนางค์' ก็ได้ยินเสียงดารินเรียก 'อัคนีรุทร์' กลับมาทุกครั้ง (น.4848) (โอยย..สงสารรพินทร์-จขบ.)
"งานเสร็จ ผมจะรีบกลับไปหาดวงใจของผม รอผมด้วยนะ"
"งานเสร็จหรือไม่เสร็จ ฉันก็จะติดตามคุณไปจนกว่าจะพบ รอฉันด้วยนะ"

แงซายมาแล้ว... (น.4850-4852)
"อย่ามัวแต่เสียเวลา รำพึงรำพันฝันรักอยู่เลย จะทำอะไรก็ทำเข้าเถอะผู้กอง ภาระหน้าที่ยังมีอยู่อีกมากมายนัก สาวน้อยจากบาดาลเขาให้แรงให้ฤทธิ์กลับคืนมาเหมือนเดิมแล้ว เป็นโอกาสอันดีที่สุด หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ก็ไม่เลวอยู่หรอก จีบลูกสาวพญานาคจนได้ประโยชน์ แต่อีตอนไป 'แตะอั๋ง' กอดเขาฟรีนี่ ไม่ค่อยจะเข้าท่าอยู่นะ ดีเท่าไหร่แล้วที่แม่เจ้าประคุณเธอไม่เอาลงบาดาลไปเสียด้วย"

"..เดินทางมาในครั้งนี้ ผู้กองมี 'วิตกจริต' และ 'นิวรณ์' มาก ใช้สติปัญญาเข้าไตร่ตรองและขจัดเสียเถิด ยามใดที่รู้สึกตัวว่าสติจะไม่อยู่กับร่องกับรอย ตั้ง 'พุทโธนุสติ' เข้าไว้ กำลังกายกลับคืนมาแล้ว กำลังใจก็ควรจะเข้มแข็งเหมือนเดิม มาคราวนี้ไม่เหมือนรพินทร์คนเดิมเลย รู้ไว้เสียด้วย" (น.4852)

ยาถอนพิษไม่ได้ผล เลยสวดภาวนาแก้อาถรรพณ์ (น.4858)

สารังเทติธะ สัตตานัง สาเรติ อมะตัง ปะทัง
สาระถิวิยะ สาเรติ สาระทันตัง นะมามิหัง


"..ในที่สุดก็เรียกฉันมาอีกจนได้นั่นแหละ พ่อคนปากถือศีล แต่มือถือปืน!"
"ผมไม่ได้เรียกคุณ ผมภาวนาสวดมนต์แก้อาถรรพณ์ที่มันเล่นงานผมอยู่ในขณะนี้ตะหาก"
"มันก็ไอ้เหมือนกันนั่นแหละ ใครจะแก้อาถรรพณ์ให้แก่คุณได้ ถ้าไม่ใช่ฉัน.. ทั้งหลายแหล่มันก็มาจากความสะเพร่าขี้หลงขี้ลืมของคุณเองแท้ๆ"
"ผมลืมอะไรไป คนสวย?"
"ระวังวาจาของคุณหน่อย ดีด้วยแล้วอย่าลามปาม"
"ข้าพระองค์ลืมอะไรไปพระเจ้าข้า?"
"หมั่นไส้! ไม่ต้องให้มันเป็นทางการขนาดนั้นหรอก คุณรพินทร์"
"เอาใจยากจริงๆ พับผ่า ลูกสาวพญานาคตนนี้"

แก้ไขพิษแมงมุม 6 ขาให้คริสได้
เอาลายแทงและแผนที่ขากลับจากเทือกเขาพระศิวะมากางให้ดู สรุปกันว่า แผนที่ทางอากาศคงต้องพับเก็บไปซะ ใช้แผนที่ของรพินทร์แทน ยังคุยไม่ทันจบก็พอจะจับสัญญาณจากข้างบนได้ ระหว่างที่พยายามติดต่อทางวิทยุ (ซึ่งพรานใหญ่รู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางติดต่อได้หรอกจ้า) ก็เดินเลี่ยงออกมา

คริสเดินตามมาเล่าความฝันระหว่างที่เกือบตายให้ฟัง เล่าถึงดารินว่ามีลักษณะอย่างไร ใช้ปืนอะไร ชอบเรียกรพินทร์ว่าอย่างไร บอกว่าดารินก็เล่าเรื่องของทั้งสองคนให้ตนเองฟัง และบอกว่าดารินฝากรพินทร์ไว้ด้วย (น.4910)

"คุณต้องเข้าใจด้วยนะคริส ผมไม่เคยล่วงเกินอะไรผู้หญิงคนที่ผมรักเกินขอบเขตเลย และแม้ว่าเธอจะบอก 'ฝาก' คุณไว้ทุกชนิดแม้แต่ในด้านระบายหรือปลดเปลื้อง ผมก็ทำไม่ได้ เพราะผมไม่เคยระบายหรือปลดเปลื้องเอากับเธอเลย" (น.4917) (เป็นการพูดเพื่อปกป้องทั้งกายและใจของตัวเองได้ดีมาก-จขบ.)

แงซายมาอีกแล้ว... (น.4926-4935)
มาทำ psychotherapy บำบัดโรคจิตให้ผู้กอง
"ก็ช่วยๆ กันไปตามมีตามเกิด ประคองผู้กองไว้ อย่าเพิ่งให้ม่องเท่งเสียก่อนตอนนี้เท่านั้น มาคุยกันสนุกๆ ดีกว่าเอาไหม ไม่มีใครเป็นเพื่อนผู้กองตอนนี้ ผมเป็นเพื่อนแก้เหงาเอง"
แล้วก็แปลชื่อดารินให้ฟังว่ามาจากอะไร

ร้องเพลงบีบคั้นให้ทรมานใจจนรพินทร์ต้องด่า
"ความสนุกบนความทุกข์ของคนอื่นน่ะ เป็นบาป"
"ไม่บาปหรอก ถึงอย่างไรผู้กองก็ที่สุดของความทุกข์แล้ว ไม่มีอะไรจะทุกข์มากไปกว่านี้ได้อีก มาคุยเพื่อบรรเทาทุกข์กับสิ่งที่ผู้กองเรียกว่า 'จิตใต้สำนึก' ของผู้กองเองดีกว่า อย่างน้อยก็ยังมีโอกาสให้หงุดหงิด โมโหโทโส หรือผรุสวาทด่าทอบ้าง แล้วความทุกข์มันก็จะเบาบางลง เพราะความรู้สึกอย่างอื่นเข้ามาแทนที่ ถ้าผู้กองไม่อยากจะได้ยินเสียงผม ก็เดินกลับเข้าไปรวมกลุ่มกับพรรคพวกเสีย แต่ถ้ายังนั่งซึมเงียบๆ อยู่อย่างนี้ ผมก็จะยังไม่ทิ้งผู้กองไปไหน คอยแหย่คอยแซวผู้กองอยู่อย่างนี้แหละ"

รพินทร์ขอฟังเสียงนายหญิง แต่สิ่งที่แงซายจัดให้คือ
"อัคนีรุทร์! ประทับอยู่ที่ไหน รอจิตรางคนางค์ด้วย หม่อมฉันรักพระองค์! มอบกายถวายชีวิตรองพระบาทแล้ว ไฉนจึงผละหนีทอดทิ้งหม่อมฉันไว้เช่นนี้"

รอบนี้เล่นแรงซะจนนาคเทวีต้องออกมาด่า "จักราช! อย่าคะนองในฤทธิ์ตบะฌาณของตนเองจนเกินขอบเขต...เธอจะช่วยเขาหรือจะทำร้ายเขากันแน่"
"..หม่อมฉันไม่มีจิตมุ่งร้ายต่อชายผู้เปรียบเสมือน 'เพื่อนตาย' และ 'พี่ชาย' อันเป็นที่เคารพรักผู้นี้ เราหยอกล้อกันหนักๆ เช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว และเขาก็ควรจะได้รับรู้ไว้บ้างว่าเขาเคยเป็นใคร มีอดีตกาลเป็นมาอย่างไรจึงต้องมาชดใช้กรรมหนักอยู่ในชาติภพนี้ เขาควรมีสิทธิ์ที่จะรู้มิใช่รึ เอาละ หม่อมฉันจะไปก่อน ขอประทานอภัยด้วยในสิ่งที่พี่นางเห็นว่าเป็นการไม่สมควร และขอฝากเขาไว้ในพระเมตตาของพี่นางด้วย ทูลลา" (ฟิ้ววว... ถ้ามี sound effect ประกอบ เสียงก็คงจะประมาณนี้ มาก่อเรื่องแล้วก็ชิ่งหนีไป-จขบ.) 

รพินทร์อยากจะถามเกี่ยวกับอัคนีรุทร์-จิตรางคนางค์ แต่นาคเทวีกลับบอกให้เลิกคิด
"..จงสนใจเฉพาะปัจจุบันที่คุณเป็นและอยู่ในขณะนี้เถอะ ไม่รู้ตัวบ้างหรือยังไงว่า โรคจิตประสาทมันจะเล่นงานคุณตายอยู่แล้ว แค่ต่อสู้กับดวงจิต กิเลส นิวรณ์ ที่มันรุมล้อมเข้ามาในขณะนี้ ก็จะดับขันธ์เสียก่อนแล้ว..จงใช้สติ ปัญญา สมาธิ และเหตุผล เข้าไตร่ตรองแก้ไขเหตุ หรือว่าเดี๋ยวนี้คุณไร้สิ่งเหล่านั้นเสียแล้ว แล้วคุณจะเชื่อใคร ระหว่างฉันซึ่งปรารถนาดีกับคุณอย่างบริสุทธิ์ กับเจ้าคู่ปรับเก่าที่กินเหลี่ยมกินเชิงกับคุณมาแต่ไหนแต่ไร แม้ว่าเขาจะรักนับถือคุณแค่ไหนก็ตาม สันดานเดิมของเขาก็ไม่เปลี่ยนไปได้หรอก แงซายชอบเห็นคุณเจ็บปวดทุกข์ยาก ชอบลองดี"

"เมื่อถามเรื่องอื่นไม่ได้ ผมก็ขอถามในเรื่องที่อาจจะบอกได้ก็แล้วกัน แงซายที่ผมพบเห็นเขาอยู่เสมอเป็นอะไร อนุสติ ความคิดฝันเพ้อไปของผมเอง หรือว่าอะไร?" (น.4937)
"ไม่ใช่จิตใต้สำนึก หรือว่าคุณประหวัดสร้างภาพไปเองหรอก 'ไอ้เด็กเวร' นั่นมันมาพบคุณจริงทุกครั้ง แต่มาด้วยมิติที่ 4 คือดวงปราณดวงจิตที่มันผูกพันอยู่กับคุณ มาด้วยอิทธิปาฏิหารย์ของดวงจิตอันแก่กล้าฤทธิ์ ซึ่งมีอรหันตเจ้าองค์หนึ่งอันเป็นอาจารย์ของมันเป็นผู้เปิดทางให้.. มันจะมาได้ตามจังหวะและโอกาสเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคุณอยู่คนเดียว..ในที่เปลี่ยว และตะวันหมดแสงไปแล้ว"

กลับมาคุยกันต่อเรื่องแผนที่การเดินทาง ในลายแทงโบราณเรียกทะเลสาบนี้ว่า 'วังนาคราช' (น.4943)
รพินทร์บอกว่า ประสาทส่วนที่หกบอกว่าให้มุ่งไป นิทรานคร
"เราเป็นฝ่ายเข้าหามัน ดีกว่าที่จะให้มันเป็นฝ่ายเข้าหาเรา ตลอดเวลามันก็เป็นฝ่ายเข้ามารังควานเราก่อนแล้ว และคงจะติดตามรังความเราตลอดไป เราต้องหาทางกำจัดมันเสียก่อน และครั้งนี้เป็นครั้งที่สองของผมที่จะต้องจัดการกับมัน ... ว่าแต่พวกคุณพร้อมที่จะผจญกับผมหรือไม่เท่านั้น ถ้าไม่ผ่าน 'ด่าน' นี้ เราค้นไม่พบซาก บี52 ลำนั้นแน่ และต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบ คอยรับมือกับพวกมันอยู่คลอดเวลา รอแต่ว่าเมื่อไหร่จะเสียทีเพลี่ยงพล้ำเท่านั้น แต่คราวนี้เราจะเป็นฝ่ายชาร์จบ้างล่ะ

รพินทร์เรียกประชุมลูกน้อง บอกแผนของพรุ่งนี้ (น.4947-4962) (ตั้งแต่อ่านมาก็ต้องยกให้ตอนนี้เลย หัวเราะจนน้ำตาไหล-จขบ.)

************

ฝ่ายดารินตั้งแต่ตอนบ่าย เดินตามเจ้าด้วนมาจนถึงน้ำตกที่หนานอินตั้งใจจะพามาแต่แรก เพียงแต่อ้อมมาคนละทาง ไม่ต้องเดินลอดถ้ำ
มันตรัยอาศัยทีเผลอ ดารินถอดสร้อยพระออกจากคอตอนอาบน้ำ ก็สะกดให้เดินออกจากแค้มป์ (ยังดีที่นุ่งผ้าเช็ดตัวไว้-จขบ.) แต่พรรคพวกก็ไปตามกลับมาได้

(เล่ม 40 : นาคเทวี 4 น.5025)
แผนการเดินทางก้าวสกัด เดาใจรพินทร์คือ มุ่งเข้าหานิทรานคร
หนานอินพูดถึงเดียรัจฉานวิชา
"..จะต่อต้านกับมันด้วยเวทมนตร์คาถาอันเป็นอัปรีย์วิชาชนิดนี้ก็ทำได้เหมือนกัน แต่จะผิดสัจจะที่หนานอินถวายไว้แล้วแก่อรหันตเจ้าผู้เป็นพระอาจารย์ทั้งหลาย แม้แต่นายรพินทร์แกก็ยังไม่ยอมใช้เวทมนตร์กาลีเหล่านี้ ทั้งที่แกก็เรียนรู้มากกว่าไอ้คำเสียอีก เพราะจะหาความเจริญเป็นราศีแก่ตนไม่ได้"
แล้วก็ให้เชษฐานั่งสมาธิทำน้ำมนต์ ดารินนั่งกำกับอยู่ข้างหลังสวดพระคาถาชินบัญชร 16 คาบ แล้วเอาน้ำมนต์ประพรมปืนและกระสุนก็เป็นอันเรียบร้อย

คะหยิ่นเปรยว่า "ก่อนที่พวกเราจะเข้าถึงนครหลับ โดยไม่ไปหลงทางหรือล่าช้าอยู่ที่ไหน นายรพินทร์คงจะต้องบุกเข้าถึงแดนผีสิงนั่นล่วงหน้าก่อนเราแล้ว เวลานี้ คืนนี้ เขาจะนอนอยู่ที่ไหนก็ตาม เขาก็คงคิดมุ่งที่จะเข้าสู่นครหลับให้ได้ เพราะเขาถูกมันเล่นงานสะบักสะบอมมาก่อนแล้ว ... คะหยิ่นไม่ใช่แงซาย คะหยิ่นตามความคิดของพรานใหญ่ไม่ทันไปหมดทุกฝีก้าวหรอก แต่คะหยิ่นก็พอจะรู้นิสัยพรานใหญ่ดีพอควร ที่คะหยิ่นแน่ใจว่าเขาจะต้องมุ่งเข้าหานครหลับเป็นจุดแรก ก็เพราะมันตรัยและบริวารของมันที่คอยติดตามรบกวนคณะของเขาอยู่ตลอดเวลาเป็นต้นเหตุ คนอย่างนายรพินทร์จะเลี่ยงต่อภัยทุกอย่างถ้าเลี่ยงได้ แต่ถ้าเลี่ยงแล้วไม่พ้น เขาจะมุ่งเข้า 'ชน' ทันที"

เชษฐาถามอนุชาว่า ถ้าให้ไปมรกตนครอีกครั้ง จะนำทางไปได้มั๊ย เพราะสังหรณ์ว่า ถ้าตามไม่พบกันที่นิทรานคร ก็น่าจะได้ไปพบกันที่มรกตนครเลย บี52 มันจะหายไปไหนถ้าไม่ใช่แดนสนธยานั่น
"..ถ้าเขาเฉลียวใจคิดว่าเครื่องมันไปตกอยู่ที่นั่น เขาก็จะต้องนำพวกนายจ้างไปให้เห็นจนได้นั่นแหละ ไม่ว่าหนทางมันจะไกล ยากลำบากแค่ไหน และไม่คำนึงด้วยว่า เมื่อพบแล้วจะกู้ระเบิดได้หรือไม่.."

ห้าทุ่ม มันตรัยส่งเสียงเรียก จิตรางคนางค์ ทั้งพี่ชายและเพื่อนได้ยินกันทุกคน แต่ดารินบอกว่าหูแว่วไปเอง
 

To be continue >> https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=vbenj&month=03-2019&date=25&group=8&gblog=67
 


Create Date : 24 มีนาคม 2562
Last Update : 4 เมษายน 2562 17:12:47 น. 0 comments
Counter : 1591 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

เจ้าการเวกเสียงหวาน
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




สิ่งไหนยากกว่ากันระหว่าง
การหาคำตอบ
กับ
การพิสูจน์ว่าคำตอบ
ที่คนอื่นหามาได้นั้นถูกต้องหรือไม่
Friends' blogs
[Add เจ้าการเวกเสียงหวาน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.